ทหารญี่ปุ่นมาจับตัวล่ามยู สร้างความตกใจให้กับซ๊อกรันและฮวางจองเป็นอย่างมาก
“ถูกต้อง ลอบสังหาร”
“พ่อคะ นี่มันเรื่องอะไรคะ?”
“เจ้ามีหลักฐานอะไร?” ฮวางจองถามขึ้น
“หลักฐานเหรอ ต้องไปถามรัฐบาลรักษาการเพราะว่าข้าเป็นทหารแค่...ทำตามคำสั่งเท่านั้น ไปได้” ทหารนำตัวล่ามยูไป ซ๊อกรันถึงกับน้ำตาคลอ “ท่านพ่อ”
“มายึดครองประเทศคนอื่นก็เกินพอแล้ว ยังมารังแกประชาชนจะไม่ถูกลงโทษได้ยังไง พวกเจ้าเป็นใครกัน ถึงได้เหิมเกริมมารังแกประชาชนในประเทศคนอื่นเค้าอย่างนี้” ฮวางจองหมดความอดทน ระเบิดออกมา
“คุณหมอฮวาง” ซ๊อกรันตกใจกับอารมณ์ที่พุ่งพล่านของฮวางจอง
“ย๊ากกก” ทหารเข้าทำร้ายฮวางจองที่เข้ามาขวาง “ฮะ ๆ ๆ อ๊า เจ้าเป็น...หมอส่วนตัวของพระราชาสินะ พวกเจ้าระวังตัวไว้ให้ดี อย่ามาแส่กับธุระของพวกข้าอีก ไม่มีประโยชน์หรอก ไปได้”ทหารนำจับกุมล่ามยูไป ซ๊อกรันได้แต่ร้องไห้ ไม่รู้จะช่วยพ่ออย่างไร “ท่านพ่อคะ”
“ใต้เท้ายู ข้าต้องช่วยท่านออกมาให้ได้ ข้าต้องช่วยให้ได้”
“เจ้ากลับไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ รีบกลับไปเร็วเข้า คุณหมอฮวาง ช่วยไปบอกข่าว เพื่อน ๆ ของข้าด้วยนะ” ล่ามยูตะโกนบอกลูกสาว
“ท่านพ่อคะ ๆ ๆ ๆ ฮือ...”
ซ๊อกรันนำเรื่องที่ล่ามยูถูกญี่ปุ่นจับตัวไปข้อหาบงการการลอบสังหารผู้ลงนามในสัญญาระหว่างโชซอนและญี่ปุ่นมาบอกแม่ แม่ซ๊อกรันถึงกับเป็นลม
ซ๊อกรันนำเรื่องที่ล่ามยูถูกญี่ปุ่นจับตัวไปข้อหาบงการการลอบสังหารผู้ลงนามในสัญญาระหว่างโชซอนและญี่ปุ่นมาบอกแม่ แม่ซ๊อกรันถึงกับเป็นลม
“ท่านแม่ คราวนี้มันเป็นคราวเคราะห์อะไรกันละเนี่ย พวกมันว่าพ่อของเจ้าทำผิดอะไร โอ๊ย ไอ้เจ้าพวกบ้า ทำไมพวกมันถึงต้องมาจับพ่อของเจ้าไปด้วยห๊ะ? โธ่เอ๊ย ท่านพี่คะ โอ๊ย พูดอะไรบ้างสิ คุณหมอฮวาง เจ้าก็พูดอะไรบ้างสิ?”
“ท่านป้าครับ ตอนนี้ท่านใจเย็นก่อน ข้าจะหาวิธีไปสืบมาให้ได้” ฮวางจองรีบปลอบใจ
“ไปสืบเหรอ เค้าถูกจับไปแล้วยังจะสืบอะไรอีก โอ๊ย จะทำยังไง พวกเค้าต้องไม่ปล่อยท่านพี่ไว้แน่ โอ๊ย...” แม่ซ๊อกรันร้องห่มร้องไห้
“ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีอะไร ข้าต้องหาทางช่วยใต้เท้าให้ได้” ฮวางจองให้สัญญา
“ใช่ค่ะท่านแม่ เราต้องทำให้ได้”
“โธ่เอ๊ย ท่านพี่คะ โธ่” แม่ซ๊อกรันยังคร่ำครวญ
“คุณหมอยู ข้าคงต้องรีบไปบอกข่าวนี้กับ เพื่อนใต้เท้ายูก่อน”
“เพื่อนของท่านพ่อ เป็นใครเหรอ?” ซ๊อกรันเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ
“ขอโทษด้วยครับ ไว้ข้าจะบอกท่านทีหลัง ก่อนอื่นคุณหมอยูต้องช่วยดูแลท่านป้าให้ดี ข้าต้องไปก่อนนะ” ฮวางจองบอกก่อนจะรีบไป
“คุณหมอฮวาง ท่านจะไปหาใครเหรอคะ แล้วเพื่อนของท่านพ่อ...เป็นใครเหรอ?” ซ๊อกรันตามมาถามเพราะคาใจกับคำพูดที่เป็นปริศนาของ ฮวางจอง
“คือว่า...” ฮวางจองอ้ำอึ้ง
“เมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ พ่อข้าได้ซื้อปืนเข้ามา ท่านพ่อไปเข้าร่วมกับกลุ่มของมือสังหาร...ใช่รึเปล่าคะ? คุณหมอฮวาง” ซ๊อกรันจ้องหน้า คาดคั้น
ฮวางจองอึ้งไป ก่อนจะยอมรับ “เป็นความจริงครับ แล้วคนที่ส่งไปเป็นนักฆ่าในคราวนี้ ก็เป็นคนที่คุณหมอยูรู้จักด้วย”
ซ๊อกรันตาโต “เป็นใครเหรอ”
“จองโพโกไงครับ เพราะแบบนี้คราวก่อนจึงต้องให้รักษาตัวในเจจุงวอนลับ ๆ”
“ถ้างั้น จะช่วยท่านพ่อออกมาคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่”
“คุณหมอยู เอาเป็นว่าอะไรที่เป็นหลักฐาน พวกเราจะต้องทำลายทิ้งให้หมด ตอนนี้ข้าจะลองไปสืบเรื่องทางจองโพโกดูก่อน ท่านอย่าให้เหลือเอกสารอยู่ในบ้านเด็ดขาด เข้าใจรึเปล่าครับ?”
“ค่ะ ท่านระวังตัวด้วยนะคะ” ซ๊อกรันจับมือฮวางจองมากุมไว้อย่างเป็นห่วง
“ครับ”
“หัวหน้าถูกจับตัวไปเหรอครับ?” โพโกตกใจมาก
“ครับ”
“ใกล้จะถึงวันลงมือ แต่ดันเกิดเรื่องอย่างนี้ได้” โพโกครุ่นคิด
“การอยู่ที่นี่ต่อ คงจะอันตรายจนเกินไป” ฮวางจองประเมินสถานการณ์
“พวกข้าคงต้องย้ายกำลังไปจากที่นี่ก่อน” โพโกบอก เป็นเวลาเดียวกับมีเสียงโวยวายว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในสถานที่ตั้งกองกำลัง
ทหารญี่ปุ่นส่งคนเข้ามาเพื่อสังหารโพโก โพโกพยายามต่อสู้เพื่อรักษาชีวิตตนเองไว้ แต่ด้วยกำลังที่มีมากกว่า โพโกเสียทีถูกทหารญี่ปุ่นทำร้ายจนได้
“จองโพโก อึ้ย ๆ ท่านยังไหวรึเปล่า?”
“โอย...แค่ก ๆ ๆ แฮ่ก ๆ ถึงคุณหมอ ฮวางจะเป็นหมอเก่งขนาดไหน ครั้งนี้ก็ช่วยข้าไม่ได้แค่ก ๆ ๆ” โพโกเจ็บหนัก เหมือนจะรู้ชะตากรรมตัวเอง
“อย่าเพิ่งพูดอะไร ข้าต้องช่วยให้ได้ ข้าจะช่วยท่านให้ได้”
“ข้าต้องขอบคุณในความห่วงใย แต่ข้าเสียใจ กองทัพคนรักชาติยังไม่ทันได้มี...แค่ก... โอกาสสู้กับญี่ปุ่น ข้าก็ต้องมาตายซะก่อน แต่ยังมีโอกาสได้ชดใช้หนี้ให้ท่านก่อนตายก็ยังดี” โพโกพยายามพูด แต่น้ำเสียงแผ่วลงทุกที
“หมายความว่ายังไง ท่านติดหนี้อะไรข้าเหรอ?” ฮวางจองรีบถามขึ้น
“ฮะ ๆ ๆ สมกับเป็นท่านจริง ๆ สหาย ฮวาง โอย...ช่วยหยิบไอ้นี่ออกมาให้ที ช่วยเอา ไปมอบให้ใต้เท้ายูด้วย” โพโกยื่นของบางอย่างให้ฮวางจอง “คุณหมอฮวาง กองทัพคนรักชาติทั่วประเทศ จะเข้าร่วมกอบกู้ชาติด้วยกัน นี่เป็นรายชื่อของผู้นำกลุ่มที่อยู่ในแต่ละท้องที่ ข้าฝากท่านช่วยเอาไปให้กับแม่ทัพฮอวีด้วยนะ”
“แม่ทัพฮอวีเหรอ”
“ท่านจะต้องเอาไปส่งให้เองถึงมือเค้า เข้าใจมั้ย” โพโกย้ำ
“ข้าจะไปส่งให้ถึงมือ”
“ไปหาใต้เท้าให้เจอนะ”
“ข้าจะไปหาเค้าเอง” ฮวางจองรับปาก
“เฮ้อ ๆ ๆ หนาวมาก ข้าอยากเห็นฤดูใบไม้ผลิจัง” โพโกเริ่มเพ้อ
“ไปเถอะ ไปอย่างสงบ” ฮวางจองเห็นอาการของโพโกแล้วก็รู้ว่าไม่รอด ไม่นานโพโกก็จากไปอย่างสงบ
หลังจากได้วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้ามา โดยังก็เริ่มผลิตวัคซีน
“เชื้อโรคพิษสุนัขบ้ารุนแรงเกินไป จึงไม่สามารถฉีดเข้าตัวคนได้โดยตรง จึงต้องใช้วิธีฉีดให้กระต่ายในปริมาณน้อย แล้วทิ้งไว้หนึ่งวัน จากนั้นค่อยดูดไขกระดูกสันหลังกระต่ายออกมา ทุก ๆ วันจะถูกฉีดให้กับกระต่ายไม่ซ้ำตัว แล้วดูดไขกระดูกมาเก็บไว้อย่างนี้ครับ”
“เก็บรักษาแบบนี้ ก็สามารถใช้ได้แล้ว เหรอ?” เอวิสันถาม
“แค่นี้ก็พอครับ”
“แล้วต้องทิ้งไว้นานเท่าไหร่ ถึงจะเอาไปฉีดได้”
“ต้อง 21 วันค่ะ หลังจาก 21 วันถึงจะไม่มีผลข้างเคียงค่ะ” นาโอโกะบอก
“ครับ ดังนั้นการทำวัคซีนจะต้องทำทุกวันโดยไม่หยุด” โดยังพูดเสริม
“และเราต้องใช้กระต่ายตัวใหม่ทุกวัน”
“อย่างนี้ผมพอจะเข้าใจแล้ว” เอวิสันยิ้มออกมา
มองชงเดินเข้ามาบอก “เอ่อ คุณหมอเบ๊กครับ รีบออกไปดูข้างนอกเถอะ มีคนจากโรงพยาบาลฮันซองมา”
โดยังตกใจ เป็นห่วงนาโอโกะมาก “หะ นาโอโกะ คุณรออยู่ที่นี่ก่อนนะ” พูดจบโดยังก็รีบออกไป
โดยังออกมาก็พบกับคิมโทนซึ่งรออยู่ “คุณหมอเบ๊ก ท่านอยู่ที่นี่เองเหรอ?”
“มีเรื่องอะไรหา?”
“ผมมาหาคุณหนูนาโอโกะ” คิมโทนบอก
โดยังมองอย่างไม่ไว้วางใจ “หึ นาโอโกะไม่มีทางยอมไปกับเจ้าหรอก เจ้ากลับไปซะเถอะ”
“ผมต้องการพบคุณหนูนาโอโกะ ผมต้องถามคุณหนูด้วยตัวเอง”
“ถ้าไม่ให้ล่ะ” โดยังหรี่ตาถามลองเชิง
“ฮะ ๆ ๆ จริงเหรอ คุณคิดจะลักพาตัวลูกสาวรัฐมนตรีของญี่ปุ่นใช่มั้ย?” คิมโทนกล่าวอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
“ลักพาตัว?”
“ถ้าไม่ยอมส่งตัวคุณหนูนาโอโกะ ผมจะฟ้องรัฐบาลรักษาการ เพื่อให้เข้ามาจัดการกับเรื่องนี้เอง” คิมโทนขู่
“แต่ที่นี่เป็นเขตเช่าของอเมริกา” โดยังบอก
“นั่นแหละประเด็นของผม เพราะทางสถานทูตคงจะต้องเอาเรื่องนี้ไปกราบทูลพระราชาโชซอนว่าท่านลักพาตัวเธอ คราวนี้รับรองสนุกแน่”
นาโอโกะซึ่งฟังอยู่ ไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะตนเอง จึงปรากฏตัวออกมา “พอได้แล้ว ฉันจะไปกับคุณเอง”
โดยังรีบห้าม “นาโอโกะ ไม่ได้นะ บอกแล้วไงว่าอย่าออกมา”
“เบ๊กโดยังคะ ฉันไม่อยากให้คุณต้องมายุ่งยากเพราะฉัน นาโอโกะ กลับไปแล้ว ก็จะกลับมาใหม่” นาโอโกะเหมือนให้สัญญากับโดยัง
“ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว ก็ควรจะทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง ทำไมถึงยังเอาผู้หญิงมาสร้างปัญหาอีกล่ะ” คิมโทนพูดเยาะเย้ย
“ฉันเป็นสิ่งของรึไง รีบขอโทษเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ยอมขอโทษ ฉันจะกลับไปฟ้องคุณพ่อ” นาโอโกะโมโหที่คิมโทนกล่าวอย่างไม่เกรงใจใคร
“ต้องขอโทษด้วยครับ ไปได้แล้ว” คิมโทนไม่ได้มีเจตนาที่จะขอโทษจริง ๆ พร้อมกับยิ้มเยาะโดยัง
ฮวางจองส่งข่าวถึงขุนนางที่ต่อต้านญี่ปุ่นเรื่องล่ามยูและโพโก
“ล่ามยูถูกจับตัวไป จองโพโกกับกองกำลังรักชาติ...ก็ถูกฆ่าตายหมดเหรอ? ทำไมกลายเป็นอย่างนี้ได้”
“ท่านแม่ทัพฮอวีคือคนไหนครับ ก่อนตายจองโพโกฝากบางอย่างเอาไว้ เค้าต้องการให้ข้าไปพบท่านแม่ทัพด้วยตัวของข้าเอง ไม่ทราบว่าท่านอยู่ที่ไหน” ฮวางจองถามขึ้น
“กองกำลังรักชาติของโชซอนได้รวมตัวเตรียมพร้อมสู้แล้ว”
“กองกำลังรวมตัวกัน”
“อืม เค้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองกำลังนั้น เพราะว่าต้องเก็บความลับ อยากจะพบเค้าคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ยิ่งตอนนี้พวกญี่ปุ่นกำลังตามจับตัวเค้า คงจะไปพบไม่ได้ง่าย ๆ เป็นอะไรไป” ขุนนางกล่าว
“ไม่มีอะไร ข้าคงต้องไปเข้าเฝ้าพระราชา เผื่อว่าอาจทูลขอให้ทรงปล่อยตัวใต้เท้ายูได้” ฮวางจองบอก
“เอ่อ ถ้าหมายถึงเรื่องนั้น เจ้าเองก็คงจะรู้สถานการณ์ในตอนนี้ดี เรื่องที่เกิดขึ้น พระราชาก็ทรงโดนหางเลขด้วย” ขุนนางกล่าวอย่างกังวล
ขุนนางและฮวางจองเข้าเฝ้าพระเจ้าโกจง พร้อมกับกราบทูลเรื่องล่ามยู พระราชาตกพระทัยมาก “อะไรนะ ล่ามยูถูกจับตัวไป แล้วอย่างนี้กองทัพของแม่ทัพฮอวี ที่จะบุกมาที่นี่ล่ะ?”
“พระอาญามิพ้นเกล้า ถ้ากองกำลังแม่ทัพฮอวีบุกมาฮันซอง ก็จะขาดกองกำลังรักชาติ ในฮันซองไปส่วนนึงแล้ว”
“กองกำลังฮอวีส่วนมากเป็นคนแถบซัมนัม ถ้าไม่รู้ภูมิประเทศในฮันซอง ก็น่าเป็นห่วงมาก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง จะขับไล่พวกญี่ปุ่นออกไปจากแผ่นดินได้ไง” พระเจ้าโกจงกังวลพระทัยมาก
“ฝ่าบาท อย่าเพิ่งกังวลไปพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคาดว่าเราจะได้รับข่าวดีจากการประชุมสันติภาพที่กรุงเฮก ถ้านานาประเทศลงมติ...ว่าสนธิสัญญาอึลซาถูกเซ็นภายใต้การบังคับจากญี่ปุ่น สัญญาก็จะเป็นโมฆะพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าอาจจะตกใจ เพราะข้าไม่ได้บอกเจ้าเรื่องกองกำลังกู้ชาติใช่รึเปล่า?” พระเจ้าโกจงหันมาตรัสถามฮวางจอง
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ เรื่องใดที่เป็นกิจของฝ่าบาท กระหม่อมมิกล้าออกความเห็นพ่ะย่ะค่ะ”
“ที่ผ่านมา ล่ามยูคอยเป็นเหมือนกับแขนขาของข้า ดูเหมือนว่าข้าคง ต้องไปคุยกับรัฐบาลรักษาการณ์ญี่ปุ่นหน่อยแล้ว” พระเจ้าโกจงตรัส แต่ขุนนางไม่เห็นด้วย
“ฝ่าบาททำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะถ้าทำอย่างนั้น รัฐบาลรักษาการณ์ก็จะรู้ว่าพระองค์อยู่เบื้องหลังการส่งนักฆ่าไปฆ่าอีกึนเทค รวมถึงเรื่องของกองกำลังรักชาติด้วยพ่ะย่ะค่ะ เราจะให้ความลับรั่วไหลออกไปก่อนที่ภารกิจเสร็จสิ้นไม่ได้”
พระเจ้าโกจงฟังเหตุผลของขุนนางก็ได้แต่ถอนหายใจ
ล่ามยูหลังจากถูกจับกุมแล้ว เขาก็ถูกนำตัวมาทรมาน
“ฮึ่ย ยอมรับซะว่าเป็นผู้นำกองกำลังกู้ชาติ” ทหารญี่ปุ่นพยายามคาดคั้น
“แฮ่ก...ฮะ ๆ ๆ ข้างงไปหมดแล้ว มันไม่ตลกเหรอ? ข้าเป็นแค่ขุนนางล่ามคนนึง จะไปเป็นผู้นำกองกำลังอะไรได้ยังไง ฮะ ๆ ๆ” ล่ามยูปฏิเสธ แม้เขาจะถูกทรมานอย่างแสนสาหัส
“พวกข้ารู้หมดแล้ว ว่าเจ้าแอบซ่องสุมกองกำลังทหาร เรารู้ว่าเจ้ามีแผนจะรวมกับกองกำลังอื่น ๆ” ทหารญี่ปุ่นเสียงเข้ม
“แฮ่ก ๆ ญี่ปุ่นเป็นอย่างนี้สินะ ชอบยัดเยียดข้อหาให้คนอื่นก่อน แล้วค่อยแต่งเรื่อง ให้ทุกอย่างดูสมเหตุสมผล” ล่ามยูด่ากลาย ๆ
“หึ ๆ ๆ ท่าทาง เจ้าจะยังกินน้ำไปไม่พอ” ทหารญี่ปุ่นลงมือทรมานล่ามยูต่อ
“หา จองโพโกตายแล้วเหรอ?” โดยังตกใจมากหลังจากรู้จากฮวางจองว่าจองโพโกเสียชีวิตแล้ว
“ใช่ แถมญี่ปุ่นยังไม่หยุดที่จะตามกวาดล้างกองกำลังกู้ชาติ เพราะฉะนั้น ตอนนี้พระราชาก็ทรงมีอันตรายไปด้วย ตอนนี้ก็ได้แต่รอข่าวจากการประชุมสันติภาพที่กรุงเฮก”
“ถ้าหากท่านทูตสามารถเปิดโปงความชั่วร้ายของญี่ปุ่นให้นานาชาติรู้ได้ ท่านพ่อก็จะมีโอกาสถูกปล่อยตัว เมื่อกลางวันท่านแม่ไปขอเยี่ยมพ่อมา แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้เยี่ยม ตอนนี้แม้แต่เยี่ยมยังไม่ยอม พวกญี่ปุ่นไม่ยอมฟังเหตุผลเลย”
“ถูกต้อง จากเรื่องที่มันมาเอาตัวนาโอโกะกลับไป จนถึงใต้เท้ายูถูกจับและจองโพโกถูกฆ่า ข้าเชื่อว่านี่ต้องเป็นแผนที่วางไว้นานแล้ว” ฮวางจองคาด
“และนี่ก็อาจจะเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้นด้วย” โดยังกล่าวอย่างกังวลใจ
คิมโทนพานาโอโกะไปไว้ในโรงแรมที่พัก ก่อนจะกลับมาส่งข่าวให้วาตานาเบ้ทราบ
“อ้อ ตอนนี้ อยู่ที่โรงแรมแล้วครับ เรามี การ์ดหญิงคอยคุมเธออยู่ในห้อง นอกห้องก็มีการ์ดผู้ชาย”
“อืม ดีมาก”
“แต่ว่า เราควรจะจัดการเบ๊กโดยังเลยมั้ย?” คิมโทนถาม
“ใช่ เจ้าหมอนั่นรู้เรื่องมากเกินไป” วาตานาเบ้แสยะยิ้ม
“แต่ว่า ถ้านาโอโกะรู้ จะเป็นปัญหารึเปล่าคะ? เพราะ...อาจจะทำให้หล่อนฆ่าตัวตายอีกก็ได้” ซูซูกิให้ความเห็น
“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องไปคิด แต่ว่าถ้าหากนาโอโกะตายไป ก็เหมือนอยู่ในความดูแลของเรานะ แต่ถ้าจะถามว่าใครควรรับผิดชอบ คงต้องโทษท่านรัฐมนตรี ที่เลี้ยงเธอมาผิด ๆ เอง”
“ถูกต้องแล้วค่ะ ท่าน ผอ.”
วาตานาเบ้และซูซูกิเตรียมออกไปข้างนอก คิมโทนเห็นเข้าก็ถาม “แต่ว่า ท่านจะไปไหนเหรอครับ?”
“อืม คือผมกับซูซูกิ...จะออกไปพบเพื่อนเก่าคนนึง”
วาตานาเบ้และซูซูกิมาที่กักขังและทรมานล่ามยู เพื่อดูความคืบหน้า แต่ล่ามยูยังไม่เปิดปาก วาตานาเบ้จึงให้ทรมานล่ามยูต่อไป
“วันนี้ผมจะต้องทำให้มันสารภาพออกมาให้ได้ว่า พระราชาโชซอนอยู่เบื้องหลังการซ่องสุมกำลังในครั้งนี้”
“เค้าต้องสารภาพแน่นอนค่ะ เค้าจะต้องสารภาพออกมาหมด โดยไม่ต้องถามเลยละ” ซูซูกิและวาตานาเบ้ยิ้มสะใจ
“เริ่มได้เลย” ทหารญี่ปุ่นเริ่มทรมานล่ามยูอีกครั้ง ล่ามยูร้องออกมาอย่างเจ็บปวด “ยอมรับมาดีกว่า ยิ่งยืดเยื้อเท่าไหร่ เจ้าก็ยิ่งทรมานเท่านั้น”
“ใต้เท้ายู ผมพูดในฐานะเพื่อนเก่านะ อย่าฝืนไปเลยครับ มันทรมานมากนะ” วาตานาเบ้พูดขู่
“เจ้าซ่องสุมกำลังทหารเพราะได้รับคำสั่งจากพระราชาใช่มั้ย?” ทหารญี่ปุ่นพยายามจะให้ล่ามยูสารภาพให้ได้
“หึ ๆ ๆ เราโต ๆ กันแล้ว ยังต้องมารับคำสั่งจากใครอีก อย่าทรมานให้เสียเวลาเลย มันใส่ร้ายกันชัด ๆ ยอมปล่อยข้าไปเถอะ”
ล่ามยูร้องขอความเห็นใจ แต่ทหารญี่ปุ่นไม่ละมือ ยังทรมานต่อไป ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน เจ็บปวดของล่ามยู
หมออัลเลนมาพบทูตญี่ปุ่นในฐานะทูตของอเมริกัน เรื่องที่ล่ามยูถูกจับกุมมาโดยไร้หลักฐาน
“แต่ใต้เท้ายู ไม่ใช่คนที่จะทำอย่างที่พวกคุณคิดนะ”
“เดี๋ยวพอสอบสวนดู ก็จะรู้เอง”
“คุณจับประชาชนชาติอื่นไปโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้นะ ไม่งั้นมันจะเป็นปัญหาระหว่างประเทศได้ ใต้เท้ายูมีเพื่อนอยู่ในสถานทูตของประเทศต่าง ๆ ถ้าพวกนั้น รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องเรื่องนี้ กับนานาชาติแล้ว ญี่ปุ่นจะอยู่ใต้ความกดดัน” อัลเลนบอก
“ท่านทูตอัลเลน ข้อตกลงที่มีอยู่เพื่อตกลงว่าญี่ปุ่นและอเมริกาจะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกันใช่มั้ย? อย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องของเราเลย ท่านคิดว่าจะเดินออกไปดี ๆ หรือว่าจะถูกลากไปเหมือนสุนัข” ทูตญี่ปุ่นกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า
“ว่ายังไงนะ?” อัลเลนโกรธจัด
ขณะนั้นทูตญี่ปุ่นได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าว “ฮัลโหล ไฮ้ ๆ อะไรนะ ผมเข้าใจแล้วครับ ท่านรู้เรื่องที่ พระราชาโกจงส่งทูตลับไปกรุงเฮกใช่มั้ย เค้าพยายามจะหาทางทำลายสนธิสัญญาอูลซา หึ แต่ได้ยินว่าถูกไล่กลับมา”
ก่อนหน้านี้ พระเจ้าโกจงและล่ามยูต่างก็มีความเห็นตรงกันว่า คนที่เหมาะสมจะเป็นผู้นำกองกำลังกู้ชาติคือ ฮวางจอง
“ท่านราชเลขาไป ทำการแต่งตั้งเขาได้แล้ว ต้องด่วนที่สุดด้วย” พระเจ้าโกจงตรัส
“ฝ่าบาท แต่ว่าคนผู้นั้น ยังไม่ทันได้เตรียมตัวพ่ะย่ะค่ะ เช่นนี้จะกะทันหันไปรึเปล่า?” ขุนนางเอ่ยขึ้น
“ไม่หรอก ข้ารู้สึกว่ามันช้าเกินไปด้วยซ้ำ นึกไม่ถึงว่าล่ามยูจะถูกจับไปเร็วอย่างนี้ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้าเอง” พระเจ้าโกจงตรัสอย่างคาดไม่ถึงว่าล่ามยูถูกจับกุม และขุนนางไปแจ้งข่าวกับฮวางจอง
ขุนนางเดินทางมาที่เจจุงวอนเพื่อพบกับฮวางจอง
“มีอะไรหรือครับ?” ฮวางจองถามอย่างแปลกใจ
“อ้อ ตอนแรกจะเรียกเจ้าเข้าวัง แต่ว่า...ช่วงนี้หูตามันมากเหลือเกิน”
“ท่านมาก็ดีแล้ว ทหารญี่ปุ่นมาตรวจค้นที่นี่ครั้งนึง แต่ว่าพอไม่พบอะไรจึงไม่ได้สนใจอีก”ฮวางจองบอก
“ถึงข้าจะไม่อยากพูดเช่นนี้ แต่ว่า...ล่ามยูอาจจะไม่ได้ถูกปล่อยตัวออกมาง่าย ๆ”
“ครับ ข้าเข้าใจดี”
“ดังนั้นหลังจากที่ ใต้เท้ายูถูกพวกญี่ปุ่นจับตัวไป ข้าจึงอยากให้เจ้ามารับหน้าที่ของ...ผู้นำกองกำลังต่อไป” ขุนนางบอก
ฮวางจองได้ยินถึงกับอึ้งไป “ผู้นำกองกำลัง ข้าน่ะเหรอครับ?”
“ไม่ใช่แค่รับหน้าที่ต่อเท่านั้น เจ้ายังจะต้องรวบรวมกองกำลังที่แตกพ่ายด้วย”
“ข้าเป็นแค่หมอรักษาคนไข้เป็นอย่างเดียว ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับอาวุธ และไม่สามารถทำหน้าที่แบบนั้นได้” ฮวางจองไม่มั่นใจในตนเอง
“ล่ามยูมาเพราะทำเป็นเหรอ อีกอย่างนึงแม่ทัพฮอวี ท่านก็เป็นบัณฑิตที่เคย ศึกษามาแต่ตำราเหมือนกัน คนพวกนั้นเสียสละตัวเองมา ก็เพื่อกู้บ้านเมือง” ขุนนางพยายามหว่านล้อม
“แต่ใต้เท้าครับ ที่ที่ข้าควรอยู่คือ...โรงพยาบาล ข้าคิดว่าท่านควรจะไปหาคนอื่นดีกว่า”
“ไม่สบายใจเลย พระราชาทรงเห็นว่าเจ้าเหมาะสมกับหน้าที่นี้ที่สุด แต่ว่าเจ้า..อย่าเพิ่งด่วนปฏิเสธข้าในตอนนี้เลย เอาไปพิจารณาดูก่อนเถอะ” คำพูดของขุนนาง ทำให้ฮวางจองคิดหนัก
นี่...โชคดีที่ยาส่งมาถึงทันจะได้ดำเนินการผ่าตัดต่อไป ถ้าหากไม่ได้ความช่วยเหลือจากท่านทูตอัลเลน เราคงเหนื่อยกว่านี้อีกมาก” โดยังบอกทุกคน
“นั่นสิ ยาที่เพื่อน ๆ ผมในแคนาดาส่งมาให้ก็ใกล้จะมาถึงแล้ว” เอวิสันพยักหน้า
“ว้าว โชคดีจังเลยนะคะ”
“ตอนนี้เราก็ไม่ต้องให้คนไข้กลับไปเพราะไม่มียารักษาแล้วสิ” นังนังยิ้มออกมามีความหวัง
“หึ ๆ ๆ นั่นสิ ถ้างั้นเรา มาสู้กับโรงพยาบาลฮันซองกันอีกครั้ง เรามี...วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าที่คุณหมอเบ๊กคิดค้น ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว”
“ต้องติดประกาศให้คนมารับวัคซีนกัน สถานทูตอเมริกาจะให้การคุ้มกันกับเรา แบบนี้จะช่วยทำให้ประชาชน สามารถมารับวัคซีนกัน ได้อย่างปลอดภัยและสบายใจได้” โดยังบอก
“พอมีคุณหมอเบ๊กอยู่ด้วย เจจุงวอนก็ราบรื่นไปหมดเลยนะคะ ดีจังที่ท่านกลับมาที่เจจุงวอน”
“ฮะ ๆ ๆ ข้าก็เห็นด้วย”
ซ๊อกรันตรวจรักษาคนป่วย “ข้าจะจ่ายยาให้ แล้วอีกสามวันมาตรวจอีกครั้งนะคะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” หญิงผู้ป่วยเดินออกไป ซึงยอนก็เดินเข้ามา
“ซึงยอน” ซ๊อกรันยิ้มกว้าง “จะมาก็น่าจะบอกกันก่อน”
“พอดีได้ตั๋วเรือกะทันหัน ข้าเลยไม่มีเวลาส่งจดหมายมาบอก แต่ดีใจจังที่ได้เจอกับเจ้าอีก”
“ใช่ ข้าก็ดีใจ”
“ต่อไป เราจะได้เจอกันทุกวัน ตอนนี้ข้าผ่าตัดเคสง่าย ๆ ได้แล้ว ถึงห่างไกลจากเจ้ามากก็เถอะ”
“ดีแล้ว ข้าจะคอยช่วยสอนเจ้าเอง จะได้อยู่ด้วยกัน” ซ๊อกรันบอกหน้าเศร้า ๆ ซึงยอนสังเกตเห็นก็เลยถาม
“เจ้า...มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
ซ๊อกรันไม่ตอบ เอาแต่ร้องไห้
ซ๊อกรันเล่าเรื่องที่ล่ามยูถูกทหารญี่ปุ่นจับตัวไปให้กับซึงยอนฟัง
“ที่ผ่านมา เจจุงวอนมีคนไข้เยอะเจ้าคงจะเหนื่อยมากสินะ”
“ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ ข้ากลับรู้สึกดีใจมากกว่า”
“แต่ยังไง ข้าคงจะไปอยู่โรงพยาบาลโบกู ส่วนเรื่องพ่อของเจ้า ข้าจะพยายามช่วยหาวิธีช่วยท่านออกมาอีกทาง”
“ได้จ้ะ ขอบคุณมาก เจ้าทำให้ข้ามีกำลังใจขึ้นเยอะเลย” ซ๊อกรันบอก ซึงยอนยิ้มให้ “ไปเถอะ”
ทูตญี่ปุ่นนำเรื่องหมออัลเลนมาหา มาเล่าให้วาตานาเบ้ฟัง “หมออัลเลนมาหาข้าที่นี่ เราต้องได้รับคำสารภาพว่าพระราชาโกจงเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก่อนที่อัลเลนจะทำให้สถานการณ์ระหว่างประเทศเกิดยุ่งยากขึ้นมา เพราะไม่อย่างนั้น แผนการล้มล้างราชวงศ์โชซอนมันจะยืดเยื้อยาวนานจนเกินไป”
“ไฮ้ ทราบแล้วครับ ผมได้พาคนที่เหมาะสมกับภารกิจนี้มาแล้วครับ เชิญเข้ามาได้ ฮะ ๆ ผมเคยแนะนำไปแล้ว นี่คุณหมอซาโต้ครับ”
วาตานาเบ้แนะนำหมอซาโต้ให้ทูตญี่ปุ่นรู้จัก หมอซาโต้เป็นคู่แข่งคนสำคัญของโดยัง เมื่อครั้งที่โดยังไปเรียนที่ญี่ปุ่น และเมื่อโรงพยาบาลฮันซองขาดหมอศัลยกรรมเพราะโดยังลาออกไป วาตานาเบ้จึงได้เรียกหมอซาโต้มารับตำแหน่งแทน
“ก็ดี ผมเคยได้ยินมาว่าคุณเป็นแพทย์ที่เก่งมาก ถ้าอย่างนั้นผมก็เชื่อมั่นว่าคุณจะทำหน้าที่ หัวหน้าแผนกศัลยกรรมได้ดี”
หมอซาโต้ทักทายทูตญี่ปุ่น วาตานาเบ้หันไปบอกซาโต้ “รู้ใช่มั้ยว่าคนที่เคยดำรงตำแหน่งนี้มาก่อนคือเบ๊กโดยัง”
“ครับ ผมทราบดีครับ”
“พวกผมสามารถไว้วางใจให้คุณ รับหน้าที่กำจัดเค้าได้ใช่มั้ยอ้อ ขอโทษด้วยที่ให้มารับหน้าที่หนักตั้งแต่เริ่ม ที่นี่ผมมีห้องแล็บอยู่ แล้วก็มีงานที่อยากให้ช่วยด้วย”
“สั่งมาได้เลยครับ” ซาโต้รับคำ วาตานาเบ้พึงพอใจกับหมอซาโต้มาก “หืม หึ ๆ ๆ”
วาตานาเบ้เข้ามาในห้องวิจัย ซึ่งหมอซาโต้กำลังทำวิจัยอยู่“คุณกำลังวิจัยอะไรอยู่?”
“ผมกำลังทำการทดลองกับคนเป็น ๆ แต่ทำวิจัย ที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ ก็เลยมาที่โชซอนน่ะ”
“ใช่ ที่โชซอนเป็นสวรรค์ของการวิจัยในเรื่องแบบนี้ ถ้าที่นี่ คุณจะทดลองอะไรก็ได้ แค่สุดท้ายกำจัดทิ้งก็พอ จริงสิ ช่วงนี้ ผมมีการวิจัยอย่างนึงอยู่”
“วิจัย เรื่องอะไรอยู่เหรอครับ?”
วาตานาเบ้บอกสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ “คือผมกำลังวิจัยเรื่อง ปฏิกิริยาจากแรงดันไฟฟ้าที่มีต่อตัวยา ผมกำลังทำการทดลองอยู่”
“การทดลองน่าสนใจมาก ท่านจะทำเมื่อไหร่ผมขอไปดูด้วย” ซาโต้สนใจเช่นกัน
“ได้เลย พรุ่งนี้จะทดลองที่ห้องสอบสวน คุณไปกับผมด้วยก็ได้”
“อ้า ต้องขอบคุณมากครับ ผมได้คิดเอาไว้ว่า จะเอาเบ๊กโดยังมาเป็นตัวทดลองเป็น ๆ จะอนุญาตรึเปล่าครับ?” ซาโต้กล่าวยิ้มร้าย ๆ
ขณะที่วาตานาเบ้ยิ้มออกมา เพราะรู้สึกว่าซาโต้เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานและเด็ดขาดอย่างที่เขาชอบ “ว้าว คุณกับผมนี่ช่างสมกันจริง ๆ หึ ฮะ ๆ ไปกันเถอะ”
ซ๊อกรันร้อนใจมาก แม้หมออัลเลนในฐานะทูตอเมริกันไปเจรจาเรื่องล่ามยูก็ยังไม่เป็นผล
“เฮ้อ ๆ จะทำยังไงกันดี ถ้าหากท่านทูตทำไม่สำเร็จ ก็หมายความว่า นานาชาติจะไม่สนเรื่องที่ญี่ปุ่นเข้ามายึดโชซอนเหรอ? แล้วท่านพ่อข้าล่ะ ท่านพ่อข้าก็ไม่มีวันถูกปล่อยตัวน่ะสิ ฮือ... จะเป็นอย่างนี้ไม่ได้ ท่านพ่อไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงได้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบนี้"
"ในตอนนี้แม้แต่พระราชาก็อาจถูกบีบให้สละบัลลังก์ เรื่องครั้งนี้ญี่ปุ่นคงหาทางขยายผลจนใหญ่โตแน่นอน”
ระหว่างที่ซ๊อกรันกำลังคุยกับโดยังและฮวางจอง นาโอโกะก็มาหา “เบ๊กโดยังคะ”
“นาโอโกะ คุณมาได้ยังไง?”
“คุณไม่มีเวลาแล้ว วาตานาเบ้คิดจะทำการทดลองทั้งเป็นกับนักโทษอยู่ และใต้เท้ายู อาจจะเป็นคนที่ถูกวาตานาเบ้เอาไปเป็นตัวทดลองด้วย เราต้องหยุดเค้า” นาโอโกะบอก ทุกคนตกใจมาก โดยเฉพาะซ๊อกรัน
ฮวางจองรีบมาที่โรงพยาบาลฮันซองเพื่อเจรจากับวาตานาเบ้ ให้ยกเลิกการทดลองกับคนเป็น ๆ
“ทดลองคนเป็นเหรอ ฮะ ๆ ๆ ใครเป็นคนพูดอย่างนั้นเหรอครับ?” วาตานาเบ้ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“เรื่องนั้นคงจะไม่สำคัญหรอก แต่ที่สำคัญคือนี่เป็นแผ่นดินโชซอน และถ้าท่านจะใช้คนโชซอนมาเป็นหนูทดลองในการทดลอง ข้าอยากถามถึงมโนธรรมท่าน ในฐานะของคนที่อยู่ในวิชาชีพของแพทย์” ฮวางจองโมโหมาก แต่พยายามเก็บอารมณ์
“มโนธรรมเหรอ จุดประสงค์ของการทด ลองคืออะไร ฮะ คุณหมอฮวาง คิดว่าการพัฒนาทางการแพทย์จะไม่ทดลองกับมนุษย์ได้เหรอครับ?” วาตานาเบ้หรี่ตาเหยียด ๆ มอง
“ข้าเชื่อว่าสามารถใช้วิธีอื่นได้โดยไม่ต้องใช้มนุษย์มาเป็นหนูทดลอง แล้วนักโทษพวกนั้นก็เป็นชาวโชซอน นักโทษที่ถูกจับกุมมาของท่าน ก็เป็นชาวโชซอนไม่ใช่เหรอ?”
“อืม...ผมพอจะเข้าใจแล้ว ที่แท้คุณก็ มาเพราะเรื่องล่ามยูนี่เอง ต้องขอโทษด้วยนะ มันเป็นความลับประเทศ ผมเลยไม่สามารถที่จะคุยกับคุณหมออย่างละเอียดได้ ผมคงต้องไปก่อน โอ๊ะ” วาตานาเบ้ทำเป็นไม่สนใจ จะเดินไป
ฮวางจองเจ็บใจมาก “หยุดซะตั้งแต่ตอนนี้ หยุดการทดลองกับนักโทษเหล่านั้นไปซะ ข้าจะพูดกับท่านเป็นครั้งสุดท้าย”
วาตานาเบ้หันมา ยิ้มร้าย “ถ้าผมไม่ทำคุณจะทำไม ตอนนี้เจ้าของประเทศนี้ คือจักรวรรดิญี่ปุ่นอันยิ่งใหญ่ เหอะ อาศัยตอนที่ยังพูดจากันดี ๆ ได้ คุณอยู่เฉย ๆ ไปคงจะดีกว่า”
ซาโต้ ซูซูกิ และวาตานาเบ้ยังทำการทดลองต่อไป และระหว่างที่ทั้งสามกำลังจะเดินทางไปทดลองการวิจัยของเขา มองชงและชักแทก็เข้าปล้น โดยขโมยเสื้อผ้าและเอกสารทั้งหมดไป
ฮวางจอง โดยังและซ๊อกรันปลอมตัวเข้าไปหาล่ามยูในที่คุมขัง โดยได้รับการช่วยเหลือจากนาโอโกะ ซ๊อกรันเห็นสภาพของพ่อที่ถูกทรมานถึงกับน้ำตาไหลด้วยความสงสาร
“ท่านพ่อ นี่ข้าเอง ซ๊อกรันไงคะ”
“ใต้เท้ายู พวกข้าอยู่ที่นี่หมดแล้ว” ฮวางจองพูดขึ้น
ล่ามยู พอเห็นลูกสาวและฮวางจองก็ตกใจ “พวกเจ้า เข้ามาได้ยังไง เดี๋ยวจะเกิดเรื่องใหญ่”
“ท่านพ่อ อดทนอีกหน่อยนะคะ พวกข้าจะช่วยท่านออกไปเอง” ซ๊อกรันสะอื้น
“ฮื่อ...ข้า คงจะยากซะแล้วละ” ล่ามยูพูดปลง ๆ
“ท่านพ่อคะ ท่านพูดอะไรอย่างนั้นคะ คราวก่อนเราก็ช่วยท่านได้นี่นา”
“ใต้เท้ายู ยังไงก็ต้องมีวิธีแน่ เราจะต้องช่วยท่านออกไปให้ได้” โดยังพูดอย่างมุ่งมั่น
“ใช่แล้วครับท่าน ท่านจะยอมแพ้อยู่นี่ไม่ได้ พระราชาจะทรงเป็นห่วงท่านมากนะ”
“พระราชา คุณหมอฮวาง ถึงออกไปจากที่นี่ได้ ข้าก็ต้องตายอยู่ดี แต่ว่า ถ้าข้าตายอยู่ที่นี่ ข้างนอก ก็จะรวมกำลังทหารได้อีกครั้ง และพระราชาก็จะ...ทรงปลอดภัยต่อไป” ล่ามยูพูดอย่างเสียสละตัวเอง
“ใต้เท้ายู” ฮวางจองสะท้อนใจมาก
“ท่านพ่อคะ ท่านไม่คิดถึงท่านแม่เหรอ แล้วข้าล่ะ?”
“ซ๊อกรัน ที่นี่มันคือที่...ที่พ่อควรอยู่” คำพูดของล่ามยู ยิ่งทำให้ฮวางจอง โดยังและซ๊อกรันสะเทือนใจ ล่ามยูกล่าวอย่างทำใจแล้ว “ข้ามีโอกาส ได้พบพวกเจ้าครั้งสุดท้าย ก็เพียงพอแล้ว”
“ท่านพ่อคะ ๆ” ซ๊อกรันร้องไห้ไม่หยุด
ทูตคนใหม่ได้รับรายงานเรื่องที่นาโอโกะและโดยังไปเยี่ยมล่ามยู
“เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นฝีมือของเบ๊กโดยังกับคุณใช่มั้ยครับ ที่คุกบันทึก...ว่าเบ๊กโดยัง กับคุณนาโอโกะไปเยี่ยมนักโทษในวันนี้”
“ค่ะ เพราะฉันอยากจะพบนักโทษ ก็เลยเข้าไป มีอะไรเหรอคะ?” นาโอโกะกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน
“นั่นมันเป็นการเยี่ยมที่ไหน มันเป็นการบุกรุกชัด ๆ แต่ว่า คุณทำแบบนี้พ่อคุณจะคิดยังไงครับ ครั้งนี้ ผมจะยอมให้อภัยคุณเพราะเห็นแก่ท่านรัฐมนตรี แต่ต่อไป อย่าให้มีเรื่องอย่างนี้อีกเป็นอันขาด”
นาโอโกะยอมรับว่าเข้าไปเยี่ยมล่ามยู ทั้งที่เธอไม่ได้เข้าไป เพียงแต่ปล่อยให้โดยัง ฮวางจองและซ๊อกรันเข้าไป แต่ทูตก็ไม่กล้าทำอะไรหรือเอาผิดนาโอโกะ
“ค่ะ ทุกอย่างที่คุณพูด ฉันเข้าใจดีค่ะ แต่ฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าถ้าท่านพ่อรู้เรื่องการทารุณนักโทษท่านคงจะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปทำงานก่อนนะ คุณพ่อคะ”
นาโอโกะกำลังจะเดินออกไป พอดีท่านรัฐมนตรีพ่อของนาโอกะเดินเข้ามา
“นาโอโกะ เลิกก่อเรื่องวุ่นวายให้กับ ท่านทูตได้รึยัง?”
รัฐมนตรีรู้ว่าลูกสาวตนเองใจอ่อนเรื่องคนโชซอน จึงบังคับให้นาโอโกะกลับญี่ปุ่น
“นาโอโกะ ลูกต้องกลับญี่ปุ่นกับพ่อในวันพรุ่งนี้”
“คุณพ่อเป็นคนที่น่ากลัวขนาดนั้นเหรอคะ?”
“เฮ้อ พ่อเป็นรัฐมนตรีของประเทศ และเป็นคนรักชาติบ้านเมืองมาก
“การรักชาติมันแปลว่า จะยึดครองประเทศใครก็ได้งั้นเหรอ?”
“นาโอโกะ ห้ามล้ำเส้นไปกว่านี้ พ่อบอกลูกชัดเจนแล้ว พรุ่งนี้ลูกต้องกลับไปกับพ่อ” รัฐมนตรีเสียงเข้ม
“ลูกไม่ยอมกลับไปหรอก”
“ถึงพ่อจะไม่อยากพูดคำนี้นัก แต่ลูกต้องตัดความสัมพันธ์ จากเจ้าเบ๊กโดยังได้แล้ว พ่อได้รับรายงานทุกเรื่องในสิ่งที่เค้าทำกับลูกแล้ว ที่พ่อไม่ได้คัดค้าน เพราะรู้ว่าลูกรักเค้า แต่มันควรจบแล้ว”
“คุณพ่อคะ” นาโอโกะอ้าปากจะคัดค้าน
“เค้ารู้เรื่องอะไรมากจนเกินไป ถ้าเค้ามาเป็นคนของเราไม่ได้ ก็ต้องรีบกำจัดเค้าทิ้ง ต้องการให้พ่อทำอย่างนั้นรึ?”
นาโอโกะไม่รู้จะทำอย่างไร และเพื่อรักษาชีวิตโดยังเอาไว้ เธอจึงตัดสินใจกลับญี่ปุ่นตามคำสั่งของพ่อ
นาโอโกะมาหาโดยังพร้อมกับบอกเรื่องที่เธอจะต้องกลับญี่ปุ่น
“แต่ว่า ยังติดใจอาหารที่เจ้าทำอยู่เลย มันทั้งหวานทั้งหอมเลยนะ” โซซาบอก
“อืม ก็นั่นสิ จู่ ๆ ก็จะมาจากไปซะอย่างนี้ มันลำบากใจนะ” คูฮอนกล่าว
“นาโอโกะก็ตัดใจไม่ลงเหมือนกัน แต่ถึงยังไง เบ๊กโดยังกับฉันก็คงต้องแยกจากกัน ความสัมพันธ์ของญี่ปุ่นกับโชซอน ทำไมต้องมาขวางความรักเราด้วย นาโอโกะไม่เข้าใจเลยจริง ๆ” นาโอโกะอัดอั้นมาก ร้องไห้ออกมา โดยังสงสารนาโอโกะมากจนพูดไม่ออก
“แต่ว่า พวกท่านรักษาสุขภาพด้วยนะคะ คราวหน้าถ้าได้กลับมาอีก จะทำของอร่อย ๆ ให้พวกท่านกิน” นาโอโกะพูดทั้งน้ำตา
“หึ ๆ ๆ เอาเถอะ ๆ แล้ว แล้วข้าจะรอนะ”
“ข้าก็ จะรอชิมฝีมือเจ้านะ”
“นาโอโกะ แล้วผมจะไปรับนาโอโกะกลับมา” โดยังบอก เมื่อเดินมาส่งนาโอโกะ
“ไม่ต้องค่ะ นาโอโกะจะกลับมาอีกแน่ ฉันหวังว่า...ความสัมพันธ์...ของญี่ปุ่นกับโชซอนจะดีขึ้น เบ๊กโดยังคะ” นาโอโกะร้องไห้เมื่อคิดว่าจะต้องจากคนรักจริง ๆ
“ผมจะรอคุณนะ”
ในที่สุด ล่ามยูก็ถูกตัดสินประหารชีวิต ซ๊อกรันได้ข่าวถึงกับเป็นลม ทุกคนรู้สึกหดหู่มาก ชิลบกร้องไห้
“เฮ้อ มันไม่ควรเป็นอย่างนี้เลย จะมาฆ่าแกงกันอย่างนี้ได้ยังไง” ชักแทบ่น
“ข้าบอกแล้วไงล่ะ ว่าพวกญี่ปุ่นมันไม่สนใจเหตุผลอะไรทั้งนั้น เฮ้อ บ้าเอ๊ย โอ๊ย แล้วล่ามยูจะทำยังไง” มองชงรู้สึกเศร้ามาก
“ข้า...กำลังนึกถึงภาพตอนที่พระมเหสี...ถูกปลงพระชนม์”
“ข้าก็เหมือนกัน ตอนนี้แม้แต่หน้าคนญี่ปุ่น...ข้าก็ไม่กล้าไปมองแล้ว”
“ฮึ้ย โลกสกปรกนี่”
ทุกคนต่างประณามการกระทำของทหารญี่ปุ่น
ฮวางจองปฐมพยาบาลจนซ๊อกรันได้สติขึ้นมา ซ๊อกรันก็เอาแต่ร้องไห้ “ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย”
“ข้าจะไปดูว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่”
“ท่านพ่อ ๆ ๆ”
ฮวางจองพาซ๊อกรันและแม่มาหาล่ามยูที่คุมขังเป็นครั้งสุดท้าย แม่ซ๊อกรันร้องไห้เสียใจอย่างมาก ล่ามยูพยายามปลอบ “อย่าร้องไห้เลยนะ ข้าฝากเจ้าเป็นแม่งานในงานแต่งของซ๊อกรันด้วยนะ”
“มาพูดอะไรตอนนี้ล่ะ”
“เจ้าแบ่งที่ดินให้ชิลบก แล้วก็พวกเด็ก ๆ รับใช้ในบ้าน ให้พวกเค้าออกไปเป็นอิสระ ไปมีอาชีพทำมาหากินได้”
“ท่านพี่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องพวกนี้หรอก”
“ก่อนหน้านี้...เจ้าคงจะลำบากมาก...กับเรื่องที่ข้าทำไว้”
“ข้าจะลำบากอะไรได้ล่ะคะ ฮือ... ข้ามีความสุขและอบอุ่น ก็เพราะว่าชีวิตข้ามีท่านพี่อยู่ ท่านจะตายไม่ได้นะ” แม่ซ๊อกรันคร่ำครวญ
“ตายไม่ได้เหรอ? ข้าไปแล้ว เจ้าอย่า...คิดอย่างนั้นล่ะ อย่าได้คิดแต่ว่า...ข้าตายจากไปแล้ว เจ้าจงรออย่างใจจดใจจ่อ แล้วรอให้ข้าไปหาเจ้าในฝัน ข้าจะต้องไปหาเจ้าอย่างแน่นอน” ล่ามยูสั่งเสีย ก่อนจะหันไปคุยกับฮวางจอง “คุณหมอฮวาง ท่าน... เรียกข้าว่าพ่อตา...สักคำได้มั้ย?”
ฮวางจองเศร้ามาก “ท่านพ่อตา”
“ซ๊อกรัน”
“คะ” ซ๊อกรันน้ำตาไหลพราก
“จากนี้ไปเจ้าจะต้องคอยอยู่เคียงข้างคุณหมอฮวาง เจ้าจะต้องคอยทุ่มเทต่อไป ในฐานะแพทย์ ในฐานะชาวโชซอน ลูกจะต้องไม่หวั่นไหว”
“ท่านพี่ แล้วข้าล่ะ?”
“โอ้...เจ้าก็มีข้าอยู่ เคียงข้างตลอดอยู่แล้วไง คุณหมอฮวาง ข้าขอฝากครอบครัวของข้าไว้กับท่านด้วยนะ หนทางที่ข้าต้องเดินไป แม้ว่ามันจะเหน็บหนาว แต่ข้าก็ไม่กลัว เพราะข้ารู้ว่าท่านจะสามารถทุ่มเทอย่างเต็มกำลัง ในการดูแลทุกอย่าง และท่านจะดูแลซ๊อกรันลูกข้าอย่างเต็มกำลังเช่นกัน เราจะจากกันไป สู่หนทางอันแสนไกล ด้วยรอยยิ้ม” ล่ามยูยิ้มเศร้า
“ท่านพี่ ฮือ ๆ...” แม่ซ๊อกรันปล่อยโฮออกมา ซ๊อกรันก็มีอาการไม่ต่างกันนัก
ล่ามยูถูกประหารชีวิตไปแล้ว แต่ในโชซอนก็ยังมีความวุ่นวายเหมือนเดิม สภาพย่ำแย่ไปกว่าเก่ามาก แม้แต่ในเจจุงวอนก็มีคนไข้น้อยลง
“อ้าว คุณหมอฮวาง กลับมาแล้วเหรอครับ?” ชักแทถามขึ้น
“อืม เรียบร้อยดีใช่มั้ย?”
“เฮ้อ คนไข้ก็น้อยเหมือนเดิมแหละ จ่ายเงินเดือนช้าไปสองเดือนแล้ว เจจุงวอนจะต้องปิดตัวมั้ยเนี่ย” ชักแทส่ายหัว
“อ้อ กลับมาแล้วเหรอครับ นี่เจ้าชิลบก เข้าวังมาดูดีเชียว” มองชงเอ่ยทัก
“ไม่หรอก ไปครั้งแรกเลยเอาแต่ก้มดูพื้นน่ะ”
“นี่ ครั้งแรกมันก็เป็นอย่างนี้แหละ มา มากินแอปเปิ้ลกัน แอปเปิ้ลอันนี้ อร่อยนะเชิญเลย”
“อืม ขอบใจมาก ท่าทางยังเหลืออีกหลายลูก แบ่งให้เพื่อนคนนั้นมั่งสิ”
“หือ อ้อ เอางั้นเหรอครับ เฮ้ เจ้าน่ะ ลองชิมแอปเปิ้ลโชซอนดูมั้ย” มองชงส่งแอปเปิ้ลให้ชายคนหนึ่ง
“คงจะเหนื่อยสินะ มันกัดจริง ๆ ด้วย”
“นี่ทานหลังอาหาร แล้วก็นอนพักผ่อนให้มากก็จะดีขึ้นเอง” โดยังบอกคนไข้
มียองหันไปเป็นฮวางจองเดินเข้ามาก็เอ่ยทัก “กลับมาแล้วเหรอคะ”
“เหนื่อยกันแล้วนะ”
“ข้าไม่เหนื่อยหรอกค่ะ คุณหมอเบ๊กต่างหากที่เหนื่อยกว่า”
“พระราชาเป็นยังไงบ้าง” โดยังถาม
“ตอนนี้ทรงถูกโรครุมเร้า กำลังพระทัย ก็ถดถอยไปด้วย”
“น่าห่วงนะ เราไม่รู้เลยว่าพระราชาจะเป็นยังไงต่อไป”
“คุณหมอยูล่ะ?” ฮวางจองถามถึงซ๊อกรัน
“อ้อ ไปโรงพยาบาลโบกู เหมือนคุณหมอฮันไม่ค่อยสบายน่ะ”
“เห็นไม่ค่อยสบายมาหลายวันแล้วนี่”
ซ๊อกรันมาช่วยซึงยอนตรวจคนไข้ หลังจากตรวจคนไข้เสร็จ ซ๊อกรันจะตรวจให้ซึงยอน แต่ซึงยอนบอกเธอรู้อาการของเธอดี ระหว่างที่คุยกัน ซึงยอนก็ไอตลอดเวลา
“เริ่มไออย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“หนึ่งอาทิตย์ นั่นสิ ประมาณหนึ่งอาทิตย์ได้แล้ว”
“มีเสมหะด้วยนะ อาจแค่เป็นหวัด หรือเป็นวัณโรคก็ได้” ซ๊อกรันสันนิษฐานจากอาการ
“อย่าพูดให้กลัวสิ เดี๋ยวพอข้าได้กินยาที่เจ้าให้ รับรองว่าไม่นานข้าก็จะต้องหายเป็นปลิดทิ้งทันทีเลย” ซึงยอนพูดติดตลก
“ฮิ มีอย่างนั้นที่ไหนเล่า”
ซึงยอนเห็นว่าซ๊อกรันไว้ทุกข์ให้ล่ามยูมานานแล้ว จึงถามขึ้น “เจ้าจะไม่แต่งงานจริง ๆเหรอ?”
“แล้วตัวเจ้าล่ะ บาทหลวงแมคเคลเลอร์ก็ชอบเจ้านี่” ซ๊อกรันถามกลับ
“อ๊ะ? หึ แต่ว่าข้าไม่มีแผนจะแต่งงานหรอก เพราะข้าคิดแต่ว่า อยากพยายามตรวจคนไข้ให้ได้มากขึ้น แค่คิดก็นอนไม่หลับแล้ว สุดสัปดาห์นี้ ข้าจะยืมลาขี่ไปเยี่ยมคนป่วยที่อยู่ในหมู่บ้าน” ซึงยอนบอกแผนของเธอ
“ไปอย่างนั้นสุขภาพจะยิ่งแย่นะ ต้องระวังตัวเองหน่อย” ซ๊อกรันเป็นห่วงเพื่อน
“ขอบใจนะ แต่ว่าเจ้าควรจะแต่งงานได้แล้วไม่ใช่เหรอ ข้าเข้าใจว่าเจ้ายังเศร้าเสียใจเรื่องพ่ออยู่ แต่ก็ควรจะแต่งงานได้แล้ว เจ้าลองปรึกษากันดูสิ” ซึงยอนพูดย้ำ ทำให้ซ๊อกรันเริ่มคิด
ซ๊อกรันนำเรื่องที่ซึงยอนพูดมาปรึกษากับฮวางจอง “ข้ามีเรื่องอยากจะบอก”
ซ๊อกรันจะบอกเรื่องแต่งงาน ฮวางจองหันมาถาม “เรื่องอะไรเหรอ ข้าก็...มีเรื่องอยากจะบอกเหมือนกัน ที่จริง ท่านราชเลขาเคยบอกว่าอยากให้ข้าเป็นผู้นำกองกำลังกู้ชาติ เค้าบอกเรื่องนี้กับข้ามาตั้งนานแล้ว”
“ผู้นำกองกำลัง?” ซ๊อกรันตกใจเลยไม่ได้พูดเรื่องที่ตั้งใจ
“ใช่ แต่ว่าข้าปฏิเสธมาตลอด เพราะว่าข้าเป็นหมอของเจจุงวอน แต่ข้าก็ยังปฏิเสธต่อไป”
“แต่ยากขึ้นใช่มั้ย”
“ใช่ เพราะดูจากสถานการณ์หลาย ๆ อย่าง ข้าไม่รู้เลยว่าควรจะทำยังไง อ้อ แล้วที่เจ้าจะบอก เป็นเรื่องอะไรเหรอ?” ฮวางจองถาม แต่ซ๊อกรันไม่อยากให้ฮวางจองต้องเป็นกังวล รีบกลบเกลื่อน “ไม่มีค่ะ ไม่มีอะไร”
คืนนั้น ชูชิกมาหาฮวางจองบอกจะพาฮวางจองไปรักษาคนป่วยคนหนึ่ง
“มีคนเจ็บคนนึงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนครับ”
“คนเจ็บเป็นใคร?”
“เดี๋ยวพวกท่านก็จะรู้เอง แต่ข้าต้องปิดตาท่านก่อน”
“ไม่ต้องห่วงนะคุณหมอฮวาง ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงเดินทางดี ๆ ล่ะ” ผู้จัดการโอบอก เพราะรู้ว่าทั้งหมดเป็นคนของกองกำลัง
“สหายโอ ขอบคุณท่านมากนะ”
“ข้าฝากทักทายท่านแม่ทัพด้วย”
“ครับ ไม่มีปัญหา” ชูชิกรับคำ
“รีบไปเถอะ”
เมื่อมาถึงที่พักซึ่งเป็นกระท่อมหลังหนึ่ง ชูชิกก็บอกให้ฮวางจองเช้าไป “ท่านรีบเข้าไปเถอะ ท่านแม่ทัพฮอวีกำลังรอท่านอยู่ ท่านแม่ทัพ หมอ ฮวางจองมาถึงแล้วครับ” ชูชิกตะโกนเข้าไปในบ้าน
“เชิญเข้ามา” เสียงตอบกลับออกมาจากกระท่อม ฮวางจองเดินเข้าไปก็พบกับแม่ทัพฮอวี “มาได้ทันพอดี”
“ข้าต้องการพบท่านแม่ทัพมานานแล้ว” ฮวางจองบอก
“ข้าเองก็ต้องการจะพบท่านหมอฮวางเหมือนกัน”
“ท่านแม่ทัพถูกกระสุนของพวกญี่ปุ่นยิงใส่ครับ” ชูชิกเล่าอาการของฮอวีให้ฮวางจองฟัง
“ข้าขอดูแผลของท่านก่อนนะครับ” ฮวางจองตรวจบาดแผลก่อนจะบอก “กระสุนฝังตัวอยู่ข้างใน แต่ว่า ดูเหมือนจะไม่ทำลายถึงกระดูก”
“ช่วยเอากระสุนออกให้ข้าที”
“ข้าทำตอนนี้ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ข้าเลยไม่ได้เอายาชามา เดี๋ยวข้าจะรีบกลับไปเอายาชามารักษาให้ท่านที่นี่”
“เราไม่มีเวลาแล้ว หลังจากฟ้าสาง เราจะเริ่มลงมือ รีบเอาออกมาเถอะ”
“ทำไม่ได้ครับ เพราะว่ามันจะทำให้เจ็บปวดมาก” ฮวางจองบอกเพราะกลัวว่าฮอวีจะทนความเจ็บจากการผ่าตัดสดไม่ได้
“ไม่มีอะไรเจ็บไปกว่าการต้องสิ้นชาติอีกแล้ว ได้โปรดผ่าออกไปเถอะ”
“คุณหมอฮวาง ถ้าไม่ทำตอนนี้ ก็ไม่มีโอกาสอื่นอีกแล้ว” ชูชิกอ้อนวอนอีกแรง
“ตอนที่ล่ามยูยังมีชีวิต ข้าเคยได้ยินชื่อคุณหมอฮวางอยู่หลายครั้ง ข้าเลยคิดว่ายังไงก็ต้องเจอหน้าสักครั้ง แต่ว่าวันนี้กลับได้มาพบกันอย่างบังเอิญ”
ฮวางจองตัดสินใจผ่าตัดเอากระสุนออกให้ฮอวีโดยไม่ใช้ยาสลบ “อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้วครับท่าน” ฮวางจองผ่าตัดอย่างระมัดระวังและรวดเร็วจนสำเร็จ
“ฟู่...ขอบคุณมาก”
“ไม่เป็นไรครับ ท่านเป็นคนเจ็บที่เก่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา อ้อท่านแม่ทัพ ข้ามีบางอย่างจะให้ท่าน ก่อนที่จองโพโกจะตาย เค้าฝากให้ข้านำมา และสั่งว่าต้องมอบให้ท่านแม่ทัพเองกับมือ” ฮวางจองส่งเอกสารให้กับแม่ทัพฮอวี
ฮอวีรับมาเปิดดู “เป็นชื่อผู้นำทัพทางเหนือของฮันซอง พวกนี้พร้อมที่จะเข้าโจมตีรัฐบาลรักษาการของญี่ปุ่นในฮันซอง และร่วมมือกับพวกเรา ข้าเป็นหนี้บุญคุณท่านมากจริง ๆ” ฮอวีบอกฮวางจอง
“ได้โปรดอย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ”
“ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทนให้ ข้าจะเขียนกลอนให้กับท่าน ได้โปรดอย่าปฏิเสธเลยนะ” ฮอวีจะจับหมึกเขียน แม้แขนจะยังบาดเจ็บ
“แต่ว่า แขนท่านจะเจ็บมาก”
“ไม่เป็นไร ๆ อย่างมากก็ทำให้ ตัวหนังสือสั่นบ้างเท่านั้นเอง สหายฮง หมอเล็กรักษาโรค หมอเล็ก ๆ คอยช่วยรักษาโรค หมอกลางช่วยคน หมอทั่วไปจะ...คอยช่วยรักษาคน หมอใหญ่รักษาชาติ หมอที่ยิ่งใหญ่ ต้องรักษาบ้านเมือง”
ฮอวีเขียนบทกลอนเพื่อให้ฮวางจองไปขบคิด พร้อมกับกล่าวลา “ขอบคุณมาก เราคงได้พบกันอีก”
“ครับ ท่านแม่ทัพ”
ฮวางจองอ่านบทกลอนของฮอวีพร้อมกับคิดตาม “หมอเล็ก ๆ จะคอยช่วยรักษาโรคภัย หมอทั่วไปจะ...คอยช่วยรักษาคน หมอที่ยิ่งใหญ่ต้องรักษาบ้านเมือง”
“พวกข้าคงต้องย้ายกำลังไปจากที่นี่ก่อน” โพโกบอก เป็นเวลาเดียวกับมีเสียงโวยวายว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในสถานที่ตั้งกองกำลัง
ทหารญี่ปุ่นส่งคนเข้ามาเพื่อสังหารโพโก โพโกพยายามต่อสู้เพื่อรักษาชีวิตตนเองไว้ แต่ด้วยกำลังที่มีมากกว่า โพโกเสียทีถูกทหารญี่ปุ่นทำร้ายจนได้
“จองโพโก อึ้ย ๆ ท่านยังไหวรึเปล่า?”
“โอย...แค่ก ๆ ๆ แฮ่ก ๆ ถึงคุณหมอ ฮวางจะเป็นหมอเก่งขนาดไหน ครั้งนี้ก็ช่วยข้าไม่ได้แค่ก ๆ ๆ” โพโกเจ็บหนัก เหมือนจะรู้ชะตากรรมตัวเอง
“อย่าเพิ่งพูดอะไร ข้าต้องช่วยให้ได้ ข้าจะช่วยท่านให้ได้”
“ข้าต้องขอบคุณในความห่วงใย แต่ข้าเสียใจ กองทัพคนรักชาติยังไม่ทันได้มี...แค่ก... โอกาสสู้กับญี่ปุ่น ข้าก็ต้องมาตายซะก่อน แต่ยังมีโอกาสได้ชดใช้หนี้ให้ท่านก่อนตายก็ยังดี” โพโกพยายามพูด แต่น้ำเสียงแผ่วลงทุกที
“หมายความว่ายังไง ท่านติดหนี้อะไรข้าเหรอ?” ฮวางจองรีบถามขึ้น
“ฮะ ๆ ๆ สมกับเป็นท่านจริง ๆ สหาย ฮวาง โอย...ช่วยหยิบไอ้นี่ออกมาให้ที ช่วยเอา ไปมอบให้ใต้เท้ายูด้วย” โพโกยื่นของบางอย่างให้ฮวางจอง “คุณหมอฮวาง กองทัพคนรักชาติทั่วประเทศ จะเข้าร่วมกอบกู้ชาติด้วยกัน นี่เป็นรายชื่อของผู้นำกลุ่มที่อยู่ในแต่ละท้องที่ ข้าฝากท่านช่วยเอาไปให้กับแม่ทัพฮอวีด้วยนะ”
“แม่ทัพฮอวีเหรอ”
“ท่านจะต้องเอาไปส่งให้เองถึงมือเค้า เข้าใจมั้ย” โพโกย้ำ
“ข้าจะไปส่งให้ถึงมือ”
“ไปหาใต้เท้าให้เจอนะ”
“ข้าจะไปหาเค้าเอง” ฮวางจองรับปาก
“เฮ้อ ๆ ๆ หนาวมาก ข้าอยากเห็นฤดูใบไม้ผลิจัง” โพโกเริ่มเพ้อ
“ไปเถอะ ไปอย่างสงบ” ฮวางจองเห็นอาการของโพโกแล้วก็รู้ว่าไม่รอด ไม่นานโพโกก็จากไปอย่างสงบ
หลังจากได้วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้ามา โดยังก็เริ่มผลิตวัคซีน
“เชื้อโรคพิษสุนัขบ้ารุนแรงเกินไป จึงไม่สามารถฉีดเข้าตัวคนได้โดยตรง จึงต้องใช้วิธีฉีดให้กระต่ายในปริมาณน้อย แล้วทิ้งไว้หนึ่งวัน จากนั้นค่อยดูดไขกระดูกสันหลังกระต่ายออกมา ทุก ๆ วันจะถูกฉีดให้กับกระต่ายไม่ซ้ำตัว แล้วดูดไขกระดูกมาเก็บไว้อย่างนี้ครับ”
“เก็บรักษาแบบนี้ ก็สามารถใช้ได้แล้ว เหรอ?” เอวิสันถาม
“แค่นี้ก็พอครับ”
“แล้วต้องทิ้งไว้นานเท่าไหร่ ถึงจะเอาไปฉีดได้”
“ต้อง 21 วันค่ะ หลังจาก 21 วันถึงจะไม่มีผลข้างเคียงค่ะ” นาโอโกะบอก
“ครับ ดังนั้นการทำวัคซีนจะต้องทำทุกวันโดยไม่หยุด” โดยังพูดเสริม
“และเราต้องใช้กระต่ายตัวใหม่ทุกวัน”
“อย่างนี้ผมพอจะเข้าใจแล้ว” เอวิสันยิ้มออกมา
มองชงเดินเข้ามาบอก “เอ่อ คุณหมอเบ๊กครับ รีบออกไปดูข้างนอกเถอะ มีคนจากโรงพยาบาลฮันซองมา”
โดยังตกใจ เป็นห่วงนาโอโกะมาก “หะ นาโอโกะ คุณรออยู่ที่นี่ก่อนนะ” พูดจบโดยังก็รีบออกไป
โดยังออกมาก็พบกับคิมโทนซึ่งรออยู่ “คุณหมอเบ๊ก ท่านอยู่ที่นี่เองเหรอ?”
“ผมมาหาคุณหนูนาโอโกะ” คิมโทนบอก
โดยังมองอย่างไม่ไว้วางใจ “หึ นาโอโกะไม่มีทางยอมไปกับเจ้าหรอก เจ้ากลับไปซะเถอะ”
“ผมต้องการพบคุณหนูนาโอโกะ ผมต้องถามคุณหนูด้วยตัวเอง”
“ถ้าไม่ให้ล่ะ” โดยังหรี่ตาถามลองเชิง
“ฮะ ๆ ๆ จริงเหรอ คุณคิดจะลักพาตัวลูกสาวรัฐมนตรีของญี่ปุ่นใช่มั้ย?” คิมโทนกล่าวอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
“ลักพาตัว?”
“ถ้าไม่ยอมส่งตัวคุณหนูนาโอโกะ ผมจะฟ้องรัฐบาลรักษาการ เพื่อให้เข้ามาจัดการกับเรื่องนี้เอง” คิมโทนขู่
“แต่ที่นี่เป็นเขตเช่าของอเมริกา” โดยังบอก
“นั่นแหละประเด็นของผม เพราะทางสถานทูตคงจะต้องเอาเรื่องนี้ไปกราบทูลพระราชาโชซอนว่าท่านลักพาตัวเธอ คราวนี้รับรองสนุกแน่”
นาโอโกะซึ่งฟังอยู่ ไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะตนเอง จึงปรากฏตัวออกมา “พอได้แล้ว ฉันจะไปกับคุณเอง”
โดยังรีบห้าม “นาโอโกะ ไม่ได้นะ บอกแล้วไงว่าอย่าออกมา”
“เบ๊กโดยังคะ ฉันไม่อยากให้คุณต้องมายุ่งยากเพราะฉัน นาโอโกะ กลับไปแล้ว ก็จะกลับมาใหม่” นาโอโกะเหมือนให้สัญญากับโดยัง
“ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว ก็ควรจะทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง ทำไมถึงยังเอาผู้หญิงมาสร้างปัญหาอีกล่ะ” คิมโทนพูดเยาะเย้ย
“ฉันเป็นสิ่งของรึไง รีบขอโทษเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ยอมขอโทษ ฉันจะกลับไปฟ้องคุณพ่อ” นาโอโกะโมโหที่คิมโทนกล่าวอย่างไม่เกรงใจใคร
“ต้องขอโทษด้วยครับ ไปได้แล้ว” คิมโทนไม่ได้มีเจตนาที่จะขอโทษจริง ๆ พร้อมกับยิ้มเยาะโดยัง
ฮวางจองส่งข่าวถึงขุนนางที่ต่อต้านญี่ปุ่นเรื่องล่ามยูและโพโก
“ล่ามยูถูกจับตัวไป จองโพโกกับกองกำลังรักชาติ...ก็ถูกฆ่าตายหมดเหรอ? ทำไมกลายเป็นอย่างนี้ได้”
“ท่านแม่ทัพฮอวีคือคนไหนครับ ก่อนตายจองโพโกฝากบางอย่างเอาไว้ เค้าต้องการให้ข้าไปพบท่านแม่ทัพด้วยตัวของข้าเอง ไม่ทราบว่าท่านอยู่ที่ไหน” ฮวางจองถามขึ้น
“กองกำลังรักชาติของโชซอนได้รวมตัวเตรียมพร้อมสู้แล้ว”
“กองกำลังรวมตัวกัน”
“อืม เค้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองกำลังนั้น เพราะว่าต้องเก็บความลับ อยากจะพบเค้าคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ยิ่งตอนนี้พวกญี่ปุ่นกำลังตามจับตัวเค้า คงจะไปพบไม่ได้ง่าย ๆ เป็นอะไรไป” ขุนนางกล่าว
“ไม่มีอะไร ข้าคงต้องไปเข้าเฝ้าพระราชา เผื่อว่าอาจทูลขอให้ทรงปล่อยตัวใต้เท้ายูได้” ฮวางจองบอก
“เอ่อ ถ้าหมายถึงเรื่องนั้น เจ้าเองก็คงจะรู้สถานการณ์ในตอนนี้ดี เรื่องที่เกิดขึ้น พระราชาก็ทรงโดนหางเลขด้วย” ขุนนางกล่าวอย่างกังวล
ขุนนางและฮวางจองเข้าเฝ้าพระเจ้าโกจง พร้อมกับกราบทูลเรื่องล่ามยู พระราชาตกพระทัยมาก “อะไรนะ ล่ามยูถูกจับตัวไป แล้วอย่างนี้กองทัพของแม่ทัพฮอวี ที่จะบุกมาที่นี่ล่ะ?”
“กองกำลังฮอวีส่วนมากเป็นคนแถบซัมนัม ถ้าไม่รู้ภูมิประเทศในฮันซอง ก็น่าเป็นห่วงมาก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง จะขับไล่พวกญี่ปุ่นออกไปจากแผ่นดินได้ไง” พระเจ้าโกจงกังวลพระทัยมาก
“ฝ่าบาท อย่าเพิ่งกังวลไปพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคาดว่าเราจะได้รับข่าวดีจากการประชุมสันติภาพที่กรุงเฮก ถ้านานาประเทศลงมติ...ว่าสนธิสัญญาอึลซาถูกเซ็นภายใต้การบังคับจากญี่ปุ่น สัญญาก็จะเป็นโมฆะพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าอาจจะตกใจ เพราะข้าไม่ได้บอกเจ้าเรื่องกองกำลังกู้ชาติใช่รึเปล่า?” พระเจ้าโกจงหันมาตรัสถามฮวางจอง
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ เรื่องใดที่เป็นกิจของฝ่าบาท กระหม่อมมิกล้าออกความเห็นพ่ะย่ะค่ะ”
“ที่ผ่านมา ล่ามยูคอยเป็นเหมือนกับแขนขาของข้า ดูเหมือนว่าข้าคง ต้องไปคุยกับรัฐบาลรักษาการณ์ญี่ปุ่นหน่อยแล้ว” พระเจ้าโกจงตรัส แต่ขุนนางไม่เห็นด้วย
“ฝ่าบาททำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะถ้าทำอย่างนั้น รัฐบาลรักษาการณ์ก็จะรู้ว่าพระองค์อยู่เบื้องหลังการส่งนักฆ่าไปฆ่าอีกึนเทค รวมถึงเรื่องของกองกำลังรักชาติด้วยพ่ะย่ะค่ะ เราจะให้ความลับรั่วไหลออกไปก่อนที่ภารกิจเสร็จสิ้นไม่ได้”
พระเจ้าโกจงฟังเหตุผลของขุนนางก็ได้แต่ถอนหายใจ
ล่ามยูหลังจากถูกจับกุมแล้ว เขาก็ถูกนำตัวมาทรมาน
“แฮ่ก...ฮะ ๆ ๆ ข้างงไปหมดแล้ว มันไม่ตลกเหรอ? ข้าเป็นแค่ขุนนางล่ามคนนึง จะไปเป็นผู้นำกองกำลังอะไรได้ยังไง ฮะ ๆ ๆ” ล่ามยูปฏิเสธ แม้เขาจะถูกทรมานอย่างแสนสาหัส
“พวกข้ารู้หมดแล้ว ว่าเจ้าแอบซ่องสุมกองกำลังทหาร เรารู้ว่าเจ้ามีแผนจะรวมกับกองกำลังอื่น ๆ” ทหารญี่ปุ่นเสียงเข้ม
“แฮ่ก ๆ ญี่ปุ่นเป็นอย่างนี้สินะ ชอบยัดเยียดข้อหาให้คนอื่นก่อน แล้วค่อยแต่งเรื่อง ให้ทุกอย่างดูสมเหตุสมผล” ล่ามยูด่ากลาย ๆ
“หึ ๆ ๆ ท่าทาง เจ้าจะยังกินน้ำไปไม่พอ” ทหารญี่ปุ่นลงมือทรมานล่ามยูต่อ
“หา จองโพโกตายแล้วเหรอ?” โดยังตกใจมากหลังจากรู้จากฮวางจองว่าจองโพโกเสียชีวิตแล้ว
“ใช่ แถมญี่ปุ่นยังไม่หยุดที่จะตามกวาดล้างกองกำลังกู้ชาติ เพราะฉะนั้น ตอนนี้พระราชาก็ทรงมีอันตรายไปด้วย ตอนนี้ก็ได้แต่รอข่าวจากการประชุมสันติภาพที่กรุงเฮก”
“ถ้าหากท่านทูตสามารถเปิดโปงความชั่วร้ายของญี่ปุ่นให้นานาชาติรู้ได้ ท่านพ่อก็จะมีโอกาสถูกปล่อยตัว เมื่อกลางวันท่านแม่ไปขอเยี่ยมพ่อมา แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้เยี่ยม ตอนนี้แม้แต่เยี่ยมยังไม่ยอม พวกญี่ปุ่นไม่ยอมฟังเหตุผลเลย”
“ถูกต้อง จากเรื่องที่มันมาเอาตัวนาโอโกะกลับไป จนถึงใต้เท้ายูถูกจับและจองโพโกถูกฆ่า ข้าเชื่อว่านี่ต้องเป็นแผนที่วางไว้นานแล้ว” ฮวางจองคาด
“และนี่ก็อาจจะเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้นด้วย” โดยังกล่าวอย่างกังวลใจ
คิมโทนพานาโอโกะไปไว้ในโรงแรมที่พัก ก่อนจะกลับมาส่งข่าวให้วาตานาเบ้ทราบ
“อ้อ ตอนนี้ อยู่ที่โรงแรมแล้วครับ เรามี การ์ดหญิงคอยคุมเธออยู่ในห้อง นอกห้องก็มีการ์ดผู้ชาย”
“อืม ดีมาก”
“แต่ว่า เราควรจะจัดการเบ๊กโดยังเลยมั้ย?” คิมโทนถาม
“ใช่ เจ้าหมอนั่นรู้เรื่องมากเกินไป” วาตานาเบ้แสยะยิ้ม
“แต่ว่า ถ้านาโอโกะรู้ จะเป็นปัญหารึเปล่าคะ? เพราะ...อาจจะทำให้หล่อนฆ่าตัวตายอีกก็ได้” ซูซูกิให้ความเห็น
“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องไปคิด แต่ว่าถ้าหากนาโอโกะตายไป ก็เหมือนอยู่ในความดูแลของเรานะ แต่ถ้าจะถามว่าใครควรรับผิดชอบ คงต้องโทษท่านรัฐมนตรี ที่เลี้ยงเธอมาผิด ๆ เอง”
“ถูกต้องแล้วค่ะ ท่าน ผอ.”
วาตานาเบ้และซูซูกิเตรียมออกไปข้างนอก คิมโทนเห็นเข้าก็ถาม “แต่ว่า ท่านจะไปไหนเหรอครับ?”
“อืม คือผมกับซูซูกิ...จะออกไปพบเพื่อนเก่าคนนึง”
วาตานาเบ้และซูซูกิมาที่กักขังและทรมานล่ามยู เพื่อดูความคืบหน้า แต่ล่ามยูยังไม่เปิดปาก วาตานาเบ้จึงให้ทรมานล่ามยูต่อไป
“วันนี้ผมจะต้องทำให้มันสารภาพออกมาให้ได้ว่า พระราชาโชซอนอยู่เบื้องหลังการซ่องสุมกำลังในครั้งนี้”
“เค้าต้องสารภาพแน่นอนค่ะ เค้าจะต้องสารภาพออกมาหมด โดยไม่ต้องถามเลยละ” ซูซูกิและวาตานาเบ้ยิ้มสะใจ
“เริ่มได้เลย” ทหารญี่ปุ่นเริ่มทรมานล่ามยูอีกครั้ง ล่ามยูร้องออกมาอย่างเจ็บปวด “ยอมรับมาดีกว่า ยิ่งยืดเยื้อเท่าไหร่ เจ้าก็ยิ่งทรมานเท่านั้น”
“ใต้เท้ายู ผมพูดในฐานะเพื่อนเก่านะ อย่าฝืนไปเลยครับ มันทรมานมากนะ” วาตานาเบ้พูดขู่
“เจ้าซ่องสุมกำลังทหารเพราะได้รับคำสั่งจากพระราชาใช่มั้ย?” ทหารญี่ปุ่นพยายามจะให้ล่ามยูสารภาพให้ได้
“หึ ๆ ๆ เราโต ๆ กันแล้ว ยังต้องมารับคำสั่งจากใครอีก อย่าทรมานให้เสียเวลาเลย มันใส่ร้ายกันชัด ๆ ยอมปล่อยข้าไปเถอะ”
ล่ามยูร้องขอความเห็นใจ แต่ทหารญี่ปุ่นไม่ละมือ ยังทรมานต่อไป ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน เจ็บปวดของล่ามยู
หมออัลเลนมาพบทูตญี่ปุ่นในฐานะทูตของอเมริกัน เรื่องที่ล่ามยูถูกจับกุมมาโดยไร้หลักฐาน
“แต่ใต้เท้ายู ไม่ใช่คนที่จะทำอย่างที่พวกคุณคิดนะ”
“เดี๋ยวพอสอบสวนดู ก็จะรู้เอง”
“คุณจับประชาชนชาติอื่นไปโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้นะ ไม่งั้นมันจะเป็นปัญหาระหว่างประเทศได้ ใต้เท้ายูมีเพื่อนอยู่ในสถานทูตของประเทศต่าง ๆ ถ้าพวกนั้น รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องเรื่องนี้ กับนานาชาติแล้ว ญี่ปุ่นจะอยู่ใต้ความกดดัน” อัลเลนบอก
“ท่านทูตอัลเลน ข้อตกลงที่มีอยู่เพื่อตกลงว่าญี่ปุ่นและอเมริกาจะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกันใช่มั้ย? อย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องของเราเลย ท่านคิดว่าจะเดินออกไปดี ๆ หรือว่าจะถูกลากไปเหมือนสุนัข” ทูตญี่ปุ่นกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า
“ว่ายังไงนะ?” อัลเลนโกรธจัด
ขณะนั้นทูตญี่ปุ่นได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าว “ฮัลโหล ไฮ้ ๆ อะไรนะ ผมเข้าใจแล้วครับ ท่านรู้เรื่องที่ พระราชาโกจงส่งทูตลับไปกรุงเฮกใช่มั้ย เค้าพยายามจะหาทางทำลายสนธิสัญญาอูลซา หึ แต่ได้ยินว่าถูกไล่กลับมา”
ก่อนหน้านี้ พระเจ้าโกจงและล่ามยูต่างก็มีความเห็นตรงกันว่า คนที่เหมาะสมจะเป็นผู้นำกองกำลังกู้ชาติคือ ฮวางจอง
“ฝ่าบาท แต่ว่าคนผู้นั้น ยังไม่ทันได้เตรียมตัวพ่ะย่ะค่ะ เช่นนี้จะกะทันหันไปรึเปล่า?” ขุนนางเอ่ยขึ้น
“ไม่หรอก ข้ารู้สึกว่ามันช้าเกินไปด้วยซ้ำ นึกไม่ถึงว่าล่ามยูจะถูกจับไปเร็วอย่างนี้ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้าเอง” พระเจ้าโกจงตรัสอย่างคาดไม่ถึงว่าล่ามยูถูกจับกุม และขุนนางไปแจ้งข่าวกับฮวางจอง
ขุนนางเดินทางมาที่เจจุงวอนเพื่อพบกับฮวางจอง
“มีอะไรหรือครับ?” ฮวางจองถามอย่างแปลกใจ
“อ้อ ตอนแรกจะเรียกเจ้าเข้าวัง แต่ว่า...ช่วงนี้หูตามันมากเหลือเกิน”
“ท่านมาก็ดีแล้ว ทหารญี่ปุ่นมาตรวจค้นที่นี่ครั้งนึง แต่ว่าพอไม่พบอะไรจึงไม่ได้สนใจอีก”ฮวางจองบอก
“ถึงข้าจะไม่อยากพูดเช่นนี้ แต่ว่า...ล่ามยูอาจจะไม่ได้ถูกปล่อยตัวออกมาง่าย ๆ”
“ครับ ข้าเข้าใจดี”
“ดังนั้นหลังจากที่ ใต้เท้ายูถูกพวกญี่ปุ่นจับตัวไป ข้าจึงอยากให้เจ้ามารับหน้าที่ของ...ผู้นำกองกำลังต่อไป” ขุนนางบอก
ฮวางจองได้ยินถึงกับอึ้งไป “ผู้นำกองกำลัง ข้าน่ะเหรอครับ?”
“ไม่ใช่แค่รับหน้าที่ต่อเท่านั้น เจ้ายังจะต้องรวบรวมกองกำลังที่แตกพ่ายด้วย”
“ข้าเป็นแค่หมอรักษาคนไข้เป็นอย่างเดียว ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับอาวุธ และไม่สามารถทำหน้าที่แบบนั้นได้” ฮวางจองไม่มั่นใจในตนเอง
“ล่ามยูมาเพราะทำเป็นเหรอ อีกอย่างนึงแม่ทัพฮอวี ท่านก็เป็นบัณฑิตที่เคย ศึกษามาแต่ตำราเหมือนกัน คนพวกนั้นเสียสละตัวเองมา ก็เพื่อกู้บ้านเมือง” ขุนนางพยายามหว่านล้อม
“แต่ใต้เท้าครับ ที่ที่ข้าควรอยู่คือ...โรงพยาบาล ข้าคิดว่าท่านควรจะไปหาคนอื่นดีกว่า”
“ไม่สบายใจเลย พระราชาทรงเห็นว่าเจ้าเหมาะสมกับหน้าที่นี้ที่สุด แต่ว่าเจ้า..อย่าเพิ่งด่วนปฏิเสธข้าในตอนนี้เลย เอาไปพิจารณาดูก่อนเถอะ” คำพูดของขุนนาง ทำให้ฮวางจองคิดหนัก
นี่...โชคดีที่ยาส่งมาถึงทันจะได้ดำเนินการผ่าตัดต่อไป ถ้าหากไม่ได้ความช่วยเหลือจากท่านทูตอัลเลน เราคงเหนื่อยกว่านี้อีกมาก” โดยังบอกทุกคน
“นั่นสิ ยาที่เพื่อน ๆ ผมในแคนาดาส่งมาให้ก็ใกล้จะมาถึงแล้ว” เอวิสันพยักหน้า
“ว้าว โชคดีจังเลยนะคะ”
“ตอนนี้เราก็ไม่ต้องให้คนไข้กลับไปเพราะไม่มียารักษาแล้วสิ” นังนังยิ้มออกมามีความหวัง
“หึ ๆ ๆ นั่นสิ ถ้างั้นเรา มาสู้กับโรงพยาบาลฮันซองกันอีกครั้ง เรามี...วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าที่คุณหมอเบ๊กคิดค้น ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว”
“ต้องติดประกาศให้คนมารับวัคซีนกัน สถานทูตอเมริกาจะให้การคุ้มกันกับเรา แบบนี้จะช่วยทำให้ประชาชน สามารถมารับวัคซีนกัน ได้อย่างปลอดภัยและสบายใจได้” โดยังบอก
“พอมีคุณหมอเบ๊กอยู่ด้วย เจจุงวอนก็ราบรื่นไปหมดเลยนะคะ ดีจังที่ท่านกลับมาที่เจจุงวอน”
“ฮะ ๆ ๆ ข้าก็เห็นด้วย”
ซ๊อกรันตรวจรักษาคนป่วย “ข้าจะจ่ายยาให้ แล้วอีกสามวันมาตรวจอีกครั้งนะคะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” หญิงผู้ป่วยเดินออกไป ซึงยอนก็เดินเข้ามา
“พอดีได้ตั๋วเรือกะทันหัน ข้าเลยไม่มีเวลาส่งจดหมายมาบอก แต่ดีใจจังที่ได้เจอกับเจ้าอีก”
“ใช่ ข้าก็ดีใจ”
“ต่อไป เราจะได้เจอกันทุกวัน ตอนนี้ข้าผ่าตัดเคสง่าย ๆ ได้แล้ว ถึงห่างไกลจากเจ้ามากก็เถอะ”
“ดีแล้ว ข้าจะคอยช่วยสอนเจ้าเอง จะได้อยู่ด้วยกัน” ซ๊อกรันบอกหน้าเศร้า ๆ ซึงยอนสังเกตเห็นก็เลยถาม
“เจ้า...มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
ซ๊อกรันไม่ตอบ เอาแต่ร้องไห้
ซ๊อกรันเล่าเรื่องที่ล่ามยูถูกทหารญี่ปุ่นจับตัวไปให้กับซึงยอนฟัง
“ที่ผ่านมา เจจุงวอนมีคนไข้เยอะเจ้าคงจะเหนื่อยมากสินะ”
“ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ ข้ากลับรู้สึกดีใจมากกว่า”
“แต่ยังไง ข้าคงจะไปอยู่โรงพยาบาลโบกู ส่วนเรื่องพ่อของเจ้า ข้าจะพยายามช่วยหาวิธีช่วยท่านออกมาอีกทาง”
“ได้จ้ะ ขอบคุณมาก เจ้าทำให้ข้ามีกำลังใจขึ้นเยอะเลย” ซ๊อกรันบอก ซึงยอนยิ้มให้ “ไปเถอะ”
ทูตญี่ปุ่นนำเรื่องหมออัลเลนมาหา มาเล่าให้วาตานาเบ้ฟัง “หมออัลเลนมาหาข้าที่นี่ เราต้องได้รับคำสารภาพว่าพระราชาโกจงเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก่อนที่อัลเลนจะทำให้สถานการณ์ระหว่างประเทศเกิดยุ่งยากขึ้นมา เพราะไม่อย่างนั้น แผนการล้มล้างราชวงศ์โชซอนมันจะยืดเยื้อยาวนานจนเกินไป”
“ไฮ้ ทราบแล้วครับ ผมได้พาคนที่เหมาะสมกับภารกิจนี้มาแล้วครับ เชิญเข้ามาได้ ฮะ ๆ ผมเคยแนะนำไปแล้ว นี่คุณหมอซาโต้ครับ”
วาตานาเบ้แนะนำหมอซาโต้ให้ทูตญี่ปุ่นรู้จัก หมอซาโต้เป็นคู่แข่งคนสำคัญของโดยัง เมื่อครั้งที่โดยังไปเรียนที่ญี่ปุ่น และเมื่อโรงพยาบาลฮันซองขาดหมอศัลยกรรมเพราะโดยังลาออกไป วาตานาเบ้จึงได้เรียกหมอซาโต้มารับตำแหน่งแทน
“ก็ดี ผมเคยได้ยินมาว่าคุณเป็นแพทย์ที่เก่งมาก ถ้าอย่างนั้นผมก็เชื่อมั่นว่าคุณจะทำหน้าที่ หัวหน้าแผนกศัลยกรรมได้ดี”
หมอซาโต้ทักทายทูตญี่ปุ่น วาตานาเบ้หันไปบอกซาโต้ “รู้ใช่มั้ยว่าคนที่เคยดำรงตำแหน่งนี้มาก่อนคือเบ๊กโดยัง”
“ครับ ผมทราบดีครับ”
“พวกผมสามารถไว้วางใจให้คุณ รับหน้าที่กำจัดเค้าได้ใช่มั้ยอ้อ ขอโทษด้วยที่ให้มารับหน้าที่หนักตั้งแต่เริ่ม ที่นี่ผมมีห้องแล็บอยู่ แล้วก็มีงานที่อยากให้ช่วยด้วย”
“สั่งมาได้เลยครับ” ซาโต้รับคำ วาตานาเบ้พึงพอใจกับหมอซาโต้มาก “หืม หึ ๆ ๆ”
วาตานาเบ้เข้ามาในห้องวิจัย ซึ่งหมอซาโต้กำลังทำวิจัยอยู่“คุณกำลังวิจัยอะไรอยู่?”
“ผมกำลังทำการทดลองกับคนเป็น ๆ แต่ทำวิจัย ที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ ก็เลยมาที่โชซอนน่ะ”
“ใช่ ที่โชซอนเป็นสวรรค์ของการวิจัยในเรื่องแบบนี้ ถ้าที่นี่ คุณจะทดลองอะไรก็ได้ แค่สุดท้ายกำจัดทิ้งก็พอ จริงสิ ช่วงนี้ ผมมีการวิจัยอย่างนึงอยู่”
“วิจัย เรื่องอะไรอยู่เหรอครับ?”
วาตานาเบ้บอกสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ “คือผมกำลังวิจัยเรื่อง ปฏิกิริยาจากแรงดันไฟฟ้าที่มีต่อตัวยา ผมกำลังทำการทดลองอยู่”
“การทดลองน่าสนใจมาก ท่านจะทำเมื่อไหร่ผมขอไปดูด้วย” ซาโต้สนใจเช่นกัน
“ได้เลย พรุ่งนี้จะทดลองที่ห้องสอบสวน คุณไปกับผมด้วยก็ได้”
“อ้า ต้องขอบคุณมากครับ ผมได้คิดเอาไว้ว่า จะเอาเบ๊กโดยังมาเป็นตัวทดลองเป็น ๆ จะอนุญาตรึเปล่าครับ?” ซาโต้กล่าวยิ้มร้าย ๆ
ขณะที่วาตานาเบ้ยิ้มออกมา เพราะรู้สึกว่าซาโต้เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานและเด็ดขาดอย่างที่เขาชอบ “ว้าว คุณกับผมนี่ช่างสมกันจริง ๆ หึ ฮะ ๆ ไปกันเถอะ”
ซ๊อกรันร้อนใจมาก แม้หมออัลเลนในฐานะทูตอเมริกันไปเจรจาเรื่องล่ามยูก็ยังไม่เป็นผล
“เฮ้อ ๆ จะทำยังไงกันดี ถ้าหากท่านทูตทำไม่สำเร็จ ก็หมายความว่า นานาชาติจะไม่สนเรื่องที่ญี่ปุ่นเข้ามายึดโชซอนเหรอ? แล้วท่านพ่อข้าล่ะ ท่านพ่อข้าก็ไม่มีวันถูกปล่อยตัวน่ะสิ ฮือ... จะเป็นอย่างนี้ไม่ได้ ท่านพ่อไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงได้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบนี้"
"ในตอนนี้แม้แต่พระราชาก็อาจถูกบีบให้สละบัลลังก์ เรื่องครั้งนี้ญี่ปุ่นคงหาทางขยายผลจนใหญ่โตแน่นอน”
ระหว่างที่ซ๊อกรันกำลังคุยกับโดยังและฮวางจอง นาโอโกะก็มาหา “เบ๊กโดยังคะ”
“นาโอโกะ คุณมาได้ยังไง?”
“คุณไม่มีเวลาแล้ว วาตานาเบ้คิดจะทำการทดลองทั้งเป็นกับนักโทษอยู่ และใต้เท้ายู อาจจะเป็นคนที่ถูกวาตานาเบ้เอาไปเป็นตัวทดลองด้วย เราต้องหยุดเค้า” นาโอโกะบอก ทุกคนตกใจมาก โดยเฉพาะซ๊อกรัน
ฮวางจองรีบมาที่โรงพยาบาลฮันซองเพื่อเจรจากับวาตานาเบ้ ให้ยกเลิกการทดลองกับคนเป็น ๆ
“ทดลองคนเป็นเหรอ ฮะ ๆ ๆ ใครเป็นคนพูดอย่างนั้นเหรอครับ?” วาตานาเบ้ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“เรื่องนั้นคงจะไม่สำคัญหรอก แต่ที่สำคัญคือนี่เป็นแผ่นดินโชซอน และถ้าท่านจะใช้คนโชซอนมาเป็นหนูทดลองในการทดลอง ข้าอยากถามถึงมโนธรรมท่าน ในฐานะของคนที่อยู่ในวิชาชีพของแพทย์” ฮวางจองโมโหมาก แต่พยายามเก็บอารมณ์
“มโนธรรมเหรอ จุดประสงค์ของการทด ลองคืออะไร ฮะ คุณหมอฮวาง คิดว่าการพัฒนาทางการแพทย์จะไม่ทดลองกับมนุษย์ได้เหรอครับ?” วาตานาเบ้หรี่ตาเหยียด ๆ มอง
“ข้าเชื่อว่าสามารถใช้วิธีอื่นได้โดยไม่ต้องใช้มนุษย์มาเป็นหนูทดลอง แล้วนักโทษพวกนั้นก็เป็นชาวโชซอน นักโทษที่ถูกจับกุมมาของท่าน ก็เป็นชาวโชซอนไม่ใช่เหรอ?”
“อืม...ผมพอจะเข้าใจแล้ว ที่แท้คุณก็ มาเพราะเรื่องล่ามยูนี่เอง ต้องขอโทษด้วยนะ มันเป็นความลับประเทศ ผมเลยไม่สามารถที่จะคุยกับคุณหมออย่างละเอียดได้ ผมคงต้องไปก่อน โอ๊ะ” วาตานาเบ้ทำเป็นไม่สนใจ จะเดินไป
ฮวางจองเจ็บใจมาก “หยุดซะตั้งแต่ตอนนี้ หยุดการทดลองกับนักโทษเหล่านั้นไปซะ ข้าจะพูดกับท่านเป็นครั้งสุดท้าย”
วาตานาเบ้หันมา ยิ้มร้าย “ถ้าผมไม่ทำคุณจะทำไม ตอนนี้เจ้าของประเทศนี้ คือจักรวรรดิญี่ปุ่นอันยิ่งใหญ่ เหอะ อาศัยตอนที่ยังพูดจากันดี ๆ ได้ คุณอยู่เฉย ๆ ไปคงจะดีกว่า”
ซาโต้ ซูซูกิ และวาตานาเบ้ยังทำการทดลองต่อไป และระหว่างที่ทั้งสามกำลังจะเดินทางไปทดลองการวิจัยของเขา มองชงและชักแทก็เข้าปล้น โดยขโมยเสื้อผ้าและเอกสารทั้งหมดไป
“ท่านพ่อ นี่ข้าเอง ซ๊อกรันไงคะ”
“ใต้เท้ายู พวกข้าอยู่ที่นี่หมดแล้ว” ฮวางจองพูดขึ้น
ล่ามยู พอเห็นลูกสาวและฮวางจองก็ตกใจ “พวกเจ้า เข้ามาได้ยังไง เดี๋ยวจะเกิดเรื่องใหญ่”
“ฮื่อ...ข้า คงจะยากซะแล้วละ” ล่ามยูพูดปลง ๆ
“ท่านพ่อคะ ท่านพูดอะไรอย่างนั้นคะ คราวก่อนเราก็ช่วยท่านได้นี่นา”
“ใต้เท้ายู ยังไงก็ต้องมีวิธีแน่ เราจะต้องช่วยท่านออกไปให้ได้” โดยังพูดอย่างมุ่งมั่น
“ใช่แล้วครับท่าน ท่านจะยอมแพ้อยู่นี่ไม่ได้ พระราชาจะทรงเป็นห่วงท่านมากนะ”
“พระราชา คุณหมอฮวาง ถึงออกไปจากที่นี่ได้ ข้าก็ต้องตายอยู่ดี แต่ว่า ถ้าข้าตายอยู่ที่นี่ ข้างนอก ก็จะรวมกำลังทหารได้อีกครั้ง และพระราชาก็จะ...ทรงปลอดภัยต่อไป” ล่ามยูพูดอย่างเสียสละตัวเอง
“ใต้เท้ายู” ฮวางจองสะท้อนใจมาก
“ท่านพ่อคะ ท่านไม่คิดถึงท่านแม่เหรอ แล้วข้าล่ะ?”
“ซ๊อกรัน ที่นี่มันคือที่...ที่พ่อควรอยู่” คำพูดของล่ามยู ยิ่งทำให้ฮวางจอง โดยังและซ๊อกรันสะเทือนใจ ล่ามยูกล่าวอย่างทำใจแล้ว “ข้ามีโอกาส ได้พบพวกเจ้าครั้งสุดท้าย ก็เพียงพอแล้ว”
“ท่านพ่อคะ ๆ” ซ๊อกรันร้องไห้ไม่หยุด
ทูตคนใหม่ได้รับรายงานเรื่องที่นาโอโกะและโดยังไปเยี่ยมล่ามยู
“เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นฝีมือของเบ๊กโดยังกับคุณใช่มั้ยครับ ที่คุกบันทึก...ว่าเบ๊กโดยัง กับคุณนาโอโกะไปเยี่ยมนักโทษในวันนี้”
“ค่ะ เพราะฉันอยากจะพบนักโทษ ก็เลยเข้าไป มีอะไรเหรอคะ?” นาโอโกะกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน
“นั่นมันเป็นการเยี่ยมที่ไหน มันเป็นการบุกรุกชัด ๆ แต่ว่า คุณทำแบบนี้พ่อคุณจะคิดยังไงครับ ครั้งนี้ ผมจะยอมให้อภัยคุณเพราะเห็นแก่ท่านรัฐมนตรี แต่ต่อไป อย่าให้มีเรื่องอย่างนี้อีกเป็นอันขาด”
นาโอโกะยอมรับว่าเข้าไปเยี่ยมล่ามยู ทั้งที่เธอไม่ได้เข้าไป เพียงแต่ปล่อยให้โดยัง ฮวางจองและซ๊อกรันเข้าไป แต่ทูตก็ไม่กล้าทำอะไรหรือเอาผิดนาโอโกะ
“ค่ะ ทุกอย่างที่คุณพูด ฉันเข้าใจดีค่ะ แต่ฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าถ้าท่านพ่อรู้เรื่องการทารุณนักโทษท่านคงจะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปทำงานก่อนนะ คุณพ่อคะ”
นาโอโกะกำลังจะเดินออกไป พอดีท่านรัฐมนตรีพ่อของนาโอกะเดินเข้ามา
“นาโอโกะ เลิกก่อเรื่องวุ่นวายให้กับ ท่านทูตได้รึยัง?”
รัฐมนตรีรู้ว่าลูกสาวตนเองใจอ่อนเรื่องคนโชซอน จึงบังคับให้นาโอโกะกลับญี่ปุ่น
“คุณพ่อเป็นคนที่น่ากลัวขนาดนั้นเหรอคะ?”
“เฮ้อ พ่อเป็นรัฐมนตรีของประเทศ และเป็นคนรักชาติบ้านเมืองมาก
“การรักชาติมันแปลว่า จะยึดครองประเทศใครก็ได้งั้นเหรอ?”
“นาโอโกะ ห้ามล้ำเส้นไปกว่านี้ พ่อบอกลูกชัดเจนแล้ว พรุ่งนี้ลูกต้องกลับไปกับพ่อ” รัฐมนตรีเสียงเข้ม
“ลูกไม่ยอมกลับไปหรอก”
“ถึงพ่อจะไม่อยากพูดคำนี้นัก แต่ลูกต้องตัดความสัมพันธ์ จากเจ้าเบ๊กโดยังได้แล้ว พ่อได้รับรายงานทุกเรื่องในสิ่งที่เค้าทำกับลูกแล้ว ที่พ่อไม่ได้คัดค้าน เพราะรู้ว่าลูกรักเค้า แต่มันควรจบแล้ว”
“คุณพ่อคะ” นาโอโกะอ้าปากจะคัดค้าน
“เค้ารู้เรื่องอะไรมากจนเกินไป ถ้าเค้ามาเป็นคนของเราไม่ได้ ก็ต้องรีบกำจัดเค้าทิ้ง ต้องการให้พ่อทำอย่างนั้นรึ?”
นาโอโกะไม่รู้จะทำอย่างไร และเพื่อรักษาชีวิตโดยังเอาไว้ เธอจึงตัดสินใจกลับญี่ปุ่นตามคำสั่งของพ่อ
นาโอโกะมาหาโดยังพร้อมกับบอกเรื่องที่เธอจะต้องกลับญี่ปุ่น
“อืม ก็นั่นสิ จู่ ๆ ก็จะมาจากไปซะอย่างนี้ มันลำบากใจนะ” คูฮอนกล่าว
“นาโอโกะก็ตัดใจไม่ลงเหมือนกัน แต่ถึงยังไง เบ๊กโดยังกับฉันก็คงต้องแยกจากกัน ความสัมพันธ์ของญี่ปุ่นกับโชซอน ทำไมต้องมาขวางความรักเราด้วย นาโอโกะไม่เข้าใจเลยจริง ๆ” นาโอโกะอัดอั้นมาก ร้องไห้ออกมา โดยังสงสารนาโอโกะมากจนพูดไม่ออก
“แต่ว่า พวกท่านรักษาสุขภาพด้วยนะคะ คราวหน้าถ้าได้กลับมาอีก จะทำของอร่อย ๆ ให้พวกท่านกิน” นาโอโกะพูดทั้งน้ำตา
“หึ ๆ ๆ เอาเถอะ ๆ แล้ว แล้วข้าจะรอนะ”
“ข้าก็ จะรอชิมฝีมือเจ้านะ”
“นาโอโกะ แล้วผมจะไปรับนาโอโกะกลับมา” โดยังบอก เมื่อเดินมาส่งนาโอโกะ
“ไม่ต้องค่ะ นาโอโกะจะกลับมาอีกแน่ ฉันหวังว่า...ความสัมพันธ์...ของญี่ปุ่นกับโชซอนจะดีขึ้น เบ๊กโดยังคะ” นาโอโกะร้องไห้เมื่อคิดว่าจะต้องจากคนรักจริง ๆ
ในที่สุด ล่ามยูก็ถูกตัดสินประหารชีวิต ซ๊อกรันได้ข่าวถึงกับเป็นลม ทุกคนรู้สึกหดหู่มาก ชิลบกร้องไห้
“เฮ้อ มันไม่ควรเป็นอย่างนี้เลย จะมาฆ่าแกงกันอย่างนี้ได้ยังไง” ชักแทบ่น
“ข้าบอกแล้วไงล่ะ ว่าพวกญี่ปุ่นมันไม่สนใจเหตุผลอะไรทั้งนั้น เฮ้อ บ้าเอ๊ย โอ๊ย แล้วล่ามยูจะทำยังไง” มองชงรู้สึกเศร้ามาก
“ข้า...กำลังนึกถึงภาพตอนที่พระมเหสี...ถูกปลงพระชนม์”
“ข้าก็เหมือนกัน ตอนนี้แม้แต่หน้าคนญี่ปุ่น...ข้าก็ไม่กล้าไปมองแล้ว”
“ฮึ้ย โลกสกปรกนี่”
ทุกคนต่างประณามการกระทำของทหารญี่ปุ่น
ฮวางจองปฐมพยาบาลจนซ๊อกรันได้สติขึ้นมา ซ๊อกรันก็เอาแต่ร้องไห้ “ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย”
“ข้าจะไปดูว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่”
“ท่านพ่อ ๆ ๆ”
ฮวางจองพาซ๊อกรันและแม่มาหาล่ามยูที่คุมขังเป็นครั้งสุดท้าย แม่ซ๊อกรันร้องไห้เสียใจอย่างมาก ล่ามยูพยายามปลอบ “อย่าร้องไห้เลยนะ ข้าฝากเจ้าเป็นแม่งานในงานแต่งของซ๊อกรันด้วยนะ”
“เจ้าแบ่งที่ดินให้ชิลบก แล้วก็พวกเด็ก ๆ รับใช้ในบ้าน ให้พวกเค้าออกไปเป็นอิสระ ไปมีอาชีพทำมาหากินได้”
“ท่านพี่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องพวกนี้หรอก”
“ก่อนหน้านี้...เจ้าคงจะลำบากมาก...กับเรื่องที่ข้าทำไว้”
“ข้าจะลำบากอะไรได้ล่ะคะ ฮือ... ข้ามีความสุขและอบอุ่น ก็เพราะว่าชีวิตข้ามีท่านพี่อยู่ ท่านจะตายไม่ได้นะ” แม่ซ๊อกรันคร่ำครวญ
“ตายไม่ได้เหรอ? ข้าไปแล้ว เจ้าอย่า...คิดอย่างนั้นล่ะ อย่าได้คิดแต่ว่า...ข้าตายจากไปแล้ว เจ้าจงรออย่างใจจดใจจ่อ แล้วรอให้ข้าไปหาเจ้าในฝัน ข้าจะต้องไปหาเจ้าอย่างแน่นอน” ล่ามยูสั่งเสีย ก่อนจะหันไปคุยกับฮวางจอง “คุณหมอฮวาง ท่าน... เรียกข้าว่าพ่อตา...สักคำได้มั้ย?”
ฮวางจองเศร้ามาก “ท่านพ่อตา”
“ซ๊อกรัน”
“คะ” ซ๊อกรันน้ำตาไหลพราก
“จากนี้ไปเจ้าจะต้องคอยอยู่เคียงข้างคุณหมอฮวาง เจ้าจะต้องคอยทุ่มเทต่อไป ในฐานะแพทย์ ในฐานะชาวโชซอน ลูกจะต้องไม่หวั่นไหว”
“ท่านพี่ แล้วข้าล่ะ?”
“โอ้...เจ้าก็มีข้าอยู่ เคียงข้างตลอดอยู่แล้วไง คุณหมอฮวาง ข้าขอฝากครอบครัวของข้าไว้กับท่านด้วยนะ หนทางที่ข้าต้องเดินไป แม้ว่ามันจะเหน็บหนาว แต่ข้าก็ไม่กลัว เพราะข้ารู้ว่าท่านจะสามารถทุ่มเทอย่างเต็มกำลัง ในการดูแลทุกอย่าง และท่านจะดูแลซ๊อกรันลูกข้าอย่างเต็มกำลังเช่นกัน เราจะจากกันไป สู่หนทางอันแสนไกล ด้วยรอยยิ้ม” ล่ามยูยิ้มเศร้า
“ท่านพี่ ฮือ ๆ...” แม่ซ๊อกรันปล่อยโฮออกมา ซ๊อกรันก็มีอาการไม่ต่างกันนัก
ล่ามยูถูกประหารชีวิตไปแล้ว แต่ในโชซอนก็ยังมีความวุ่นวายเหมือนเดิม สภาพย่ำแย่ไปกว่าเก่ามาก แม้แต่ในเจจุงวอนก็มีคนไข้น้อยลง
“อ้าว คุณหมอฮวาง กลับมาแล้วเหรอครับ?” ชักแทถามขึ้น
“อืม เรียบร้อยดีใช่มั้ย?”
“เฮ้อ คนไข้ก็น้อยเหมือนเดิมแหละ จ่ายเงินเดือนช้าไปสองเดือนแล้ว เจจุงวอนจะต้องปิดตัวมั้ยเนี่ย” ชักแทส่ายหัว
“อ้อ กลับมาแล้วเหรอครับ นี่เจ้าชิลบก เข้าวังมาดูดีเชียว” มองชงเอ่ยทัก
“นี่ ครั้งแรกมันก็เป็นอย่างนี้แหละ มา มากินแอปเปิ้ลกัน แอปเปิ้ลอันนี้ อร่อยนะเชิญเลย”
“อืม ขอบใจมาก ท่าทางยังเหลืออีกหลายลูก แบ่งให้เพื่อนคนนั้นมั่งสิ”
“หือ อ้อ เอางั้นเหรอครับ เฮ้ เจ้าน่ะ ลองชิมแอปเปิ้ลโชซอนดูมั้ย” มองชงส่งแอปเปิ้ลให้ชายคนหนึ่ง
“นี่ทานหลังอาหาร แล้วก็นอนพักผ่อนให้มากก็จะดีขึ้นเอง” โดยังบอกคนไข้
มียองหันไปเป็นฮวางจองเดินเข้ามาก็เอ่ยทัก “กลับมาแล้วเหรอคะ”
“เหนื่อยกันแล้วนะ”
“ข้าไม่เหนื่อยหรอกค่ะ คุณหมอเบ๊กต่างหากที่เหนื่อยกว่า”
“พระราชาเป็นยังไงบ้าง” โดยังถาม
“ตอนนี้ทรงถูกโรครุมเร้า กำลังพระทัย ก็ถดถอยไปด้วย”
“น่าห่วงนะ เราไม่รู้เลยว่าพระราชาจะเป็นยังไงต่อไป”
“คุณหมอยูล่ะ?” ฮวางจองถามถึงซ๊อกรัน
“อ้อ ไปโรงพยาบาลโบกู เหมือนคุณหมอฮันไม่ค่อยสบายน่ะ”
“เห็นไม่ค่อยสบายมาหลายวันแล้วนี่”
ซ๊อกรันมาช่วยซึงยอนตรวจคนไข้ หลังจากตรวจคนไข้เสร็จ ซ๊อกรันจะตรวจให้ซึงยอน แต่ซึงยอนบอกเธอรู้อาการของเธอดี ระหว่างที่คุยกัน ซึงยอนก็ไอตลอดเวลา
“เริ่มไออย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“หนึ่งอาทิตย์ นั่นสิ ประมาณหนึ่งอาทิตย์ได้แล้ว”
“มีเสมหะด้วยนะ อาจแค่เป็นหวัด หรือเป็นวัณโรคก็ได้” ซ๊อกรันสันนิษฐานจากอาการ
“อย่าพูดให้กลัวสิ เดี๋ยวพอข้าได้กินยาที่เจ้าให้ รับรองว่าไม่นานข้าก็จะต้องหายเป็นปลิดทิ้งทันทีเลย” ซึงยอนพูดติดตลก
“ฮิ มีอย่างนั้นที่ไหนเล่า”
ซึงยอนเห็นว่าซ๊อกรันไว้ทุกข์ให้ล่ามยูมานานแล้ว จึงถามขึ้น “เจ้าจะไม่แต่งงานจริง ๆเหรอ?”
“แล้วตัวเจ้าล่ะ บาทหลวงแมคเคลเลอร์ก็ชอบเจ้านี่” ซ๊อกรันถามกลับ
“อ๊ะ? หึ แต่ว่าข้าไม่มีแผนจะแต่งงานหรอก เพราะข้าคิดแต่ว่า อยากพยายามตรวจคนไข้ให้ได้มากขึ้น แค่คิดก็นอนไม่หลับแล้ว สุดสัปดาห์นี้ ข้าจะยืมลาขี่ไปเยี่ยมคนป่วยที่อยู่ในหมู่บ้าน” ซึงยอนบอกแผนของเธอ
“ไปอย่างนั้นสุขภาพจะยิ่งแย่นะ ต้องระวังตัวเองหน่อย” ซ๊อกรันเป็นห่วงเพื่อน
“ขอบใจนะ แต่ว่าเจ้าควรจะแต่งงานได้แล้วไม่ใช่เหรอ ข้าเข้าใจว่าเจ้ายังเศร้าเสียใจเรื่องพ่ออยู่ แต่ก็ควรจะแต่งงานได้แล้ว เจ้าลองปรึกษากันดูสิ” ซึงยอนพูดย้ำ ทำให้ซ๊อกรันเริ่มคิด
ซ๊อกรันนำเรื่องที่ซึงยอนพูดมาปรึกษากับฮวางจอง “ข้ามีเรื่องอยากจะบอก”
“ผู้นำกองกำลัง?” ซ๊อกรันตกใจเลยไม่ได้พูดเรื่องที่ตั้งใจ
“ใช่ แต่ว่าข้าปฏิเสธมาตลอด เพราะว่าข้าเป็นหมอของเจจุงวอน แต่ข้าก็ยังปฏิเสธต่อไป”
“แต่ยากขึ้นใช่มั้ย”
“ใช่ เพราะดูจากสถานการณ์หลาย ๆ อย่าง ข้าไม่รู้เลยว่าควรจะทำยังไง อ้อ แล้วที่เจ้าจะบอก เป็นเรื่องอะไรเหรอ?” ฮวางจองถาม แต่ซ๊อกรันไม่อยากให้ฮวางจองต้องเป็นกังวล รีบกลบเกลื่อน “ไม่มีค่ะ ไม่มีอะไร”
คืนนั้น ชูชิกมาหาฮวางจองบอกจะพาฮวางจองไปรักษาคนป่วยคนหนึ่ง
“มีคนเจ็บคนนึงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนครับ”
“คนเจ็บเป็นใคร?”
“เดี๋ยวพวกท่านก็จะรู้เอง แต่ข้าต้องปิดตาท่านก่อน”
“ไม่ต้องห่วงนะคุณหมอฮวาง ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงเดินทางดี ๆ ล่ะ” ผู้จัดการโอบอก เพราะรู้ว่าทั้งหมดเป็นคนของกองกำลัง
“สหายโอ ขอบคุณท่านมากนะ”
“ข้าฝากทักทายท่านแม่ทัพด้วย”
“ครับ ไม่มีปัญหา” ชูชิกรับคำ
“รีบไปเถอะ”
เมื่อมาถึงที่พักซึ่งเป็นกระท่อมหลังหนึ่ง ชูชิกก็บอกให้ฮวางจองเช้าไป “ท่านรีบเข้าไปเถอะ ท่านแม่ทัพฮอวีกำลังรอท่านอยู่ ท่านแม่ทัพ หมอ ฮวางจองมาถึงแล้วครับ” ชูชิกตะโกนเข้าไปในบ้าน
“เชิญเข้ามา” เสียงตอบกลับออกมาจากกระท่อม ฮวางจองเดินเข้าไปก็พบกับแม่ทัพฮอวี “มาได้ทันพอดี”
“ข้าต้องการพบท่านแม่ทัพมานานแล้ว” ฮวางจองบอก
“ข้าเองก็ต้องการจะพบท่านหมอฮวางเหมือนกัน”
“ท่านแม่ทัพถูกกระสุนของพวกญี่ปุ่นยิงใส่ครับ” ชูชิกเล่าอาการของฮอวีให้ฮวางจองฟัง
“ข้าขอดูแผลของท่านก่อนนะครับ” ฮวางจองตรวจบาดแผลก่อนจะบอก “กระสุนฝังตัวอยู่ข้างใน แต่ว่า ดูเหมือนจะไม่ทำลายถึงกระดูก”
“ช่วยเอากระสุนออกให้ข้าที”
“ข้าทำตอนนี้ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ข้าเลยไม่ได้เอายาชามา เดี๋ยวข้าจะรีบกลับไปเอายาชามารักษาให้ท่านที่นี่”
“เราไม่มีเวลาแล้ว หลังจากฟ้าสาง เราจะเริ่มลงมือ รีบเอาออกมาเถอะ”
“ทำไม่ได้ครับ เพราะว่ามันจะทำให้เจ็บปวดมาก” ฮวางจองบอกเพราะกลัวว่าฮอวีจะทนความเจ็บจากการผ่าตัดสดไม่ได้
“ไม่มีอะไรเจ็บไปกว่าการต้องสิ้นชาติอีกแล้ว ได้โปรดผ่าออกไปเถอะ”
“คุณหมอฮวาง ถ้าไม่ทำตอนนี้ ก็ไม่มีโอกาสอื่นอีกแล้ว” ชูชิกอ้อนวอนอีกแรง
“ตอนที่ล่ามยูยังมีชีวิต ข้าเคยได้ยินชื่อคุณหมอฮวางอยู่หลายครั้ง ข้าเลยคิดว่ายังไงก็ต้องเจอหน้าสักครั้ง แต่ว่าวันนี้กลับได้มาพบกันอย่างบังเอิญ”
ฮวางจองตัดสินใจผ่าตัดเอากระสุนออกให้ฮอวีโดยไม่ใช้ยาสลบ “อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้วครับท่าน” ฮวางจองผ่าตัดอย่างระมัดระวังและรวดเร็วจนสำเร็จ
“ฟู่...ขอบคุณมาก”
“ไม่เป็นไรครับ ท่านเป็นคนเจ็บที่เก่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา อ้อท่านแม่ทัพ ข้ามีบางอย่างจะให้ท่าน ก่อนที่จองโพโกจะตาย เค้าฝากให้ข้านำมา และสั่งว่าต้องมอบให้ท่านแม่ทัพเองกับมือ” ฮวางจองส่งเอกสารให้กับแม่ทัพฮอวี
ฮอวีรับมาเปิดดู “เป็นชื่อผู้นำทัพทางเหนือของฮันซอง พวกนี้พร้อมที่จะเข้าโจมตีรัฐบาลรักษาการของญี่ปุ่นในฮันซอง และร่วมมือกับพวกเรา ข้าเป็นหนี้บุญคุณท่านมากจริง ๆ” ฮอวีบอกฮวางจอง
“ได้โปรดอย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ”
“ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทนให้ ข้าจะเขียนกลอนให้กับท่าน ได้โปรดอย่าปฏิเสธเลยนะ” ฮอวีจะจับหมึกเขียน แม้แขนจะยังบาดเจ็บ
“แต่ว่า แขนท่านจะเจ็บมาก”
“ไม่เป็นไร ๆ อย่างมากก็ทำให้ ตัวหนังสือสั่นบ้างเท่านั้นเอง สหายฮง หมอเล็กรักษาโรค หมอเล็ก ๆ คอยช่วยรักษาโรค หมอกลางช่วยคน หมอทั่วไปจะ...คอยช่วยรักษาคน หมอใหญ่รักษาชาติ หมอที่ยิ่งใหญ่ ต้องรักษาบ้านเมือง”
ฮอวีเขียนบทกลอนเพื่อให้ฮวางจองไปขบคิด พร้อมกับกล่าวลา “ขอบคุณมาก เราคงได้พบกันอีก”
“ครับ ท่านแม่ทัพ”
ฮวางจองอ่านบทกลอนของฮอวีพร้อมกับคิดตาม “หมอเล็ก ๆ จะคอยช่วยรักษาโรคภัย หมอทั่วไปจะ...คอยช่วยรักษาคน หมอที่ยิ่งใหญ่ต้องรักษาบ้านเมือง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา