เหตุการณ์ในละครเรื่องนี้เกิดขึ้นในยุคกลางของราชวงศ์โชซอน ซึ่งเป็นยุคที่ผู้คนเต็มไปด้วยความละโมบ เห็นแก่ตัว โลกก็มีแต่ความสับสนวุ่นวาย แม้แต่ธรรมชาติยังวิปริตแปรปรวน...ในช่วงเวลาดังกล่าวพรมแดนระหว่างโลกแห่งคนเป็นและโลกแห่งคนตายได้ถูกเปิดออก ทำให้เหล่าวิญญาณต่างพากันออกมาเร่ร่อนบนโลกมนุษย์ วิญญาณเหล่านี้จะมองเห็นทุกสิ่งบนโลก แต่มนุษย์เราไม่สามารถมองเห็นวิญญาณได้ ยกเว้นชายผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในระหว่างการออกตามหาแม่ที่หายตัวไปเมื่อ 3 ปีก่อน และเขาก็กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองมีรยาง
เนื้อหา:
โดลแซ ตอบว่าเขาไม่หวังว่าจะได้ยินคำพูดดังกล่าวจากปากของอึนโอ เพราะอึนโอไม่รู้จักคำว่า "ขอโทษ", "ขอบคุณ" และคำว่า "รัก"... อึนโอ ยอมรับว่าพูดคำเหล่านั้นไม่เป็น (และไม่เคยคิดที่จะพูด) เพราะไม่เห็นว่าพูดแล้วจะมีประโยชน์อะไร พูดจบเขาก็แหงนหน้ามองฟ้าแล้วบ่นว่าอากาศค่อนข้างชื้น เกรงว่าน่าจะเจอฝนตกหนักกลางทาง
อีกด้านหนึ่ง ผีสาวอารัง (ชิน มินอา) ก็กำลังวิ่งไล่ตามใครบางคนอยู่ในป่าท่ามกลางฟ้าร้องฟ้าแลบ พลางบ่นด้วยความอาฆาตแค้นว่า "กล้าดียังไงถึงทิ้งข้าไว้ที่นี่ ทั้งๆ ที่ข้าเป็นคนหาเลี้ยงพวกเจ้ามาโดยตลอด ถ้าตามตัวเจอเมื่อไหร่พวกเจ้าได้ตาย (อีกครั้ง) แน่"
ปรากฏว่าผู้ที่ผีสาวอารังกำลังออกตามหา คือเหล่าผีเร่ร่อนอดอยากหิวโซที่คอยดักทำร้ายและปล้นผู้คนที่เดินทางผ่านเข้ามาในป่า แม้ลูกสมุนผีจะรู้สึกผิดที่หนีมาปล้นโดยไม่มีอารัง แต่เมื่อผีหัวโจกยืนกรานให้ทุกตนทำตามคำสั่ง พวกเขาจึงลงมือปล้นแบบไม่ค่อยมั่นใจ ไม่นานอารังก็โผล่เข้ามาขวางด้วยใบหน้าเคียดแค้น เห็นได้ชัดว่าเหล่าผีพวกนี้ต่างหวาดกลัวอารัง คงมีเพียงผีหัวโจกที่ทำใจดีสู้เสือและถามหน้าตาเฉยว่า อารังว่ามัวทำอะไรอยู่ ถึงปล่อยให้พวกตนรอนาน
อารังชกหน้าผีหัวโจกจนล้มลงไปกองกับพื้น ผีหัวโจกลุกขึ้นด้วยความโมโหแล้วลำเลิกบุญคุณว่า อารังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองเป็นใครแต่เขาก็ยังอุตส่าห์ให้เข้ากลุ่ม (เขาจึงสมควรเป็นลูกพี่อารัง) อารังเถียงกลับว่าทั้งเธอและเขาต่างก็ตกอยู่ในสถานะเดียวกัน คือ เป็นผีไม่มีญาติ (ไม่มีคนตั้งโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้ให้) ผีหัวโจกได้ฟังแล้วยิ่งรู้สึกโกรธ จึงพุ่งเข้าหาอารังหวังทำร้าย แต่อารังเบี่ยงตัวหลบ ผีตนดังกล่าวจึงพุ่งชนต้นไม้อย่างจัง
ทันใดนั้น อารังก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อหันไปเห็นตาข่ายจับวิญญาณถูกโยนลงมาจากฟากฟ้า โชคดีที่เธอและผีบางตนกระโดดหลบได้ทัน แต่หลังจากนั้นก็มีชายชุดดำ (เหล่านักล่าผีหรือยมทูต) ลอยลงมาจากท้องฟ้าแล้วไล่จับผีเป็นที่ชุลมุน ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผีตนใดรอดพ้นเงื้อมมือของเหล่านักล่าผีกลุ่มนี้ได้ ในขณะที่นักล่าผีคนอื่นๆ กำลังไล่ล่าผีอย่างขมักเขม้น มูยอง (หัวหน้ายมทูต) ก็หันไปมองอารังซึ่งอยู่ในสภาพหวาดกลัวสุดขีด
ด้านอึนโอและโดลแซก็กำลังเดินทางผ่านป่าอันเงียบสงบ โดลแซเดินนำหน้าด้วยท่าทางหวาดระแวงเพราะกลัวโดนผีหลอก ทันใดนั้น อึนโอก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเหล่าภูตผี โดลแซเห็นอึนโอหยุดเดินและหันกลับไปมองอะไรบางอย่างทางด้านหลัง จึงรีบวิ่งเข้าไปหาอึนโอด้วยความหวาดกลัว พลางเอ่ยถามว่า "มีอะไรเหรอ" (โดลแซไม่ได้ยินเสียงภูตผี) อึนโอไม่อยากให้โดลแซกลัวผีจนสติแตก (ไปกว่านี้) จึงปฏิเสธว่าไม่มีอะไร จากนั้นก็ออกเดินทางต่อพลางบ่นว่าอากาศร้อนอบอ้าว
โดลแซบอกว่าเขารู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่ต้องเดินทางผ่านภูเขาลูกนี้ จากนั้นก็ถามเพื่อความชัวร์ว่า แม่ของอึนโออยู่ที่เมืองมีรยางจริงๆ หรือ เขาได้ยินข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับเมืองนี้ เลยไม่อยากให้อึนโอ (และตน) เฉียดกรายเข้าไปในดินแดนอาถรรพ์ อึนโอถามว่า "อาถรรพ์ยังไง" โดลแซจึงบอกว่า มีรยางเป็นเมืองต้องคำสาปและเป็นเมืองผีสิง อึนโอกล่าวว่า "ผีไม่มีจริง" โดลแซจึงเล่าว่า ที่ผ่านมานายอำเภอคนใหม่ของเมืองมีรยางต่างเสียชีวิตเพราะโดนผีหลอกในคืนแรกที่เข้ารับตำแหน่ง อึนโอเห็นโดลแซเป็นโรคกลัวผีขึ้นสมองทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นผี จึงย้ำว่าโลกนี้ไม่มีผีซักหน่อย
ระหว่างนั้น อารังกำลังวิ่งหนีการไล่ล่าของมูยอง เธอวิ่งตรงมายังบริเวณที่อึนโอและโดลแซกำลังเดินทางผ่าน อึนโอได้ยินเสียงแปลกๆ ทางด้านหลังจึงหันกลับไปดู โดลแซร้องถามด้วยความหวาดกลัวว่า "เห็นอะไรอีกล่ะคราวนี้" อึนโอแกล้งทำหน้าตกใจแล้วบอกว่ามีผีผู้หญิงอยู่ทางด้านหลังโดลแซ โดลแซกลัวจนสติแตกถึงขนาดทรุดตัวลงไปกองกับพื้นแล้วเอาหน้ามุดดิน เมื่อได้ยินอึนโอหัวเราะชอบใจ โดลแซจึงรู้ตัวว่าโดนอึนโอหลอก
ขณะที่อึนโอกำลังแกล้งโดลแซอยู่นั้น เขาก็เห็นอารังวิ่งตรงเข้ามาหาโดยมีมูยองวิ่งตามมาติดๆ เขาได้แต่ยืนดูเหตุการณ์ตรงหน้า และหลับตาเมื่ออารังวิ่งผ่านไป ไม่นานอารังก็ถูกอาวุธของมูยองทำร้ายจนล้มลง (เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นตรงหน้าอึนโอ)...โดลแซรีบปัดเนื้อปัดตัวแล้วลุกขึ้นจากนั้นก็เดินนำหน้าอึนโอไป (โดลแซมองไม่เห็นอารังและมูยอง) อึนโอจึงต้องเดินตามโดยทิ้งอารังและมูยองเอาไว้เบื้องหลัง
เมื่อหมดทางหนีอารังก็ถามมูยองว่า เป็นถึงหัวหน้ายมทูตทำไมถึงมาไล่จับผีด้วยตนเอง แถมยังโทษด้วยว่า เป็นความผิดของมูยองเองที่ทำเชือกแดงหลุดขณะพาเธอมุ่งหน้าไปยังแม่น้ำแห่งความตาย มูยองเรียกอารังแล้วถอนใจ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเหมือนผู้ใหญ่สั่งสอนเด็กว่า เขาเองก็ต้องรับโทษในเรื่องที่ทำงานผิดพลาดเช่นกัน แต่ก่อนอื่นอารังจะต้องทำตามกฏของโลกแห่งความตายเสียก่อน
อารังไม่เชื่อฟัง ทั้งยังขัดขืนไม่ยอมให้จับ มูยองจึงหยิบเชือกสีแดงออกมา อารังค่อยๆ ถอยไปตั้งหลักจากนั้นก็ขว้างกลีบดอกท้อใส่มูยองเพื่อเปิดทางหลบหนี มูยองรีบยกแขนขึ้นมาปิดบังใบหน้าตามสัญชาตญาณ เมื่อกลีบดอกท้อปลิวมาถูกมือของมูยองก็ทำให้เกิดบาดแผล และเมื่อมูยองหันกลับมามองอีกครั้ง ก็พบว่าอารังหายตัวไปแล้ว มูยองจึงได้แต่ตะโกนเรียกชืออารังด้วยความโกรธ
อึนโอได้ยินเสียงร้องตะโกนของมูยองจึงหยุดเดินแล้วหันหลังกลับไปมองอีกครั้ง จากนั้นก็ออกเดินทางต่อ ทันใดนั้นก็เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง อึนโอและโดลแซจึงรีบวิ่งไปหลบฝนในกระท่อมร้าง โดยตั้งใจว่าจะพักค้างแรมที่นั่นก่อนออกเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น
ส่วนอารังยังคงวิ่งหนีท่ามกลางสายฝน มือของเธอก็มีบาดแผลจากการกำกลีบดอกท้อด้วยเช่นกัน แต่ไม่นานบาดแผลดังกล่าวก็ค่อยๆ ลบเลือนและหายไปในที่สุด อารังแหงนหน้ามองฟ้าแล้วตะโกนต่อว่ามหาเทพแห่งสรวงสวรรค์ที่เป็นต้นเหตุให้เธอพบเจอแต่เรื่องราวอันเลวร้าย
อยู่ๆ มหาเทพแห่งสรวงสวรรค์ซึ่งนั่งเล่นหมากล้อมกับท่านมัจจุราชบนศาลา (ที่ตั้งอยู่บนสะพานเชื่อมต่อระหว่างนรกและสวรรค์) ก็จามออกมาและรู้สึกแสบแก้วหู ท่านมหาเทพฯ จึงบ่นว่า "ต้องมีใครด่าข้าอยู่แน่ๆ "
ขณะนั้นท่านมัจจุราชกำลังตั้งหน้าตั้งตาครุ่นคิดว่าจะเดินหมากต่อไปอย่างไรจึงจะชนะ ผิดกับมหาเทพแห่งสรวงสวรรค์ที่มีทีท่าผ่อนคลาย แถมยังส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้กับนางฟ้าที่นำน้ำชาและผลไม้มาถวาย พลางกล่าวชมว่าผมทรงใหม่ของเธอสวยดี นางฟ้าคนดังกล่าวทำหน้าเซ็งๆ แล้วตอบว่า ทรงผมของนางก็เป็นแบบเดิมๆ เหมือนเมื่อวานนี้ เมื่อวานซืน และก็เป็นทรงเดิมมานานนับพันปีแล้ว ทำเอาท่านมหาเทพฯ ถึงกับหน้าจ๋อย
ท่านมัจจุราชเห็นมหาเทพแห่งสรวงสวรรค์มัวแต่หลีสาวจึงเร่งให้รีบเดินหมาก โดยบอกว่าอยากวางหมากตรงไหนก็วาง เพราะตนเป็นฝ่ายชนะในตาที่แล้ว มหาเทพแห่งสรวงสวรรค์จ้องมองกระดานหมากด้วยใบหน้าครุ่นคิด จากนั้นก็หยิบหมากสีขาวมาวางแก้เกมและเป็นฝ่ายชนะในที่สุด เมื่อเห็นว่าท่านมัจจุราชผิดหวังอย่างแรงที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ มหาเทพฯ จึงรีบขอโทษและออกตัวว่าจริงๆ แล้วตนไม่เคยคิดที่จะเอาชนะ (แต่มันดันชนะเอง) จากนั้นก็ชิ่งหนีพลางบ่นพึมพำว่า "ป่านนี้มูยองจับตัวหญิงสาวคนนั้นได้หรือยังนะ" ขณะที่ท่านมัจจุราชได้แต่นั่งมองกระดานหมากด้วยความเจ็บใจที่เป็นฝ่ายแพ้
ท่านมหาเทพฯ เดินเข้ามาในสวนสวรรค์ แล้วบ่นกับแพะว่า ตนไม่ได้ตั้งใจเอาชนะยอมนา (ท่านมัจจุราช) เลยจริงๆ แต่ยอมนาเองต่างหากที่ยึดติดอยู่กับการคิดวางแผนมากเกินไป โดยไม่ละเว้นแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อย ทั้งๆ ที่โลกนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่อาจเป็นไปดั่งใจเราคิด พูดจบท่านมหาเทพฯ ก็รดน้ำลงบนต้นไม้ที่ปลูกอยู่บนหลังแพะ ซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนักบนโลกมนุษย์
อารังยังคงอยู่กลางป่าในสภาพเปียกปอน เธอเด็ดใบไม้มาทำเป็นร่มแล้ววิ่งต่อไป ขณะที่อึนโอและโดลแซหลบฝนอยู่ในกระท่อมร้าง โดลแซนอนหลับเป็นตายเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ส่วนอึนโอนั่งมองกองไฟอย่างเหม่อลอยเพราะคิดถึงแม่ที่หายตัวไปเมื่อ 3 ปีก่อน
อึนโอนึกถึงวันที่ตนนำปิ่นปักผมไปมอบให้แม่ แต่กลับถูกแม่ไล่ตะเพิดให้กลับไปอยู่่กับผู้เป็นพ่อ โดยบอกว่า ถ้าเขาอยู่กับแม่ก็จะกลายเป็นลูกทาส แต่ถ้ากลับไปอยู่บ้านพ่อก็จะมีสถานะเป็นลูกขุนนาง อึนโอกล่าวว่า "ไม่ว่าข้าจะอยู่ที่ใดก็เป็นได้แค่คนต่ำต้อย สิ่งเดียวที่ข้าต้องการก็คือการได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่กับแม่" แม่อึนโอแย้งว่าเขาไม่ได้เกิดมาต่ำต้อยสักหน่อย จากนั้นก็ถามอึนโอ "ไม่รู้จริงๆ หรือว่าตระกูลของแม่อยู่ในสถานะไหน ถ้าไม่เป็นเพราะคนๆ นั้น...." อึนโอบอกให้แม่หยุดพูด และกล่าวว่า เรื่องนั้นไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เขาเบื่อที่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้เต็มทน ทำให้โดนแม่ตบหน้าและถูกไล่ให้กลับไปอยู่บ้านพ่อ เธอบอกให้อึนโอลืมตนเสีย อึนโอร่ำไห้แล้วกล่าวด้วยความน้อยใจว่า "คงจะดีกว่านี้ถ้าเขาไม่มีแม่ตั้งแต่แรก" (เพราะเขาไม่อาจลืมแม่ได้) หลังมีปากเสียงกับแม่ในวันนั้น อึนโอก็ย้อนกลับมาเยี่ยมแม่อีกครั้งในเวลาต่อมา แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าเพราะแม่ของเขาเก็บข้าวของออกจากบ้านไปแล้ว
อึนโอได้ยินเสียงร้องตะโกนของมูยองจึงหยุดเดินแล้วหันหลังกลับไปมองอีกครั้ง จากนั้นก็ออกเดินทางต่อ ทันใดนั้นก็เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง อึนโอและโดลแซจึงรีบวิ่งไปหลบฝนในกระท่อมร้าง โดยตั้งใจว่าจะพักค้างแรมที่นั่นก่อนออกเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น
ส่วนอารังยังคงวิ่งหนีท่ามกลางสายฝน มือของเธอก็มีบาดแผลจากการกำกลีบดอกท้อด้วยเช่นกัน แต่ไม่นานบาดแผลดังกล่าวก็ค่อยๆ ลบเลือนและหายไปในที่สุด อารังแหงนหน้ามองฟ้าแล้วตะโกนต่อว่ามหาเทพแห่งสรวงสวรรค์ที่เป็นต้นเหตุให้เธอพบเจอแต่เรื่องราวอันเลวร้าย
อยู่ๆ มหาเทพแห่งสรวงสวรรค์ซึ่งนั่งเล่นหมากล้อมกับท่านมัจจุราชบนศาลา (ที่ตั้งอยู่บนสะพานเชื่อมต่อระหว่างนรกและสวรรค์) ก็จามออกมาและรู้สึกแสบแก้วหู ท่านมหาเทพฯ จึงบ่นว่า "ต้องมีใครด่าข้าอยู่แน่ๆ "
ขณะนั้นท่านมัจจุราชกำลังตั้งหน้าตั้งตาครุ่นคิดว่าจะเดินหมากต่อไปอย่างไรจึงจะชนะ ผิดกับมหาเทพแห่งสรวงสวรรค์ที่มีทีท่าผ่อนคลาย แถมยังส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้กับนางฟ้าที่นำน้ำชาและผลไม้มาถวาย พลางกล่าวชมว่าผมทรงใหม่ของเธอสวยดี นางฟ้าคนดังกล่าวทำหน้าเซ็งๆ แล้วตอบว่า ทรงผมของนางก็เป็นแบบเดิมๆ เหมือนเมื่อวานนี้ เมื่อวานซืน และก็เป็นทรงเดิมมานานนับพันปีแล้ว ทำเอาท่านมหาเทพฯ ถึงกับหน้าจ๋อย
ท่านมัจจุราชเห็นมหาเทพแห่งสรวงสวรรค์มัวแต่หลีสาวจึงเร่งให้รีบเดินหมาก โดยบอกว่าอยากวางหมากตรงไหนก็วาง เพราะตนเป็นฝ่ายชนะในตาที่แล้ว มหาเทพแห่งสรวงสวรรค์จ้องมองกระดานหมากด้วยใบหน้าครุ่นคิด จากนั้นก็หยิบหมากสีขาวมาวางแก้เกมและเป็นฝ่ายชนะในที่สุด เมื่อเห็นว่าท่านมัจจุราชผิดหวังอย่างแรงที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ มหาเทพฯ จึงรีบขอโทษและออกตัวว่าจริงๆ แล้วตนไม่เคยคิดที่จะเอาชนะ (แต่มันดันชนะเอง) จากนั้นก็ชิ่งหนีพลางบ่นพึมพำว่า "ป่านนี้มูยองจับตัวหญิงสาวคนนั้นได้หรือยังนะ" ขณะที่ท่านมัจจุราชได้แต่นั่งมองกระดานหมากด้วยความเจ็บใจที่เป็นฝ่ายแพ้
ท่านมหาเทพฯ เดินเข้ามาในสวนสวรรค์ แล้วบ่นกับแพะว่า ตนไม่ได้ตั้งใจเอาชนะยอมนา (ท่านมัจจุราช) เลยจริงๆ แต่ยอมนาเองต่างหากที่ยึดติดอยู่กับการคิดวางแผนมากเกินไป โดยไม่ละเว้นแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อย ทั้งๆ ที่โลกนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่อาจเป็นไปดั่งใจเราคิด พูดจบท่านมหาเทพฯ ก็รดน้ำลงบนต้นไม้ที่ปลูกอยู่บนหลังแพะ ซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนักบนโลกมนุษย์
อารังยังคงอยู่กลางป่าในสภาพเปียกปอน เธอเด็ดใบไม้มาทำเป็นร่มแล้ววิ่งต่อไป ขณะที่อึนโอและโดลแซหลบฝนอยู่ในกระท่อมร้าง โดลแซนอนหลับเป็นตายเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ส่วนอึนโอนั่งมองกองไฟอย่างเหม่อลอยเพราะคิดถึงแม่ที่หายตัวไปเมื่อ 3 ปีก่อน
อึนโอนึกถึงวันที่ตนนำปิ่นปักผมไปมอบให้แม่ แต่กลับถูกแม่ไล่ตะเพิดให้กลับไปอยู่่กับผู้เป็นพ่อ โดยบอกว่า ถ้าเขาอยู่กับแม่ก็จะกลายเป็นลูกทาส แต่ถ้ากลับไปอยู่บ้านพ่อก็จะมีสถานะเป็นลูกขุนนาง อึนโอกล่าวว่า "ไม่ว่าข้าจะอยู่ที่ใดก็เป็นได้แค่คนต่ำต้อย สิ่งเดียวที่ข้าต้องการก็คือการได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่กับแม่" แม่อึนโอแย้งว่าเขาไม่ได้เกิดมาต่ำต้อยสักหน่อย จากนั้นก็ถามอึนโอ "ไม่รู้จริงๆ หรือว่าตระกูลของแม่อยู่ในสถานะไหน ถ้าไม่เป็นเพราะคนๆ นั้น...." อึนโอบอกให้แม่หยุดพูด และกล่าวว่า เรื่องนั้นไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เขาเบื่อที่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้เต็มทน ทำให้โดนแม่ตบหน้าและถูกไล่ให้กลับไปอยู่บ้านพ่อ เธอบอกให้อึนโอลืมตนเสีย อึนโอร่ำไห้แล้วกล่าวด้วยความน้อยใจว่า "คงจะดีกว่านี้ถ้าเขาไม่มีแม่ตั้งแต่แรก" (เพราะเขาไม่อาจลืมแม่ได้) หลังมีปากเสียงกับแม่ในวันนั้น อึนโอก็ย้อนกลับมาเยี่ยมแม่อีกครั้งในเวลาต่อมา แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าเพราะแม่ของเขาเก็บข้าวของออกจากบ้านไปแล้ว
ขณะที่อึนโอกำลังนั่งน้ำตาคลอเพราะนึกถึงแม่ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าใครบางคนวิ่งฝ่าสายฝนตรงมายังกระท่อม จากนั้นร่างของอารังก็โผล่ทะลุประตูเข้ามาในสภาพเปียกปอน อึนโอนั่งนิ่งแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น อารังเห็นกองไฟจึงตรงรี่เข้ามานั่งผิงไฟด้วย พลางบ่น "นึกว่าเป็นผีแล้วจะไม่เปียกซะอีก นอกจากตัวเย็นแล้วก็แทบไม่มีอะไรแตกต่างจากมนุษย์" อารังทำท่าว่าจะถอดเสื้อที่เปียกออก (เพราะนึกว่าอึนโอไม่เห็น) อึนโอแอบเหล่พลางนึกห้ามไม่ให้อารังถอดเสื้ออยู่ในใจ แต่อารังกลับปลดสายเสื้อแล้วเริ่มถอดออก ทันใดนั้นสายตาของทั้งคู่ก็ประสานกัน อารังเห็นอึนโอจ้องเขม็งมาทางเธอจึงเริ่มระแวง และชักไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้ากำลังจ้องมองเธอหรือมองอย่างอื่นกันแน่
อารังรีบดึงเสื้อมาปิดหน้าอก พลางจ้องหน้าจับผิดอึนโอ ส่วนอึนโอก็จ้องเธอตาไม่กระพริบเช่นกัน อารังเริ่มสงสัยว่าอึนโออาจมองเห็นเธอ จึงรีบผูกสายเสื้อแล้วโบกมือไปมา จากนั้นก็ถามว่า "เจ้าเห็นข้ามั๊ย" อึนโอนั่งตัวแข็งไม่กระพริบตา พลางตอบในใจว่า "ไม่เห็น" อารังรู้สึกว่าอึนโอกำลังจ้องตาเธออยู่ จึงโบกมืออีกครั้งแล้วถามว่า "มองเห็นข้ามั๊ย" อึนโอตอบในใจ "ก็บอกแล้วไงว่าไม่เห็น"
อารังยื่นหน้าเข้าไปหาอึนโอแล้วถามอีกครั้งว่าเห็นเธอมั๊ย แต่อึนโอก็ยังนั่งนิ่งไม่ยอมกระพริบตา อารังจึงลองเอานิ้วจิ้มที่ใบหน้าอึนโอเพื่อทดสอบ อึนโอบอกตัวเองให้อดทนเข้าไว้และไม่ต้องไปสนใจ อารังทำท่าว่าจะเป่าลมใส่ตาอึนโอ แต่จู่ๆ โดลแซก็กรนออกมาเสียงดังลั่น อารังถึงกับผงะด้วยความตกใจ เธอลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งบนตัวโดลแซ จากนั้นก็จ้องหน้าอึนโอแล้วพูดว่า "มองไม่เห็นสิท่า ถึงว่าดูท่าทางไม่เหมือนคนทรงสักนิด" อารังนึกสงสัยว่าทำไมอึนโอถึงมาเดินข้ามเขาในเวลากลางคืน จากนั้นก็ถอนใจแล้วสรุปกับตัวเองว่าเรื่องของคนอื่นไม่มีทางทางเทียบได้กับเรื่องของเธอ
แม้จะเข้าใจว่าอึนโอมองไม่เห็นผีและไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด แต่อารังก็อดชวนคุยไม่ได้ เธอถามอึนโอว่าอยากฟังเรื่องของเธอไหม (อึนโอตอบในใจว่าไม่อยากฟัง) อารังเริ่มต้นเล่าโดยบอกว่าชีวิตเธอนั้นเหลือเชื่อจริงๆ (อึนโอนึกในใจว่าอย่าเล่าเพราะเขาไม่ได้ยิน) วันหนึ่งเธอตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังเดินตามเทวทูตแห่งความตาย ในตอนนั้นร่างของเธอถูกมัดด้วยเชือกสีแดง แต่อยู่ๆ เชือกที่ผูกตัวเธอไว้ก็หลุดออก เธอจึงวิ่งหนีออกมาได้ และที่น่าแปลกก็คือเธอจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้เลย แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร แม้แต่ชื่อก็จำไม่ได้ และไม่รู้ว่าตัวเองตายได้ยังไง
อารังถามอึนโอ "เจ้ารู้มั๊ยว่าข้าเป็นใคร" พลางบ่นว่าถ้าอึนโอมองเห็นเธอก็คงดี เธอจะได้ขอความช่วยเหลือจากเขา อึนโอแกล้งทำเป็นหาวแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ โดลแซ อารังบ่นว่าอะไรกันจะนอนแล้วหรือ ทำไมถึงไม่ฟังเรื่องของเธอต่ออีกสักหน่อย (อึนโอแอบบ่นในใจว่าคำพูดของเธอนั้นช่างบาดหู) อารังเดินมานั่งเล่าต่อข้างๆ พลางบอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดต้องเป็นฝีมือของมหาเทพแห่งสรวงสวรรค์แน่ๆ อารังเห็นอึนโอนอนหลับตาเลยถามว่าหลับแล้วเหรอ เธอพูดเศร้าๆ ว่าอยากให้อึนโอรับฟังเรื่องราวของเธอ เพราะเธอไม่มีคนพูดคุยด้วย แต่อึนโอรู้สึกรำคาญที่อารังจ้อไม่หยุด เลยนึกประชดในใจว่าผีสาวตนนี้คงตายเพราะไม่ได้พูด เมื่อเห็นอึนโอนอนนิ่งเธอจึงล้มตัวลงนอนข้างๆ เขา (อึนโอได้แต่ไล่ในใจว่าไปให้พ้น) อารังนอนมองใบหน้าอันหล่อเหลาของอึนโอพลางยิ้มแล้วอวยพรให้เขานอนหลับฝันดี ก่อนที่จะนอนพักผ่อนเช่นกัน
เมื่ออึนโอตื่นขึ้นในตอนเช้าก็พบว่าอารังหายไปแล้ว เขาจึงหันไปปลุกโดลแซ แล้วออกเดินทางไปยังเมืองมีรยาง เมื่อไปถึงตลาด เขาและชาวบ้านต่างก็ต้องหลีกทางให้กับขบวนของใต้เท้าเช ซึ่งเป็นขุนนางขาใหญ่ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเมืองมีรยาง (ถึงแม้ว่าจะถูกลดขั้นแล้วก็ตาม) โดลแซกำลังจะเล่าว่าใครเป็นต้นเหตุที่ทำให้ใต้เท้าเชถูกลดขั้น แต่แล้วก็ถูกขัดจังหวะเมื่อมีชาวบ้านมาตะโกนขอความเมตตาจากใต้เท้าเช เนื่องจากไม่ต้องการทิ้งพ่อแม่ที่แก่เฒ่าเพื่อไปทำงานไกลๆ (ถูกบังคับให้ไปเป็นคนงาน) แม้จะเป็นเพียงชนชั้นต่ำแต่เขาก็รู้ว่ากฏหมายโชซอนมีข้อยกเว้นในเรื่องนี้ให้ หลังนำข้อกฏหมายมากล่าวอ้าง ใต้เท้าเชก็ส่งสัญญาณให้ลูกสมุนรุมยำชายคนดังกล่าวทันที
โดลแซเห็นแล้วได้แต่พูดว่า "ใครก็ได้ช่วยหยุดคนพวกนี้ที" อึนโอยืนดูชาวบ้านถูกรุมทำร้ายพลางถามโดลแซ "เจ้าไม่รู้เหรอว่า เวลาที่ข้าเห็นความอยุติธรรม...." โดลแซพูดสวนว่า "ท่านจะไม่เข้าไปยุ่ง" อึนโอกำลังจะเดินหนี แต่ก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงชาวบ้านคนดังกล่าวร้องขอความเมตตาจากจูวอลซึ่งเป็นบุตรชายของใต้เท้าเช ลูกสมุนใต้เท้าเชทำท่าว่าจะทุบตีชายคนดังกล่าวอีกครั้งแต่จูวอลห้ามไว้และบอกให้ชายคนนั้นรีบไปจากที่นี่ ชายคนดังกล่าวพยายามอ้อนวอนขอความเมตตาจากจูวอลอีกครั้ง แต่พอเห็นสายตาอันโหดเหี้ยมเย็นชาของจูวอลแล้วเขาก็หยุดอ้อนวอนแล้วรีบเดินจากไป
โดลแซประชดอึนโอด้วยการกล่าวชมจูวอลที่ไม่เพิกเฉยต่อความอยุติธรรม จากนั้นก็เล่าว่าใต้เท้าเชกำลังจะสร้างพระตำหนักกลางแม่น้ำ เลยเกณฑ์ชาวบ้านไปเป็นคนงาน ส่วนใครที่ไม่ได้ลงแรงก็ถูกรีดภาษี อึนโอถามแกมประชดว่าในโลกนี้มีเรื่องอะไรที่โดลแซไม่รู้บ้าง โดลแซแนะนำอึนโอให้ใส่ใจเรื่องราวบนโลกบ้าง เพราะคน (รับใช้) อย่างเขารู้แล้วจะมีประโยชน์อะไร อึนโอกล่าวว่า คนอย่างตนรู้ไปก็ไม่เกิดประโยชน์อันใดเช่นกัน จากนั้นก็บอกให้โดลแซมุ่งหน้าไปยังที่พักก่อน
อึนโอรู้ว่ากำลังถูกติดตามจึงพยายามเดินหนี เมื่อเห็นว่าหนีไม่พ้นเขาจึงหันกลับมาถามว่า "ตามข้ามาทำไม" ปรากฏว่าผู้ที่ติดตามเขาก็คือเหล่าผีที่พากันมาขอความช่วยเหลือเพราะได้ยินว่าอึนโอมองเห็นผี อึนโอไม่อยากรับรู้จึงปฏิเสธทันทีว่าตนมองไม่เห็น ผีชราไม่เชื่อจึงคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วบอกว่าลูกสาวของตนเชื่อว่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอคือผู้มีพระคุณ และกำลังจะแต่งงานกับเขา อึนโอทำหน้ารำคาญ ผีชราจึงก้มลงกราบแต่กลับถูกอึนโอขับไล่อย่างไม่ไยดี ผีชราลุกขึ้นอ้อนวอน แต่อึนโอยังคงปฏิเสธว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน... อารังนั่งมองเหตุการณ์ทั้งหมดจากบนหลังคา จึงรู้ว่าแท้จริงแล้วอึนโอแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเธอ
อีนโอไปสืบข่าวคราวเกี่ยวกับแม่ของเขาที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เจ้าของโรงเตี๊ยมจำได้ว่าแม่ของอึนโอเคยมาแวะพักที่นี่เมื่อ 3 ปีก่อน แต่เธอไม่รู้ว่าแม่อึนโอกำลังจะเดินทางไปที่ไหน หลังสอบถามข้อมูลจากเจ้าของโรงเตี๊ยมแล้ว อึนโองรู้ว่ากำลังถูกผีติดตาม จึงคว้าข้อมือผีตนดังกล่าวเอาไว้ และผีตนนั้นก็คืออารังนั่นเอง
อารังประหลาดใจปนทึ่งเมื่อรู้ว่าอึนโอไม่เพียงมองเห็น แต่ยังจับต้องตัวเธอได้ด้วย อึนโอถามว่า "เจ้าตามข้ามาทำไม" อารังไม่ตอบแต่ถามกลับว่า "เจ้ากำลังตามหาใครอยู่หรือ" อึนโอไม่ตอบเช่นกัน เขาสั่งเสียงเข้มว่า "ห้ามตามมาอีก" แล้วเดินจากไป อารังถามอีกครั้งว่ากำลังตามหาแม่ใช่ไหม เมื่อเห็นอึนโอหยุดเดินแล้วหันกลับมา อารังดีใจสุดๆ ที่ตนเองทายถูก แต่อึนโอทำหน้าเข้มแล้วถามว่า "อยากตายนักรึไง" อารังทำหน้าจ๋อยที่โดนดุ ก่อนจะเตือนอึนโอว่า เธอ "ตายแล้ว"
อึนโอไม่อยากเสียเวลาต่อปากต่อคำกับอารัง จึงหันหลังกลับแล้วเดินจากไป อารังทักท้วงว่าเขาจะเดินหนีหน้าตาเฉยอย่างนี้ไม่ได้ อึนโอกล่าวว่าเขาไม่ชอบสนทนากับพวกภูตผี อารังเดินตามแล้วถามว่าทำไมถึงแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเธอเมื่อคืนนี้ อึนโอพูดคำเดิมว่าเขาไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น อารังพูดต่อว่า ที่ผ่านมาคงมีเหล่าภูตผีแวะเวียนกันมาขอความช่วยเหลือจนเขารู้สึกรำคาญ อึนโอรีบบอกว่า "ถ้ารู้แล้วก็ไสหัวไปซะ" อารังกล่าวว่าเธอจะไปจากอึนโอได้อย่างไร ในเมื่อเธอกับเขานอนด้วยกันแล้ว!!
อึนโอหันขวับพลางโวยวายลั่นว่าหมายความว่ายังไง อารังจ้องหน้าอึนโอแล้วทวนความจำให้ว่า เขาและเธอนอนด้วยกันเมื่อคืนนี้ อึนโอทำหน้าเหวอ อารังพูดต่อด้วยท่าทีที่เขินอายว่า "เรานอนด้วยกันแต่ไม่ได้มีอะไรกัน" อึนโอฟังแล้วได้แต่อึ้งจนพูดไม่ออก
อีกด้านหนึ่งโดลแซก็กำลังอ่านประกาศรับสมัครนายอำเภอคนใหม่ประจำเมืองมีรยาง ที่ระบุว่า "ไม่ต้องสอบสัมภาษณ์ ไม่สนใจวุฒิการศึกษา และต้องการด่วน" โดลแซอ่านแล้วฟันธงว่ามีรยางเป็นเมืองผีสิงจริงๆ
อารังยังคงวิ่งตามอึนโออย่างไม่ลดละ พลางเล่าว่าอยู่ๆ เธอก็ตายและจำอะไรไม่ได้เลย อึนโอบอกให้อารังเลิกพูดเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา อารังวิ่งปาดหน้าแล้วถามว่า ได้ยินทุกอย่างเลยหรือ แล้วทำไมถึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน อึนโอไม่ตอบแต่พูดคำเดิมซ้ำๆ เช่นกันว่า "ไปให้พ้น" อารังขอร้องให้อึนโอช่วยรับฟังและสืบหาว่าเธอเป็นใคร เมื่อเห็นว่าอารังตื๊อไม่เลิก อึนโอจึงล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อแล้วหยิบของบางอย่างมากำไว้ในมือ อารังมองมืออีนโอด้วยความสงสัย อึนโอแสยะยิ้มแล้วแบมือออก อารังเห็นเมล็ดถั่วแดงในมืออึนโอแล้วถึงกับผงะด้วยความตกใจกลัว
อึนโอบอกว่าปกติแล้วเขาไม่ค่อยได้นำมันออกมาใช้ แต่จะพกไว้ไล่ผีที่ตื๊อไม่เลิกอย่างอารัง อารังค่อยๆ ถอยหลังด้วยความกลัวก่อนจะยกแขนปกปิดใบหน้า อึนโอแกล้งโยนเมล็ดถั่วไปทางอื่นแล้วขู่ว่าถ้าอารังยังคงตื๊อไม่เลิก คราวหน้าเขาจะขว้างเมล็ดถั่วใส่อารังจริงๆ อารังทั้งโกรธและเสียใจจึงตะโกนไล่หลังอึนโอว่า แค่สืบหาว่าเธอเป็นใครมันจะยากเย็นอะไรนักหนา อึนโอบอกให้อารังไปขอความช่วยเหลือจากทางการ อารังตอบว่าเธอเองก็อยากทำเช่นนั้น แต่ตอนนี้ที่นี่ไม่มีนายอำเภอ อึนโอตอบว่าสิ่งที่อารังร้องขอนั้นไม่ใช่หน้าที่ตน เพราะตนไม่ใช่นายอำเภอ
อารังถามอย่างมีความหวังว่า ถ้าเขาเป็นนายอำเภอแล้วจะช่วยทำตามที่เธอร้องขอไหม อึนโอคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ จึงตัดความรำคาญด้วยการตอบว่า แน่นอน เขาต้องช่วยเธอแน่ถ้าหากเขาเป็นนายอำเภอ อารังทำหน้าเจ้าเล่ห์แล้วพูดเบาๆ ว่า "สัญญาแล้วนะ"
จูวอลถูกใต้เท้าเชเรียกมาตำหนิเรื่องที่เขาใจอ่อน ไม่ยอมลงโทษชาวบ้านที่บังอาจมาร้องขอความเมตตา ใต้เท้าเชต้องการลงโทษชาวบ้านสถานหนัก เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู จะได้ไม่มีใครกล้าหืออีกต่อไป จูวอลอ้างว่าเขาแค่ไม่อยากเสียเวลาเดินทาง ใต้เท้าเชยังเตือนจูวอลด้วยว่าใกล้ถึงวันพระจันทร์เต็มดวงแล้ว "ภารกิจ" ที่จูวอลกำลังทำอยู่อาจไม่ราบรื่น เพราะ "พวกนั้น" อาจรู้สึกหวาดกลัว อย่าคิดว่าการตามหา "ผู้หญิง" เหล่านั้นเป็นเรื่องง่าย และอย่าหวังว่าจะมีใครนำตัวพวกเธอมาส่ง เขาจะต้องเป็นคนออกตามหาเองถ้ายังอยากให้ "ไฟ" ดวงเล็กๆ ของตนถูกจุดอยู่ข้าง "คนๆ นั้น" จูวอลสวนกลับว่า ไฟดวงเล็กๆ ของเขาอาจเทียบไม่ได้กับของพ่อ แต่ถ้าเขาทำงานไม่สำเร็จ ไฟของพ่อก็อาจดับมอดลงเช่นกัน
อารัง ไปขอความช่วยเหลือจากพังอูล สาวน้อยคนทรงที่กำลังผิดหวังเพราะถูกลูกค้าทวงเงินคืน (อีกแล้วเพราะทำนายไม่แม่น) เมื่อรู้ว่าอารังมาหา พังอูลก็ร้องว่าอารังผิดสัญญาที่บอกว่าจะไม่มารบกวนเธออีก จากนั้นก็พยายามมองหาว่าอารังอยู่ไหน (เธอได้ยิน แต่มองไม่เห็นอารัง) อารังส่ายหัวเมื่อรู้ว่าพรสวรรค์ของพังอูลมาเป็นพักๆ เหมือนเช่นเคย แต่เนื่องจากเธอไม่มีตัวเลือกมากนักเลยจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากพังอูล พังอูลรู้ว่าไม่อาจปฏิเสธจึงได้แต่ร้องคร่ำครวญว่าคราวนี้จะให้ทำอะไรอีก
คืนนั้นสามเกลอ (อีบัง, เอบัง, ฮยองบัง) ต่างพากันนั่งวิตกกังวล เนื่องจากเหลือเวลาอีก 2 วันก็จะครบกำหนดเส้นตายในการหานายอำเภอคนใหม่ หากยังหานายอำเภอไม่ได้พวกเขาจะมีโทษถึงตาย นับว่ายังโชคดีที่พังอูลเข้ามาช่วยชี้ทางสว่างให้ พอรู้วิธีแล้วสามเกลอก็ส่งข่าวไปยังเมืองฮันยาง แล้วรีบวิ่งหน้าตั้งออกไปตามหานายอำเภอคนใหม่ทันที (พวกเขาเชื่อว่าถึงยังไงนายอำเภอคนใหม่ก็ต้องโดนผีหลอกตายในคืนแรกที่เข้ารับตำแหน่ง จึงไม่สนใจว่าคนที่กำลังตามหาเป็นใคร เพราะราชโองการระบุให้พวกเขารีบแต่งตั้งนายอำเภอคนใหม่ แต่ไม่ได้สั่งให้ดูแลความปลอดภัยของนายอำเภอ)
ทั้งสามคนมุ่งหน้ามายังโรงเตี๊ยมแล้วพบว่าอึนโอกำลังยืนอยู่ด้านหน้าห้องพักตามลำพัง ขณะที่อึนโอกำลังจะเดินกลับเข้าห้อง สามเกลอก็เอาไม้มาตีหัวอึนโอ ก่อนที่จะนำผ้ามาคลุมหัวแล้วรีบอุ้มออกไปด้วยความดีใจ อารังนั่งมองเหตุการณ์ทั้งหมดบนหลังคา แล้วพูดว่า "เจ้าไม่ควรรับปากใครเรื่อยเปื่อย"
เมื่อฟื้นขึ้นมาอึนโอก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องโดยสวมชุดนายอำเภอ แถมยังถูกมัดมือมัดเท้าอีกต่างหาก อีบังซึ่งอยู่นอกห้องรู้ว่าอึนโอฟื้นจึงรีบประกาศแต่งตั้งอึนโอให้เป็นนายอำเภอคนใหม่ทันที สามเกลอเชื่อว่าคืนนี้อึนโอไม่รอดแน่จึงปรึกษากันว่าจะใช้ไม้อะไรมาทำเป็นโลงศพให้อึนโอดี
อึนโอพยายามดิ้นแล้วร้องตะโกนให้คนข้างนอก (สามเกลอ) ช่วยแก้มัด พลางขอคำอธิบายว่าทำไมอยู่ๆ ตนจึงถูกแต่งตั้งให้เป็นนายอำเภอ ทันใดนั้น เปลวเทียนก็เริ่มสั่นไหว อึนโอรู้ตัวว่ากำลังโดนผีหลอกเช่นเดียวกับนายอำเภอคนก่อนๆ แทนที่จะหวาดกลัวเขากลับรู้สึกโกรธ จึงสั่งให้ผีตนดังกล่าวปรากฏกายออกมา ผีสาวหัวเราะก่อนจะค่อยๆ ห้อยหัวลงมาจากบนเพดาน เมื่ออึนโอเห็นว่าผีตนดังกล่าวคืออารังก็รู้สึกเอือมระอา เลยสั่งให้เธอลงมาดีๆ ไม่ใช่โผล่มาในสภาพห้อยหัวเช่นนี้ เขายังขู่ด้วยว่าถ้าอารังยังห้อยต่อยแต่งไม่เลิกเขาจะกระชากผมเธอแล้วเอาไปผูกไว้กับมือจับประตู
อารังนึกภาพตามแล้วรู้สึกหวาดเสียว เลยกลับขึ้นไปแล้วค่อยๆ ลงมาใหม่ พลางบอกว่าเธอเลือกคนไม่ผิด เพราะเขาเป็นชายหนุ่มที่กล้าหาญ อึนโอสั่งให้อารังช่วยแก้มัด แต่อารังปฏิเสธเพราะกลัวว่าเขาจะขว้างเมล็ดถั่วแดงใส่เธอ อึนโอพยายามข่มใจแล้วฝืนยิ้มให้อารัง จากนั้นก็ยืนยันว่าเขาจะไม่ขว้างถั่วใส่เธอแน่นอน อารังไม่เชื่อ อึนโอจึงบอกว่าลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น อารังจึงช่วยแก้มัดให้
เมื่ออึนโอหลุดพ้นจากพันธนาการแล้ว อารังก็ทวงสัญญาด้วยน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ว่า เขาเคยรับปากเอาไว้ว่าจะช่วยเธอถ้าหากเขาเป็นนายอำเภอ อึนโอถามว่าทำไมต้องพูดด้วยน้ำเสียงชวนขนลุกด้วย อารังบอกว่าปกติแล้วเธอก็ไม่ได้พูดแบบนั้น แต่มีคนบอกว่าถ้าพูดกับผู้ชายอย่างสุภาพและอ่อนหวาน ก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ (เธอพูดพลางเอามือเสยผมเพื่ออวดต้นคอด้วยทีท่าเย้ายวน ก่อนส่งสายตาหยาดเยิ้มให้อึนโอ)
อึนโอคาดคั้นว่า เธอฆ่านายอำเภอคนก่อนๆ เพราะยั่วยวนพวกเขาไม่สำเร็จใช่ไหม อารังถอนใจแล้วกล่าวว่าเธอถูกปรักปรำ จากนั้นก็เริ่มร้องไห้กระซิกๆ แล้วเล่าว่า...ใช่ว่าทุกคนจะมองเห็นผี เธออยากมาขอความช่วยเหลือจากนายอำเภอ แต่พวกเขามองไม่เห็นเธอ เธอเลยต้องกินสมุนไพรหายากที่มีชื่อว่า "ปุย-กร้า" (ปุยนึน หมายถึง มองเห็นได้ + กร้า) เพื่อให้นายอำเภอมองเห็นเธอ
ที่ผ่านมาอารังจะเคี้ยวสมุนไพรก่อนเข้าไปขอความช่วยเหลือจากนายอำเภอคนใหม่ในคืนแรกที่พวกเขาเข้ารับตำแหน่ง แทนที่จะไปแบบคนธรรมดา เธอกลับเรียกนายอำเภอคนแรกด้วยน้ำเสียงสุดหลอนก่อนปรากฏกายตรงหน้าในสภาพหัวฟู เนื้อตัวมอมแมม ทำให้นายอำเภอที่หัวใจอ่อนแออยู่แล้วถึงกับหัวใจวายตาย ครั้นมีนายอำเภอคนใหม่มาทำหน้าที่แทน เธอก็ใส่ใจเสื้อผ้าหน้าผมมากขึ้น แต่เนื่องจากเหลือสมุนไพรแค่เม็ดเดียวเธอเลยเคี้ยวไปครึ่งหนึ่ง ทำให้นายอำเภอคนที่สองซึ่งเป็นคนขวัญอ่อน เห็นร่างเธอเพียงครึ่งท่อน (ท่อนบน) เลยหงายหลังช็อคตายไปอีกคน ส่วนนายอำเภอคนที่สามเป็นชายชาตินักรบที่มีจิตใจแข็งแกร่ง แถมยังตะโกนเรียกผีตลอดเวลา เธอจึงค่อยๆ ลอยลงมาจากบนเพดานในสภาพครึ่งตัว (ครึ่งล่าง) นายอำเภอคนดังกล่าวเห็นผีครึ่งตัวแล้วได้แต่อึ้งพูดไม่ออก จากนั้นก็ช็อคตายอีกตามเคย
อารังเค้นเสียงรำพึงรำพันว่าไม่ใช่ความผิดของตน อึนโอฟังแล้วแสลงหูเลยบอกให้เธอพูดด้วยน้ำเสียงปกติ อารังกระแอมก่อนพูดกับอึนโอว่า เธอเห็นเขายังหนุ่มและเป็นคนเข้มแข็ง ผิดกลับนายอำเภอคนก่อนๆ ที่ทั้งแก่และใจเสาะ เธอเลยอยากให้อึนโอได้เป็นนายอำเภอคนใหม่ เพื่อที่เขาจะได้ช่วยเหลือเธอ
อึนโอกล่าวอย่างไม่แยแสว่าอารังกำลังเสียเวลาเปล่า ถ้าเธออยากให้เขาช่วยจริงๆ เธอก็ต้องกลับไปเป็นมนุษย์ เพราะเขาไม่ชอบและไม่อยากยุ่งเรื่องของผี อารังพูดเศร้าๆ ว่าถ้าทำได้เธอคงทำไปนานแล้ว อึนโอไม่ตกหลุมพราง แถมยังเอ่ยปากไล่อารัง อารังรู้จุดอ่อนของอึนโอเลยพูดจี้ใจดำว่า แม่ของเขาหายตัวไปไม่ใช่หรือ ดูเหมือนว่าทั้งพ่อและแม่ของเธอก็หายตัวไปเช่นกัน เธอจึงอยากออกตามหาพวกท่านเพื่อกล่าวอำลาครั้งสุดท้าย พูดจบอารังก็เริ่มร้องไห้ขอความเห็นใจ เมื่ออึนโอ (ซึ่งนั่งหันหลังให้) หันหน้ากลับมา อารังก็ทำหน้าน่าสงสาร จากนั้นก็บีบน้ำตาแล้วขอร้องให้อึนโอช่วย แต่อึนโอกลับพูดว่า "ไสหัวไป" อารังปาดน้ำตาทิ้งด้วยความเจ็บใจและจากไปเงียบๆ
จูวอลยืนมองพระจันทร์เต็มดวงแล้วนึกถึงคำเตือนของบิดา ระหว่างนั้นมีผู้หญิงสามคนเดินผ่านมาแล้วพูดถึงตำนานอาถรรพ์เกี่ยวกับ "ยูนดัล" ซึ่งมีพระจันทร์เต็มดวง 2 ดวง (หมายถึง ปีอธิกมาศที่มีเดือน 8 สองหน โดยจะเกิดขึ้นทุกๆ 3 ปี) ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมักจะมีผู้หญิงหายตัวไปอย่างลึกลับ จูวอลจ้องมองหญิงสาวเหล่านั้นด้วยสายตาคมกริบ และเมื่อพวกเธอเดินผ่านไปเขาก็ขยับแหวนแล้วยกขึ้นมาดู จากนั้นก็หันกลับไปมองเหล่าหญิงสาวด้วยความผิดหวัง
วันรุ่งขึ้น สามเกลอแบกโลงไม้เตรียมมาเก็บศพอึนโอ แต่แล้วพวกเขากลับพบว่าอึนโอยังไม่ตาย อึนโอถอดชุดนายอำเภอออก แล้วร้องหาเสื้อผ้าตัวเดิมของเขา โดลแซวิ่งมาหาอึนโอถึงที่ว่าการนายอำเภอ แล้วตำหนิสามเกลอที่บังอาจลักพาตัว "นาย" ของตนมา เมื่อรู้ว่าอึนโอเป็นบุตรชายขุนนางใหญ่ สามเกลอจึงรีบขอโทษและร้องขอความเมตตา
อารังรีบดึงเสื้อมาปิดหน้าอก พลางจ้องหน้าจับผิดอึนโอ ส่วนอึนโอก็จ้องเธอตาไม่กระพริบเช่นกัน อารังเริ่มสงสัยว่าอึนโออาจมองเห็นเธอ จึงรีบผูกสายเสื้อแล้วโบกมือไปมา จากนั้นก็ถามว่า "เจ้าเห็นข้ามั๊ย" อึนโอนั่งตัวแข็งไม่กระพริบตา พลางตอบในใจว่า "ไม่เห็น" อารังรู้สึกว่าอึนโอกำลังจ้องตาเธออยู่ จึงโบกมืออีกครั้งแล้วถามว่า "มองเห็นข้ามั๊ย" อึนโอตอบในใจ "ก็บอกแล้วไงว่าไม่เห็น"
อารังยื่นหน้าเข้าไปหาอึนโอแล้วถามอีกครั้งว่าเห็นเธอมั๊ย แต่อึนโอก็ยังนั่งนิ่งไม่ยอมกระพริบตา อารังจึงลองเอานิ้วจิ้มที่ใบหน้าอึนโอเพื่อทดสอบ อึนโอบอกตัวเองให้อดทนเข้าไว้และไม่ต้องไปสนใจ อารังทำท่าว่าจะเป่าลมใส่ตาอึนโอ แต่จู่ๆ โดลแซก็กรนออกมาเสียงดังลั่น อารังถึงกับผงะด้วยความตกใจ เธอลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งบนตัวโดลแซ จากนั้นก็จ้องหน้าอึนโอแล้วพูดว่า "มองไม่เห็นสิท่า ถึงว่าดูท่าทางไม่เหมือนคนทรงสักนิด" อารังนึกสงสัยว่าทำไมอึนโอถึงมาเดินข้ามเขาในเวลากลางคืน จากนั้นก็ถอนใจแล้วสรุปกับตัวเองว่าเรื่องของคนอื่นไม่มีทางทางเทียบได้กับเรื่องของเธอ
แม้จะเข้าใจว่าอึนโอมองไม่เห็นผีและไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด แต่อารังก็อดชวนคุยไม่ได้ เธอถามอึนโอว่าอยากฟังเรื่องของเธอไหม (อึนโอตอบในใจว่าไม่อยากฟัง) อารังเริ่มต้นเล่าโดยบอกว่าชีวิตเธอนั้นเหลือเชื่อจริงๆ (อึนโอนึกในใจว่าอย่าเล่าเพราะเขาไม่ได้ยิน) วันหนึ่งเธอตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังเดินตามเทวทูตแห่งความตาย ในตอนนั้นร่างของเธอถูกมัดด้วยเชือกสีแดง แต่อยู่ๆ เชือกที่ผูกตัวเธอไว้ก็หลุดออก เธอจึงวิ่งหนีออกมาได้ และที่น่าแปลกก็คือเธอจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้เลย แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร แม้แต่ชื่อก็จำไม่ได้ และไม่รู้ว่าตัวเองตายได้ยังไง
อารังถามอึนโอ "เจ้ารู้มั๊ยว่าข้าเป็นใคร" พลางบ่นว่าถ้าอึนโอมองเห็นเธอก็คงดี เธอจะได้ขอความช่วยเหลือจากเขา อึนโอแกล้งทำเป็นหาวแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ โดลแซ อารังบ่นว่าอะไรกันจะนอนแล้วหรือ ทำไมถึงไม่ฟังเรื่องของเธอต่ออีกสักหน่อย (อึนโอแอบบ่นในใจว่าคำพูดของเธอนั้นช่างบาดหู) อารังเดินมานั่งเล่าต่อข้างๆ พลางบอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดต้องเป็นฝีมือของมหาเทพแห่งสรวงสวรรค์แน่ๆ อารังเห็นอึนโอนอนหลับตาเลยถามว่าหลับแล้วเหรอ เธอพูดเศร้าๆ ว่าอยากให้อึนโอรับฟังเรื่องราวของเธอ เพราะเธอไม่มีคนพูดคุยด้วย แต่อึนโอรู้สึกรำคาญที่อารังจ้อไม่หยุด เลยนึกประชดในใจว่าผีสาวตนนี้คงตายเพราะไม่ได้พูด เมื่อเห็นอึนโอนอนนิ่งเธอจึงล้มตัวลงนอนข้างๆ เขา (อึนโอได้แต่ไล่ในใจว่าไปให้พ้น) อารังนอนมองใบหน้าอันหล่อเหลาของอึนโอพลางยิ้มแล้วอวยพรให้เขานอนหลับฝันดี ก่อนที่จะนอนพักผ่อนเช่นกัน
เมื่ออึนโอตื่นขึ้นในตอนเช้าก็พบว่าอารังหายไปแล้ว เขาจึงหันไปปลุกโดลแซ แล้วออกเดินทางไปยังเมืองมีรยาง เมื่อไปถึงตลาด เขาและชาวบ้านต่างก็ต้องหลีกทางให้กับขบวนของใต้เท้าเช ซึ่งเป็นขุนนางขาใหญ่ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเมืองมีรยาง (ถึงแม้ว่าจะถูกลดขั้นแล้วก็ตาม) โดลแซกำลังจะเล่าว่าใครเป็นต้นเหตุที่ทำให้ใต้เท้าเชถูกลดขั้น แต่แล้วก็ถูกขัดจังหวะเมื่อมีชาวบ้านมาตะโกนขอความเมตตาจากใต้เท้าเช เนื่องจากไม่ต้องการทิ้งพ่อแม่ที่แก่เฒ่าเพื่อไปทำงานไกลๆ (ถูกบังคับให้ไปเป็นคนงาน) แม้จะเป็นเพียงชนชั้นต่ำแต่เขาก็รู้ว่ากฏหมายโชซอนมีข้อยกเว้นในเรื่องนี้ให้ หลังนำข้อกฏหมายมากล่าวอ้าง ใต้เท้าเชก็ส่งสัญญาณให้ลูกสมุนรุมยำชายคนดังกล่าวทันที
โดลแซเห็นแล้วได้แต่พูดว่า "ใครก็ได้ช่วยหยุดคนพวกนี้ที" อึนโอยืนดูชาวบ้านถูกรุมทำร้ายพลางถามโดลแซ "เจ้าไม่รู้เหรอว่า เวลาที่ข้าเห็นความอยุติธรรม...." โดลแซพูดสวนว่า "ท่านจะไม่เข้าไปยุ่ง" อึนโอกำลังจะเดินหนี แต่ก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงชาวบ้านคนดังกล่าวร้องขอความเมตตาจากจูวอลซึ่งเป็นบุตรชายของใต้เท้าเช ลูกสมุนใต้เท้าเชทำท่าว่าจะทุบตีชายคนดังกล่าวอีกครั้งแต่จูวอลห้ามไว้และบอกให้ชายคนนั้นรีบไปจากที่นี่ ชายคนดังกล่าวพยายามอ้อนวอนขอความเมตตาจากจูวอลอีกครั้ง แต่พอเห็นสายตาอันโหดเหี้ยมเย็นชาของจูวอลแล้วเขาก็หยุดอ้อนวอนแล้วรีบเดินจากไป
โดลแซประชดอึนโอด้วยการกล่าวชมจูวอลที่ไม่เพิกเฉยต่อความอยุติธรรม จากนั้นก็เล่าว่าใต้เท้าเชกำลังจะสร้างพระตำหนักกลางแม่น้ำ เลยเกณฑ์ชาวบ้านไปเป็นคนงาน ส่วนใครที่ไม่ได้ลงแรงก็ถูกรีดภาษี อึนโอถามแกมประชดว่าในโลกนี้มีเรื่องอะไรที่โดลแซไม่รู้บ้าง โดลแซแนะนำอึนโอให้ใส่ใจเรื่องราวบนโลกบ้าง เพราะคน (รับใช้) อย่างเขารู้แล้วจะมีประโยชน์อะไร อึนโอกล่าวว่า คนอย่างตนรู้ไปก็ไม่เกิดประโยชน์อันใดเช่นกัน จากนั้นก็บอกให้โดลแซมุ่งหน้าไปยังที่พักก่อน
อึนโอรู้ว่ากำลังถูกติดตามจึงพยายามเดินหนี เมื่อเห็นว่าหนีไม่พ้นเขาจึงหันกลับมาถามว่า "ตามข้ามาทำไม" ปรากฏว่าผู้ที่ติดตามเขาก็คือเหล่าผีที่พากันมาขอความช่วยเหลือเพราะได้ยินว่าอึนโอมองเห็นผี อึนโอไม่อยากรับรู้จึงปฏิเสธทันทีว่าตนมองไม่เห็น ผีชราไม่เชื่อจึงคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วบอกว่าลูกสาวของตนเชื่อว่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอคือผู้มีพระคุณ และกำลังจะแต่งงานกับเขา อึนโอทำหน้ารำคาญ ผีชราจึงก้มลงกราบแต่กลับถูกอึนโอขับไล่อย่างไม่ไยดี ผีชราลุกขึ้นอ้อนวอน แต่อึนโอยังคงปฏิเสธว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน... อารังนั่งมองเหตุการณ์ทั้งหมดจากบนหลังคา จึงรู้ว่าแท้จริงแล้วอึนโอแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเธอ
อีนโอไปสืบข่าวคราวเกี่ยวกับแม่ของเขาที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เจ้าของโรงเตี๊ยมจำได้ว่าแม่ของอึนโอเคยมาแวะพักที่นี่เมื่อ 3 ปีก่อน แต่เธอไม่รู้ว่าแม่อึนโอกำลังจะเดินทางไปที่ไหน หลังสอบถามข้อมูลจากเจ้าของโรงเตี๊ยมแล้ว อึนโองรู้ว่ากำลังถูกผีติดตาม จึงคว้าข้อมือผีตนดังกล่าวเอาไว้ และผีตนนั้นก็คืออารังนั่นเอง
อารังประหลาดใจปนทึ่งเมื่อรู้ว่าอึนโอไม่เพียงมองเห็น แต่ยังจับต้องตัวเธอได้ด้วย อึนโอถามว่า "เจ้าตามข้ามาทำไม" อารังไม่ตอบแต่ถามกลับว่า "เจ้ากำลังตามหาใครอยู่หรือ" อึนโอไม่ตอบเช่นกัน เขาสั่งเสียงเข้มว่า "ห้ามตามมาอีก" แล้วเดินจากไป อารังถามอีกครั้งว่ากำลังตามหาแม่ใช่ไหม เมื่อเห็นอึนโอหยุดเดินแล้วหันกลับมา อารังดีใจสุดๆ ที่ตนเองทายถูก แต่อึนโอทำหน้าเข้มแล้วถามว่า "อยากตายนักรึไง" อารังทำหน้าจ๋อยที่โดนดุ ก่อนจะเตือนอึนโอว่า เธอ "ตายแล้ว"
อึนโอไม่อยากเสียเวลาต่อปากต่อคำกับอารัง จึงหันหลังกลับแล้วเดินจากไป อารังทักท้วงว่าเขาจะเดินหนีหน้าตาเฉยอย่างนี้ไม่ได้ อึนโอกล่าวว่าเขาไม่ชอบสนทนากับพวกภูตผี อารังเดินตามแล้วถามว่าทำไมถึงแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเธอเมื่อคืนนี้ อึนโอพูดคำเดิมว่าเขาไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น อารังพูดต่อว่า ที่ผ่านมาคงมีเหล่าภูตผีแวะเวียนกันมาขอความช่วยเหลือจนเขารู้สึกรำคาญ อึนโอรีบบอกว่า "ถ้ารู้แล้วก็ไสหัวไปซะ" อารังกล่าวว่าเธอจะไปจากอึนโอได้อย่างไร ในเมื่อเธอกับเขานอนด้วยกันแล้ว!!
อึนโอหันขวับพลางโวยวายลั่นว่าหมายความว่ายังไง อารังจ้องหน้าอึนโอแล้วทวนความจำให้ว่า เขาและเธอนอนด้วยกันเมื่อคืนนี้ อึนโอทำหน้าเหวอ อารังพูดต่อด้วยท่าทีที่เขินอายว่า "เรานอนด้วยกันแต่ไม่ได้มีอะไรกัน" อึนโอฟังแล้วได้แต่อึ้งจนพูดไม่ออก
อีกด้านหนึ่งโดลแซก็กำลังอ่านประกาศรับสมัครนายอำเภอคนใหม่ประจำเมืองมีรยาง ที่ระบุว่า "ไม่ต้องสอบสัมภาษณ์ ไม่สนใจวุฒิการศึกษา และต้องการด่วน" โดลแซอ่านแล้วฟันธงว่ามีรยางเป็นเมืองผีสิงจริงๆ
อารังยังคงวิ่งตามอึนโออย่างไม่ลดละ พลางเล่าว่าอยู่ๆ เธอก็ตายและจำอะไรไม่ได้เลย อึนโอบอกให้อารังเลิกพูดเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา อารังวิ่งปาดหน้าแล้วถามว่า ได้ยินทุกอย่างเลยหรือ แล้วทำไมถึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน อึนโอไม่ตอบแต่พูดคำเดิมซ้ำๆ เช่นกันว่า "ไปให้พ้น" อารังขอร้องให้อึนโอช่วยรับฟังและสืบหาว่าเธอเป็นใคร เมื่อเห็นว่าอารังตื๊อไม่เลิก อึนโอจึงล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อแล้วหยิบของบางอย่างมากำไว้ในมือ อารังมองมืออีนโอด้วยความสงสัย อึนโอแสยะยิ้มแล้วแบมือออก อารังเห็นเมล็ดถั่วแดงในมืออึนโอแล้วถึงกับผงะด้วยความตกใจกลัว
อึนโอบอกว่าปกติแล้วเขาไม่ค่อยได้นำมันออกมาใช้ แต่จะพกไว้ไล่ผีที่ตื๊อไม่เลิกอย่างอารัง อารังค่อยๆ ถอยหลังด้วยความกลัวก่อนจะยกแขนปกปิดใบหน้า อึนโอแกล้งโยนเมล็ดถั่วไปทางอื่นแล้วขู่ว่าถ้าอารังยังคงตื๊อไม่เลิก คราวหน้าเขาจะขว้างเมล็ดถั่วใส่อารังจริงๆ อารังทั้งโกรธและเสียใจจึงตะโกนไล่หลังอึนโอว่า แค่สืบหาว่าเธอเป็นใครมันจะยากเย็นอะไรนักหนา อึนโอบอกให้อารังไปขอความช่วยเหลือจากทางการ อารังตอบว่าเธอเองก็อยากทำเช่นนั้น แต่ตอนนี้ที่นี่ไม่มีนายอำเภอ อึนโอตอบว่าสิ่งที่อารังร้องขอนั้นไม่ใช่หน้าที่ตน เพราะตนไม่ใช่นายอำเภอ
อารังถามอย่างมีความหวังว่า ถ้าเขาเป็นนายอำเภอแล้วจะช่วยทำตามที่เธอร้องขอไหม อึนโอคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ จึงตัดความรำคาญด้วยการตอบว่า แน่นอน เขาต้องช่วยเธอแน่ถ้าหากเขาเป็นนายอำเภอ อารังทำหน้าเจ้าเล่ห์แล้วพูดเบาๆ ว่า "สัญญาแล้วนะ"
จูวอลถูกใต้เท้าเชเรียกมาตำหนิเรื่องที่เขาใจอ่อน ไม่ยอมลงโทษชาวบ้านที่บังอาจมาร้องขอความเมตตา ใต้เท้าเชต้องการลงโทษชาวบ้านสถานหนัก เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู จะได้ไม่มีใครกล้าหืออีกต่อไป จูวอลอ้างว่าเขาแค่ไม่อยากเสียเวลาเดินทาง ใต้เท้าเชยังเตือนจูวอลด้วยว่าใกล้ถึงวันพระจันทร์เต็มดวงแล้ว "ภารกิจ" ที่จูวอลกำลังทำอยู่อาจไม่ราบรื่น เพราะ "พวกนั้น" อาจรู้สึกหวาดกลัว อย่าคิดว่าการตามหา "ผู้หญิง" เหล่านั้นเป็นเรื่องง่าย และอย่าหวังว่าจะมีใครนำตัวพวกเธอมาส่ง เขาจะต้องเป็นคนออกตามหาเองถ้ายังอยากให้ "ไฟ" ดวงเล็กๆ ของตนถูกจุดอยู่ข้าง "คนๆ นั้น" จูวอลสวนกลับว่า ไฟดวงเล็กๆ ของเขาอาจเทียบไม่ได้กับของพ่อ แต่ถ้าเขาทำงานไม่สำเร็จ ไฟของพ่อก็อาจดับมอดลงเช่นกัน
อารัง ไปขอความช่วยเหลือจากพังอูล สาวน้อยคนทรงที่กำลังผิดหวังเพราะถูกลูกค้าทวงเงินคืน (อีกแล้วเพราะทำนายไม่แม่น) เมื่อรู้ว่าอารังมาหา พังอูลก็ร้องว่าอารังผิดสัญญาที่บอกว่าจะไม่มารบกวนเธออีก จากนั้นก็พยายามมองหาว่าอารังอยู่ไหน (เธอได้ยิน แต่มองไม่เห็นอารัง) อารังส่ายหัวเมื่อรู้ว่าพรสวรรค์ของพังอูลมาเป็นพักๆ เหมือนเช่นเคย แต่เนื่องจากเธอไม่มีตัวเลือกมากนักเลยจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากพังอูล พังอูลรู้ว่าไม่อาจปฏิเสธจึงได้แต่ร้องคร่ำครวญว่าคราวนี้จะให้ทำอะไรอีก
คืนนั้นสามเกลอ (อีบัง, เอบัง, ฮยองบัง) ต่างพากันนั่งวิตกกังวล เนื่องจากเหลือเวลาอีก 2 วันก็จะครบกำหนดเส้นตายในการหานายอำเภอคนใหม่ หากยังหานายอำเภอไม่ได้พวกเขาจะมีโทษถึงตาย นับว่ายังโชคดีที่พังอูลเข้ามาช่วยชี้ทางสว่างให้ พอรู้วิธีแล้วสามเกลอก็ส่งข่าวไปยังเมืองฮันยาง แล้วรีบวิ่งหน้าตั้งออกไปตามหานายอำเภอคนใหม่ทันที (พวกเขาเชื่อว่าถึงยังไงนายอำเภอคนใหม่ก็ต้องโดนผีหลอกตายในคืนแรกที่เข้ารับตำแหน่ง จึงไม่สนใจว่าคนที่กำลังตามหาเป็นใคร เพราะราชโองการระบุให้พวกเขารีบแต่งตั้งนายอำเภอคนใหม่ แต่ไม่ได้สั่งให้ดูแลความปลอดภัยของนายอำเภอ)
ทั้งสามคนมุ่งหน้ามายังโรงเตี๊ยมแล้วพบว่าอึนโอกำลังยืนอยู่ด้านหน้าห้องพักตามลำพัง ขณะที่อึนโอกำลังจะเดินกลับเข้าห้อง สามเกลอก็เอาไม้มาตีหัวอึนโอ ก่อนที่จะนำผ้ามาคลุมหัวแล้วรีบอุ้มออกไปด้วยความดีใจ อารังนั่งมองเหตุการณ์ทั้งหมดบนหลังคา แล้วพูดว่า "เจ้าไม่ควรรับปากใครเรื่อยเปื่อย"
เมื่อฟื้นขึ้นมาอึนโอก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องโดยสวมชุดนายอำเภอ แถมยังถูกมัดมือมัดเท้าอีกต่างหาก อีบังซึ่งอยู่นอกห้องรู้ว่าอึนโอฟื้นจึงรีบประกาศแต่งตั้งอึนโอให้เป็นนายอำเภอคนใหม่ทันที สามเกลอเชื่อว่าคืนนี้อึนโอไม่รอดแน่จึงปรึกษากันว่าจะใช้ไม้อะไรมาทำเป็นโลงศพให้อึนโอดี
อึนโอพยายามดิ้นแล้วร้องตะโกนให้คนข้างนอก (สามเกลอ) ช่วยแก้มัด พลางขอคำอธิบายว่าทำไมอยู่ๆ ตนจึงถูกแต่งตั้งให้เป็นนายอำเภอ ทันใดนั้น เปลวเทียนก็เริ่มสั่นไหว อึนโอรู้ตัวว่ากำลังโดนผีหลอกเช่นเดียวกับนายอำเภอคนก่อนๆ แทนที่จะหวาดกลัวเขากลับรู้สึกโกรธ จึงสั่งให้ผีตนดังกล่าวปรากฏกายออกมา ผีสาวหัวเราะก่อนจะค่อยๆ ห้อยหัวลงมาจากบนเพดาน เมื่ออึนโอเห็นว่าผีตนดังกล่าวคืออารังก็รู้สึกเอือมระอา เลยสั่งให้เธอลงมาดีๆ ไม่ใช่โผล่มาในสภาพห้อยหัวเช่นนี้ เขายังขู่ด้วยว่าถ้าอารังยังห้อยต่อยแต่งไม่เลิกเขาจะกระชากผมเธอแล้วเอาไปผูกไว้กับมือจับประตู
อารังนึกภาพตามแล้วรู้สึกหวาดเสียว เลยกลับขึ้นไปแล้วค่อยๆ ลงมาใหม่ พลางบอกว่าเธอเลือกคนไม่ผิด เพราะเขาเป็นชายหนุ่มที่กล้าหาญ อึนโอสั่งให้อารังช่วยแก้มัด แต่อารังปฏิเสธเพราะกลัวว่าเขาจะขว้างเมล็ดถั่วแดงใส่เธอ อึนโอพยายามข่มใจแล้วฝืนยิ้มให้อารัง จากนั้นก็ยืนยันว่าเขาจะไม่ขว้างถั่วใส่เธอแน่นอน อารังไม่เชื่อ อึนโอจึงบอกว่าลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น อารังจึงช่วยแก้มัดให้
เมื่ออึนโอหลุดพ้นจากพันธนาการแล้ว อารังก็ทวงสัญญาด้วยน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ว่า เขาเคยรับปากเอาไว้ว่าจะช่วยเธอถ้าหากเขาเป็นนายอำเภอ อึนโอถามว่าทำไมต้องพูดด้วยน้ำเสียงชวนขนลุกด้วย อารังบอกว่าปกติแล้วเธอก็ไม่ได้พูดแบบนั้น แต่มีคนบอกว่าถ้าพูดกับผู้ชายอย่างสุภาพและอ่อนหวาน ก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ (เธอพูดพลางเอามือเสยผมเพื่ออวดต้นคอด้วยทีท่าเย้ายวน ก่อนส่งสายตาหยาดเยิ้มให้อึนโอ)
อึนโอคาดคั้นว่า เธอฆ่านายอำเภอคนก่อนๆ เพราะยั่วยวนพวกเขาไม่สำเร็จใช่ไหม อารังถอนใจแล้วกล่าวว่าเธอถูกปรักปรำ จากนั้นก็เริ่มร้องไห้กระซิกๆ แล้วเล่าว่า...ใช่ว่าทุกคนจะมองเห็นผี เธออยากมาขอความช่วยเหลือจากนายอำเภอ แต่พวกเขามองไม่เห็นเธอ เธอเลยต้องกินสมุนไพรหายากที่มีชื่อว่า "ปุย-กร้า" (ปุยนึน หมายถึง มองเห็นได้ + กร้า) เพื่อให้นายอำเภอมองเห็นเธอ
ที่ผ่านมาอารังจะเคี้ยวสมุนไพรก่อนเข้าไปขอความช่วยเหลือจากนายอำเภอคนใหม่ในคืนแรกที่พวกเขาเข้ารับตำแหน่ง แทนที่จะไปแบบคนธรรมดา เธอกลับเรียกนายอำเภอคนแรกด้วยน้ำเสียงสุดหลอนก่อนปรากฏกายตรงหน้าในสภาพหัวฟู เนื้อตัวมอมแมม ทำให้นายอำเภอที่หัวใจอ่อนแออยู่แล้วถึงกับหัวใจวายตาย ครั้นมีนายอำเภอคนใหม่มาทำหน้าที่แทน เธอก็ใส่ใจเสื้อผ้าหน้าผมมากขึ้น แต่เนื่องจากเหลือสมุนไพรแค่เม็ดเดียวเธอเลยเคี้ยวไปครึ่งหนึ่ง ทำให้นายอำเภอคนที่สองซึ่งเป็นคนขวัญอ่อน เห็นร่างเธอเพียงครึ่งท่อน (ท่อนบน) เลยหงายหลังช็อคตายไปอีกคน ส่วนนายอำเภอคนที่สามเป็นชายชาตินักรบที่มีจิตใจแข็งแกร่ง แถมยังตะโกนเรียกผีตลอดเวลา เธอจึงค่อยๆ ลอยลงมาจากบนเพดานในสภาพครึ่งตัว (ครึ่งล่าง) นายอำเภอคนดังกล่าวเห็นผีครึ่งตัวแล้วได้แต่อึ้งพูดไม่ออก จากนั้นก็ช็อคตายอีกตามเคย
อารังเค้นเสียงรำพึงรำพันว่าไม่ใช่ความผิดของตน อึนโอฟังแล้วแสลงหูเลยบอกให้เธอพูดด้วยน้ำเสียงปกติ อารังกระแอมก่อนพูดกับอึนโอว่า เธอเห็นเขายังหนุ่มและเป็นคนเข้มแข็ง ผิดกลับนายอำเภอคนก่อนๆ ที่ทั้งแก่และใจเสาะ เธอเลยอยากให้อึนโอได้เป็นนายอำเภอคนใหม่ เพื่อที่เขาจะได้ช่วยเหลือเธอ
อึนโอกล่าวอย่างไม่แยแสว่าอารังกำลังเสียเวลาเปล่า ถ้าเธออยากให้เขาช่วยจริงๆ เธอก็ต้องกลับไปเป็นมนุษย์ เพราะเขาไม่ชอบและไม่อยากยุ่งเรื่องของผี อารังพูดเศร้าๆ ว่าถ้าทำได้เธอคงทำไปนานแล้ว อึนโอไม่ตกหลุมพราง แถมยังเอ่ยปากไล่อารัง อารังรู้จุดอ่อนของอึนโอเลยพูดจี้ใจดำว่า แม่ของเขาหายตัวไปไม่ใช่หรือ ดูเหมือนว่าทั้งพ่อและแม่ของเธอก็หายตัวไปเช่นกัน เธอจึงอยากออกตามหาพวกท่านเพื่อกล่าวอำลาครั้งสุดท้าย พูดจบอารังก็เริ่มร้องไห้ขอความเห็นใจ เมื่ออึนโอ (ซึ่งนั่งหันหลังให้) หันหน้ากลับมา อารังก็ทำหน้าน่าสงสาร จากนั้นก็บีบน้ำตาแล้วขอร้องให้อึนโอช่วย แต่อึนโอกลับพูดว่า "ไสหัวไป" อารังปาดน้ำตาทิ้งด้วยความเจ็บใจและจากไปเงียบๆ
จูวอลยืนมองพระจันทร์เต็มดวงแล้วนึกถึงคำเตือนของบิดา ระหว่างนั้นมีผู้หญิงสามคนเดินผ่านมาแล้วพูดถึงตำนานอาถรรพ์เกี่ยวกับ "ยูนดัล" ซึ่งมีพระจันทร์เต็มดวง 2 ดวง (หมายถึง ปีอธิกมาศที่มีเดือน 8 สองหน โดยจะเกิดขึ้นทุกๆ 3 ปี) ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมักจะมีผู้หญิงหายตัวไปอย่างลึกลับ จูวอลจ้องมองหญิงสาวเหล่านั้นด้วยสายตาคมกริบ และเมื่อพวกเธอเดินผ่านไปเขาก็ขยับแหวนแล้วยกขึ้นมาดู จากนั้นก็หันกลับไปมองเหล่าหญิงสาวด้วยความผิดหวัง
วันรุ่งขึ้น สามเกลอแบกโลงไม้เตรียมมาเก็บศพอึนโอ แต่แล้วพวกเขากลับพบว่าอึนโอยังไม่ตาย อึนโอถอดชุดนายอำเภอออก แล้วร้องหาเสื้อผ้าตัวเดิมของเขา โดลแซวิ่งมาหาอึนโอถึงที่ว่าการนายอำเภอ แล้วตำหนิสามเกลอที่บังอาจลักพาตัว "นาย" ของตนมา เมื่อรู้ว่าอึนโอเป็นบุตรชายขุนนางใหญ่ สามเกลอจึงรีบขอโทษและร้องขอความเมตตา
อารังทานอาหารกับพังวูลแล้วบ่นว่าเธอทำตามที่พังวูลแนะนำทุกอย่าง แต่ก็โน้มน้าวใจอึนโอไม่สำเร็จ พังวูลเปรยว่าอารังคงเป็นผีที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ ทั้งยังต่อว่าอารังที่ไม่ยอมบอกแต่แรกว่าตนเองขี้เหร่ (จะได้ไม่เสียเวลาวางแผนให้อารังเป็นผียั่วสวาท) อารังแย้งว่า เธอเองก็ไม่รู้ว่าหน้าตาตนเป็นอย่างไร เพราะมองไม่เห็น พังวูลแนะนำว่าถ้าอย่างนั้นอารังก็ต้องแต่งหน้าทาปากและใส่เสื้อผ้าสวยๆ แต่ปัญหาก็คือ เธอไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าเครื่องสำอางให้อารัง
อารังทำหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนวางแผนให้พังวูลออกไปขโมยของในตลาด โดยที่อารังจะคอยส่งสัญญาณและช่วยดูต้นทางให้ แม้จะกลัวโดนจับแต่พังวูลก็ยอมทำตาม เพราะอารังรับปากว่าจะช่วยไม่ให้เธอถูกจับและจะไม่มารบกวนเธออีก ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะราบรื่นจนกระทั่งพังวูลเดินมาเจอเจ้าหน้าที่กองปราบ ด้วยความตกใจกลัว พังวูลจึงแสดงท่าทีมีพิรุธ และทำของ (ที่ขโมยมา) ตก ซ้ำร้ายเหล่าแม่ค้าที่วิ่งตามมาพากันชี้ไปที่พังวูลแล้วร้องตะโกนบอกเจ้าหน้าที่กองปราบว่า "ขโมยๆ"
พังวูลเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งหนีไป ขณะนั้นอึนโอและโดลแซผ่านมาที่ตลาดพอดี อึนโอเห็นพังวูลวิ่งหนีหน้าตั้งโดยมีเจ้าหน้าที่ เหล่าแม่ค้า และผีสาวอารัง วิ่งไล่หลังมาติดๆ เขาจึงหยุดดูด้วยความสนใจ สุดท้ายพังวูลก็หนีไม่รอดและจนมุมในที่สุด ขณะที่พังวูลกำลังถูกเจ้าหน้าที่และเหล่าแม่ค้าล้อมกรอบ อารังก็นึกถึงคำพูดของพังวูลที่เคยบอกว่าถ้าคนทรงอย่างเธอโดนจับข้อหาลักทรัพย์ เธอจะมีโทษถึงตาย อารังไม่อยากให้พังวูลโดนจับจึงออกโรงช่วยด้วยการเข้าไปทำร้ายเหล่าแม่ค้าและเจ้าหน้าที่ เพื่อเปิดทางให้พังวูลหลบหนี
เหล่าผีเร่ร่อนเห็นอารังอาละวาดทำร้ายมนุษย์ จึงกลัวว่าเธอจะนำความเดือดร้อนมาสู่พวกตน พวกเขาเชื่อว่าอีกไม่นานเหล่ายมทูตจะต้องลงมาไล่จับอารังและผีเร่ร่อนเป็นแน่ อึนโอได้ยินคำพูดของเหล่าผีและเห็นว่าผีทุกตนในละแวกนั้นต่างพากันแหงนหน้ามองฟ้าแล้ววิ่งหนีไป ไม่นานมูยองก็นำเหล่ายมทูตลงมาไล่จับอารังและผีเร่ร่อนต่อหน้าอึนโอ มูยองวิ่งตรงไปที่อารังซึ่งกำลังกระทืบเจ้าหน้าที่กองปราบ ขณะที่ยมทูตคนอื่นๆ ต่างแยกย้ายกันไล่จับผีเร่ร่อน
ทันทีที่เห็นมูยองอารังก็รีบวิ่งหนี อึนโอยืนดูเหตุการณ์ตรงหน้าพลางชั่งใจว่าจะช่วยดีไหม แต่สุดท้ายก็เดินจากไป อารังวิ่งหนีมูยองแบบไม่คิดชีวิต และในขณะที่เธอวิ่งตัดหน้าอึนโอ เขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อมองเห็นปิ่นปักผมของอารัง (ซึ่งเป็นปิ่นที่เขาเคยมอบให้แม่) อึนโอคิดว่าอารังอาจช่วยให้เขาได้เจอแม่จึงตัดสินใจช่วยอารัง เขาคิดว่าถ้าวิ่งตามคงไม่ทันแน่ เลยควบม้าไล่ตามแล้วดึงตัวอารังขึ้นมาบนหลังม้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา