วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เจจุงวอน ตำนานแพทย์แห่งโชซอน ตอนที่ 33




ขุนนางใหญ่ร่วมมือกับญี่ปุ่นจับตัวพระราชาเป็นตัวประกัน และบังคับให้ประทับตราลัญจกร ทำให้โชซอนตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นไปโดยปริยาย ประกาศนี้ถูกติดไปทั่วทุกหัวระแหง ชาวบ้านต่างพากันตกใจและเดือดร้อน ไม่ยอมเป็นเชลยให้ญี่ปุ่นข่มเหง ต่างก็ลุกฮือขึ้นต่อต้านจนเกิดสงครามย่อย ๆ ทั่วไปในโชซอน

“ฮวางจอง ฮวางจอง นี่ ๆ ๆ ๆ นี่มันอะไรเนี่ย พวกข้าความรู้น้อย อ่านไม่ค่อยเข้าใจน่ะ โชซอนกลายเป็นของพวกญี่ปุ่นแล้วจริง เหรอ” ชักแทหน้าตื่นเอาป้ายประเทศเข้ามา

“ในนามเราเป็นประเทศในอารักขาของญี่ปุ่น แต่ความจริงเรากลายเป็นเชลยของพวกเขา” ฮวางจองสีหน้าเคร่งเครียด

“เฮ้ย เรายังมีพระราชาอยู่ไม่ใช่รึไง ไหงเป็นอย่างนี้ล่ะ เอ่อนี่ คุณหมอเบ๊กครับ ท่านไปเรียนที่ญี่ปุ่นมานี่ ท่านช่วยพูดอะไรหน่อยสิครับ” ชักแทหันไปหาโดยัง

“อีควัก ใจเย็นไว้” ซ๊อกรันรีบพูดขึ้น

“แบบนี้ มันยังใจเย็นได้ยังไงกันล่ะ?”

“อีควัก ข้าจะไปเป็นทหารอาสา เข้าไปเมื่อไหร่นะ จะฆ่าไอ้พวกผีญี่ปุ่นให้หมด ฆ่ามันให้สิ้นซาก..” มองชงพูดอย่างเคียดแค้น

“มองชงก็ต้องใจเย็นไว้ แล้วกลับบ้านไปพามักเซงกับลูกมาที่นี่” ซ๊อกรันรีบบอก

“เอ่อ ครับ แต่นี่มันจะบ้าเกินไปแล้วโอ้ย หัวข้ามันจะระเบิด”

“โฮ..ช่างน่าสมเพชนัก สหายร่วมชาติ ฮือ ๆ ๆ ต้องกลายเป็นเชลยศึกไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย อาณาจักรโชซอนที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน กลับต้องมาพังพินาศลงในพริบตา” ผู้จัดการโอร่ำไห้ออกมา “ข้าควรจะทำยังไงดีเนี่ยฮือ ๆ ๆ คุณหมอฮวาง เราควรจะทำยังไง”

“ฮือ..อะไรกัน..ทำไมโลกนี้มันถึงมีเรื่องแบบนี้ได้” โกก็มีความรู้สึกไม่ต่างกันนัก

“แล้วเราจะทำยังไง บ้านเมืองถูกยึดไปแบบนี้” นังนังร้องไห้ฟูมฟาย เช่นเดียวกับมียอง “แล้วต่อไปเรา..จะทำยังไง..”

พวกญี่ปุ่นต่างก็ฮึกเหิมกันมาก “ญี่ปุ่น จงเจริญ”

“ฮะ ๆ โอ๊ะ..” วาตานาเบ้แสดงความดีใจมากออกมาโดยลืมไปว่าตนเองกำลังป่วย

“ระวังหน่อยครับท่าน ท่านเพิ่งจะผ่านการผ่าตัดมานะ” คิมมินจุง กล่าว

“อา..โอย.. ถึงเจ็บก็ดีใจ ฮะ ๆ” วาตานาเบ้หัวเราะร่วน

สนธิสัญญาใหม่ทำให้สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไป โรงพยาบาลฮันซองไม่ต้องการแพทย์ชาวโชซอนอีกต่อไป ทูตญี่ปุ่นจึงเสนอให้โดยังแต่งงานกับนาโอโกะ และโอนสัญชาติมาเป็นคนญี่ปุ่น จะทำให้โดยังปลอดภัยจากสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนแปลง

“ผมได้ยินมาจากนาโอโกะแล้ว แต่ว่าคุณควรจะรู้อะไรซักหน่อยนะ สนธิสัญญาใหม่ที่ลงนามกับโชซอน ทำให้สถานการณ์ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ โรงพยาบาลฮันซองของเรา ไม่ได้ต้องการแพทย์ชาวโชซอนอีกต่อไปแล้ว ดังนั้น ไม่ต้องลังเลอีกแล้ว แต่งงานกับนาโอโกะ และมาเป็นประชาชนญี่ปุ่นซะโดยดีเถอะ” ทูตญี่ปุ่นหันไปบอกโดยัง

ทุกคนฉลองกันอย่างดีใจ ส่วนโดยังสีหน้าเป็นกังวลหนัก

โดยังเข้ามาหานาโอโกะ นาโอโกะซึ่งยังไม่หายดีจะลุกขึ้นจากเตียงแต่โดยังห้ามไว้ “คุณไม่ต้องลุกหรอก นอนต่อไปเถอะ”


“ข้างนอกเสียงดังกันจังเลย เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”

“เสียงดังเหรอ?”

“มันดังจนฉันตื่นเลย” นาโอโกะบอก “ตอนนี้ฉันไม่มีความรู้สึกว่า..แน่นที่คอแล้ว”

“เป็นเพราะว่าช่องลมของคุณ ถูกปิดเอาไว้กะทันหัน ถ้าปล่อยไว้อาจจะตายได้ เราเลยจำเป็นต้องเจาะหลอดลมคุณ”

“อ๋อ ค่ะ.. คุณเบ๊กโดยังได้ช่วยชีวิตฉันอีกแล้วนะคะ เมื่อกี้ ฉันฝันไปว่าคุณเบ๊กโดยัง คุณทอดทิ้งฉันแล้วก็..เดินจากฉันไป แต่ว่าตัวฉัน ฉัน..” นาโอโกะหน้าตื่นเมื่อนึกถึงความฝันของตัวเอง

“เกิดอะไรกับคุณ นาโอโกะ”

“ฉันก็ตายค่ะ พอฟื้นขึ้นมาฉันคิดว่า มันอาจจะกลายเป็นความจริง..ก็ได้ใช่มั้ย?”


“นาโอโกะ” โดยังครุ่นคิดก่อนตัดสินพูด “ผมต้องไปจากโรงพยาบาลฮันซอง”

นาโอโกะตกใจมาก “หมายความว่ายังไงคะ?”

“คุณต้องการจะไปกับผมรึเปล่า?”

การเพลี่ยงพล้ำต่อญี่ปุ่นทำให้โชซอนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก ทำให้พระเจ้าโกจงหนักพระทัยและกังวลพระทัยเป็นอย่างมาก

“ขอให้พระองค์ทรงมีพระทัยเข้มแข็งไว้ พระองค์จะต้องแสดงพระบารมีเพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจ และป้องกันไม่ให้พวกญี่ปุ่นทำอะไรเหลวไหลได้” ฮวางจองทูลเพื่อให้คลายพระทัย

“เข้าใจแล้ว ข้าจะพยายามก็แล้วกัน” แม้จะตรัสเช่นนั้น แต่พระเจ้าโกจงก็ไม่สามารถเบาพระทัยได้เลย

“เมื่อคืนนี้ พระองค์ไม่ได้บรรทมดีใช่รึเปล่า?” เอวิสันทูลถาม

“ข้าต้องทนดูประเทศถูกคนอื่นมายึดไป แล้วข้าจะยังนอนหลับได้ยังไง ตอนนี้ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท มีพวกกลุ่มคนที่รักชาติ เลือกที่จะทำการฆ่าตัวตายและมี.. หลายคนเข้ากลุ่มต้านญี่ปุ่นพ่ะย่ะค่ะ” ฮวางจองกราบทูล

“ประชาชนดิ้นรนเพื่อบ้านเมืองจนถึงกับยอมสละชีพ นั่นสิ ข้าจะต้องยิ่งเข้มแข็ง เพื่อประจานพฤติกรรมของโจรต่างชาติให้โลกได้รู้” พระเจ้าโกจงตรัส

“ทรงคิดถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”


“นี่คุณหมอกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ อ้อ หรือว่า.. กำลังศึกษาเนื้อหาในสนธิสัญญาเป็นเมืองขึ้นอยู่ ฮะ ๆ ๆ ตอนนี้ จักรวรรดิโชซอน ได้จบสิ้นลงไปแล้ว ดังนั้นถ้าหากคุณยังอาลัยอาวรณ์ในโชซอน ก็รีบทิ้งความรู้สึกนี้ไปจะดีกว่า เพราะว่า สำหรับตัวคุณแล้ว เมื่อแต่งงานกับนาโอโกะ คุณก็จะเป็นประชาชนญี่ปุ่น คงจะไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วล่ะ” วาตานาเบ้พูดกร้าวใส่โดยัง

“หึ ผอ.มั่นใจเหรอ?”

“มั่นใจสิ อ้อ พอคุณแต่งงานกับนาโอโกะ ผมจะยกตำแหน่ง ผอ.สำนักงานอนามัยให้คุณดูแล และอาจจะขอให้คุณไปรวบโรงพยาบาลเจจุงวอนกับพวกโรงพยาบาลทหารเข้าไว้ด้วยกัน”

“แล้วถ้าหากผมไม่แต่งล่ะ มันจะเป็นยังไงเหรอ?” โดยังถามขึ้นอย่างมีอารมณ์

“คุณก็จะไม่มีอนาคต สำหรับชาวโชซอนก็จะเป็นพวกขายชาติบ้านเมือง ในสายตาของชาวญี่ปุ่น ก็เป็นพวกที่ทรยศเนรคุณต่อพวกเรา หึ ๆ คนฉลาดอย่างคุณน่าจะเลือกถูกนะ จุ๊ ๆ ๆ” วาตานาเบ้เย้ย

ขุนนางหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับขุนนางชั้นสูงที่ทำสัญญากับญี่ปุ่นทำให้โชซอนต้องกลายเป็นเสมือนเมืองขึ้น รวมทั้งล่ามยู ต่างก็ไม่พอใจกับสัญญาขายชาติครั้งนี้ จึงรวมกันซ่อมสุมอาวุธเพื่อหาทางเล่นงานญี่ปุ่น


“ทำไมพักนี้ ท่านพี่เอาแต่นั่งเหม่อบ่อยจังคะ” แม่ซ๊อกรันถามขึ้นเมื่อเห็นสามีดูเครียด ๆ

“อ้อ เปล่าหรอก พักนี้ข้ามีอะไรต้องคิดหน่อย”




“หรือว่า ท่านพี่ไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยอยู่ที่ไหน?” แม่ซ๊อกรันโพล่งถาม ซ๊อกรันรีบเตือนแม่ “ท่านแม่คะ”

“โธ่เอ้ย เชื่อเลย พูดอะไรของเจ้าเนี่ย ไม่มีต้นสายปลายเหตุเลย”

“ก็เห็นพักนี้ไม่ค่อยจะกลับบ้าน ท่านพี่ไปทำอะไรที่ไหนละคะ?”

“ก็บอกแล้วไงว่าพักนี้มีงานที่ต้องทำเยอะน่ะ” ล่ามยูบอก

“ซ๊อกรันจ้ะ ลูกตัดสินหน่อยสิ ลูกคิดว่าพ่อเค้ามีอะไรปิดบังพวกเราอยู่รึเปล่า?” แม่หันมาถามซ๊อกรัน

“โธ่ ไม่หรอกค่ะ พักนี้ท่านพ่อต้องคอยวิ่งเต้นเรื่องยาอยู่บ่อย ๆ ใช่มั้ยคะท่านพ่อ?”

“อืม ๆ ตอนนี้เรื่องยา เริ่มหายากขึ้นทุกที พวกคนญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาควบคุม..เส้นทางการซื้อขายยารักษาโรคไว้ แทบจะไม่ยอมให้ขายให้กับชาวโชซอนเลย”

“ค่ะ คงจะเป็นคำสั่งมาจากสถานทูตญี่ปุ่น การนำเข้ายาของสำนักงานอนามัยก็ถูกตัดขาดไป ตอนนี้คนทั้งเจจุงวอนเอาแต่หายารักษา มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” ซ๊อกรันสีหน้าเครียดขึ้น


ชิลบกเข้ามาบอกว่ามีแขกมาหาล่ามยู ล่ามยูรีบออกไปด้วยท่าทางระมัดระวัง หลังจากตรวจสินค้าเรียบร้อยก็จะชำระเงิน แต่ชายที่นำสินค้ามาให้ไม่ยอมรับ “ไม่เป็นไรหรอกครับ ทั้งหมดนี้เป็น การทำเพื่อบ้านเมืองเรา ข้าจะรับเงินจากท่านได้ยังไงกัน”

ล่ามยูยิ้มให้ “ข้าไม่ส่งนะ เดินทางระวังด้วย”

“ครับ ถ้างั้น ไว้พบกันบนเขานะครับ”


ซ๊อกรันเดินเข้ามาเห็นว่าสินค้าที่มีคนเอามาให้ล่ามยูคืออาวุธก็ตกใจอย่างมาก “ท่านพ่อคะ”

“อย่าให้แม่เจ้า ได้รู้เรื่องนี้เป็นอันขาด” ล่ามยูกำชับลูกสาว

ล่ามยูนัดพบกับพวกขุนนางที่ไม่เห็นด้วยกับการสวามิภักดิ์กับญี่ปุ่น พร้อมกับนำอาวุธมาให้

“เราเอามาเท่าที่..จะขนมาได้ครับ เมื่อท่านคอยสนับสนุนแบบนี้ เราอาจจะหาระเบิดได้ก็ได้”

“ถ้าอย่างนั้น เรื่องที่จะกำจัดพวกที่ลงนามในสนธิสัญญาขายชาติพวกนั้น พวกอีกึนเทค อีวานยอง ตอนนี้แผนการดำเนินไปถึงขั้นไหน และจะลงมือกันเมื่อไหร่”

“มีบางคนที่ต้องการจะทำการลอบสังหารคนขายชาติพวกนี้ให้ครับ และหนึ่งในนั้น มีคนนึงเป็นนักฆ่า ซึ่งน่าจะเป็นคน..ที่มีความสามารถจริงคนนึง” ล่ามยูบอก

“คน ๆ นั้นคือใครล่ะ?”

“ครับ ข้าเองเคยพบกับเค้ามาครั้งนึง เขาอาศัยอยู่ในมันจูและเพิ่งติดต่อกับข้า เพราะเพิ่งจะกลับมา”

“อย่างนั้นก็ดี ถ้างั้นเราจะกำจัดใครในโจรชั่วทั้ง 5 คนก่อนล่ะ?”

“เจ้ากรมกลาโหม อีกึนเทคครับ เดิมเขาอยู่กับท่าน อียงอิกในกลุ่มสนับสนุนรัสเซีย แต่ถูกญี่ปุ่นซื้อตัว กลายเป็นสุนัขรับใช้ญี่ปุ่น และถือว่าเป็นคนที่ชั่วร้ายเจ้าเล่ห์มากที่สุดในกลุ่มหนุนญี่ปุ่น”

“แล้วจะลงมือกันเมื่อไหร่?” ขุนนางถาม

“ในวันนี้ครับท่าน”

การปะทะกันระหว่างกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยและกลุ่มสนับสนุนญี่ปุ่นมีให้เห็นบ่อยครั้งในโชซอน และก็มีผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ามารักษาในเจจุงวอน

“ถ้าไม่ระวังจะตายได้ จะต้องทำการผ่าตัด ต้องดูว่าบาดแผลลึกไปถึงไหน แล้วค่อยดึงออกมา” ซ๊อกรันบอก

“แผลมันทะลุไปถึงปอด ต้องรีบทำการผ่าตัด” ฮวางจองบอกหลังจากตรวจดูบาดแผลแล้ว


“ได้โปรดช่วยข้าด้วยเถอะ ข้า..ยังจะต้องทำเพื่อบ้านเมืองต่อไป” ผู้บาดเจ็บที่สนับสนุนญี่ปุ่นร้องขอความช่วยเหลือ แต่ผู้บาดเจ็บอีกคนที่คัดค้านก็พูดอย่างเคียดแค้น “คุณหมอปล่อยให้มันตายไปเลย เพราะว่ามันเป็นหมารับใช้ของพวกต่างชาติ แฮ่ก ๆ เอ่อ คุณหมอครับ ท่านรู้จักข้าใช่มั้ย ข้าชีรูไง ชีรู”

“อ้อ ใช่ ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? คุณหมอโกครับ บาดแผลเป็นยังไงบ้าง?”

“โชคดีที่หลอดเลือดไม่ได้ถูกตัดขาดด้วย แต่อาจจะไปโดนตับน่ะ นี่ท่านน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะ” หมอโกบอกผู้บาดเจ็บที่คัดค้านญี่ปุ่น และจะเดินไปรักษาผู้บาดเจ็บอีกคน

“คุณหมอ ท่านอย่าไป ช่วยไอ้คนชั่วคนนั้นนะ มันไป..ช่วยงานเหมืองทอง..ให้กับไอ้พวกโจรต่างชาติ มันยังเลวกว่าพวกต่างชาตินั่นอีก เพื่อจะให้เถ้าแก่ชื่นชมในตัวมัน มันถึงกับยอมช่วยฆ่าคนงานตายไปตั้งหลายคน”

“ท่านใจเย็นเอาไว้ก่อน” ฮวางจองรีบพูด

“วันนี้ที่เหมืองทอง แฮ่ก.. ก่อนที่จะเริ่มงาน แฮ่ก.. พวกคนงานไม่ยอมทำผิดกฎหมาย มันก็เลยซ้อม..มันเลยซ้อมคนงานพวกนั้น ข้าก็เลยเข้าไปสู้กับมัน แล้วมันก็ใช้มีด มันใช้มีด.. มาแทง แทงข้า ข้าก็เลยใช้กรรไกรแทงมันคืนไป”

“แกมันเป็นไอ้โง่ พวกญี่ปุ่นเป็นพวกที่มาคุ้มครองโชซอน ดังนั้นต้องภักดีกับเค้า หนอย.. อย่างแกมันจะไปรู้เรื่องอะไร ไอ้เจ้าโง่เอ้ย คุณหมอครับ ๆ ได้โปรด ได้โปรดช่วยข้าด้วย ได้โปรด”

สองฝ่ายต่างก็ถกเถียงกัน ไม่มีใครยอมใคร มียองหน้าตื่นเข้ามาบอกฮวางจอง “แย่แล้วค่ะ ยาชาเหลือให้ใช้ได้สำหรับคนเดียวเท่านั้นค่ะ”



“เอ่อ คุณหมอฮวาง เจ้าคนขายชาตินั่นต่อให้เราทำการผ่าตัดให้ โอกาสรอดก็มีไม่มากหรอก” หมอโกรีบพูด แต่ซ๊อกรันส่งเสียงเตือน เพราะไม่อยากให้กดดันฮวางจอง “คุณหมอโกคะ”

“โธ่ แหม.. ก็ไม่จริงรึไง เราต้องช่วยคนที่ช่วยได้ก่อนสิครับ” หมอโกพูดขึ้น โซซา มียองก็เห็นด้วย

“เลือกยังไงดี?” นังนังมองซ้ายทีขวาที ซ๊อกรันตัดสินใจ “ไม่ต้องเถียงกันแล้ว เราจะต้องช่วยคนไข้ที่ฉุกเฉินกว่าก่อน”

“โธ่ แต่ไม่มียาชาแล้ว ต้องช่วยคนที่ช่วยได้ก่อนสิ” หมอโกคัดค้าน

“คุณหมอโกครับ รบกวนท่านช่วยไปขอยาชาจากโรงพยาบาลหญิงโบกูมาให้พวกเราที โรงพยาบาลหญิงโบกูมีคนไข้น้อยกว่าเจจุงวอนมาก น่าจะยังพอมียาเหลืออยู่” ฮวางจองพูดขึ้น แต่หมอโกลังเล ฮวางจองจึงโพล่งออกมาเสียงดัง “คุณหมอโก ข้าสั่งท่านในฐานะรักษาการผอ.ของเจจุงวอน”

หมอโกถอนหายใจเสียงดัง “เฮ้อ..เชื่อเลย เข้าใจแล้ว ข้าจะรีบไปรีบมาก็แล้วกัน”

“เอ่อ คุณหมอครับ ได้โปรดช่วยข้าก่อนเถอะ ช่วยมันไปมันก็จะไปทำร้ายพี่น้องของเรามากยิ่งกว่านี้”

“แกพูดบ้าอะไรหา ไม่จริงนะ ๆ ๆ อึก ๆ..” ผู้บาดเจ็บพูดได้แค่นั้นก็สลบไป

ซ๊อกรันตกใจมาก “ช็อกไปแล้ว ทำไงดี?”

“รีบช่วยคนไข้คนนี้ก่อน” การตัดสินใจของฮวางจอง สร้างความผิดหวังให้กับผู้บาดเจ็บที่ไม่เห็นด้วยกับญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก

โกโพหายตัวไปนาน โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน เมื่อมีปัญหาในโชซอนโกโพก็ติดต่อกับล่ามยูและเข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้าน พร้อมรับอาสาไปสังหารอีกึนเทคด้วยตนเอง
   
“ฮะ ๆ ๆ ๆ มีคน 5 คนที่ลงนามอยู่ใน สนธิสัญญายอมเป็นประเทศใน..อารักขาของญี่ปุ่น จากนี้ไป ข้ากับลูกหลานของข้าต้องมีอนาคตไกลแน่ ฮะ ๆ” กึนเทคยิ้มฝันหวานถึงอำนาจและเงินทอง
   
“ท่านจะแบ่งประโยชน์ให้ข้าด้วยรึเปล่า?” ชายอีกคนถาม

“อ้อ แน่นอน มันต้องมีส่วนของเจ้าด้วย”

   
เป็นเวลาเดียวกับโกโพปรากฏตัวขึ้น “ฝันหวานไปแล้วมั้ง”
   
“อะไร แกเป็นใครห๊ะ?” อึนเทคตกใจ เมื่อโกโพและพวกเข้ามาตะลุมบอนโดยไม่ตั้งตัว
“ตอนนี้เบ๊กโดยังคงจะเข้าใจดีแล้ว เหลือแค่งานแต่งงานใหญ่โตเท่านั้น ฮะ ๆ” วาตานาเบ้บอกกับนาโอโกะ
   
“ต้องจัดใหญ่โตด้วยเหรอ?” นาโอโกะถามอย่างแปลกใจเพราะรู้ว่าโดยังไม่ชอบ
   
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว เอ่อ..งานแต่งงานครั้งนี้ ยังจะมีความหมายในด้านการกระชับสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ฮึ ๆ ๆ” วาตานาเบ้พูดยิ้ม ๆ เพราะทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี
   
“แต่ว่าเบ๊กโดยังเค้าเกลียดอะไร ที่เป็น การเมืองแบบนี้ที่สุด” นาโอโกะพูดอย่างกังวล
   
“ตอนนี้คงจะไม่เกลียดแล้ว และคงจะเกลียดไม่ได้ด้วย หึ ๆ ๆ ตอนนี้โชซอนลงนามในสนธิสัญญากับเรา เอ่อ หมายความว่าจากนี้ ชาวญี่ปุ่นจะทำอะไรกับโชซอนก็ได้ และเชื่อว่าครอบครัวของเบ๊กโดยัง คงจะไม่ยืนกรานจะให้จัดงานแต่ง พิธีตามแบบโชซอนอีกต่อไปแล้ว ฮะๆๆ”
   
“เอ่อ สัญญาอะไรกัน ถึงทำอะไรได้ตามใจได้น่ะ”นาโอโกะยิ่งแปลกใจ
   
“เอ่อ เรื่องนี้คุณนาโอโกะคงไม่เข้าใจ อืมพูดง่าย ๆ ก็คือว่า ตอนนี้เราตั้งรัฐบาลรักษาการเพื่อจะควบคุมและทำการปกครองโชซอนอยู่น่ะครับ”
   
นาโอโกะตกใจมาก “พะ..พวกเราเข้า ไปปกครองโชซอนน่ะเหรอคะ?”
   
“เป็นอย่างนั้นแหละครับ และนี่เป็นเพราะ คุณพ่อของคุณนาโอโกะได้วางรากฐานเอาไว้อย่างมั่นคง ทำให้ประสบความสำเร็จได้ ฮะ ๆ ๆ”
   
“ยังไงเหรอคะ?”
   
“เอ่อ เรื่องนี้ คุณหนูก็น่าจะทราบ ก็ตั้งแต่เรื่องการ..ลอบปลงพระชนม์พระมเหสี..”

   
“เอ๊ะ? อะไร ท่านพ่อเป็นคน...วางแผนนี้เองเหรอคะ? เรื่องที่ปลงพระชนม์แล้วเผาพระศพ..” นาโอโกะรู้สึกสับสนเพราะเพิ่งรู้เรื่อง
   
“อ้อ เอ่อ คุณหนูไม่ทราบเหรอ? เอ่อ เบ๊กโดยังยังไม่เคยบอกคุณนาโอโกะเหรอครับ แฮ่ม” วาตานาเบ้ถามขึ้น
   
“ไม่เลย เค้าไม่เคยบอกฉันเลย แต่ว่า นี่เป็นฝีมือของพ่อฉันจริง ๆ เหรอคะ?” น้ำเสียงนาโอโกะผิดหวังมาก
   
“เอ่อ.. ที่ท่านพ่อของคุณหนูทำไป ก็เพื่อประโยชน์ของจักรวรรดิญี่ปุ่นของเรา”
    
โดยังรู้เรื่องทางญี่ปุ่นตัดเส้นทางการซื้อขายยา เลยมาคาดคั้นเอาความจริงจากท่านทูต

   
“ทำไมต้องตัดเส้นทางซื้อขายยาเข้าโรงพยาบาลด้วย?”
   
“ผมเองก็ไม่รู้ว่าใคร..เป็นคนไปปล่อยข่าวเรื่องนี้น่ะ”
   
“ใคร ๆ เค้าก็รู้คุณอย่าทำไขสือได้ไหม” โดยังโกรธมาก
   
“ไม่รู้ ไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ แต่ว่า โรงพยาบาลฮันซองมีคนไข้เยอะเหรอ? ถ้าที่อื่นไม่มียาให้ คนไข้ก็คงจะมาที่โรงพยาบาลเราสินะ” ทูตญี่ปุ่นกล่าวอย่างดีใจ
   
“ขอร้องละครับ โปรดให้การซื้อขายยาเป็นไปโดยสะดวกด้วย” โดยังเอ่ยปาก ทำให้ทูตญี่ปุ่นไม่พอใจมาก “มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง หัวหน้าแผนกศัลยกรรมจะกลับไปที่โรงพยาบาลแล้ว รบกวนช่วยส่งแขกให้ที”
   
“ท่านทูตครับ มันเป็นเรื่องของชีวิตคนนะ อย่าทำอย่างนี้จะได้มั้ย?” โดยังขอร้องอีกรอบ
   
เป็นเวลาเดียวกับเจ้าหน้าที่เข้ามาเขาจึงตวาดเจ้าหน้าที่่ “รออะไรอยู่”
   
“ท่านทูตครับ ๆ ทำอย่างนี้ไม่ได้นะ” โดยังถูกเจ้าหน้าที่นำตัวออกไป พยายามตะโกนขอร้อง
    
นาโอโกะอึดอัดมากกับเรื่องที่ทราบมา จึงมาหาโดยัง



“โดยังคะ ฉัน..มีเรื่องจะคุยกับคุณ”

“อะไรเหรอ?”. โดยังถามขึ้น พอดีมีคนนำตัวคนเจ็บเข้ามา ซึ่งคนเจ็บคนนั้นคือ อีกึนเทค
   
“เกิดอะไรขึ้นกับเค้า..”
   
“เค้าถูกคนร้ายลอบสังหาร ถูกยิงแล้วก็ถูกดาบฟันด้วยครับ”
   
“ส่งไปห้องผ่าตัดด่วน” โดยังสั่ง
    
โดยังผ่าตัดจนกระทั่งช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บไว้ได้


  
   
“อา คงเหนื่อยสินะ คุณได้ช่วยเจ้ากรมกลาโหมอีกุนเทคเอาไว้ได้ ฮะ ๆ ๆ” วานาตาเบ้บอก โดยังตกใจมาก เพราะเพิ่งรู้ว่าคนที่เขาช่วยชีวิตคืออีกึนเทค ผู้ซึ่งขายชาติไว้เอง “คุณว่ายังไงนะ?”
   
“เกือบไปแล้วสิ เพราะเค้าเป็นคนสำคัญในการลงนามในสนธิสัญญา เป็นหนึ่งในห้าคนที่ได้มาลงนามกับจักรวรรดิเรา ฮะ ๆ ๆ” วาตานาเบ้หัวเราะอย่างสะใจ
    
ฮวางจองตัดสินใจช่วยเหลือพวกที่สนับ สนุนก่อนช่วยเหลือพวกต่อต้าน เพราะเห็นว่าผู้บาดเจ็บมีอาการหนักกว่า แต่เมื่อยามาถึงและเขาเตรียมจะรักษาผู้ที่ต่อต้านญี่ปุ่น แต่ชายผู้นั้นก็เสียชีวิตเสียก่อน ทำให้ฮวางจองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

ฮวางจองเศร้า ที่ก่อนตายถูกผู้บาดเจ็บต่อว่าที่ช่วยเหลือสุนัขรับใช้ต่างชาติ แทนที่จะช่วยเหลือพวกเดียวกัน


 
“ถ้าหากเป็นคุณหมออัลเลน หรือว่าคุณหมอเฮรอนมาอยู่ที่นี่ พวกเค้าจะตัดสินใจยังไง? ถึงแม้ข้าจะตัดสินใจช่วยคนที่สาหัสกว่าก่อน แต่บางทีข้าเองก็สับสน คนที่ตายเป็นคนที่เคยช่วยข้าเอาไว้ตอนข้าหนี ข้ากลับไม่ได้ช่วยคนที่เคย..มีพระคุณกับข้าเอาไว้”
 
ซ๊อกรันรู้สึกเห็นใจฮวางจองมาก “ท่านอย่าเอาแต่คิดแบบนั้นเลยค่ะ ถ้าพวกอาจารย์มาอยู่ในสถานการณ์นี้ ก็ต้องตัดสินใจเหมือนกับท่านแน่นอน เรื่องในวันนี้ เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด ในภาวะที่เราขาดยารักษา แต่เราควรหาวิธีแก้ไขต้นตอของปัญหานี้ด้วย”
 
“แก้ไขเหรอ?” ฮวางจองถาม
 
“ค่ะ เหมือนตอนที่ก๊อตนิมตายเพราะโรคฝีดาษ แล้วต้องทำวัคซีนรักษาโรคขึ้นมา เราต้องหาวิธีแก้ ถ้าเราไม่สามารถผลิตยาเองได้ เรื่องแบบนี้ก็จะต้องเกิดขึ้นซ้ำ ๆ”


“คุณหมอยูดูเหมือนเป็น.. ผอ.โรงพยาบาลเลย” ฮวางจองยิ้มออกมาได้
 
“ฮิ ข้าดูเหมือนเหรอ? เป็นตัวแทนผอ.แค่ไม่กี่วัน รู้สึกเบื่อแล้วล่ะสิ สู้เค้านะคะ ทุกคนสามารถยืนหยัดได้เพราะมีคุณหมอฮวางอยู่ ข้าเองก็เหมือนกัน” ซ๊อกรันยิ้มให้กำลังใจ
   
หลังจากโดยังผ่าตัดช่วยชีวิตอีกึนเทคเอาไว้ได้ ทางญี่ปุ่นจึงได้จัดพิธีมอบเหรียญเกียรติคุณให้กับโดยัง
 
“คุณได้ช่วยเจ้ากรมกลาโหมอีกึนเทคเอาไว้ได้ และเค้าเป็นคนสำคัญในการลงนามในสนธิสัญญา เป็นหนึ่งในห้าคนที่ได้มาลงนามกับจักรวรรดิเรา ปรบมือ ฮะๆๆ ยินดีด้วยเบ๊กโดยัง บัดนี้จักรวรรดิญี่ปุ่นได้มอบเหรียญเกียรติคุณมาให้คุณหมอเบ๊กแล้วล่ะ ฮะๆๆ”
 
“ยินดีด้วยค่ะ” ซูซูกิกล่าวยินดี
 
โดยังสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ได้รู้สึกยินดีแต่อย่างใด นาโอโกะเห็นก็พอจะเดาออก “เบ๊กโดยังคะ”
 
“เหรียญตรานี้ ท่านรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ได้ทำการมอบให้เพื่อเป็นการแสดงความชื่นชม ในความพยายามที่จะรักษาชีวิตของเจ้ากรมกลาโหมอีกึนเทคเอาไว้ และเป็นเกียรติแด่คุณหมอเบ๊กของเรา”
 
“คุณพ่อเหรอ?”
 
โดยังสุดจะทน โพล่งออกมาเสียงดัง “ผมบอกไปตั้งหลายครั้งแล้ว ว่าผมไม่ต้องการรางวัลหรือเกียรติคุณอะไร?”
 
“เอ่อนี่อาจจะมีการเข้าใจผิดอะไรบางอย่างมั้ง” วาตานาเบ้บอก โดยังตัดสินใจยื่นเอกสารที่เขาเตรียมมาให้ วาตานาเบ้แปลกใจ “โอ๊ะ นี่อะไรเหรอ?”
 
“หนังสือลาออก ผมขอลาออกจาก หัวหน้าแผนกศัลยกรรมโรงพยาบาลฮันซอง ตั้งแต่วันนี้เลย” น้ำเสียงโดยังมั่นใจ
 
“เบ๊กโดยังคะ?” นาโอโกะอึ้งกับการตัดสินใจของโดยัง

  
นาโอโกะรู้สึกผิดต่อโดยังที่พ่อของเธอเป็นคนวางแผนฆ่าพระมเหสี แต่เธอก็ไม่สามารถบอกโดยังได้ จะยับยั้งโดยังไม่ให้ลาออกก็ไม่ได้ จึงได้แต่เอ่ยคำขอโทษเท่านั้น “ขอโทษนะคะ”
 
“นาโอโกะ นาโอโกะไม่จำเป็นต้องขอโทษผม มีคนไข้ผมก็ต้องรักษา แต่ช่วยแล้วผมถึงรู้ว่า เค้าคือหนึ่งในห้าโจรที่ขายชาติของผม แต่ยังไงซะ การช่วยชีวิตคนไข้ มันไม่ต้องได้รับรางวัลหรอก นั่นคือสิ่งที่ผมเลือกที่จะทำ นาโอโกะไม่จำเป็นต้องขอโทษผมหรอก”
 
“ไม่ค่ะ ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณดี ฉันก็เลย.. ยิ่งรู้สึกผิดกับคุณ”
 
“นาโอโกะ” โดยังเห็นใจนาโอโกะเช่นกัน “ผมเองก็เข้าใจและอยากขอโทษคุณ ดังนั้นเราอย่าเอาแต่ขอโทษกันอยู่เลย ตอนนี้คุณคงต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน ถึงผมอยากพาคุณไป แต่ตอนนี้คงไม่ดีกับคุณ เพราะเรามีจุดยืนที่ต่างกันผมไปนะ”
   
“จะไปจริงเหรอ ถ้าก้าวเท้าออกไปเมื่อไหร่..คุณจบสิ้นแน่” คิมโทนขู่ เมื่อเห็นว่าโดยังกำลังจะไปจากฮันซอง
 
“ถูกต้อง ตอนนี้นักข่าวสำนักข่าวฮันซองกำลังเขียนข่าวว่า วีรบุรุษแพทย์เบ๊กโดยัง หรืออากะ โคบายาชิ ได้ช่วยชีวิตเจ้ากรมอีกึนเทคเอาไว้ได้” ซูซูกิพูดขึ้นบ้าง
 
“วีรบุรุษของเรา แต่อาจขึ้นชื่อว่าเป็นคนขายชาติของโชซอน เฮ้อ..” คิมโทนพูดเหยียดหยามมาก (เลยโดนโดยังถีบกระเด็น)
 



หลังจากยื่นใบลาออก โดยังก็มาหาฮวางจองและซ๊อกรันที่เจจุงวอน “ข้า.. ยื่นใบลาออกไปแล้ว” 

“ท่านมาก็ดีแล้ว” ฮวางจองกล่าวอย่างดีใจ ซ๊อกรันก็เช่นกัน ดีใจมากกับการตัดสินใจของโดยัง
 
“เอ่อ กระเป๋านี่ เอาไปเก็บนะ ฮะ ๆ” ชักแทกระวีกระวาดถือกระเป๋าให้โดยัง
   
ชิลบกกำลังหัดทำแผลจากนังนัง มียองเข้ามาถามว่าทำอะไรกันอยู่
 
“คือชิลบกเค้าอยากหัดทำแผลน่ะค่ะ?”
 
“เจ้าจะหัดไปทำไม?” มียองหันไปถามชิลบก
 
“อ้อ คือว่า..ข้าอยาก..เป็นพยาบาลชาย”
 
นังนังรีบบอก “มีแต่พยาบาลหญิง แต่ว่าไม่มีพยาบาลชาย เค้าเลยอยากเป็นน่ะ”
 
“พยาบาลชาย อยากเป็นก็ไปเป็นหมอสิ เป็นพยาบาลทำไม?”


 
“แหม เป็นหมอก็ต้องผ่าตัดแล้วก็เย็บแผลด้วย  แหะ ข้าไม่ค่อยชอบแบบนั้นน่ะ แต่ข้าอยากจะเป็นเหมือนกับพยาบาลนังนังแบบนี้น่ะ แล้วในตอนนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดี มีสิทธิถูกไล่ออกได้ตลอดเลย” ชิลบกบอกเหตุผลของตนเอง
 
“นั่นสิ บ้านเมืองวุ่นวายแบบนี้ ไม่ว่าใครก็อยู่ไม่สงบหรอก งั้นก็ดี มาเป็นพยาบาล คอยดูแลพวกที่ถูกมีดฟันมา”
 
“ข้าเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ว่า ท่านเรียกหาข้าทำไมเหรอ?” นังนังถาม
 
“จริงสิ ข้าเกือบลืมไปเลย อย่าตกใจล่ะ คุณชายเบ๊กโดยังจะกลับมาที่เจจุงวอนแล้วรู้มั้ย” นังนังแปลกใจกับข่าวใหม่ “จริงเหรอคะ ว้าว”
 
“เฮ้อ ในที่สุดสิ่งที่หวังก็เป็นจริง เพราะข้า..อธิษฐานทุกวันเค้าก็เลยกลับมาได้”
 
“แต่คุณหมอเบ๊กเค้ามีคู่หมั้นแล้วนะคะ” นังนังหมายถึงนาโอโกะซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่น
 
“ย่ะ แต่คงจะเลิกกันแล้ว.. ถึงได้กลับมาที่นี่ไงล่ะ ฮิ ๆ”
   
“พวกเรายินดีจะรับท่านกลับมา แต่ทางฮันซองคงไม่ยอมปล่อยท่านไป..ง่าย ๆ อย่างแน่นอน” ฮวางจองกล่าวกังวลใจแทนโดยัง
 
“พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ ฮันซองในวันพรุ่งนี้จะลงข่าว ที่ข้าได้ไปช่วยชีวิตของเจ้ากรมอีกึนเทคไว้ นี่จะกลายเป็นประเด็นที่ทำให้หลายคนไม่พอใจในตัวข้า”
 
ซ๊อกรันรีบบอก “คุณชายอย่ากังวลไปเลยค่ะ เราจะระดมคนในสำนักงานอนามัยมาเพื่อ อธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจก่อน จะได้ไม่เข้าใจผิด”
 
“ใช่ ทำแบบนี้น่าจะดีกว่า อีกอย่างที่นี่ เป็นเขตเช่าของกงสุลอเมริกา ท่านอยู่ในเจจุงวอน พวกญี่ปุ่นคงยังทำอะไรท่านไม่ถนัดนัก” ฮวางจองบอก พอดีชิลบกเข้ามาบอกว่าฮวางจองจะต้องออกเดินทางแล้ว ฮวางจองเลยหันไปชวน “คุณหมอเบ๊กครับ ตอนนี้ข้ากำลังจะไปหาล่ามยู ท่านอยากจะไปกับข้ารึเปล่า?”
   
ฮวางจองและโดยังมาหาล่ามยู ล่ามยูดีใจมากที่โดยังออกมาจากโรงพยาบาลฮันซองแล้ว จึงพาไปพบกับกลุ่มต่อต้านญี่ปุ่น รวมทั้งโพโกด้วย


 
“ทุกคนคงรู้จักกันดี หลังจากฮวางจอง  ได้เลื่อนชนชั้น ก็เรียนจบจนได้เป็นหมอ อีกอย่างนึง ตอนนี้คุณชายเบ๊กโดยังก็เป็นหมอแล้วเหมือนกัน สหายจองเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ต่อต้านญี่ปุ่นที่เคลื่อนไหวอยู่ในประเทศจีน”

“คุณชายเบ๊ก ข้าคิดถึงท่านจริง ๆ ท่านก็เหมือนกัน” โพโกกล่าวทักทายโดยังและฮวางจอง
 
“ข้าเองก็คิดถึงท่านมาก”
 
“ข้าก็เหมือนกัน เมื่อก่อนข้าสร้างปัญหาให้เจ้าไว้ไม่น้อย ขอโทษด้วยนะ” โดยังกล่าวอย่างละอาย
 
“ไม่เป็นไรครับ ท่านทั้งสอง ได้กลายมาเป็นคุณหมอที่เก่งกาจ ข้าดีใจด้วยจริง ๆ เฮ้อ ได้โปรดบอกกับข้าทีว่า มันเกิดอะไรขึ้น?”
 
“ได้สิ แต่ก่อนจะเล่า ขอดูบาดแผลเจ้าก่อนนะ” โดยังพยายามดูอาการของโพโก
 
“ไม่เป็นไรมากครับ ข้าโดนกระสุนแค่ไม่กี่นัด แต่เอาออกมาแล้ว”
 
“คงต้องขอตรวจดูบาดแผลก่อน” ฮวางจองบอก
 
“ทำไมถึงได้ ถูกคนยิงมาล่ะ?” โดยังถามถึงสาเหตุ
 
“ต้องขอโทษด้วย เรื่องนี้ได้โปรดอย่าถามถามข้าเลย เพราะว่ามันเป็นหลักการของกลุ่ม”
 
“ก็ได้ ข้าเข้าใจ”
 
ฮวางจองตรวจดูบาดแผล “ตอนนี้แผลเริ่มจะเป็นหนองแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมรีบรักษาล่ะ?”
 
“เจ้ารีบไปที่รักษาตัวที่เจจุงวอนเถอะ ถ้าหากเจ้าไม่รีบรักษาแผล ไม่นานผิวตรงนั้นมันจะเน่า ข้าอยาก จะทำการผ่าตัดให้เจ้า” โดยังพูดอย่างเป็นห่วง
 
“งั้นก็ไป อย่างระมัดระวังหน่อย” ล่ามยูบอกโพโก
 
โพโกพูดพามาที่เจจุงวอนเพื่อเข้ารับการรักษา พอชักแทเห็นโพโกมากับฮวางของและโดยังก็ตกใจ


 
“ตกใจอะไรเล่า ข้ากับเพื่อนเจ้า เราเป็นสหายกัน” โพโกพูดยิ้ม ๆ
 
“สะ...สหายเหรอ?”
 
“คนที่เคยผูกพันกันมาก่อน มารวมกันหมดเลย”
 
“ข้าเองก็รู้สึกอย่างนั้น”
 
“เรื่องความหลังไว้ค่อยคุยเถอะ รีบไปห้องผ่าตัดดีกว่า” โดยังพูดขึ้น
 
“เอ่อ ครับ ไปเถอะ”
 
โดยังผ่าตัดให้โพโกผ่านไปด้วยดี
 
“ยอดมากเลยคุณหมอเบ๊ก” ฮวางจองกล่าวชื่นชม
 
“ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ข้าไม่เคยได้รู้เลยว่า ใต้เท้ายูได้ทำการจัดตั้งกลุ่มนักฆ่าเพื่อชาติแบบนี้ขึ้นมาน่ะ ข้า...เป็นห่วงว่าจะทำให้ซ๊อกรันมีอันตรายได้”
 
“ข้าเองก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน”
 
“ถ้าพวกมันเกิดรู้ว่าจองโพโกอยู่ที่นี่ เจจุงวอนก็อาจจะเดือดร้อนไปด้วย พอฟื้นจากยาสลบแล้ว ควรรีบย้ายตัวเค้าไปอยู่ที่อื่น”
 
“ครับ เรื่องนี้เราได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว คุณหมอเบ๊กไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผอ.เอวิสัน ได้ไปญี่ปุ่นเพื่อหาทางแก้ปัญหาเรื่องวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าอยู่” ฮวางจองบอก
 
“อ้อ ถึงว่าไม่ข้าเห็นท่านเลย ข้านึกว่าออกไปตรวจโรคซะอีก”
 
“พอท่าน ผอ.กลับมาถึงแล้ว เจจุงวอนจะเริ่มทุ่มเทเพื่อวิจัยวัคซีน ข้าหวังว่าพวกเราจะได้ คุณหมอเบ๊กมาช่วยในงานนี้ด้วย ข้าเชิญท่านอย่างเป็นทางการ ในนามตัวแทน ผอ. ของเจจุงวอน”
 
“แล้ว ผอ.เอวิสันจะ กลับมาที่นี่เมื่อไหร่?”
 
เอวิสันคว้าน้ำเหลวกลับมาที่เจจุงวอน เพราะเขาไม่สามารถหาวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าได้ แต่ก็ดีใจที่เจอกับโดยัง
 
“เดิมผมกำลังเสียใจที่หาวัคซีน โรคพิษสุนัขบ้าไม่ได้ แต่ได้เห็นคุณหมอเบ๊กทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น เจจุงวอนขอต้อนรับคุณหมอเบ๊กครับ” เอวิสันยิ้มปลื้ม
 
“ขอบคุณครับท่าน”
 
“เชิญนั่งครับ เอาล่ะ ช่วงนี้มีอะไร เกิดขึ้นบ้างรึเปล่า?” เอวิสันถามถึงเหตุการณ์ช่วงที่เขาไม่อยู่


 
“พวกเราขาดแคลนยา ทำให้มีอุปสรรคต่อการรักษาคนไข้ ช่วงที่ท่าน ผอ. ไม่อยู่เราไม่สามารถ หาซื้อยามาเพิ่มให้เจจุงวอนได้เลยค่ะ” ซ๊อกรันบอก
 
“เป็นฝีมือสถานทูตญี่ปุ่น ผมเคยเข้าไปประท้วงเรื่องนี้ตอนอยู่ที่นั่น แต่พวกนั้นไม่ยอมฟัง ผมเลย” โดยังส่ายหัว
 
“พวกเราคิดว่าพอ ผอ. กลับมา ก็จะทำการวิจัยกันเลย ตอนนี้เราได้เตรียมอุปกรณ์ไว้พร้อมแล้ว เอาแต่รอซื้อยาเข้ามาจากต่างประเทศ มันคงจะไม่ยั่งยืนซักเท่าไหร่” ฮวางจองสีหน้ากังวล
 
“โรคพิษสุนัขบ้ากำลังระบาดหนัก พอสำนักงานอนามัยหยุดการรณรงค์ป้องกัน ก็ทำให้มันเลวร้ายลงอีก ทำไงดีคะ?” ซ๊อกรันกังวลหนักเช่นกัน
 
“เป็นความผิดของผม ต้องขอโทษด้วยครับ” เอวิสันบอก เป็นเวลาเดียวกับมองชงเข้ามาบอก “เอ่อ พวกท่านช่วยออกมากันหน่อย คือ...มีแขกมาหาน่ะครับ”
 
ทุกคนออกมาก็เจอนาโอโกะมารออยู่
 
“เบ๊กโดยังคะ”
 
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” โดยังถามอย่างแปลกใจ



“ฉันก็ ออกจากโรงพยาบาลฮันซองแล้ว สวัสดีค่ะท่าน ผอ. คุณหมอฮวาง คุณหมอยูด้วย” นาโอโกะบอก สีหน้ายังละอายกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่หาย “อ้อ ฉันมีของขวัญมา”
 
นาโอโกะหยิบยาโรคพิษสุนัขบ้าออกมาส่งให้ ซ๊อกรันตาโต “นี่มันยานี่นา”
 
“นี่เป็นยาของ โรงพยาบาลฮันซองเหรอ?”ฮวางจองถาม
 
นาโอโกะรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่ ฉันใช้เงินของฉันซื้อมาเอง ฉันสามารถหาซื้อได้”
 
โดยังแยกมาคุยกับนาโกโกะสองคน โดยังเป็นห่วงนาโอโกะมาก “คุณจะมาที่นี่ไม่ได้นะ”
 
“ไม่เป็นไรหรอก พ่อฉันคอยสอนอยู่เสมอว่า จะต้องเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์กับโชซอน กับประเทศญี่ปุ่นของเรา”
 
“ถ้าหากมองจากจุดยืนของประเทศคุณ นี่เป็นโรงพยาบาลศัตรู”
 
นาโกโกะพูดจากใจจริง แม้จะกังวลอยู่มาก “ฉันไม่สนเรื่องพวกนี้หรอกค่ะ นาโอโกะเป็นนางพยาบาล ขอแค่ได้ช่วยคนไข้ก็พอแล้ว มันก็เหมือนตอนที่ เบ๊กโดยังเคยช่วยรักษาคนที่โรงพยาบาลฮันซอง นาโอโกะแค่ พยายามทำหน้าที่  ให้ดีในเจจุงวอนบ้างก็พอแล้ว”
 
โดยังและนาโกะโอยิ้มให้กัน โดยังรู้สึกดีและประทับใจที่นาโอโกะไม่ได้มีความคิดที่จะเอาเปรียบคนโชซอน
 
ซ๊อกรันจะไปโรงพยาบาลโบกูเพื่อเอายาที่ยืมมาไปคืน และจะไปรักษาคนไข้ด้วย
 
“เดินทางปลอดภัยนะคะ” นังนังอวยพร
 
“แต่ว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นนั่น จะมาอยู่เจจุงวอนจริง ๆ เหรอคะ?” มียองไม่วายถาม


 
“ข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ ทำไมเหรอ?”
 
“ไม่หรอกค่ะ รู้สึกว่าจะเป็นพยาบาล ถึงพวกเราไม่มีสิทธิที่จะตัดสินใจ แต่ก็น่าจะถามพวกเราบ้างนี่นา พวกเราเป็นรุ่นพี่ของเค้านะ”
 
ซ๊อกรันยิ้ม “ต้องถามสิจ๊ะ ถ้านาโอโกะจะมาทำงานที่นี่จริง ก็คงจะต้องมาหารือกับ ผอ. กับกลุ่มพยาบาลก่อน”
 
“เหรอ มีชิลบกอีกคนนึง พักนี้เค้าบอกว่าอยากจะเป็นพยาบาล ท่านรู้รึเปล่า?”
 
“ชิลบกน่ะเหรอ?” ซ๊อกรันแปลกใจ
 
“ค่ะ ว่าไปเรื่องมันยาว แต่เอาเป็นว่าเค้าอยากจะเป็นพยาบาลจริง ๆ พักนี้ท่านคงจะยุ่งจนเกินไป ถึงไม่ค่อยได้สนใจพวกเราเลย คงต้องเปิดประชุมแล้วมั้ง?”
 
“เปิดประชุมอะไร ไม่เห็นต้องทำเรื่องมากเลย คุณหมอยูคะ ไม่ต้องไม่สนใจเค้าหรอกค่ะ นายหญิงแค่เห็น คุณหมอเบ๊กกลับมาก็ดีใจแทบแย่ นึกไม่ถึงคุณนาโอโกะจะมา พักนี้ก็เลยอ่อนไหวไปซักหน่อยน่ะ” นังนังพูดยิ้ม ๆ
 
“ใครว่ากันล่ะ อย่าไปเชื่อเชียวนะ” มียองโวยวาย
 
“เอาน่า ข้าเข้าใจ ฮิ ไปก่อนนะ” ซ๊อกรันกล่าวลา มียองเลยหันมาเล่นงานนังนังที่ปากพล่อย

ซ๊อกรันมาตรวจรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลโบกู “ที่ให้ไปไม่ค่อยได้กินสินะ”

“ค่ะ พอรู้สึกว่าดีขึ้นแล้ว ตอนหลังก็เลยลืมกินน่ะค่ะ” หญิงคนไข้บอก

“แบบนี้อาการมันจะขึ้น ๆ ลง ๆ นะ จากวันนี้ไปจะต้องคอยกินยาก่อนอาหารก่อน หลังอาหารหนึ่งชั่วโมงก็กินยาอีกตัว โดยดื่มพร้อมกับน้ำนะคะ”

ซ๊อกรันบอกคนไข้ พอดีมีหญิงถูกทำร้ายร่างกายเข้ามา “คุณหมอคะ ๆ ฮือ ๆ”

“เกิดอะไรขึ้นคะ?”

“พวกเราเดิน ๆ อยู่ก็มีพวกญี่ปุ่นมารังควานเรา พวกมันมาดึงกระโปรงแล้วก็กระชากผมพวกเราด้วยค่ะ”

“มาตรงนี้ก่อน” ซ๊อกรันให้ประคองมานอนที่เตียง ก่อนจะถามอาการ “รู้สึกเจ็บตรงไหน?”

“ท้องค่ะ โอ้ย..ๆ..”



ซ๊อกรันเอามือจับคลำที่ท้อง “ถูกกระแทกที่ท้องเหรอ?”

“ค่ะ พวกมันใช้เท้ารุมถีบเธอน่ะ”

“ท้องมีแก๊สอยู่มาก เหมือนว่าลำไส้จะฉีก” ซ๊อกรันหันไปบอกแองเจล่าเป็นภาษาอังกฤษ “เราต้องทำการผ่าตัด”

“ฉันจะไปเตรียมให้”

ภายหลังซ๊อกรันผ่าตัดเสร็จ แองเจล่าก็กล่าวขอบคุณ “ขอบคุณที่มาช่วยนะ รู้สึกเหนื่อยมั้ย?”

“ค่ะ เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ”

“พอซึงยอนเรียนจบกลับมา คุณคงจะสบายขึ้น”

ซ๊อกรันนึกถึงเพื่อน “คิดถึงเธอจัง ฉันจะไปเขียนจดหมายหาเธอ”

“เป็นความคิดที่ดี” แองเจล่ายิ้มให้

“งั้น ฉันขอตัวก่อนนะ” ซ๊อกรันขอตัวกลับเจจุงวอน

“ขอบคุณมากจ้ะ โชคดีนะ”

ฮวางจองเซอร์ไพร้ส์ซ๊อกรันโดยการมารับ“จ๊ะเอ๋ เหนื่อยล่ะสิ”

ซ๊อกรันยิ้ม “ค่ะ นิดหน่อย”

“ถ้าเหนื่อยแล้วก็เชิญขึ้นรถได้ รถคันนี้พร้อมส่งกลับเจจุงวอนแล้วครับ” ฮวางจองบอก ซ๊อกรันอมยิ้ม “งั้นข้าก็ไม่เกรงใจละนะ”

ฮวางจองยังพาซ๊อกรันมาทานอาหาร ก่อนจะพาไปที่เจจุงวอน และด้วยความอ่อนเพลีย ทั้งคู่จึงเผลอหลับไป มองชงและชักแทเข้ามาเห็นทั้งคู่นอนหลับก็แซว


“คิ ๆ ได้เวลาตื่นแล้วครับท่าน”

“โอ้ยพวกท่านจะหลับด้วยกันนานไปแล้วรึเปล่าเนี่ย?”

“เฮ้ นี่ ๆ ๆ โอ้ย นี่อะไรกันเนี่ย” ฮวางจองตื่นขึ้นมาก็โวยวาย

“เพราะท่านทั้งสองมัวแต่หลับเป็นตาย พวกเราก็เลยไล่ให้คนลากรถกลับไปก่อนแล้ว”

“เราหลับไปนานเท่าไหร่?”

“สองชั่วโมงกว่าแล้วครับ” ชักแทบอก

“จริงเหรอ?” ซ๊อกรันตาโต ตกใจไม่ต่างกับฮวางจอง “นานขนาดนั้นเชียวรึ?

“น่าอายจังเลย ยังไม่ทันได้แต่งงาน แต่ก็นอนเคียงหมอนกันแล้ว ฮะ ๆ ๆ” มองชงร้องเพลงแซว

“ไม่ต้องมาทำเป็นตลกเลย เจ้ากับพี่มักเซงเองก่อนแต่งงานก็อย่างว่าไปถึงไหนแล้ว.. อึ้ย ไอ้เจ้าคนลามกนี่นี่” ชักแทประชดมองชง

“โอ้ย พวกเจ้ามัน ฮึ้ย” ฮวางจองและซ๊อกรันทั้งเขินทั้งอาย มองชงและชักแทหัวเราะร่วน

นาโอโกะยืนยันว่าจะไม่กลับไปที่โรงพยาบาลฮันซอง และจะขออยู่ที่เจจุงวอน


“ถ้าพ่อแม่มารับยังไงก็ต้องไปอยู่ดี ฮึ่ม” คูฮอนบอก

“ถ้าหากนาโอโกะไม่คิดจะไปไหน ผมไม่ส่งตัวเธอไปแน่” โดยังยืนยัน



“เอ่อ เบ๊กโดยังคะ”

“โอ้ย..นี่ ช่วงนี้ทำอะไรวู่วามไม่ได้นะ หะ แกจะไปต้านพวกโจรญี่ปุ่นได้ยังไงกัน?” คูฮอนบอกโดยัง

“สองวันนี้ ก็ไม่เห็นจะมีเรื่องอะไรนี่นา ให้เธอไปนอนอยู่ด้านหลังฉากก็ได้” โซซาบอก

“เราคงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกครับ ไม่มีใครกล้าทำอะไรลูกสาว...ของรัฐมนตรีญี่ปุ่นหรอกครับ”

“อืม ก็จริง ถ้างั้น เอาอย่างนี้ดีมั้ย บ้านของปัญญาชน คงให้คนที่ยังไม่แต่งอยู่บ้านเดียวกันไม่ได้หรอก เบ๊กโดยังก็มานอนกับข้า ส่วนนาโอโกะ ก็ไปนอนกับพัคโซซา” คูฮอนเสนอ

โซซาพยักหน้า “อืม เป็นความคิดที่ดี”

“เบ๊กโดยังคะ เราจัดงานแต่งเล็ก ๆ แบบโชซอน พ่อก็ทำอะไรเราไม่ได้แล้ว และคงจะ...ไม่ทำอะไรที่วู่วามแน่นอน” นาโอโกะบอก

โดยังบอกเรียบ ๆ “ดูสถานการณ์ไปก่อนเถอะ”

นาโอโกะดีใจที่โดยังไม่มีท่าทีบ่ายเบี่ยงเหมือนเมื่อก่อน “เมื่อกี้นี้ ท่านพูดจริงเหรอ?”

“อืม” โดยังยิ้มให้

“เบ๊กโดยังคะ อ้อ แหะ อ้อ เบ๊กโดยังคะ นาโอโกะมีของขวัญมาให้” นาโอโกะยื่นวัคซีนพิษสุนัขบ้าให้

“นี่ อะไรเหรอ?”

“นาโอโกะขโมยมาจากที่โรงพยาบาลฮันซองน่ะ” นาโอโกะสารภาพ



“หรือว่า วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า”

“ใช่ค่ะ”

“ขอบคุณมาก ขอบคุณมากจริง ๆ” โดยังจับมือนาโอโกะ

“แค่นั้นก็พอเหรอ?”

“นี่ ไปอยู่หลังฉากข้างนอกมั้ย?” คูฮอนแซว เพราะทั้งคู่ส่งสายตาหวานใส่กัน

มีจดหมายลับ ๆ จากท่านรัฐมนตรี พ่อของนาโอโกะส่งมาให้ท่านทูตญี่ปุ่น

“ทำไมถึงได้มีจดหมายแบบนี้มาจากท่านรัฐมนตรีได้”

“ต้องขออภัยด้วย เอ่อ คือว่าตัวอักษรมันเล็กมากมองไม่ค่อยชัด คือผมเห็นไม่ชัดเท่าไหร่?”

“สมกับเคยเรียนด้านวรรณกรรม เขียนตัวเล็กอย่างกับนิยาย แต่ว่าพูดโดยสรุปก็คือ สั่งให้พวกเราไปตามหาตัวนาโอโกะกลับมา ไม่ให้นาโอโกะแต่งงานกับเบ๊กโดยัง และถ้าหากมีโอกาสให้กำจัดเบ๊กโดยังซะ” ท่านทูตบอก



“มีคำสั่งให้ฆ่าแบบไม่มีใครรู้ใช่มั้ยครับ?”

“เฮ้อ เรื่องของบ้านเมืองก็ยุ่งจะตายกันอยู่แล้ว ยังจะต้องคอยมาตามหาลูกสาวให้ท่านอีก แถมยัง..ต้องกำจัดคนรักของเธอให้ด้วย?”

“เค้าไม่ใช่แค่หมอธรรมดา แต่เคยเป็นหัวหน้าแผนกในโรงพยาบาลฮันซอง หึ อ้อ เมื่อเราไม่สามารถนำฝีมือของเบ๊กโดยังมาใช้ ก็จะปล่อยให้คนอื่นใช้ไม่ได้”

ท่านทูตญี่ปุ่นครุ่นคิด “แต่การกำจัดเค้า ต้องทำให้สะอาด งานนี้ต้องหาคนมีฝีมือมาเป็นคนจัดการ”

“ถึงจะมีฝีมือด้อยกว่าเบ๊กโดยังไปบ้าง แต่เค้าก็เป็นหมอญี่ปุ่นที่ยอมเชื่อฟังเราอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง แถมยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับเบ๊กโดยังในโตเกียวด้วย พวกเค้าเป็นศัตรูกันตอนเรียนที่นั่นครับ”

“ฮึ่ม งั้นคุณรับผิดชอบ จัดการเรื่องของนาโอโกะกับเจ้าหมอเบ๊กโดยังละกัน”

“ไฮ้ ผมเข้าใจแล้วครับท่านทูต” วาตานาเบ้หรี่ตาคิดแผนการ

ทูตญี่ปุ่นมาเยี่ยมกึนเทค กึนเทคพยายามลุกขึ้นต้อนรับ

“โอ้ นอนต่อไปเถอะครับ เจ้ากรมยังไม่หายดีนี่นา”

“ผมดีขึ้นมากแล้ว”

“ดีขึ้นก็ดีแล้ว ท่านเจ้ากรม คงเหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยนะครับ”



“ก็นั่นสิ เมื่อก่อนใต้เท้ามินยองอิกก็เคยถูกลอบสังหารเป็นเหมือนกับข้า เพราะได้หมออัลเลนช่วยเอาไว้ สุดท้ายถึงได้รอดชีวิตได้ คราวนี้ ข้าเอง..ก็คงไม่ต่างกันหรอก ฮะ ๆ แล้ว หมออัลเลนแห่งฮันซอง เค้าเป็นใครกันล่ะ ข้าอยากจะแสดงความขอบคุณกับเค้าหน่อย” กึนเทคเอ่ยถาม

“อ้อ ตอนนี้เค้าไม่อยู่ที่ฮันซอง เพราะมีธุระที่บ้าน ก็เลยกลับประเทศไปแล้ว” ทูตญี่ปุ่นไม่ได้บอกเรื่องที่โดยังซึ่งเป็นคนโชซอนด้วยกันเป็นคนช่วยชีวิตไว้


“อืม อย่างนั้นเหรอ น่าเสียดายจริง ๆ”

“จริงสิ ท่านมีธุระอะไรกับข้าเหรอ?”
 
“สืบได้แล้วว่านักฆ่ามาลอบฆ่าข้าเป็นใคร?” กึนเทคส่งภาพวาดให้ดู



“อ้อ อย่างนั้นเหรอครับ? เจ้าคนนี้เหรอ?”
 
“ใช่แล้ว เพิ่งกลับโชซอนไม่นาน มันเป็นหนึ่งในกลุ่มนักฆ่า ข้าได้ไปสอบถามคนที่รู้เห็นมาหลายคน ทุกคนก็ชี้ตัวตรงกันหมด”
 
“แล้วทราบมั้ยครับ ว่าเจ้านักฆ่าคนนี้มันอยู่ที่ไหน?”
 
“หลังจากที่รับบาดเจ็บ มันไปรักษาตัวที่เจจุงวอน”
 
“แล้วทำไมไม่จับตัวเลยล่ะ จะเรียกผมมาทำไม?”
 
“อย่าเพิ่งไป ท่านต้องการจับแค่พวกลูกกระจ๊อกรึ? เราจะต้องจับหัวหน้าของมัน แฮ่ม” กึนเทคพูดอย่างมีแผน



ล่ามยูครุ่นคิดหนักถึงอนาคตของตนเอง จึงเรียกหมอฮวางจองมาพบ “คุณหมอฮวางจอง การที่ข้าเรียกท่านมาในวันนี้ เพราะว่ามีเรื่องสำคัญบางอย่างจะบอก”

  
“ซ๊อกรันอายุไม่น้อยแล้ว แถมพวกเจ้าเองก็คบหากันมาได้พักใหญ่แล้วด้วย” แม่ซ๊อกรันเอ่ยขึ้นบ้าง
 
“ท่านพ่อค่ะ” ซ๊อกรันขัดขึ้น เพราะไม่อยากกดดันฮวางจอง
 
“ใช่แล้ว ตอนนี้..พวกเจ้าสมควรจะจัดงานแต่งงานกันได้แล้วล่ะ”
 
“แต่ว่า ทำไมกะทันหันจัง?” ฮวางจองถามอย่างแปลกใจ
 
“กะทันหันกะทันเหินอะไรกันล่ะ พวกเจ้าคบกันมาตั้งหลายปีแล้วนะ”
 
“อ้อ ก็เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้ น่าจะมีการบอกล่วงหน้าก่อนนี่คะ”
 
“จากสถานการณ์ในตอนนี้ การจัดงานแต่งงานอาจจะดูไม่เหมาะสมซักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากจะรอต่อไปแบบนี้ก็มันก็ดูไม่ค่อยดีนักเหมือนกัน ดังนั้นเราได้เลือกวันและฤกษ์เอาไว้แล้ว คุณหมอฮวาง ท่านคิดว่ายังไงบ้าง?” ล่ามยูเอ่ยถาม
 
“ข้า แล้วท่านใต้เท้ายูจะตัดสินใจครับ” ฮวางจองแอบอมยิ้ม
 
“เจ้าล่ะ?” แม่หันไปถาม ซ๊อกรันเห็นด้วยกับฮวางจอง “ข้าก็... แล้วแต่ท่านพ่อ กับท่านแม่ค่ะ”
 
แม่ซ๊อกรันดีใจสุด ๆ “โอ้ย...อย่างกับฝันไปเลยนะเนี่ย ข้าเฝ้าพูดถึงงานแต่งของซ๊อกรันมาตั้งหลายปีแล้วนะเนี่ย”
 
ล่ามยูเองก็หัวเราะชอบใจ “ฮะ ๆ ๆ ตอนนี้ คงสมหวังดังใจเจ้าแล้วสิ ฮะ ๆ”
 
“ยังค่ะ ยังไม่ใช่ ต้องรอให้เค้ากราบไหว้ฟ้าดิน เข้าห้องหอแล้วข้าถึงยอมเชื่อ”
 
“ท่านแม่ก็...” ซ๊อกรันเขินจัด
 
“ข้ายังมีบางอย่างที่จะบอกกับใต้เท้า”ฮวางจองขัดขึ้น
 
“อืม พูดมาได้เต็มที่”
 
“ขอแค่ไม่พูดว่าไม่แต่งงาน ก็พูดมาเถอะ”
 
“คือว่างานแต่งงาน ข้าอยากจะจัดที่เจจุงวอนน่ะครับ”
 
“ค่ะ ข้าเองก็อยากจัดที่เจจุงวอน” ทั้งฮวางจองและซ๊อกรันมีความเห็นเหมือนกัน เพราะเป็นที่ที่เขาและซ๊อกรันพบรักกัน

“ท่านพี่ ดูเหมือนพวกเค้า จะหารือกันมาก่อนแล้วนะ ว่าไงคะ จัดที่เจจุงวอนได้รึเปล่า?” แม่ซ๊อกรันหันไปถามความเห็นสามี ล่ามยูก็ไม่ขัดใจฮวางจองและลูกสาว

ทหารญี่ปุ่นได้ข่าวว่าโพโกมารักษาตัวที่เจจุงวอนจึงจะมาขอค้น แต่เจอชักแทและมองชงกันไว้


 
“จะทำอะไรน่ะ เข้ามาไม่ได้นะ ๆ ห้ามเข้า ฮึ้ย” ชักแทและมองชองโวยวาย
 
“ที่นี่มีคนไข้ที่ถูกปืนยิงมารึเปล่า?” ทหารญี่ปุ่นถาม
 
“เอ่อ ไม่มีแบบนั้นหรอก”
 
“ไม่มีจริง ๆ”
 
“นี่ เจ้าจะทำอะไรน่ะ?” มองชงถามเมื่อเห็นทหารญี่ปุ่นจะเข้าไปในเจจุงวอน
 
“เจ้าคน ๆ นี้ ไม่อยู่จริง ๆ เหรอ?” ทหารญี่ปุ่นเอาภาพโพโกให้ดู
 
“ไม่อยู่จริง ๆ” ชักแทยืนยัน แต่ทหารญี่ปุ่นไม่เชื่อ “ข้าต้องหาตัวมันให้เจอ ทหารเข้าไปค้น..ให้ทั่ว”
 
ทหารญี่ปุ่นกรูเข้าไปในเจจุงวอน เป็นเวลาเดียวกับที่เอวิสันได้ยินเสียงโวยวายและเดินออกมาดู



“พวกคุณมาทำอะไรที่นี่ รีบออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
 
“พวกข้ามาเพื่อจับกุมนักโทษ ได้โปรดให้ ความร่วมมือด้วยครับ”

“งั้นก็เอาหมายค้นมา ก่อนที่จะมาค้นที่นี่” เอวิสันเสียงแข็ง
 
“เรามาจับกุมตัวนักโทษ จะเอาเวลาที่ไหนร่างหนังสือ”
 
“ผมจะขอให้สถานทูตอเมริกาทำการ ประท้วงรัฐบาลของพวกคุณ” เอวิสันประกาศ
 
“ได้ งั้นก็ประท้วงไป” ทหารญี่ปุ่นพูดอย่างไม่กลัวใคร
 
“นี่ ทำไมถึงหนวกหูนักนะ เฮ้ย มีอะไรเนี่ยไอ้พวกนี้ เฮ้ มาทำอะไรกันห๊ะ ทำอะไร เข้าไปไม่ได้นะ ออกไป” ผู้จัดการโอเดินออกมาเห็นทหารญี่ปุ่นกรูกันเข้ามาก็ตกใจ
 
ทหารญี่ปุ่นเข้ามาค้นในเจจุงวอน ได้ทำลายทรัพย์สิน และสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ป่วยในเจจุงวอนเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่พบโพโกอย่างที่คาด


ฮวางจองและซ๊อกรันมาหารือเรื่องงานแต่งงานกันที่ร้านเจอุ๊ก



“เอ่อ..บัตรเชิญนี่ พิมพ์ซักร้อยใบ น่าจะพอมั้งครับ?”

“ค่ะ ถ้างั้น พยานนี่..เราก็เชิญผอ.เอวิสันละกันนะ”

“คือ...ข้าอยากจะให้เป็นท่านทูตอัลเลนมากกว่าน่ะ”

“แต่แบบนี้ท่านผอ.อาจเสียใจได้นะ”

“ใช่ ถึงจะผิดต่อท่านผอ.บ้าง แต่ข้าก็ยังอยากรบกวนให้ท่านทูตอัลเลนมาเป็นพยานให้มากกว่า เพราะเค้าเป็นคนช่วยให้ข้าเดินมาบนเส้นทางนี้ และ...เป็นอาจารย์ที่เคยสอนข้าด้วย”

“ค่ะ ข้าเองก็เห็นด้วยกับความคิดของท่าน”

เจอุ๊กเอากาแฟมาเสิร์ฟ พอเห็นการ์ดแต่งงานก็ตาโตดีใจ “อา กาแฟได้แล้ว โอ๊ะ โฮะ คุณหมอฮวางกับคุณหมอยู จะแต่งงานแล้วเหรอ?”

“ใช่ เราจะจัดที่เจจุงวอน ท่านต้องมาด้วยนะ”

“อาหารที่จะจัดให้แขกรับประทาน เราจะสั่งที่นี่ได้รึเปล่าคะ?” ซ๊อกรันถาม

เจอุ๊กรีบรับปาก “ถ้าได้อย่างนั้นจริงมันก็ดีสิ ข้าจะแถมเค้กแต่งงานให้พวกท่านฟรีเลยดีมั้ย?”

“โอ้ พูดจริงรึเปล่า?”

“แน่นอน แต่ยังไงขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย”

“ขอบคุณท่านมากครับ”

ฮวางจองและซ๊อกรันกลับมาที่เจจุงวอนเห็นภาพที่ข้าวของถูกรื้อค้นกระจายก็ตกใจ


“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ซ๊อกรันตกใจมาก

“ดูสันดานพวกมัน ดูสันดานไอ้ยุ่นพวกนี้สิ หืม? โจรชั่วพวกนี้มันทำกับเจจุงวอนยังไง มันไม่เห็นประเทศอื่นอยู่ในสายตาเลย ที่นี่อยู่ในเขตอำนาจของกงสุลนะ” ผู้จัดการโอบอก

“แล้วท่านผอ.ล่ะ?”

“กำลังไปหาท่านทูตอัลเลน ที่สถานทูตอเมริกาแล้ว”

“พวกมันมาทำอะไรกัน?” ฮวางจองถามขึ้นบ้าง

“ก็มาตามหาตัวจองโพโกไง”

มองชงรีบเสริม “อ้อ แต่โชคดี ที่มันหาตัวไม่เจอ ดีที่เมื่อคืนนี้พวกทหารอาสามารับตัวเค้าไปก่อนแล้ว”

“ไอ้ ๆ ไอ้โจรชั่วช้าพวกนี้มันน่าตายนัก มันคิดว่าโรงพยาบาลเจจุงวอน เป็นแหล่งซ่องสุมทหารรึไงกันหะ?” ผู้จัดการโมโหจัด

“จองโพโกเป็นแค่ปลายเหตุ พวกมันบอกว่าจะต้องไปตามจับกุมตัวหัวหน้าให้ได้” ชักแทบอก

“จับกุมหัวหน้ารึ?”

ฮวางจองถามซ๊อกรันว่าล่ามยูอยู่ที่ไหน เพราะตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในระหว่างอันตราย เพราะพวกญี่ปุ่นไม่ปล่อยล่ามยูไว้แน่





เนื้อหา: เดลินิวส์ / ภาพจากละคร (เอสบีเอส)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา