วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เจจุงวอน ตำนานแพทย์แห่งโชซอน ตอนที่ 29




โดยังผ่าตัดอย่างคล่องแคล่ว ฮวางจองซึ่งดูอยู่ก็ทึ่งในความสามารถของเขา

“โดยังเป็นศัลยแพทย์ที่เก่งที่สุดในญี่ปุ่นก็ว่าได้ เพราะแม้แต่ศาสตราจารย์คิมูระที่เป็นอาจารย์แพทย์ยังอิจฉาในพรสวรรค์ของเค้าเลย” นาโอโกะกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

“ใช่ มีฝีมือยอดเยี่ยมมาก ไม่มีการลังเลเลยแม้แต่น้อย ว่องไวและเฉียบคมมาก” ฮวางจองชมอย่างจริงใจ


“อีกสักพักคนไข้จะฟื้นจากยาสลบ ที่ให้ในตอนผ่าตัด” โดยังบอกฮวางจอง “ต่อจากนี้ให้คุณหมอฮวางจัดการต่อก็แล้วกัน ผ่าตัดเรียบร้อย คุณช่วยเย็บแผลที่หน้าท้อง จะได้เสร็จเร็วยิ่งขึ้น”

“ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นยิ่งดี รีบบอกสถานการณ์ในนี้ให้คนข้างนอกรับรู้เถอะ”



“ไว้เสร็จแล้วค่อยบอกจะดีกว่า นี่คือโรงพยาบาลฮันซอง พวกเค้าอาจจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องการผ่าตัดในครั้งนี้ก็เป็นได้นะ ข้าผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าช่วยเย็บปิดแผลให้ที เดี๋ยวข้าจะตัดเส้นเลือดดำต่อ”

“เครื่องเอกซเรย์จะช่วยให้คนที่เป็นหมอสามารถเห็นและวินิจฉัยโรค ที่ตรวจอาการจากภายนอกไม่พบได้ คุณหมอเบ๊ก ตัดสินใจพาคนไข้ไปโรงพยาบาลฮันซองก็เป็นการวินิจฉัยตามหลักการ คุณหมอฮวางเองก็คงจะเห็นด้วยกับหลักการข้อนี้” เอวิสันปรึกษากับซ๊อกรัน

“ค่ะ ทั้งคุณหมอฮวางกับคุณหมอเบ๊ก มีนิสัยอย่างนี้ทั้งคู่ เค้าจะไม่คำนึงถึงปัญหาอย่างอื่นที่จะตามมาหรอก”

“แต่ว่าครั้งนี้มันน่าจะคิดหน่อยนะ นี่มันเวลาไหนกัน โรงพยาบาลฮันซอง ทำไมพระราชาต้องลี้ภัยไปอยู่ที่สถานทูตรัสเซียล่ะ ก็เพื่อจะหนีจากการจับตาของพวกญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ หะ?” ผู้จัดการโอบ่น

“นี่ ๆ ๆ แต่ว่าการช่วยคนไข้มาเป็นอันดับแรก ที่นั่นมีทั้งทหารโชซอนทั้งทหารรัสเซียปลอดภัยอยู่แล้ว อีกอย่างนะ พอผ่าตัดเสร็จแล้วก็พา กลับมาเองแหละน่า โธ่”

“เอาอย่างนี้ คุณหมอยู คุณรู้จักกับคุณหมอเบ๊กดี ช่วยไปที่โรงพยาบาลฮันซองที ไปดูสถานการณ์ก่อน แล้วพวกเราค่อยมาปรึกษากันอีกที” เอวิสันบอก

“ค่ะ ข้าเข้าใจแล้วค่ะ”



วาตานาเบ้ใช้อำนาจการเป็นผอ.โรงพยาบาลฮันซองเข้ามาดูการผ่าตัด เพื่อหวังจะหาทางให้คนไข้เสียชีวิตและป้ายความผิดให้ฮวางจองตามแผน

“เส้นเลือดขอดอยู่แค่นี้ใช่มั้ย?” ฮวางจองถาม

“ไม่ใช่ ข้าคิดว่ามันเชื่อมอยู่กับหลอดเลือดดำใหญ่ เป็นไปได้ว่าอาจจะลามเข้าไปถึงช่องท้องแล้ว” โดยังบอก

“ดูจากตอนผ่าตัดไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ”

“กล้ามเนื้อบริเวณขาหนีบยังนุ่มอยู่ เส้น เลือดขอดอาจยังลามมาไม่ถึงตรงนี้ แต่ถ้าจะสลาย เส้นเลือดขอดของเส้นเลือดดำนี้ เราจะต้องผ่าตัดเปิดที่น่องขาของเค้า”

“หะ ผ่าอีกเหรอ?” นาโอโกะตกใจ



“แต่ถ้าทำการผ่าตัดในบริเวณนี้ เลือดจะไหลออกมาก เวลาที่ผ่าตัดก็อาจจะนานจนเกินไป ถ้าให้ยาสลบมากขึ้น คนไข้ก็จะมีความเสี่ยงมากจนเกินไป ดีไม่ดีอาจจะทำให้คนไข้ตายได้” ฮวางจองพูดตามความเห็นของตนเอง

ขณะที่โดยังก็เสนอ “แต่ถ้าเราไม่ลงมือทำเลย จะทำให้เลือดอุดตันปอดจนหยุดการทำงานได้ เราควรจะรีบผ่าตัดให้เร็วที่สุด ก่อนที่ยาจะหมดฤทธิ์”

“ดังนั้นจำเป็นต้องทำให้เสร็จก่อนเค้าจะฟื้น” ฮวางจองสรุป

“ยังมีเวลาครึ่งชั่วโมง ก่อนที่คนไข้จะฟื้นค่ะ” นาโอโกะบอก

“ผมจะทำให้เสร็จในครึ่งชั่วโมง ก่อนอื่น เราจะผูกและตัดหลอดเลือด ที่จะเข้าสู่หลอดเลือดดำ จากนั้นก็ผ่าเปิดน่องขา ขอคีม ขั้นตอนต่อจากนี้เราจะต้องดึงเอาเส้นเลือดขอดเค้าออกมาโดยเร็วที่สุด”

ระหว่างที่กำลังผ่าตัดอยู่นั้น อียงอิกเกิดฟื้นจากสลบเร็วกว่าที่คิดไว้

“คุณหมอเบ๊ก ดูเหมือนว่าร่างกายคนไข้จะรับฤทธิ์ยาสลบได้น้อยไปนะ” ฮวางจองบอก

“เบ๊กโดยังคะ เย็บแผลแล้วค่อยผ่าตัดใหม่เถอะ” นาโอโกะบอก โดยังครุ่นคิดก่อนตัดสินใจ

“เพิ่มยาสลบ”

“อันตรายเกินไป กับคนไข้ที่ฟื้นจากยา สลบง่ายอย่างนี้” ฮวางจองพูดตามหลักการ แต่โดยังก็มีเหตุผล

“แต่ถ้าไม่ทำตอนนี้แล้วจะทำยังไง เส้นเลือดขอดถูกตัดแล้วจะปล่อยไว้อย่างนี้เหรอ พวกเราจะทำอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด”

“แต่ถ้าให้ยาสลบอีกตอนนี้ คนไข้อาจจะไม่ฟื้นเลยก็ได้” ฮวางจองยังกังวล แต่โดยังตัดสินใจสั่งเสียงแข็ง “เพิ่มยาสลบ”



“เดี๋ยวก่อน รอแป๊บนึง ๆ เรายังพอจะหาวิธีอื่นได้รึเปล่า?” ฮวางจองยังลังเล เพราะอียงอิกอยู่ระหว่างความเป็นความตาย หากตัดสินใจผิดพลาดจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้

“ให้ยาสลบแล้วผ่าตัดให้เสร็จนี่แหละวิธีดีที่สุด” โดยังยืนกราน

“ไม่ใช่อย่างนั้น ยังจำวิชาผ่าตัดได้มั้ย ที่เกี่ยวกับเรื่องเส้นเลือดดำซาฟินัสใหญ่น่ะ ถึงหลอดเลือดดำจะเชื่อมกับเส้นเลือดดำซาฟินัสใหญ่ แต่มันไม่ได้สำคัญตรงที่ขนาด”

“เจ้าคิดจะพูดอะไรกันแน่หะ?”

“หมายความว่า ถ้าจะผ่าเส้นเลือดดำใหญ่ก็จะต้องตัดหลอดเลือดดำที่เชื่อมออกไปด้วย ถ้าอย่างนั้นก็ดึงมันออกเลยดีกว่า ตรงนี้ ด้านบนกับด้านล่างมันขาดจากกันแล้ว พวกเราดึงมันออกตรง ๆ เลยก็ได้”

“ถ้าทำอย่างนั้นได้ ถ้าทำได้ก็คงดีสิคะ”

“แต่เราจะดึงมันออกยังไงล่ะ ใช้มือดึงออกมาตรง ๆ เลยเหรอ? ใช้มือหรือคีมดึงก็ไม่ดีทั้งคู่ เพราะมันอาจลื่นหรือขาดก่อนได้”

“นั่นสิคะ ขอแค่เราดึงเส้นเลือดออกมาได้”

วาตานาเบ้ขอตัวออกจากห้องผ่าตัด แต่ ฮวางจองเรียกไว้ “อย่าเพิ่งไป คุณหมอเบ๊ก ท่านผอ. ถอดชุดกาวน์ของท่านออกก่อนครับ”

“ให้ข้าถอดเสื้อเหรอ?” วาตานาเบ้สี หน้างง

“ลองดูตรงนี้สิ ดูตรงนี้สิ”

“เจ้าจะให้ข้าดูอะไร?” โดยังเองก็แปลกใจ

ฮวางจองจึงเริ่มอธิบาย “ลองสมมุติว่าตัวของชุดกาวน์นี่เป็นเส้นเลือดดำใหญ่ แล้วถ้าเอา อะไรใส่เข้าแขนเสื้อ เอาใส่เข้าไปในหลอดเลือดดำ เส้นลวด ต้องใช้เส้นลวด เหมือนแขนที่อยู่ในเสื้อ เราใส่ลวดเข้าไปในหลอดเลือดดำ หลังจากได้ที่ แล้ว ก็ผูกปิดข้างนึงไว้ แล้วก็ดึงเส้นเลือดดำออกมา” ฮวางจองใช้เสื้อกาวน์ประกอบการอธิบายจนทุกคนเข้าใจอย่างง่ายดาย

“ฉันจะรีบไปเอาลวดค่ะ” นาโอโกะบอก ดีใจ



 “ผมจะลองดึงมันแล้วนะ”

“ว้าว ยอดไปเลย”

หลังจากการใช้ประสบการณ์และความรู้ที่ร่ำเรียนมา ทำให้โดยังและฮวางจองผ่าตัดสำเร็จอย่างรวดเร็ว ขณะที่นักข่าวสนใจเรื่องการผ่าตัด จึงมาขอสัมภาษณ์

“ผมเป็นนักข่าวจากหนังสือพิมพ์ฮันซองครับ ไม่ทราบว่าทำไมคนไข้ของเจจุงวอน ถึงมารักษาที่โรงพยาบาลฮันซองครับ”

วาตานาเบ้เห็นเป็นช่องทางที่จะใส่ร้าย ฮวางจอง “ครับ เพราะว่าทางเจจุงวอนวินิจฉัยโรค ว่าคนไข้ท่านนี้มีอาการของลำไส้ทะลุ แต่คุณหมอเบ๊กของเราวินิจฉัยว่า อาการน่าจะเกิดจากเยื่อบุ กระเพาะคนไข้ทะลุมากกว่า ดังนั้นเราจึงใช้เครื่องเอกซเรย์มาฉายดู ผลออกมาว่าเกิดจากกระเพาะทะลุจริง ๆ ดังนั้นพวกผมจึงได้ทำการผ่าตัดกันทันที”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง เพราะหมอฮวางของเจจุงวอนวินิจฉัยโรคผิดไป ก็เลยทำให้คนไข้ต้องมารักษาที่นี่” คนที่ยืนฟังอยู่ด้วยก็โวยวายขึ้นมา

“ไฮ้ จะพูดอย่างนั้นก็ได้ครับ” วาตานาเบ้ยิ้มมีแผน

ข่าวเรื่องฮวางจองวินิจฉัยโรคของอียงอิกผิด แต่เมื่อส่งไปโรงพยาบาลฮันซองก็วินิจฉัยโรคถูก และผ่าตัดที่โรงพยาบาลญี่ปุ่นจนอาการปลอดภัย ล่วงรู้ถึงพระเจ้าโกจง ฮวางจองจึงถูกเรียกมา ตำหนิ

“แค่ก ๆ เฮ้อ.. ตอนแรกคิดว่ามาอยู่ที่นี่แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น แต่คงไม่ใช่ ถึงตัวข้าจะมาอยู่ที่นี่ แต่สถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย”

“เสด็จพ่อ อย่างน้อยเราก็ได้กำจัดกลุ่มที่หนุนพวกญี่ปุ่นออกไป แค่นี้ก็ถือว่ามีความหมายแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เพิ่งเป็นการเริ่มต้น” องค์รัชทายาทกราบทูล

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ รัชทายาทตรัสถูกต้อง สถานการณ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”

“ได้ยินว่าเจ้าวินิจฉัยโรคผิด เลยทำให้ เจ้ากรมต่างประเทศต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลฮันซอง”

ฮวางจองสีหน้าไม่ดีนัก “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท โชคยังดีที่ไปถึงที่นั่นแล้ว ได้รู้อาการที่ถูกต้องแล้วผ่าตัดได้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ”

“แปลว่าหมอโรงพยาบาลฮันซอง มีความสามารถมากกว่าหมอของเจจุงวอนงั้นรึ?” พระเจ้าโกจงกริ้ว

“ฝ่าบาท ขอประทานอภัยที่ต้องกราบทูลว่า ความสามารถของโรงพยาบาลฮันซองกับเจจุงวอน คงบอกไม่ได้ว่าใครเหนือกว่าใครพ่ะย่ะค่ะ แต่ว่าโรงพยาบาลฮันซอง มีเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดอย่างเครื่องเอกซเรย์อยู่ ซึ่งสามารถฉายดูสาเหตุของอาการเจ็บป่วยได้แม่นยำ” ฮวางจองกราบทูลตามความเป็นจริง

“แปลว่า เพื่อต้องการตรวจให้แน่ใจก็เลยไปโรงพยาบาลฮันซอง แล้วก็ทำการผ่าตัดที่นั่นเลยใช่รึเปล่า?”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“ถึงจะไม่รู้ว่าเจ้าเครื่องที่ว่านั่นคืออะไร แต่เจจุงวอนจะต้องมีหมอที่มีความเชี่ยวชาญและความรู้ ที่เหนือกว่าเครื่องเอกซเรย์ เพื่อยกระดับการรักษาให้สูงขึ้นให้ได้”

“กระหม่อมจะทำตามพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”

“อีกอย่างต่อให้ไม่อาจตัดสินโรคได้แน่ชัด ก็ไม่ควรส่งไปที่โรงพยาบาลฮันซอง เพราะมันเป็นสิ่งที่ขัดต่อความต้องการของข้า” พระเจ้าโกจงตรัส

“พอเสด็จพ่อได้ยินว่าเจ้ากรมต่างประเทศไปรักษาที่โรงพยาบาลฮันซอง ก็อาหารไม่ย่อยเลย ต่อไปอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก เข้าใจรึยังหะ?” องค์รัชทายาทตรัสย้ำ

“พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท”

ซ๊อกรันและฮวางจองเป็นห่วงพระราชามากที่พระองค์ไม่ยอมเสวยโอสถ ขุนนางเมื่อเห็นฮวางจองมาจึงเชิญไปที่บ้านซึ่งทดลองต้มยาจีนเพื่อรักษาอาการของพระราชา

“ใต้เท้าทำของพวกนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?” ฮวางจองเห็นก็รีบถาม

“ฮะ ๆ ๆ ก็เพราะได้คุณหมอยู กับ ผอ. เอวิสันช่วยเหลือ ก็เลยทำสำเร็จ ข้า..ก็ดูและเอาอย่างมาจากเจจุงวอนนี่แหละ อ้อ รอเดี๋ยวนะ ฮอนโฮแซง โกฐเขมา เปลือกส้ม แล้วก็ฮูพัค เอามาต้มรวมกันกรองเอาน้ำมา แล้วใส่ยาที่นำเข้าผสมลงไปในนี้ ก็เป็นอันเรียบร้อย” ขุนนางสั่งการ

“ท่านตวงส่วนผสมที่แน่นอนรึเปล่าคะ?” ซ๊อกรันถามขึ้น

“ต้องตวงสิ เมื่อก่อนใช้สายตาวัดเอา แต่รสชาติมันก็เดี๋ยวดีเดี๋ยวเสีย แต่ตอนนี้ มันเริ่มลงตัวแล้ว”


“ถ้างั้นข้าขอลองชิมได้มั้ย” ฮวางจองถามอย่างตื่นเต้น

“ไม่ ๆ ต้องรอเดี๋ยว” ขุนนางรีบบอก ก่อนจะเคี่ยวยา “คราวนี้เรียบร้อย อ้ะ” ขุนนางตักยา ส่งให้

ซ๊อกรันดมกลิ่น ครุ่นคิด “เหมือนมีกลิ่นมินท์เลยค่ะ”

“ใช่แล้ว มา ลองชิมดูอีกหน่อย ผู้ใหญ่กินครึ่งถ้วย ส่วนเด็กก็กินหนึ่งส่วนสี่ ปริมาณกำหนดไว้แล้ว”

ซ๊อกรันทดลองจิบ และยิ้มออกมา “ยาอร่อยจังเลยค่ะ เป็นยาจีนที่มีคุณสมบัติเหมือนยาฝรั่งเลย”

“ถ้างั้นเราลองกินกันดูก่อน ถ้าไม่มีปัญหาจะได้ถวายให้พระราชาเสวย” ฮวางจองบอก

ฮวางจองและซ๊อกรันเอายาที่ต้มมาให้ คนที่เจจุงวอนทดลองจิบ ด้วยรสชาติยาที่หวานอร่อยทำให้หลายคนต่างชื่นชอบ ซ๊อกรันบอกเมื่อจิบยาไปแล้ว วันรุ่งขึ้นให้มาบอกอาการด้วยว่าเป็นอย่างไร


ขณะเดียวกัน ฮวางจองและขุนนางก็เอายาไปถวายพระราชาโกจง “นี่เหรอยาแก้ท้องอืด ที่ข้าเคยชอบกินน่ะ”

“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ คุณหมอฮวางกับที่เจจุงวอนจัดทำขึ้นแล้ว ก็บรรจุใส่ขวดปิดผนึกพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางบอก

“แปลว่าหลังจากปิดผนึกแล้ว ก็ไม่มีใครที่เปิดมันอีกใช่รึเปล่า? อืม รสชาติไม่เลวเลยนี่นา การปรุงยาของพวกเจ้า ต้องลำบากกันแค่ไหน เรื่องนี้ข้าย่อมรู้ดี”

“ฝ่าบาท เป็นพระกรุณายิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

ไม่นานนัก อาการของอียงอิกก็เริ่มดีขึ้น โดยังเข้ามาตรวจอาการ “การหายใจเป็นปกติดี”

“เฮ้อ ขอบใจมาก เจ้าได้ช่วยชีวิตของข้าเอาไว้”

“ไม่ใช่หรอกครับ ท่านเป็นคนแข็งแรงมาก ก็เลยผ่านการผ่าตัดมาได้อย่างดี ร่างกายก็ฟื้นตัวได้เร็ว”

“คนเก่งอย่างเจ้ากลับมาอยู่ในที่แบบนี้” อียงอิกพูดอย่างเสียดายที่โดยังมาอยู่ในโรงพยาบาลของญี่ปุ่น

โดยังยิ้ม “เป็นหมออยู่ที่ไหนก็ไม่สำคัญครับ เพราะสำหรับหมอ สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่..สามารถช่วยคนไข้ได้รึเปล่า”

“เจ้าคงมีความจำเป็น ข้าอยากจะกลับเจจุงวอนในทันที เจ้าคิดว่าไปเมื่อไหร่ดี”

“ใต้เท้าคงจะต้องรอไปอีกสักระยะ แล้วข้าจะมาบอกเวลาที่เหมาะสมสำหรับการย้ายให้”

“ขอบใจมาก”

“ใต้เท้าวางใจได้ครับ โรงพยาบาลจะไม่มีใครทำร้ายท่านแน่” โดยังบอกอย่างมั่นใจ

วาตานาเบ้เรียกโดยังเข้าไปพบ “อืม.. เจ้าลูกรัก ๆ ฮะๆ” ก่อนจะยัดเข็มฉีดยาใส่ยาพิษให้โดยัง ให้เอาไปฉีดให้อียงอิก


“นี่อะไรครับ” โดยังสีหน้างง

“ยาบำรุงสำหรับใต้เท้าอียงอิก” วาตานาเบ้หรี่ตา สีหน้าร้าย

“ท่านผอ.จำเป็นต้องได้รับยาบำรุงมากกว่า เอาไว้ใช้เองเถอะครับ” โดยังบอก

“สำหรับชาวโชซอน อียงอิกก็เปรียบเหมือนเนื้อร้ายก้อนนึง เค้าส่งพระราชาไปอยู่สถานทูตรัสเซีย ให้ไปใช้ชีวิตอย่างกับตัวประกัน แล้วจากนี้ไป พวกรัสเซียก็จะควบคุมโชซอนได้ง่ายเหมือนขนมปัง ดังนั้นถ้าโชซอนไม่มีคนแบบนี้อยู่ในประเทศสักคน มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรหรอก”

โดยังโกรธมาก เมื่อรู้ความหมายที่วาตานาเบ้พูด “ผมว่าไร้สาระสิ้นดี”

“ไร้สาระ ฮะ ๆ ๆ เดี๋ยวเจ้าก็จะค่อย ๆ ชินไปเอง ฮะ ๆ”

“ก่อนที่จะมาที่นี่ ข้าเคยบอกไว้แล้วว่าจะไม่ทำอะไร นอกเหนือจากการรักษาคนไข้ เรื่องนี้ข้าเคยบอกไว้ชัดแล้ว”

“ความสัมพันธ์ในสังคมมันไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คุณคิดหรอก และอีกอย่างนะ นี่เป็นคำสั่งของสถานทูต ผมเอง..ก็ปฏิเสธไม่ได้”

“สถานทูตเหรอ ทำไมคนที่อยู่ในการเมือง ถึงมาสั่งอะไรหมอที่อยู่ในโรงพยาบาลฮันซองได้ด้วยล่ะ?” โดยังถามกลับ

“งั้นคุณก็ฟังให้ดีนะ หลังจากอียงอิกตายแล้ว ก็ทำให้เหมือนว่าฮวางจองผ่าตัดดึงเส้นเลือดเค้าจนเสียชีวิต อย่างนี้ชีวิตการเป็นหมอของเค้าก็จะอวสาน และคู่แข่งของคุณก็จะหมดไป คุณจะกลายเป็นหมอที่ยอดเยี่ยม..ที่สุดในโชซอนแล้ว” วาตานาเบ้ยิ้ม หว่านล้อมโดยัง

“หึ คุณคิดว่าผมจะทำแบบนั้นเหรอ?”

“แน่นอน”

“ทำไมล่ะ?”

“คุณเบ๊กโดยัง หรือว่าคุณอยากจะอยู่ใต้ เงาของหมอฮวางจองไปตลอดชีวิตของคุณล่ะ? โลกมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว เราสามารถทำให้อัจฉริยะกลายเป็นคนโง่ได้ และคุณไม่จำเป็นต้องมาเจ็บช้ำเพราะผู้หญิงคนเดียว แค่เข็มเดียวทุกอย่างก็จะจบ สามารถเอาชนะศัตรูของคุณได้ รวมถึงคนรักที่ถูกแย่งก็จะได้กลับมาเคียงข้างคุณ ฮะ ๆ ๆ ถือว่าขอร้องล่ะนะ”

โดยังคิดตามที่วาตานาเบ้พูด ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น ทำให้โดยังมองเข็มฉีดยาอย่างลังเล

อหิวาตกโรคเริ่มกลับมาระบาดที่โชซอนอีกครั้ง หมอที่เจจุงวอนจึงเริ่มหาวิธีตั้งรับ

“ตอนนี้ทางเจจุงวอนพบคนไข้เป็นโรคอหิวาตกโรคค่ะ ซึ่งที่เจจุงวอนก็มีมาตรการป้องกันแล้ว ทุกฝ่ายจะต้องรีบเตรียมการป้องกันให้เร็วที่สุด ข้าอยากขอให้ทุกท่านนำเอกสารที่แจกให้ ไปติดกำแพงของแต่ละที่ เพื่อเป็นการประกาศให้รู้ทั่วกัน นอกจากนี้เราจะแจกปูนขาวไปให้แต่ละโรงพยาบาล ขอให้ทุกท่านช่วยกันโรยบริเวณโรงพยาบาลตัวเองด้วย” ซ๊อกรันบอกให้คนในโรงพยาบาลช่วยกัน

โดยังรู้สึกสับสนในสิ่งที่วาตานาเบ้พูด เขานัดพบกับซ๊อกรัน ทั้งสองพูดคุยกัน ซึ่งโดยังก็ยังคิดถึงคำพูดของวาตานาเบ้ตลอดเวลา

“โรคอหิวาต์เริ่มระบาด เลยทำให้นึกถึงผอ.เฮรอน นึกถึงตอนที่เราช่วยกันควบคุมโรค”

“ก็นั่นสิคะ ช่วงเวลาที่ท่านไม่อยู่ พอถึงช่วงป้องกันโรค ข้าก็จะคิดถึงท่านทุกที”

“คิดถึงข้าเหรอ?” โดยังดีใจขึ้นมานิดนึง

“นึกถึงตอนที่ไปลำบากอยู่ในหมู่บ้านคนฆ่าสัตว์ แถมยังถูกพวกคนทรงทำร้ายเอาด้วย” ซ๊อกรันพูดขำ ๆ โดยังหุบยิ้ม เพราะคิดว่าซ๊อกรันคิดถึงเขาจริง ๆ “มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ”

“ที่ญี่ปุ่นเป็นยังไงบ้างคะ? ไปเรียนกับคนญี่ปุ่นคงไม่ง่ายนักใช่มั้ยคะ”

“ไม่ง่ายเลยจริง ๆ แต่สุดท้าย ข้าก็เข้าใจที่หมอเฮรอนพูดกับข้าไว้ก่อนตายแล้ว ข้าเพิ่งจะมาตื่นเอาตอนนั้น เพิ่งจะมารู้ตัว”

“แล้วพูดว่าอะไรเหรอคะ?”

โดยังยิ้ม สีหน้าเบาใจขึ้น “เรื่องนั้น ข้าอยากเก็บไว้คนเดียวน่ะ อ้อ ไปดื่มชาด้วยกันดีมั้ย”

ระหว่างที่นั่งดื่มชากับโดยัง ซ๊อกรันก็พูดคุยอย่างเป็นกันเอง “คุณชาย ตอนคุณหมอเบ๊ก ผ่าตัดเย็บกระเพาะและเส้นเลือดขอดให้ท่านอียงอิก คุณหมอฮวางชมท่านใหญ่เลยว่า ท่านผ่าตัดได้เร็วและดีจนเค้ารู้สึกตกใจ”



“เค้าไม่ได้เล่าอย่างอื่นเหรอ?”

“ไม่มีนี่คะ ทำไมเหรอ?”

“ไม่มีอะไร”

“แล้วผู้หญิงที่ชื่อนาโอโกะ ท่านเคยผ่าตัดอะไรให้นางเหรอคะ?”

โดยังชะงัก “ตอนที่ข้าประจำอยู่ห้องฉุกเฉิน มีคนไข้ที่ลำไส้อุดตันถูกส่งมา คนคนนั้นคือนาโอโกะ”

“ท่านเคยผ่าตัดให้นางนี่เอง ต้องถือว่านางโชคดีมาก ที่ได้มาเจอหมอเก่ง ๆ อย่างคุณหมอเบ๊ก แล้วนางเรียนพยาบาลมาก่อนจะเจอท่านเหรอ?”

“ไม่ใช่ เดิมนางเรียนเสริมสวย พอรู้อีกทีนางก็มาเป็นพยาบาลผู้ช่วยข้าแล้ว”

ซ๊อกรันยิ้ม “โรแมนติกจัง พวกท่านจะแต่งงานกันเมื่อไหร่คะ?”

“แต่งงาน? หึ” โดยังรู้สึกขมขื่นใจ “อย่าเพิ่งพูดถึงข้าเลย เจ้าน่าจะแต่งก่อนข้ามั้ง”

“ไม่แน่หรอก สำหรับข้าแล้ว เรื่องแต่งงานมันดูเหมือนยังห่างไกลมาก มาพูดเรื่องนี้กับคุณหมอเบ๊ก ต้องขอโทษด้วยค่ะ มิน่าถึงได้รู้สึกแปลก ที่แท้ก็ไม่มีเสียงเพลง” ซ๊อกรันหันไปมองบนเวที

“สงสัยว่าคนเล่นเปียโนจะยังไม่มา ถ้างั้น เจ้าลองเล่นดูดีมั้ย?”

“เฮ้อ ได้ยังไงกัน เดี๋ยวเปียโนเค้าพัง”

“หึ ๆ ไม่มีคนอยู่เลย ลองเล่นดูหน่อยเถอะ ไม่ได้เห็นเจ้าเล่นเปียโนมาตั้งนานแล้ว”

โดยังพาซ๊อกรันมาที่เปียโน และให้ซ๊อกรันนั่ง “ข้าไม่ได้เล่นมาสิบกว่าปีแล้ว”


โดยังนั่งลงข้าง ๆ “เมื่อก่อนเจ้าเคยสอนข้าเล่นเพลงเพลงนึง เรามาเล่นพร้อมกันดีรึเปล่า มาลองเล่นกันดูเถอะ”

“เอาล่ะ จะเริ่มแล้วนะคะ” ซ๊อกรันบอก ก่อนจะพรมนิ้วลงบนคีย์เปียโน



โดยังรู้สึกมีความสุขมากเมื่อได้อยู่กับซ๊อกรัน 

“ไม่ได้สนุกแบบนี้ตั้งนานแล้ว”

“ข้าเองก็สนุกมาก”

“ไปก่อนนะคะ”

“อ้อ ซ๊อกรัน เอ่อ ข้าอยากจะถามอะไรเจ้าเรื่องนึง คืออย่างนี้ ข้าอ่านจากหนังสือพิมพ์ มีคนสองคนวิ่งแข่งกัน ธรรมดาก็ต้องมีคนนำหน้าและตามหลังใช่มั้ย?”

“ใช่แล้วค่ะ”

“แต่คนที่วิ่งตามหลัง ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถตามคนข้างหน้าทัน แต่คนข้างหลังอยากจะเอาชนะคนที่นำอยู่ให้ได้ เค้าควรจะทำยังไง?”


“คนตามหลังน่าสงสารจัง”

“หรือว่าจะขัดขา ให้คนข้างหน้าล้ม แค่นี้ก็ชนะได้แล้ว” โดยังพูดเป็นนัย ๆ กับเรื่องอียงอิก

“ทำไม่ได้หรอกค่ะ เพราะมันผิดกติกา” ซ๊อกรันบอก

“ผิดกติกา?”

“ค่ะ ต่อให้ขัดขาจนคนนั้นล้ม ในสายตาคนอื่นอาจจะดูเหมือนว่าชนะ แต่ตัวเองก็ไม่มีทางหลอกตัวเองได้ คุณชายคะ ข้าขอเรียกว่าคุณชายเหมือนเมื่อก่อนได้มั้ย?”

“ได้สิ ข้าก็คิดว่าดีกว่า”

“ถ้างั้นข้าขอฝากคำพูดประโยคนึงให้คุณ ชายละกัน รู้ในสิ่งนั้น ไม่สู้รักในสิ่งนั้น” ซ๊อกรันพูดเป็นปรัชญา

“รักในสิ่งนั้น ไม่สู้มีความสุขกับมัน เป็นประโยคของอยู่หลุนหวี่” โดยังต่อให้

“ค่ะ คนที่เข้าใจในสิ่งนั้น ก็ไม่สู้ไปรักในสิ่งนั้น คนที่รักในสิ่งนั้น ก็ไม่สู้ไปรู้จักที่จะมีความสุขกับสิ่งนั้น คนที่รักในการวิ่งจริงคงจะไม่ได้สนใจว่าใครจะอยู่ข้างหน้า หรือว่าข้างหลังหรอกค่ะ แค่ตัวเองมีความสุขก็พอแล้ว จะเอาใจที่ไหนไปสนใจคนอื่น เพราะตัวเองก็มีความสุขแล้ว นั่นเป็นความคิดของข้าค่ะ”

“ขอบคุณมาก” โดยังกล่าว ซึ่งเขาได้ข้อคิดจากคำพูดของซ๊อกรัน



คืนนั้น ห้องพักที่อียงอิกนอนพักรักษาตัวเกิดไฟไหม้ ซึ่งเป็นคำสั่งของวาตานาเบ้ลอบให้คนเข้ามาสร้างสถานการณ์ แต่โชคดีที่โดยังมาเห็นเข้าจึงช่วยอียงอิกไว้ได้

“ใต้เท้า ๆ เป็นยังไงบ้างครับ?”

“ไม่เป็นไร โอ๊ย ๆ”

โดยังเข้าไปประคอง “ลุกขึ้นมาก่อนครับ”

“คุณจะต้องรอดู จนกว่าพระราชาจะทรงเรอน่ะเหรอ?” เอวิสันถามถึงอาการของพระราชา

“ครับ ข้าไม่มีทางเลือกจริง ๆ อีกอย่างเราคงไปโรงพยาบาลฮันซองอีกไม่ได้” ฮวางจองบอก

“ทำไมคะ?”

“เพราะว่าเรื่องท่านอียงอิกไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลฮันซอง ทำให้พระราชากริ้วมาก พระองค์ตรัสว่า พวกเราควรจะเชี่ยวชาญและวินิจฉัยโรคได้ดีกว่าเครื่องเอกซเรย์”

“โอ้วมายก๊อด”

“ยังไงก็คงไปที่โรงพยาบาลฮันซองอีกไม่ได้ ตอนแรกข้ายังคิดว่าจะพาคนไข้ไปลองใช้เครื่องเอกซเรย์เพื่อดูประสิทธิภาพ แต่คงไปไม่ได้แล้ว”

“คุณหมอฮวาง เรื่องนี้แล้วแต่คุณนะ แต่เรื่องที่คุณต้องคอยไปเข้าเฝ้าพระราชาบ่อย ๆ นั้น คุณต้องจำกัดสักหน่อย”

“ผอ.หมายความว่ายังไงครับ? สำหรับประชาชนโชซอน ถ้าพระราชามีรับสั่งเรียก เราก็ต้องไปเข้าเฝ้าในทันทีน่ะครับ” ฮวางจองพูดขึ้น

“แต่เจจุงวอน ไม่ใช่โรงพยาบาลของทางการ เพราะฉะนั้นการจะส่งหมอไปหรือไม่ ผมมีสิทธิที่จะตัดสินใจ”

“อ้อ ครับท่านผอ. แต่ว่าพระราชาไม่ใช่คนอื่นนี่นา จริงมั้ยล่ะครับคุณหมอยู” ฮวางจองหันไปถามซ๊อกรัน

“ข้าก็รู้สึกว่าท่านผอ.พูดถูกเหมือนกันค่ะ” ซ๊อกรันคล้อยตามเอวิสัน

เมื่ออยู่กันสองคน ซ๊อกรันก็อดต่อว่าฮวางจองไม่ได้ “ช่วงที่ผ่านมาในใจของท่าน คอยคิดถึงแต่เรื่องของพระราชา”


“คิดถึงแต่พระราชาหมายความว่ายังไงเหรอ?”

“ตั้งแต่พระมเหสีสิ้นพระชนม์ไป ท่านก็เป็นอย่างนี้มาตลอด”

“ข้าน่ะเหรอ แล้วไม่ควรเป็นแบบนี้เหรอบ้านเมืองสูญเสียมารดาของแผ่นดินไป เราก็ควรจะให้การดูแลพระราชาที่สูญเสียพระมเหสีไปเป็นพิเศษสิ”

“แต่ว่า นั่นไม่ใช่ท่าทีที่หมอควรใช้กับคนไข้นะ ในยามที่ปฏิบัติกับคนไข้ ถึงแม้ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นพระราชา แต่หมอก็ควรจะใช้เหตุผลที่เหมาะสม แต่ทำไมเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระราชา ท่านก็เสียจิตใจที่เป็นกลางไปหมด ตอนนี้เจจุงวอนมีคนไข้อยู่เต็มไปหมด แต่ว่าท่านกลับไปอยู่ที่สถานทูตรัสเซียทั้งวัน แค่เพราะว่าพระราชาอาหารไม่ย่อยน่ะ”

“นั่นเพราะข้าก็ไม่มีทางเลือก”

“ไม่ใช่ว่าท่านไม่มีทางเลือกหรอก ท่านเลือกที่จะอยู่ที่นั่นเอง ท่านควรจะอธิบายให้พระราชาเข้าพระทัย ในสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลนี่ จำได้มั้ยว่าในตอนที่ท่านมาขอเป็นผู้ช่วยแพทย์ของคุณหมออัลเลน เค้าก็เคยบอกท่านไว้แบบนี้ ถ้าเจอคนที่สูงศักดิ์กับต้อยต่ำ ท่านจะเลือกรักษาใครก่อนล่ะ?”

เป็นเวลาเดียวกับมียองเข้ามาบอก “คุณหมอเบ๊กพาคนไข้มาที่นี่ค่ะ”

โดยังพาอียงอิกมา ฮวางจองเห็นก็รีบถาม เพราะอียงอิกยังไม่หายดี “ใต้เท้าอี นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

“เกิดการระเบิดในห้องพักฟื้น”

“เกิดระเบิดเหรอ แล้วเป็นฝีมือของใคร?” ฮวางจองตกใจ

“ฝีมือของสถานทูตญี่ปุ่น เมื่อหลายวันก่อน พวกเค้าให้ข้าฆ่าใต้เท้าอียงอิก แต่ข้าปฏิเสธไป” โดยังบอก ไม่ปกปิด

“คุณชาย ข้าถึงบอกให้ท่านรีบกลับมาเจจุงวอนไงคะ” ซ๊อกรันกล่าวอย่างเป็นห่วงโดยัง

“ตัวข้าไม่เป็นไรหรอก เจ้าช่วยรักษาเค้าก่อน ข้าใช้รถลากพาท่านมา แผลผ่าตัดอาจมีเลือดออก”

“ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้อาการ ยังไม่หนักหนามาก”

“เอาละ งั้นข้าคงจะต้องกลับไปก่อน” โดยังบอก

“ข้าจะตรวจคนไข้ก่อน แล้วค่อยติดต่อท่าน”

“อืม งั้นข้าฝากด้วยนะ”


“คุณชายคะ การที่ท่านพาคนไข้มานี่ ท่านจะมีอันตรายได้นะ ข้าเป็นห่วงน่ะ” ซ๊อกรันอดเป็นห่วงโดยังไม่ได้

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัยกับใต้เท้าอีนัก เราจะต้องหาที่ใหม่ให้เค้า แล้วเจอกัน” โดยังยิ้มก่อนจะเดินไป

โดยังกลับมาที่โรงพยาบาล นาโอโกะเห็นหน้าโดยังก็ดีใจมากที่เขาไม่เป็นอันตรายจากไฟไหม้ “เบ๊กโดยังคะ คุณไปไหนมาเนี่ย ฉันนึกว่าคุณตายไปแล้ว”

“ไม่เป็นไร”

“เรื่องที่เกิดขึ้น กับโรงพยาบาลฮันซองของเรานั้น พวกเรารู้สึกเสียใจมากจริง ๆ เราก็ยังช็อกกับเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล แต่พวกผมยืนยันว่า การระเบิดครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลฮันซองแน่ เอ่อ พวกผมจะให้ความร่วมมือกับทางการของโชซอน เพื่อคลี่คลายเรื่องนี้ให้จงได้ อ้อ คุณหมอเบ๊ก คุณพาใต้เท้าอีไปที่เจจุงวอนอย่างปลอดภัยแล้วใช่มั้ย?” วาตานาเบ้รีบแก้ตัว

“ใช่” โดยังจ้องเขม็งราวกับต้องการค้นหาความจริง

“หลังจากที่เกิดเหตุนี้ขึ้น เราจึงพาใต้เท้าอีไปเจจุงวอนอย่างเร่งด่วน เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุระเบิดซ้ำขึ้นอีกครั้ง นี่แสดงว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา เพราะถ้าพวกผมอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ พวกผมก็คงไม่พาคนไข้ไปที่เจจุงวอน” วาตานาเบ้พูดเอาดีเข้าตัว



โดยังรู้สึกไม่พอใจมากที่ทางญี่ปุ่นต้องการฆ่าอียงอิกจนสามารถทำได้ทุกอย่าง เขาจึงขอลาออก “ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะมาขอลาออก”

“อะไร ว่าไงนะ?” วาตานาเบ้ตกใจกับการตัดสินใจของโดยัง

“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก เพราะที่นี่ ไม่ใช่ที่ที่อยากจะไปก็ไปได้” ทูตญี่ปุ่นเสียงแข็ง

“ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะมารักษาคนป่วย แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจดีแล้วว่ามันไม่ใช่ที่รักษาคน ดังนั้นข้าจะขอลาออก”

“อยากตายนักรึ?” ทูตญี่ปุ่นตวาด



“พระมเหสีโชซอน ก็ถูกสังหารอย่างนี้ใช่รึเปล่า?” โดยังถามตรง ๆ ทำเอาวาตานาเบ้อึกอักพูดไม่ออก

“เอ่อ ๆ คุณหมอเบ๊ก ดูเหมือนว่าคุณจะเข้าใจอะไรผิดนะ”

“ไปฟังมาจากใคร?” ทูตหน้าเสีย

“ยังจะมีใครได้ล่ะ ก็พวกลูกน้องในสถานทูตของคุณไงล่ะ” วาตานาเบ้โบ้ย

“ถ้าเป็นอย่างงั้น ข่าวที่ฟังมาคงจะจริงแต่คุณต้องฟังความจริงอีกอย่างที่พวกมันไม่รู้สำหรับคำสั่งนี้ รู้มั้ยว่าใครเป็นคนสั่ง คุณมีโอกาสเรียนจนจบ มาด้วยเงินของใครล่ะ ถูกต้อง คุณพ่อของนาโอโกะ การที่คุณมาอยู่โรงพยาบาลฮันซอง เค้าก็เป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง เรื่องนี้แหละที่เป็น..เหตุผลที่คุณไม่สามารถไปจากโรงพยาบาล ฮันซองได้ง่าย ๆ”

นาโอโกะเห็นซ๊อกรันสนิทสนมกับโดยังมาก จึงต้องการกีดกันคนใกล้ชิดระหว่างคนทั้งสอง นาโอโกะจึงนัดซ๊อกรันออกมาคุย

“สวัสดีค่ะ เชิญนั่งก่อนสิ ฉันสั่งเครื่องดื่มไว้ให้ กาแฟสำหรับคุณ โอเคมั้ยคะ”

“ค่ะ แต่คุณอยากพบฉันทำไมเหรอ ฉันต้องรีบไปช่วยที่โรงพยาบาลโบกูน่ะค่ะ”

“ฉันไม่รบกวนเวลาคุณมากหรอก คือ.. ฉันกับโดยัง ได้ฤกษ์วันแต่งงานกันแล้วค่ะ” นาโอโกะบอก

“ยินดีด้วยนะคะ” ซ๊อกรันยิ้มให้ แสดงความยินดีอย่างจริงใจ

“ขอบคุณค่ะ เพราะคุณเป็นเพื่อนรักของคุณหมอเบ๊กโดยังที่อยู่ในโชซอน ฉันเลยอยากมาบอกข่าวดีกับคุณก่อนเป็นคนแรก งานแต่งงาน จะจัดขึ้นทั้งในโชซอนและที่ญี่ปุ่น เพราะว่าเรามีแขกจำนวนมาก ไป ๆ มา ๆ คงไม่สะดวกน่ะค่ะ ก็เลยตัดสินใจแบบนี้ แต่งานแต่งที่โชซอน คุณต้องมานะ”

“แน่นอนค่ะ ฉันจะไป ถ้างั้นฉันขอตัวไปก่อนนะ”

“เอ่อ ฉันรู้ว่าคุณยุ่งมาก แต่ว่าคุณรู้จักกับคุณโดยังได้ยังไงเหรอคะ?” นาโอโกะถามด้วยท่าทางอยากรู้

“หมายความว่ายังไงคะ?”

“ก็ฉันได้ยินว่า ชายและหญิงชาวโชซอนจะใกล้ชิดกันไม่ค่อยได้ ได้ยินว่าตอนเปิดโรงพยาบาลเจจุงวอน ก็เกิดอุปสรรคเพราะเรื่องนี้ไม่น้อย ถึงต้องมีการจัดหาหมอผู้หญิงมาช่วย ในสังคมที่เป็นแบบนี้น่ะ คนที่เป็นลูกชายขุนนางใหญ่อย่างเบ๊กโดยังของฉัน แต่กลับได้มาสนิทกับลูกสาวล่ามอย่างคุณ ฉันเลยรู้สึกแปลกน่ะ”

“เพราะว่าท่านพ่อของพวกเรามีความสนิทสนมกัน ก็เลยได้รู้จักกันแต่เล็ก มันก็แค่นั้นเอง” ซ๊อกรันบอก

นาโอโกะพยักหน้า “อ้อ อย่างนั้นเหรอ เพราะว่าเบ๊กโดยังไม่เคยเล่าเรื่องอะไรในโชซอนให้ฟังเลย เอาไว้วันหลัง คุณช่วยมาเล่าเรื่องของโดยังให้ฉันฟังบ้างได้มั้ยคะ อีกอย่างนะคะ ตอนนี้โดยังจะต้องยุ่งอยู่กับงานแต่งงาน ถึงเป็นเพื่อนสนิท แต่ก็หวังว่าคุณพยายามไม่มาพบกันจะดีกว่านะคะ เพราะเราคงยุ่งอยู่กับการเตรียมงานน่ะ” นาโฮโกะพูดกีดกันทันที

“ฉันเข้าใจค่ะ” ซ๊อกรันพอจะเข้าใจความหมายของนาโอโกะ ที่นัดเจอเธอวันนี้

มีคนไข้ด่วนที่คิดฆ่าตัวตายมาที่เจจุงวอน “นางฆ่าตัวตายเพราะถูกสามีทำร้าย คนในหมู่บ้านเลยช่วยกันพามาที่นี่ แต่นางกลืนอะไรลงไปก็ไม่ยอมบอก ทำไงดีล่ะ?” ซึงยอนบอก

ซ๊อกรันหันไปคุยกับคนไข้ “ขอโทษค่ะ ท่านกลืนอะไรลงไป บอกพวกข้ามาเถอะบอกเรามาเถอะจะได้รักษาได้ทัน ถ้ามันไม่อันตราย ก็ให้กินยาถ่ายออกมาได้ แต่ถ้าเป็นอะไรที่อันตราย ก็ต้องรีบผ่าตัดนะคะ”

“นางทำงานเย็บผ้า ฉันกลัวว่านางจะกลืนพวกเข็มอะไรลงไปน่ะ” แอลเจลล่าพูดเป็นภาษาอังกฤษ ซ๊อกรันหันไปถามอีกครั้ง “ท่านกลืนเข็มลงไปใช่มั้ยคะ บอกเถอะว่ากินอะไรลงไป เป็นอะไรคะ เป็นยังไงบ้าง?”

คนไข้ไม่ยอมพูด เอาแต่กระอักกระอ่วนปวดท้อง ซึงยอนร้อนใจมาก “ซ๊อกรัน นางเป็นอะไรเนี่ย?”

ซ๊อกรันดูอาการเบื้องต้นและสันนิษฐาน “น่าจะมีอะไรติดที่ลำไส้ ไม่รู้ว่านางกินอะไรเข้าไป มันคงจะเข้าไปติดอยู่ข้างใน”

“ถ้างั้นก็รีบผ่าตัดเอาออกมาสิ” ซึงยอนบอก

“เราไม่รู้ว่ากลืนอะไรลงไปแล้วอุดตันตรงไหน เราทำอะไรไม่ได้เลย”

“จะทำยังไงถึงจะรู้ได้ล่ะ?”

ซ๊อกรันครุ่นคิด “ถ้ามีเครื่องฉายเอกซเรย์ก็คงดี”

“งั้นก็รีบไปจัดการเลยสิ ไปที่ไหน ไปที่ร้านถ่ายรูปได้รึเปล่าหะ?”

“ไม่ใช่ เครื่องฉายเอกซเรย์มีแต่ที่โรงพยาบาลฮันซองเท่านั้น”

“โรงพยาบาลฮันซอง?”

แม้จะรับปากว่าจะไม่เจอและติดต่อกับโดยังอีก แต่ซ๊อกรันก็จำเป็นต้องขอรับการช่วยเหลือจากโดยัง โดยพาคนไข้ไปเอกซเรย์ที่โรงพยาบาลฮันซอง

“มีอะไรบางอย่างเข้าไปอุดตันอยู่ที่ลำไส้เล็ก อะไรน่ะ”

“ข้าก็ดูไม่ออก”

“มันคือ กระดุมน่ะ”

“กระดุมเหรอคะ” ซ๊อกรันอุทานอย่างตกใจ

“พวกเราต่างต้องแต่งงาน ทั้งที่ยังไม่เคยได้เห็นหน้ากัน สามีข้า ฮือ.. เค้ารังเกียจปากข้า ก็เลยด่าข้า แล้วก็ทุบตีข้า ข้าก็พยายามอดทนแล้ว” คนไข้ร้องไห้ เริ่มปากเปิดถึงสาเหตุ

“ยอมให้เราผ่าตัดนะคะ มีชีวิตต่อไป”

“แค่ท่านยอมให้ผ่าตัดก็พอ” โดยังพยายามเกลี้ยกล่อม “นาโอโกะ เตรียมการผ่าตัดให้ที”

คนไข้พอรู้ว่าจะต้องผ่าตัดก็กลัว “ไม่ผ่า ให้ข้าตายไปเถอะ เพราะข้าอยากตายมากกว่า”

“ทำแบบนั้นไม่ได้”


“ปากของท่าน ก็ผ่าตัดได้นะคะ” ซ๊อกรันบอก

“หา?” คนไข้อุทานตกใจ แปลกใจ

“ปาก.. จะผ่าตัดให้สวยก็ได้นะคะ” ซ๊อกรันหว่านล้อม

“จริงเหรอ จริงเหรอคะ?”

โดยังรีบเสริม “อืม ถูกต้องแล้วครับ เราจะผ่าเอากระดุมในท้องท่านออกมาก่อน แล้วค่อยผ่าตัดปากให้อีกทีในวันหลังนะ”

“จริงเหรอ จริงใช่มั้ย งั้นก็ได้ ช่วยทำให้ข้าที ปวดจะตายอยู่แล้ว” คนไข้เริ่มคล้อยตาม

“ข้า..ขอดูท่านผ่าตัดด้วยได้มั้ย ข้าไม่เคยผ่าตัดลำไส้อุดตัน” ซ๊อกรันถามโดยัง แต่นาโอโกะรีบห้าม เพราะไม่อยากให้ทั้งสองใกล้ชิดกัน “คุณยูซ๊อกรันคะ แต่นั่นเป็นการผิดกฎนะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอก เข้ามาเถอะ” โดยังอนุญาต สร้างความไม่พอใจให้กับนาโอโกะเป็นอย่างมาก “เบ๊กโดยังคะ ถ้าท่านผอ.รู้จะทำยังไง”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่เข้าไปก็ได้”

“ไม่เป็นไร เข้ามาเถอะ เดี๋ยวข้าจะสอนวิธีผ่าให้เจ้าเอง นาโอโกะ คุณช่วยไปเตรียมชุดกาวน์ให้เธอด้วยนะ อย่าไปใส่ใจเลยน่า เราไม่ได้เข้าห้องผ่าตัดด้วยกันนานแล้วนะ”

ฮวางจองรู้ว่าซ๊อกรันอยู่ที่โรงพยาบาลฮันซองจึงมาหา และเจอกับวาตานาเบ้ “หมอยูซ๊อกรันอยู่ที่นี่ใช่มั้ยครับ?”



“คุณหมอยูซ๊อกรัน เอ่อ อยู่ อยู่ที่นี่แหละ ตอนนี้คุณหมอยูกำลังเรียนวิธีผ่าตัดลำไส้อุดตันกับคุณหมอเบ๊กอยู่น่ะ เอ้อ อย่าทำอย่างนี้ดีกว่า กว่าจะผ่าตัดเสร็จ คุณไปดื่มชากับผมดีกว่ามั้ย ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ”

“คุยตรงนี้ก็ได้ครับ”

“อืม คือผมถูกใส่ร้ายนะ ผมไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เกิดกับอียงอิกเลย คุณสนิทกับใต้เท้าอียงอิกนี่นา คุณช่วยไปพูดกับใต้เท้าให้ผมทีนะ” วาตานาเบ้พยายามแก้ตัว

“ถ้าเป็นเรื่องนี้คุณไปพูดเองเถอะ”

“แต่ว่า ตอนนี้การผ่าตัดคงใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ”




ฮวางจองเดินมาที่ห้องผ่าตัด และเห็นซ๊อกรันกำลังคุยกับโดยังอย่างสนิทสนม หลังจากที่โดยังช่วยแนะนำเรื่องการผ่าตัดลำไส้ให้กับซ๊อกรัน

“ตอนแรกอยากจะสอนเจ้าผ่าตัดปากแหว่งด้วย แต่กลัวว่าคนไข้จะเสียเลือดมากเกิน ก็เลยยังไม่ได้ทำ”

“ค่ะ ถ้างั้นหาเวลาให้นางไปผ่าตัดที่เจจุงวอนก็ได้ หรือไม่ก็ที่โรงพยาบาลโบกูก็ได้ค่ะ”

“อืม อย่างนั้นก็ไม่เลวนะ ถึงยังไงวันนี้ก็ดีใจที่ ได้เห็นเจ้าเย็บแผล ฝีมือเจ้าทั้งประณีตและก็นิ่งมาก”

“คุณชายเป็นเหมือนที่หมอฮวางพูดเลย ทั้งรวดเร็วแล้วก็แม่นยำ อย่างกับว่ากำลังเพลิดเพลินไปกับการผ่าตัด”

“รู้ในสิ่งนั้น ไม่สู้รักในสิ่งนั้น”

“รักในสิ่งนั้น ไม่สู้มีความสุขกับมัน” ซ๊อกรันต่อให้ “ได้ยินคุณนาโอโกะบอกว่า พวกท่านกำลังจะแต่งงานกันเหรอคะ?”

“นาโอโกะเหรอ?” โดยังหน้าเสีย

“เธอว่าจะจัดงานที่โชซอนกับญี่ปุ่น ใกล้จะต้องไปแล้วใช่มั้ย แต่ว่างานแต่งที่โชซอน ข้ากับคุณหมอฮวางจะต้องไปแน่ ยินดีด้วยนะคะ อีกอย่างนึง อย่าเข้าใกล้ข้ามากเกินไปเลย เดี๋ยวคุณนาโอโกะจะหึงเอา”

ซ๊อกรันยิ้ม ๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่โดยังรู้สึกไม่ชอบใจนาโอโกะเป็นอย่างมาก

“ลำไส้อุดตัน ไม่จำเป็นต้องมาเอกซเรย์ก็ได้นี่นา” ฮวางจองไม่ค่อยพอใจนักที่เห็นซ๊อกรันใกล้ชิดกับโดยัง



“แต่ข้าว่ามันจำเป็นนะ” ซ๊อกรันบอก

“พระราชาไม่อนุญาตให้เรามาที่โรงพยาบาลฮันซอง ถ้าพระองค์ทรงทราบเรื่องนี้เข้า คงจะไม่ดีนัก”

“คุณหมอฮวางจอง เมื่อกี้คนไข้กลืนกระดุมเข้าไปนะ แล้วก็ไม่ยอมบอกว่ากลืนอะไรไป จนกระทั่งมีอาการลำไส้อุดตัน ถ้าไม่ใช้เครื่องเอกซเรย์ก็ไม่มีทางรู้ว่าคืออะไร?” ซ๊อกรันเสียงแข็ง ไม่พอใจ “เรื่องพวกนี้ข้าต้องคอยรายงานท่านทุกเรื่องรึไง?”

ฮวางจองดูงอน ๆ “ก็นั่นสิ”

“หรือว่าท่านกำลังหึง” ซ๊อกรันอมยิ้ม “ก็ที่ข้าผ่าตัดร่วมกับคุณชายเบ๊ก ท่านหึงข้าก็เลยจงใจหาเรื่องใช่มั้ย?”



“ฮะ ๆ ๆ เฮ้อ ไม่ใช่สักหน่อย หือ?” ฮวางจองทำหัวเราะกลบเกลื่อน “แต่ว่าเมื่อกี้ เอ่อ ข้าเห็นพวกท่านสองคนใกล้ชิดกัน แถมยังหัวเราะร่า หืม เอ่อ ข้าก็เลยโกรธ” ฮวางจองสารภาพ

“เหอะ ฮะ ๆ ๆ ๆ นี่แน่ะ” ซ๊อกรันตีแขนฮวางจอง เขิน ๆ

ฮวางจองจะต้องผ่าตัดให้กับหญิงปากแหว่ง แต่เป็นวันเดียวกับที่พระเจ้าโกจงเสด็จกลับวังหลวง และให้คนมาตามฮวางจองไปเข้าเฝ้า



“รอให้ผ่าตัดเสร็จก่อนไม่ได้เหรอ?” ซ๊อกรันถาม

“เค้าบอกว่าให้เร็วหน่อย แถมส่งรถลากมารับแล้วด้วย”

“ถึงยังไงก็คงต้องไปดูหน่อย ไม่ทราบว่าข้าขอเลื่อนไปเป็นผ่าตัดพรุ่งนี้ได้มั้ยครับ?” ฮวางจองถาม

“ไม่ได้ค่ะ ข้าต้องโกหกสามีกว่าจะออกมาได้ พรุ่งนี้คงมาไม่ได้แล้ว” หญิงปากแหว่งบอก

“จะทำยังไงดีคะ” ซ๊อกรันถามความเห็นฮวางจอง

“หมอที่สามารถผ่าตัดโรคปากแหว่งได้มีหลายคน ถ้าอย่างนั้น ลองขอความช่วยเหลือไปโรงพยาบาลอื่นดูมั้ย พอข้าไปแล้ว ท่านช่วยติดต่อให้ทีนะ” ฮวางจองบอกซ๊อกรัน

“เอาอย่างนั้นก็ได้” ซ๊อกรันพยักหน้า รู้สึกว่าฮวางจองเป็นห่วงพระราชา จนละเลยคนไข้อื่น

นาโอโกะมากดดันโดยังให้รีบไปญี่ปุ่น เพื่อเตรียมตัวเรื่องการแต่งงาน โดยังเห็นหนังสือที่ขอความช่วยเหลือจากเจจุงวอนให้ช่วยผ่าตัดหญิงปากแหว่ง โดยังจึงตัดสินใจไปช่วยผ่าตัดทันที เพราะต้องการเลี่ยงที่จะเดินทางไปญี่ปุ่น

ด้านฮวางจองมาเข้าเฝ้าพระราชา “เรียกกระหม่อมด้วยเรื่องอะไรพ่ะย่ะค่ะ?”

“ข้าแค่อยากจะให้เจ้ากลับเข้าวังไปพร้อมกับข้า พอกลับไปถึงวังหลวง ข้าจะสถาปนาโชซอนเป็นจักรวรรดิเกาหลี รัชทายาท เรารีบกลับกันเถอะ พอตัดสินใจแล้ว ก็อยากจะรีบกลับไปเร็ว ๆ”

“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ เมื่อคืนลูกก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเหมือนกัน”

“ฝ่าบาท กระหม่อมยูฮีซูพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพาช่างที่จะตัดเย็บชุดมังกร...มาพร้อมกันด้วยแล้วพ่ะย่ะค่ะ คุณหมอฮวาง เป็นอะไรรึเปล่าหะ?” ยูฮีซูหันไปถามฮวางจองเมื่อเห็นท่าทางไม่สบายใจ

“ไม่มีอะไรครับ กระหม่อม มีเรื่องอยากจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”

“ว่ามาสิ”

“พระอาญาไม่พ้นเกล้า ตอนนี้กระหม่อมมี คนไข้ที่รอผ่าตัดอยู่ที่เจจุงวอนพ่ะย่ะค่ะ ถ้าฝ่าบาทจะทรงประทานอนุญาต กระหม่อมอยากจะกลับไปผ่าตัดพ่ะย่ะค่ะ”

ขันทีโอตวาดเสียงแข็ง “นี่ คุณหมอฮวางจอง ต่อหน้าพระพักตร์ท่านพูดจาที่อาจเอื้อมอย่างนี้ได้ยังไงกันหา ฝ่าบาท ถือซะว่าทรงไม่ได้ยินด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

พระเจ้าโกจงยิ้ม เข้าพระทัย “ไม่เป็นไร เจ้ากลับไปรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลเจจุงวอนก่อนเถอะนะ”

“ฝ่าบาท เป็นพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ” ฮวางจองดีใจมาก





เนื้อหา: เดลินิวส์ / ภาพจากละคร (เอสบีเอส)

1 ความคิดเห็น:

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา