กำกับ: แพ็ค โฮมิน, ลี แจจิน
เขียนบท: คิม ซุนอก
แนวละคร: เมโลดราม่า, ครอบครัว
จำนวนตอน: 51
ออกอากาศ: เกาหลี - 5 กันยายน 2558 - 28 กุมภาพันธ์ 2559 ทางเอ็มบีซี
ไทย - ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.40-16.25 น. ทางช่อง 3 เอสดี (หมายเลข 28) เริ่มวันที่ 26 มิถุนายน 2562 (ยุติการออกอากาศตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562) / เริ่มออกอากาศใหม่ ทุกวันจันทร์-เสาร์ เวลา 02.00 น. และวันอาทิตย์ เวลา 03.00 น. ทางช่อง 3 เอชดี (หมายเลข 33) ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 - คืนวันที่ 4 มกราคม 2563
เรื่องย่อ
ละคร "ลูกสาวฉัน กึมซาวอล" (My Daughter, Geum Sa Wol) นำเสนอเรื่องราวของ "กึม ซาวอล" ซึ่งเป็นลูกสาวของ "ชิน ดึกเย" กับ "โอ มินโฮ" แต่เนื่องจากทั้งคู่ลอบมีความสัมพันธ์กัน ดึกเยจึงให้กำเนิดซาวอลอย่างลับๆ ก่อนนำไปฝากไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า หลังรู้ว่า "คัง มานฮู" ผู้เป็นสามี อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ดึกเยจึงหมายมั่นว่าจะเอาคืนอย่างสาสม
ซาวอลเติบโตในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากับเพื่อนรัก "ฮเยซัง" และ "โอวอล" ในวันที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าพังถล่ม ฮเยซังพบว่าซาวอลกำลังจะถูกพ่อแท้ๆ ซึ่งมีฐานะร่ำรวยรับไปเลี้ยงดูหลังผลการตรวจระบุชัดว่าทั้งคู่มีดีเอ็นเอตรงกัน ด้วยความที่อยากเป็นลูกคนรวยและใช้ชีวิตในสังคมไฮโซ ฮเยซังจึงขังผู้อำนวยการสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของตนไว้ในซากตึกพร้อมกับโอวอล (ซึ่งเป็นอีกคนที่รู้ความลับเรื่องนี้) หมายให้ทั้งคู่ตายไปพร้อมความจริง หลังจากนั้นก็สวมรอยเป็นลูกสาวมินโฮ ครั้นซาวอลถูกครอบครัวมินโฮรับเลี้ยงและพามาอยู่ในบ้านอีกคน ฮเยซังจึงแกล้งทำเป็นญาติดีกับซาวอลต่อหน้าพ่อแม่ แต่ลับหลังกลับข่มเหงซาวอล และสร้างเรื่องใส่ร้ายต่างๆ นานา ทั้งยังพยายามทำทุกอย่างเพื่อเก็บงำความจริง ซาวอลซึ่งไม่รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริงของตนจึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม ถึงกระนั้น เธอก็ยังสดใสร่าเริง มองโลกในแง่ดี และไม่เคยท้อแท้สิ้นหวัง
ซาวอลกับ "คัง ชานบิน" (ลูกเลี้ยงดึกเย ลูกชายมานฮู) ต่างมีใจให้กัน แต่ความรักของทั้งคู่เต็มไปด้วยอุปสรรคเพราะครอบครัวชานบินไม่เห็นด้วย แถมฮเยซังยังพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ชานบินมาอยู่ข้างกายตน แม้กระทั่งการหักหลังผู้มีพระคุณอย่างมินโฮ แต่ทว่านับวันเรื่องโกหกที่ฮเยซังสร้างขึ้นก็เริ่มใหญ่และหนักหนาขึ้นเรื่อยๆ จนยากที่จะปกปิด สุดท้ายแล้วเรื่องราวจะลงเอยอย่างไรติดตามชมได้ใน "ลูกสาวฉัน กึมซาวอล (My Daughter, Geum Sa Wol)"
เนื้อหาตอนที่ 1
"ชิน จีซาง" (ประธานบริษัทรับเหมาก่อสร้าง "โบกึม") และลูกสาว "ชิน ดึกเย" เดินทางไปชมและให้กำลังใจว่าที่ลูกเขย "โอ มินโฮ" กับลูกชายแม่บ้านที่ตนชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก "คัง มานฮู" ซึ่งผ่านเข้ารอบสุดท้ายในการแข่งขันออกแบบอาคารรัฐสภา โดยประธานชินได้บอกสองหนุ่มว่าผู้ชนะการแข่งขันจะได้ร่วมงานกับตนในโครงการก่อสร้างตำหนักชอนบี ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในยุคโชซอน (และเป็นงานใหญ่ระดับชาติที่ประธานชินอยากทำเพื่อเป็นการทิ้งทวน - เป็นการสร้างขึ้นใหม่ให้เหมือนของเดิม) ครั้นมินโฮเป็นฝ่ายชนะ ประธานชินจึงบอกว่าจะให้มินโฮกับดึกเยแต่งงานกันในวันทำพิธีวางศิลาฤกษ์ตำหนักชอนบี เขาเห็นว่าวัสดุก่อสร้างตำหนักชอนบีจะถูกส่งมาที่โกดังในไม่ช้า จึงมอบหมายให้มินโฮรับผิดชอบดูแลการจัดเก็บวัสดุในโกดัง โดยกำชับให้คอยเฝ้าระวังหัวขโมย เมื่อมานฮูได้ยินดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกอิจฉาและเจ็บใจ (เดิมทีมานฮูเป็นคนรับผิดชอบโกดังเก็บของในไซต์งานของบริษัท)
มานฮูเป็นพ่อม่ายลูกสอง ลูกสาวตัวแสบทั้งสองคนของเขาทั้งดื้อรั้น ตะกละ (ชอบขโมยอาหารที่บ้านเจ้านายมาทานจนเกลี้ยง) และมักก่อเรื่องวุ่นวายที่บ้านประธานชิน ถึงกระนั้น คุณนาย "คิม ฮเยซุน" (ภรรยาประธานชิน) ก็ไม่ถือโทษโกรธเคืองเด็กๆ แต่ตำหนิ "โซ กุกจา" (แม่มานฮู) ที่ไม่ดูแลสั่งสอนหลานๆ ให้ดี กุกจารู้สึกเหนื่อยหน่ายเอือมระอาเลยนำหลานทั้งสองไปคืนอดีตลูกสะใภ้ "ชเว มารี" ที่คลับแห่งหนึ่ง มารีกลัวว่าตนจะขายไม่ออกเพราะกำลังจะเปิดตัวในฐานะนักร้องคนใหม่ของคลับ (และอยากแต่งงานใหม่) เลยบังคับให้ลูกๆ เรียกตนว่าพี่สาว และนำลูกกลับไปคืนมานฮูที่บ้าน (มานฮูเป็นฝ่ายขอหย่าโดยบอกว่าจะเลี้ยงลูกเอง) กุกจาทั้งเหนื่อยกับการทำงานและเลี้ยงหลานตัวแสบจึงอยากให้มานฮูรับแม่เด็กๆ กลับมาอยู่ที่บ้านดังเดิม มานฮูขอให้แม่เลิกข้องแวะกับอดีตภรรยาตน โดยบอกว่าตนจะหาคนใหม่ที่ดีกว่ามาเป็นแม่ให้ลูกๆ เอง
ที่ผ่านมามานฮูมักยักยอกทรัพย์ของบริษัท โดยเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมขบวนการของตนเข้ามาขโมยของในโกดังแล้วนำไปขาย แต่หลังจากมินโฮได้รับมอบหมายให้ดูแลโกดัง เขาก็แจ้งตำรวจเรื่องที่มักมีคนลอบเข้ามาขโมยของทันที ครั้นผู้ร่วมขบวนการรายงานว่ามีตำรวจนอกเครื่องแบบมาดักจับขโมยที่โกดัง มานฮูจึงสั่งยกเลิกแผนและรีบไปที่โกดังทันที บังเอิญว่าตอนนั้นสองพ่อลูก "จู กีฮวาง" กับ "จู เซฮุน" (วัยเจ็ดขวบ) แอบมาอาศัยหลับนอนที่ไซต์งานก่อสร้างของบริษัทโบกึม เมื่อมานฮูมาเห็นเข้าจึงถือโอกาสใส่ร้ายสองพ่อลูกว่าเป็นหัวขโมย ซ้ำยังทำร้ายร่างกายเซฮุนและบอกให้ตำรวจจับกีฮวางไปขังคุก เมื่อประธานชินมาที่โรงพักเซฮุนก็ร่ำไห้ขอความเป็นธรรม โดยชี้ว่าพวกตนแค่มาหาที่ซุกหัวนอนไม่ได้มาขโมยของ และยอมรับผิดเฉพาะเรื่องที่แอบเข้ามานอนในไซต์งานของบริษัทเท่านั้น ประธานชินเชื่อเซฮุนจึงไม่เอาความสองพ่อลูก ซ้ำยังสร้างที่พักชั่วคราวให้สองพ่อลูกในบริเวณไซต์งาน ให้ทานอาหารในโรงอาหารได้สามมื้อ และให้งานกีฮวางทำ เซฮุนรู้สึกซาบซึ้งใจจึงสัญญาว่าจะช่วยเฝ้าระวังหัวขโมย
กุกจาเข้าไปในห้องคุณนายคิมแล้วแอบนำเสื้อมาลองด้วยความอิจฉา คุณนายคิมเห็นว่ากุกจาหายเข้าไปนานผิดปกติทั้งที่ตนสั่งให้คั้นน้ำส้มจึงเข้าไปตาม กุกจารีบถอดเสื้อแล้วแสร้งทำความสะอาดโต๊ะเครื่องแป้งโดยไม่รู้ว่าทำแหวนเพชรตก ดึกเยซื้ออาหารมาให้แมวจรแถวบ้าน เธอเห็นมานฮูนั่ง (ชื่นชมยอดเงินในบัญชี) อยู่ในรถเลยชวนมาให้อาหารแมวด้วยกัน ทั้งคู่จึงนึกถึงความหลังเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก มินโฮเห็นมานฮูฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวว่าที่เจ้าสาวตน (แสร้งทำเหมือนเอ็นดู) เลยเข้าไปขัดจังหวะ ครั้นมานฮูเดินกลับไปที่รถ มินโฮจึงเตือนดึกเยว่าอย่าทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับมานฮู ถึงเธอจะคิดกับเขาแค่พี่ชายแต่เขาไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของเธอ มินโฮรู้ว่าดึกเยเป็นคนจิตใจดีและไม่เคยมีใจให้มานฮู แต่พวกตนไม่รู้ว่าลึกๆ แล้วมานฮูกำลังคิดอะไรอยู่ จึงควรตัดไฟเสียแต่ต้นลม มานฮูเห็นทั้งคู่โผเข้ากอดกันก็รู้สึกเจ็บแค้น
หลังพบว่าแหวนเพชรสิบกะรัตที่ตนซื้อเป็นของขวัญวันแต่งงานให้ลูกสาวหายไป คุณนายคิมจึงสงสัยกุกจาเพราะเป็นคนเดียวที่เข้าออกห้องตน กุกจาโวยลั่นว่าตนไม่ได้เอาไปแต่คุณนายคิมยังไม่ปักใจเชื่อ ดึกเยจึงอาสาหาแหวนให้เองและขอโทษกุกจาแทนแม่ แต่กุกจารู้สึกโกรธที่โดนหยามจึงโวยว่าจะถอดเสื้อผ้าและผ่าท้องให้ดูเพื่อเป็นการยืนยันว่าตนไม่ได้เอาไป ครั้นกุกจาโวยไม่หยุดคุณนายคิมจึงบ่นด้วยความรู้สึกอ่อนใจที่กุกจาปากคอเราะร้ายและแสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อหน้าผู้มีพระคุณอย่างตน กุกจาได้ยินแล้วยิ่งเดือดเพราะรู้สึกเหมือนโดนดูถูกว่าเป็นคนชั้นต่ำ มานฮูเห็นแม่จะถอดเสื้อผ้าต่อหน้าทุกคนจึงตะคอกเสียงแข็ง คุณนายคิมไม่พอใจที่มานฮูตะโกนข้ามหัวตน เธอไม่ชอบมานฮูเป็นทุนเดิมจึงเปรยว่าพวกตนเลี้ยงลูกเสื้อลูกจระเข้แท้ๆ (เลี้ยงยังไงก็ไม่เชื่อง) และชี้ว่าสายตามานฮูมีแต่ความโลภ มานฮูขอโทษที่พวกตนไม่สำนึกในบุญคุณและเติบโตมาแบบคนชั้นต่ำ จากนั้นก็ลากแม่กลับบ้าน ปรากฏว่าคนที่ขโมยแหวนคือ "คัง ดัลแร" ลูกสาวคนโตของมานฮู เธอตั้งใจว่าจะนำแหวนไปให้แม่ โดยหวังว่าถ้าแม่มีเงินแล้วจะซื้อเสื้อผ้าให้ แต่ "คัง จิลแร" ผู้เป็นน้องสาว อยากให้แม่ซื้อของกินให้มากกว่าเลยหยิบแหวนมาอมไว้ในปากและเผลอกลืนลงท้อง
มานฮูเห็นมินโฮกับดึกเยหยอกล้อกันอย่างมีความสุขก็ทั้งโกรธและอิจฉา เขาจึงระบายโทสะด้วยการกระทืบโมเดลอาคาร เมื่อประธานชินมาเห็นเข้าก็ไม่พอใจที่มานฮูยังไม่ยอมตัดใจทั้งที่ตนเคยเตือนหลายครั้ง เขาเคยคิดที่จะตัดสัมพันธ์กับมานฮูหลังรู้ว่ามานฮูหลงรักลูกสาวตน หากมานฮูไม่แต่งงานกับแม่ดัลแรเสียก่อนคงถูกตนตัดหางปล่อยวัดนานแล้ว เขาชี้ว่ามานฮูเป็นเหมือนลูกชายตนแต่ไม่อาจเป็นลูกเขยตนได้ มานฮูตัดพ้อว่าหากตนเป็นเหมือนลูกทำไมถึงถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมโครงการก่อสร้างตำหนักชอนบี ประธานชินชี้ว่ามานฮูแพ้การแข่งขัน แต่มานฮูแย้งว่าประธานชินตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก เพื่อให้ประธานชินยอมรับตนสู้อุตส่าห์ก้มหน้าก้มตาทำงานงกๆ และวิ่งวุ่นทำตามคำสั่งทุกอย่าง สุดท้ายแล้วทำไมถึงเป็นมินโฮแทนที่จะเป็นตน แถมตนยังเป็นคนออกแบบงานทั้งหมดที่ทำเงินให้บริษัท ประธานชินแย้งว่าตนไม่คิดทำเงินจากตำหนักชอนบีเพราะตำหนักชอนบีเป็นสมบัติของชาติ แม้มานฮูจะเป็นสถาปนิกที่มีความสามารถแต่เขายังมือไม่ถึงจึงไม่คู่ควรกับตำหนักชอนบี มานฮูได้ยินดังนั้นจึงขอโทษที่ล้ำเส้น ประธานชินเตือนว่าอีกหนึ่งอาทิตย์มินโฮกับดึกเยจะแต่งงานกัน มานฮูจึงควรทำตัวให้เหมือนพี่ชายแท้ๆ อย่าแสดงอาการผิดหวังเสียใจ และคอยดูแลดูพวกเขาให้ดี ทั้งหมดที่ตนต้องการมีเพียงเท่านี้
จิลแรถูกครูนำตัวส่งโรงพยาบาลและขับถ่ายแหวนเพชรออกมา หลังได้แหวนคืนดึกเยจึงบอกให้กุกจากลับไปทำงานที่บ้านตนโดยบอกว่าแม่ตนกำลังรออยู่ หลังกุกจาออกไปแล้วดึกเยจึงชวนดัลแรกับจิลแรจัดเก็บข้าวของในบ้านให้เรียบร้อย เมื่อมานฮูกลับมาเห็นเข้าก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ ดึกเยเห็นว่ามานฮูกลับมาแล้วจึงขอตัวกลับ เธอนึกขึ้นได้ว่าเพิ่งซื้อรองเท้าหนังคู่ใหม่มาฝากมานฮู จึงบอกให้เขาสวมรองเท้าคู่ดังกล่าวไปร่วมงานแต่งงานของเธอ มานฮูเห็นว่ารองเท้าของดึกเยมีฝุ่นเกาะเลยใช้ชายเสื้อสูทสีขาวของตนเช็ดรองเท้าให้ดึกเย
กุกจาบ่นอุบหลังคุณนายคิมสั่งให้จัดเตรียมอาหารเพิ่ม โดยให้แยกทำอาหารสำหรับบวงสรวง (ในพิธิวางศิลาฤกษ์ตำหนักชอนบี) ต่างหาก ก่อนออกไปรับหัวหมูเธอไม่วายบ่นตามประสาว่าการที่มีหัวหมูในงานแต่งงานไม่ค่อยเป็นมงคลนัก คุณนายคิมกล่าวว่าพวกตนไม่มีทางเลือกเพราะงานแต่งงานของดึกเยจัดขึ้นที่ไซต์ก่อสร้างตำหนักชอนบี ถึงกระนั้นกุกจาก็ยังรู้สึกแปลกๆ และคิดว่าไม่เหมาะสมที่มีการเซ่นไหว้บรรพชนผู้ล่วงลับในงานแต่งงาน (ทั้งสองงานจัดขึ้นพร้อมกัน ในสถานที่เดียวกัน) หลังคุณนายคิมเตือนให้ระวังคำพูด กุกจาจึงตัดบทด้วยการขอตัวไปเอาหัวหมู คุณนายคิมเลยสั่งให้นำอาหารไปให้ "บกชิล" (สุนัข) ก่อน ครั้นกุกจาไปที่บ้านสุนัขก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าบกชิลตายแล้ว (หลานสาวตัวแสบทั้งสองของกุกจามักแอบนำช็อคโกแลตไปให้บกชิล คุณนายคิมเตือนหลายครั้งแล้วว่าทำเช่นนั้นบกชิลอาจตายได้แต่ทั้งคู่ไม่เชื่อฟัง)
ประธานชินนำพิมพ์เขียวของตำหนักชอนบีที่หลงเหลือเพียงชิ้นเดียวในโลกมาให้มินโฮดู โดยบอกว่าหากตนกับมินโฮจำได้แล้ว ตนจะทำลายพิมพ์เขียวทิ้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต และบอกว่ามินโฮเป็นคนเดียวคนที่ตนไว้ใจ ครั้นเห็นมานฮูเดินเข้ามาในห้อง ประธานชินเลยรีบนำพิมพ์เขียวไปใส่ไว้ในตู้เซฟ มานฮูเห็นดังนั้นก็รู้สึกสงสัยว่าทั้งคู่ซ่อนความลับอะไรไว้ เขารายงานประธานชินว่าบริษัทฯ เพิ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนค่าวัสดุก่อสร้างตำหนักชอนบี และสงสัยว่าทำไมค่าวัสดุถึงสูงกว่าค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโดยเฉลี่ยของทั้งโครงการ ครั้นประธานชินไม่ยอมบอก มานฮูจึงสงสัยหนักว่าวัสดุก่อสร้างที่เป็นความลับและราคาแพงลิบลิ่วคืออะไรกันแน่ หลังแอบตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในห้องประธานชิน มานฮูจึงติดต่อขอเช่ารถหัวลากขนาด 15 ตัน โดยบอกว่าตนจะขับเอง
มินโฮขับรถนำรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ (ขนวัสดุก่อสร้างตำหนักชอนบี) เข้ามาในโกดังและไซต์งานของบริษัทด้วยตนเอง มานฮูเห็นว่างานนี้ประธานชินเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยมากเป็นพิเศษ ถึงขนาดสั่งให้ตนนำช่างมาติดตั้งกล้องวงจรปิดและลงทุนจ้างทีมรปภ.มาเฝ้ายาม จึงถามมินโฮว่าวัสดุก่อสร้างคืออะไรกันแน่ มินโฮบอกเพียงว่าพรุ่งนี้ก็จะรู้เอง ขอเพียงแค่ผ่านคืนนี้ไปได้โดยไม่มีปัญหา มานฮูแนะให้ปล่อยเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของรปภ. ส่วนมินโฮควรกลับไปเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวในวันพรุ่งนี้ มานฮูชวนทีมรปภ.ดื่มโซจูขณะทานอาหารมื้อค่ำแต่มินโฮห้ามเอาไว้ เขาเลยรินน้ำเย็นให้ทุกคนดื่มแทน พอสบโอกาสเขาก็แอบออกไปรับรถหัวลากในที่ลับตาคน
กลางดึกคืนนั้นเซฮุนได้ยินเสียงรถบรรทุกวิ่งเข้ามาในไซต์งานจึงเปิดหน้าต่างออกดู มานฮูขับรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาจอดเทียบตู้คอนเทนเนอร์ใส่วัสดุก่อสร้างที่ประธานชินและมินโฮหวงแหนนักหนา ครั้นแอบเปิดดูแล้วพบว่าภายในเต็มไปด้วยไม้สนล้ำค่าเขาก็ยิ้มอย่างพึงพอใจและเตรียมนำรถหัวลากมาลากตู้ดังกล่าวออกไป เซฮุนเห็นดังนั้นจึงวิ่งออกไปดูพลางสาดไฟฉายไปที่มานฮู มานฮูรีบเอามือบังหน้าแล้วขับรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์หนีไป พอสาดไฟฉายดูโดยรอบแล้วพบรปภ.สองนายนั่งหมดสติอยู่บนพื้น เซฮุนถึงได้รู้ว่าตู้คอนเทนเนอร์ถูกขโมย หลังพบวาคนร้ายทำพู่ประดับรองเท้าหนังหล่นไว้ในที่เกิดเหตุเขาจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน แม้เห็นหน้าคนร้ายไม่ชัดแต่เซฮุนเห็นเต็มตาว่าคนขับรถบรรทุกสวมนาฬิกาข้อมือสีทองแบบเดียวกับมานฮู
ณ พิธิวางศิลาฤกษ์และงานแต่งงานของดึกเย มินโฮซึ่งสวมชุดเจ้าบ่าวขับรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาในบริเวณงาน (ไซต์ก่อสร้างตำหนักชอนบี) ด้วยตนเอง มานฮูเห็นดังนั้นจึงรีบไปบอกประธานชินว่า 'ไม้สน' มาถึงแล้ว ประธานชินชักเริ่มสงสัยว่ามานฮูรู้ได้อย่างไร ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงวางใจเพราะได้มินโฮช่วยดูแลไม้สนอายุ 120 ปี ครั้นเปิดตู้คอนเทนเนอร์ต่อหน้านักข่าวและแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแล้วพบว่าภายในมีเพียงเศษไม้ไร้ค่า มานฮูก็แกล้งคาดคั้นมินโฮว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มินโฮแทบไม่เชื่อสายตาเพราะเขาเป็นคนตรวจสอบไม้ในตู้ด้วยตนเอง ขณะที่ประธานชินเห็นแล้วถึงกับช็อคและล้มลงไปนอนแน่นิ่ง
เซฮุนเห็นตำรวจเข้ามาตรวจสอบไซต์งานจึงคิดที่จะไปแจ้งเบาะแสเพราะเขารู้ว่าคนร้ายเป็นใคร แต่พ่อของเขาห้ามเอาไว้เพราะรู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่การลักทรัพย์ธรรมดา ขืนเข้าไปยุ่งพวกตนอาจไม่ปลอดภัย หลังตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วพบว่าเมื่อคืนกล้องไม่ได้บันทึกภาพใดๆ เลย ดึกเยจึงถามเจ้าหน้าที่บริษัทรักษาความปลอดภัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ครั้นเจ้าหน้าที่ตอบว่าอยู่ๆ กล้องก็หยุดบันทึกภาพ มานฮูจึงคว้าคอเสื้อชายคนดังกล่าวพลางโวยลั่นว่าเขาทำรถบรรทุกไม้สนเต็มคันหายไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร ชายคนดังกล่าวสงสัยว่าในตู้คอนเทนเนอร์อาจไม่มีไม้สนตั้งแต่ต้น แต่มินโฮยืนยันหนักแน่นว่าตนเห็นเต็มสองตา ในตู้อัดแน่นไปด้วยไม้สนอายุ 120 ปี ดึกเยสงสัยว่าบางทีอาจเกิดเรื่องผิดพลาดที่ต้นทาง (จังหวัดคังวอน) แต่มินโฮมั่นใจว่าไม้สนหายที่นี่จึงรีบไปสืบหาความจริง
กุกจาเห็นคุณนายคิมร่ำไห้ข้างเตียงไม่หยุดหลังประธานชินยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว จึงกล่าวว่าคงเป็นเรื่องแปลกหากประธานชินไม่สะทกสะท้านหลังหมดเนื้อหมดตัว แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่โดนทำร้ายร่างกายหรือได้รับบาดเจ็บ ตนรู้สึกสังหรณ์ใจตั้งแต่ตอนออกไปซื้อหัวหมูแล้ว สุดท้ายก็เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นจนได้ แถมบกชิลยังมาตายเพราะกินช็อกโกแลตอีก (กุกจารีบเอามือปิดปากตัวเอง หลังหลุดปากบอกเรื่องหมาตาย) ครั้นคุณนายคิมได้ยินข่าวร้ายว่าสุนัขตัวโปรดตายเธอก็รับไม่ไหวและช็อคไปอีกคน
เหล่านักลงทุนบุกมาอาละวาดที่ห้องทำงานประธานชิน ครั้นพบว่าประธานชินไม่อยู่พวกเขาจึงพากันทำลายและขว้างปาข้าวในห้องของด้วยความโกรธแค้น ดึกเยพยายามห้ามปรามแต่ไม่เป็นผล ชายคนหนึ่งจะปาโล่รางวัลใส่ดึกเย แต่มานฮูเห็นเข้าเสียก่อนจึงรีบเข้ามาขวางทำให้โดนโล่รางวัลกระแทกหน้าผากจนเลือดออก ดึกเยเห็นมานฮูล้มทรุดจึงรีบเข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วง มานฮูไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตน เขาสำรวจร่างกายดึกเยและถามว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม เหล่านักลงทุนเห็นว่าเหตุการณ์ชักบานปลายถึงขั้นเลือดตกยางออกจึงได้สติและหยุดทำลายข้าวของ มานฮูชี้ว่าโบกึมก่อสร้างมั่นคงกว่าที่ทุกคิดจึงไม่มีทางล้มง่ายๆ แถมประธานชินยังเป็นสุดยอดสถาปนิกของเกาหลี เหล่านักลงทุนได้ยินดังนั้นจึงถอยทัพกลับไปแต่โดยดี
มินโฮถูกกล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์ของบริษัทและถูกตำรวจนำตัวไปสอบสวน เขายืนยันหนักแน่นว่าตนไม่เคยทำผิดและยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจแต่อยากขอเวลาสักครู่ เขาจะพูดอะไรบางอย่างกับดึกเยแต่พอเห็นมานฮูเดินเข้ามาเขาก็พูดไม่ออก ทั้งยังสงสัยว่ามานฮูอยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด ขณะถูกคุมตัวไปโรงพัก มินโฮขอให้ดึกเยเชื่อตนเพียงคนเดียวและยืนยันว่าตนถูกใส่ร้าย ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งบอกดึกเยว่าพวกตนไม่ไว้วางใจประธานชินอีกต่อไป หากการไต่สวนมินโฮเสร็จสิ้นลง พวกตนจะจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อลงมติถอดถอนประธานชินและสรรหาประธานคนใหม่ ครั้นได้ยินว่าเหล่าผู้ถือหุ้นหารือเรื่องนี้กับมินโฮแล้ว ดึกเยจึงเริ่มรู้สึกสับสน เธอบอกมานฮูว่าตนจะไปจังหวัดคังวอนเพื่อสืบหาความจริงด้วยตัวเอง เพราะไม่อาจเชื่อใครได้อีก (ที่แท้มานฮูสมคบคิดกับเหล่าผู้ถือหุ้นใส่ร้ายมินโฮ) แต่ยิ่งสืบทุกอย่างกลับพุ่งเป้าไปที่มินโฮ เพราะเธอได้รับคำยืนยันจากคนงานที่โรงไม้ว่ามินโฮขนไม้สนใส่ลงในรถบรรทุกขนาด 15 ตัน โดยวันนั้นมีชายแปลกหน้าสองสามคนมากับมินโฮด้วย และดูเหมือนว่าพวกเขากำลังหารถหัวลาก
เซฮุนมาหาประธานชินที่บ้านหมายบอกว่าใครคือขโมยตัวจริง กุกจาเห็นเด็กชายตัวน้อยยืนด้อมๆ มองๆ ที่หน้าบ้านจึงถามว่าเขาเป็นใคร เซฮุนถามกลับว่าที่นี่คือบ้านประธานชินใช่ไหม กุกจากล่าวว่าประธานชินไม่อยู่และถามว่าเขามาหาประธานชินทำไม เซฮุนกล่าวว่าไม่มีอะไรและเดินจากไปทันที ครั้นกุกจาเข้าไปในบ้านแล้วเซฮุนจึงนำกระดาษพร้อมหลักฐานไปเสียบคาไว้ที่ช่องรับจดหมาย
ดึกเยขับรถกลับบ้านท่ามกลางสายฝนในยามค่ำคืน เธอไม่อยากเชื่อว่ามินโฮจะหักหลังพวกตนจึงร่ำไห้และครุ่นคิดเรื่องนี้ตลอดทาง ในที่สุดเธอก็ขับรถเสียหลักทำให้พลัดตกเขาและพุ่งลงไปในทะเล มานฮูขับรถตามมาเห็นเข้าพอดีจึงรีบลงไปช่วยนำตัวเธอออกจากรถ แต่นั่นก็ทำให้เขาจมลงไปในน้ำพร้อมรถก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ดึกเยเห็นสภาพมานฮูแล้วรู้สึกสงสารเห็นใจ ทั้งยังรู้สึกผิด มานฮูฟื้นมาเห็นดึกเยนั่งร้องไห้ข้างเตียงจึงอาสารับผิดและเข้าคุกแทนมินโฮ เขากล่าวว่าตอนที่ตนกำลังจะหมดสติหลังจมน้ำ ตนบอกตัวเองว่ายังตายไม่ได้เพราะต้องตอบแทนบุญคุณประธานชินที่ชุบเลี้ยงตนเหมือนลูกสักครั้งก่อนตาย สำหรับตนแล้วประธานชินก็คือพ่อ การช่วยคนอย่างประธานชินซึ่งมีปณิธานในการสร้างตำหนักชอนบีขึ้นมาใหม่ (ให้เหมือนของเดิม) คือความฝันของตน มินโฮจะต้องสานต่อภารกิจดังกล่าวของประธานชินได้แน่ คนเดียวที่สามารถรื้อฟื้นโครงการก่อสร้างตำหนักชอนบีขึ้นมาอีกครั้งคือ...มินโฮ ถ้านี่เป็นทางเดียวที่ตนจะตอบแทนบุญคุณประธานชินได้ต่อให้ต้องติดคุกตนก็ไม่กลัว ดึกเยได้ยินดังนั้นจึงสวมกอดมานฮูด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ
หลังถูกปล่อยตัวจากโรงพัก มินโฮก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงไม้ในจังหวัดคังวอน แต่ยังไม่ทันลงจากรถเขาก็คนร้ายโปะยาสลบเสียก่อน หนึ่งปีต่อมา... มานฮูย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหรูหลังแต่งงานกับดึกเย ขณะนั่งอ่านหนังสือพิมพ์มานฮูเห็นข่าวมินโฮเข้ามอบตัวจึงรู้สึกตกใจ ครั้นดึกเยยกจานผลไม้มาให้ทานเขาเลยรีบขยำหนังสือพิมพ์เพื่อไม่ให้ดึกเยเห็น
มานฮูเป็นพ่อม่ายลูกสอง ลูกสาวตัวแสบทั้งสองคนของเขาทั้งดื้อรั้น ตะกละ (ชอบขโมยอาหารที่บ้านเจ้านายมาทานจนเกลี้ยง) และมักก่อเรื่องวุ่นวายที่บ้านประธานชิน ถึงกระนั้น คุณนาย "คิม ฮเยซุน" (ภรรยาประธานชิน) ก็ไม่ถือโทษโกรธเคืองเด็กๆ แต่ตำหนิ "โซ กุกจา" (แม่มานฮู) ที่ไม่ดูแลสั่งสอนหลานๆ ให้ดี กุกจารู้สึกเหนื่อยหน่ายเอือมระอาเลยนำหลานทั้งสองไปคืนอดีตลูกสะใภ้ "ชเว มารี" ที่คลับแห่งหนึ่ง มารีกลัวว่าตนจะขายไม่ออกเพราะกำลังจะเปิดตัวในฐานะนักร้องคนใหม่ของคลับ (และอยากแต่งงานใหม่) เลยบังคับให้ลูกๆ เรียกตนว่าพี่สาว และนำลูกกลับไปคืนมานฮูที่บ้าน (มานฮูเป็นฝ่ายขอหย่าโดยบอกว่าจะเลี้ยงลูกเอง) กุกจาทั้งเหนื่อยกับการทำงานและเลี้ยงหลานตัวแสบจึงอยากให้มานฮูรับแม่เด็กๆ กลับมาอยู่ที่บ้านดังเดิม มานฮูขอให้แม่เลิกข้องแวะกับอดีตภรรยาตน โดยบอกว่าตนจะหาคนใหม่ที่ดีกว่ามาเป็นแม่ให้ลูกๆ เอง
ที่ผ่านมามานฮูมักยักยอกทรัพย์ของบริษัท โดยเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมขบวนการของตนเข้ามาขโมยของในโกดังแล้วนำไปขาย แต่หลังจากมินโฮได้รับมอบหมายให้ดูแลโกดัง เขาก็แจ้งตำรวจเรื่องที่มักมีคนลอบเข้ามาขโมยของทันที ครั้นผู้ร่วมขบวนการรายงานว่ามีตำรวจนอกเครื่องแบบมาดักจับขโมยที่โกดัง มานฮูจึงสั่งยกเลิกแผนและรีบไปที่โกดังทันที บังเอิญว่าตอนนั้นสองพ่อลูก "จู กีฮวาง" กับ "จู เซฮุน" (วัยเจ็ดขวบ) แอบมาอาศัยหลับนอนที่ไซต์งานก่อสร้างของบริษัทโบกึม เมื่อมานฮูมาเห็นเข้าจึงถือโอกาสใส่ร้ายสองพ่อลูกว่าเป็นหัวขโมย ซ้ำยังทำร้ายร่างกายเซฮุนและบอกให้ตำรวจจับกีฮวางไปขังคุก เมื่อประธานชินมาที่โรงพักเซฮุนก็ร่ำไห้ขอความเป็นธรรม โดยชี้ว่าพวกตนแค่มาหาที่ซุกหัวนอนไม่ได้มาขโมยของ และยอมรับผิดเฉพาะเรื่องที่แอบเข้ามานอนในไซต์งานของบริษัทเท่านั้น ประธานชินเชื่อเซฮุนจึงไม่เอาความสองพ่อลูก ซ้ำยังสร้างที่พักชั่วคราวให้สองพ่อลูกในบริเวณไซต์งาน ให้ทานอาหารในโรงอาหารได้สามมื้อ และให้งานกีฮวางทำ เซฮุนรู้สึกซาบซึ้งใจจึงสัญญาว่าจะช่วยเฝ้าระวังหัวขโมย
กุกจาเข้าไปในห้องคุณนายคิมแล้วแอบนำเสื้อมาลองด้วยความอิจฉา คุณนายคิมเห็นว่ากุกจาหายเข้าไปนานผิดปกติทั้งที่ตนสั่งให้คั้นน้ำส้มจึงเข้าไปตาม กุกจารีบถอดเสื้อแล้วแสร้งทำความสะอาดโต๊ะเครื่องแป้งโดยไม่รู้ว่าทำแหวนเพชรตก ดึกเยซื้ออาหารมาให้แมวจรแถวบ้าน เธอเห็นมานฮูนั่ง (ชื่นชมยอดเงินในบัญชี) อยู่ในรถเลยชวนมาให้อาหารแมวด้วยกัน ทั้งคู่จึงนึกถึงความหลังเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก มินโฮเห็นมานฮูฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวว่าที่เจ้าสาวตน (แสร้งทำเหมือนเอ็นดู) เลยเข้าไปขัดจังหวะ ครั้นมานฮูเดินกลับไปที่รถ มินโฮจึงเตือนดึกเยว่าอย่าทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับมานฮู ถึงเธอจะคิดกับเขาแค่พี่ชายแต่เขาไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของเธอ มินโฮรู้ว่าดึกเยเป็นคนจิตใจดีและไม่เคยมีใจให้มานฮู แต่พวกตนไม่รู้ว่าลึกๆ แล้วมานฮูกำลังคิดอะไรอยู่ จึงควรตัดไฟเสียแต่ต้นลม มานฮูเห็นทั้งคู่โผเข้ากอดกันก็รู้สึกเจ็บแค้น
หลังพบว่าแหวนเพชรสิบกะรัตที่ตนซื้อเป็นของขวัญวันแต่งงานให้ลูกสาวหายไป คุณนายคิมจึงสงสัยกุกจาเพราะเป็นคนเดียวที่เข้าออกห้องตน กุกจาโวยลั่นว่าตนไม่ได้เอาไปแต่คุณนายคิมยังไม่ปักใจเชื่อ ดึกเยจึงอาสาหาแหวนให้เองและขอโทษกุกจาแทนแม่ แต่กุกจารู้สึกโกรธที่โดนหยามจึงโวยว่าจะถอดเสื้อผ้าและผ่าท้องให้ดูเพื่อเป็นการยืนยันว่าตนไม่ได้เอาไป ครั้นกุกจาโวยไม่หยุดคุณนายคิมจึงบ่นด้วยความรู้สึกอ่อนใจที่กุกจาปากคอเราะร้ายและแสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อหน้าผู้มีพระคุณอย่างตน กุกจาได้ยินแล้วยิ่งเดือดเพราะรู้สึกเหมือนโดนดูถูกว่าเป็นคนชั้นต่ำ มานฮูเห็นแม่จะถอดเสื้อผ้าต่อหน้าทุกคนจึงตะคอกเสียงแข็ง คุณนายคิมไม่พอใจที่มานฮูตะโกนข้ามหัวตน เธอไม่ชอบมานฮูเป็นทุนเดิมจึงเปรยว่าพวกตนเลี้ยงลูกเสื้อลูกจระเข้แท้ๆ (เลี้ยงยังไงก็ไม่เชื่อง) และชี้ว่าสายตามานฮูมีแต่ความโลภ มานฮูขอโทษที่พวกตนไม่สำนึกในบุญคุณและเติบโตมาแบบคนชั้นต่ำ จากนั้นก็ลากแม่กลับบ้าน ปรากฏว่าคนที่ขโมยแหวนคือ "คัง ดัลแร" ลูกสาวคนโตของมานฮู เธอตั้งใจว่าจะนำแหวนไปให้แม่ โดยหวังว่าถ้าแม่มีเงินแล้วจะซื้อเสื้อผ้าให้ แต่ "คัง จิลแร" ผู้เป็นน้องสาว อยากให้แม่ซื้อของกินให้มากกว่าเลยหยิบแหวนมาอมไว้ในปากและเผลอกลืนลงท้อง
มานฮูเห็นมินโฮกับดึกเยหยอกล้อกันอย่างมีความสุขก็ทั้งโกรธและอิจฉา เขาจึงระบายโทสะด้วยการกระทืบโมเดลอาคาร เมื่อประธานชินมาเห็นเข้าก็ไม่พอใจที่มานฮูยังไม่ยอมตัดใจทั้งที่ตนเคยเตือนหลายครั้ง เขาเคยคิดที่จะตัดสัมพันธ์กับมานฮูหลังรู้ว่ามานฮูหลงรักลูกสาวตน หากมานฮูไม่แต่งงานกับแม่ดัลแรเสียก่อนคงถูกตนตัดหางปล่อยวัดนานแล้ว เขาชี้ว่ามานฮูเป็นเหมือนลูกชายตนแต่ไม่อาจเป็นลูกเขยตนได้ มานฮูตัดพ้อว่าหากตนเป็นเหมือนลูกทำไมถึงถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมโครงการก่อสร้างตำหนักชอนบี ประธานชินชี้ว่ามานฮูแพ้การแข่งขัน แต่มานฮูแย้งว่าประธานชินตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก เพื่อให้ประธานชินยอมรับตนสู้อุตส่าห์ก้มหน้าก้มตาทำงานงกๆ และวิ่งวุ่นทำตามคำสั่งทุกอย่าง สุดท้ายแล้วทำไมถึงเป็นมินโฮแทนที่จะเป็นตน แถมตนยังเป็นคนออกแบบงานทั้งหมดที่ทำเงินให้บริษัท ประธานชินแย้งว่าตนไม่คิดทำเงินจากตำหนักชอนบีเพราะตำหนักชอนบีเป็นสมบัติของชาติ แม้มานฮูจะเป็นสถาปนิกที่มีความสามารถแต่เขายังมือไม่ถึงจึงไม่คู่ควรกับตำหนักชอนบี มานฮูได้ยินดังนั้นจึงขอโทษที่ล้ำเส้น ประธานชินเตือนว่าอีกหนึ่งอาทิตย์มินโฮกับดึกเยจะแต่งงานกัน มานฮูจึงควรทำตัวให้เหมือนพี่ชายแท้ๆ อย่าแสดงอาการผิดหวังเสียใจ และคอยดูแลดูพวกเขาให้ดี ทั้งหมดที่ตนต้องการมีเพียงเท่านี้
จิลแรถูกครูนำตัวส่งโรงพยาบาลและขับถ่ายแหวนเพชรออกมา หลังได้แหวนคืนดึกเยจึงบอกให้กุกจากลับไปทำงานที่บ้านตนโดยบอกว่าแม่ตนกำลังรออยู่ หลังกุกจาออกไปแล้วดึกเยจึงชวนดัลแรกับจิลแรจัดเก็บข้าวของในบ้านให้เรียบร้อย เมื่อมานฮูกลับมาเห็นเข้าก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ ดึกเยเห็นว่ามานฮูกลับมาแล้วจึงขอตัวกลับ เธอนึกขึ้นได้ว่าเพิ่งซื้อรองเท้าหนังคู่ใหม่มาฝากมานฮู จึงบอกให้เขาสวมรองเท้าคู่ดังกล่าวไปร่วมงานแต่งงานของเธอ มานฮูเห็นว่ารองเท้าของดึกเยมีฝุ่นเกาะเลยใช้ชายเสื้อสูทสีขาวของตนเช็ดรองเท้าให้ดึกเย
กุกจาบ่นอุบหลังคุณนายคิมสั่งให้จัดเตรียมอาหารเพิ่ม โดยให้แยกทำอาหารสำหรับบวงสรวง (ในพิธิวางศิลาฤกษ์ตำหนักชอนบี) ต่างหาก ก่อนออกไปรับหัวหมูเธอไม่วายบ่นตามประสาว่าการที่มีหัวหมูในงานแต่งงานไม่ค่อยเป็นมงคลนัก คุณนายคิมกล่าวว่าพวกตนไม่มีทางเลือกเพราะงานแต่งงานของดึกเยจัดขึ้นที่ไซต์ก่อสร้างตำหนักชอนบี ถึงกระนั้นกุกจาก็ยังรู้สึกแปลกๆ และคิดว่าไม่เหมาะสมที่มีการเซ่นไหว้บรรพชนผู้ล่วงลับในงานแต่งงาน (ทั้งสองงานจัดขึ้นพร้อมกัน ในสถานที่เดียวกัน) หลังคุณนายคิมเตือนให้ระวังคำพูด กุกจาจึงตัดบทด้วยการขอตัวไปเอาหัวหมู คุณนายคิมเลยสั่งให้นำอาหารไปให้ "บกชิล" (สุนัข) ก่อน ครั้นกุกจาไปที่บ้านสุนัขก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าบกชิลตายแล้ว (หลานสาวตัวแสบทั้งสองของกุกจามักแอบนำช็อคโกแลตไปให้บกชิล คุณนายคิมเตือนหลายครั้งแล้วว่าทำเช่นนั้นบกชิลอาจตายได้แต่ทั้งคู่ไม่เชื่อฟัง)
มินโฮขับรถนำรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ (ขนวัสดุก่อสร้างตำหนักชอนบี) เข้ามาในโกดังและไซต์งานของบริษัทด้วยตนเอง มานฮูเห็นว่างานนี้ประธานชินเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยมากเป็นพิเศษ ถึงขนาดสั่งให้ตนนำช่างมาติดตั้งกล้องวงจรปิดและลงทุนจ้างทีมรปภ.มาเฝ้ายาม จึงถามมินโฮว่าวัสดุก่อสร้างคืออะไรกันแน่ มินโฮบอกเพียงว่าพรุ่งนี้ก็จะรู้เอง ขอเพียงแค่ผ่านคืนนี้ไปได้โดยไม่มีปัญหา มานฮูแนะให้ปล่อยเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของรปภ. ส่วนมินโฮควรกลับไปเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวในวันพรุ่งนี้ มานฮูชวนทีมรปภ.ดื่มโซจูขณะทานอาหารมื้อค่ำแต่มินโฮห้ามเอาไว้ เขาเลยรินน้ำเย็นให้ทุกคนดื่มแทน พอสบโอกาสเขาก็แอบออกไปรับรถหัวลากในที่ลับตาคน
กลางดึกคืนนั้นเซฮุนได้ยินเสียงรถบรรทุกวิ่งเข้ามาในไซต์งานจึงเปิดหน้าต่างออกดู มานฮูขับรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาจอดเทียบตู้คอนเทนเนอร์ใส่วัสดุก่อสร้างที่ประธานชินและมินโฮหวงแหนนักหนา ครั้นแอบเปิดดูแล้วพบว่าภายในเต็มไปด้วยไม้สนล้ำค่าเขาก็ยิ้มอย่างพึงพอใจและเตรียมนำรถหัวลากมาลากตู้ดังกล่าวออกไป เซฮุนเห็นดังนั้นจึงวิ่งออกไปดูพลางสาดไฟฉายไปที่มานฮู มานฮูรีบเอามือบังหน้าแล้วขับรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์หนีไป พอสาดไฟฉายดูโดยรอบแล้วพบรปภ.สองนายนั่งหมดสติอยู่บนพื้น เซฮุนถึงได้รู้ว่าตู้คอนเทนเนอร์ถูกขโมย หลังพบวาคนร้ายทำพู่ประดับรองเท้าหนังหล่นไว้ในที่เกิดเหตุเขาจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน แม้เห็นหน้าคนร้ายไม่ชัดแต่เซฮุนเห็นเต็มตาว่าคนขับรถบรรทุกสวมนาฬิกาข้อมือสีทองแบบเดียวกับมานฮู
ณ พิธิวางศิลาฤกษ์และงานแต่งงานของดึกเย มินโฮซึ่งสวมชุดเจ้าบ่าวขับรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาในบริเวณงาน (ไซต์ก่อสร้างตำหนักชอนบี) ด้วยตนเอง มานฮูเห็นดังนั้นจึงรีบไปบอกประธานชินว่า 'ไม้สน' มาถึงแล้ว ประธานชินชักเริ่มสงสัยว่ามานฮูรู้ได้อย่างไร ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงวางใจเพราะได้มินโฮช่วยดูแลไม้สนอายุ 120 ปี ครั้นเปิดตู้คอนเทนเนอร์ต่อหน้านักข่าวและแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแล้วพบว่าภายในมีเพียงเศษไม้ไร้ค่า มานฮูก็แกล้งคาดคั้นมินโฮว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มินโฮแทบไม่เชื่อสายตาเพราะเขาเป็นคนตรวจสอบไม้ในตู้ด้วยตนเอง ขณะที่ประธานชินเห็นแล้วถึงกับช็อคและล้มลงไปนอนแน่นิ่ง
เซฮุนเห็นตำรวจเข้ามาตรวจสอบไซต์งานจึงคิดที่จะไปแจ้งเบาะแสเพราะเขารู้ว่าคนร้ายเป็นใคร แต่พ่อของเขาห้ามเอาไว้เพราะรู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่การลักทรัพย์ธรรมดา ขืนเข้าไปยุ่งพวกตนอาจไม่ปลอดภัย หลังตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วพบว่าเมื่อคืนกล้องไม่ได้บันทึกภาพใดๆ เลย ดึกเยจึงถามเจ้าหน้าที่บริษัทรักษาความปลอดภัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ครั้นเจ้าหน้าที่ตอบว่าอยู่ๆ กล้องก็หยุดบันทึกภาพ มานฮูจึงคว้าคอเสื้อชายคนดังกล่าวพลางโวยลั่นว่าเขาทำรถบรรทุกไม้สนเต็มคันหายไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร ชายคนดังกล่าวสงสัยว่าในตู้คอนเทนเนอร์อาจไม่มีไม้สนตั้งแต่ต้น แต่มินโฮยืนยันหนักแน่นว่าตนเห็นเต็มสองตา ในตู้อัดแน่นไปด้วยไม้สนอายุ 120 ปี ดึกเยสงสัยว่าบางทีอาจเกิดเรื่องผิดพลาดที่ต้นทาง (จังหวัดคังวอน) แต่มินโฮมั่นใจว่าไม้สนหายที่นี่จึงรีบไปสืบหาความจริง
กุกจาเห็นคุณนายคิมร่ำไห้ข้างเตียงไม่หยุดหลังประธานชินยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว จึงกล่าวว่าคงเป็นเรื่องแปลกหากประธานชินไม่สะทกสะท้านหลังหมดเนื้อหมดตัว แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่โดนทำร้ายร่างกายหรือได้รับบาดเจ็บ ตนรู้สึกสังหรณ์ใจตั้งแต่ตอนออกไปซื้อหัวหมูแล้ว สุดท้ายก็เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นจนได้ แถมบกชิลยังมาตายเพราะกินช็อกโกแลตอีก (กุกจารีบเอามือปิดปากตัวเอง หลังหลุดปากบอกเรื่องหมาตาย) ครั้นคุณนายคิมได้ยินข่าวร้ายว่าสุนัขตัวโปรดตายเธอก็รับไม่ไหวและช็อคไปอีกคน
เหล่านักลงทุนบุกมาอาละวาดที่ห้องทำงานประธานชิน ครั้นพบว่าประธานชินไม่อยู่พวกเขาจึงพากันทำลายและขว้างปาข้าวในห้องของด้วยความโกรธแค้น ดึกเยพยายามห้ามปรามแต่ไม่เป็นผล ชายคนหนึ่งจะปาโล่รางวัลใส่ดึกเย แต่มานฮูเห็นเข้าเสียก่อนจึงรีบเข้ามาขวางทำให้โดนโล่รางวัลกระแทกหน้าผากจนเลือดออก ดึกเยเห็นมานฮูล้มทรุดจึงรีบเข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วง มานฮูไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตน เขาสำรวจร่างกายดึกเยและถามว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม เหล่านักลงทุนเห็นว่าเหตุการณ์ชักบานปลายถึงขั้นเลือดตกยางออกจึงได้สติและหยุดทำลายข้าวของ มานฮูชี้ว่าโบกึมก่อสร้างมั่นคงกว่าที่ทุกคิดจึงไม่มีทางล้มง่ายๆ แถมประธานชินยังเป็นสุดยอดสถาปนิกของเกาหลี เหล่านักลงทุนได้ยินดังนั้นจึงถอยทัพกลับไปแต่โดยดี
มินโฮถูกกล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์ของบริษัทและถูกตำรวจนำตัวไปสอบสวน เขายืนยันหนักแน่นว่าตนไม่เคยทำผิดและยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจแต่อยากขอเวลาสักครู่ เขาจะพูดอะไรบางอย่างกับดึกเยแต่พอเห็นมานฮูเดินเข้ามาเขาก็พูดไม่ออก ทั้งยังสงสัยว่ามานฮูอยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด ขณะถูกคุมตัวไปโรงพัก มินโฮขอให้ดึกเยเชื่อตนเพียงคนเดียวและยืนยันว่าตนถูกใส่ร้าย ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งบอกดึกเยว่าพวกตนไม่ไว้วางใจประธานชินอีกต่อไป หากการไต่สวนมินโฮเสร็จสิ้นลง พวกตนจะจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อลงมติถอดถอนประธานชินและสรรหาประธานคนใหม่ ครั้นได้ยินว่าเหล่าผู้ถือหุ้นหารือเรื่องนี้กับมินโฮแล้ว ดึกเยจึงเริ่มรู้สึกสับสน เธอบอกมานฮูว่าตนจะไปจังหวัดคังวอนเพื่อสืบหาความจริงด้วยตัวเอง เพราะไม่อาจเชื่อใครได้อีก (ที่แท้มานฮูสมคบคิดกับเหล่าผู้ถือหุ้นใส่ร้ายมินโฮ) แต่ยิ่งสืบทุกอย่างกลับพุ่งเป้าไปที่มินโฮ เพราะเธอได้รับคำยืนยันจากคนงานที่โรงไม้ว่ามินโฮขนไม้สนใส่ลงในรถบรรทุกขนาด 15 ตัน โดยวันนั้นมีชายแปลกหน้าสองสามคนมากับมินโฮด้วย และดูเหมือนว่าพวกเขากำลังหารถหัวลาก
เซฮุนมาหาประธานชินที่บ้านหมายบอกว่าใครคือขโมยตัวจริง กุกจาเห็นเด็กชายตัวน้อยยืนด้อมๆ มองๆ ที่หน้าบ้านจึงถามว่าเขาเป็นใคร เซฮุนถามกลับว่าที่นี่คือบ้านประธานชินใช่ไหม กุกจากล่าวว่าประธานชินไม่อยู่และถามว่าเขามาหาประธานชินทำไม เซฮุนกล่าวว่าไม่มีอะไรและเดินจากไปทันที ครั้นกุกจาเข้าไปในบ้านแล้วเซฮุนจึงนำกระดาษพร้อมหลักฐานไปเสียบคาไว้ที่ช่องรับจดหมาย
ดึกเยขับรถกลับบ้านท่ามกลางสายฝนในยามค่ำคืน เธอไม่อยากเชื่อว่ามินโฮจะหักหลังพวกตนจึงร่ำไห้และครุ่นคิดเรื่องนี้ตลอดทาง ในที่สุดเธอก็ขับรถเสียหลักทำให้พลัดตกเขาและพุ่งลงไปในทะเล มานฮูขับรถตามมาเห็นเข้าพอดีจึงรีบลงไปช่วยนำตัวเธอออกจากรถ แต่นั่นก็ทำให้เขาจมลงไปในน้ำพร้อมรถก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ดึกเยเห็นสภาพมานฮูแล้วรู้สึกสงสารเห็นใจ ทั้งยังรู้สึกผิด มานฮูฟื้นมาเห็นดึกเยนั่งร้องไห้ข้างเตียงจึงอาสารับผิดและเข้าคุกแทนมินโฮ เขากล่าวว่าตอนที่ตนกำลังจะหมดสติหลังจมน้ำ ตนบอกตัวเองว่ายังตายไม่ได้เพราะต้องตอบแทนบุญคุณประธานชินที่ชุบเลี้ยงตนเหมือนลูกสักครั้งก่อนตาย สำหรับตนแล้วประธานชินก็คือพ่อ การช่วยคนอย่างประธานชินซึ่งมีปณิธานในการสร้างตำหนักชอนบีขึ้นมาใหม่ (ให้เหมือนของเดิม) คือความฝันของตน มินโฮจะต้องสานต่อภารกิจดังกล่าวของประธานชินได้แน่ คนเดียวที่สามารถรื้อฟื้นโครงการก่อสร้างตำหนักชอนบีขึ้นมาอีกครั้งคือ...มินโฮ ถ้านี่เป็นทางเดียวที่ตนจะตอบแทนบุญคุณประธานชินได้ต่อให้ต้องติดคุกตนก็ไม่กลัว ดึกเยได้ยินดังนั้นจึงสวมกอดมานฮูด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ
หลังถูกปล่อยตัวจากโรงพัก มินโฮก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงไม้ในจังหวัดคังวอน แต่ยังไม่ทันลงจากรถเขาก็คนร้ายโปะยาสลบเสียก่อน หนึ่งปีต่อมา... มานฮูย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหรูหลังแต่งงานกับดึกเย ขณะนั่งอ่านหนังสือพิมพ์มานฮูเห็นข่าวมินโฮเข้ามอบตัวจึงรู้สึกตกใจ ครั้นดึกเยยกจานผลไม้มาให้ทานเขาเลยรีบขยำหนังสือพิมพ์เพื่อไม่ให้ดึกเยเห็น
** จบตอนที่หนึ่ง **
* เนื้อหาโดย luvasianseries / ภาพจากเอ็มบีซี
รายชื่อนักแสดง
นักแสดงนำ
รับบท กึม ซาวอล / โอ ซาวอล
ยูน ฮยอนมิน
รับบท คัง ชานบิน
ชอน อินฮวา
รับบท ชิน ดึกเย
ปาร์ค เซยอง
รับบท โอ ฮเยซัง / กึม ฮเยซัง
โด ซังอู
รับบท จู เซฮุน
ซน ชางมิน
รับบท คัง มานฮู
ปาร์ค ซังวอน
รับบท โอ มินโฮ
โด จีวอน
รับบท ฮัน จีฮเย
คิม ฮีจอง
รับบท ชเว มารี
โบกึมก่อสร้าง
โอ จองกิล
รับบท ชิน จีซาง (พ่อ "ชิน ดึกเย")
โอ มียอน
รับบท คิม ฮเยซุน (แม่ "ชิน ดึกเย")
ปาร์ค วอนซุก
รับบท โซ กุกจา (แม่ "คัง มานฮู")
ลี ยอนดู
รับบท คัง ดัลแร (ลูกสาวคนโตของ "คัง มานฮู" กับ "ชเว มารี")
คัง แรยอน
รับบท คัง จิลแร (ลูกสาวคนรองของ "คัง มานฮู" กับ "ชเว มารี")
คนใกล้ตัว จู เซฮุน
อัน แนซัง
รับบท จู กีฮวาง (พ่อ "จู เซฮุน" กับ "จู โอวอล")
ยูน บกอิน
รับบท ยู ควอนซุน (แม่ "อิม ชีโร")
ชเว แดชอล
รับบท อิม ชีโร (สามี "ลี ฮงโด")
ซง ฮายูน
รับบท ลี ฮงโด / จู โอวอล
รวมคลิปตัวอย่างจาก เอ็มบีซี
รวมคลิปเบื้องหลังจาก เอ็มบีซี
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา