วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เรื่องย่อ History of the Salaryman





กำกับ:  ยู อินชิก
เขียนบท:  จาง ยองชอล, ชอง กยองซุน  
แนวละคร:  คอมเมดี้, โรแมนติก, ลึกลับ
จำนวนตอน:  22
ออกอากาศ:  เกาหลี - 2 มกราคม 2555 - 13 มีนาคม 2555 ทาง เอสบีเอส  
                       ไทย - ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.00-23.30 น. ทาง เวิร์คพอยท์ทีวี 

เรื่องย่อ


ละคร "History of the Salaryman" หรือ "ซาลารี่แมน โชฮันจี" เปิดฉากในตอนที่หนึ่งด้วยภาพเหตุการณ์ขณะที่  "โอ ยูบัง" ถือไฟฉายเข้าไปสำรวจบ้านหรูท่ามกลางความมืดในคืนฝนฟ้าคะนอง ปรากฏว่าภายในบ้านมีเศษโคมไฟแตกกระจายเกลื่อนพื้น เขาพบชายคนหนึ่งนั่งหันหลังอยู่บนเก้าอี้โยก จึงเดินเข้าไปหาแล้วลองผลักเก้าอี้ดู  เมื่อเห็นว่า "โฮแฮ" รองประธาน กลุ่มบริษัท ชอนฮา เมดิคัล กรุ๊ป  นั่งเสียชีวิตอยู่บนเก้าอี้ในสภาพเลือดอาบศีรษะ ยูบังก็ตกใจจนล้มหงายหลัง ระหว่างที่กำลังจะเดินออกจากห้องเขาสังเกตเห็นเงาคนหลบอยู่หลังม่านจึงเดินเข้าไปดู และพบว่าเป็นยอจีซึ่งกำลังสติแตกด้วยความตกใจกลัว  

หลังยูบังไปร่วมงานศพ "โฮแฮ" ได้ไม่นาน ตำรวจก็บุกเข้ามาจับยูบังและยอจี ทั้งคู่ถูกใส่กุญแจมือและถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร แม้จะดิ้นรนขัดขืนและยืนกรานว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ถูกตำรวจลากตัวออกไป

ย้อนกลับไปเมื่อสามเดือนก่อน


ระหว่างการประชุมผู้บริหาร "จิน ซีฮวาง" ประธานกลุ่มบริษัท ชอนฮา เมดิคัล กรุ๊ป ได้สั่งให้ที่ประชุมช่วยกันปั้นยอจีให้พร้อมขึ้นแท่นผู้บริหาร จางรยางแย้งว่า โฮแฮซึ่งเป็นลูกของประธานจินและอยู่ในฐานะรองประธานก็นั่งอยู่ที่นี่แล้ว  ทำไมประธานจินจึงคิดปลุกปั้นยอจีซึ่งเป็นเพียงหลานสาวให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารเทียบชั้นโฮแฮอีก ประธานจินไม่สนใจเสียงคัดค้านและย้ำให้ทุกคนทำตามคำสั่ง โดยบอกว่าตนไม่สนใจว่าจะเป็นลูกชายหรือหลานสาว ขอเพียงคนๆ นั้นพิสูจน์ให้เห็นว่ามีความเหมาะสมและมีความสามารถก็จะได้สืบทอดตำแหน่งประธานบริษัทต่อจากตน ทำให้โฮแฮไม่พอใจมาก (ที่ผ่านมา โฮแฮมักทำให้ประธานจินทั้งผิดหวังและสูญเงินไปเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญเขามีจุดอ่อนเรื่องผู้หญิง)


ยูบังซึ่งนั่งอยู่ในร้านกาแฟหันไปเห็นยอจีในร้านกาแฟหรูฝั่งตรงข้ามก็ถึงกับเคลิ้ม เขาตกตะลึงในความงามของยอจีถึงขนาดแอบเพ้ออยู่ในใจ (ด้วยสำเนียงท้องถิ่น) "ให้ตายสิ คนเรากินข้าวเหมือนๆ กัน แต่ทำไมเธอถึงสวยหยาดเยิ้มอย่างนี้ คนธรรมดาสวยปานนางฟ้าได้ด้วยเหรอ" เมื่อเห็นยอจีรับโทรศัพท์ยูบังก็รำพึงรำพันในใจต่อว่า "ดูริมฝีปากของเธอสิ นั่นมันริมฝีปากหรือดอกไม้กันแน่เนี่ย สิ่งที่ออกจากปากเธอต้องไม่ใช่น้ำลายแต่เป็นน้ำผึ้งชัวร์ๆ อยากรู้จังว่าเสียงของเธอจะหวานหูซักแค่ไหนกันฮึ! ฮึ!"  (เวอร์ชั่นฉายเกาหลีใช้เพลงประกอบ "She" จากภาพยนตร์เรื่อง Notting Hill)

ทันใดนั้น กล้องก็ซูมไปที่ยอจี ปรากฏว่าริมฝีปากอันงดงามของเธอกำลังต่อว่า (ด่า) เลขาที่ปล่อยให้เธอรอนาน 7 นาที เธอพ่นคำหยาบคายออกมาเป็นชุด (และดังลั่นร้าน) จนต้องดูดเสียง ระหว่างนั้น ยูบังยังคงนั่งฝันหวานและมองยอจีอย่างชื่นชม โดยไม่รู้ว่ายอจีตัวจริงกับคนที่อยู่ในจินตนาการของเขาช่างต่างกันแบบสุดขั้ว

พนักงานคนหนึ่งทำกาแฟหยดใส่รองเท้ายอจี เธอจึงรีบก้มลงเช็ดรองเท้าให้อย่างรู้สึกผิด แต่กลับถูกยอจีตำหนิ (ด่า) ว่าเช็ดแรงจนทำให้รองเท้าราคาแพงของเธอเป็นรอย  ยูบังไม่รู้เรื่องรู้ราวจึงยังคงนั่งมองยอจีอย่างเคลิบเคลิ้มและบอกตัวเองว่าเธอสูงส่งจนเกินเอื้อม ถึงกระนั้นเขาก็แอบหวังว่าสักวันจะได้ออกเดทกับผู้หญิงที่ดีพร้อมแบบยอจี 


ยูบังซึ่งกำลังตกงานและพยายามออกหางานทำ นัดพบ "พอนเก" ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทชอนฮาที่ร้านกาแฟเพื่อทำข้อตกลงเรื่องการเป็นอาสาสมัครทดลองยา ทันทีที่มาถึงพอนเกก็มอบสัญญาให้ยูบังอ่าน (ในขณะที่ยูบังกำลังนั่งอ่านสัญญา คนดูจะเห็นภาพยอจีกำลังตบหน้า ปารองเท้า และอาละวาดใส่พนักงานในร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามสุดฤทธิ์ - มองผ่านผนังกระจกจากโต๊ะของยูบัง) หลังอ่านสัญญาจบแล้ว ยูบังก็จรดปากกาเซ็นชื่อ

อีกด้านหนึ่ง ชเว ฮังวู ผู้อำนวยการหนุ่มไฟแรงแห่งบริษัท จางโช ฟาร์มาซูติคอลส์ ก็กำลังรายงานผลการสอดแนมบริษัทคู่แข่ง (ชอนฮา เมดิคัล กรุ๊ป) ให้ประธาน "โอ จีรัก" ทราบ โดยบอกว่า บริษัท ชอนฮา กำลังซุ่มทำโครงการลับ ภายใต้ชื่อ "บีบี โปรเจ็ค" ซึ่งเป็นโครงการพัฒนายาอายุวัฒนะที่จะช่วยชะลอความชราและทำให้อายุยืนยาว  โดยมีอาสาสมัคร 30 คนตอบรับการเป็นหนูลองยา แต่เนื่องจากเป็นโครงการลับสุดยอดจึงไม่มีใครรู้ว่ายาที่พวกตนกำลังจะทดลองผลิตโดยบริษัทไหนและเป็นยาอะไร


ฮังวู ยังบอกด้วยว่าเมื่อไม่นานมานี้ ประธานบริษัท ชอนฮา นัดพบเหล่าผู้บริหารธนาคารชั้นนำบ่อยครั้ง เขาเชื่อว่ายาตัวใหม่ของชอนฮาจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้เป็นจำนวนมหาศาลหลังเสร็จสิ้นการทดลองยาในช่วงปลายเดือนนี้ ประธานโอฟังแล้วโกรธจัดถึงขั้นปัดแก้วกาแฟล้มลง ทั้งยังโวยวายว่าที่ผ่านมาบริษัทของตนก็ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลไปกับการวิจัยและพัฒนายาตัวใหม่เช่นกัน หากบริษัทชอนฮาชิงเปิดตัวยาใหม่ก่อน บริษัทของตนจะเสียหายยับเยินจนอาจถึงขั้นล้มละลาย หลังถูกประธานโอลำเลิกบุญคุณ  ฮังวูก็เสนอ 3 ทางเลือก คือ 1. เร่งพัฒนายาตัวใหม่แล้วเปิดตัวก่อนบริษัท ชอนฮา ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้น้อยที่สุด  2. ขัดขวางการพัฒนายาตัวใหม่ เพื่อไม่ให้บริษัท ชอนฮาได้รับเงินลงทุน แต่วิธีที่มีโอกาสสำเร็จมากที่สุดก็คือข้อ 3. ขโมยยา  (มาวิเคราะห์ส่วนผสม) และเขาก็อาสารับหน้าที่นี้ด้วยตัวเอง
  
ระหว่างที่อาสาสมัครทั้ง 30 คน รวมทั้งยูบังและฮังวู นั่งอยู่บนรถบัสเพื่อเตรียมเดินทางไปยังสถานที่ทดลองยา เจ้าหน้าที่ของบริษัทชอนฮาก็ยึดโทรศัพท์มือถือของทุกคนเอาไว้ชั่วคราว ยูบังแอบโทรศัพท์หาทางบ้านทำให้รู้ว่าแม่ของตนหนีออกจากโรงพยาบาลอีกตามเคย เพราะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา  (ทั้งๆ ที่รู้ว่าหากไม่รักษาจะเป็นอันตราย)  ยูบังรู้สึกเสียใจมาก จึงหวังว่าการเป็นหนูลองยาในครั้งนี้จะทำให้มีเงินมารักษาแม่เสียที หลังแอบคุยกับทางบ้านได้ไม่นานเขาก็ถูกพอนเกยึดโทรศัพท์ไป


"ชา อูฮี" หัวหน้าทีมวิจัย ประจำแผนกวิทยาศาสตร์ชีวภาพและลูกทีม เดินขึ้นไปบนรถบัสแล้วบอกอาสาสมัครทุกคนว่า ตลอดระยะเวลา 10 วันของการทดลองยาทุกคนจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และเนื่องจากเป็นความลับสุดยอดเธอจึงขอให้ทุกคนสวมผ้าปิดตาก่อนออกเดินทาง ครั้นพอถูกซักถามในเรื่องต่างๆ เธอก็ปฏิเสธที่จะตอบคำถามและบอกให้ทุกคนทำตามคำสั่งแต่เพียงอย่างเดียว แถมยังย้ำให้เก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับตราบจนวันตาย หากใครทำผิดกฏจะถูกขับออกจากการทดลองทันที ใครคิดว่าไม่อาจรับเงื่อนไขทั้งหมดนี้ก็สามารถถอนตัวได้ แต่จะต้องคืนเงินมัดจำงวดแรกให้กับทางบริษัทก่อน

แม้จะรักษาความลับอย่างเข้มงวดถึงขนาดยึดโทรศัพท์และจัดให้มีรถติดตาม เพื่อป้องกันความลับรั่วไหลและไม่ให้ถูกสะกดรอยตาม แต่อูฮีและเพื่อนร่วมงานไม่รู้เลยว่าฮังวูแอบติดเครื่องติดตามไว้ที่เบาะนั่งเพื่อให้ "ฮันชิน" และลูกน้อง ซึ่งเป็นสายลับของบริษัทรู้ว่ารถบัสกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางใด 


ในเวลาเดียวกันนั้น ประธานจินกำลังวาดวงสวิงในสนามกอล์ฟพลางบอกลูกน้องของตนว่า ในบรรดาอาสาสมัครทดลองยา 30 คน จะต้องมีบางคนเป็นสายลับของบริษัทคู่แข่งที่แฝงตัวเข้ามาอย่างแน่นอน (กล้องโคลสไปที่หน้า "ชเว ฮังรยาง)...  "ปาร์ก บอมจึง" (กรรมการบริหาร) แสดงความเห็นว่า  มีความเป็นไปได้ว่าทุกคนอาจเป็นหน่วยสอดแนมของบริษัทคู่แข่งที่แฝงตัวเข้ามาล้วงความลับทางการค้าของบริษัท (หรือที่เรียกว่าการจารกรรมทางอุตสาหกรรม) ประธานจินฟังแล้วถึงกับชะงักและหันไปหาบอมจึงเพื่อฟังคำอธิบาย บอมจึงยังไม่ทันได้พูดอะไร จางรยาง (ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ) ก็แทรกขึ้นว่า อาสาสมัครทั้ง 30 คนต่างถูกควบคุมตัวและอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา ดังนั้น สิ่งที่ประธานจินเป็นกังวลจะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน 


ทันใดนั้น ก็มีเสียงแคดดี้ร้องตะโกนว่า "โฟร์!" (คำที่ใช้เตือนให้ระวังลูกกอล์ฟ) ประธานจินรีบเอามือกุมหัวแล้วหมอบลงกับพื้น ส่วนคนอื่นๆ ต่างช่วยกันยืนกำบังประธานจินเอาไว้ หลังลุกขึ้นประธานจินก็ตะโกนถามว่าใครกันที่ไร้มารยาทและบังอาจตีลูกกอล์ฟใส่ตน  แต่แล้วก็มีเสียงแคดดี้ร้องตะโกนว่า "โฟร์!" อีกครั้ง ประธานจินจึงรีบหมอบลง เมื่อลุกขึ้นเขาก็ตะโกนถามอีกครั้งว่าใครเป็นคนตีกอล์ฟใส่พวกตน ปรากฏว่าก๊วนกอล์ฟที่เดินตรงเข้ามาหาก็คือ คู่ปรับตลอดกาลอย่าง ประธานโอและลูกสมุน 

แทนที่จะเดินเข้ามาคุยกันใกล้ๆ ประธานโอกลับยืนเผชิญหน้ากับประธานจินโดยรักษาระยะห่างพอประมาณ ทั้งคู่พูดถากถางกันไปมาผ่านทางโทรศัพท์  ประธานโอเยาะเย้ยประธานจินเรื่องที่เขาเกือบโดนลูกกอล์ฟของตนพุ่งเข้าใส่ ส่วนประธานจินเยาะเย้ยประธานโอเรื่องที่เขายังพัฒนายาตัวใหม่ไม่สำเร็จ ประธานโอรู้สึกเจ็บจี๊ดจึงด่าประธานจินว่าเป็นไอ้หัวขโมย ทั้งยังกล่าวหาว่าประธานจินแอบขโมยงานวิจัยยาตัวใหม่ของบริษัทตนไป  ประธานจินได้ยินดังนั้นก็ของขึ้น จึงโวยวายว่าประธานโอนั่นแหล่ะที่ขโมยของๆ ตนก่อน (ขโมยแบบรถยนต์เมื่อ 20 ปีก่อน) หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ถือไม้กอล์ฟวิ่งเข้าหากันแบบสโลว์โมชั่น ก่อนหวดไม้กอล์ฟเข้าใส่กัน ครั้นพอไม้กอล์ฟหลุดมือประธานจินก็จับประธานโอเหวี่ยงไปทางด้านหลัง จนตัวเองหงายหลังลงไปกองกับพื้นข้างๆ กัน หลังจากนั้นสนามกอล์ฟก็แปรเปลี่ยนเป็นสนามรบ


อีกด้านหนึ่ง หนูลองยาทั้ง 30 คนซึ่งเดินทางไปถึงสถานที่ทดลองโดยสวมผ้าปิดตา ก็ได้รับอนุญาตให้ถอดผ้าปิดตาออก อูฮีบอกทุกคนว่านับจากนี้ชื่อของทุกคนจะถูกเปลี่ยนเป็นตัวเลข เมื่อเห็นทุกคนมองกล่องของใช้และเสื้อผ้าบนโต๊ะอย่างงงๆ  เธอจึงอธิบายว่าเจ้าหน้าที่จะเก็บเสื้อผ้าและข้าวของๆ ทุกคนเอาไว้จนกว่าการทดลองจะเสร็จสิ้น... ฮังวูได้ยินดังนั้นก็หยิบแว่นสายตาที่ติดกล้องสอดแนมขึ้นมาสวม เพื่อให้ฮันชินเห็นและได้ยินทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างการทดลอง  อูฮีย้ำว่าระหว่างการทดลองห้ามถามคำถามใดๆ เกี่ยวกับยาตัวใหม่ หากใครทำผิดกฏจะถูกขับออกจากการทดลองทันที  

หลังจากนั้น ทุกคนก็เปลี่ยนมาสวมเครื่องแบบที่ทางบริษัทฯ จัดเตรียมไว้ให้ ก่อนเดินเรียงแถวเข้าไปในอาคารที่อยู่ด้านใน โดยจะต้องฝากของและผ่านเครื่องตรวจจับโลหะก่อน ระหว่างเข้าแถวรอ ฮังวูกำหูฟังในมือด้วยสีหน้าวิตก พลางคิดหาวิธีที่จะลักลอบนำเข้าไปโดยไม่ให้ถูกจับได้... ระหว่างที่ฮันชินกำลังนั่งดูภาพที่ส่งมาจากแว่นของฮังวู เขาก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่ออยู่ๆ ก็มีใบหน้าของยูบังโผล่เข้ามา



ยูบังเดินเข้ามาขวางและจ้องมองแว่นตาของฮังวูอย่างจับผิด ฮังวูไม่อยากให้เสียแผนเลยปัดยูบังออกให้พ้นทางพลางเตือนว่าอย่ามายุ่งกับตน แต่ยูบังก็ยังตื๊อและขู่ฮังวูว่าอย่ามาตบตาตนเสียให้ยาก ฮังวูถึงกับหน้าถอดสีแต่ก็พยายามเก็บอาการ ยูบังจ้องหน้าฮังวูแล้วถามว่าจะไม่ยอมรับแต่โดยดีใช่ไหม หรืออยากให้ตนแฉต่อหน้าทุกคน พูดจบยูบังก็ชี้ไปที่แว่นแล้วแฉว่าแว่นตาที่ฮังวูสวมอยู่เป็นของปลอม ดูโลโก้ แว๊บเดียวตนก็รู้ ฮังวูได้ยินแล้วถึงกับโล่งใจ

ยูบังแนะนำตัวว่า ตนชื่อ 'ยูบัง' (แปลว่า 'เต้านม')  เมื่อเห็นคนอื่นๆ พากันขำ เขาก็รีบอธิบายว่า ตนชื่อ 'บัง' นามสกุล 'ยู'  พอเห็นฮังวูใส่ชุดหมายเลข 22 เขาก็บอกอย่างตื่นเต้นดีใจว่าฮังวูเป็นรูมเมทของตน (แต่ฮังวูไม่ดีใจเลยสักนิด) ฮังวูเห็นอูฮีถือของเดินผ่านมาจึงแกล้งผลักยูบังใส่อูฮีจนอูฮีเสียหลักล้มลง จากนั้นก็แอบหย่อนหูฟังลงในกระเป๋าเสื้อของอูฮี (อูฮีเป็นเจ้าหน้าที่จึงไม่ต้องผ่านการตรวจสอบ) แม้เครื่องจะส่งเสียงร้องตอนที่ "พอนเก" ตรวจหาสิ่งแปลกปลอมบริเวณแว่นตาของฮังวู แต่สุดท้ายฮังวูก็ผ่านพ้นไปได้  พอเข้าเขตหวงห้ามทางด้านในแล้วฮังวูก็รีบตามไปเอาหูฟังคืนจากอูฮี โดยแกล้งทำเป็นเดินชนแล้วแอบล้วงกระเป๋าเธอ


ยูบังเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงตำหนิฮังวูเสียงดังลั่นที่แอบล้วงกระเป๋าผู้หญิง ฮังวูถึงกับเซ็งที่ยูบังตามรังควานไม่เลิก เขาหันไปมองโดยรอบเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดตาคน จากนั้นก็กระชากคอเสื้อแล้วผลักยูบังใส่ราวบันได ก่อนเตือนว่าตนมาที่นี่เพื่อหาเงินติดกระเป๋าเล็กๆ น้อยๆ ดังนั้นจงอย่าหาเรื่องใส่ตัวและอย่ามายุ่งกับตนอีก ทั้งๆ ที่หายใจแทบไม่ออกแต่ยูบังก็ยังถามฮังวูอย่างรู้ทันว่าซ่อนอะไรเอาไว้ในมือ (ยูบังรู้ว่าฮังวูไม่ใช่โจรล้วงกระเป๋า) ฮังวูชักเริ่มเหลืออดจึงคิดสั่งสอนยูบังซักหมัดสองหมัด โชคดีที่พอนเกลงบันไดมาขัดจังหวะ (ห้องวิจับและทดลองยาอยู่ชั้นใต้ดิน) และเร่งให้ทั้งคู่รีบไปที่ห้องทดลอง 

ในเวลาเดียวกันนั้น ประธานจินก็กำลังคุยโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐเรื่องความคืบหน้าเกี่ยวกับยาตัวใหม่ โดยมีไก่ตัวหนึ่งชื่อ "กึมอ๊ก" สวมชุดฮันบกนั่งอยู่ในเบาะหนานุ่มบนโต๊ะทำงาน  หลังประธานจินวางโทรศัพท์ จางรยางก็รายงานว่าการทดลองยาเป็นไปด้วยดี แม้ทุกอย่างกำลังไปได้สวยแต่ประธานจินคิดว่ายังเร็วเกินไปที่จะเปิดแชมแปญฉลอง เพราะเขาต้องการรอจนกว่าบรรดานักลงทุนจะติดเบ็ดเสียก่อน ประธานจินถามจางรยางว่าถ้าเทียบกับคนแล้วตอนนี้กึมอ๊กมีอายุเท่าไหร่ จางรยางตอบว่า 112  ปี ประธานจินได้ยินแล้วถึงกับทึ่ง เพราะนั่นหมายความว่าเขาเองก็จะมีอายุยืนยาวและสุขภาพดีเหมือนไก่ตัวนี้เช่นกัน ("กึมอ๊ก" เป็นไก่ที่ประธานจินใช้ทดลองยาอายุวัฒนะตัวใหม่ที่นอกจากจะช่วยให้อายุยืนยาวแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงเหมือนคนหนุ่มสาวและแลดูอ่อนเยาว์อีกด้วย เขาจึงรักและทะนุถนอมไก่ตัวนี้มาก) 


ประธานจินเรียกบอมจึงมาพบและสั่งให้เตรียมทุกอย่างให้พร้อม เพราะตนจะมอบหมายให้ยอจีทำหน้าที่หว่านล้อมและรับรองนักลงทุน บอมจึงเห็นว่าหน้าที่นี้มีความสำคัญมากต่ออนาคตบริษัทฯ จึงแย้งว่ายอจีไม่เหมาะสม ทันใดนั้น ประธานจินก็ได้กลิ่นตุๆ พอรู้ว่าเป็นกลิ่นอึของกึมอ๊ก เขาก็ส่งกึมอ๊กให้จางรยาง แต่จางรยางกลับส่งต่อให้บอมจึง จากนั้นก็โบ้ยให้บอมจึงนำกึมอ๊กไปทำความสะอาด (ล้างก้น) เมื่อเห็นจางรยางและบอมจึงมัวแต่เกี่ยงกัน ประธานจินก็เร่งให้บอมจึงรีบพาไก่ตัวโปรดไปทำความสะอาด

หลังเดินออกจากห้องประธานจินแล้ว บอมจึงก็แกล้งหัวเราะและพูดให้ "โม คาบี" หรือ "เลขาโม"  (เลขาประธานจิน) ได้ยินว่า ประธานจินมอบหมายให้ตนเป็นผู้ดูแลไก่สุดเลิฟ (พูดให้ตัวเองดูดี ทั้งๆ ที่ได้รับคำสั่งให้ทำความสะอาดขี้ไก่) เมื่อเห็นว่าเลขาโมไม่แม้แต่จะปรายตามอง บอมจึงก็ถามเธอตรงๆ ว่าเสาร์-อาทิตย์นี้ว่างไหม ตนมีบัตรชมโอเปร่าที่นั่งเฟิร์สคลาส 2 ใบ เลขาโมบอกบอมจึง (โดยไม่ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์) ให้เปิดลิ้นชักโต๊ะ ปรากฏว่าในนั้นมีแพมเพิสและชุดฮันบกของกึมอ๊ก  บอมจึงหยิบแพมเพิสขึ้นมาดูแล้วถามว่า "นี่อะไร"  เลขาโมบอกให้บอมจึงพากึมอ๊กไปทำความสะอาดในห้องน้ำส่วนตัวของประธานจิน จากนั้นก็ใช้ไดร์เป่าขน แล้วค่อยๆ ใส่แพมเพิสให้กึมอ๊ก ก่อนนำกลับไปคืนให้ประธานจิน บอมจึงอิดออดและพยายามชวนเลขาโมไปดูโอเปร่าอีกครั้งโดยอ้างว่าค่าบัตรแพงมาก  เลขาโมรีบตัดบทด้วยการบ่นว่าเหม็นขี้ไก่ บอมจึงเลยต้องอุ้มกึมอ๊กออกไปอย่างผิดหวัง


อูฮี และ "คิม ดาชอล" (ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยลับ) เริ่มแจกยาให้อาสาสมัครทั้ง 30 คน โดยจะแจกวันละครั้ง และจะเฝ้าดูจนกว่าแต่ละคนจะกลืนยาลงไปแล้วจริงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแอบเก็บยาไว้หรือลักลอบนำยาออกไปข้างนอก นอกจากนี้ ทุกคนยังต้องถอดเสื้อแล้วเข้าไปอยู่ในตู้กำจัดสิ่งตกค้าง เพื่อไม่ให้มีเศษยาหลงเหลือในตัวและปากแม้เพียงผงธุลี ฮังวูเดินสำรวจโดยรอบและพบว่าที่นี่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ส่วนห้องเก็บยาก็ถูกกำหนดให้เป็นเขตหวงห้าม มีเพียงผู้อำนวยการคิมและอูฮีเท่านั้นที่สามารถผ่านเข้าออกได้ตามใจชอบ (แต่ก็ต้องสแกนนิ้วมืออยู่ดี) 

ผู้อำนวยการคิม, อูฮี และพอนเก  พาจางรยางเข้าไปในห้องเก็บยาตัวใหม่ จางรยางถามว่าดูแลเรื่องพาสเวิร์ดกันยังไง ผู้อำนวยการคิมตอบว่าตนจะตั้งพาสเวิร์ดใหม่ทุกวัน หลังอูฮีเปิดตู้นิรภัยสำหรับเก็บยาให้แล้ว จางรยางก็จ้องมองยาทั้ง 10 ขวดอย่างพึงพอใจ (อูฮีลอบมองหน้าจางรยางแปลกๆ)

ฮังวูวางแผนติดต่อกับฮันชินในห้องน้ำ เพราะเป็นจุดเดียวที่ลับตาคนและไม่มีกล้องวงจรปิด ในตอนนั้นรถสอดแนมของฮันชิน (ซึ่งตกแต่งแบบทูโทนด้วยสีชมพูและสีเทาแสนสะดุดตา แถมที่เก็บยางอะไหลท้ายรถยังมีโลโก้อันโดดเด่นเป็นรูปเงานางแมวยั่วสวาทสุดเซ็กซี่สีชมพู พร้อมข้อความ "ผลิตภัณฑ์แห่งรัก") กำลังจอดรอสัญญาณจากฮังวูอยู่บนเนินเขา  ชายหนุ่มคนหนึ่งเห็นเข้าก็เดินเข้ามาดูใกล้ๆ ด้วยความสนใจ (นึกว่ารถคันนี้ขายอุปกรณ์เสริมรักและเซ็กส์ทอย) ทำให้ถูกฮันชินไล่ตะเพิด


เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำ ฮังวูก็ถอดแว่นให้กล้องจับภาพใบหน้าตนแล้วเสียบหูฟังตัวจิ๋วใส่หู จากนั้นก็บอกฮันชินว่า การขโมยยาตัวใหม่ออกมาเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่การแฝงตัวเข้ามาเป็นหนูลองยาที่นี่ก็น่าจะพอล้วงข้อมูลอะไรได้บ้าง ฮันชินถามว่าตอนนี้ยังไม่พบผลข้างเคียงใช่ไหม (ฮังวูยืนหันหลังให้ทางเข้าเลยไม่รู้ว่ายูบังเดินเข้ามาในห้องน้ำ ส่วนฮันชินก็มองไม่เห็นยูบังเช่นกันเพราะหน้าฮังวูใหญ่คับจอ) ฮังวูตอบว่าตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร ต่อให้ไม่มีผลข้างเคียงจริงๆ ตนก็จะหาทางสกัดกั้นการลงทุนให้ได้

ยูบังเห็นฮังวูยืนคุยกับแว่นเลยเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัย เขาแย่งแว่นตามาส่องหน้าตนเองแล้วคุยกับแว่นเลียนแบบฮังวู (ฮันชินเห็นหน้ายูบังโผล่เข้ามาในจอก็สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ) ฮังวูชักเริ่มหมดความอดทนเลยแย่งแว่นกลับคืนมา ยูบังคิดว่าอาการดังกล่าวของฮังวูเป็นผลข้างเคียงจากการทดลองยาจึงแสดงความเป็นห่วง ฮังวูกัดฟันเตือนเป็นครั้งสุดท้ายอย่างเหลืออดว่าอย่ามายุ่งกับตนอีก หลังออกจากห้องน้ำฮังวูก็สั่งให้ฮันชินเช็คประวัติยูบังทันที


เมื่อฮังวูออกไปแล้ว ยูบังก็รีบสำรวจใต้โถชักโครกแต่กลับไม่พบอะไร  เขานึกถึงตอนที่ตัวเองยังเป็นบ๋อยในไนท์คลับ แล้วได้รับคำสั่งจากโฮแฮให้แฝงตัวมาขโมยยา โดยบอกว่าจะมีคนนำหมากฝรั่ง (เคี้ยวแล้ว) มาติดไว้ให้เขาที่ชักโครก หากเขาซ่อนหมากฝรั่งที่ว่าเอาไว้ในปากก่อนกินยา ส่วนผสมของยาก็จะติดอยูที่หมากฝรั่ง หลังจากนั้นก็ให้นำหมากฝรั่งมาติดไว้ที่เดิม  ภารกิจนี้เกิดขึ้นหลังจากยูบังคุกเข่าอ้อนวอนโฮแฮให้ช่วยเขียนจดหมายแนะนำเพื่อที่เขาจะได้นำไปใช้สมัครงานที่บริษัทของโฮแฮ (ชอนฮา เมดิคัล กรุ๊ป) โดยบอกว่าถ้าโฮแฮยอมช่วยเขาจะทำตามคำสั่งทุกอย่าง โฮแฮจึงสั่งให้ยูบังเห่า ยูบังอยากทำงานที่บริษัทชอนฮาจึงเห่าไม่หยุด โฮแฮยังไม่หนำใจจึงโยนอาหารลงที่พื้น แล้วบอกให้ยูบังกินเหมือนหมา ซึ่งยูบังก็ยอมทำตามแต่โดยดี หลังจากนั้น โฮแฮก็สั่งให้ยูบังสมัครเป็นหนูลองยาเพื่อจะได้ขโมยยาดังกล่าวมาให้ตนโดยไม่ให้ข้อมูลหรือรายละเอียดใดๆ แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องผิดกฏหมาย แต่ยูบังก็ยอมทำตามแต่โดยดี 

ยูบังรู้สึกเป็นกังวลเมื่อหาหมากฝรั่งไม่พบ เขาไม่รู้ว่าจะมีคนนำหมากฝรั่งมาให้เมื่อใดและใครกันแน่คือคนที่จะนำหมากฝรั่งมาให้ ทั้งยังนึกสงสัยว่าคนๆ นั้นจะใช่ฮังวูรึเปล่า คืนนั้น ยูบังถามฮังวูตรงๆ ว่าเขาเป็นคนของใคร และบอกว่าตนรู้ว่าฮังวูเป็นสายลับที่แฝงตัวเข้ามาเพื่อขโมยยา แม้จะแสดงท่าทีมีพิรุธแต่ฮังวูก็ยังคงปฏิเสธและถามกลับว่าใครเป็นคนส่งยูบังมา ยูบังแนะให้ต่างฝ่ายต่างเผยไต๋ แต่ฮังวูกลับถามยูบังอย่างคาดคั้นว่าเขาเป็นใครกันแน่ ทำให้ยูบังรู้ว่าฮังวูไม่ใช่ 'พวกตน' เมื่อรู้ว่ายูบังมีพรรคพวกฮังวูก็เริ่มสงสัยว่ายูบังเป็นคนของใครและยังมีคนอื่นอีกไหมที่แฝงตัวเข้ามาขโมยยา คราวนี้ถึงตายูบังเล่นตัวบ้าง เขาบอกแต่เพียงว่าต่อไปนี้ขอให้ต่างคนต่างทำหน้าที่ อย่ามาขัดขวางหรือก้าวก่ายซึ่งกันและกัน

บอมจึงตามยอจีมาที่ห้างสรรพสินค้า และพยายามติวเข้มเกี่ยวกับข้อมูลบุคคลสำคัญ (ประธาน ธนาคารแห่งประเทศเกาหลี หรือ แบงค์ ออฟ โคเรีย) ที่เธอจะต้องดูแลในงานเลี้ยงรับรองนักลงทุน แต่ยอจีกลับสนใจเรื่องช้อปปิ้งเพียงอย่างเดียว และสั่งห้ามไม่ให้พูดเรื่องบริษัทต่อหน้าเธอ ซ้ำยังสั่งให้บอมจึงใช้ภาษาสุภาพกับเธอเท่านั้น  แถมยังขู่ด้วยว่าหากไม่ยอมทำตาม เธอจะไล่เขาออก (ยอจีเรียกบอมจึงว่า 'กรรมการปาร์ก')


เมื่อไปถึงร้านเสื้อผ้า ยอจีเห็นเลขาโมสวมชุดไหมพรมสีแดงที่เธอจองไว้จึงโวยวายเสียงดังลั่น (บอมจึงเห็นเลขาโมเลยรีบหันหลังให้ เพราะไม่อยากให้คนที่ตนหลงรักเห็นภาพขณะที่ตนถือถุงเดินตามรับใช้หลานสาวเจ้านายต้อยๆ) พนักงานในร้านถึงกับหน้าถอดสีและพยายามอธิบายว่ามีบางอย่างผิดพลาดทำให้เกิดการจองซ้ำ และชุดนี้ก็มีเพียงตัวเดียว ทางร้านเห็นว่าไหนๆ เลขาโมก็ลองชุดแล้วจึงขอให้ยอจียกชุดดังกล่าวให้เลขาโม แต่คนอย่างยอจีมีเหรือที่จะยอมใครง่ายๆ เธอขู่พนักงานว่าจะสั่งปิดร้าน และบอกให้เลขาโมถอดชุดดังกล่าวออกมาให้เธอเดี๋ยวนี้

เลขาโมไม่อยากมีเรื่องจึงกล่าวขอโทษ และจะเดินกลับเข้าไปถอดชุดที่ห้องลองเสื้อ แต่ยอจียังไม่วาย พูดจาดูถูกเลขาโมว่าเป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดา ไม่น่ามีเงินมาซื้อชุดแบรนด์เนมราคาแพง และถามใครกันแน่ที่เป็นคนจ่ายค่าชุดตัวนี้ หรือว่าเลขาโมใช้มารยาล่อลวงปู่ของเธอถึงได้มีปัญญาซื้อเสื้อผ้าแพงๆ เลขาโมชักเหลืออดที่ยอจีพูดจาดูหมิ่นประธานจีนซึ่งเป็นปู่ของยอจีเอง และยังเป็นเจ้านายของเธอด้วย จึงบอกให้ยอจีเลิกพูดจาไร้สาระ แต่ยอจีกลับขู่ว่าจะไล่เลขาโมออก เลขาโมจึงบอกว่าเธอเองก็อยากลาออกเหมือนกัน แต่ท่านประธานไม่ยอมให้เธอออก เธอจึงขอ (ท้าทาย) ให้ยอจิช่วยไล่เธอออก ทั้งยังบอกด้วยว่า ประธานจินเป็นคนจ้างเธอ เธอจึงขึ้นตรงและจะฟังคำสั่งของประธานจินเพียงคนเดียวเท่านั้น พูดจบเลขาโมก็ถอดชุดออกต่อหน้าทุกคน (เหลือเพียงกระโปรงซับใน) โดยบอกว่าชุดนี้เหมาะกับยอจีมากกว่า จากนั้นก็ถือกระเป๋าเดินออกจากร้านไปแบบเชิ่ดๆ ทั้งๆ ที่สวมเพียงชุดกระโปรงซับใน

ขณะที่การทดลองยาตัวใหม่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง  ฮังวูก็ได้รับรายงานว่ายูบังจบการศึกษาด้านธุรกิจจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นับตั้งแต่เรียนจบเขาก็ยังไม่มีอาชีพที่แน่นอน จึงต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการทำงานพาร์ทไทม์ และจะเข้าร่วมการคัดเลือกบุคลากรใหม่ที่จัดขึ้นโดยบริษัทใหญ่ๆ เป็นประจำทุกปี ฮังวูสั่งให้ฮันชินสืบประวัติยูบังต่อไปว่าก่อนหน้านี้เขาติดต่อกับใครบ้างและได้รับการว่าจ้าง (ให้มาเป็นอาสาสมัครเพื่อขโมยยา) จากใคร แม้จะสั่งให้คนของตนตามสืบประวัติของยูบังแล้ว แต่ฮังวูก็ยังคอยจับตามองยูบังทุกฝีก้าว


ขณะออกกำลังกาย ยูบังเกิดทำดัมเบลร่วงใส่เท้าตนเองอย่างจังต่อหน้าอาสาสมัครทดลองยาทุกคน แทนที่จะร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เขากลับหัวเราะไม่หยุด ฮังวูเห็นว่ายูบังได้รับบาดเจ็บถึงขั้นเล็บหลุดแต่ยังคงนั่งขำจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วเหยียบแผลซ้ำ ทั้งๆ ที่ถูกเหยียบและบดขยี้ซ้ำที่แผลแต่ยูบังก็ยังคงหัวเราะร่วนตามเดิม  ฮังวูดีใจมากเมื่อพบว่าผลข้างเคียงของยาตัวใหม่คือการหัวเราะไม่หยุด และเขายังสามารถบันทึกเทปเป็นหลักฐานเอาไว้ด้วย

ผู้อำนวยการคิมรายงานเรื่องผลข้างเคียงของยาตัวใหม่ให้จางรยางทราบ หลังจากนั้น ทีมงานที่เกี่ยวข้องก็เฝ้าดูอูฮีสัมภาษณ์ยูบังซึ่งยังคงหัวเราะไม่หยุด เมื่อถูกอูฮีถามชื่อ ยูบังก็ตอบทั้งที่ยังหัวเราะว่าตนชื่อ ยูบัง พ่อของตนเป็นคนตั้งชื่อทุเรศๆ  (แปลว่า เต้านม) ให้ แต่ถึงยังไงชื่อของตนก็ยังดีกว่าของลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง ซึ่งถูกตั้งชื่อว่า ยูตู (แปลว่า หัวนม) ยูบังพยายามตบปากตัวเองให้หยุดหัวเราะ โดยทะเลาะกับตัวเองว่าแค่ชื่อไม่เพราะนี่มันน่าขำตรงไหน อูฮีคอยสังเกตอาการและจดบันทึกความผิดปกติทั้งหมดที่เกิดขึ้น ยูบังพยายามบอกอูฮีว่าตนไม่รู้สึกขำและไม่อยากหัวเราะเลยสักนิด จากนั้นก็นั่งขำกลิ้งตามเดิม

จางรยางยืนดูอาการของยูบังผ่านจอมอนิเตอร์และผนังกระจกวันเวย์มิลเลอร์ (กระจกที่มองทะลุได้เพียงด้านเดียว) อย่างครุ่นคิด พลางถามผู้อำนวยการคิมว่าการทดลองจะจบลงวันไหน ผู้อำนวยการคิมตอบว่า พรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการทดลอง จางรยางจึงสั่งให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับโดยไม่ให้ประธานจินรู้


ขณะอยู่ในโรงอาหาร ยูบังก็ยังคงหัวเราะลั่น ฮันชินเห็นสภาพของยูบัง (จากกล้องที่แว่น) จึงบอกฮังวูว่ายูบังอาการหนักกว่าที่คิด ทันใดนั้น อาสาสมัครอีกคนก็เริ่มแสดงอาการข้างเคียงออกมาให้เห็นด้วยการกินทุกอย่างที่ขวางหน้า (รวมทั้งข้าวในจานของเพื่อนๆ)  ฮันชินดูภาพจากจอมอนิเตอร์แล้วบอกฮังวูว่าหลักฐานจากภาพทั้งหมดนี้เพียงพอที่จะสกัดกั้นการระดมทุนของบริษัทชอนฮาได้แล้ว เขาถามฮังวูด้วยความเป็นห่วงว่าไม่เป็นไรใช่ไหม ฮังวูตอบว่าตนสบายดีไม่มีปัญหาอะไร แต่แล้วอยู่ๆ ภาพจากจอมอนิเตอร์ก็เริ่มกระตุก ฮันชินนึกว่าจอมีปัญหาเลยลุกขึ้นมาตบหน้าจอเบาๆ แต่ภาพก็ยังกระตุก ที่แท้เป็นเพราะฮังวุงเริ่มมีอาการคอกระตุกซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการทดลองยา  

ในเวลาเดียวกันนั้น โฮแฮก็กำลังโปรยเงินให้สาวๆ ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง บอมจึงมาเห็นเข้าก็รู้สึกอ่อนใจและไล่สาวๆ ทั้งหมดออกจากห้อง จากนั้นก็เตือนสติโฮแฮให้เลิกเมาหัวราน้ำถ้าไม่อยากให้ยอจีก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารและสืบทอดกิจการแทนตน  (ก่อนหน้านี้บอมจึงเคยบอกว่าจะอยู่ข้างโฮแฮ) โฮแฮบอกว่าตนไม่ได้นิ่งดูดายแต่ได้เริ่มลงมือแล้ว เมื่อเห็นบอมจึงทำหน้าสงสัยโฮแฮจึงบอกว่าตนได้ส่งสายลับเข้าไปปะปนในหมู่ผู้ทดลองยา และวันพรุ่งนี้สายลับคนดังกล่าวก็จะนำยาตัวใหม่มามอบให้ตน หากตนบอกว่าจะขายยาตัวใหม่ให้บริษัทต่างชาติ ทุกคนจะต้องคลานมาหาตนอย่างแน่นอน 

ที่สถาบันวิจัยและทดลองยา  บุคคลลึกลับสวมชุดดำคนหนึ่งซึ่งมีหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าเริ่มออกปฏิบัติการ เขายิงแสงเลเซอร์ไปที่กล้องวงจรปิดตัวหนึ่งเพื่อให้กล้องหยุดทำงานชั่วคราว ก่อนนำแผ่นกระจกที่มีภาพโถงทางเดินหน้าห้องน้ำมาเสียบไว้ที่หน้ากล้อง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและพอนเกเห็นกล้องตัวหนึ่งสัญญาณขาดหายไปจึงพากันจ้องจอมอนิเตอร์ด้วยความสงสัย แต่ไม่นานสัญญาณภาพ (จากกระจก) ก็กลับมาดังเดิม ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวเป็นสายลับของโฮแฮที่นำหมากฝรั่ง (เคี้ยวแล้ว) มาติดโถชักโครกให้ยูบัง   


ในเวลาเดียวกันนั้น ยูบังก็กำลังนอนหัวเราะเสียงดังลั่น ฮังวูพยายามเอาหมอนปิดหูแต่ก็ยังนอนไม่หลับ เขาจึงลุกขึ้นมาถามยูบังว่าแกล้งทำใช่ไหม เมื่อเห็นยูบังยังคงนอนหัวเราะร่วนเขาจึงตบหน้าผากยูบังหนึ่งที ยูบังตื่นขึ้นมาแบบงงๆ แล้วลุกขึ้นมานั่งนึกถึงตอนที่ทะเลาะกับพ่อ วันนั้นเขาบอกพ่อว่าไม่อยากเรียนมหาวิทยาลัย ทำให้พ่อโกรธจัดถึงขนาดคว่ำโต๊ะอาหาร ยูบังพยายามอธิบายว่า ความจริงแล้วตนได้งานทำที่บริษัทขนย้ายแต่ไม่มีโอกาสบอกพ่อ เขาพูดด้วยความภาคภูมิใจว่าที่ผ่านมาตนหาเงินได้มากกว่า 3 ล้านวอน (89,100 บาท) แล้ว ยูบังหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาอวดพ่อแต่กลับถูกพ่อตบหน้า ถึงกระนั้นเขาก็พยายามอธิบายว่าตนแค่อยากช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้าน

พ่อยูบังยืนกรานให้เขากลับไปเรียนตามเดิม โดยขู่ว่าจะตัดพ่อตัดลูกหากยูบังไม่ยอมเรียนหนังสือ ทั้งยังบอกด้วยว่าตลอดชีวิตของตน ตนต้องใช้แรงงานหาเงิน (เป็นช่างเชื่อม) เพราะด้อยการศึกษา และไม่เคยได้รับการปรนนิบัติเยี่ยงมนุษย์ ตนจึงหวังว่าลูกชายคนเดียวของตนจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย และจะตายตาหลับต่อเมื่อได้เห็นลูกชายของตนใส่สูทไปทำงาน ลูกที่ไม่อาจทำให้พ่อสมหวังยังสมควรถูกเรียกว่าลูกอยู่ไหม พูดจบพ่อยูบังก็หันไปสั่งภรรยาให้ตัดความสัมพันธ์กับยูบังจนกว่าเขาจะยอมไปเรียนที่มหาวิทยาลัย ยูบังจึงออกจากบ้านด้วยความน้อยใจ  ตัดกลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน... ยูบังยังคงนั่งนึกถึงพ่ออยู่บนเตียง เขาบอกพ่อ (ในใจ) ด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่าพ้นวันพรุ่งนี้ไปแล้ว ตนเองก็จะทำให้พ่อสมหวังเสียที 


วันสุดท้ายของการทดลอง อาสาสมัครทั้ง 30 คนถูกเรียกให้ไปรวมตัวกันที่ห้องทดลอง ยูบังจึงแอบหลบไปเข้าห้องน้ำเพื่อค้นหาหมากฝรั่ง ในเวลาเดียวกันนั้น ชายหนุ่มหัวฟู (ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ทดลองยาที่มีอาการ 'กินทุกอย่างที่ขวางหน้า' อันเป็นผลข้างเคียงของยาตัวใหม่) ก็กำลังนั่งปลดทุกข์อยู่ในห้องน้ำ โชคร้ายที่ทิชชูหมด เขาเลยจำเป็นต้องก้มหาทิชชูในถังขยะมาแก้ขัด  เมื่อพบกระดาษห่อหมากฝรั่งติดอยู่ที่ฝาถัง อาการกินแหลกของเขาก็กำเริบ พอเห็นหมากฝรั่งแปะอยู่ที่โถส้วมเขาจึงแกะออกมาใส่ปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ  อย่างเอร็ดอร่อย

ยูบังค้นทุกซอกทุกมุมในห้องน้ำแต่ก็ไม่พบหมากฝรั่ง เขาจึงรู้สึกร้อนรนเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทดลอง และนี่ก็เป็นโอกาสเดียวที่จะทำงานตามที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ (ถ้าไม่มีหมากฝรั่งก็ขโมยยาออกมาไม่ได้ และถ้าทำงานไม่สำเร็จโฮแฮจะไม่ฝากฝังเขาให้เข้าทำงานที่บริษัทชอนฮา) อูฮีเห็นยูบังยังคงเดินเตร็ดเตร่จึงบอกให้เขารีบตามไปสมทบกับเพื่อนๆ ที่ห้องทดลองยา ยูบังเห็นอูฮีกำลังเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ในปากจึงเริ่มมีความหวัง เขาเดินเข้าไปหาอูฮีดุจต้องมนต์พลางจ้องมองปากของอูฮีตาไม่กระพริบ อูฮีเห็นยูบังเดินตรงเข้ามาหาเลยถามว่ามีอะไรจะบอกเธอหรือ



ยูบังได้แต่จ้องหน้าอูฮีเหมือนตกอยู่ในภวังค์ จากนั้นก็ดันตัวเธอจนติดผนัง อูฮีเห็นยูบังช้อนคางเธอแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้เลยนึกว่ากำลังจะถูกยูบังจูบ เธอกล่าวว่า "ถึงชั้นจะมีเสน่ห์เกินห้ามใจ แต่คุณก็ไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างนี้นะ ถ้าหากมีคนมาเห็นเข้าจะทำยังไง" ยูบังล้วงมือเข้าไปหยิบหมากฝรั่งในปากอูฮี แล้วนำมาเคี้ยวต่อหน้าตาเฉย อูฮีเห็นดังนั้นก็ทั้งตกใจทั้งขยะแขยง และแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง พอนเกผ่านมาเห็นเข้าจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น อูฮีไม่ตอบและรีบเดินหนีไป  พอนเกจึงเดินเข้ามาถามยูบังว่า ได้เวลาลองยาแล้ว มัวทำอะไรอยู่ ยูบังไม่ยอมตอบคำถามและรีบเดินหนีไปอีกคน

ทันใดนั้น พอนเกก็สังเกตเห็นว่ามีแผ่นกระจกบางๆ เสียบอยู่หน้ากล้องวงจรปิด เขาจึงวิทยุไปบอกห้องควบคุมกล้อง (ห้องรปภ.) หลังจากนั้น พอนเกพร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนหนึ่ง ก็เข้าไปสั่งให้หยุดการทดลองยาเพราะมีผู้บุกรุก (ตอนนั้นยูบังกำลังจะทานยาพอดี) ทุกคนในห้องต่างทำหน้าเลิ่กลั่ก พอนเกมองหน้าทุกคนที่อยู่ในห้องแล้วเดินไปหยุดที่หน้ายูบัง จากนั้นก็บอกว่า "คายของที่อยู่ในปากออกมา" ยูบังรีบกลืนหมากฝรั่งลงท้อง แต่คนที่พอนเกสงสัยไม่ใช่ยูบัง หากเป็นชายหัวฟูที่ยืนเคี้ยวหมากฝรั่งตุ้ยๆ ตลอดเวลา เขาบีบคางชายคนดังกล่าวแล้วตะคอกสั่งให้คายหมากฝรั่งออกมา หลังจากนั้นก็บอกให้อูฮีเอาหมากฝรั่งไปวิเคราะห์องค์ประกอบ


ประธานจินโกรธมากเมื่อรู้ว่ามีสายลับแฝงตัวเข้ามาเป็นผู้ทดลองยา เขาสงสัยว่าอาจเป็นฝีมือของบริษัทคู่แข่งตลอดกาลอย่างจางโช แต่จางรยางบอกว่าสายลับคนนี้ยังไม่ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนของใคร ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นมืออาชีพที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี "โซฮา" (กรรมการผู้จัดการใหญ่) เสริมว่า นับว่ายังโชคดีที่ทางบริษัทฯ สามารถควบคุมไม่ให้ข่าวเรื่องยาตัวใหม่หลุดรอดออกไปได้ ประธานจินแย้งว่าหากมีเรื่องผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลหลุดลอยไป เขาจึงสั่งให้สืบดูว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลัง ฮังรยาง (ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน) ถามประธานจินว่า ระหว่างทดลองยาตัวใหม่ไม่พบผลข้างเคียงใดๆ ใช่ไหม จางรยางหันมาตอบว่า กรรมการชเวไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ ประธานจินจึงปรามว่าทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นพวกเดียวกัน และกล่าวว่ายาตัวใหม่ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ การทดลองยาในครั้งนี้จึงถิอเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของบริษัทตน

โฮแฮและบอมจึงจอดรถคุยกันริมแม่น้ำ โฮแฮโกรธมากที่งานของตนไม่สำเร็จและโทษว่าเป็นความผิดของสมุนตน บอมจึงไม่อยากให้ยอจีขึ้นแท่นผู้บริหารและไม่อยากทำงานรับใช้ยอจี จึงบอกโฮแฮว่าตอนนี้ยอจีกำลังออกเดทกับดาราไอดอลขวัญใจวัยทีน หากพวกตนทำลายความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ยอจีก็จะคลั่งเหมือนเมื่อครั้งที่ประธานจินพยายามทำให้ยอจีกับแฟนคนก่อนเลิกกัน และคราวนี้ยอจีจะต้องเอาคืนด้วยการทำลายงานพบปะนักลงทุนจนล้มไม่เป็นท่าอย่างแน่นอน

ยูบังพยายามโทรฯ หาโฮแฮแต่โฮแฮไม่ยอมรับสาย เขาจึงส่งข้อความ (จากมือถือรุ่นเก่าเก็บ) ไปขอนัดพบโฮแฮที่โรงแรมฟีนิกซ์ (โรงแรมที่โฮแฮและยูบังพบกันคราวก่อน) ส่วนทางด้านฮังวูก็มีนัดกับพี่ชายที่โรงแรมฟีนิกซ์เช่นกัน ปรากฏว่าพี่ชายของเขาคือ "ชเว ฮังรยาง" ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน ของบริษัทชอนฮา  


ขณะที่ยูบังกำลังนั่งรอโฮแฮที่ล็อบบี้โรงแรมฟีนิกซ์พลางคุยโทรศัพท์กับแม่ ยอจีซึ่งสวมชุดไหมพรมสีแดง (ที่แย่งมาจากเลขาโม) ก็เดินดุ่มๆ เข้ามาในโรงแรมอย่างไม่สบอารมณ์ เธอนัดพบแฟนหนุ่ม (รับบทโดย ลีจุน แห่งวงเอ็มแบล็ค) เพื่อเคลียร์ปัญหาหัวใจหลังถูกบอกเลิกกระทันหันทางโทรศัพท์  ทันทีที่มาถึงเธอก็ถามแฟนหนุ่มอย่างคาดคั้นว่าที่เขาพูดทางโทรศัพท์ก่อนหน้านี้หมายความว่ายังไง 

ยูบังบอกแม่ให้รักษาสุขภาพและไม่ต้องเป็นห่วงตนที่ยังหางานทำไม่ได้ เพราะอีกไม่นานจะมีการสอบคัดเลือกพนักงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง (บริษัท ชอนฮา) ถ้าตนสอบผ่านคราวนี้ก็ไม่มีอะไรให้แม่เป็นห่วงอีกต่อไป ระหว่างคุยโทรศัพท์กับแม่ ยูบังเห็นด้ายสีแดงติดอยู่ที่ต้นคริสต์มาส เลยหยิบออกมาพันนิ้วเล่น โดยไม่รู้ว่าด้ายดังกล่าวหลุดมาจากชุดไหมพรมของยอจี  และยิ่งดึงก็ยิ่งทำให้ชายกระโปรงยอจีสั้นลง 



ยอจีคาดคั้นแฟนหนุ่มว่าทำไมอยู่ดีๆ ก็โทรฯ มาบอกเลิก ทั้งๆ ตอนเช้ายังบอกรักกันอยู่เลย หลังพูดบ่ายเบี่ยงอยู่นานชายหนุ่มก็ตอบว่า "ถ้าเธออยากรู้เหตุผลมากนัก เอาเป็นว่า... นั่นเป็นเพราะชั้นรักตัวเองมากกว่ารักเธอ" ยอจีมัวแต่สนใจแฟนหนุ่มจึงไม่รู้ตัวว่าด้ายที่ชายกระโปรงถูกเลาะออกจนกระโปรงสั้นลงเรื่อยๆ ส่วนยูบังก็คุยกับแม่พลางม้วนด้ายพันนิ้วเพลินจนลืมสังเกตุว่าด้ายที่นิ้วตนเริ่มก้อนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ยอจีถามแฟนหนุ่มว่า เขารับเงินปู่เธอมาหรือเปล่า  ชายหนุ่มปฏิเสธว่าตนไม่ใช่คนที่เห็นเงินดีกว่าความรักจึงไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่ และที่สำคัญตนก็เป็นซุป'ตาร์ด้วย  ยอจีชักเริ่มหมดความอดทนจึงถามแฟนหนุ่มเสียงแข็งว่าได้ค่าจ้าง (ให้เลิกคบกับเธอ) เท่าไหร่...  5 พันล้านวอน (เกือบ 150 ล้านบาท) หรือหนึ่งหมื่นล้านวอน (เกือบ 300 ล้านบาท) เมื่อได้ยินตัวเลขชายหนุ่มก็ถึงกับตกตะลึง และยอมรับสารภาพว่าเขาได้ค่าจ้างน้อยกว่าที่เธอคิดราวฟ้ากับเหว เมื่อรู้ว่าแฟนหนุ่มยอมเลิกกับเธอเพื่อเงินเพียงน้อยนิด ยอจีจึงสาดน้ำใส่หน้าเขาพลางด่าว่าเขาเป็นขอทาน จากนั้นก็ลาขาดโดยบอกว่าถ้าไม่อยากตายก็อย่ามาให้เห็นหน้าอีก



เมื่อแฟนหนุ่มเดินจากไปแล้ว ยอจีก็พยายามสงบสติอารมณ์ เธอพบว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาหลังลุกจากเก้าอี้จึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อก้มมองที่กระโปรงเธอก็พบว่าชายกระโปรงถูกเลาะออกจนเกือบสั้นเสมอหู (ระหว่างนั้นฮังวูกำลังจะเดินออกจากโรงแรม เขาเห็นผู้คนพากันจับจ้องไปที่อะไรบางอย่างจึงหยุดดูบ้าง) เมื่อยอจีมองตามเส้นด้ายที่ชายกระโปรง เธอก็เห็นยูบังกำลังนั่งคุยโทรศัพท์พลางม้วนด้ายสีแดงพันรอบฝ่ามืออย่างเพลิดเพลิน ทันใดนั้น สัญญาณโทรศัพท์ก็เริ่มขาดหาย ยูบังเลยลุกขึ้นเดินหาคลื่น ทำให้กระโปรงยอจียิ่งสั้นลงกว่าเดิม ยอจีเลยต้องเดินตามพลางนำกระเป๋าสะพายมาปิดหน้าบังหลังด้วยความอับอาย เธอพยายามร้องบอกยูบังให้หยุดดึงด้ายที่ชายกระโปรงแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะยูบังยังคงไม่รู้ตัวและมัวแต่เดินตามหาคลื่นรอบต้นคริสต์มาส


เมื่อเรียกดีๆ ไม่สำเร็จ ยอจีจึงคิดใช้กระเป๋าฟาดหัวยูบังแต่สุดท้ายก็วืด เพราะยูบังดันก้มตัวลงหาคลื่นพอดี ผลที่ตามมาก็คือ ต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ถูกด้ายไหมพรมดึงรั้งจนล้มลงมาใส่ทั้งคู่ ยูบังใช้แขนข้างหนึ่งผลักต้นคริสต์มาสให้ล้มไปอีกทาง ส่วนแขนอีกข้างก็ผลักยอจีให้พ้นจากรัศมีของต้นคริสต์มาส แม้ยูบังจะช่วยยอจีให้รอดพ้นจากการถูกต้นคริสต์มาสล้มทับ แต่ยอจีก็ถูกเขาผลักจนตกลงไปในบ่อรูปปั้นน้ำไหล (รูปปั้นเด็กยืนฉี่) ยูบังหันมาเห็นยอจีนั่งแช่อยู่ในน้ำจึงถามด้วยความเป็นห่วงว่าเป็นอะไรรึเปล่า เขายังไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปบ้าง จึงบอกยอจีว่า เธอช่างโชคดีจริงๆ ยอจีปาดน้ำบนใบหน้าแล้วกัดฟันถามว่า "นายเป็นใครกัน..." จากนั้นก็กรีดร้องเสียงดังลั่นด้วยความโกรธแค้น "นายเป็นใคร!"

* เนื้อหาโดย luvasianseries


นักแสดง



ลี บอมซู
รับบท โอ ยูบัง




จอง เรียววอน
รับบท เบ็ค ยอจี 




จอง เกียวอุน
รับบท ชเว ฮังวู




ฮง ซูฮยอน
รับบท ชา อูฮี 


* ภาพจากเอสบีเอส






*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา