วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เจจุงวอน ตำนานแพทย์แห่งโชซอน ตอนที่ 31




ฮวางจองนำหนังสือขอความร่วมมือจาก ผอ.เอวิสัน มาให้วาตานาเบ้

“ทางเจจุงวอนไม่เคยทำการผ่าตัดมะเร็งปอดมาก่อน ข้าจึงขอมาร่วมชมการผ่าตัดในครั้งนี้ด้วย ขออนุญาตด้วยครับ”

“ตกลงตามนี้” วาตานาเบ้ กล่าว

“ท่านผอ. คนทำการผ่าตัดคือผมนะครับ” โดยัง กล่าว

“แต่ว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาล ก็คือผม วาตานาเบ้นะ ผมอนุญาตครับ”

“ฝากเนื้อฝากตัวด้วย” ฮวางจอง กล่าว

“คุณหมอฮวางครับ ข้าเข้าใจว่าท่านอยากเรียนรู้การผ่าตัด แต่ท่านมีอคติกับคนไข้ แค่ท่านเดินเข้ามาในห้องผ่าตัดก็นับว่าผิดแล้ว ดังนั้นช่วยข่มใจตัวเองหน่อยได้รึเปล่า เพื่อไม่ให้การผ่าตัดเกิดความผิดพลาด”

“ข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านพูดดี แต่ข้าอยากเห็นการผ่าตัดครั้งนี้มาก ข้าจะไม่รบกวน แค่จะยืนดู เฉย ๆ”

“แต่ข้าจะต้องผ่าตัดปอดข้างนึงของเค้า...”

“ดอกเตอร์เบ๊ก จบการโต้เถียงสักทีจะได้มั้ย ดอกเตอร์ฮวางก็เป็นเพื่อนเก่าของคุณด้วยไม่ใช่เหรอ อีกอย่างเป้าหมายของโรงพยาบาลฮันซอง..คืออยากจะช่วยพัฒนาความรู้ทางการแพทย์ให้กับโชซอน ให้เราได้ทำตามเจตนารมณ์เถอะ”

“ให้เค้าดูเถอะค่ะ” นาโอโกะ กล่าว

“ท่านต้องยืนดูเท่านั้น ห้ามมาล้ำเส้นโดยเด็ดขาด”

“ได้” ฮวางจอง กล่าว

“มีด” โดยังเตรียมลงมือ

ที่เจจุงวอน ซ๊อกรันเข้ามาหาฮวางจอง แต่พบกับ ผอ.เอวิสันและหมอโก



“ทำอะไรคะ?” ซ๊อกรัน ถาม

“อ้อ ครับ ท่านผอ.กำลังชี้ตำแหน่งให้ดูว่าผ่าตัดมะเร็งปอดจะต้องผ่าตรงไหน ข้าเลยจั๊กกะจี๋นิดหน่อย แหะ ๆ”

“ฮะ ๆ แต่ว่า ท่านเห็นคุณหมอฮวางบ้างรึเปล่าคะเช้านี้มีผู้ป่วยมารอรักษาอยู่น่ะ?”

“เค้าให้ข้าช่วยตรวจแทนแล้ว หมอฮวางไป...ดูการผ่าตัดมะเร็งปอดที่โรงพยาบาลฮันซองน่ะ?”

“เอ๋ ทำไมเค้าไม่เห็นบอกเลยนะ”

“เมื่อเช้านี้...เค้ามาขอให้ผมเขียนหนังสือขอความร่วมมือให้เค้า ผมเลยเขียนให้ไป” เอวิสัน กล่าว

“กะทันหันจัง”

“อ้อ จริงสิ ข้าได้ยินจากเพื่อนว่ามีเจ้ากรมกลาโหมต้องผ่ามะเร็งปอดคงจะไปดูการผ่าตัดคนนี้ละมั้ง?” โก กล่าว

“หะ?” ซ๊อกรัน ประหลาดใจ

โดยังลงมือผ่าตัดพร้อมอธิบายให้ฮวางจองฟัง


“อย่างที่ท่านรู้อยู่แล้ว ว่าเส้นเลือดของหัวใจจะเชื่อมต่อไปยังปอดทั้งข้างซ้ายและข้างขวา และยังเชื่อมโยงไปถึงหลอดลมตรงบริเวณช่วงกลางด้วย เราจะตัดเส้นทั้งสี่นี้ เพื่อดึงเอาปอดข้างนึงออกมา”

“ครับ”

“แต่นี่ดูเหมือนว่า ปอดของเค้าจะเบียดติดกับหน้าอกแล้ว เราต้องผ่าตัดแยกปอดออกจากหน้าอกก่อน ค่อยตัดเส้นที่เชื่อมต่อทั้งสี่นั้นออก จากนั้นจึงทำการตัดเนื้อร้ายทิ้งไป”

“การผ่าตัด มีอะไรต้องระวังเป็นพิเศษมั้ย” ฮวางจอง ถาม

“ที่ต้องระวัง ก็คือเส้นหลอดเลือดแดงปอด ถ้าเกิดตัดพลาดไปโดนเข้า คนไข้ก็อาจจะเสียชีวิตในทันที”

“อ้อ เรื่องนั้นผมเคยเห็นมาครั้งนึง เลือดงี้กระฉูด ไหลบ่าออกมาอย่างกับน้ำหลาก แล้วแป๊บเดียวคนไข้ก็ตายทันที” วาตานาเบ้ กล่าว

“ฉันก็เคยเห็นมาเหมือนกัน น่ากลัวมากเลยค่ะ”

“อย่างนี้นี่เอง” ฮวางจอง เข้าใจ

“ต่อมน้ำเหลืองได้เชื่อมติดกับเส้นเลือดแดงปอด เชื้ออาจกระจายตัวออกไป เราต้องตัดต่อมนี้ออก”

“ระวังหน่อยนะคะ ดูเหมือนจะลำบาก” นาโอโกะ กล่าว

“ดอกเตอร์เบ๊กไม่เพียงเป็นเพชรเม็ดงามของญี่ปุ่น แต่หลังจากที่พวกเค้าแต่งงานกันแล้ว เค้าก็จะได้เปลี่ยนนามสกุลเป็นโคบายาชิด้วยนะ จริงมั้ยดอกเตอร์โคบายาชิ แฮ่ม”

“นาโอโกะ ช่วยจับเครื่องถ่างไว้ให้ผมที” โดยัง กล่าว



“ไฮ้ อุ๊ย” นาโอโกะ ตกใจ

“โดนหลอดเลือดแดงปอดเข้าแล้ว” โดยัง กล่าว

“ยังไม่เป็นไรครับ หลอดเลือดแดงฉีกแค่นิดหน่อยเท่านั้น” ฮวางจอง กล่าว

“ขอบใจมากนะ ข้าจะเย็บต่อเอง นาโอโกะ”

“ค่ะ ๆ ๆ”



“นาโอโกะไปพักก่อนเถอะ ข้าจะช่วยหมอเบ๊กเอง” ฮวางจอง กล่าว

“ค่ะ”

“คีมหนีบ” โดยัง กล่าว

“การผ่าตัดนี้ควรจะให้ศัลยแพทย์สองคนมาทำงานด้วยกัน มีแต่หมอกับพยาบาลมันเลยเป็นอย่างนี้ ต้องขอบคุณดอกเตอร์ฮวางมากเลยครับ” วาตานาเบ้ กล่าว

“ไม่เป็นไรครับ”

หมอโกชวนซ๊อกรันไปที่โรงพยาบาลฮันซอง ขณะที่โดยังผ่าส่วนที่ต้องผ่าตัดออกไปเรียบร้อย ก็บอกฮวางจองให้เปลี่ยนตำแหน่งกัน



“คุณหมอเบ๊ก ข้าจะคอยช่วยท่านทางฝั่งนี้ดีกว่า ให้ข้าเป็นผู้ช่วยมือหนึ่งของท่านเอง งานทางนี้ไม่ยากเย็นอะไร ข้าพอจะช่วยจัดการให้ได้”

“แค่ดูอย่างเดียวก็พอแล้ว”

“แต่เมื่อกี้ดูเหมือนพยาบาลนาโอโกะ จะตื่นตกใจอยู่นะ” ฮวางจอง กล่าว

“คะ? เอ่อ ฉันไม่เป็นไรค่ะ”

“นาโอโกะไปพักผ่อนก่อนเถอะ” วาตานาเบ้ กล่าว

“เอ่อ..”

“ดอกเตอร์เบ๊กครับ ในเมื่อเค้าอยากช่วยก็ให้เค้าช่วยไปเถอะ เพราะตอนนี้ชีวิตคนไข้สำคัญกว่าศักดิ์ศรีของตัวเองนะ แฮ่ม อีกอย่างนึงดอกเตอร์ ฮวางก็พูดถูก ในการผ่าตัดแบบนี้ควรจะมีผู้ช่วยมือหนึ่งที่เป็นหมอเหมือนกัน”

“ท่าน ผอ.”

“เราไม่มีเวลาแล้ว รีบทำให้เสร็จเถอะ” วาตานาเบ้ กล่าว




 “ถ้าเป็นคุณหมอเบ๊กทำละก็ คงจะเสร็จไปนานแล้ว” นาโอโกะบ่น

“ถึงจะช้ากว่าดอกเตอร์เบ๊กไปสักหน่อย แต่ก็ทำได้ประณีตมากเลย คนเราต่างก็มีความชำนาญเฉพาะตัว เอ่อ ผมขอออกไปข้างนอกก่อนนะครับ”

“เสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อหลอดเลือดกับหลอดลมเสร็จเรียบร้อย” ฮวางจอง กล่าว

“เอ่อ แต่เพื่อความปลอดภัย ควรจะมัดเส้นเลือดหัวใจไว้สองชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้หลุด เวลาที่ตัดเส้นเลือด”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

“เมื่อกี้ตอนที่ถูกหลอดเลือดแดง ขอบคุณที่ช่วยเอาไว้ทัน”

“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้มันไม่ทำให้เค้ามีอันตรายอะไรหรอกครับ” ฮวางจอง กล่าว

ซ๊อกรันมาที่โรงพยาบาลฮันซอง

“แฮ่ก ๆ สวัสดีค่ะ”


“นี่คุณหมอยูซ๊อกรันนี่นา” ซูซูกิ กล่าว

“วันนี้มีการผ่าตัดมะเร็งปอด อยู่ที่ห้องไหนคะ?” ซ๊อกรัน ถาม

“คุณจะถามไปทำไม ตามกฎของโรงพยาบาล ห้ามเข้าไปในห้องผ่าตัดค่ะ” ซูซูกิ กล่าว

“ข้าจำเป็นต้องไป งั้นขอข้าไปพบผอ.วาตานาเบ้หน่อย”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้”

ในห้องผ่าตัดโดยังยังคงลงมือผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง

“คราวนี้เริ่มตัดหลอดเลือดดำปอด ค่อย ๆตัดทีละเส้น ตัดทีละเส้น เอาล่ะ..คราวนี้เหลือแค่ตัดเส้นเลือดปอด แล้วก็หยิบเอาปอดออกมาได้”

“คุณหมอเบ๊ก ข้าอยากตัดเส้นเลือดแดงนั้นด้วยตัวเอง” ฮวางจองคิดย้อนไปถึงการที่เจ้ากรมกลาโหมไม่ยอมขอโทษตนที่ฆ่าพ่อของตนจึงคิดที่จะฆ่าเขาขณะที่ผ่าตัด แต่โดยังห้ามไว้ก่อน

“คุณหมอฮวางครับ”

“ได้โปรด ปล่อยมือข้าด้วย” ฮวางจอง กล่าว


“คิดจะทำลายอนาคตตัวเองรึไง?”

“ข้ายกโทษให้เค้าไม่ได้เด็ดขาด”

“จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ”

“แต่การแพทย์ไม่ควรที่จะเอามาใช้ช่วยชีวิตคนอย่างเค้า”

“แต่ว่าแพทย์เป็นคนที่มีหน้าที่ช่วยชีวิต”

“แต่ว่าในตอนนี้ ข้ารู้สึกผิดที่มาเป็นแพทย์”

“คุณหมอฮวาง แต่เค้าเป็นคนไข้ของข้านะ”

“ข้าต้องขอโทษด้วย เพราะเค้าเป็นฆาตกรที่ฆ่าพ่อข้า”

“ท่านคิดแต่จะแก้แค้นเท่านั้นเหรอ”

“อย่าพยายามจะกล่อมข้าเลย ได้โปรดปล่อยมือข้าด้วยเถอะ”

“ซ๊อกรันล่ะ ท่านคิดถึงซ๊อกรันบ้างสิ”

“คุณหมอฮวาง ไม่ได้นะ” ซ๊อกรัน เข้ามา


“คุณหมอฮวาง ขอให้พวกข้าได้เห็นท่านสมกับเป็นแพทย์เถอะ ท่านทำถูกที่สุดแล้ว”

ฮวางจองตัดสินใจไม่แก้แค้น โดยังบอกนาโอโกะ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้อย่าไปบอกใคร

“ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ นาโอโกะไม่ใช่คนปากโป้ง อีกอย่างนึง ถ้าพูดไปคุณหมอฮวางก็คงจะเป็นหมอต่อไปไม่ได้อีกแน่ เค้ากับคุณหมอยูก็จะยิ่งห่างเหินมากขึ้น นาโอโกะจะเก็บเรื่องวันนี้ไว้เป็นความลับแน่ค่ะ”

เมื่อออกมาจากห้องผ่าตัดซ๊อกรันคุยกับ ฮวางจอง

“วันนี้ข้าคงจะวิตกไปเอง ท่านไม่ใช่คนที่จะทำร้ายคนไข้ได้ลงอยู่แล้ว”

“ไม่จริงหรอกครับ ข้าคิดจะฆ่าเจ้ากรมกลาโหมจริง ๆ”

“แต่ท่านก็แค่คิดไปเท่านั้นเองนี่”

“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกว่า อยากจะฆ่าใครสักคน และก็เกือบจะฆ่าไปแล้วด้วย”

“แต่สุดท้าย..ท่านเองก็เปลี่ยนใจแล้วนี่นา ในตอนนั้นที่คุณชายเบ๊กปล่อยมือของท่าน คุณหมอฮวางก็ตัดสินใจเลือกด้วยตัวเองแล้วนี่นา”

“เบ๊กโดยังให้โอกาสข้าได้ตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง”

“ค่ะ”


“คุณหมอยูครับ ขอบคุณมากนะที่มา”

“ข้าวิตกจนเกินไปถึงได้ไปที่นั่น มันดูเหมือนไม่เชื่อใจท่านเลย”

“ถ้าไม่ได้ท่านสองคน ป่านนี้ข้าคงกลายเป็นฆาตกรไปแล้ว ขอบคุณท่านมาก”

“ข้าก็ขอบคุณเหมือนกัน แต่ตอนนี้ข้ามีเรื่องอยากขอร้องหน่อย”

ชักแทเห็นฮวางจอง และซ๊อกรันหายไปนานก็จะตามไปโรงพยาบาลฮันซอง โกขอไปด้วย

“อย่าไปกันเลยค่ะ ทำไมต้องตื่นตกใจกันอย่างนี้ด้วย” มียอง กล่าว

“จะไม่ตกใจได้ยังไงกันคะ?” นังนัง กล่าว

“เจ้าลองคิดดูนะ หากผิดพลาดในการผ่าตัดจนคนไข้เสียชีวิต ไม่ได้ถือว่าเป็นความผิด ซักหน่อย คุณหมอฮวางคงคิดดีแล้วถึงได้ตัดสินใจไปที่นั่น ข้าว่าเราอย่าเข้าไปยุ่งวุ่นวายเลยน่า” มียอง กล่าว

“หา พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ คุณหมอฮวางไม่ใช่คนอย่างนั้นสักหน่อย?”

“ถ้าหากเค้าไม่ใช่คนอย่างนั้น ข้าก็คงจะผิดหวัง จะยอมโดนรังแกฝ่ายเดียวได้ยังไง มันต้องตอบโต้อย่างสาสมบ้างมันถึงจะสะใจ พวกเค้ากลับมาแล้ว”

“โอ้”

“เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เฮ้อ น่าผิดหวังจริง ๆ” มียอง กล่าว

“นี่ ไม่มีเรื่องอะไรใช่มั้ย?” ชักแท กล่าว

“นี่ท่านไม่ได้ตัดไปใช่มั้ย?”

“พวกท่านพูดเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ” ฮวางจอง กล่าว

“ดูเหมือนว่า พวกเราจะคิดมากเกินไปเองน่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“ข้าว่าแล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้ คุณหมอ ฮวางคะ ท่านรู้มั้ยว่า เมื่อกี้นี้พวกเค้าคิดอะไรกันอยู่น่ะ” นังนัง ถาม

“คิดอะไร?” ฮวางจอง ถามกลับ

“โอ้ เอ่อ ๆ ไม่มีอะไร เอ่อ กลับมาแล้วก็รีบเข้าไปเถอะ” หมอโก รีบเปลี่ยนเรื่อง

หลังจากผ่าตัดเสร็จ ซุนฮองเริ่มรู้สึกตัวร้องออกมาเพราะเจ็บแผล


“เพราะว่าเป็นการผ่าตัดที่สีข้าง เลยจะทำให้รู้สึกเจ็บมากและหลังจากที่หายแล้ว ก็จะแน่นหน้าอกไปอีกระยะนึง”

“อย่างนั้นเหรอ?”

“การผ่าตัดประสบความสำเร็จดีมาก” โดยัง กล่าว

“เพราะได้เจ้าช่วยกู้ชีวิตข้าเอาไว้ แต่ว่า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ข้าเหลือปอดอยู่ข้างเดียว เหมือนไม่รู้สึกเลยนะ” ซุนฮอง กล่าว

“ผอ.วาตานาเบ้ได้ทำรายงานเกี่ยวกับ การผ่าตัดของท่านไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าอยากดูก็แจ้งข้าได้เลย” โดยัง กล่าว

“ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้อยากดูอะไรหรอก” ซุนฮอง กล่าว

“ข้ามีเรื่องอยากจะบอกท่าน ตอนที่ทำการผ่าตัดให้ท่าน ฮวางจองจากเจจุงวอนก็มาอยู่ในห้องผ่าตัดนั้นด้วย” โดยัง กล่าว

“อะไรนะ? เค้าจะฆ่าข้าเหรอ แล้วเป็นยังไงต่อ เจ้าคงไล่เค้าไปใช่มั้ย เพราะว่าข้ายังมีชีวิตอยู่นี่นา” ซุนฮอง กล่าว

“ไม่ใช่ครับท่าน หมอฮวางจองเป็นผู้ช่วย ในการผ่าตัดครั้งนี้ด้วย”

“อะไรนะ โอ้ย.. ข้าอนุญาตให้มันทำตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซุนฮอง ถาม

“ใจเย็น ๆ ก่อนครับ”

“มันเป็นการลบหลู่เกียรติของข้า น่าขยะแขยงนัก”



“ใต้เท้า ถ้าข้าเป็นท่านข้าจะขอโทษและ ไปขอบคุณคุณหมอฮวางจองแทน”

“นั่นเป็นความคิดของเจ้า คนที่มันฆ่าลูกสาวของข้า ข้าไม่มีเหตุผลจะต้องไปขอบคุณ และไม่มีเหตุผลต้องไปขอโทษ”

“ใต้เท้า” โดยัง พยายามอธิบาย

“ข้าไม่อยากฟังอะไรแล้ว เจ้าออกไปได้แล้ว ข้ายอมตายซะดีกว่า ข้าผิดหวังกับเจ้าจริง ๆ ที่เจ้ายอมปล่อยให้ไอ้หมอนั่นมันมาแตะตัวข้า” ซุนฮอง กล่าว

คิมโทนมาบอกวาตานาเบ้ว่าได้นัดนาโอโกะมาที่นี่แล้ว และควรบอกเบ๊กโดยังให้กำหนดวันผ่าตัดสักที

“ฮาเซกาว่า”

“ครับ ท่าน ผอ.”

“เอ่อ..ลองนึกภาพว่าคุณต้องไปนอนอยู่บนเตียงผ่าตัด แล้วคนที่ยืนถือมีดอยู่ข้างตัว มีคนที่เหมือนเทพและมนุษย์ ถ้าเป็นคุณจะเลือกให้ใครผ่าตัด”
 
“เอ่อ ถ้าท่าน..มีตัวเลือกให้แบบนี้ ก็ต้องให้เทพสิครับ” คิมโทน กล่าว
 
“แต่ถ้าหากเทพองค์นั้น เป็นศัตรูจะทำยังไง?” วาตานาเบ้ ถาม
 
“หมายความว่ายังไงเหรอครับ?”
 
“รีบตอบมาเถอะน่า ผมอยากจะรู้”
 
“เอ่อ.. แล้วศัตรูเค้าจะยอมผ่าตัดให้เหรอครับ ถึงจะผ่าตัดให้ แต่อาจจะถูกฆ่าตายก็ได้”
 
“ฮึ่ม แต่ถ้าเค้าเป็นแพทย์จริง ๆ ต่อให้คนไข้นั้นเป็นศัตรู เมื่อศัตรูเป็นคนไข้ก็ต้องเห็นเค้าเป็นคนไข้สิ”
 
“ฮิ แต่มีหมออย่างนี้ซะที่ไหนล่ะ?”
 
“นั่นสิ” วาตานาเบ้ กล่าว แล้วไอ
 
“เป็นอะไรรึเปล่า?” คิมโทน ถามระหว่างนั้นนาโอโกะเดินเข้ามาพอดี
 
“อยากพบฉันเหรอคะ”
 
“อ้อ ได้ยินว่าคุณเข้าไปพักผ่อนในห้องเป็นยังไงบ้าง ตอนที่พลาดไปถูกเส้นเลือดฉีกในห้องผ่าตัด ดูท่าทางคุณจะตกใจมาก” วาตานาเบ้ ถาม
 
“ตอนนั้นฉันตกใจมากค่ะ แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”
 
“อืม นาโอโกะก็สั่งอะไรสักถ้วยสิ”
 
“ฉันขอกาแฟแก้วนึงค่ะ”
 
“ครับ”
 
“รู้สึกว่าช่วงนี้นะ อืม..กาแฟของที่นี่ทำไมมีฟองด้วย มันเพราะอะไรน่ะ?”
 
“เหรอครับ นั่นสิ ทำไมถึงมีได้นะ”
 
“เอ..ถ้าจะบอกว่าเป็นคาปูชิโน่ ฟองมัน ก็น้อยจนเกินไป ถ้าบอกว่าเป็นกาแฟธรรมดา  จิบ ๆ ก็เหมือนว่ามันจะไม่มีรสอะไร?” วาตานาเบ้ กล่าว
 
“อ้อ ไว้คราวหน้า ผมจะเอาฟองออกให้เองครับ” เจอุ๊ก กล่าว
 
“รสชาติแปลก ๆ”
 
“แต่ว่า มีธุระอะไรกับฉันเหรอ?” นาโอโกะ ถาม
 
“อ้อ ผมอยากให้คุณลาพักบ้าง ตั้งแต่คุณมาถึงโชซอน คุณยังไม่ได้หยุดพักเลยไม่ใช่เหรอ?”
 
“จริงเหรอคะ?” นาโอโกะ ถามด้วยความประหลาดใจ
 
โดยังตรวจดูอาการของวาตานาเบ้ พบความผิดปกติ ก็แนะนำให้รีบผ่าตัดด่วน



 “เฮ้อ นั่นน่ะสินะ”
 
“จุดที่ต้องตัดต้องผ่าดูถึงจะรู้ แต่ท่าทางจะไม่หนักเท่าท่านเจ้ากรมกลาโหม คาดว่าคง...จะไม่ต้องตัดปอดออกไปทั้งซีก แค่ตัดเนื้อปอดบางส่วนออกไปก็น่าจะรักษาได้แล้ว จากนั้นเราก็เติมเต็มส่วนที่ว่างตรงนั้น จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องเป็นหนอง หรือว่าอาการปอดทะลุแทรกซ้อนได้”
 
“เพราะถ้าตัดปอดออกทั้งหมดอย่างท่านเจ้ากรม ถ้าปอดทะลุ จะตายทันที” วาตานาเบ้ กล่าว
 
“ครับ เราทำการผ่าตัดพรุ่งนี้เลยจะดีกว่า”
 
“เอ่อ คือ...คือข้าคิดว่า น่าจะหลังจากนี้อย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์ เอ่อ พอดีมีแขกจากญี่ปุ่น แถมยังต้องเคลียร์งานก่อนด้วย อีกอย่างคุณเอง ก็จะลาพักร้อนไปพักผ่อนนี่?”
 
“ลาพักร้อนอะไร?”
 
“หืม? สงสัยนาโอโกะยังไม่ได้บอกคุณใช่มั้ย ผมเสนอให้เธอเอง สถานทูตอนุญาตให้คุณกับนาโอโกะหยุดพักร้อนได้ไงล่ะ?”
 
“การทำงานก็คือการพักร้อน”
 
“โอ๊ะโอ นาโอโกะก็รู้สึกอย่างนั้นเหรอ? เอ่อ...พวกคุณลองไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อน ให้สมองปลอดโปร่งดีกว่า”
 
“ถ้างั้นก็เลื่อนการพักร้อน แล้วทำการผ่าตัดก่อน”
 
“ถึงกับเลื่อนลาพักร้อนเลยเหรอ? โธ่...ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก จากประสบการณ์ของผม เวลาที่ผู้หญิงบอกเราว่าเธอเข้าใจ ความจริงแล้วไม่ได้เข้าใจเลย อีกหน่อยก็จะบ่นมันไม่หยุด ฮ่า ๆ ๆ โอย...รอให้คุณ...พักร้อนเสร็จแล้วค่อยมาผ่าตัด กำหนดวันเอาไว้ล่วงหน้าเลย เฮ้อ แล้วผมจะอดอาหารไว้รอคุณ”
 
“ได้ ถ้างั้นเป็นวันที่สองหลังจากผมกลับมาก็แล้วกันครับ” โดยัง กล่าวแล้วถอนหายใจ
 
“ตกลง เอ่อ งั้นก็เอาตามนี้ ผมจะไม่ทำอะไร เพื่อจะรอคุณมา”
 
“ดี”

ชาวบ้านคนหนึ่งมาตามหาภรรยาที่เจจุงวอน


 
“ข้ารู้ว่าเมียของข้า มันมาอยู่ที่นี่”
 
“เธอไม่ได้อยู่ที่นี่” หมอฮอร์ตั้น บอก
 
“ใช่ค่ะ นางออกจากโรงพยาบาลไปเราก็ไม่เห็นเลย” ซ๊อกรัน กล่าว
 
“ไม่ต้องมาพูดเลย พวกเจ้าเป็นคนเรียกพวกนางมาข้ารู้หรอกน่า”
 
“รีบไปตามนางออกมาก่อนที่ข้าจะพังที่นี่”
 
“นี่ท่าน มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ?” ฮวางจองเดินเข้ามา
 
“พวกผู้หญิงที่มาผ่าตัดโรคเพดานโหว่ ไม่ได้กลับบ้านกันเลยค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว
 
“ท่านลองกลับไปหาที่บ้านก่อนดีมั้ย เอ่อ คือพวกนางอาจจะสวยขึ้นจนพวกท่านจำไม่ได้ก็ได้” มียอง กล่าว
 
“อะไรนะ พูดอะไรที่มันเข้าท่าหน่อยได้มั้ย?”
 
“หรือว่าจะถูกพวกผีลักพาตัวไปล่ะ ทำไมคนที่หายไปถึงมีแต่ พวกที่ผ่าตัดปากแหว่งทั้งนั้นเลย” มียอง กล่าว
 
“พวกข้าก็จะไปช่วยตามหาด้วย พวกท่านกลับไปก่อนเถอะนะ”
 
“ใช่ พวกท่านกลับกันไปก่อน ถ้าพวกนางมาที่นี่พวกข้าจะบอกให้พวกนางกลับไปที่บ้านเอง” ฮวางจอง กล่าว
 
“ต้องให้กลับไปให้ได้นะ”
 
“ท่านไม่ต้องห่วงครับ ตอนนี้เรากำลังยุ่งกับการตรวจโรคอยู่”
 
“ไปกันเถอะ” ชายชาวบ้าน กล่าว
 
“แต่ว่าพวกนางหายไปไหนกันนะ”
 
“คงต้องไปถามโรงพยาบาลอื่น ๆ ดูว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นรึเปล่า ข้าจะไปโรงพยาบาลโบกูสักหน่อย”
 
“ข้าก็ไม่มีคนไข้แล้วงั้นข้าไปด้วย”
 
“ก็ดีค่ะ ไปด้วยกันเถอะค่ะ”
 
“ค่ะ”
 
“ไปกันเถอะ” ฮวางจอง กล่าว

ชายชาวบ้านมาถามหาภรรยากับแองเจล่า



“นางไม่อยู่นี่ เชิญกลับไปเถอะค่ะ”
 
“ทำไมถึงทำให้ผู้หญิงที่เป็นแม่บ้าน แม่เรือนดี ๆ หนีไปจากบ้านอย่างนี้ พานางกลับมาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
 
“พวกข้าเองก็ไม่รู้ ถ้ารู้ว่าอยู่ไหน ข้าจะบอกให้นางกลับบ้านทันทีเลย ซ๊อกรัน” ซึงยอน กล่าว
 
“เอาเป็นว่า ถ้าข้าเจอนางเมื่อไหร่ ข้าจะกระทืบให้เละเลย ถ้าเจอนางเมื่อไหร่ ช่วยไปบอกนางด้วยว่า ให้ระวังตัวไว้ให้ดีด้วย ฮึ้ย ทำบ้าอะไรไม่รู้”
 
“ซึงยอน” ซ๊อกรัน เรียก
 
“เจจุงวอน ก็มีสามีของผู้หญิงปากแหว่งมา อาละวาดกันใช่มั้ย?” ซึงยอน ถาม
 
“ข้าถึงได้มานี่ไง”

ซ๊อกรัน พบเห็นภรรยาของชาวบ้านก็บอกเรื่องที่สามีของนางไปตามหาที่เจจุงวอน



“แล้วท่านบอกไปรึเปล่า ว่าพวกข้าอยู่นี่”
 
“ไม่ได้บอก”
 
“โอ้ย อย่าบอกเด็ดขาดเลยนะคะ ขอร้องละ”
 
“พวกข้าก็เหมือนกัน ไม่อย่างนั้น เราตายแน่”
 
“แต่ว่า  ถึงยังไง พวกท่านก็ควรจะกลับบ้านดีกว่ามั้ย?” ฮวางจอง กล่าว

“คุณหมอฮวางคะ?” ซึงยอน เรียก

“เอ่อ พวกเค้ามีลูกแล้วก็มีพ่อแม่สามีที่ ต้องดูแลไม่ใช่เหรอ?”

“คุณหมอฮวาง เรื่องนั้นไม่ใช่ว่าพวกนางไม่รู้หรอกนะคะ” ซ๊อกรัน กล่าว



“ดูสิคะ ฮือ ๆ....”

“ตอนแรกเค้าก็ขับไล่ไสส่งพวกนางเพราะรังเกียจที่ปากแหว่ง รู้สึกว่าอายพวกชาวบ้าน แต่ตอนนี้ก็กลับมาซ้อมเพราะสงสัยว่า พวกนางจะแอบไปมีชู้” ซึงยอน เล่า

“ข้าเองก็พอจะเดาออก” ซ๊อกรัน กล่าว

“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ข้าคิดอะไรตื้นเกินไป”

“ไม่หรอกค่ะ คุณหมอฮวางยอมเข้าใจ สถานการณ์ได้เร็วอย่างนี้ก็ดีแล้วค่ะ คนอื่นคงไม่เป็นอย่างนี้หรอก” ซึงยอน กล่าว

“แต่ว่า ตอนนี้จะทำยังไงกันต่อ” ซ๊อกรัน ถาม

“ทุกคนบอกว่าอยากทำงานในโรงพยาบาล  โรงพยาบาลเป็นที่...ไม่กี่ที่ในโชซอนที่ ผู้หญิงจะทำงานกันได้”

“แต่ถ้าทำงานในโรงพยาบาล  แล้วสามีของพวกนางมาพบเข้าล่ะ?” ซ๊อกรัน กล่าว

“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องหาวิธีปกป้องพวกนางไว้ก่อน” ฮวางจอง กล่าว

ซ๊อกรัน พาหญิงชาวบ้านมาที่บ้าน

“ท่านแม่คะ”



“เป็นไงบ้าง อาหารเย็นถูกปากรึเปล่าจ๊ะ  กับข้าวบ้านข้าออกจะรสจืดสักหน่อย”

“โธ่ ไม่หรอกค่ะ พวกข้ากินกันได้เยอะเลย ขอบคุณมากนะคะ” หญิงชาวบ้าน กล่าว

“ถือซะว่าเป็นบ้านของตัวเองนะ  พักผ่อนให้มาก ๆ ถ้ามีอะไรไม่สะดวก ก็ให้บอกซ๊อกรัน  หรือคนข้างนอกก็แล้วกันนะ” แม่ซ๊อกรัน กล่าว

“ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ”

“เอ่อ บ้านของข้าปลอดภัยแน่นอน  ทุกคนพักผ่อนกันไปเถอะนะ” แม่ซ๊อกรัน กล่าว

“ค่ะ ขอบคุณท่านมากค่ะ”

หลังจากหญิงชาวบ้านไปพักผ่อนแล้วซ๊อกรันก็ขอบคุณแม่



“นี่เจ้ามีสมองบ้างรึเปล่า บ้านเราเป็นบ้านพักคนป่วยรึไงห๊ะ? เอาเป็นว่าข้าล่ะอิจฉาเจ้าจริง ๆ  เพราะมีพ่อแม่ดี เลยได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เฮ้อ...”

“เจ้าหยุดพูดเถอะน่า เพราะฟังเหตุผลแล้ว ก็สมควรช่วยอยู่ ซ๊อกรันเองก็ไม่ได้เพิ่งมาเป็นอย่างนี้สักหน่อย แต่ว่าต่อไปเจ้าคิดจะทำยังไงต่อ?”

“ข้าได้ลองปรึกษากับพวกมิชชันนารีแล้ว  อย่างมากที่สุดก็คือ ลองทำตามที่พวกนางต้องการ  มีหลายคนในกลุ่ม ที่จะติดตามมิชชันนารีกับซึงยอนไปอเมริกาค่ะ ได้ยินว่าพวกนางอยากเรียนเป็นพยาบาล”

“เจ้าคงไม่ได้จะไปอเมริกานะ”

“ข้าจะไปไหนได้ล่ะคะ ซึงยอนวางแผนนี้เอาไว้นานแล้ว  ตอนแรกนางคิดจะเรียนด้านศาสนา  แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจจะเรียนแพทย์แล้วค่ะ”  ซ๊อกรัน กล่าว

“งั้นวันหน้าได้มาทำงานกับเจ้าก็ไม่เลวสิ” ยู กล่าว

“ค่ะ”

“อีกอย่างนึง พ่อเพิ่งจะไปเยี่ยมท่านเจ้ากรมกลาโหมที่โรงพยาบาลฮันซองมาได้ยินจากคุณชายโดยังว่า ในตอนผ่าตัด คุณหมอฮวางก็อยู่ในห้องผ่าตัดนั้นด้วย”


“ค่ะ”

“พ่อเคยบอกเค้าว่า อย่าลืมหน้าที่ความเป็นแพทย์ของตัวเอง  คุณชายโดยังก็บอกว่า  เค้าเฝ้าดูการผ่าตัดจนจบ โดยที่ไม่ได้ใช้อคติอะไร”

“คุณชายบอกกับพ่อมาอย่างนั้นเหรอคะ”

หลังการผ่าตัดให้เจ้ากรมกลาโหมครั้งนั้นทำให้โดยังกับฮวางจองได้กลายเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง



“อา...ตอนคุณหมอฮวางบอกว่าจะมาดูการผ่าตัด ตอนนั้นข้ารู้สึกตกใจจริง ๆ เฮ้อ ท่านมันไม่ใช่คนรึไงนะ? ทำไมถึงคิดจะมาเรียนการผ่าตัด จากคนไข้ที่เป็นศัตรู ฮะ ๆ”

“นั่นหมายความว่า แค่ก ๆ ๆ ข้ายังเป็นคนอยู่  เพราะว่าข้าตั้งใจที่จะไปฆ่าเค้า” ฮวางจอง กล่าว

“เรื่องนั้นข้ารู้ ฮะ ๆ แต่ยังไง พอข้าได้เห็นคุณหมอฮวางแบบนั้นแล้ว ข้ากลับรู้สึกชอบมากกว่านะ  มันทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้นเยอะทีเดียว”

“คุณหมอเบ๊ก  ท่านรู้มั้ย ว่าตัวข้าน่ะชื่นชมคุณหมอเบ๊กมาตั้งนานแล้ว” ฮวางจองกล่าว

“ท่านพูดจริงเหรอ  ข้าไม่เข้าใจเลยจริง ๆ  ที่จริงข้าเป็นศัตรูท่านไม่ใช่เหรอ”

“ข้าคิดว่าเป็นเพราะมีคุณหมอเบ๊ก มันถึงได้มีข้าที่เป็นอย่างทุกวันนี้ได้  ท่านลองคิดดูนะ ถ้าหากไม่มีคู่แข่งขันที่เก่งกาจอย่างคุณหมอเบ๊ก ข้าคงเรียนไม่รอดตั้งแต่ตอนเป็นนักศึกษาแล้ว” ฮวางจอง กล่าว

“ข้าเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ถ้าตอนนั้นไม่มีคุณหมอฮวางอยู่ ข้าก็คงไม่ไปญี่ปุ่น ไปใช้ชีวิตลำบากอยู่ในมหาวิทยาลัยแพทย์ที่นั่น”

“อืม...การที่ท่านได้เป็นแพทย์เก่ง ๆ ข้ามีความสุขจริง ๆ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก  ข้ายังรู้สึกแย่กับการที่ต้องคอยไล่ตามคุณหมอฮวางไม่ทันอยู่ตลอด”

“ไม่ ไม่จริงซักหน่อย มันไม่จริงเลย  ท่านเป็นหมอที่ดีที่สุดตั้งแต่ข้าเคยพบมาเลย”

“ไม่จริงหรอก อ้อ  จริงสิ ข้ามีเรื่องที่อยากจะบอกท่านอีกอย่าง ตอนข้าไปเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นนะ พวกคนญี่ปุ่นเห็นฝีมือการผ่าตัดของข้าแล้ว หัวเราะเยาะแล้วก็เหยียดหยามว่าข้าเป็นคนฆ่าสัตว์ด้วย”

“ฮ่า ๆ ๆ  มีเรื่องอย่างนี้ด้วยเหรอครับ?” ฮวางจอง ถาม

“ใช่  แต่ว่าในเวลานั้น  มันเป็นวินาทีที่ตัวข้ามีความสุขที่สุด ในช่วงเวลา 5 ปีนั้นเลย เพราะข้า รู้สึกเหมือนว่าได้รับการยอมรับแล้ว”




 “ขอบคุณท่านมาก”

“เรื่องอะไร?” โดยัง ถาม

“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน  แค่รู้สึกขอบคุณน่ะ” ฮวางจอง กล่าว

“อ้อใช่ ท่านเจ้ากรมหลังจากผ่าตัด ฟื้นตัวได้ดีทีเดียว”

“อืม อย่างนั้นก็ดี”

“ข้าได้ไปบอกให้เค้ามาขอโทษและขอบคุณคุณหมอฮวางด้วยตัวเอง  แต่ว่าเค้าก็ปฏิเสธในทันที”

“งั้นก็แล้วไปเถอะ ถ้าเป็นคำขอโทษที่ไม่ได้ออกมาจากใจ ได้ยินไปก็เท่านั้นแหละ” ฮวางจอง กล่าว

“นั่นสิ แต่ว่า...พอได้เห็นท่านเจ้ากรมเป็นแบบนั้น ก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่าข้าเองก็ยัง...ไม่เคยได้ขอโทษคุณหมอฮวางจริง ๆ จัง ๆ สักครั้งเลย  คุณหมอฮวาง  กับเรื่องราวต่าง ๆ ในอดีตที่เราไม่อยากจะไปนึกถึงมัน ข้าขอให้ท่านให้อภัยข้าด้วย”

“คุณหมอเบ๊ก ท่านไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องมา ขออภัยต่อข้าหรอก” ฮวางจอง กล่าวแล้วทั้งสองก็หัวเราะ ชนแก้วดื่มกันต่อ



โดยังร้องเพลง ฮวางจองฟังแล้วชอบจึงชมว่าโดยังร้องเพลงเก่ง ถามชื่อเพลงอะไร

“อ๋อ เพลงนี้ เป็นเพลงพื้นเมืองอเมริกาชื่อว่า เคนตั๊กกี้โฮมน่ะ”

“อ้อ ถ้างั้นท่านช่วยสอนข้าร้องบ้างได้มั้ย?” ฮวางจอง ถาม

“ได้อยู่แล้ว อ้อ นี่เป็นเพลงที่ซ๊อกรันชอบมากด้วยนะ”

“ท่านพูดจริงเหรอครับ”

“ถ้าท่านร้องให้นางฟัง นางต้องชอบมากแน่ ข้าจะค่อย ๆ สอนร้องทีละท่อนนะ” โดยัง กล่าว

“แสงแดดสาดส่องบ้านที่เคนตั๊กกี้”

“ฮ่ะ ๆ ๆ ท่านพูดถูกต้องแล้ว มันเป็นเพลงแสดงความเศร้าที่ต้องจากบ้านที่เคนตั๊กกี้มา” โดยัง กล่าว

“อื้ม ๆ”

“งั้นร้องอีกรอบนะ”

“ครับ”

นาโอกะร้องฮัมเพลงอยู่ พ่อของนางเข้ามาเห็น



“มีความสุขมากเลยเหรอ”
 
“แหม...ไม่บอกพ่อก็น่าจะรู้นี่คะ”
 
“หึ ๆ ออนยางอยู่ไกลจากที่นี่ไม่น้อยเลย เจ้าควรพาคนคุ้มกันกับปืนไปด้วยนะ”
 
“คุณพ่อ เราไปกันลำพังสองคนไม่ได้เหรอ?”
 
“โอ้...ถ้าอย่างนั้นก็ให้เจ้าไปไม่ได้”
 
“เอางั้นก็ได้” นาโอกะ กล่าว
 
“นั่น ยานั่นมัน”
 
“คุณพ่อคะ...”
 
“ไม่ได้ เจ้าจะพกยานอนหลับไม่ได้อีก”
 
“มันเป็นแค่วิตามินเท่านั้นเองค่ะพ่อ”
 
“อะไรนะ แล้ว...คราวนั้นเจ้า...”
 
“ก็เรียนรู้มาจากแม่ไงคะ”
 
“อะไรนะ?”
 
โดยัง กับนาโอกะเตรียมตัวไปเที่ยวพักร้อน วาตานาเบ้มาคอยส่ง
 
“ไม่ต้องเป็นห่วงงานที่นี่ เที่ยวให้สนุกนะ”
 
“ผมกลับมาแล้ว จะรีบผ่าตัดให้คุณทันที” โดยัง กล่าว
 
“งั้นก็ตกลงตามนั้น แค่ก ๆ ๆ อืม ในช่วงนี้ผมก็จะคอยดูแลร่างกายของตัวเองให้ดี”
 
“ท่านต้องดูแลสุขภาพนะคะ”
 
“ไปเที่ยวให้สนุกนะครับ” คิมโทน กล่าว
 
หลังจากโดยังไปแล้ว วาตานาเบ้สั่งให้คิมโทนไปเชิญหมอฮวางมาพบ



“แค่ก...ผมต้อง ผ่าตัดวันพรุ่งนี้เช้า”
 
“แต่ว่า ฮวางจองจะยอมผ่าตัดให้กับท่านผอ. เหรอครับ?”
 
“ก็ต้องทำให้เค้ายอมสิ”
 
“จำเป็นต้องให้คุณหมอฮวางจองผ่าเท่านั้นเหรอครับ แต่ข้าคิดว่าเบ๊กโดยังก็เป็นหมอที่เก่งนะ” คิมโทนกล่าว
 
“เบ๊กโดยังน่ะ...เป็นหมอที่เก่งมาก ๆ ก็จริง แต่ว่าคุณหมอฮวางจอง เป็นคนที่มีฝีมือกว่าหลายคนรู้”
 
“ครับ”
 
“และที่สำคัญ หมอเบ๊กโดยัง เป็นคนที่เด็ดขาดและทำอะไรเร็ว ดังนั้นเนื้อที่เค้าตัดอาจจะมากจนเกินจำเป็น และอาจจะทำให้เนื้อที่ถูกตัดมีมากเกินไป ถ้าเป็นการผ่าตัดของฮวางจองละก็ เพราะว่าเค้าเป็นคนที่ละเอียดกับการผ่าตัดมาก ดังนั้นถึงจะผ่าตัดอย่างเดียวกัน เนื้อที่ถูกตัดทิ้งจะน้อยกว่า สำหรับผู้ป่วย จะอยากได้การผ่าแบบไหน”
 
“ก็ต้อง เป็นแบบหลังสิครับ”
 
“ถูกต้องแล้ว ในจุดยืนของหมอ แบบแรกมันอาจจะดูดีกว่า แต่เมื่ออยู่ในจุดยืนของคนไข้แล้ว ถึงจะช้าหน่อย แต่แบบหลังมันย่อมดีกว่า แค่ก ๆ ๆ อีกอย่าง การผ่าตัดครั้งนี้ ไม่ใช่การตัดปอดทิ้งข้างนึง แต่เป็นการตัดเนื้อทิ้งเพียงบางส่วนเท่านั้น การผ่าตัดแบบนี้ ถ้าให้เบ๊กโดยังเป็นคนผ่า ฮะ ๆ ๆ เค้าคงจะ เฉือน ๆ ๆ ทิ้งเป็นแผ่นใหญ่ ๆแน่นอน คิดดูสิ ถ้าหมอฮวางจองผ่าจะเป็นไง?”


“เอ่อ...เค้าจะละเอียดอ่อน ตัดเฉพาะในส่วนที่จำเป็นเท่านั้นใช่มั้ย?” คิมโทน ถาม
 
“และนี่ก็คือ เหตุผลที่ข้าต้องการให้ฮวางจองมาผ่าตัดให้แค่ก”

ฮวางจอง ร้องเพลงให้ซ๊อกรันฟัง นางชมว่าเขาร้องเพลงเพราะ


 
“ท่านรู้ได้ยังไงคะว่าข้าชอบเพลงนี้ ดูเหมือนข้าจะไม่เคยร้องให้ฟังนี่”
 
“ถึงท่านไม่เคยร้องให้ข้าฟัง แต่ข้าเคยได้ยินมาก่อน”
 
“เหรอ?”
 
“ในตอนนั้น ตอนที่ข้าถูกยิง คุณหนู เอ่อ คุณหมอยูเคยร้องตอนอยู่ที่บ้าน ทำให้ข้าได้ฟังเพลงนี้” ฮวางจอง กล่าว
 
“จริงเหรอคะเนี่ย ความผูกพันของเราเริ่มมานานจัง” ซ๊อกรัน กล่าว
 
“ใช่ แต่ภาพยังชัดเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานไม่ว่าจะเป็นตอนไหนคุณหมอยูก็ยังสวยอยู่เสมอเลย ยู อาร์ โซ บิ๊วตี้ฟูล”


   
“ข้าคงจะมาขัดบรรยากาศโรแมนติกสินะ ท่าน ผอ. ต้องการพบพวกท่านน่ะ” ชักแท กล่าว

ฮวางจองรีบมาพบ ผอ. เมื่อมาถึงก็พบว่าหลายคนกำลังคุยกันอยู่
 
“มิสเตอร์เซเวอร์แรนส์จากอเมริกา บริจาคเงินมาให้ เจจุงวอนเป็นเงินจำนวนหนึ่งหมื่นดอลลาร์” เอวิสัน กล่าว
 


“ฮ่า ๆ ๆ ตอนนี้ ทุกคนคงสงสัยว่าหนึ่งหมื่นนี่มันเท่าไหร่ เงินดอลลาร์มันมีค่ามากกว่าเงินโชซอน หนึ่งดอลลาร์ก็จะเท่ากับ ค่าแรงของคนทั่วไปหนึ่งวัน เพราะฉะนั้น เงิน หนึ่ง หมื่น ดอลลาร์ ก็คือเงินที่สามารถจ้างคนได้หนึ่งหมื่นคนเลย นึกภาพกันออกรึเปล่า?” โอ อธิบาย
 
“ว้าว...ฮะ ๆ ๆ” หลายคน อุทาน
 
“ถ้าจ้างได้หมื่นคน ก็ขุดสระบัวใหญ่ได้สบายเลยสิคะ” นังนัง ถาม
 
“เรื่องนั้นผมไม่รู้หรอก แต่เราสร้างโรงพยาบาลที่มี 40 เตียง ได้เลย นอกจากนี้คุณโกลเด้น เพื่อนของผม ยังจะออกแบบโรงพยาบาลให้ฟรีด้วย” เอวิสัน กล่าว
 
“นี่เป็นแบบที่คุณโกลเด้นท์วาดมาให้”  โอ กล่าว
 
“เหมือนจะดีกว่าโรงพยาบาลฮันซองอีกนะ” ฮวางจอง กล่าว
 
“แล้วจะสร้างเสร็จเมื่อไหร่คะ ตอนนี้อยากจะรักษาคนไข้จะแย่แล้วค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว
 
“ระยะนี้ ผมกับผู้จัดการโอ คงยุ่งอยู่กับการหาสถานที่” เอวิสัน กล่าว
 
“ถ้างั้น พวกท่านพาข้าไปด้วยนะ เพราะว่าข้าพอจะดูฮวงจุ้ยเป็นน่ะ” ชักแท กล่าว
 
“เหอะ ไม่มีอะไรที่ไม่เป็นเลยนะ” มียอง ถาม
 
“ฮ่า ๆ ๆ นั่นสินะ ๆ”

เอวิสัน นำเรื่องจะสร้างโรงพยาบาลใหม่ทูลพระเจ้าโกจง
 
“เจจุงวอนจะสร้างโรงพยาบาลใหม่ ฟังแล้วน่ายินดีจริง ๆ จริงสิ ในเมื่อได้รับเงินจากต่างประเทศ ควรจะเปลี่ยนชื่อ เจจุงวอนที่ข้าตั้งเอาไว้ด้วยรึเปล่า?”
 
“ไม่จำเป็นเลยพ่ะย่ะค่ะ ชื่อเจจุงวอนจะเปลี่ยนได้ยังไงกันพ่ะย่ะค่ะ”
 
“ใช่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ชื่อเจจุงวอนก็เป็นชื่อที่ทางอเมริกาต่างก็รู้จักกันอย่างดี อีกอย่างประชาชน ก็คุ้นเคยกับชื่อเจจุงวอนแล้วด้วย ถ้ามาเปลี่ยนชื่อตอนนี้ อาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดกันได้ ดังนั้น เราจะเรียกชื่อเป็นทางการว่าโรงพยาบาล เจจุงวอน เซเวอร์แรนส์ พ่ะย่ะค่ะ แต่ก็จะยังใช้ชื่อเจจุงวอนในการ เปิดรักษาประชาชนเหมือนเดิมต่อไป ขอประทานอนุญาตด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ผู้จัดการโอ กล่าวทูล
 
“ถ้าเป็นอย่างนี้ ข้าก็รู้สึกขอบคุณอย่างที่สุด ขอบคุณทุกคนมาก”
 
“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูล สำนักงานอนามัย ได้ให้การรักษาผู้หญิงที่ปากแหว่งโดยไม่คิดเงิน” หมอฮอร์ตั้น กล่าว
 
“อืม เรื่องนี้ข้าเองก็ได้ยินมา พวกเจ้าทำกันได้ดีมาก”


 
“แต่ฝ่าบาทเพคะ กลุ่มผู้หญิงเหล่านั้น มีบางคนที่ต้องทนทุกข์อยู่กับการที่สามีไม่ยินยอมให้พวกเธอหย่าร้าง ทำให้ต้องได้รับความทุกข์ทรมานกันมาก หม่อมฉันอยากขอประทานอนุญาต ให้พวกนางหย่าด้วยเพคะ”


“เอ่อ คือ พ่ะย่ะค่ะ ก่อนหน้านี้พระองค์ได้เคยมีราชโองการ ประทานอนุญาตให้สามารถหย่าร้าง และแต่งงานใหม่ได้ แต่ผู้ชายพวกนั้นกลับไม่ยอมหย่าร้างแต่โดยดี เลยอยากจะทูลขอให้ทรงมีพระราชโองการอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ผู้จัดการโอ ทูล

ผู้จัดการโอ ออกมาจากเข้าเฝ้า ก็พบซ๊อกรันและพวก
 
“อ้อ อยู่ที่นี่กันหมดเลยเหรอ”
 
“คุณหมอคะ” ซ๊อกรัน กล่าว
 
“พระราชาทรงประทานอนุญาตแล้ว” หมอฮอร์ตั้น  
 
“วู้ ๆ ๆ ดีใจด้วยนะ ๆ” หลายคน ออกอาการดีใจ
 
“เป็นความช่วยเหลือของผู้จัดการโอน่ะ”
 
“เอ่อ ข้าได้ช่วยเหลืออะไรที่ไหนกัน? ถึงความจริงข้าจะไม่เห็นด้วยกับการหย่าแล้วแต่งใหม่แบบนี้ แต่เพราะว่าทุกคนที่นี่ต่างก็มีเหตุผล ข้าเลยช่วยเสริมขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้น จะพูดทำไมก็ไม่รู้ ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดถึงเลย”
 
“ผู้จัดการ ขอบคุณมากค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว
 
“โธ่เอ้ย ไม่ใช่นะ”
 
“ขอบคุณมากค่ะ ๆ”
 
“ไม่ใช่เพราะข้า ๆ นี่ พอได้แล้ว”


   
“อย่างนี้เจ้าก็จะไปแล้วสินะ ไปอเมริกาแล้วจะกลับเมื่อไหร่?”
 
“คงไปสักสามสี่ปี เพราะข้าอยากจะไปเรียนหมอ” ซึงยอน กล่าว
 
“อยากให้เวลาผ่านไปเร็ว ๆ ข้าอยากตรวจคนไข้กับเจ้าจังเลย” ซ๊อกรัน กล่าว
 
“เหมือนกัน” ซึงยอน ตอบ

หมอโกเข้ามาที่เจจุงวอน เห็นแกงจืดสาหร่าย ก็ถามวันนี้วันเกิดของใครเหรอ
 
“ก็นั่นน่ะสิ” ฮวางจอง กล่าว
 
“ก็วันเกิดคุณหมอฮวางไงคะ สุขสันต์วันเกิดค่ะ” นังนัง กล่าว
 
“โอ้ เป็นความจริงเหรอ โฮะ ๆ ๆ งั้นก็...สุขสันต์วันเกิด โฮะ ๆ ๆ” หมอโก กล่าว
 
“อย่างกับจงใจจัดให้งั้นแหละ รู้สึกอายจัง” ฮวางจอง กล่าว
 
“สุขสันต์วันเกิดด้วยคนค่ะ แต่ว่าพวกข้าอวยพรจะมีประโยชน์อะไร” มียอง กล่าว
 
“ก็นั่นสิคะ ต้องมีคุณหมอยูด้วยถึงจะถูก” นังนัง กล่าว
 
“อ้อ คุณหมอยู ธุระที่วังเรียบร้อยดีรึเปล่าครับ?” ฮวางจอง ถาม
 
“เรียบร้อยดีค่ะ ก่อนพวกนางจะไปอเมริกา เราต้องเปิดสอนภาษาอังกฤษกับวิชาพยาบาลเบื้องต้นให้พวกนางก่อน” ซ๊อกรัน กล่าว
 
“งั้นก็ดีแล้ว”
 
“เรื่องการอบรมวิชาพยาบาลให้เป็นหน้าที่ของมียองกับนังนังนะ” หมอฮอร์ตั้น กล่าว
 
“นี่พูดจริงเหรอคะ” มียอง กล่าว
 
“ฮิ ๆ” นังนัง หัวเราะ
 
“นังนัง มือ” มียอง กล่าว
 
“นึกไม่ถึงเลยว่าข้าจะสอนคนอื่นได้ด้วย โอ้ย” นังนัง กล่าว
 
“เจ้ามีคุณสมบัติจะสอนคนอื่นอยู่แล้ว เหมือนวันนี้จะเป็นวันเกิดใครเลย วันเกิดของใครเหรอ” ซ๊อกรันถามแล้วนึกขึ้นได้ว่าเป็นวันเกิดฮวางจองจึงตกใจ



 นังนังเข้ามาหาฮวางจอง ถามว่าเสียใจเรื่องวันเกิดใช่มั้ย
 
“อะไร อ้อ วัน วันเกิดเหรอ ไม่ ไม่เสียใจสักนิด แล้ว แล้วนี่อะไร”
 
“คือว่ามีจดหมายมาถึงคุณหมอน่ะ” นังนัง กล่าว
 
“ดอกเตอร์อัลเลนเป็นคนส่งมาน่ะ”
 
“แล้วบอกว่ายังไงบ้างคะ”
 
“ท่านบอกว่า จะมาตอนเปิดโรงพยาบาล แล้วนี่อะไรน่ะ?”
 
“เมื่อกี้มีคนฝากให้ข้าเอามาให้ค่ะ” นังนัง ยื่นของให้

มียอง และหมอฮอร์ตั้นเห็นซ๊อกรันดูท่าทางจะเสียใจมาก เลยเข้ามาคุย
 
“ลืมไปเลยจริง ๆ เหรอคะ?” หมอฮอร์ตั้น ถาม
 
“ไม่ใช่นะ เมื่อคืนนี้ข้ายังจำได้อยู่เลยนี่ ของขวัญก็เตรียมไว้แล้วด้วย”
 
“แปลว่า วันนี้เอาแต่ห่วงเรื่องคนไข้ปากแหว่งพวกนั้นมากไปใช่มั้ยล่ะ” มียอง ถาม
 
“ซ๊อกรัน ถ้างั้นเรามาจัดปาร์ตี้เซอร์ไพร้ส์กันดีมั้ย?”


   
“ปาร์ตี้เหรอ?” ซ๊อกรัน ถาม
 
“ก็ที่อเมริกา มีบ่อยไปที่แกล้งทำเป็นจำวันเกิดไม่ได้ แต่สุดท้ายพอตกเย็นก็จัดปาร์ตี้เซอร์ไพร้ส์ขึ้นมาให้ตกใจเล่น ถ้าเราทำอย่างนั้น แค่นี้เรื่องที่คุณลืมวันเกิดเมื่อกี้ ก็จะเหมือนว่าคุณแกล้งทำไงล่ะ” หมอฮอร์ตั้น กล่าว
 
“เปลี่ยนร้ายเป็นดี” มียอง กล่าว
 
“ถูกต้องที่สุด แค่นี้ก็เปลี่ยนร้ายเป็นดีแล้ว”
 
“พูดจริงเหรอคะ?”

ซ๊อกรัน และหมอฮอร์ตั้น ช่วยกันทำเค้ก
 
“จริงสิ ไม่มีเนยนี่นา ถ้าไม่มีเนย ก็เป็นเค้กไม่ได้หรอก”
 
“แล้วจะทำยังไงดีคะ” ซ๊อกรัน กล่าว
 
“อีกอย่างนึง เค้กต้องเอาเข้าไปอบในตู้อบ แถมที่นี่ก็ไม่มีตู้อบด้วย”
 
“แล้วไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอคะ เราทำมาถึงขนาดนี้แล้ว”
 
“ถ้างั้น ข้าทำกิมจิโปะหน้าลงไปดีมั้ยคะ?” มียอง กล่าว
 
“จะเอากิมจิมาโปะหน้าเค้กน่ะเหรอ?” ซ๊อกรัน ถาม


“ถ้าเป็นเค้กเหล้าละคะ เค้กเหล้าเราแค่ต้องการเหล้าเท่านั้นเอง ไม่ต้องใช้พวกเนยอะไรนั่นด้วย แถมปรุงรสให้เสร็จแล้วก็ไปนึ่งได้เลย ไม่ต้องอบก็ได้ค่ะ”

“อย่างนี้ก็ไม่เลวนะ”

“เค้กเหล้า กินเข้าไปแล้วจะเมารึเปล่า?”หมอฮอร์ตั้น ถาม

“ไม่เมาหรอกค่ะ ถ้าใช้เหล้ามาทำก็น่าจะใช้ได้ เอ่อ ถ้างั้น แค่มีโซจูก็พอแล้วมั้ง” ซ๊อกรันกล่าว

“แต่ว่า ตอนนี้เราจะไปหาโซจูได้ที่ไหน”

“แหม...นายหญิง” นังนัง กล่าว

“มีอะไรเหรอ?” มียองถาม

“แหม...นายหญิง โซจูไง”

“ข้าอุตส่าห์เก็บไว้กินกลางคืน ตอนนอนไม่หลับสักหน่อย”

“ขอบใจนะมียอง” ซ๊อกรัน กล่าว

“เอ่อ เยอะไปแล้ว” มียอง กล่าว

เอวิสัน ผู้จัดการโอ และชักแท เดินทางมาดูสถานที่เพื่อใช้สร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่

“อีควัก นี่เจ้ากำลังหาสุสานรึไง” โอ กล่าว



“ไม่ เป็นสุสานไม่ได้ เราจะต้องให้คนไข้มีชีวิตรอดออกไปทุกคน” เอวิสัน กล่าว

“ข้ากำลังจะหาที่ดินฮวงจุ้ยดี ๆ อยู่ อ๊ะ หลังเขาหน้ามีน้ำ” ชักแท กล่าว

“นั่นสิ ข้างหลังเป็นภูเขา แถมข้างหน้าก็ควรจะมีแม่น้ำ ที่นี่ก็เป็นอย่างนั้นนี่นา” ผู้จัดการโอ กล่าว

“ถูกต้องเลยครับท่าน ถ้าได้ที่ฮวงจุ้ยแบบนี้ จะมีอายุยืนแข็งแรง ลูกหลานอยู่เย็นเป็นสุขทุกๆรุ่น เป็นที่ที่ดีมากเลย อืม ที่ที่ว่านั่นก็คือที่นี่แหละ อืม ทุกที่ที่เราดูกันมาวันนี้ ที่นี่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว หาต่อก็ไปไม่ดีเท่านี้แล้ว”

“นั่นสิข้าก็ชอบที่นี่เหมือนกัน สงบเงียบดี”

“ผมก็ชอบที่นี่ แต่ว่า ตอนที่เราจัดการเรื่องสำคัญอย่างนี้ ผู้จัดการเบ๊กหายไปอยู่ไหนล่ะ” เอวิสัน กล่าว

คูฮอน เดินทางมาเยี่ยมพ่อของนาโอกะ

“ตอนที่โดยังหลานข้าไปอาศัยอยู่ญี่ปุ่น ได้ยินว่าท่านคอยช่วยดูแลเค้าอย่างดี ที่จริงข้าควรจะมาเยี่ยมเยียนท่านตั้งนานแล้ว ต้องขออภัยท่านด้วย” คูฮอน กล่าว



“ฮะ ๆ พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ ข้าเอง ก็แค่อยากจะให้เค้าตั้งใจเรียนแพทย์เท่านั้น เรื่องเงินทองเป็นแค่การช่วยเหลือเล็กน้อยเท่านั้นเอง ฮะ ๆ ๆ โดยังเองก็เคยช่วยชีวิตลูกสาวข้าไว้จากอาการป่วยจนเกือบเสียชีวิต สองเรื่องนี้ มันเอามาเทียบกันไม่ได้เลยนะ”

“โดยังของเรา เอ่อ...มีพระคุณกับลูกสาวท่านเหรอคะ ภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่าเซม เซม ใช่มั้ยคะ เซม เซม” โซซา กล่าว

“เอ่อ แต่ท่านรู้อะไรมั้ย ฮะ ๆ ๆ ที่ข้าพูดกับท่านมานี่ ก็เหมือนเป็นความคิดของโดยัง เพราะข้าเป็นลุงเค้า ก็ต้องถือความคิดของเค้าเป็นหลัก เราต่างเคารพกันและกัน ดังนั้น สิ่งที่ข้าจะพูดด้วยในวันนี้ ท่านสามารถถือว่าเป็นเจตนาของครอบครัวข้าได้เลย” คูฮอน กล่าว

“ครับ เชิญท่านพูดมาเลย” พ่อนาโอกะ กล่าว

“ข้ายินดี จะให้หลานโดยัง กับคุณหนูนาโอโกะลูกสาวท่าน แต่งงานกันครับ”

“ต้องขอบคุณท่านมาก”

“แต่ว่างานแต่งงานต้องจัดขึ้นที่นี่ ตามประเพณีของชาวโชซอนหนึ่งครั้ง จากนั้นถ้าจะจัดแบบญี่ปุ่นที่ญี่ปุ่นอีกครั้งก็ได้ แต่ที่โชซอน พวกข้าไม่ยอมให้จัดที่โรงพยาบาล หรือสถานทูตญี่ปุ่น อย่างแน่นอนครับ” คูฮอน กล่าว

“เรื่องนี้ข้าคงต้องขอเวลาไปคิดสักหน่อย นี่ท่านยังมีอะไรอีกมั้ย?”

“เอ่อ หลังแต่งงานแล้ว ถ้าโดยังอยากจะสร้างตัว ที่โชซอนหรือญี่ปุ่นก็ได้ แต่ข้อแม้คือ มันจะต้องเป็นโรงพยาบาลเล็ก ๆ ที่เป็นของโดยังและคุณหนูนาโอโกะเป็นผู้เปิดมันขึ้นร่วมกันน่ะครับ และนี่เป็นความต้องการของบรรพบุรุษ รวมถึงของเบ๊กโดยังด้วย และ ข้าก็เชื่อว่า คุณหนูนาโอโกะจะต้องเห็นด้วย ดังนั้น หวังว่าท่านพ่อนาโอโกะ ก็จะเห็นด้วยกับความคิดนี้เหมือนกัน” คูฮอน กล่าว

“ยังมีอีกอย่างนึงค่ะ นาโอโกะควรจะใช้ ชีวิตอยู่ที่บ้านเราสักสามปีก่อนนะ อะไร ข้าก็เคยอยู่บ้านแม่สามีนี่ เอ่อ แต่นางเป็นคนต่างชาติ ไม่ต้องแบบนั้นก็ได้ค่ะ” โซซา กล่าว

เมื่อคูฮอน กลับไปแล้วพ่อนาโอกะ ก็รีบมาหาทูตญี่ปุ่น

“มีอะไรหรือครับ?”

“นี่เจ้าเบ๊กโดยังมันกล้าเล่นตลกกับข้า เหรอ?” พ่อนาโอกะ กล่าว

“ท่านครับ ตอนนี้เรื่องนั้นยังไม่สำคัญ กำลังจะเกิดสงครามขึ้นแล้วครับ” วาตานาเบ้ กล่าว

“กองทหารของจักรวรรดิญี่ปุ่นเรา ได้ทำการบุกโจมตีกองทัพเรือรัสเซียที่...แมนจูเรียไปแล้วครับท่าน” ทูต กล่าว



“ผมรู้อยู่แล้ว ว่าในที่สุด รัสเซียกับญี่ปุ่นก็รบกัน”

“จำเป็นต้องเพิ่มกำลังทหารที่โรงพยาบาลฮันซองกับสถานทูตมั้ย?” ทูตถาม

“มันต้องเพิ่มอยู่แล้ว ถึงสงครามไม่ได้เกิดแต่ที่นี่ก็มีสถานทูต และทหารรัสเซียอยู่ด้วย มีคำสั่งไปว่าห้ามประชาชนชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในฮันซองติดต่อคบหากับคนรัสเซียเป็นอันขาด”

“ไฮ้ อีกอย่างนึง ท่านจะให้เรียกนาโอโกะกับ เบ๊กโดยังกลับมารึเปล่าครับ?”

“คงยังไม่จำเป็น มีคนติดตามไปด้วย ไม่น่าจะมีปัญหา”


“เอ่อ แต่เมื่อกี้ เอ่อ ตอนที่ท่านเข้ามา ท่านพูดว่าถูกเบ๊กโดยังหลอก...”

“อ้อ เรื่องนั้น ไม่มีอะไรหรอก หลังจากเค้ากลับมา งานแต่งงานลูกสาวข้าจะจัดขึ้น ที่หน้าสถานทูตของญี่ปุ่นอย่างใหญ่โต” พ่อนาโอโกะ กล่าว

“แต่ว่าเรา กำลังทำสงครามกับรัสเซียนะครับ”

“ข้ารู้ดี แต่เราจะต้องวางตัวให้เหมือนปกติมากที่สุด ถึงครอบครัวของเบ๊กโดยังจะงอแงยังไง แต่เบ๊กโดยัง ก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของพวกเราเท่านั้น”

“เข้าใจแล้วครับท่าน เพราะพวกเรา กุมจุดอ่อนของเบ๊กโดยังเอาไว้แล้ว”

โดยังไปพักผ่อนกับนาโอโกะ เขาตัดสินใจถามนาโอโกะเรื่องแต่งงาน



“นาโอโกะ สมมุติว่า...ผมหมายความว่าถ้าหากผมไม่ยอมแต่งงานกับคุณนาโอโกะ คุณจะทำยังไง?”

“คุณพูดจริงหรอ”

“ผมแค่อยากจะรู้น่ะ”

“ฉันก็จะกินยาฆ่าตัวตาย ฉันพกยาติดตัวตลอดแหละ เพราะฉะนั้น ถึงจะล้อเล่นแต่ก็อย่าพูดเลยนะ”

“ผมเห็นยานอนหลับในกระเป๋าคุณ”

“คุณถึงได้ถามถึงขึ้นมาน่ะเหรอ”

“อืม ทำให้ผมนึกถึงตอนที่คุณกินยาตายแล้วผมล้างท้องให้คุณ ยาที่กิน...คือยาตัวนี้ใช่มั้ย?” โดยัง กล่าว

“ใช่ ยาตัวนี้แหละค่ะ”

“คุณพกมันติดตัวตลอด เพราะกลัวผมจะเปลี่ยนใจเหรอ”

“ค่ะ คุณคงไม่ได้อยากให้ฉันกินยาตายไปจริง ๆ ใช่มั้ย?”

“นาโอโกะ ยานั่นเป็นแค่วิตามินบำรุงร่างกาย ตอนอยู่ญี่ปุ่นผมก็กินอยู่ตลอด”

“เอ่อ...ไม่ใช่นะ หรือว่าฉันจะหยิบขวดยาผิด เบ๊กโดยัง”

“ยานั่นกินมากก็ไม่ตาย มันแค่ทำให้ท้องเสียเท่านั้น”

“เบ๊กโดยัง มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่”

“ผมเข้าใจผิดไป หลงคิดว่าคุณจริงใจ”

“ฉันจริงใจนะ ฉันรักคุณจริง ๆ คุณเบ๊กโดยังอย่าไปนะคะ”

“หลีกไป ๆ ฉันบอกให้หลีกไป” โดยัง บอกคนติดตาม

“ว้าย อย่าทำเค้า...เบ๊กโดยัง หยุดเถอะ เบ๊กโดยัง เป็นอะไรรึเปล่า ฉันขอโทษค่ะ เบ๊กโดยังคะ...”

หมอฮอร์ตั้น มียอง ซ๊อกรันกำลังลงมือแต่งหน้าเค้ก ยังไม่เสร็จ ฮวางจองก็เดินเข้ามา

“คุณหมอฮวางมาแล้วค่ะ ว้าย...” นังนังร้องตกใจ



“นั่นกลิ่นอะไรเหรอครับ?” ฮวางจองถาม

“มีกลิ่นอะไรเหรอคะ?” ซ๊อกรัน กล่าว

“เหมือนจะเป็นกลิ่นหวาน ๆ”

“ในห้องนี้มีกลิ่นอะไรที่ไหนกันคะ?” หมอฮอร์ตั้น ช่วยปิด

“แหม ผู้หญิง 4 คนอยู่ด้วยกัน ก็ต้องมีกลิ่นหอมเป็นธรรมดา” มียอง กล่าว

“นั่นสิคะ”

“อืม นั่นสินะ” ฮวางจอง กล่าว

“จะไปข้างนอกเหรอ” ซ๊อกรัน ถาม

“ใช่ มีคนที่ต้องการจะพบข้า เค้านัดไปเจอที่ห้องอาหารโรงแรม”

“แล้วคุณจะกลับมาเมื่อไหร่?” หมอ  ฮอร์ตั้น ถาม

“อ้อ คุยธุระเสร็จก็กลับ”

“งั้นก็รีบกลับมานะคะ” มียอง กล่าว

“ใช่ รีบกลับมานะคะ”

“มีเรื่องอะไรกันเหรอ?” ฮวางจอง ถาม

“จะมีอะไรล่ะ ก็แค่อยากให้กลับมาเร็ว ๆ” ซ๊อกรัน กล่าว

“แหะ เดี๋ยวก็กลับมาแล้วล่ะ โว้ว ๆ ๆ” ฮวางจอง กล่าว

“โอ๊ย อะไรเหรอ?”

“มีอะไรเหรอ” ฮวางจอง ถาม

“ไม่มีอะไรนี่?”

“ไม่มีเหรอ?” ฮวางจอง กล่าว

“รีบกลับมานะคะ” มียอง กล่าว

“รีบกลับมานะคะ” ซ๊อกรัน กล่าว

“ต้องรีบมานะ”

“ฟู่” หมอฮอร์ตั้น เป่าปาก ส่วนคนอื่น ๆ หัวเราะ

ฮวางจอง เดินทางมาที่ห้องอาหารของโรงแรมพบกับวาตานาเบ้



“ต้องการพบข้าด้วยเรื่องอะไรเหรอครับ สุขภาพท่านดูไม่ค่อยดี ควรจะไปพบที่โรงพยาบาลดีกว่า”

“ผมอยากจะมา เพื่อพบกับคุณหมอฮวางที่นี่”

“มีเรื่องอะไรเหรอครับ คือข้ามีธุระจะต้องรีบกลับน่ะ”

“คือร่างกายของผม แค่ก ๆ ๆ มันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ผมจะไม่ขอพูดอ้อมค้อมก็แล้วกัน ผมอยากให้คุณผ่าตัดปอดให้”

“ข้าปฏิเสธ ที่โรงพยาบาลฮันซองก็มีคุณหมอเบ๊กนี่”

“ตอนนี้เค้าไปเที่ยวกับแฟนอยู่ ยังไม่รู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ เหลือแต่คุณหมอฮวาง ที่จะช่วยผ่าตัดให้ผมได้ ผมต้องการให้คุณช่วยจริง ๆ คงไม่ปฏิเสธคนไข้ใช่มั้ยผมขอร้องล่ะ”

“งั้นข้าเข้าใจแล้ว งั้นขอให้คุณไปพักที่ เจจุงวอน แล้วข้าจะกำหนดวันผ่าตัดให้เอง”

“เฮ้อ คุณหมอฮวาง ผมเป็น ผอ.โรงพยา บาลฮันซองให้ไปอยู่เจจุงวอน แบบนั้นคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อีกอย่างอุปกรณ์ที่โรงพยาบาลผมก็ดี”


“ข้าจะยอมผ่าตัดให้ที่เจจุงวอนเท่านั้น ถ้าท่านอยากให้ข้าผ่าตัดให้ ก็ขอให้มาที่เจจุงวอน ข้าไม่ค่อยว่าง คงต้องขอตัวไปก่อน”
 
“คุณหมอฮวาง”

หมอฮอร์ตั้น ให้ทุกคนซ้อมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ เมื่อหมอฮวางจอง กลับมาก็ให้ทุกคนร้องพร้อมกัน ด้านฮวางจองกำลังเดินทางกลับ ก็ถูกคิมโทน มาดักจับตัวกลับไป ทุกคนรออยู่นาน หมอฮวางจอง ยังไม่กลับมาซักที ก็รอไม่ไหวทยอยขอตัวกลับไปพักผ่อนหมด




เนื้อหา: เดลินิวส์ / ภาพจากละคร (เอสบีเอส)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา