วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เจจุงวอน ตำนานแพทย์แห่งโชซอน ตอนที่ 35




หลังกลับจากรักษาแม่ทัพฮอวี ฮวางจองก็คิดถึงคำพูดในบทกลอนที่แม่ทัพฮอวีมอบให้ ระหว่างนั้นโดยังก็เข้ามา
   
“การรักษาเรียบร้อยดีมั้ย?”   

“อืม”
   
“นี่อะไรน่ะ หมอเล็ก ๆ ช่วยรักษาโรคภัย หมอใหญ่รักษาบ้านเมือง ทำให้นึกถึงคำพูดสุดท้ายที่ ผอ.เฮรอนพูดกับข้า เค้าบอกข้ากับว่า อยากให้รักประชาชนโชซอนให้มากขึ้น ไม่ใช่แค่ไปช่วยรักษาคนไข้ให้มากขึ้น แต่ต้องรักคนให้มากขึ้น อาจารย์แต่ละคนที่พวกเราได้พบ ล้วนเป็นแพทย์ที่ยิ่งใหญ่ทุกคน เป็นบุคคลที่คนอย่างข้า ไม่มีทางที่จะเอื้อมไปถึงได้เลย”

“นั่นสิ คนอย่างข้าเองก็ไม่มีทางเทียบได้เหมือนกัน”
   
“ไม่หรอก ท่านไม่เหมือนกัน คำว่าหมอที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ใครอยากจะเป็นก็เป็นได้ แต่ต้องเป็นผู้ที่ถูกเลือก”


   
“ถูกเลือก?” ฮวางจองทำหน้าสงสัย
   
“การที่มีใครเลือกให้กลอนนี้กับท่าน เท่ากับว่าท่านคือคนที่เค้าเลือกแล้ว ท่านอาจไม่รู้จักคุณค่าของตัวเอง ที่ถูกยอมรับว่าสามารถเป็นแพทย์ที่ยิ่งใหญ่ แต่ท่าน มีเรื่องไม่สบายใจรึเปล่า?” โดยัง ถาม

ฮวางจอง เดินทางมาถวายการรักษาพระเจ้าโกจง
   
“หลังจากที่กินข้าวไปได้ซักครึ่งชั่วโมง ข้าจะรู้สึกร้อน ๆ แล้วก็แสบ ๆ ที่ตรงนี้”
   
“ฝ่าบาท อาจจะเป็นอาการของกรดไหลย้อน กรดจากกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหาร ทำให้เกิดการอักเสบพ่ะย่ะค่ะ” ฮวางจอง ทูล
   
“อะไรกัน พวกเจ้ากล้าเข้ามาได้ยังไง”
   
“ฝ่าบาท พิธีสละราชบัลลังก์เตรียมไว้พร้อมแล้ว รัฐบาลรักษาการณ์กำลังรอพระองค์อยู่ สละราชบัลลังก์ ให้กับพระโอรสของพระองค์ซะ” ทหารญี่ปุ่น เข้ามา
   
“ข้าพูดเมื่อไหร่ว่าจะสละราชบัลลังก์” พระเจ้าโกจง ตรัส
   
“ข้าไม่ยอมรับราชบัลลังก์หรอก ออกไปเดี๋ยวนี้นะ” รัชทายาท รับสั่ง
   
“พระองค์ไม่ยอมออกไปใช่มั้ย?” ทหารญี่ปุ่น ทูลถาม
   
“ทรงรับสั่งให้เจ้าออกไปไงล่ะ?” ฮวางจอง กล่าว
   
“หึ เป็นคุณหมออีกแล้วเหรอ?” ทหารญี่ปุ่น กล่าว
   
“การส่งมอบราชบัลลังก์เป็นเรื่องใหญ่ พวกเจ้ามาแส่อะไรกับธุระของโชซอนหะ?”
   
“ถ้าไม่ยอมสละราชบัลลังก์ ถ้าอย่างนั้นก็ หาใครสักคนมาเป็นแทนก็ได้” ทหารญี่ปุ่น กล่าว
   
“โอ๊ะ ฝ่าบาท ๆ ๆ”

ทูตญี่ปุ่นนำราชโอการของพระเจ้าโกจง มาอ่านให้พวกขุนนางฟัง
   
“พระราชาโกจงได้ครองราชสมบัติของโชซอน มาเป็นเวลานานถึง 44 ปี แต่ข้าได้ทำลายซึ่งความสัมพันธ์อันดีงามกับเหล่า..มิตรประเทศ และเพื่อนบ้านข้างเคียง ในสงครามญี่ปุ่นรัสเซีย ข้าได้ทำให้ญี่ปุ่นเสียเกียรติและเสียความรู้สึกถึง 14 ครั้ง ทำให้ประเทศชาติก้าวสู่ความเสื่อม และอ่อนแอลงมาก ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจมอบตราหยก และราชบัลลังก์นี้ให้แก่..องค์รัชทายาท..มาเป็นผู้สืบทอดต่อ”
   
“ฮือ ๆ..” หลายคนร้องไห้

ข่าวการสละราชบัลลังก์แพร่ออกไปเมื่อฮวางจองรู้ก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
   
“สืบทอดราชสมบัติโดยไม่มีเจ้าตัวอยู่ด้วยเหรอ? ถึงพวกญี่ปุ่นจะเคย..ทำเรื่องชั่วช้าไว้แค่ไหน แต่เรื่องบ้าแบบนี้ ข้าเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก”
   
“ผมเข้าใจความรู้สึกคุณ ผมก็รู้สึกเหมือนกัน” หมออัลเลน กล่าว
   
“แฮ่ก ๆ..ข้ามักคิดอยู่ตลอดว่า ข้าได้ตัดสินใจอะไรผิดพลาดไปรึเปล่า?”
   
“ตัดสินใจผิดพลาดเหรอ?” หมออัลเลน ถาม
   
“ครับ ใต้เท้ายูกับจองโพโกยอม..สละชีวิตพวกเค้าเพื่อปกป้องประเทศ.. แถมไม่ใช่แค่นั้น ยังมีชาวโชซอนอีกหลายหมื่น เข้าร่วมกองกำลังกู้ชาติ ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อบ้านเมือง แต่ข้ากลับทิ้งการเข้าร่วมกับกองกำลัง..เพื่อพยายามรักษาเจจุงวอนไว้ ข้าเริ่มรู้สึกว่า..ข้าอาจจะคิดผิด และไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี”
   
“เรื่องนี้ คงไม่มีใครสามารถจะตอบแทนคุณได้ แต่คุณต้องไปหาคำตอบนั้นด้วยตัวคุณเอง แต่ผมว่า คุณอย่ากังวลไปนักเลย ครั้งแรกที่ผมนั่งเรือ..จากเซี่ยงไฮ้มาจนถึงโชซอน ผมเคยพูดกับคุณอย่างนึง”
   
“เอ่อ ท่านพูดว่าอะไรครับ?” ฮวางจอง ถาม


   
“ผมบอกว่าผมเมาเรือหนักมาก จนต้องคอยกินยาแก้เมา วันละสามครั้ง จนทำให้ผมไม่อยากมาที่นี่เลย ผมไม่อยากจะมาจริง ๆ แต่พอผม..มาถึงที่โชซอนแล้ว หลังจากผ่านประตูทิศใต้มา ผมก็พบว่า ทิวทัศน์ตอนกลางคืนสวยมาก มีแสงจันทร์ สาดลงมาบนหลังคาบ้านชาวโชซอน เหมือนว่า ที่นี่ได้รอคอย เพื่อจะต้อนรับผมอยู่นานแล้ว และ..จากนั้นมา ผมก็สำนึกได้ถึงภาระหน้าที่ของตัวเอง..ที่มีต่อโชซอน”
   
“หน้าที่”
   
“ใช่ ผมเชื่อเสมอว่าคนทุกคน ไม่ได้กำเนิดมาบนโลกนี้โดยบังเอิญ แต่ทุกคน มีเหตุผลของการมาเกิด และต่างก็เกิดมาเพื่อสร้างคุณค่า.. บางอย่างให้กับโลกใบนี้ ความกลัดกลุ้มของคุณตอนนี้ อาจเป็นเพียงขั้นตอน ที่ทำให้คุณ ได้ค้นพบหน้าที่ตัวเองก็ได้ เหมือนที่ ผมเคยกลุ้มมาก่อน เอาเป็นว่า สักวันนึง คุณจะได้รู้จักคุณค่าของหน้าที่นั้นด้วยตัวคุณเอง” หมออัลเลน กล่าว

ทูตญี่ปุ่นเรียกวาตานาเบ้และทหารเข้าพบเพื่อถามถึงแผนขั้นต่อไป



“ผมได้เห็นเหมือนกับเกิดขึ้นกับตัวเอง ว่าพระราชาของจักรวรรดิโชซอน ได้สละราชบัลลังก์ให้รัชทายาทแล้ว ต่อไปอุปสรรคของเราก็จะหมดไป และนั่นคือ เหตุผลที่เราต้องรีบเร่งขยายความรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ให้จักรวรรดิญี่ปุ่น เกรียงไกรยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา และการที่จะทำให้ประเทศของเรายิ่งใหญ่ขึ้นกว่านี้ โรงพยาบาลฮันซอง ควรจะทำอะไรบ้างหะ?”
   
“ยกระดับของโรงพยาบาล ให้เหนือกว่าแมนจูเรียและพวกรัสเซีย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กองทัพเราสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร้ความกังวลครับ” วาตานาเบ้ กล่าว
   
“ถูกต้องแล้ว สิ่งที่จะเพิ่มศักยภาพการต่อสู้ของเรา..ก็คือการแพทย์ เพราะกำลังของเราจะอ่อนด้อยลงถ้าทหารของเราบาดเจ็บหรือป่วย นั่นคือเหตุผลว่าทำไม โรงพยาบาลฮันซองจะต้องทุ่มเทสุดกำลังเพื่อป้องกันและรักษาผู้ที่เจ็บป่วย ทุกคนเข้าใจกันแล้วใช่มั้ย?”
   
“ไฮ้ ๆ”

คิมโทนนำทีมเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลฮันซองของญี่ปุ่นมาตรวจร่างกายหญิงที่ทำงานที่หอนางโลม
   
“เอ่อ ตอนนี้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องการให้คนที่ทำอาชีพนี้ ในเขตนี้มาตรวจร่างกายให้หมดทุกคน เพราะถ้าพวกเจ้าไม่มีโรค ทหารก็จะปลอดภัยจากโรคติดต่อ แบบนี้บ้านเมืองของเราจึงจะแข็งแกร่งและปลอดภัย”


   
“นี่ คนนั้น..คิมโทนที่หนีไปจากเจจุงวอนใช่มั้ย?” ชุนฮวา ถาม
   
“หา จริงด้วย คงเป็นคนญี่ปุ่นไปแล้วมั้ง” ชุงจี กล่าว
   
“เอาล่ะ พวกเจ้าได้ตะกร้าใส่เสื้อผ้าแล้วใช่มั้ย คราวนี้ถอดเสื้อผ้าให้หมด แล้วก็เข้าไปทำการตรวจได้”
   
“หะ จะให้เราถอดเสื้อผ้ากันตรงนี้เหรอ?” ชุนฮวา ถาม
   
“เอ่อ แม้แต่..ชุดชั้นในก็ต้องถอดด้วยเหรอ?” ชุงจี ถาม
   
“ถูกต้องค่ะ ต้องถอดเสื้อผ้าออกให้หมดเพื่อให้สะดวกแก่การตรวจ เอาล่ะ เริ่มถอดได้” ซูซูกิ กล่าว
   
“ทำไงดี” ชุงจี ถาม

ชุนฮวา และชุงจี หนีออกมาหาซ๊อกรันที่โรงพยาบาล
   
“อ้าว นั่นใครมาน่ะ พวกเจ้าสองคน เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า เป็นอะไรเนี่ย?” มองชง ถาม
   
“ไม่รู้สิ” ชุนฮวา กล่าว
   
“ข้าก็ไม่รู้ ฮือ ๆ” ชุงจี กล่าว
   
“คือว่า ไอ้พวกโจรญี่ปุ่น อยู่ต่อหน้าคนเต็มไปหมด พวกมันบังคับให้พวกข้าถอดเสื้อผ้าออก แล้วก็ลากเข้าไปในห้องตรวจ” ชุนฮวา กล่าว




“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ล่ะ?” ซ๊อกรัน ถาม
   
“ท่านคิดดูสิพวกข้าเป็นแค่นักร้อง แต่พวกมันใช้ทั้งเตะทั้งถีบ เจ็บใจนัก”
   
“แถมยังให้ถอดต่อหน้าพวกหมอผู้ชายด้วย ฮือ.. มียอง ถ้าข้าอยู่ที่นี่ตลอด ไม่ออกไปร้องรำก็คงจะดี ข้าอยากจะกัดลิ้นตัวเองตายนัก” ชุนฮวา กล่าว
   
“เราต้องแก้แค้น..ให้กับพวกนางใช่มั้ยคะ?” มียอง กล่าว
   
“เรื่องแบบนี้เราจะปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้” ฮวางจอง กล่าว
   
“เราต้องหาวิธีจัดการเรื่องนี้ นี่ไม่ได้ทำเพราะห่วงสุขภาพของผู้หญิงแล้ว แต่พวกมันมีจุดประสงค์อื่น แถมวิธีก็ไม่ใช่คน”
   
“ใช่แล้วค่ะ จะให้แล้วกันไปไม่ได้” หมอฮอร์ตั้น กล่าว

ซ๊อกรัน ทำการตรวจร่างกายให้ซึงยอน และผู้หญิง คนอื่น ๆ
   
“เรียบร้อยค่ะ ปกติดี ถ้าญี่ปุ่นบอกให้ตรวจร่างกาย ก็เอานี่ให้พวกเค้าดูนะ”
   
“ขอบคุณมากค่ะ”
   
“ค่ะ มา เชิญนอนลงตรงนี้ค่ะ นอนลงแล้วชันเข่าขึ้นนะคะ” ซ๊อกรัน กล่าว
   
“นี่มันอะไรกัน หะ” คิมโทน เข้ามา
   
“ว้าย เจ้าจะทำอะไร” ซึงยอน ตกใจ
   
“ใครใช้ให้พวกเจ้ามาตรวจที่นี่ หะ?” คิมโทน โวย
   
“ซ๊อกรัน” ซึงยอน เรียก
   
“นี่เจ้าจะทำอะไร ที่นี่เป็นเขตเช่าอเมริกา อยากมีปัญหาระหว่างประเทศรึ” ซ๊อกรัน กล่าว


   
“ปัญหาระหว่างประเทศ พวกเจ้ามาแย่งคนไข้ของเรา ไม่ใช่ปัญหาระหว่างประเทศเหรอ”
   
“ใครไปแย่งคนไข้ของใคร พวกข้าแค่ตรวจสุขภาพผู้หญิงในฐานะของโรงพยาบาลสตรี” ซ๊อกรัน กล่าว
   
“แต่นั่นอยู่..ในความรับผิดชอบของโรงพยาบาลเรา” คิมโทน กล่าว
   
“แล้วไงล่ะ พวกข้าตรวจร่างกายแบบเดียวกับโรงพยาบาลฮันซอง ดังนั้นไม่ว่าจะตรวจที่โรงพยาบาลไหน มันก็เหมือนกันไม่ใช่รึไง?” ซึงยอน กล่าว
   
“ถ้าตรวจที่นี่จะไม่ได้การรับรอง” คิมโทน กล่าว
   
“ทำไมล่ะ พวกข้ายังตรวจละเอียดมากกว่าโรงพยาบาลฮันซองอีก แพทย์ที่นี่ก็มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ รวมถึงคนไข้ก็สมัครใจมาที่นี่ด้วย ทำแบบนี้มีปัญหาตรงไหนหะ?” ซ๊อกรัน ถาม
     
“อะไรนะ?” คิมโทน ตวาด
   
“เดี๋ยวก่อน โชซอนก็มีผู้หญิงฉลาดอย่างนี้ด้วยเหรอ” ซาโต้ ถาม



“ผู้หญิงที่เบ๊กโดยัง มันไม่เคยลืมลงไงล่ะ” คิมโทน กล่าว
   
“อ้อ งั้นเหรอ อืม”
   
“จะทำอะไรหะ?” ซ๊อกรัน กล่าว
   
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าเบ๊กโดยัง มันก็ตาแหลมเหมือนกันนะ เฮ้อ ไปบอกเจ้าเบ๊กโดยังด้วย ว่าข้าซาโต้อยากจะพบมัน ไปเถอะ”
   
“มีเรื่องอะไรกันเหรอ ข้าเห็นคิมโทนมันเพิ่งเดินออกไป” ฮวางจอง เข้ามา
   
“คุณหมอฮวาง”
   
“ถ้าข้ามาถึงเร็วกว่านี้ก็คงดี”
   
“ไม่เป็นไรหรอก พวกข้าก็คลี่คลายเรื่องไปแล้ว เห็นพวกเค้าเดือดจัดขนาดนั้น ก็แปลว่าพวกเราทำได้ดีน่ะ”
   
“ทำได้ดีมากเลย แต่ว่าเราจะใช้วิธีนี้ไปได้อีกนานซักเท่าไหร่ นั่นต่างหากที่ข้าห่วง”

ชูชิกแอบมาพบกับฮวางจอง โดยอ้างว่าตัวเองป่วยเพื่อตบตาพวกญี่ปุ่น



“ท่านคงทราบว่า มันจัดพิธีสละราชบัลลังก์บ้า ๆ” ชูชิก กล่าว

“ใช่ ข้าเห็นกับตา”

“ท่านเห็นด้วยเหรอ ทำไมโลกนี้มันถึงมีเรื่องบ้า ๆ อย่างนี้ได้”

“มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก ๆ” ฮวางจอง กล่าว

“หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่พระราชาสละราชสมบัติ กองกำลังกู้ชาติทั่วประเทศ ก็พร้อมที่จะลุกฮือกันหมดแล้ว นั่นก็แปลว่า มีคนจำนวนมากที่พร้อมจะก่อการ”

“ครับ”

“คุณหมอฮวาง เวลานี้พวกข้าต้องการคนอย่างท่านมา ถ้ามีคนอย่างท่านเป็นผู้นำ เราจะมีกองกำลังที่เข้าร่วมเพิ่มมากขึ้น ท่านลำบากใจใช่มั้ย ข้าจะถือว่าเป็นการปฏิเสธ ข้าต้องขอตัวกลับก่อน”

“เดี๋ยวก่อน รอสักครู่ ขอเวลาข้าคิดอีกสักสองสามวัน ข้าต้องการปรึกษาบางคน”

“เฮ้อ ได้ เอาอย่างนั้นก็ได้”

ซ๊อกรัน ทำการตรวจร่างกายให้พวกหญิงชาวบ้าน“ไม่ใช่ฝีดาษเหรอคะ?”

“นั่นสิ ไม่ใช่ฝีดาษเหรอ?”

“ข้าคิดว่าไม่ใช่ เหมือนอาหารเป็นพิษ พวกเจ้าได้กินอะไรเหมือนกันมารึเปล่า” ซ๊อกรัน กล่าว

“เราเป็นเพื่อนกัน แต่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน”

“หรือว่า เป็นเพราะแพ้ยารึเปล่าคะ?” มียอง ถาม

“แต่การกินยาเหมือนกันทั้งสองคน คงเป็นไปไม่ได้”

“ข้าได้กินยาบางอย่างเข้าไป” หญิงชาวบ้าน กล่าว

“ข้าก็ได้กินเหมือนกัน”

“พวกเจ้ากินยาอะไรเหรอ?” ซ๊อกรัน ถาม

“ข้ากินยาแก้หวัดที่ ได้จากโรงพยาบาลฮันซอง”

“ข้าก็กินยาแก้ท้องเสีย ที่ได้จากโรงพยาบาลฮันซองเหมือนกัน”

“ถ้างั้น พวกเจ้าพกยาพวกนั้นมาด้วยรึเปล่าล่ะ?” ซ๊อกรัน ถาม

“อ้อ นี่ค่ะ”

“เอ่อ ยาเม็ดสีแดง ข้าก็มียาตัวนี้เหมือนกัน”

ซ๊อกรัน นำยาจากหญิงทั้งสองคนมาให้โดยังดู



“เป็นยาปฏิชีวนะที่ญี่ปุ่นคิดค้น มันออกฤทธิ์เร็ว ข้าก็เคยจ่ายยานี้ให้ แต่มันจะส่งผลข้างเคียงต่อระบบการย่อยและไต เลยทำให้มีการหยุดใช้ไป”

“ทำไมพวกเค้ายังจ่ายยานี้กันอยู่ล่ะคะ” ซ๊อกรัน ถาม

“ยาตัวนี้ถูกปรับเปลี่ยนส่วนผสมใหม่ คิดว่าพวกเค้าคงเสียดาย ก็เลยพัฒนาแล้วนำมาใช้เพราะไม่อยากทิ้ง”

“แปลว่าหลังปรับเปลี่ยนส่วนผสม ก็ยังคงมีผลข้างเคียงมากเหมือนเดิม และเพราะเค้าทดลองกับคนจริงไม่ได้” ฮวางจอง ถาม

“เลยใช้ชาวโชซอน”

“เฮ้อ ทำไมชั่วอย่างนี้นะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“ตอนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น มีเพื่อนนักเรียนคนนึงเป็นคนพัฒนายาตัวนี้ เค้าชื่อว่าซาโต้ เค้าเป็นเพื่อนในมหาวิทยาลัยโตเกียว” โดยัง กล่าว

“ชื่อซาโต้เหรอคะ?” ซ๊อกรัน ถาม

“อืม เจ้ารู้จักเหรอ”

“เค้ามาที่โรงพยาบาลโบกู เค้ายังฝากให้ ข้ามาบอกท่านด้วยว่า เค้าอยากเจอท่าน”

“งั้นข้าต้องไปเจอเค้าหน่อยแล้ว” โดยัง กล่าว

“มันอันตรายนะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอก”

“ถ้างั้นเอางี้ ข้ากับหมอซ๊อกรัน จะลองไปสำรวจดูตามโรงพยาบาลอื่น ๆ ก่อน แล้วแจ้งเรื่องนี้ให้พวกเค้ารู้” ฮวางจอง เสนอ

“อืม งั้นก็แยกย้ายกันไป” โดยัง กล่าว

โดยัง มาหาซาโต้ ถามว่าเขาเป็นคนจ่ายยาให้กับหญิงชาวโซซอนหรือไม่



“พวกเราไม่ได้เจอกันตั้งนาน มันน่าจะทักทายกันก่อนสิ สบายดีรึเปล่า เบ๊กโดยัง”

“ตอบคำถามมาก่อน” โดยัง ถาม

“ไอ้นี่เหรอ ในเมื่อเป็นยา ไม่ว่าใครก็จ่ายมันได้นี่นา” ซาโต้ กล่าว

“แต่มันคือยาปฏิชีวนะที่ถูกห้ามใช้”

“อ้อ รู้จักมันด้วยเหรอ แต่ว่ามันแตกต่างจากยาที่นายเคยรู้จักไปแล้วนะ”

“คงปรับปรุงแล้วใช่มั้ย แล้วได้ผ่านการทดสอบรึยัง ว่ายาตัวนี้ปลอดภัยพอ คงยังไม่ทันได้ทำใช่มั้ย?” โดยัง กล่าว

“ตอนนี้เรากำลังทำการทดสอบอยู่ไง”

“ทดลองกับใครล่ะ คนที่มารักษาที่นี่เหรอ? ลืมแล้วเหรอว่าข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ในโครงการพัฒนายาตัวนี้ด้วย ถ้าเจ้ายังกล้าจ่ายยาตัวนี้ให้คนไข้อีก รับรองว่าข้าจะไม่ยอมนิ่งเฉยแน่” โดยัง กล่าว

“เดี๋ยวก่อน ฉันคิดว่านายคงจะรู้ใช่มั้ยว่าที่ นาโอโกะต้องกลับไปญี่ปุ่นก็เพื่อจะ..แลกกับชีวิตนาย หึ ไม่รู้เหรอ? ตอนนี้นายถึงได้ยังมีชีวิตอยู่ไงล่ะ แต่ว่าฉัน ขอเตือนอะไรไว้หน่อยนะ เธอช่วยนายไม่ได้แล้ว ถ้ามาที่นี่อีก..นายจะต้องตายโดยไม่มีใครรู้หรือเห็น และจะไม่มีใครที่หาศพของนายเจอด้วย” ซาโต้ ขู่

วาตานาเบ้ เข้ามารายงานทูตญี่ปุ่นเรื่องการตรวจร่างกายของหญิงนางโลม



“อะไรนะ ที่ประชุมสำนักงานอนามัยที่รัฐบาลของเราสั่งยกเลิกไปแล้ว ไปประชุมกันใหม่ที่เจจุงวอน?”

“ใช่แล้วครับท่านทูต ผมได้ยินคนที่เข้าร่วมบอกอย่างนั้น แถมยังร่วมมือกับโรงพยาบาลอื่น ๆ เพื่อจะทำการตรวจร่างกายให้กับบรรดานางโลมในเมืองนี้ด้วย อ้า เพราะว่าได้รับการตอบรับอย่างดี เลยทำให้พวกคนไข้ของเราพากันไปตรวจที่อื่นด้วย”

“ไอ้เจ้าพวกนี้มันจะกล้าหาญกันเกินไปแล้ว เจ้าของประเทศนี้มันเปลี่ยนมือแล้ว แค่นี้ยอมรับกันได้ยากนักรึไง”

“ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ แถมยังเอายาที่เราจ่ายให้ไปทิ้ง แล้วจ่ายยาของตัวเองใหม่ แถมยังเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านโรงพยาบาลฮันซอง”

“อย่างนั้นเชียว? งั้นก็ปล่อยไปอย่างนี้ไม่ได้แล้ว”

“ใช่แล้วครับท่านทูต”

“ใครเป็นคนจัดงานประชุมอนามัยครั้งนี้?”

“หมอฮวางจองครับ”

“อย่างนี้นี่เอง ถ้างั้นเรื่องที่จัดให้มีการ ตรวจสุขภาพกับการเคลื่อนไหวต่อต้าน เป็นฝีมือฮวางจองสิ”

“น่าจะเป็นอย่างนั้น”

“ฮวางจอง พระราชาเลื่อนชนชั้นให้จนเป็นหมอ เลยคิดว่าตัวเองเป็นพระราชารึไง เจ้าคนแบบนี้จะปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ หึ ๆ ปล่อยให้มันอยู่ต่อช้าเร็วก็ต้องเป็นภัยกับเราแน่ ไปจับตัวมันมาเดี๋ยวนี้ คอนโดะ รีบไปจับตัวฮวางจองมาให้ข้าเดี๋ยวนี้

“เอ่อ ท่านทูตครับ แค่ข้อหา..จัดให้ตรวจสุขภาพกับเคลื่อนไหวต่อต้านโรงพยาบาลฮันซองเรา ต่อให้เป็นรัฐบาลรักษาการตัดสินคดี ก็ไม่สามารถกำจัดเค้าไปได้หรอกครับ” วาตานาเบ้ กล่าว

“มันก็จริง ดังนั้นเราถึงต้อง..ดึงเจ้าหมอนี่ไปโยงกับกองกำลังกู้ชาติไงเล่า”

ฮวางจอง เจอุ๊กและซ๊อกรัน มานั่งที่ร้านอาหารหลังจากช่วยกันดูแลคนไข้เสร็จแล้ว

“นี่ ยังร้อนจัดนะ ค่อย ๆ ดื่มละกัน” เจอุ๊ก กล่าว

“แค่วันนี้วันเดียว ก็รวบรวมได้มากอย่างนี้แล้ว แสดงว่าโรงพยาบาลฮันซองได้ทดลองจ่ายยาตัวนี้ให้คนไข้มานาน ข้าเป็นห่วงจัง เพราะว่านี่เป็นเรื่องที่อันตรายมาก ดีแล้วที่เรารีบรวบรวมมา แต่ข้าก็กลัวว่าพวกเค้าจะเพ่งเล็งมาที่คุณหมอฮวางแทน” ซ๊อกรัน กล่าว

“ข้ามี..อะไรบางอย่างจะบอกท่าน” ฮวางจอง กล่าว



“งั้นก็พูดมาสิคะ” ซ๊อกรัน บอก

“คือว่า ช่วงก่อนหน้านี้มีทหารกู้ชาติคนนึงเข้ามาหาข้า”

“เค้าจะให้ท่านไปร่วมกับกองกำลังอีกแล้วเหรอ?”

“ใช่” ฮวางจอง กล่าว

“ครั้งนี้คงจะปฏิเสธลำบากสินะ อย่าคิดอะไรให้ซับซ้อนเลย ข้ารู้ว่าทำไมพวกเค้าถึงได้เลือกคุณหมอฮวางมาเป็นผู้นำพวกเค้า ท่านไม่รู้จริง ๆ เหรอ เพราะว่าคุณลักษณะของคุณหมอฮวางเป็นเหมือนกับเทียนไข เมื่ออยู่บนเขาที่มืดมิด มีแสงสว่างนิดเดียวก็จะหาทางออกได้ ไม่ว่าจะมืดแค่ไหน ผู้คนจะยินดีเดินตามแสงสว่างเล็กน้อยนั้นไป แต่ว่าเทียนต้องยอมเผาตัวเอง จะต้องรับความทุกข์ยากโดยไม่รู้ว่าต้องเจ็บปวดขนาดไหน ท่านไปเข้าร่วมเถอะค่ะ ถ้าหากท่านยังลังเลอยู่เพราะข้าละก็ ท่านไปเข้าร่วมเถอะค่ะ”

“คุณหมอยู”

“คู่แต่งงานเป็นคนเก่งเกินไปก็ลำบากเหมือนกันนะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“พวกเจ้าจะทำอะไร นี่เป็นร้านอาหารนะ” เจอุ๊ก กล่าว หลังพวกทหารญี่ปุ่นเข้ามา

“ฮวางจอง เอาตัวไป” ทหารญี่ปุ่น กล่าว

“คุณหมอฮวาง” ซ๊อกรัน เรียก

“นี่พวกเจ้า” เจอุ๊ก กล่าว

ทหารญี่ปุ่นนำตัวฮวางจอง มาพบวาตานาเบ้

“คุณหมอฮวาง พวกเรานี่มีเวรมีกรรม กันไม่น้อยเลยนะ”

“ข้าเองก็คิดอย่างนั้น”

“ในฐานะเพื่อนเก่า ผมไม่อยากทำอย่างนี้กับคุณหรอกนะ แต่ว่าเป็นลูกผู้ชาย ควรยอมรับสิ่งที่ต้องรับ ให้มันจบโดยเร็วเถอะ”

“ต้องยอมรับอะไร ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านพูด”

“มีสายสืบรายงานว่าเจ้าเกี่ยวข้องกับกองกำลังกู้ชาติ และตำแหน่งของเจ้าที่อยู่ในกองกำลังกู้ชาติ สามารถจะเคลื่อนกำลังพลเมื่อไหร่ก็ได้ด้วย บอกมา ว่าสหายของเจ้ามีใครบ้าง จงบอกกับพวกข้ามาซะให้หมด” ทหารญี่ปุ่นกล่าว

“เจ้าต้องการให้ข้าแต่งเรื่องเหรอ?” ฮวางจอง กล่าว



“เจ้ายิ้มเหรอ แล้วข้าจะคอยดูว่าอีกสิบนาทีจากนี้เจ้ายัง..จะยิ้มออกรึเปล่า”

“คุณหมอฮวาง คุณก็แค่ยอมบอกสิ่งที่คุณรู้กับพวกเรามา เพราะถ้าจะมาบอกตอนที่ต้องมีแผล เต็มตัวแล้วมันคงไม่มีประโยชน์อะไรกับท่านหรอก ไม่มีใครทนการทรมานนี้ไปได้”

“เรื่องนี้ข้าก็ยืนยันได้” ซูซูกิ กล่าว

“แต่ข้ารู้ว่ามีคนนึงทนได้” ฮวางจอง กล่าว

“เอ่อ.. คุณหมายถึงล่ามยูใช่มั้ย?” วาตานาเบ้ ถาม

“บางทีข้าอาจจะทนมันได้เหมือนกัน”

“เริ่มได้แล้ว” ทหารญี่ปุ่นตะโกนสั่ง

หมออัลเลนพานักข่าว สำนักข่าวแทฮัน มาแนะนำกับโดยัง



“ยินดีที่ได้รู้จัก นอกจากข่าวปกติทั่วไปแล้ว อยากให้ท่านช่วยรายงานข่าว...เรื่องโรงพยาบาลฮันซองใช้คนไข้โชซอนเป็นหนูทดลอง ท่านคิดว่ายังไง” โดยัง กล่าว

“ไม่มีปัญหา”

“ถ้างั้น..ข้าจะลองไปพูดกับคนไข้ที่เป็นผู้เสียหายโดยตรงอีกทาง ถ้ามีคำให้การของพวกเค้าด้วย คงจะเป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น” โก กล่าว

“ดี แล้วก็ลงข่าวเรื่องที่ญี่ปุ่นอยู่เบื้องหลังการยกเลิกสำนักงานอนามัยด้วย เพื่อให้คนได้รู้ความจริงในเรื่องเหล่านี้” ซ๊อกรัน กล่าว

“แต่เรื่องนี้ พระราชาจะทรงช่วยอะไรได้บ้างรึเปล่า?”

“พระราชาทรงออกจากราชบัลลังก์แล้ว คงจะไม่มีอำนาจอะไรอีก เราควรจะชักชวนใครสักคนที่มีอำนาจ เปลี่ยนแปลงกฎหมายญี่ปุ่นได้” โดยัง กล่าว

ด้านซาโต้ ยังคงให้ยากับพวกนักโทษ

“ได้เวลากินยากันแล้ว หลังจากกินยาแล้วจะรู้สึกดีขึ้น นั่นมันนักโทษใหม่เหรอ การอยู่ในคุกจะขาดสารอาหารได้ง่าย ดังนั้นต้องกินยาบำรุงหน่อย กินเข้าไปอย่างนั้นแหละ”

เมื่อแม่ของซ๊อกรันรู้ว่าฮวางจองถูกจับตัวไปก็ไม่สบายใจ



“โอ๊ย ๆ ทำไมบ้านของเราถึงได้...มีแต่เรื่องร้าย ๆ ไม่หยุดเลย พ่อเจ้าก็เพิ่งจะจากไปได้ไม่นาน ว่าที่ลูกเขยก็ต้องมาถูกจับไปอีก โอ๊ย ๆ...”

“ท่านแม่ ไม่มีอะไรหรอก” ซ๊อกรัน กล่าว

“พวกญี่ปุ่นมันชั่วช้าเลวทรามขนาดนั้น ถ้าถูกมันจับตัวไปแล้ว ไม่มีปล่อยออกมาง่าย ๆหรอก โอ๊ย ๆ”

“คุณหนู อยู่มั้ยคะ?” มักเซง มาเรียก

“เอ๊ะนั่น...มันเสียงของใครน่ะ?” แม่ ซ๊อกรันถาม

“มักเซงเหรอ?” ซ๊อกรัน ถาม

“นายหญิง”

“มักเซง”

“คุณหนู ๆ ๆ ฮิ ๆ คุณหนู” มักเซง เรียก

เรื่องของฮวางจองได้ถูกนำลงในหนังสือ พิมพ์

“โอ้ว ได้ลงหนังสือพิมพ์แล้ว ได้ลงแล้ว ข่าวคุณหมอฮวาง...” มองชง กล่าว

“เฮ้ย...เจ้ามองชงนี่ ร้องโหวกเหวกโวย วายอีกแล้ว” โอ กล่าว

“ข้าน่ะรีบไปเอามาก่อนตั้งแต่เช้าแล้ว” ชักแท กล่าว

“โอ้ย เจ้านี่ แล้วไม่บอกก่อน” มองชง กล่าว

“แล้วพวกเค้าจะปล่อยตัวคุณหมอฮวางมั้ยคะ?” นังนัง ถาม

“ถ้ามีจิตสำนึกบ้างก็คงปล่อย” ชักแท กล่าว

“เจ้าจะไปรู้อะไร...” โอ กล่าว

โดยัง ได้อ่านข่าวหนังสือพิมพ์ก็ถอนหายใจ

“เนื้อข่าวนี่เขียนได้ดีมากเลยนะ” ซ๊อกรัน กล่าว


“เพราะเป็นสำนักพิมพ์ของอังกฤษ พวกเค้าไม่ถูกญี่ปุ่นมาแทรกแซง เลยเขียนได้ละเอียดหน่อย” โดยัง กล่าว

“เห็นด้วยอย่างยิ่ง หนังสือพิมพ์แทฮัน ก็เหมือนกับเป็นหนังสือพิมพ์เจจุงวอนเลย” โก กล่าว

“อ่านบทความนี้แล้ว ฉันหวังว่าน่าจะมีคนมาช่วยเราเพิ่มมากขึ้น” หมอฮอร์ตั้น กล่าว

“มันจะต้องดีขึ้นแน่ ทุกคนจะต้องมีศรัทธา” เอวิสัน กล่าว

ทูตญี่ปุ่นได้อ่านบทความในหนังสือพิมพ์แล้วก็ไม่พอใจ

“บทความที่ลงไปนี้ เป็นการนั่งเทียนเขียนขึ้นทั้งหมด และ..ผมจะฟ้องร้องเอาเรื่องหนังสือ พิมพ์ฉบับนี้ให้หนัก แน่นอนว่าผมจะทำทุกอย่าง เพื่อล้มสำนักพิมพ์นี้ให้จงได้”

“ไฮ้ ขอบคุณครับ อ้า ขอบคุณมากครับ ไฮ้ ขอบคุณครับ ไฮ้ ๆ” คิมโทน กล่าว

“อืม คอยดูกันไป ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ ฉันจะต้องใช้สื่อของเราลงข่าวเพื่อตอบโต้พวกมันอย่างเต็มที่ มันคงจะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับ..โรงพยาบาลฮันซอง” ทูตญี่ปุ่น กล่าว

“ไฮ้ ยังไงเราก็ยอมกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้”

“ไม่ว่ายังไงเจ้าฮวางจองก็จะต้องตาย เมื่อเป็นอย่างนี้ หลังจากการตายของล่ามยูก็เป็นโอกาสดี ที่จะได้กวาดล้างพวกมันให้สิ้นซาก โอกาสที่จะได้กำจัดพวกมันแบบยกรัง ข้าไม่ยอมจะพลาดมัน
ไปแน่”

“ไฮ้”

“ไฮ้ ว่ายังไงครับ” ทูตญี่ปุ่น กล่าว



 ฮวางจองถูกปล่อยตัวออกมา โก จึงตรวจร่างกายให้

“เอ่อ โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมาก เพราะว่าเค้าเป็นคน ที่ร่างกายแข็งแรง ตอนนี้ก็แค่ให้เค้าพักผ่อนมาก ๆ”

“งั้นก็ดี คุณหมอฮวาง พักผ่อนมาก ๆ นะ” เอวิสัน กล่าว

“งั้นพวกเราออกไปกันเถอะ” หมอฮอร์ตั้น กล่าว

“เดี๋ยวข้าจะไปต้มโจ๊กมาให้นะ” มักเซง กล่าว

“เรื่องโจ๊กนั่นน่ะ ข้าต้มมาให้แล้ว” ชักแท กล่าว

“แหมเจ้านี่ ว่องไวไปหน่อยแล้ว แบบนี้ คุณหมอยูควรหึงได้แล้วนะ” มองชง กล่าว

“ข้าใส่ถั่วด้วย กินซะจะได้ฟื้น” ชักแท กล่าว

“อืม ขอบใจนะ”

“ขอบคุณทุกคนมาก ขอบคุณมากนะคะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“ขอบคุณทำไมกัน คุณหมอฮวางรอดได้ พวกข้าก็ขอบคุณมากแล้ว เอาเป็นว่า ทุกคนอย่าเพิ่งไปไหนกันนะคะ เดี๋ยวข้า จะไปตุ๋นกระดูกมา..ให้พวกท่านกินบำรุงร่างกายกัน” มักเซง กล่าว

“นังนัง เราไปช่วยกันดีกว่า” มียอง กล่าว

“ก็ดีสิคะ พี่มักเซงไปเถอะ” นังนัง กล่าว

“ไปสิ” มักเซง กล่าว

“ไปเถอะ”

“ทำไม..ข้าถึงถูกปล่อยตัวออกมา” ฮวางจอง ถาม

“เพราะว่าท่านทูตอัลเลน ให้ความช่วยเหลืออย่างไม่เป็นทางการ เค้าเอาเรื่องที่ท่านถูกจับไปให้หนังสือพิมพ์แทฮัน ลงข่าวโจมตีพวกนั้นน่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“อย่างนี้นี่เอง แต่ข้า..รู้สึกว่าพวกเค้าปล่อยข้าเร็วเกินไป”

“ออกมาก็ดีแล้วจะสงสัยทำไม ถ้าท่านอยากจะแสดงความขอบคุณก็รีบหายเร็ว ๆ ซะ หืม” โดยัง กล่าว



“ตกลง ขอบใจมาก” ฮวางจอง

“พักผ่อนมาก ๆ นะ” โดยัง กล่าว

“คุณชายคะ”

“เอาเถอะ ไม่ต้องออกไปหรอก” โดยัง กล่าว


หลังออกจากห้องพักฟื้นของฮวางจอง โดยังก็นึกถึงเนื้อความในจดหมายที่นาโอโกะตอบกลับมาหา

“ถึงคุณเบ๊กโดยังที่รัก ตอนนี้คุณสบายดีรึเปล่าคะ? นาโอโกะเคยพยายามจะหนีออกจากบ้านหลายต่อหลายครั้ง เพราะว่าคิดถึงคุณ อยากจะไปอยู่กับคุณ แต่ทุกครั้งที่ขึ้นเรือก็จะถูกจับกลับมาทุกครั้งไป ใช้ชีวิตแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันได้รับจดหมายของคุณแล้วนะคะ...”

ก่อนหน้านี้ โดยังได้เขียนจดหมายขอร้องนาโอโกะช่วยพูดกับพ่อ ให้ช่วยสั่งปล่อยตัวฮวางจอง นาโอโกะจึงมาขอร้องคุณพ่อ



“ได้โปรดเถอะค่ะ พ่อคะ ได้โปรด อนุญาตนาโอโกะสักครั้งเถอะนะ”

“ไม่ได้ ลูกเคยสัญญากับพ่อแล้วนี่ ว่าลูกจะยอมลืมเบ๊กโดยังซะ”

“ลูกจะลืมเค้า ลูกจะลืมเค้าไปจริง ๆ แต่นี่เป็นครั้งสุดท้ายนะคะ”

“คิดว่าพ่อจะเชื่อลูกเหรอ ไม่มีทางเด็ดขาด แถมคนที่ให้ช่วย ก็ไม่ใช่เบ๊กโดยัง แต่เป็นเพื่อนชาวโชซอนของเค้า ดังนั้นอย่ามาขอร้องพ่อในเรื่องนี้อีก”

“คุณพ่อคะ ๆ ฮือ ๆ...ตอนนี้นาโอโกะ ตัดสินใจว่าจะแยกทางจากเบ๊กโดยังแล้วจริง ๆ"


ครั้งก่อนเป็นแค่การแยกกันปลอม ๆ แต่ถ้าเราไม่ยอมเลิกกันจริง พ่อของนาโอโกะ ก็คงจะไม่ยอมรับคำขอร้องนี้ ฉันไม่มีทางเลือกจริง ๆ เบ๊กโดยังคะ ฉันรักคุณมากจริง ๆ แต่ว่าฉันก็จะลืมคุณให้ได้ ฉันต้องตัดใจจากคุณ คุณถึงจะมีชีวิตอยู่ได้ เบ๊กโดยังเองก็ลืมฉันไปเถอะนะ”

หลังจากโดยังเดินทางกลับไป ฮวางจอง ก็กล่าวกับซ๊อกรัน

“รู้สึก..เหมือนได้กลับ..ไปในอดีตอีกครั้งเลย”

“ตอนไหนเหรอคะ?” ซ๊อกรัน ถาม


“ครั้งแรก ที่ข้าถูกคนยิงจนตกน้ำ หลังจากหมดสติไป พอลืมตาขึ้นมา ข้าก็ได้ยินเสียงเรียกว่าบัณฑิตฮวางของคุณหนูแล้ว”

“นั่นสิคะ”

“ข้าในตอนนั้น พอได้เห็นคุณหมอยู ข้านึก...ว่าตัวเอง...ได้มาอยู่บนสวรรค์แล้ว ต้องเป็นสวรรค์แน่ แล้วก็มีนางฟ้า นั่งอยู่ตรงหน้าข้า คุณหมอยูครับ ตอนนี้ข้ารู้สึกหิวน้ำจัง” ฮวางจอง กล่าว

“นี่ค่ะ”

“อา... ข้าทำให้ท่านเป็นห่วงอีกแล้ว ข้าต้องขอโทษด้วยนะ”

“คุณหมอฮวาง หลังจากที่ท่านได้ถูกจับตัวไป ข้าคิดอยู่ตลอดว่าเราจะยังมีเวลาอยู่ด้วยกันได้อีกสักเท่าไหร่ พวกเราแต่งงานกันเถอะค่ะ แต่งให้เร็วที่สุด” ซ๊อกรัน ถาม

“แต่ข้าคิดจะไปเข้าร่วมกับกองกำลังกู้ชาติแล้ว”

“แล้วยังไงคะ ไม่ว่าคุณหมอฮวางจะเป็นหมอ หรือเป็นทหาร ข้าก็ไม่สนใจหรอก ข้ารู้ว่าท่านกังวลอะไรอยู่ แต่ว่าเรื่องพวกนั้น มันคงไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ”



“ข้าก็คิดเหมือนท่านเหมือนกัน ปล่อยให้ท่านรอนานจนเกินไป ต้องขอโทษจริง ๆ คุณหมอยูของข้า”

ฮวางจอง เดินทางมาที่กองกำลังกู้ชาติ“โอ้ คุณหมอฮวาง” ชูชิก กล่าว

“ข้า..ทำให้ท่านต้องเดือดร้อน” โอ กล่าว

“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ข้ายังทนได้” ฮวางจอง กล่าว

“ขอบคุณมากที่ยอม...เดินทางมาที่นี่” ชูชิก กล่าว

“ข้าแค่จะมาทำ ในสิ่งที่ควรทำ” ฮวางจอง กล่าว

“เชิญนั่งก่อน” ชูชิก กล่าว

“สหายฮวาง ข้าควรเรียกเจ้าว่าสหายฮวางแล้ว” โอ กล่าว

ซ๊อกรัน บอกแม่เรื่องจะแต่งงานกับฮวางจอง“ท่านแม่ ดีใจมั้ยคะ?”

“โถ ไม่รู้ว่าแม่รอวันนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ข้าดีใจจนตัวจะลอยแล้ว” แม่ซ๊อกรัน กล่าว

“เหมือนกันเลย ข้าก็รู้สึกเหมือนลูกตัวเองกำลังจะแต่งงาน ฮิ” มักเซง กล่าว

“ถ้าตอนนี้..พ่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ไม่รู้จะดีใจแค่ไหน พ่อของเจ้าเค้า..ต้องดีใจกับเจ้ามากแน่” แม่ซ๊อกรัน กล่าว

“ท่านแม่คะ”

“ซ๊อกรัน” แม่ซ๊อกรัน สะอื้นร้องไห้ ออกมา

ซึงยอน เข้ามาแสดงความยินดีกับซ๊อกรัน “ขอบใจนะ แต่ข้าอยากขออะไรเจ้าสักอย่าง”

“อะไร เพื่อนเจ้าสาว? ฮะ ยังไงมันก็ต้องเป็นข้า ถ้าไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใครล่ะ”

“ข้าถึงต้องมาขอให้เจ้าช่วยนี่ไง” ซ๊อกรัน กล่าว



“ว้าว ข้าก็จะได้ใส่ชุดสวย ๆ แล้ว ได้โปรด ได้โปรดอย่าให้วันนั้นอย่ามีคนไข้ฉุกเฉินเลยนะ ฮิ ๆ”

“เจ้านี่ก็..”

“ก็มันจริงนี่นา” ซึงยอน กล่าว ทำให้ซ๊อกรัน หัวเราะออกมา

อีกด้านหนึ่งโก และ นังนัง เข้ามาแสดงความยินดีกับฮวางจองเรื่องที่จะแต่งงาน

“คุณหมอฮวาง ยินดีด้วยจริง ๆ เอ่อ แต่ว่า..ข้าก็อยากจะบอก..ความจริงอะไรไว้อย่างนะ การแต่งงานมันไม่ได้ดีไปหมดทุกอย่างหรอก” โก กล่าว

“โธ่ คุณหมอโก พูดให้เสียบรรยากาศทำไมเล่า” มียอง กล่าว

“โอ้ ไม่ได้ทำเสียบรรยากาศ ก็ข้าเห็นมาจากคนอื่นนะ” โก กล่าว

“นั่นแหละเสียบรรยากาศ”

“ก็ได้” โก กล่าว

“เอ่อ แต่งานแต่งงาน..เราจะต้องมี เพื่อนเจ้าบ่าวอยู่ด้วย” ฮวางจอง กล่าว

“ข้าเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว” โก และชักแท กล่าวพร้อมกัน

“คุณหมอครับ ข้าเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตาย กับคุณหมอฮวางมาตั้งแต่เด็กแล้ว มันต้องเป็นข้าเท่านั้น” ชักแท กล่าว

“ฮะ ๆ ๆ นี่ รู้มั้ยว่าข้าน่ะ เป็นเพื่อนร่วมห้องเค้ามาตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาแพทย์ แถมยังเคยฝึกผายปอดให้กันและกันด้วย” โก กล่าว

“ฮึ้ย เจ้านี่พูดอะไรก็ไม่รู้” ฮวางจอง กล่าว

“หวาย พวกท่านเคยฝึกผายปอดให้กันด้วยเหรอ?” นังนัง กล่าว

“อี๊ สกปรก” มียอง กล่าว

“แปลก ๆ นะ” นังนัง ถาม

“ไม่ใช่ อย่าเข้าใจผิด ใจเย็น เพราะว่า เคยผ่านประสบการณ์อย่างนั้น ถึงได้มีคุณหมอฮวางในวันนี้ไง”

“จะอ้วก” ชักแท กล่าว

“เจ้านี่” โก กล่าว

“งั้นข้าจะไปบอกคุณหมอยู” มียอง กล่าว

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกน่า” ฮวางจอง กล่าว

“คุยอะไรกันสนุกเชียว” โดยัง เข้ามา

“เราได้รับบัตรเชิญงานแต่งคุณหมอฮวางค่ะ” นังนัง กล่าว

“จริงเหรอ งั้นต้องให้ข้าใบนึงสิ ถ้างั้นข้าจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้เอง ก็คุณหมอฮวางเป็นเพื่อนร่วมงานข้า แถมซ๊อกรันก็เป็นเหมือนกับน้องสาวข้า ต้องให้ข้าเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวอยู่แล้ว” โดยัง กล่าว



“อย่างนั้นก็ไม่เลว” ชักแท กล่าว

“งั้นก็ดี ดีที่สุดเลย” โก กล่าว

“อะไรเหรอ?” โดยัง ถาม

คูฮอน ถามโดยัง ว่าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่งงานของฮวางจองจริง ๆ หรือ

“ใช่ครับ”

“ข้าว่ามันคงไม่ค่อยเหมาะมั้ง” โซซา กล่าว

“นั่นสิ ๆ เจ้าบ้าไปแล้วรึไง เอ๊ะ นี่หรือว่าเจ้า กะว่าจะไปก่อกวนในวันงานแต่งงานของพวกเค้า” คูฮอน ถาม

“ข้าจะไปก่อกวนอะไร?” โดยัง ถามกลับ

“งั้นก็ยิ่งผิดปกติเข้าไปใหญ่” โซซา กล่าว

“อืม สงสัยข้าจะผิดปกติ แต่ข้าคิดว่าข้าจะต้องทำแบบนี้ เพื่อขจัดความอาวรณ์ที่ยังเหลืออยู่ในใจนี้ให้มันหมดไปซะ ข้าไปอาบน้ำก่อนนะ” โดยัง กล่าว

ที่งานแต่งงาน โก และพวกแบกกล่องมา ฮวางจองเห็นรีบเรียกให้เข้ามาหลบข้างใน

“เฮ้ ๆ อะไร ทำงี้ได้ไง” ชักแท กล่าว

“พวกข้าแบกไอ้นี่มารู้มั้ยว่ามันหนักแค่ไหน แบกไอ้นี่มันเหนื่อยมากเลยนะ” โก กล่าว

“โอ้ย งั้นพวกเรานั่งดื่มเหล้ากันตรงนี้ก่อนแล้วค่อยเข้าไปดีกว่า ถ้าวันนี้ขายไม่ออก เก็บไว้ขายพรุ่งนี้ก็ได้” ชักแท กล่าว

“ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็เอาไปขายที่บ้านอื่นก็ได้นะ” มองชง กล่าว

“ฮั่นแน่ นั่นมันเหล้าไม่ใช่เหรอ?” ชักแท ถาม

“มา มาดื่มกันเร็วเข้า” มักเซง ชวน

“แต่ว่า ไม่มีคนรินเหล้า ไม่มีคนคอยเสิร์ฟอาหาร” มองชง กล่าว

“นี่ ๆ ๆ ให้มันน้อย ๆ หน่อย” มักเซง กล่าว

“นี่ กิน ๆ ไปเถอะ” มองชง บอก

“ไม่ได้ จะเข้าไปง่าย ๆ อย่างนี้ไม่ได้” ชักแท กล่าว

“พอเป็นพิธีแล้วก็เข้ามาได้แล้ว” ชิลบก กล่าว

“โอ้ย ข้าง่วงแล้ว ขอนอนตรงนี้ก่อนละกัน” ชักแท กล่าว

“ดี ๆ ๆ โอยง่วง ง่วง ๆ ๆ” มองชง และโก บอก

“งั้นข้าเทให้ก็ได้ มา ๆ” มักเซง กล่าว

“ฮะ ๆ ๆ”

“แล้วก็เชิญเข้าไปกันสักทีนะ” มักเซง กล่าว

“แต่ว่าพวกข้าอยากดื่มเหล้าที่รินจากมือสาวโสดมากกว่านี่นา” ชักแท กล่าว

“โอ้ ถูกต้อง”

“ฮื้อ พวกเจ้านี่เรื่องมากจริง ๆ เจ้าก็ด้วยเหรอ?” มักเซง กล่าว

“ข้าน่ะ ใครรินก็ดื่มได้หมดแหละ” มองชง กล่าว

“นี่ มักเซง ไปเถอะ มักเซงออกไปก่อนเลย นี่พวกข้ายังต้องรอไปขายหีบกันอีกนะ” โก กล่าว

“งั้นเจ้าไปรินสิ” ชิลบก กล่าว

“ข้าเองก็ได้ ข้าจะรินให้เองนะ”

“ข้าอยากจะดื่มเหล้าที่มียองเป็นคนรินให้เท่านั้น” ชักแท กล่าว

“ฮ้า ทำไมต้องเป็นข้าด้วยเล่า”


“มียองก็ไปรินให้เค้าหน่อยเถอะนะ” ซึงยอน กล่าว

“สมใจ แล้วล่ะสิ” มองชง กล่าว

“โอ้ว ยอดไปเลย โอ้ว.. กับแกล้มล่ะ” ชักแท กล่าวหลังยกดื่ม

“เอ้า” มียอง กล่าว

“อร่อยจัง เอาละ งั้นเราไปกันดีกว่า” ชักแท กล่าว

“อ่ะ ให้ ๆ ๆ เชิญเข้ามาเลย ฮิ ๆ ๆ”

“โอ้ว สุดยอด ฮะ ๆ ๆ อึ้ม โอ๊ย เจ็บจังเลย” มองชง กล่าว

“ทำยังไงดี” ชักแท ถาม

“โอ้ย ๆ นี่มันไกลไป ดูสิกางเกงของมองชงฉีกขาดไปหมดแล้วจะทำไง” โก ถาม

“นี่ไม่อยากให้พวกข้าเข้าไปใช่มั้ย?” ชักแท ถาม

“นี่ ๆ แค่พอเป็นพิธีก็พอแล้ว” ฮวางจอง เตือน

“หนอยแน่ะ พอเป็นพิธี พอเป็นพิธีเหรอ พองั้นเหรอ หนอย คุณหมอฮวาง ผ่าตัดจะผ่าเป็นพิธีก็พอได้เหรอ ฮะ ๆ”

“เอาละ ๆ วางให้ก็ได้ ๆ นี่แน่ะ ๆ” มักเซง กล่าว

“เป็นอะไรอีกละเนี่ย” ฮวางจอง กล่าว

“โอ้ย พวกข้าน่าจะได้ฟังเสียงร้องเพลงจากเจ้าสาวสักหน่อยนะ เหอะ ๆ”

“ใช่ มันต้องฟังอยู่แล้ว” มองชง กล่าว

“แต่ข้าอยากฟังมียองร้องเพลง” ชักแท กล่าว

“อยากตายรึ” มียอง หันมาบอก

“เฮ้ ๆ ๆ เจ้าสาวอยู่ในบ้านออกมาร้องเพลงให้ฟังไม่ได้หรอก เรื่องนี้ก็แล้วกันไปเถอะ” ฮวางจอง กล่าว

“แต่พวกข้ารู้ว่านางอยู่หลังประตูนี้” ชักแท กล่าว

“ว้าว พวกข้าเห็นผมของเจ้าสาวแล้ว” มองชง กล่าว

“ออกมาซะดี ๆ ออกมาเร็ว นี่ ออกมา” หลายคน กล่าว

“พวกนี้นี่” มักเซง ต่อว่า

“เย้ ๆ ๆ ออกมาแล้ว ๆ เย้ ๆ ร้องเพลง ๆ ฮิ ๆ ๆ” หลายคน ตะโกน

“ร้องเพลงอะไร” ซ๊อกรันถาม จากนั้นก็ร้องเพลงออกมา


“อะไร ในงานแบบนี้จะเล่นร้องเพลงชาติให้พวกเราฟังกันเลยเหรอ?” ชักแท ถาม

“เอาไอ้ที่มันสนุก ๆ หน่อยสิ อย่างเพลงขอทานอะไรพวกนี้” มองชง กล่าว

“โธ่ คุณหนูไม่ใช่ขอทานสักหน่อย” มักเซง กล่าว

“งั้นพอเถอะ เข้าไปดีกว่า” มองชง กล่าว

“เข้าไปได้แล้ว เข้าไป ๆ ๆ เฮ้ย ๆ ได้ยังไง ๆ เฮ้ ๆ” หลายคนบอกฮวางจอง

แม่ของซ๊อกรัน เข้ามาอวยพรให้ทั้งสองคน ก่อนออกเดินทางไปที่งาน


“เอาเถอะ รีบมีลูกเร็ว ๆ อยู่กันไปจนแก่เฒ่านะ”

“ครับ ท่านแม่ยาย” ฮวางจอง กล่าว

“ค่ะ ท่านแม่” ซ๊อกรัน กล่าว

“จากนี้ไปเจ้าก็จะมาเป็นลูกเขยของข้าจริง ๆ แล้ว พอนึกถึงพ่อเจ้าขึ้นมา พอนึกถึงเค้า ข้าก็รู้สึกว่าข้าได้ทำผิดต่อเค้าเอาไว้ทุกที ข้าน่ะ เคยพูดจาไม่ดีกับเค้าไว้ เค้าอาจจะเสียใจมากก็ได้”

“ไม่หรอกครับ ท่านไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร”

“ข้ารู้จักกับพ่อเจ้ามาก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว เค้าเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย เจ้าเองก็เหมือนกับพ่อของเจ้า” แม่ซ๊อกรัน กล่าว

“ค่ะ ใช่ค่ะแม่” ซ๊อกรัน กล่าว

“ไม่ว่าจะเป็นพ่อของเจ้า หรือว่าพ่อของซ๊อกรัน ก็คงจะดีใจมากแน่ ๆ”

“ค่ะ”

ทหารกู้ชาติคนหนึ่งถูกจับตัวได้และถูกค้นพบของบางอย่างในตัว ทหารญี่ปุ่นจึงนำตัวมาให้ญี่ปุ่นสอบสวน

“นี่คืออะไร?”

“นี่คือตัวอักษรวน คือการใช้ตัวอักษรเรียงเป็นวงกลม และการที่พวกมันเขียนเอาไว้แบบนี้ ทำให้ดูออกได้ยากว่าเป็นชื่ออะไร” ทหารญี่ปุ่น รายงาน

“ท่านดูตรงนี้ครับ” ทหารญี่ปุ่น บอกทูตญี่ปุ่น

“ฮวางจอง?” ทูตญี่ปุ่น กล่าว

“ใช่แล้วครับ”

“จริงด้วย เจ้าหมอนี่มันเข้าร่วมจริง ๆ แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหน?” ทูตญี่ปุ่น ถาม

“กำลังจัดงานแต่งงาน วันนี้ที่เจจุงวอน”

“ยอดเลย ไปจับตัวมันกลางงานแต่งงานซะเลย ข้าจะไปจับด้วยตัวเอง” ทูตคนใหม่สั่ง

ซ๊อกรันแต่งชุดเจ้าสาว ทุกคนถึงกับตะลึง


“โอ้ย สวยอย่างกับนางฟ้าเลย เหมือนนางฟ้า” มักเซง ชม

“ท่านแม่ ข้าดูดีมั้ยคะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“ของมันแน่อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ดูดี ในโชซอนไม่มีใครสวยเกินกว่านี้แล้ว” แม่ซ๊อกรัน กล่าว

“ไม่ใช่แค่ในโชซอนเท่านั้นนะคะ” มักเซง กล่าวเสริม

“ฮะ ๆๆ” ซ๊อกรัน หัวเราะ

“เอ่อ ข้าขอเข้าไปหน่อยได้มั้ยครับ?” ฮวางจอง ตะโกนถาม

“เข้ามาสิคะ” ซ๊อกรัน บอก


“ว้าว” ฮวางจองอุทานเมื่อเห็นเจ้าสาว

“ฮิ ๆ เป็นอะไรไปคะ?” ซ๊อกรัน ถาม

“คนที่..อยู่ตรงหน้าข้าตอนนี้ คือภรรยาข้าจริง ๆ เหรอ เอ่อ ..มันเหมือนฝันไปเลย โอ้ย ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ”

“ว้าว ลูกเขยข้าพูดคำหวาน ๆ ก็เป็นเหรอเนี่ย ซ๊อกรันจ๊ะ คราวนี้แม่คงวางใจแล้วล่ะ” แม่ซ๊อกรัน กล่าว

“อะไรเหรอคะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“ก็ข้า..คิดว่าลูกเขยเป็นคนซื่อ ๆ จืดจนไม่มีอะไรน่าสนใจน่ะสิ” แม่ซ๊อกรัน กล่าว

“ไม่จริงหรอกค่ะ แม่”

“ท่านแม่ยาย ที่จริงแล้ว ข้ายังอ้อนเก่งกว่าคุณหมอยูซะอีกนะ” ฮวางจอง กล่าว

“อึ้ย ดูไม่เห็นจะเหมือนเลย”

“ไม่เลยค่ะนายหญิง ผู้ชายทื่อแค่ไหนถ้าเวลาได้อยู่กับเมียก็อ่อนหวาน พูดจาหวานเป็นทั้งนั้น เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกค่ะ อย่างมองชงของข้า เวลาอยู่กับข้า ก็ขี้อ้อนไม่เบาเหมือนกันนะ ฮิ ๆ” มักเซง กล่าว

“ฮวางจองของข้าก็ขี้อ้อนเป็นเหมือนกัน จริงมั้ย?” ซ๊อกรัน ถาม

“ครับ ข้าก็พอเป็นนิดหน่อย ฮ่า ๆๆ” ฮวางจอง กล่าว

“ฮ่า ๆๆ” ทุกคนหัวเราะออกมา

ทหารญี่ปุ่นมาเฝ้าอยู่หน้าเจจุงวอน มองซงเห็นท่าทางน่าสงสัยจึงเรียกโดยัง


“มา เชิญมาทางนี้หน่อย คุณหมอเบ๊ก ข้าเห็นพวกทหารญี่ปุ่นข้างนอก ดูท่าทางแปลก ๆ”

“จริงเหรอ?”

“ข้ารู้สึกว่ามันน่าจะมีอะไร มันจะมาทำลายงานแต่งงานของเรารึเปล่า คือ.. เมื่อก่อนเห็นมันมาแค่คนเดียว แต่วันนี้ขนมากันตั้งหลายคน มันดูแปลก ๆ นะ”

“คงเพราะมีแขกเยอะ ก็เลยจับตามากเป็นพิเศษ” โดยัง กล่าว

“นี่ คุณหมอเบ๊ก ข้ามีเรื่องอะไรจะคุยด้วยหน่อย” โอ เดินเข้ามา

“ครับ”

โอ บอกกับโดยังว่าตอนนี้ฮวางจอง ได้ไปเป็นหัวหน้ากองกำลังกู้ชาติแล้ว

“หะ? ฮวางจองไปเป็นหัวหน้ากองกำลังงั้นเหรอ?”

“ชู่ว์ อย่าพูดเสียงดังไปสิ” โอ กล่าว

“มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”

“คือเค้าเพิ่งจะเข้ามารับหน้าที่ต่อจากใต้เท้ายูน่ะ” โอ กล่าว

“แต่ว่า ทำไมพวกญี่ปุ่นถึงรู้เรื่องนี้ได้” โดยัง ถาม


“พวกมันได้รายชื่อของผู้นำไป เพราะว่ามีสหายเราคนนึงถูกจับตัวไปได้ ตอนที่ข้าเดินเข้ามา เห็นสายตาของทหารที่มาเฝ้าผิดปกติ”

“เอ่อ ที่พวกไอ้ยุ่นมันมานี่ เพราะมันคิดจะมาจับตัวคุณหมอฮวางใช่รึเปล่าครับ?” มองชง กล่าว

“ใช่ เป็นไปได้มากทีเดียว เพราะฉะนั้น ข้าคิดว่ายกเลิกงานแต่งงานวันนี้เถอะ งานแต่งงานจัดใหม่วันหลังก็ได้” โอ เสนอ

“ไม่ได้แน่ ในเมื่อพวกมันได้ชื่อของคุณหมอฮวางไปแล้ว ช้าเร็วก็ต้องถูกตามล่าอยู่ดี ถ้าไม่แต่งวันนี้ คงยากที่จะมีโอกาสอีก ถ้ายกเลิกการแต่งงาน ก็เท่ากับว่าพวกเราเกรงกลัวไอ้พวกผีญี่ปุ่น” โดยัง กล่าว

“อืม ก็นั่นสิครับ” มองชง กล่าว

“แต่รู้ทั้งรู้ว่าจะถูกจับ ถึงยังไงก็จัดไม่ได้หรอก”

“จะยอมให้พวกมันจับตัวไม่ได้” โดยัง กล่าว

“แล้วจะทำยังไงครับ?” มองชง ถาม

ทูตญี่ปุ่น บอกกับพวกทหารว่าตอนนี้นายกรักษาการอนุมัติให้จัดการได้เแล้ว เรื่องเอกสารตอนนี้ก็จัดการเรียบร้อย ที่เหลือก็แค่ไปจับตัวฮวางจองมาเท่านั้น จากนั้นพวกทหารก็ออกเดินทางไปเจจุงวอน

ซ๊อกรันออกมาจากห้องเพื่อเดินทางไปที่งาน

“ระวัง ระวังค่ะ ระวังนะคะ” มักเซง เตือน

“ขอบใจนะมักเซง”

“ไม่เป็นไร แต่ว่า ไม่ตื่นเต้นเหรอคะ?”

“ไม่เลย มีความสุขอย่างเดียว” ซ๊อกรัน กล่าว

“ถ้ามันดีขนาดนี้ น่าจะแต่งซะตั้งนานแล้ว” มักเซง บอก

“ก็นั่นสิ”

“ซ๊อกรัน ใกล้สายแล้วรีบไปเถอะ” แม่ซ๊อกรัน บอก“ขึ้นรถเถอะ” มักเซง กล่าว

“พวกข้าไปละนะ” ฮวางจอง บอกทุกคน

ที่งานแขกเริ่มทยอยเดินทางมา

“มากันแล้วเหรอคะ?” นังนัง ถาม

“งานยังไม่เริ่มใช่มั้ย?” ชุนฮวา กล่าวถาม

“ข้าอิจฉาคุณหมอยูจังเลย ฮิ ๆ” ชุงจี กล่าว

“พี่คะ ไปนั่งตรงโน้นกันดีกว่า” มียอง กล่าว

“มียอง” โดยัง เรียกเมื่อเห็นนางเข้ามา

“คะ?”

“ผู้จัดการโอ” โดยัง กล่าว


“อ้อ มียองช่วยตามข้ามาทางนี้หน่อย อีควัก เจ้าก็ตามข้ามาด้วย ไม่เหมาะสมกันเล้ย เฮ้อ” โอ กล่าว

“มีอะไรเหรอ?” ชักแท ถาม

“ข้าก็ไม่รู้” มียอง กล่าว

“คุณหมอเบ๊กคะ” ซึงยอน เรียก

“อ้อ มาแล้วเหรอ?” โดยัง ถาม

“ค่ะ แล้วซ๊อกรันอยู่ที่ไหนคะ?” ซึงยอน ถาม

“อ้อ คุณหมอเป็นเพื่อนเจ้าสาวใช่มั้ยครับ?” โดยัง กล่าว

“ใช่ค่ะ”
 
“งั้นก็ช่วยตั้งใจฟังที่ข้าพูดให้ดีนะ” โดยัง กล่าว แล้วเล่าเรื่องความผิดปกติที่เกิดขึ้นจึงออกอุบายให้ฮวางจองกับซ๊อกรันไปทำพิธีแต่งงานยังสถานที่อื่น เพื่อหลอกพวกทหารญี่ปุ่น ส่วนที่เจจุงวอนก็จัดพิธีต่อไปให้ชักแท แต่งชุดเจ้าบ่าว

ด้านเจอุ๊ก และโซซา กำลังรีบเดินทางมาที่งาน
 
“ดูเหมือนงานจะเริ่มกันแล้วนะ” เจอุ๊ก กล่าว
 
“รีบเดินเร็ว ๆ เถอะ” โซซา สั่ง
 
“เฮ้อ ไม่ใช่งานแต่งงานของโดยังสักกะหน่อย” คูฮอน กล่าว

ที่เจจุงวอนพิธีแต่งงานก็ยังดำเนินต่อไป เพื่อหลอกทหารญี่ปุ่น โดยเอวิสันได้ขึ้นเป็นประธานในการกล่าวอวยพร
 
“การแต่งงานอาจจะเรียกได้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นของความรัก วันนี้ต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติทุกท่านในที่นี้ ขอบอกเจ้าบ่าวเจ้าสาวว่า..ในวันนี้จะเป็นการเริ่มต้น เนื่องจากว่า...ทั้งสองนั้น...”
 
เมื่อทูตญี่ปุ่นเดินทางมาถึงเจจุงวอนก็สอบถามทหารที่เฝ้าอยู่ว่างานเริ่มหรือยัง เมื่อรู้ว่างานกำลังเริ่มก็สั่งทหารญี่ปุ่นให้เข้าไปในงานและล้อมไว้ให้ทั่ว
 
“พวกเจ้าจะทำอะไร เจ้ามาทำอะไรในพิธีแต่งงานศักดิ์สิทธิ์” โอ ถาม
 
“นี่เป็นคำสั่งจากรัฐบาลรักษาการ เจ้าหลีกไปให้พ้น” ทูตญี่ปุ่น กล่าว
 
“ไป ไม่ได้นะ ไม่ได้” โอ เข้าห้าม
 
“นี่ท่าน อย่าทำอย่างนี้เลยน่า” คูฮอน กล่าว
 
“คอนโดะ มัวรออะไรอยู่” ทูตญี่ปุ่น กล่าว
 
“ไฮ้ ฮวางจอง ข้ามาจับตัวเจ้า” ทหารกล่าว


“อะ มีเรื่องอะไรเหรอ? ข้าไม่ใช่ฮวางจองซักหน่อย ข้าชื่อว่าอีควักต่างหาก” ชักแท กล่าว
 
“มีเรื่องอะไรกันครับ?” โดยัง กล่าว
 
“วันนี้เป็นงานแต่งงานของฮวางจองไม่ใช่เรอะ?”
 
“เจ้าคงจะเข้าใจผิดแล้วมั้ง วันนี้เป็นงานแต่งงานของพวกเค้า” โดยัง กล่าว
 
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ฮวางจองไปอยู่ที่ไหน?” ทูตญี่ปุ่น ถาม
 
“เรื่องนั้น ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่า พวกท่านตามหาเค้าทำไมเหรอ?” โดยัง ถามกลับ
 
“คอนโดะ รีบไปค้นสถานที่นี้ให้ทั่ว” ทูตญี่ปุ่น สั่ง
 
“ไฮ้”
 
“อะไร ไอ้พวกนี้นี่ หึ ๆ เอาเลย ค้นกันเข้าไปเลย หึ อีควัก เจ้าหล่อมาก หึ ๆ” โอ กล่าว

ทูตญี่ปุ่นค้นหาฮวางจองจนทั่วแต่ไม่พบ
 
“ท่านทูตครับ ข่าวต้องรั่วไหลแน่นอนครับ” ทหารญี่ปุ่น กล่าว
 
“หึ ฮวางจอง มันไม่มีทางทิ้งเจจุงวอนไปได้ง่าย ๆ เพิ่มการจับตาที่เจจุงวอนให้มากขึ้น แล้วก็จับตาคู่หมั้นของมันเอาไว้ให้ดี ไปเฝ้าให้หมดทุกคน” ทูตญี่ปุ่น สั่ง
 
“ไฮ้” ทหารญี่ปุ่น รับคำสั่ง
 
“ฮวางจอง ไม่ว่ายังไงข้าก็..ต้องจับตัวของเจ้าให้ได้”

ฮวางจองได้แอบมาจัดงานแต่งงานกับซ๊อกรันในโบสถ์แทนที่เจจุงวอน เมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงทุกคนรออยู่
 
“ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วค่ะ” มักเซง กล่าว
 
“คุณหมอฮวาง ปลอดภัยดีใช่มั้ย?” หมออัลเลน ถาม

“ครับ ดีใจที่ได้พบท่าน”



หมออัลเลนได้เป็นคนทำพิธีแต่งงานให้กับ ฮวางจองกับยูซ๊อกรัน


เนื้อหา: เดลินิวส์ / ภาพจากละคร (เอสบีเอส)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา