กำกับ: คี มินซู, คิม จินอู
เขียนบท: ปาร์ก แจบอม
แนวละคร: การแพทย์, เมโลดราม่า
จำนวนตอน: 20
ออกอากาศ: เกาหลี - 5 สิงหาคม 2556 - 8 ตุลาคม 2556 ทางเคบีเอส2
ไทย - ทุกวันพุธ-ศุกร์ เวลา 09.05-11.00 น. รีรัน 20.30-22.30 ทาง พีพีทีวี (เอชดี 36) ออกอากาศ 9 เมษายน - 8 พฤษภาคม 2557
"ฟ้าส่งผมมาเป็นหมอ (Good Doctor)" เป็นละครด้านการแพทย์ที่ทำเรตติ้งถล่มทลายในเกาหลีใต้ การันตีด้วยรางวัลคุณภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัลบทละครยอดเยี่ยมจากเวที "โคเรีย ดราม่า อะวอร์ดส์" ประจำปี 2013 นอกจากนี้ ยังคว้ารางวัลสุดยอดนักแสดงคู่ขวัญ (จูวอน-มูน แชวอน), นักแสดงนำชายขวัญใจชาวเน็ต (จูวอน), นักแสดงนำหญิงขวัญใจประชาชน (มูน แชวอน), สุดยอดนักแสดงแห่งปี (จูวอน - คัดเลือกโดยเหล่าผู้กำกับ), รางวัลนักแสดงชายมากฝีมือสำหรับละครที่มีความยาวปานกลาง-ยาว (จู ซังวุก) และรางวัลสุดยอดนักแสดงชายมากฝีมือสำหรับละครที่มีความยาวปานกลาง-ยาว (จูวอน) จากเวที "เคบีเอส ดราม่า อะวอร์ดส์" ประจำปี 2013 อีกด้วย
ล่าสุดในปีนี้ Good Doctor ยังคว้ารางวัลละครดีเด่น ส่วนจูวอนเองก็ได้รับรางวัลนักแสดงดีเด่นจากเวทีเดียวกัน นั่นก็คือ "โคเรีย โปรดิวเซอร์ส แอนด์ ไดเร็คเตอร์ส (PD) อวอร์ดส" ครั้งที่ 26 จึงกล่าวได้ว่าเป็นละครน้ำดีที่ไม่ควรพลาด นอกจากจะให้ความรู้ด้านการแพทย์แล้ว ละครเรื่องนี้ยังเป็นกำลังใจให้ผู้ปกครองและผู้ป่วยโรคออทิสติก ตลอดจนคนทั่วไป ในการเอาชนะข้อจำกัดและไม่ย่อท้ออุปสรรค รับรองได้ว่าดูละครเรื่องนี้แล้วคุณจะซาบซึ้งและหลั่งน้ำตาไปกับบทบาทการแสดงอันยอดเยี่ยมของ "จูวอน" ตลอดจนเหล่านักแสดงคนอื่นๆ อีกมากมาย
เรื่องย่อ
ละคร "ฟ้าส่งผมมาเป็นหมอ (Good Doctor)" นำเสนอเรื่องราวของแพทย์ประจำบ้าน (แพทย์ที่เรียนจบแล้วแต่เข้ามาศึกษาต่อเพื่อเป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาใดสาขาหนึ่ง) ชั้นปีที่ 1 นามว่า "พัค ชีอน" ซึ่งเป็นโรคออทิสติก (Autistic Disorder) ในกลุ่ม "ซาวองก์ ซินโดรม (savant syndrome)” หรือเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่า "ออทิสติกอัจฉริยะ" ซึ่งแม้จะมีความบกพร่องทางด้านพัฒนาการแต่ก็มีความสามารถพิเศษอันน่ามหัศจรรย์
"พัค ชีอน" เป็นชายหนุ่มที่มีสภาพจิตใจเท่ากับเด็กอายุ 10 ขวบ แต่กลับมีความสามารถอันโดดเด่นถึงขั้นอัจฉริยะในด้านความจำและมิติสัมพันธ์ (ความสามารถในการรับรู้ตำแหน่งของสิ่งต่างๆ เมื่อเทียบกับจุดอ้างอิงจุดใดจุดหนึ่ง แล้วนำมาสร้างเป็นภาพ 2-3 มิติในสมอง ก่อนถ่ายทอดออกมาให้คนอื่นรับรู้เป็นรูปธรรม) เขาต้องฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคนานัปการโดยเฉพาะอย่างยิ่งอคติและการเลือกปฏิบัติจากสังคม เพื่อที่จะทำตามความตั้งใจในวัยเด็ก นั่นก็คือการเป็น "กุมารแพทย์" ที่ดูแลด้านศัลยศาสตร์ หรือที่เรียกว่า "กุมารศัลยแพทย์" (หมอผ่าตัดเด็ก) นั่นเอง
ละครเรื่องนี้เปิดฉากขึ้นในวันที่ชีอนต้องเดินทางไปสอบสัมภาษณ์ เพื่อทำงานเป็นแพทย์ประจำบ้านที่ "โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยซองวอน" ในกรุงโซล ระหว่างลากกระเป๋าเดินทางไปที่สถานีรถไฟ ชีอนเห็นคนงานเหมืองเลยนึกถึงสมัยที่ตนเองยังเป็นเด็ก ในตอนนั้นเขาอยากเล่นกับเด็กคนอื่นๆ แต่ไม่สามารถสื่อสารได้ เลยเดินถือกรงกระต่ายสุดเลิฟตามเด็กกลุ่มหนึ่งต้อยๆ ทำให้ถูกหัวหน้าแก๊งค์เด็กเกเรรุมทำร้ายริมทางรถไฟ แม้จะน่วมไปทั้งตัวแต่หนูน้อยชีอนก็ไม่ปัดป้องและไม่ร้องไห้ ระหว่างที่ชีอนถูกทำร้ายสายตาของเขาจับจ้องไปที่กระต่ายในกรงด้วยความเป็นห่วงตลอดเวลา โชคดีที่ "พัค อีอน" (พี่ชายของชีอน) มาช่วยเอาไว้ก่อนที่ชีอนจะบาดเจ็บไปมากกว่านี้
อีอนตำหนิชีอนที่ไม่ยอมเอ่ยปากบอกเด็กคนอื่นๆ ว่าตนอยากเล่นด้วย มิหนำซ้ำ ยังปล่อยให้คนอื่นมารุมรังแกโดยไม่ตอบโต้ เขาพูดด้วยความเป็นห่วงเพราะไม่สามารถตามปกป้องน้องได้ตลอดเวลา เมื่อเห็นชีอนเอาแต่เล่นกับกระต่ายโดยไม่สนใจฟังที่ตนพูด อีอนก็อดโมโหไม่ได้ แต่สุดท้ายเขาก็โกรธชีอนไม่ลง ยิ่งเห็นสภาพอันสะบักสะบอมของชีอนแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกสงสาร
คืนนั้น "พัค ชุนซอง" (พ่อของชีอน) ซึ่งอยู่ในอาการเมามาย อาละวาดปาข้าวของใส่ "โอ คยองจู" (แม่ของชีอน) ด้วยความโกรธ หลังรู้ว่าคยองจูจะส่งชีอนไปรักษาอาการออทิสติกที่โรงพยาบาล คยองจูพยายามปกป้องชีอนไม่ให้โดนพ่อทำร้าย และอธิบายว่าเธอไม่อาจปล่อยให้ลูกตกอยู่ในสภาพนี้ตลอดไปได้ ชุนซองได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งโมโหจึงปาขว้างของใส่คยองจูต่อหน้าผู้คนที่มายืนมุงดูอีกครั้ง อีอนเอาไม่กวาดมาตีพ่อพลางร้องบอกว่าอย่าทำแม่กับน้อง ทำให้โดนพ่อจับเหวี่ยงลงกับพื้น พอเห็นพ่อเดินตรงไปหาแม่ อีอนก็รีบเอาตัวมาบังแม่กับชีอนเอาไว้ ทำให้โดนพ่อทั้งเตะและกระทืบ มิหนำซ้ำ ชุนซองยังจับกรงกระต่ายฟาดใส่กำแพงต่อหน้าต่อตาชีอนอีกด้วย
วันรุ่งขึ้น ชีอนพากระต่ายไปหาหมอ "ชเว อูซอก" ที่โรงพยาบาล แต่หมอบอกว่ากระต่ายตายแล้ว ชีอนถามหมอชเวว่า "มะ หมายถึง ไปสะ สะ สะ สวรรค์หรือครับ" เมื่อได้รับคำยืนยันว่ากระต่ายของตนไปสวรรค์แล้ว ชีอนก็ถามอีกว่า "สะ สวรรค์นั่น น้องกระต่ายไม่ไปไม่ได้เหรอครับ" หมอชเวอธิบายว่า ถ้ากระต่ายได้รับการรักษาก่อนที่จะไปสวรรค์ ก็คงไม่ต้องไป ชีอนถามต่อว่า "ถ้าผมเป็นหมอ ผมจะช่วยให้น้องกระต่าย มะ ไม่ต้องไปสะ สวรรค์ได้ใช่มั๊ยครับ" เมื่อเห็นหมอชเวพยักหน้า ชีอนก็ลูบ (ศพ) กระต่ายพลางบอกว่า "ผม...อยากเป็นหมอบ้างจัง"
หลังฝังศพกระต่ายตัวโปรดแล้ว ชีอนก็วาดรูปกระต่ายลงบนกระจกหน้าต่าง อีอนไม่พอใจที่น้องชายเที่ยวเดินถือกรงเปล่าไปทั่วและยังคงเล่นคนเดียว เขาอยากให้ชีอนมีเพื่อนจึงพาชีอนไปขอเข้ากลุ่มกับเด็กคนอื่นๆ (กลุ่มที่ทำร้ายชีอนก่อนหน้านี้) หัวหน้าแก๊งค์เด็กบอกว่าจะยอมรับชีอนเข้ากลุ่ม แต่ชีอนต้องเข้าไปเอาตลับลูกปืนของรถรางในเหมืองร้างมาให้ตนก่อน อีอนย้ำว่าหากชีอนไปเอาของมาให้แล้ว ทุกคนจะต้องยอมรับชีอนเข้ากลุ่มและห้ามรังแกชีอนอีกเด็ดขาด เมื่อหัวหน้าแก๊งค์เด็กรับปากอีอนจึงพาน้องชายเข้าไปในอุโมงค์เหมืองร้าง โดยพากันเดินไปตามรางที่ใช้ขนส่งถ่านหิน แต่แล้วอยู่ๆ ผนังอุโมงค์ก็ถล่มลงมา
หมอชเวซึ่งเป็นหนึ่งในทีมกู้ภัย พบสองพี่น้องนอนแน่นิ่งอยู่ในโพรงท่ามกลางซากปรักหักพังจึงรีบเข้าไปช่วย เขาสวมหน้ากากออกซิเจนให้ชีอน จากนั้นก็รีบปั๊มหัวใจให้อีอนแต่ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ หลังสูญเสียพี่ชายไปอีกคน ชีอนก็ตั้งใจว่าโตขึ้นจะเป็นหมอ เขาถือมีดผ่าตัดพลาสติกเอาไว้ในมือและหมุนเล่นไปมา
หมอชเวซึ่งเป็นหนึ่งในทีมกู้ภัย พบสองพี่น้องนอนแน่นิ่งอยู่ในโพรงท่ามกลางซากปรักหักพังจึงรีบเข้าไปช่วย เขาสวมหน้ากากออกซิเจนให้ชีอน จากนั้นก็รีบปั๊มหัวใจให้อีอนแต่ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ หลังสูญเสียพี่ชายไปอีกคน ชีอนก็ตั้งใจว่าโตขึ้นจะเป็นหมอ เขาถือมีดผ่าตัดพลาสติกเอาไว้ในมือและหมุนเล่นไปมา
ตัดกลับมาที่ช่วงเวลาปัจจุบัน ชีอนในวัยหนุ่มหมุนมีดผ่าตัดพลาสติกในมือเล่นไปมาระหว่างรอไฟ ครั้นพอรถไฟมาเขาก็เก็บมีดไว้ในผ้าเช็ดหน้าอย่างทะนุถนอม ระหว่างเดินทางชีอนเห็นสองแม่ลูกกำลังกินไข่ต้มอย่างมีความสุขจึงจ้องมองด้วยความสนใจ เด็กชายฮยอนอูเห็นดังนั้นก็แบ่งไข่ต้มให้ชีอนหนึ่งลูกพลางสอนวิธีทานด้วยการทำท่าเอามือทุบหัว ชีอนจึงเอาไข่ต้มมาทุบหัวตัวเองตามที่ฮยอนอูบอก แทนที่เปลือกไข่จะกระเทาะเขากลับรู้สึกเจ็บและมึนงง เด็กชายเห็นท่าทางชีอนแล้วอดขำไม่ได้
อีกด้านหนึ่ง "ชา ยูนซอ" ซึ่งเป็นกุมารศัลยแพทย์ และ "หมอเฟลโล* " ก็กำลังเล่านิทานสยองขวัญให้ผู้ป่วยเด็กในโรงพยาบาลฟัง โดยมีพยาบาลหนุ่มร่างใหญ่ใจดี "โจ จองมี" เป็นผู้ช่วย (แกล้งแสดงเป็นผีที่คอยจับเด็กดื้อไม่ยอมทานยา) เพื่อหลอกล่อให้เด็กๆ ทานยาตามเวลาที่กำหนด
* หมอเฟลโล (Fellow) หมายถึง แพทย์ประจำบ้านต่อยอด หรือผู้ช่วยอาจารย์แพทย์ ที่จบสาขาเฉพาะทางและผ่านการเป็นแพทย์ประจำบ้านแล้ว แต่ยังต้องการศึกษาแพทย์เฉพาะทางอนุสาขาย่อยลงไปอีก เช่น เป็นกุมารแพทย์แล้วก็ไปศึกษาต่อด้านกุมารเวชศาสตร์โรคหัวใจ, กุมารเวชศาสตร์ประสาทวิทยา, โลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็ก เป็นต้น ("ชา ยูนซอ" เป็นหมอเฟลโลที่มีอายุค่อนข้างน้อย เธอจบจากโรงเรียนแพทย์ที่ดีที่สุดในเกาหลี และได้ที่ 2 ของรุ่น)
ในเวลาเดียวกันนั้น "คิม โดฮัน" (หมออายุน้อยสุดที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรองศาสตราจารย์ เป็นอาจารย์แพทย์ประจำหน่วยกุมารศัลยศาสตร์ของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยซองวอน - สมัยเป็นนักเรียนแพทย์เขาสอบได้ที่หนึ่งของรุ่น) ก็นำดอกไม้ไปเยี่ยม "ซูฮัน" ที่สุสานด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจ (ซูฮัน เป็นน้องชายของโดฮัน ที่มีความบกพร่องด้านพัฒนาการ)
ส่วนทางด้าน "ยู แชคยอง" (หัวหน้าคณะกรรมการวางแผนและพัฒนาองค์กร / คู่หมั้นของโดฮัน) ก็นำแผนงานมาเสนอ "ลี ยอวอน" (กรรมการผู้อำนวยการใหญ่โรงพยาบาลฯ และแม่ของแชคยอง) หลังอ่านเอกสารแล้วยอวอนก็ตำหนิแชคยองที่มุ่งเน้นในเรื่องการวางแผนปรับโครงสร้างองค์กรเพียงอย่างเดียว แชคยองแย้งว่าแต่ละแผนกในโรงพยาบาลมีการผลัดเวรบ่อยเกินไป ทำให้มีเจ้าหน้าที่มากเกินความจำเป็น และนี่ก็เปรียบเสมือนโรคเรื้อรังของโรงพยาบาล ยอวอนแย้งกลับว่าที่นี่ไม่ใช่โรงงานแต่เป็นโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย การปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่แต่ละคนล้วนมีผลต่อชีวิตคนไข้ แชคยองสวนกลับว่า แม้การใส่ใจชีวิตคนไข้จะเป็นเรื่องดี แต่ถ้าไม่ปรับปรุงในเรื่องนี้ก็ส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของโรงพยาบาล ยอวอนไม่อนุมัติแผนงานและส่งเอกสารคืนให้แชคยอง แต่แชคยองยืนยันว่าจะทำตามแผนเดิม
ปัจจุบัน หมอชเว ซึ่งครั้งหนึ่งเคยประจำอยู่ที่โรงพยาบาลเล็กๆ ในต่างจังหวัดและเป็นผู้ช่วยชีวิตชีอนตอนอุโมงค์ถ้ำถล่ม ได้กลายมาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยซองวอนแล้ว (นับแต่นี้จะเรียกหมอชเวว่า "ผู้อำนวยการชเว) เขาครุ่นคิดถึงเรื่องราวสมัยเด็กๆ ของชีอน ที่สนใจด้านการแพทย์มาก และมักมานั่งดูตนรักษาคนไข้อยู่เสมอ มิหนำซ้ำยังแอบอ่านตำราแพทย์ทั้งหมดของตนอีกด้วย
ในที่สุด ชีอนก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทาง หลังลงจากรถไฟแล้วเขาก็แวะดูการ์ตูนสามมิติที่สถานีรถไฟตามประสาเด็ก (สภาพจิตใจเหมือนเด็ก 10 ขวบ) แต่แล้วอยู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อเด็กชาย "ฮยอนอู" (หนูน้อยที่มอบไข่ต้มให้ชีอนบนรถไฟ) ถูกป้ายโฆษณา (กรอบกระจก) ขนาดใหญ่ที่สถานีรถไฟร่วงลงมาทับจนหมดสติแน่นิ่ง โชคดีที่มีหมอคนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์ หลังตรวจบาดแผลที่ลำคอของหนูน้อยแล้วหมอคนดังกล่าวก็อธิบายให้แม่เด็กฟังว่า โชคดีที่เศษกระจกไม่ได้ตัดหลอดเลือดสมองคาโรติด (หลอดเลือดแดงใหญ่ขนาดประมาณนิ้วก้อย ทำหน้าที่ส่งเลือดจากหัวใจผ่านคอด้านหน้าไปสู่สมอง) แต่บาดเข้าบริเวณหลอดเลือดดำใหญ่ที่ลำคอ
หมอคนดังกล่าวรีบนำผ้าเช็ดหน้ามาปิดบาดแผลที่ลำคอฮยอนอูพลางกล่าวว่า หากห้ามเลือดได้สำเร็จหนูน้อยก็จะปลอดภัย ชีอน (ซึ่งยังคงสวมแว่นตาสามมิติ) เห็นหมอกดแผลเพื่อห้ามเลือดที่ลำคอเด็ก จึงเดินมาห้ามไม่กดแรงจนเกินไปเพราะจะส่งผลต่อทางเดินหายใจเด็ก (การรักษาเด็กและผู้ใหญ่มีความแตกต่างกัน) เขาสันนิษฐานว่าเด็กอาจได้รับบาดเจ็บที่ปอดและตับด้วยเช่นกัน หลังตรวจดูชีพจรแล้วพบว่าเป็นปกติ เขาก็ปลดกระดุมเสื้อฮยอนอูเพื่อดูว่าบาดเจ็บตรงไหนบ้าง ปรากฏว่ามีแผลฉกรรจ์ที่ช่องท้อง (มีเศษกระจกชิ้นใหญ่ปักคาอยู่) เขาก้มฟังเสียงลมหายใจเพื่อเช็คว่าฮยอนอูหายใจเป็นปกติหรือไม่ หลังจากนั้นก็เช็คซ้ำเพื่อความมั่นใจโดยใช้นิ้วดัดคางฮยอนอูให้เงยหน้าขึ้น ก่อนบีบจมูกแล้วทำการเป่าปากเพื่อตรวจเช็คการทำงานของระบบทางเดินหายใจ ปรากฏว่ายอดอกของฮยอนอูยกตัวขึ้นซึ่งหมายความว่าระบบหายใจยังทำงานเป็นปกติ
ชีอนพบว่าฮยอนอูมีลมในช่องเยื่อหุ้มปอดด้านขวาจึงขอให้หมออีกคนช่วยเป่าปากฮยอนอูไปพลางๆ (เป่าลมหายใจเข้าไปในปอด) ทุกๆ 3 วินาที จากนั้นก็รีบวิ่งไปซื้อยาและของจำเป็นที่ร้านขายยา เขาหาท่อสอดและมีดผ่าตัดไม่ได้ จึงหยิบคัตเตอร์และปากกาลูกลื่นติดมือไปด้วย หลังฆ่าเชื้อทุกอย่างแล้ว เขาก็ทำการเจาะโพรงเยื่อหุ้มปอดแล้วใช้ปากกาลูกลื่น (ที่ตัดหัวท้ายและเอาไส้ปากกาออกแล้ว) เสียบเข้าไป เพื่อระบายลมออกจากปอดให้เด็ก โดยทำตามตำราแพทย์ที่บันทึกไว้ในสมอง
หมอคนดังกล่าวรีบนำผ้าเช็ดหน้ามาปิดบาดแผลที่ลำคอฮยอนอูพลางกล่าวว่า หากห้ามเลือดได้สำเร็จหนูน้อยก็จะปลอดภัย ชีอน (ซึ่งยังคงสวมแว่นตาสามมิติ) เห็นหมอกดแผลเพื่อห้ามเลือดที่ลำคอเด็ก จึงเดินมาห้ามไม่กดแรงจนเกินไปเพราะจะส่งผลต่อทางเดินหายใจเด็ก (การรักษาเด็กและผู้ใหญ่มีความแตกต่างกัน) เขาสันนิษฐานว่าเด็กอาจได้รับบาดเจ็บที่ปอดและตับด้วยเช่นกัน หลังตรวจดูชีพจรแล้วพบว่าเป็นปกติ เขาก็ปลดกระดุมเสื้อฮยอนอูเพื่อดูว่าบาดเจ็บตรงไหนบ้าง ปรากฏว่ามีแผลฉกรรจ์ที่ช่องท้อง (มีเศษกระจกชิ้นใหญ่ปักคาอยู่) เขาก้มฟังเสียงลมหายใจเพื่อเช็คว่าฮยอนอูหายใจเป็นปกติหรือไม่ หลังจากนั้นก็เช็คซ้ำเพื่อความมั่นใจโดยใช้นิ้วดัดคางฮยอนอูให้เงยหน้าขึ้น ก่อนบีบจมูกแล้วทำการเป่าปากเพื่อตรวจเช็คการทำงานของระบบทางเดินหายใจ ปรากฏว่ายอดอกของฮยอนอูยกตัวขึ้นซึ่งหมายความว่าระบบหายใจยังทำงานเป็นปกติ
ชีอนพบว่าฮยอนอูมีลมในช่องเยื่อหุ้มปอดด้านขวาจึงขอให้หมออีกคนช่วยเป่าปากฮยอนอูไปพลางๆ (เป่าลมหายใจเข้าไปในปอด) ทุกๆ 3 วินาที จากนั้นก็รีบวิ่งไปซื้อยาและของจำเป็นที่ร้านขายยา เขาหาท่อสอดและมีดผ่าตัดไม่ได้ จึงหยิบคัตเตอร์และปากกาลูกลื่นติดมือไปด้วย หลังฆ่าเชื้อทุกอย่างแล้ว เขาก็ทำการเจาะโพรงเยื่อหุ้มปอดแล้วใช้ปากกาลูกลื่น (ที่ตัดหัวท้ายและเอาไส้ปากกาออกแล้ว) เสียบเข้าไป เพื่อระบายลมออกจากปอดให้เด็ก โดยทำตามตำราแพทย์ที่บันทึกไว้ในสมอง
ทันทีที่หน่วยกู้ชีพมาถึงชีอนก็ร้องขอเครื่องช่วยหายใจสำหรับเด็ก จากนั้นก็เริ่มตรวจที่บริเวณหน้าท้องเมื่อกดดูเบาๆ ก็พบว่าท้องของฮยอนอูโป่งออก ซึ่งหมายความว่าได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงและมีเลือดออกในช่องท้องซึ่งนับว่าเป็นอันตรายมาก (อันตรายกว่าผู้ใหญ่เพราะเด็กมีปริมาณเลือดน้อยกว่า) จึงจำเป็นต้องรีบให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ หน่วยกู้ชีพเห็นเขาพยายามคลำหาเส้นเลือดเด็ก จึงถามว่าทำไมไม่นำเด็กไปรักษาบนรถพยาบาลเพราะในนั้นมีเข็มและอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมกว่า ชีอนอธิบายว่าตนต้องแข่งกับเวลาและการรักษาอาจไม่แม่นยำหากทำในขณะที่รถกำลังวิ่ง เขาพยายามคลำหาหลอดเลือดแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะหลอดเลือดของเด็กๆ จะบางมาก ยิ่งเด็กมีอาการตกเลือดก็ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ และในตอนนี้ฮยอนอูก็อยู่ในภาวะช็อกเนื่องจากปริมาตรของเลือดลดลง จึงต้องรีบให้น้ำเกลือโดยเร็วที่สุด
หลังคลำหาหลอดเลือดไม่เจอ ชีอนจึงตัดสินใจว่าจะให้น้ำเกลือทางไขกระดูกแทน แต่ปัญหาก็คือ ทีมกู้ชีพไม่มีเข็มเจาะไขกระดูก เขาจึงต้องทำ 'ไอเจคัทดาวน์' ซึ่งก็คือการเจาะเส้นเลือดดำขนาดใหญ่บริเวณลำคอเพื่อให้ยาหรือน้ำเกลือโดยตรง หลังใส่สายน้ำเกลือหรือยาเข้าทางหลอดเลือดดำแล้วเขาก็ให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบีบถุงน้ำเกลือช่วยอีกแรง หลังช่วยชีวิตสำเร็จแล้วชีอนก็พูดกับฮยอนอูที่ยังคงนอนสลบไสลไม่ได้สติว่า "ทีนี้เธอจะไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ฮยอนอู ไม่ต้องกลัวนะ" บรรดาไทยมุงได้ยินดังนั้นจึงต่างพากันตบมือให้ ชีอนบอกให้เจ้าหน้าที่รีบนำตัวเด็กไปส่งโรงพยาบาลแล้วเดินจากไป แต่แม่ของเด็กวิ่งตามและขอร้องให้ชีอนติดรถไปด้วยเพื่อความอุ่นใจ ชีอนลังเลเพราะตนมีธุระสำคัญแต่สุดท้ายเขาก็ปฏิเสธไม่ลง โชคดีที่รถพยาบาลกำลังมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยซองวอนพอดี
ผู้อำนายการชเวนำเสนอประวัติของชีอนต่อที่ประชุมคณะผู้บริหาร เพื่อให้พิจารณารับเขาเข้าเป็นแพทย์ประจำบ้าน โดยกล่าวว่าชีอนสามารถเป็นกุมารศัลยแพทย์ที่ดีได้ และชีอนก็มีความสามารถพิเศษอันน่าทึ่งในเรื่องความจำและมิติสัมพันธ์ ตอนที่ผู้อำนายการชเวรับใช้กองทัพด้วยการเป็นหมอในสถานพยาบาลเล็กๆ ที่หมู่บ้านแทเบ็ค (ในเมืองคังวอน) เขาพบว่าชีอนในวัย 7 ขวบสามารถจดจำอวัยวะทั้งหมดในตัวมนุษย์ได้ ซ้ำยังนำความรู้ดังกล่าวมาสร้างภาพหลายมิติในสมอง จนเข้าใจโครงสร้างและระบบการทำงานของทั้งหมดของอวัยวะต่างๆ ราวกับได้เห็นด้วยตาตนเอง ชีอนจบการศึกษาจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยซองซาน ด้วยผลการเรียนอันยอดเยี่ยม ที่ผ่านมาเขาผ่านการสอบระดับชาติและผ่านการฝึกอบรมแพทย์ฝึกหัดมาแล้ว จึงมาสมัครเข้าทำงานและศึกษาต่อในฐานะแพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยซองวอน
ระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาล ชีอนก็นึกขึ้นได้ว่าตนลืมกระเป๋าเดินทางเอาไว้ที่สถานนีรถไฟ ทันใดนั้น ชีพจรของฮยอนอูก็เต้นเร็วขึ้น เมื่อไปถึงโรงพยาบาลชีอนก็บอกให้หมอแผนกฉุกเฉินรีบพาฮยอนอูไปทำเอคโค่ (การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง) แต่หมอแย้งว่าอัตราการเต้นของหัวใจฮยอนอูเป็นปกติ (ดูจากจอมอนิเตอร์) และถามกลับว่าชีอนเป็นญาติเด็กหรือ แม่ฮยอนอูกล่าวว่าชีอนเป็นหมอที่ช่วยชีวิตลูกชายตนและเขาก็ทำงานที่นี่ (ก่อนหน้านี้ชีอนบอกเจ้าหน้าที่กู้ภัยบนรถว่าตนมีธุระที่โรงพยาบาลนี้) หมอคนดังกล่าวบอกว่าตนไมคุ้นหน้าชีอนมาก่อนและถามว่าชีอนอยู่แผนกไหน ชีอนไม่ตอบ เขาเร่งให้หมอพาฮยอนอูไปทำเอคโค่ หมอจึงบอกให้เขารออยู่ทางด้านนอก
อีกด้านหนึ่งยูนซอก็กำลังกดตรวจอาการที่ช่องท้องของเด็กหญิง "อึนจี" (ซึ่งกลัวการผ่าตัด) พลางบอกว่า เธอจะช่วยให้อึนจึเข้ารับการผ่าตัดโดยไม่รู้สึกหวาดกลัว ถึงกระนั้นอึนจีก็ยังกลัวว่าเธอจะเสียชีวิตระหว่างการผ่าตัด หัวหน้าพยาบาล "นัม จูยอน" บอกให้อึนจีเชื่อใจคุณหมอคนสวย... หมอ "ฮัน จินวุค" (แพทย์ประจำบ้าน ปี 4) ได้ยินดังนั้นจึงแกล้งถามว่า "ใครสวยเหรอครับ" ทำให้ถูกยูนซอทุบเข้าอย่างจัง ทันใดนั้น แม่ของอึนจีก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาถามว่า วันพรุ่งนี้อึนจีจะไม่ได้ถูกทดสอบสภาพจิตใจตามแผน แต่จะถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดเลยจริงหรือ ยูนซอแย้งว่าเธอไม่ได้สั่งอย่างนั้น แม่อึนจีจึงบอกว่าหมอโดฮันเป็นคนออกคำสั่ง
ยูนซอต่อว่าโดฮันที่ไม่ยอมทดสอบสภาพจิตใจของเด็กก่อน (เธอเรียกโดฮันว่าอาจารย์ แต่ก็ไม่ยอมลดราวาศอก) โดฮันพูดโดยไม่ละสายตาจากจอมอนิเตอร์ว่า อึนจีเป็นมะเร็งช่องท้อง ถ้าไม่รีบผ่าตัดในวันพรุ่งนี้อาจเป็นอันตรายจากการตกเลือดในทางเดินอาหาร ยูนซอแย้งว่าอึนจึเป็นโรคกลัวการนอนหลับ (hypnophobia) โดฮันแย้งกลับว่าถ้าขืนปล่อยไว้จนเส้นเลือดในหลอดอาหารแตกอึนจีอาจช็อคตายได้ เมื่อเห็นว่ายูนซอยังคงดึงดัน โดฮันก็บอกให้เธอเลิกเป็นหมอแล้วหันไปเป็นครูสอนเด็กอนุบาลแทน จากนั้นก็สั่งปลดเธอออกจากเคสของอึนจี โดยให้เหตุผลว่าเขาไม่อาจทนดูคนไข้ตายไปต่อหน้าต่อตาได้
"อู อิลกยู" (แพทย์ประจำบ้าน ปีที่ 2) มาตามโดฮันไปรักษาฮยอนอูที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน พร้อมทั้งรายงานว่าจากการตรวจช่องท้องผู้บาดเจ็บด้วยเครื่อง CT Scan พบว่ามีแผลรุนแรงระดับ 3 ที่ตับและม้าม ทั้งยังมีเลือดออกอีกด้วย โดฮันตรวจดูผลเอ็กซเรย์ก่อนทำการผ่าตัดและอธิบายให้แพทย์ประจำบ้านที่เข้ามาสังเกตการณ์ในห้องผ่าตัดฟังว่า ผู้บาดเจ็บไม่มีลมในช่องท้องแต่มีร่องรอยเลือดออกที่เส้นเลือดดำใหญ่บริเวณคอซึ่งเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร ตอนนี้เลือดบริเวณดังกล่าวหยุดไหลแล้ว และการช่วยชีวิตฉุกเฉินก็ทำได้ดีมาก
ทันใดนั้นก็มีเสียงเอะอะโวยวายที่หน้าห้องผ่าตัด เมื่อโดฮันออกมาดูก็พบว่าชีอนพยายามบุกเข้าไปในห้องผ่าตัด ชีอนบอกให้โดฮันเร่งมือเพราะไม่มีเวลาแล้ว เขาจะอธิบายต่อแต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากตัวออกไปพร้อมทั้งเอามือปิดปากไว้เพื่อไม่ให้ส่งเสียงดัง ถึงกระนั้น ชีอนก็พยายามตะโกนบอกโดฮันว่า "เอคโค่... เอคโค่คาร์ดิ... (เอ็คโค่คาร์ดิโอแกรม - การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง) เพริคาร์ด....เพริคาร์เดียล เอฟฟิว...เอฟฟิวชั่น (Pericardial effusion - ภาวะที่มีน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจมากเกินกว่าปกติ)"
หลังถูกลากตัวออกมาแล้ว ชีอนก็พยายามบอกเจ้าหน้าที่ว่าฮยอนอูกำลังตกอยู่ในอันตราย โดฮันกล่าวชมหมอนิรนาม (ชีอน) ที่รักษาผู้บาดเจ็บในเบื้องต้นว่าทำการรักษาได้ถูกต้องทุกอย่าง พลางอธิบายให้เหล่าแพทย์ประจำบ้านฟังถึงสาเหตุที่ต้องช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บด้วยการทำไอเจคัท (เจาะเส้นเลือดดำใหญ่ที่ลำคอ เพื่อใส่ท่อน้ำเกลือหรือยาให้ผู้บาดเจ็บโดยตรง) จากนั้นก็สรุปว่าหมอคนดังกล่าว (ชีอน) รู้วิธีที่ถูกต้องในการรักษาผู้ป่วยเด็ก (ในตอนนั้นชีอนยืนลุ้นจนตัวสั่นอยู่ทางด้านนอกเพราะเป็นห่วงฮยอนอู)
อีกด้านหนึ่ง ผู้อำนายการชเวก็กำลังถูกที่ประชุมไล่ต้อนเกี่ยวกับข้อบกพร่องต่างๆ ของชีอน "คิม แจจุน" (หัวหน้าแผนกศัลยกรรมระบบตับ ตับอ่อน และทางเดินน้ำดี) สงสัยว่า ตามกฏแล้วผู้ป่วยที่มีความบกพร่องทางด้านจิตใจแบบเรื้อรังจะไม่สามารถเข้าสอบแพทย์ในระดับชาติได้ แต่ทำไมชีอนซึ่งมีภาวะออทิสซึมระดับ 3 (ค่อนข้างรุนแรง) ถึงได้เข้าสอบ ผู้อำนวยการชเวตอบว่า ชีอนได้รับการวินิจฉัยว่ามีอาการอยู่ในระดับ 'ปกติ' ตอนอายุ 17 ปี... "คัง ฮยอนแท" (รองผู้อำนวยการ) เห็นในเอกสารระบุว่าชีอนสอบไม่ผ่าน จึงสงสัยว่าทำไมผู้อำนายการชเวจึงบอกที่ประชุมว่าชีอนสอบผ่าน ผู้อำนายการชเวยิ้มแล้วบอกว่า นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ตนชวนชีอนให้มาสมัครเป็นแพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาล เขาอธิบายว่า ความจริงแล้วชีอนสอบผ่าน แต่พอคณะกรรมการทราบภายหลังว่าเขาเป็นผู้ป่วยออทิสติกจึงปรับตก แต่ถ้ามีข้อพิสูจน์หรือมีหน่วยงานใดรับรองว่าเขาเป็นผู้มีความสามารถ และสามารถปฏิบัติงานด้านการแพทย์ได้จริง สถาบันทดสอบการศึกษาแห่งชาติก็พร้อมที่จะคืนสถานะ "ผ่าน" ให้ชีอน
ผู้อำนายการชเวต้องการให้โอกาสชีอนพิสูจน์ตัวเอง จึงคิดที่จะรับเขาเข้าเป็นแพทย์ประจำบ้านปี 1 ฮยอนแทกังวลว่าอาการป่วยของชีอนอาจสร้างปัญหาและเป็นอุปสรรคต่อการรักษาคนไข้ จึงถามว่าเขาหายดีแล้วหรือยัง ผู้อำนายการชเวยอมรับว่าชีอนยังคงมีภาวะออทิสซึม แต่ยืนยันว่าชีอนมีคุณสมบัติและความสามารถด้านการแพทย์ เพียงแต่ความสามารถในการเข้าสังคมและการสื่อสารของชีอนยังด้อยกว่าคนปกติทั่วไป หลายคนในที่ประชุมได้ยินดังนั้นก็ถึงกับอึ้งและไม่เชื่อว่าชีอนจะทำหน้าที่แพทย์ได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ลี ฮยอกพิล" (กรรมการผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลฯ) ซึ่งโวยวายลั่นว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาลไม่ใช่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ ทำให้ถูกยอวอนตำหนิที่พูดแรงเกินไป ฮยอนแทบอกให้ทุกคนรอพบชีอนตัวเป็นๆ ก่อนแล้วค่อยมานั่งวิพากษ์วิจารณ์... "โก ชุงมาน" (หัวหน้าแผนกกุมารศัลยศาสตร์) บ่นว่าเลยเวลานัดมาครึ่งชมแล้วแต่ทำไมชีอนยังไม่มา ผู้อำนายการชเวจึงโทรฯ ตามชีอนด้วยสีหน้ากังวล แต่ก็ติดต่อไม่ได้ เพราะมือถือของชีอนอยู่ในกระเป๋าเดินทาง (ซึ่งลืมไว้ที่สถานีรถไฟ)
ชีอนยังคงยืนกระสับกระส่ายอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดด้วยความเป็นห่วงฮยอนอู ในตอนนั้นโดฮันทำการผ่าตัดช่องท้องให้ฮยอนอูโดยไม่ได้ตรวจดูหัวใจตามที่ชีอนบอก เขาบอกลูกศิษย์ (แพทย์ประจำบ้าน) ว่าอาการบาดเจ็บที่ตับและม้ามไม่ร้ายแรงมาก ผ่าตัดเสร็จแล้วคงไม่มีอะไรน่าห่วง แต่แล้วอยู่ๆ เครื่องเฝ้าติดตามการทำงานของหัวใจและสัญญาณชีพก็ร้องเตือน ในตอนนั้นฮยอนอูมีอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่ 180 ขณะที่ความดันต่ำและลดลงเรื่อยๆ ส่วนความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดยังคงเป็นปกติ โดฮันเปรยว่าน่าจะมีปัญหาที่หัวใจ เมื่อแพทย์ประจำบ้านคนหนึ่งเสนอให้ทำเอคโค่ โดฮันก็นึกถึงคำพูดของชีอนและทำตามที่ชีอนบอก
เนื่องจากชีอนไม่ไปปรากฏตัวตามนัด ที่ประชุมจึงมีมติให้ทำการโหวตว่าควรรับชีอนเป็นแพทย์ประจำบ้านชั่วคราวหรือไม่ ปรากฏว่าทุกคนในห้องยกเว้นยอวอนต่างพากันยกมือคัดค้าน ชีอนซึ่งยังยืนลุ้นอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดเริ่มสร้างภาพ (หัวใจของฮยอนอู) ในสมองแล้วทำการผ่าตัดในใจไปพร้อมๆ กับโดฮัน พอรู้ว่าฮยอนอูปลอดภัยแล้วชีอนก็โล่งใจ โดฮันถามแม่ฮยอนอูว่ารู้จักหมอที่ช่วยชีวิตลูกชายก่อนหน้านี้ไหม เมื่อแม่เด็กหันไปมองทางด้านหลังก็พบว่าชีอนไม่อยู่แล้ว เธอจึงบอกโดฮันว่าหมอคนดังกล่าวทำงานอยู่ที่นี่ โดฮันได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจมาก
หลังลุ้นอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง ชีอนก็ไปหาผู้อำนวยการชเวซึ่งยังคงนั่งรออย่างสิ้นหวังในห้องประชุม ทันทีที่เห็นหน้าชีอนผู้อำนวยการชเวก็ระเบิดอารมณ์ใส่อย่างลืมตัว แต่พอเห็นสภาพของชีอนแล้ว (ที่เสื้อชีอนมีคราบเลือดติดอยู่) ผู้อำนวยการชเวก็โกรธไม่ลง เขาถามชีอนว่า คนที่ตรงต่อเวลาอย่างชีอนทำไมถึงเพิ่งมาตอนนี้และเสื้อไปเปื้อนอะไรมา ชีอนตอบว่าตนเพิ่งช่วยชีวิตเด็กบาดเจ็บที่สถานีรถไฟและตอนนี้เด็กก็ปลอดภัยแล้ว หลังทราบต้นสายปลายเหตุของการมาสายแล้ว ผู้อำนวยการชเวก็บอกข่าวร้ายชีอน
เนื่องจากชีอนไม่ไปปรากฏตัวตามนัด ที่ประชุมจึงมีมติให้ทำการโหวตว่าควรรับชีอนเป็นแพทย์ประจำบ้านชั่วคราวหรือไม่ ปรากฏว่าทุกคนในห้องยกเว้นยอวอนต่างพากันยกมือคัดค้าน ชีอนซึ่งยังยืนลุ้นอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดเริ่มสร้างภาพ (หัวใจของฮยอนอู) ในสมองแล้วทำการผ่าตัดในใจไปพร้อมๆ กับโดฮัน พอรู้ว่าฮยอนอูปลอดภัยแล้วชีอนก็โล่งใจ โดฮันถามแม่ฮยอนอูว่ารู้จักหมอที่ช่วยชีวิตลูกชายก่อนหน้านี้ไหม เมื่อแม่เด็กหันไปมองทางด้านหลังก็พบว่าชีอนไม่อยู่แล้ว เธอจึงบอกโดฮันว่าหมอคนดังกล่าวทำงานอยู่ที่นี่ โดฮันได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจมาก
หลังลุ้นอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง ชีอนก็ไปหาผู้อำนวยการชเวซึ่งยังคงนั่งรออย่างสิ้นหวังในห้องประชุม ทันทีที่เห็นหน้าชีอนผู้อำนวยการชเวก็ระเบิดอารมณ์ใส่อย่างลืมตัว แต่พอเห็นสภาพของชีอนแล้ว (ที่เสื้อชีอนมีคราบเลือดติดอยู่) ผู้อำนวยการชเวก็โกรธไม่ลง เขาถามชีอนว่า คนที่ตรงต่อเวลาอย่างชีอนทำไมถึงเพิ่งมาตอนนี้และเสื้อไปเปื้อนอะไรมา ชีอนตอบว่าตนเพิ่งช่วยชีวิตเด็กบาดเจ็บที่สถานีรถไฟและตอนนี้เด็กก็ปลอดภัยแล้ว หลังทราบต้นสายปลายเหตุของการมาสายแล้ว ผู้อำนวยการชเวก็บอกข่าวร้ายชีอน
แพทย์ประจำบ้านและแพทย์ฝึกหัดที่อยู่ในห้องผ่าตัดกับโดฮันก่อนหน้านี้ ต่างพากันยกย่องโดฮันที่ฟันธงว่าฮยอนอูมีภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจเกิน จนหัวใจถูกบีบรัด ทั้งๆ ที่ไม่ปรากฏในผลเอ็กซ์เรย์และซีทีสแกน "คิม ซอนจู" (แพทย์ฝึกหัดหญิง) นึกขึ้นได้ว่าวันนี้จะมีแพทย์ประจำบ้านคนใหม่มาช่วยพวกตนทำงาน จินวุคแสดงความดีใจจนออกนอกหน้า เพราะที่ผ่านมาพวกเขาทำงานหนักจบแทบไม่มีเวลากลับบ้านนอน ในเวลาเดียวกันนั้น โดฮันก็กำลังนั่งเล่นรูบิคพลางครุ่นคิดเรื่องชีอน (เขานึกถึงตอนที่ชีอนตะโกนบอกหน้าห้องผ่าตัดว่าให้รีบทำเอคโค่ เพราะฮยอนอูมีภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจเกิน)
อีกด้านหนึ่งชีอนก็กำลังนั่งจ๋อยหลังทราบข่าวร้ายว่าตนถูกทางโรงพยาบาลปฏิเสธ ผู้อำนวยการชเวนั่งเคียงข้างชีอนและกุมมือให้กำลังใจตลอดเวลา เขาถามชีอนว่าจะเอาแต่นั่งอยู่อย่างนี้หรือ ชีอนตอบว่า "ไม่ครับ" เมือ่ถูกถามว่าหิวไหม ชีอนตอบคำเดิมว่า "ไม่ครับ" แต่ท้องเจ้ากรรมดันร้องเสียงดังลั่น ผู้อำนวยการชเวจึงแกล้งแหย่ชีอนว่า สงสัยตนต้องทานกัลบี (ซี่โครงย่าง - ของโปรดชีอน) คนเดียว ชีอนได้ยินดังนั้นก็หูผึ่ง และกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
หลังเลิกประชุมแล้ว คณะกรรมการโรงพยาบาลก็พากันเดินออกมาที่ล็อบบี้ ฮยอนแทบอกยอวอนว่าความจริงแล้วการพิจารณาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ยอวอนไม่จำเป็นต้องเสียเวลามาร่วมประชุมก็ได้ ยอวอนแย้งว่าก่อนหน้านี้ผู้บริหารคนเก่าก็ใส่ใจบุคลากรทุกคนโดยไม่เว้นแม้กระทั่งแพทย์ฝึกหัดไม่ใช่หรือ สำหรับตนแล้วหมอไม่ใช่ลูกจ้างแต่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ก่อนถึงประตูทางออกพวกเขาพบว่ามีผู้สื่อข่าวกลุ่มหนึ่งมาถามหาแพทย์ประจำบ้านที่ช่วยชีวิตเด็กบาดเจ็บสาหัสที่สถานีรถไฟ
ส่วนทางด้านชีอนก็กำลังกินซี่โครงอย่างเอร็ดอร่อย ผู้อำนวยการชเวเห็นดังนั้นก็นั่งมองด้วยความเอ็นดู ระหว่างนั้น สถานีโทรทัศน์ได้เผยแพร่คลิปหมอนิรนามขณะช่วยผ่าตัดฉุกเฉินให้เด็กที่สถานีรถไฟ โดยบอกว่าเป็นคลิปดังที่กำลังได้รับความสนใจจากบรรดาชาวเน็ตทั่วโลก ผู้อำนวยการชเวแทบไม่เชื่อสายตาตนเองเมื่อเห็นว่าหมอที่อยู่ในคลิปก็คือชีอน ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
ปรากฏว่าคณะกรรมการมีมติให้พิจารณาเรื่องชีอนใหม่อีกครั้ง แม้จะได้เห็นความสามารถอันน่ามหัศจรรย์ของชีอนแล้ว แต่หลายคนก็ยังไม่เห็นด้วยกับการรับชีอน (ซึ่งเป็นผู้ป่วยออทิสติก) เข้าเป็นแพทย์ประจำบ้านอยู่ดี ยอวอนแย้งว่าตอนนี้คลิปของชีอนถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก แล้วทุกคนก็เข้าใจว่าชีอนเป็นแพทย์ของทางโรงพยาบาล ที่สำคัญ เธอได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่าชีอนมีความสามารถด้านการแพทย์ ฮยอกพิลแย้งว่าหากเกิดเรื่องผิดพลาดโรงพยาบาลจะเสียชื่อ ผู้อำนวยการชเวจึงเอาตำแหน่งตัวเองเป็นประกัน โดยขอโอกาสให้ชีอนพิสูจน์ตัวเองนาน 6 เดือน
เมื่อชีอนเข้ามาในห้อง ยอวอนก็ถามถึงเหตุผลที่เขาต้องการเป็นกุมารศัลยแพทย์ ชีอนตอบว่า ตนสูญเสียกระต่ายและพี่ชายไปต่อหน้าต่อตา ทั้งกระต่ายและพี่ชายของตนไม่มีโอกาสได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ตนจึงอยากช่วยให้เด็กๆ ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เพื่อที่เด็กๆ เหล่านั้นจะได้มอบความรักให้กับลูกๆ ของพวกเขา หลังจากหาเงินได้เยอะๆ แล้ว ตนจะซื้อทีวีสามมิติให้เด็กๆ ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งตนได้อาศัยและเติบโตมา เพราะเด็กๆ ที่นั่นไม่เคยดูทีวีสามมิติมาก่อน
ในที่สุด ชีอนก็ได้เป็นแพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยซองวอน ยอวอนกล่าวกับผู้อำนวยการชเวว่า เธอไม่เคยเห็นเขาทำอะไรผลีผลามขนาดนี้มาก่อน ผู้อำนวยการชเวกล่าวว่า ที่ตนทำเช่นนี้เพราะผลลัพธ์คุ้มค่า แต่ยอวอนกลัวว่าชีอนจะทำให้ผู้อำนวยการชเวตกที่นั่งลำบาก เพราะมีคนพยายามเลื่อยขาเก้าอี้ของเขาอยู่ ผู้อำนวยการชเวรู้สถานการณ์ของตนดีจึงกล่าวว่าแม้จะหลุดจากตำแหน่งผู้อำนวยการ ตนก็ยังเป็นหมออยู่ดี
ระหว่างที่ชีอนกำลังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ฮยอกพิลก็บอกให้ชุงมาน (หัวหน้าโก) ไปกระจายข่าวลือให้ทั่วโรงพยาบาลว่าชีอนเป็นเด็กเส้นของผู้อำนวนการชเว โดยบิดเบือนความจริงให้มากที่สุด ชุงมานรับรองว่าชีอนจะอยู่ที่นี่ได้ไม่เกินหนึ่งเดือนอย่างแน่นอน แต่ฮยอนแทไม่คิดเช่นนั้น เพราะสถานการณ์ในครั้งนี้ก็เหมือนกับการเล่นพนันในคาสิโนที่มีชีอนเป็นลูกเต๋าหรือลูกบอล จึงไม่อาจคาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะออกหัวหรือก้อย
ขณะที่โดฮันกำลังนั่งเล่นรูบิคแบบเมก้ามินซ์ (ทรง 5 เหลี่ยม 12 สี ซึ่งเขานั่งบิดมาเป็นอาทิตย์แล้ว แต่ยังเรียงสีไม่สำเร็จ) หัวหน้าโกก็เดินเข้ามาบอกทุกคนในแผนก (ยกเว้นยูนซอที่หายตัวไปหลังทะเลาะกับโดฮัน) ว่า แพทย์ประจำบ้านคนใหม่ที่ทุกคนรอคอยมาถึงแล้ว เมื่อเห็นหน้าชีอนเหล่าแพทย์ประจำบ้านรุ่นพี่และโดฮันต่างจำได้ว่าเขาคือคนที่พยายามบุกเข้าไปในห้องผ่าตัดเมื่อตอนกลางวัน ผู้อำนวนการชเวบอกให้ชีอนแนะนำตัว ชีอนจึงร่ายเป็นชุดนับตั้งแต่ที่อยู่ยันสถาบันการศึกษาโดยใช้เวลาเพียง 30 วินาที หลังมาส่งชีอนแล้วผู้อำนวยการชเวก็ฝากฝังชีอนไว้กับโดฮัน
หลังผู้อำนวยการชเวออกจากแผนกไปแล้ว หัวหน้าโกก็เริ่มทำตามแผนสกัดดาวรุ่ง เขาตะคอกใส่ชีอนเสียงดังลั่นโดยบอกให้ทำตัวดีๆ ทั้งๆ ที่ชีอนยังไม่ได้ทำอะไรผิด หลังถูกตะโกนใส่จนแสบแก้วหู ชีอนก็นึกถึงทฤษฎีการตะโกนใส่แก้วกาแฟ* เขาจึงบอกหัวหน้าโกว่า หากนำพลังงานทั้งหมดที่คนเราใช้ตะโกนตลอด 8 ปีมาเก็บสะสม จะสามารถชงกาแฟได้ 1 แก้ว ชีอนก้มมองป้ายชื่อหัวหน้าโกแล้วกล่าวว่า "แต่ผมวิเคราะห์ระดับเดซิเบลของหัวหน้าโกแล้ว คิดว่าคงใช้เวลาไม่ถึง 8 ปีครับ"
* มีการคำนวณเปรียบเทียบของนักฟิสิกส์ชาวอเมริกันเพื่อตอบโจทย์ที่ว่า "หากต้องการอุ่นกาแฟในแก้วขนาด 8 ออนซ์ให้มีอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส โดยใช้พลังงานจากการ 'ตะโกน' จะใช้เวลานานเท่าใด คำตอบก็คือ 1 ปี, 7 เดือน, 26 วัน , 20 ชั่วโมง, 26 นาที และ 40 นาที (โดยเฉลี่ยเสียงตะโกนคนเราจะดังประมาณ 80 เดซิเบล หรือเทียบเท่าพลังงานประมาณ .001 วัตต์ ซึ่งน้อยกว่าพลังงานที่ใช้ในการเปิดหลอดไฟขนาด 100 วัตต์ ราวหนึ่งแสนเท่า และพลังงานที่ใช้ในการตะโกนหนึ่งครั้งๆ ละ 1 วินาที สามารถอุ่นกาแฟในแก้วขนาด 8 ออนซ์ให้มีอุณหภูมิสูงขึ้นราว .00000095 องศาเซลเซียส)
โดฮันไปพบผู้อำนวยการชเวเพื่อต่อว่าเรื่องชีอน เขากล่าวว่าการที่ชีอนเป็น "ซาวองก์ ซินโดรม" หรือออทิสติกอัจฉริยะนั้น ไม่มีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าเขามีสภาพจิตใจเท่ากับเด็กประถม แล้วอย่างนี้จะวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อนำมาสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องได้อย่างไร อีกอย่างญาติคนไข้ไม่มีทางยอมรับหมอแบบนี้แน่ๆ ผู้อำนวยการชเวกล่าวว่าที่ตนให้ชีอนมาเป็นแพทย์ประจำบ้านที่นี่เพราะต้องการทดสอบในเรื่องนี้ แต่โดฮันไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับ ผู้อำนวยการชเวจึงบอกว่าทั้งโดฮันและชีอนต่างก็เป็นเหมือนลูกของตน ลูกๆ ก็เปรียบเหมือนนิ้ว ไม่ว่าจะกัดนิ้วไหนก็เจ็บทั้งนั้น แต่ถ้าเป็นชีอนตนจะรู้สึกเจ็บมากกว่า เขาจึงขอร้องให้โดฮันช่วยเหลือชีอน โดยบอกว่าคือคำขอร้องครั้งสุดท้ายของตน
โดฮันรักและเคารพผู้อำนวยการชเวมากจึงไม่อาจปฏิเสธ ถึงกระนั้น เขาก็ไม่คิดที่จะช่วยพัฒนาทักษะด้านการเป็นกุมารศัลยแพทย์ให้กับชีอน เพราะไม่เชื่อว่าชีอนจะเป็นหมอผ่าตัดที่ดีได้ เขาเรียกชีอนมาพบและทดสอบความรู้เกียวกับกุมารศัลยแพทย์ แม้ชีอนจะตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง แต่โดฮันกลับดับฝันชีอนด้วยการบอกว่า เขาไม่มีวันได้เป็นกุมารศัลยแพทย์อย่างที่ตั้งใจ และให้ใช้เวลาตลอด 6 เดือนในช่วงทดลองงาน หาคำตอบว่าทำไมเขาถึงเป็นกุมารศัลยแพทย์ไม่ได้ (แทนที่จะใช้เวลาพัฒนาทักษะด้านการแพทย์) ชีอนมัวแต่สนใจรูบิคบนโต๊ะจึงไม่ได้ตั้งใจฟัง ทำให้ถูกโดฮันตะคอกใส่ด้วยความโกรธ ชีอนรีบกล่าวขอโทษ แต่โดฮันบอกว่าสิ่งที่ตนเกลียดมากที่สุดคือข้อผิดพลาดและการแก้ตัว
โดฮันถามชีอนว่าเขาเคยทำการผ่าตัดกรณีอื่น นอกเหนือไปจากการผ่าตัดช่วยชีวิตกรณีฉุกเฉินไหม เมื่อได้รับคำตอบว่าไม่เคย เขาก็ถามชีอนอีกว่า รู้ได้อย่างไรว่าฮยอนอูมีอาการผิดปกติที่เยื่อหุ้มหัวใจ ชีอนตอบว่าตนนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากการอ่าน (ตำรา) การเห็น (อาการบ่งชี้) และการได้ยิน (การเต้นของหัวใจ) มาประมวลเป็นภาพในสมอง โดฮันฟังแล้วถึงกับอึ้ง
จินวุคเข้ามาตามโดฮันให้ช่วยดูผลการตรวจปลายลำไส้ใหญ่ โดฮันบอกให้ชีอนกลับไปพักผ่อนก่อนเดินออกไปดูจอมอนิเตอร์ทางด้านนอก ชีอนหันไปมองรูบิคด้วยความสนใจและยังไม่ยอมออกจากห้องทำงานของโดฮัน โดฮันหันไปเห็นชีอนยืนอยู่ในห้องจึงเดินกลับมาถามว่าทำอะไร ชีอนตอบว่า "เปล่าครับ" แล้วรีบออกจากห้องไป เมื่อโดฮันกลับมานั่งที่โต๊ะก็พบว่าชีอนเล่นรูบิค 12 สีของตนได้สำเร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว
หัวหน้าโกถูกพยาบาลโจโทรฯ เรียกให้มาตรวจเด็กชายซองโฮ ซึ่งมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงหลังจากผ่าตัดได้ 3 วัน เขาบอกแม่เด็กอย่างไม่ค่อยใส่ใจนักว่าเป็นเรื่องปกติ แล้วเดินจากไป หัวหน้าโกรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกตามตัวขณะกำลังจะออกไปข้างนอกจึงพาลใส่พยาบาลโจ พยาบาลโจแย้งว่าซองโฮปวดท้องมากผิดปกติ จึงถูกหัวหน้าโกสวนกลับว่า "คิดว่าตัวเองเป็นหมอเจ้าของไข้หรือไง" หัวหน้าโกย้ำว่าพรุ่งนี้ตนติดงานสัมมนา ถ้าไม่จำเป็นห้ามโทรฯ ไปหาเด็ดขาด
หลังมีปากเสียงกับโดฮัน ยูนซูก็มานั่งดื่มเหล้าในบาร์ที่ตกแต่งเป็นธีมโรงพยาบาล เธอบ่นกับบาร์เทนเดอร์ว่ากินยังไงก็ไม่เมาสักที บาร์เทนเดอร์เห็นว่ายูนซอและโดฮันทะเลาะกันบ่อยครั้ง จึงเหน็บว่าชาติก่อนทั้งคู่คงเป็น "ทอมกับเจอร์รี่" หลังนินทาโดฮันได้สักพัก โทรศัพท์มือถือของยูนซูก็ดังขึ้น โดฮันโทรฯ มาถามว่ายูนซออยู่ที่ไหน ยูนซอโกหกว่า 'ห้องสมุด' โดฮันตามต่อว่ากำลังเมาปลิ้นอยู่ใช่ไหม (ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่หน้าบาร์) และยังโกรธตนอยู่หรือ ยูนซอแอบดีใจเพราะนึกว่าโดฮันโทรฯ มาง้อ แต่เขาแค่โทรฯ มาบอกให้ยูนซอพิจารณาตนเองว่าทำผิดเรื่องอะไรและให้สำนึกผิดเสีย เขายังบอกด้วยว่าให้ดื่มอย่างมีสติและเตรียมตัวผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ จากนั้นก็วางหูทันที ยูนซอได้ยินดังนั้นก็ยิ่งโมโห จึงบอกให้บาร์เทนเดอร์ผสมเหล้าทั้งหมดที่มีในร้านมาให้เธอ
เมื่อโดฮันกลับบ้านก็พบว่าแชคยองกำลังอาบน้ำอยู่ในบ้านของตน แชคยองเห็นโดฮันสวมสูทดำกลับบ้านจึงสงสัยว่าเขาไปไหนมา โดฮันโกหกว่าเมื่อเช้าตนมีประชุม (เขาไปที่สุสานน้องชาย) แชคยองบอกโดฮันว่าเธอพยายามคัดค้านผู้อำนวยการชเวเรื่องชีอนแล้ว แต่ผู้อำนวยการชเวยอมเอาตำแหน่งเป็นประกัน คณะกรรมการเลยรับชีอนเป็นแพทย์ประจำบ้านหวังใช้ชีอนเป็นเครื่องมือในการเขี่ยผู้อำนวยการชเวลงจากตำแหน่ง โดฮันฟังแล้วถึงกับอ่อนใจ
ยูนซอเดินเมาปลื้นกลับหอพักพลางร้องเพลงเสียงดังลั่น ทำให้โดนคนแถวนั้นตะโกนด่าและขู่ว่าจะโทรฯ แจ้งตำรวจ ส่วนทางด้านชีอนก็กำลังนั่งเหงาๆ อยู่ในห้องพัก ตรงหน้าเขามีขนมช็อกโกพายปักเทียนหนึ่งเล่ม ส่วนในมือถือมีดผ่าตัดพลาสติก เขานึกถึงตอนที่พี่ชายร้องเพลงแฮ้ปปี้ เบิร์ทเดย์ อวยพรวันเกิดและบอกให้เขาเป่าเทียนที่ปักอยู่บนบิสกิตช็อกโกพาย จากนั้นก็มอบของขวัญวันเกิดให้ อีอนรู้ว่าชีอนอยากเป็นหมอจึงเก็บเงินซื้อชุดเครื่องมือแพทย์พลาสติกให้ พลางบอกว่า "นายต้องเป็นหมอได้แน่ๆ เพราะนายเป็นน้องชายพี่ จริงมั๊ย" ชีอนซึ่งถือมีดผ่าตัดพลาสติกในมือพยักหน้า แล้วบอกว่า "ครับ เพราะผมเป็นน้องชายพี่" อีอนยังบอกอีกว่า ชีอนไม่ได้โง่ ซ้ำยังฉลาดกว่าตนมาก สักวันชีอนจะต้องเป็นหมอที่เก่งกาจอย่างแน่นอน เมื่อถึงวันนั้นชีอนจะต้องรักษาอาการเจ็บป่วยให้ตนกับแม่ หลังจากนั้นอีอนก็ป้อนขนมให้ชีอนด้วยความรักและเอ็นดู
ชีอนเป่าเทียนแล้วหยิบขนมช็อกโกพายมาทานท่ามกลางความมืด อยู่ๆ ก็มีเสียงคนกดรหัสปลดล็อคประตู ชีอนหันไปมองผู้บุกรุกด้วยความตกใจ ปรากฏว่าคนที่เดินเข้าห้องมาก็คือยูนซอ เธอเดินตรงไปที่เตียงแล้วถอดเสื้อผ้าหน้าตาเฉย ชีอนยืนถือขนมมองยูนซอถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นอย่างงงๆ ระหว่างถอดเสื้อผ้า ยูนซอยังคงก่นด่าโดฮันไม่หยุดปาก พอถอดหมดจนเหลือแต่ซับในยูนซอก็คลานขึ้นเตียง ชีอนวางขนมแล้วเดินไปดูใกล้ๆ เมื่อเห็นยูนซอนอนหลับเขาก็พยายามร้องเรียก ยูนซอคิดว่าโดฮันตามมาเทศนาเลยลุกขึ้นมาตวาดให้หุบปากจากนั้นก็ล้มตัวนอนต่อ ชีอนทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่เดินไปเดินมา สักพักเขาก็หยุดมองใบหน้ายูนซอ
เช้าวันรุ่งขึ้นยูนซอกรี๊ดลั่นด้วยความตกใจเมื่อเห็นชีอนซึ่งสวมบ็อกเซอร์เพียงตัวเดียวยืนแปรงฟันอยู่ตรงหน้า สายตาของเขาจับจ้องใบหน้าเธอตลอดเวลา
เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน "ฟ้าส่งผมมาเป็นหมอ (Good Doctor)"
* เนื้อหาโดย luvasianseries
* เนื้อหาโดย luvasianseries
นักแสดงนำ
จูวอน
รับบท พัค ชีอน
มูน แชวอน
รับบท ชา ยูนซอ
จู ซังวุก
รับบท คิม โดฮัน
คิม มินซอ
รับบท ยู แชคยอง
ชอน โฮจิน
รับบท ชเว อูซอก
ควัก โดวอน
รับบท คัง ฮยอนแท
มูน แชวอน
รับบท ชา ยูนซอ
จู ซังวุก
รับบท คิม โดฮัน
คิม มินซอ
รับบท ยู แชคยอง
ชอน โฮจิน
รับบท ชเว อูซอก
ควัก โดวอน
รับบท คัง ฮยอนแท
* ดูคลิปเบื้องหลังและเพลงประกอบได้ ที่นี่
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา