วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2565

เรื่องย่อ คุณคือป้อมปราการของฉัน (You Are My Hero)




กำกับ: จางถง
เขียนบท: ฉินเหวิน
แนวละคร: โรแมนติก, ดราม่า
จำนวนตอน: 40
ออกอากาศ: จีน - 11 มีนาคม 2564 ทาง อ้ายฉีอี้, เถิงซวิ่น, โยวคู่
                  ไทย -  ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.00 น. ทางช่อง MONO29 ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 - 30 มีนาคม 2565 (ดูครบทุกตอนได้ทาง MONOMAX)



 


เรื่องย่อ



ละคร "คุณคือป้อมปราการของฉัน" (You Are My Hero) ดัดแปลงจากนิยายเรื่อง "Ni Shi Wo De Cheng Chi Ying Lei" (你是我的城池营垒) ของนักเขียนสาว "มู่ชิงอวี่" เนื้อหากล่าวถึงเรื่องราวความรักของแพทย์ประจำบ้าน (resident) สาขาศัลยกรรมประสาท "หมีข่า" กับหัวหน้าทีมหน่วย SWAT อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ "สิงเค่อเหล่ย" (เป็นหัวหน้าทีมจู่โจม "เหมิงหู่" (พยัคฆ์ทมิฬ) แห่งเมืองเจียงหนิง) ทั้งคู่พบกันครั้งแรกขณะเกิดเหตุการณ์ปล้นร้านจิวเวลรี่ ในตอนนั้นสิงเค่อเหล่ยได้ช่วยชีวิตหมีข่าเอาไว้ แม้ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร (เธอไม่เห็นใบหน้าเขา) แต่หมีข่าก็ยกให้เขาเป็นฮีโร่ในดวงใจ และเป็นแรงบันดาลใจในการทำหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย

เนื้อหาตอนที่หนึ่ง



เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อสองปีก่อน ในตอนนั้นได้มีโจรห้าคนพร้อมอาวุธครบมือบุกมาปล้นร้านเป่าชิ่งจิวเวลรี่และจับทุกคนในร้านเป็นตัวประกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษกำลังจะบุกจู่โจมคนร้ายและช่วยเหลือตัวประกัน อยู่ๆ "เหล่าเหยียน" หนึ่งในลูกค้าที่ถูกจับเป็นตัวประกันก็มีอาการหัวใจวาย เจ้าหน้าที่เห็นเหตุการณ์ผ่านกล้องวงจรปิดเลยจำต้องหยุดปฏิบัติการชั่วคราว "หมีข่า" (ซึ่งมาเลือกซื้อของขวัญวันครบรอบแต่งงานให้พ่อแม่ และเป็นหนึ่งในตัวประกัน) เห็นผู้ป่วยอยู่ตรงหน้าเลยยกมือขึ้นเพื่อแสดงตัวว่าเป็นหมอ (เธอเพิ่งเรียนจบ) และเข้าไปตรวจดูอาการของเหล่าเหยียนทันที หลังพบว่าอาการของเหล่าเหยียนเข้าขั้นวิกฤติ (กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน) หมีข่าจึงขอนำเหล่าเหยียนไปส่งโรงพยาบาลโดยด่วน แต่คนร้ายไม่สนใจซ้ำยังยิงปืนขู่ เจ้าหน้าที่เลยเริ่มบุกจู่โจมแต่คนร้ายไหวตัวทันเลยโยนระเบิดสวนออกมา 



หลังจากนั้นคนร้ายก็จ่อปืนไปที่ตัวประกันคนหนึ่งแล้วขู่ว่าจะยิงหากเจ้าหน้าที่ไม่ถอยออกไป "สิงเค่อเหล่ย" (ซึ่งซ่อนตัวอยู่บนช่องลมระบายอากาศของร้านจิวเวลรี่) เลยชิงลงมือก่อนทันที หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ๆ อยู่ทางด้านนอกก็บุกเข้ามาช่วยตัวประกันได้เกือบหมด คงมีเพียงหมีข่าที่ถูกคนร้าย (หนึ่งเดียวที่เหลือรอด) จับเป็นตัวประกัน ในตอนนั้นหมีข่าไม่เพียงถูกคนร้ายจ่อมีดเข้าที่ลำคอ แต่ในมือเธอยังมีระเบิดที่พร้อมทำงานได้ทุกเมื่อ ครั้นคนร้ายบอกให้วางปืนลง สิงเค่อเหล่ยจึงสั่งให้ทุกคนถอยไปและยิงแสกหน้าคนร้ายทันที 



สิงเค่อเหล่ยรีบพุ่งเข้าไปหาหมีข่าที่กำลังเสียหลักเพื่อรับตัวเธอและช่วยประคองระเบิดเอาไว้ เขาบอกให้หมีข่ากำระเบิดแน่นๆ โดยชี้ว่าทำเช่นนั้นแล้วระเบิดจะไม่ทำงาน     แต่หมีข่าไม่เชื่อเพราะเธอเห็นคนร้ายถอดสลักระเบิดต่อหน้าต่อตา สิงเค่อเหล่ยยืนยันคำเดิมว่าตราบใดที่เธอจับแน่นๆ และไม่ปล่อยมือระเบิดจะไม่ทำงาน หมีข่าถามว่าจับแน่นๆ แล้วทำยังไงต่อ สิงเค่อเหล่ยบอกว่าตนจะพาหมีข่าออกจากร้านจิวเวลรี่ หมีข่ากลัวว่าเขาจะพาตนไประเบิดทิ้งที่อื่น สิงเค่อเหล่ยแอบขำก่อนยืนยันว่าหมีข่าไม่ตายแน่นอน เพราะเขาจะพาเธอไปสถานที่ทำลายวัตถุระเบิด 



เพื่อลดอาการสติแตกของหมีข่า (เธอร้องไห้และตกใจกลัวจนตัวสั่น การจับระเบิดเลยไม่มั่นคง) สิงเค่อเหล่ยจึงชวนเธอคุย เขากล่าวชมว่าเธอกล้าหาญก่อนถามว่าเธอทำงานอะไร หมีข่าบอกว่าตนเป็นศัลยแพทย์ที่เพิ่งเรียนจบได้ไม่นาน สิงเค่อเหล่ยเปรยว่าศัลยแพทย์ต้องมีมือที่มั่นคง (มือไม่สั่น) หมีข่าชี้ว่าตนควบคุมมือตัวเองไม่ได้ เพราะนิวโรเอนโดคริน (ระบบประสาทที่ควบคุมการหลั่งฮอร์โมน) ตอบสนองต่อระบบประสาทซิมพาเทติก (ส่วนหนึ่งของระบบประสาทอัตโนมัติซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจจิตใจ ทำหน้าที่ภายใต้แรงกดดันเพื่อให้ร่างกายตอบสนองในภาวะคับขันสิงเค่อเหล่ยยอมรับว่าหมีข่าเก่งเรื่องวิชาการ แต่ไม่วายเตือนว่าขืนเธอยังหลั่งฮอร์โมนออกมาเรื่อยๆ พวกตนคงต้องตายที่นี่แน่ หลังถามชื่อแซ่เธอแล้วเขาก็ขอให้เธอลุกขึ้นแล้วตามตนออกไปทางด้านนอก แต่หมีข่าไม่กล้าขยับเพราะกลัวทำระเบิดหล่น สิงเค่อเหล่ยพยายามปลอบประโลมและเรียกสติเธออย่างใจเย็น โดยขอให้เธอเชื่อใจตนและยืนยันว่าเธอจะปลอดภัยเพราะมีตนอยู่ทั้งคน 



หลังช่วยประคองหมีข่าให้ลุกขึ้น สิงเค่อเหล่ยจึงแอบส่งสัญญาณบอกเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ให้ถอยห่างออกไป เขาพาเธอไปยังสถานที่ทำลายระเบิดซึ่งมีเจ้าหน้าหน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดรออยู่ จากนั้นจึงบอกให้เธอค่อยๆ ปล่อยนิ้วจากระเบิดทีละนิ้ว เพื่อที่เขาจะได้สอดนิ้วของตนเข้าไปกดกลไกของระเบิดแทน (ดันคานเอาไว้ไม่ให้ระเบิดทำงาน) หลังระเบิดเปลี่ยนมาอยู่ในมือตนสิงเค่อเหล่ยจึงส่งสัญญาณบอกเจ้าหน้าที่ให้รีบนำตัวหมีข่าออกไป หมีข่าอดเป็นห่วงสิงเค่อเหล่ยไม่ได้ สิงเค่อเหล่ยจึงย้ำว่าตนเป็นตำรวจ ครั้นได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหมีข่าจึงหันกลับไปมองด้วยความเป็นห่วง แต่เธอมองไม่เห็นสิงเค่อเหล่ยเพราะบริเวณดังกล่าวเต็มไปด้วยควันหนาทึบ 



สองปีต่อมา หมี่ข่ากลายเป็นแพทย์ประจำบ้าน (resident) สาขาศัลยกรรมประสาท เธอพักอยู่กับเพื่อนสนิทที่ชื่อ "เย่เสียวหม่าน" ซึ่งเป็นโรคเนื้องอกในสมองที่มีความรุนแรงมาก (Malignant (High grade) Gliomas) แม้กำลังป่วยหนักแต่เสียวหม่านยังคงช่วยดูแลเรื่องอาหารการกินให้หมีข่า ขณะที่หมีข่าเองก็คอยดูแลและหาทางรักษาอาการป่วยของเสียวหม่าน เนื่องจากหมีข่าต้องไปฝึกอบรมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ ("การแพทย์ฉุกเฉิน" หรือ "กู้ชีพกู้ภัย") เป็นเวลาสองสัปดาห์ เธอจึงอดเป็นห่วงเสียวหม่านไม่ได้ เธอสัญญาว่าจะหาทางรักษาเสียวหม่านให้ได้ แต่เสียวหม่านชักเริ่มถอดใจเพราะนอกจากอาการของโรคแล้วเธอยังต้องทนทุกข์ทรมานจากกระบวนการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด ฉายแสง และทำคีโมฯ พอตรวจพบเนื้องอกในสมองซ้ำเป็นครั้งที่สามเสียวหม่านเลยยิ่งท้อและไม่อยากเจ็บตัวอีก แต่หมีข่าไม่ยอมแพ้เพราะไม่อยากเสียเพื่อนรักไป 



หมีข่า พร้อม "สวี่เหยียนซาน""เฉินเทา" และแพทย์คนอื่นๆ มาเข้าค่ายฝึกอบรม "ปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์" ที่ศูนย์ฝึกตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ การฝึกอบรมดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของโรงพยาบาลเหรินซินกับตำรวจหน่วย SWAT ทุกๆ สองปี    ("ผู้อำนวยการเฮ่อ" แห่งโรงพยาบาลเหรินซิน เป็นภรรยาของ "ห่าวอี้เฉิง" หัวหน้าหน่วย SWAT) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ให้สามารถปฏิบัติภารกิจด้านการรักษาพยาบาลฉุกเฉินในพื้นที่ประสบภัย (ภัยพิบัติ) หรือสถานที่เกิดเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที หัวหน้าครูฝึกในครั้งนี้คือ สิงเค่อเหล่ย หัวหน้าทีมจู่โจมเหมิงหู่ (พยัคฆ์ทมิฬ) ของหน่วย SWAT แต่เนื่องจากวันแรกของการฝึกอบรมสิงเค่อเหล่ยต้องไปร่วมซ้อมแผนเผชิญเหตุจี้เครื่องบิน (จำลองเหตุการณ์) กับเหล่าลูกเรือของสายการบินแห่งหนึ่ง "ซู่เหวินโป" (รองหัวหน้าทีมเหมิงหู่ และผู้ช่วยครูฝึก) เลยต้องรับหน้าที่แทนชั่วคราว


แม้รู้ว่าตลอดสองสัปดาห์ของการฝึกอบรม ทุกคนจะต้องตัดขาดจากโลกภายนอกและต้องรักษาระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด แต่หมีข่าจำเป็นต้องกลับไปที่โรงพยาบาลในตอนบ่าย  เนื่องจากหมอ "เส้าอวี่หาน" ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมประสาทแห่งศูนย์การแพทย์อัลเลนในสหรัฐอเมริกา (เป็นศูนย์บริการทางการแพทย์ชั้นนำของโลก) จะมาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านวิชาการที่โรงพยาบาลเหรินซิน เธออยากออกไปพบหมอเส้าเพราะเขาเป็นคนเดียวที่ช่วยชีวิตเสียวหม่านได้ เหยียนซานเชื่อว่าซู่เหวินโปคงไม่ปล่อยให้หมีข่าออกไปได้โดยง่ายเพราะที่นี่เป็นค่ายฝึกอบรมแบบปิด เฉินเทาแย้งว่าคนที่โหดและน่ากลัวยิ่งกว่าคือสิงเค่อเหล่ย ฉายาของเขาคือ "เมี่ยป้า" (ธานอส) เป็นจอมวายร้ายที่ชอบสร้างความปั่นป่วนให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรม โดยก่อนหน้านี้เขาเคยทำให้รุ่นพี่สองคนเกือบชวดประกาศนียบัตร เหยียนซานเสริมว่าสิงเค่อเหล่ยเป็นหัวหน้าทีมที่อายุน้อยที่สุดนับตั้งแต่มีการก่อตั้งทีมจู่โจมเหมิงหู่ หลังทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุดเขาเลยถูกเลือกเป็นหัวหน้าทีม แต่สำหรับหมีข่าแล้วตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่น่าทึ่งและเก่งกล้าเกินใครคือฮีโร่ในดวงใจที่เคยช่วยชีวิตเธอ 




หมีข่าไปหาซู่เหวินโปเพื่อขอลาช่วงบ่าย (ของการฝึกอบรมวันแรก) โดยบอกว่าตนมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน แต่ซู่เหวินโปยืนกรานว่าหมีข่าต้องนำใบลาไปให้สิงเค่อเหล่ยเซ็นอนุมัติก่อน ปัญหาคือสิงเค่อเหล่ยยังไม่กลับมาและไม่รับสายซู่เหวินโป (เขากำลังขับรถกลับ) หมีข่าไม่มีทางเลือกเลยแอบหนีออกจากค่ายฝึก สิงเค่อเหล่ยเห็นหมีข่ายืนอยู่ริมถนนอีกฝั่งเลยกลับรถ (เธอสวมชุดที่บ่งบอกว่าเป็นผู้เข้ารับการฝึกอบรม) หมีข่าเห็นรถของสิงเค่อเหล่ยเลยรีบกระโดดขวางและขอให้เขาช่วยขับรถไปส่งเธอที่โรงพยาบาลเหรินซิน สิงเค่อเหล่ยยอมไปส่งเธอแต่โดยดี 


สิงเค่อเหล่ยสงสัยว่าทำไมหมีข่าถึงมายืนอยู่ตรงนั้น หมีข่าบอกว่าตนเป็นหมอที่โรงพยาบาลเหรินซิน มาฝึกอบรมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ศูนย์ฝึกตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หมีข่าถามกลับว่าเขาทำงานอะไร สิงเค่อเหล่ยตอบว่าตนเป็นตำรวจและถามว่าเธอชื่ออะไร ครั้นได้ยินว่าเธอชื่อ...หมีข่า เขาก็จำเธอได้ทันที (แต่เธอจำเขาไม่ได้เพราะเมื่อสองปีก่อนเขาสวมเครื่องแบบที่อำพรางใบหน้า แถมตอนนี้ยังสวมแว่นตา) เมื่อถูกถามเรื่องการฝึกอบรม หมีข่าบอกตามตรงว่าก็แค่การฝึกสมรรถภาพร่างกายขั้นพื้นฐาน หลายคนจำใจมาอบรมเพียงเพราะต้องการประกาศนียบัตร แต่เธอต้องการเรียนรู้ทักษะบางประการที่สามารถนำไปใช้ในยามที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจมีประสิทธิภาพและไม่เป็นภาระผู้อื่น (ในพื้นที่ประสบภัย) 

สิงเค่อเหล่ยถามว่าใครเป็นครูฝึกเธอ หมีข่าตอบว่าซู่เหวินโป เธอเล่าว่าเขาสอนได้ดี  มีความรับผิดชอบ แม้หน้านิ่งไปหน่อยแต่เธอได้ยินว่าเขาดีกว่าอีตาสิงเค่อเหล่ยอะไรนั่น เธอบ่นว่าสิงเค่อเหล่ยเป็นหัวหน้าครูฝึกแท้ๆ แต่กลับละเลยหน้าที่ จะขอลาแต่ละทีก็ต้องล่าลายเซ็นเขา เพราะอย่างนี้เธอเลยเกือบ (หนี) ออกมาไม่ได้ สิงเค่อเหล่ยแกล้งบอกว่าตนไม่ชอบสิงเค่อเหล่ยเช่นกัน และหลอกถามว่าเธอเม้าท์สิงเค่อเหล่ยลับหลังยังไงบ้าง หมีข่าเล่าทุกสิ่งที่ได้ยินจากปากเฉินเทา ก่อนถามว่าสิงเค่อเหล่ยไม่ได้เป็นหัวหน้าเขาใช่ไหม (เธอเห็นเขาหน้าเด็กเลยไม่คิดว่าเป็นหัวหน้า) สิงเค่อเหล่ยไม่ตอบ เขาเห็นเธอร้อนใจเพราะกลัวไปไม่ทันเลยรีบซิ่งไปส่งเธอ



ในที่สุดหมีข่าก็ไปถึงโรงพยาบาลทันเวลา เธอรีบสวมเสื้อกาวน์เพื่อ (แอบ) เข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำหัตถการ ทั้งที่รู้ว่าการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นสำหรับผู้ที่เป็นแพทย์ประจำ (Attending Physicians) ขึ้นไป (หมีข่าเป็นแพทย์ประจำบ้าน (Resident) จึงไม่มีสิทธิเข้าร่วมการประชุม) ทั้งนี้เพราะผู้เข้าร่วมการประชุมจะได้เรียนรู้ภาคปฏิบัติจากหมอเส้า (เส้าอวี่หาน) โดยเขาจะทำการผ่าตัดสมองแบบผู้ป่วยตื่น (Awake Craniotomy) ให้คนไข้ที่ชื่อ "โม่เสี่ยวฮุย" ซึ่งในระหว่างการผ่าตัดจะทำการถ่ายทอดสดให้ผู้ที่อยู่ในห้องประชุมได้ชมและแสดงความคิดเห็นด้วย 

ก่อนลงมือผ่าตัดหมอเส้าบอกคนไข้ว่า เนื้องอกอยู่ในสมองซีกซ้ายใกล้ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษามาก ทีมแพทย์เลยตัดสินใจว่าจะปลุกเขาในขณะผ่าตัดเพื่อทดสอบการตอบสนอง ซึ่งคนไข้เข้าใจและยอมรับแต่โดยดี แต่แพทย์บางคน (ที่สังเกตการณ์ในห้องประชุม) มองว่าหมอเส้าเลือกวิธีผ่าตัดที่ยากและเสี่ยงเกินไป เนื่องจากคนไข้อายุน้อย (15 ปี) ซ้ำยังเป็นการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ (จิตใจคนไข้อาจไม่เข้มแข็งพอ) แต่ "ประธานจาง" แย้งว่าหากผ่าตัดแบบเดิมจะมีความเสี่ยงสูง เพราะตำแหน่งเนื้องอกอยู่ใกล้สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาและการเคลื่อนไหวของคนไข้ จึงอาจทำให้สมองส่วนดังกล่าวเสียหายได้ 

หลังผ่าตัดได้สักพักหมอเส้าบอกให้วิสัญญีแพทย์ใช้ยาสลบความเข้มข้นต่ำ และสั่งให้แพทย์ใช้น้ำเกลือเย็นล้างสมองของคนไข้ จากนั้นจึงปลุกคนไข้เพื่อทดสอบการตอบสนอง ผลการทดสอบเป็นไปด้วยดีแต่ไม่นานคนไข้ก็มีอาการชัก (คนไข้เป็นโรคลมชัก) หมอเส้าจึงใช้น้ำเกลือเย็นจัดลดการกระตุ้นการทำงานของสมอง แม้ผู้ป่วยจะมีอาการชาเล็กน้อยที่มือขวา (เนื้องอกอยู่ใกล้ส่วนของสมองที่ควบคุมการทำงานของมือ) แต่หมอเส้ายังคงมั่นใจและเดินหน้าตัดเนื้องอก (ชนิดร้ายแรง) ต่อไปจนสำเร็จลุล่วง (เหลือไม่ถึงห้าเปอร์เซ็นต์ และไม่ทำให้สมองเสียหาย)  


ประธานจางประทับใจในความสามารถของหมอเส้าและกล่าวชมเขาที่ยื้อชีวิตคนไข้ได้สำเร็จ หมอเส้ากล่าวว่าสำหรับตนแล้ว คนเป็นหมอต้องไม่สักแต่ยื้อชีวิต แต่ต้องให้ชีวิตที่ดีขึ้นแก่คนไข้ด้วย ครั้นมีคนชมว่าโชคดีที่หมอเส้าตัดสินใจได้รวดเร็วและมีมือที่มั่นคง หมอเส้าจึงชี้ว่าสิ่งที่ตนทำไม่ใช่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่เกิดจากการคาดการณ์ล่วงหน้าและวางแผนรับมือ  ส่วนมือที่มั่นคงเกิดจากการฝึกฝนล้วนๆ หมอเส้าไม่อยากเสียเวลาคุยเรื่องไร้สาระเลยตัดบทด้วยการชวนประธานจางไปดูอาการคนไข้ที่ห้องไอซียู หมีข่าเห็นความสามารถของหมอเส้าแล้วยิ่งมีความหวัง

** จบตอนที่หนึ่ง **

* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่





รายชื่อนักแสดง


นักแสดงนำ


หม่าซือฉุน
รับบท หมีข่า
(นักแสดง ชาวจีน)



ไป๋จิ้งถิง
รับบท สิงเค่อเหล่ย
(นักแสดง ชาวจีน)


คนใกล้ชิด "สิงเค่อเหล่ย"


เฉินฮ่าว
รับบท ซู่เหวินโป
(นักแสดง ชาวจีน)



จางเหยา
รับบท สิงเค่อเหยา
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)

คนใกล้ชิด "หมีข่า"


หวังหยาง
รับบท เส้าอวี่หาน
(นักแสดง ชาวจีน)



เจียงเพ่ยเหยา
รับบท หร่วนชิงเซี่ย
(นักแสดง ชาวจีน)








*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา