อึนโอเห็นปิ่นของแม่ปักอยู่บนผมอารัง จึงตัดสินใจช่วยเหลืออารังซึ่งกำลังถูกมูยอง (หัวหน้ายมทูต) ไล่ล่า เมื่อรู้ว่าปิ่นปักผมดังกล่าวอยู่กับอารังก่อนที่เธอจะเสียชีวิต เขาจึงคิดที่จะช่วยสืบหาว่าอารังเป็นใคร โดยหวังว่าจะพบเบาะแสของแม่ที่หายตัวไปเมื่อ 3 ปีก่อน
เนื้อหา:
อึนโอถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นอารังปักปิ่นปักผมของแม่ เขาขี่ม้าไล่ตามอารัง แล้วดึงตัวเธอขึ้นมาบนหลังม้า เมื่อเห็นมูยองเร่งฝีเท้าจนไล่ตามมาติดๆ อารังก็หยิบกลีบดอกท้อออกมาจากเสื้อ (ด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด) ก่อนปาใส่มูยองเพื่อสกัดการไล่ล่า หัวหน้ายมทูตมูยองพยายามเบี่ยงตัวหลบและยกแขนขึ้นมาปิดบังใบหน้า แต่ก็ถูกกลีบดอกท้อบาดเป็นแนวยาวบริเวณใต้ตา เมื่อหันกลับไปมองอารังอีกครั้งก็พบว่าเธอทิ้งห่างไปไกลแล้ว
เมื่อมาถึงริมแม่น้ำ อึนโอก็สั่งให้ม้าหยุดแล้วกระโดดลงจากหลังม้าทันที เขาอยากรู้เต็มแก่ว่าปิ่นปักผมของแม่มาอยู่ที่อารังได้อย่างไร เมื่อเห็นอารังยังคงนั่งนิ่งใจลอยอยู่บนหลังม้า อึนโอก็ดึงตัวเธอลงมาแล้วถือวิสาสะดึงปิ่นออกมาดู จากนั้นก็ถามอารังว่าเธอได้ปิ่นมาจากไหน อารังมัวแต่ครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ เลยไม่ได้ยินและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอึนโอดึงปิ่นออกจากผมเธอแล้ว
หลังถูกอึนโอตะคอกใส่อารังก็ได้สติ เธอรีบคว้าปิ่นกลับคืนก่อนตอบว่า ปิ่นอันนี้เป็นของเธอ มันอยู่กับเธอตั้งแต่ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความตาย เมื่อรู้ว่าปิ่นปักผมของแม่อยู่กับอารังตั้งแต่สมัยที่เธอยังมีชีวิต อึนโอจึงเชื่อว่าอารังต้องได้พบแม่ของตนก่อนตายแน่ๆ ดังนั้น อารังจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยไขปริศนาว่าแม่ของเขาอยู่ที่ไหน แต่ปัญหาก็คือ เธอจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้เลย
อารังกล่าวขอบคุณอึนโอที่ช่วยเหลือแล้วเดินจากไปทันที อึนโอมองตามอย่างชั่งใจ ก่อนตัดสินใจบอกอารังว่า "เขาจะช่วยสืบหาว่าเธอเป็นใคร" (อึนโอหวังว่าถ้าความทรงจำของอารังกลับคืนมา เขาอาจได้เบาะแสและข่าวคราวเกี่ยวกับแม่) อารังดีใจสุดขีด ไม่นึกว่าอึนโอจะเปลี่ยนท่าทีกระทันหัน เธอกล่าวชื่นชมอึนโอว่า ตนดูคนไม่ผิดจริงๆ นึกแล้วว่าอึนโอต้องเป็นสุภาพบุรุษผู้กล้าที่มีใจเมตตา
อึนโอช่วยดึงอารังขึ้นมานั่งบนหลังม้า ระหว่างทางอารังถามอึนโอว่า เขาเป็นชายหนุ่มที่กล้าหาญ และมีใจเมตตาใช่ไหม อึนโอตอบว่า อันแรกเขาไม่ค่อยแน่ใจ แต่อย่างหลังไม่ใช่แน่นอน อารังแย้งว่า ถึงแม้ภายนอกอึนโอจะแลดูคล้ายคนเย็นชา แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนอบอุ่น จิตใจดี อึนโอปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่คนดีมีเมตตาอย่างที่อารังพูด แต่อารังมั่นใจเต็มร้อยว่าเธอดูคนออก อึนโอขี้เกียจต่อปากต่อคำจึงบ่นอารังว่า คนเราตายแล้วก็ควรไปอยู่ในภพภูมิของตัวเอง ทำไมถึงยังเร่ร่อนวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์จนตัวเองต้องเดือดร้อนอย่างนี้
อารังตอบว่า คนเราถ้ายังไม่ตายก็อย่าเพิ่งพูด เธอมีเหตุผลจำเป็นถึงต้องทำเช่นนี้ อึนโอถามว่า สืบหาชื่อตัวเองก็เป็นเรื่องจำเป็นด้วยใช่ไหม อารังตอบ จำเป็นพอๆ กับการที่เขาออกตามหาแม่ เพราะเธออึดอัดเต็มทนที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร และไม่ว่าผลจะออกมายังไง ก็ยังดีเสียกว่าการไม่รู้อะไรเลย อึนโอบอกอารังว่า เขาได้ยินยมทูตเรียกเธอว่า "อารัง" แต่เขาจะไม่เรียกเธอเช่นนั้น อารังบอกไม่มีปัญหา เพราะถึงยังไงเธอกับอึนโอก็ไม่สนิทสนมถึงขนาดต้องเรียกชื่อกันอยู่แล้ว
มูยองมาพบท่านมหาเทพฯ บนสรวงสรรค์ เขาหยุดมองเหล่านางฟ้าเหมือนกำลังมองหาใครสักคน ท่านมหาเทพฯ เห็นมูยองยืนนิ่งเหมือนคนใจลอย จึงคิดว่ามูยองกำลังคิดถึงน้องสาว (แม้มูยองจะปฏิเสธว่าไม่ใช่) พระองค์บอกให้มูยองตัดใจลืมเรื่องราวในอดีต (สมัยที่ยังเป็นคน) ก่อนถามว่าจับวิญญาณผีสาวที่หนีไปได้หรือยัง มูยองสารภาพว่ายังจับไม่ได้และกล่าวขออภัย อยู่ๆ ท่านมัจจุราชก็เดินเข้ามาและถามอย่างจับผิดว่าจับไม่ได้จริงๆ หรือ แถมยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าเชือกแดง (ที่มัดอารัง) หลุดได้อย่างไร พูดจบก็จ้องหน้าคาดคั้นท่านมหาเทพฯ
ท่านมหาเทพฯ ตอบว่า "เมื่อถึงเวลาวิญญาณหญิงผู้นั้นจะมาที่นี่ด้วยตนเอง ข้าเป็นคนหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งโชคชะตา ตอนนี้ได้เวลาผลิบานแล้ว"... ท่านมหาเทพฯ เอื้อมมือแตะดอกไม้ดอกหนึ่งในสวนสวรรค์ ไม่นานดอกไม้ทั้งสวนก็แปรเปลี่ยนเป็นสีขาวเรืองเหมือนวิญญาณดอกไม้ จากนั้นก็กล่าวต่อว่า "โชคชะตาก็เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปปีแล้วปีเล่า แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมายังจุดเริ่มต้นเสมอ" (ท่านมหาเทพฯ เอื้อมมือไปแตะดอกไม้อีกครั้ง ไม่นานดอกไม้ทั้งสวนก็กลับมามีสีสันสวยงามตามเดิม)
แม้ท่านมหาเทพฯ จะแสดงความมั่นใจว่าสามารถกุมชะตาทุกสรรพสิ่ง (ทั้งบนสวรรค์, นรก, โลกมนุษย์ ฯลฯ) ได้ แต่หลังจากมัจจุราชและมูยองกลับไปแล้ว พระองค์ก็เดินมาหาแพะด้วยใบหน้าไม่สู้ดี แล้วบ่นว่า "ทำไมใจข้าถึงรู้สึกเป็นกังวลอย่างนี้นะ"
โดลแซยืนรออึนโอที่ตลาดท่ามกลางสายฝน แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่ออึนโอบอกหน้าตาเฉยว่าจะกลับไปรับตำแหน่งนายอำเภอ โดลแซเห็นว่าอยู่ๆ อึนโอก็เปลี่ยนไปเลยถามว่า เกิดอะไรขึ้น ได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า จากนั้นก็สรุปว่าเป็นความผิดของสามเกลอที่ทำร้ายและลักพาตัวอึนโอจนสมองได้รับการกระทบกระเทือน พอคิดเองเออเองเสร็จสรรพโดลแซก็เลือดขึ้นหน้า เขาจึงไม่รอช้า รีบวิ่งนำหน้าไปยังที่ว่าการด้วยความโกรธแค้นทันที
ขณะนั้นสามบัง (อีบัง, เอบัง, ฮยองบัง) กำลังสุมหัววิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่นายอำเภอคนใหม่ไม่โดนผีหลอกตายในคืนแรกอย่างที่คิด ทุกอย่างเลยไม่เป็นไปตามแผน แต่อีบังก็แก้ไขสถานการณ์ (เอาตัวรอด) ด้วยการร่างฎีกาถึงพระราชาเพื่อกราบทูลว่า นายอำเภอคนใหม่ที่พระองค์ทรงแต่งตั้งได้หนีออกจากเมืองมีรยางไปแล้ว ขณะที่อีบังอ่านฎีกาดังกล่าวให้เอบังและฮยองบังฟัง โดลแซก็บุกเข้ามากระชากคอพวกเขาและถามว่าทั้งสามบังทำอะไรนายน้อยตน โชคดีที่อึนโอเข้ามาห้ามไว้ได้ทัน
สามบังฝันสลายเมื่อรู้ว่าอึนโอกลับมารับตำแหน่งนายอำเภอ เพราะที่ผ่านมาพวกเขาทำงานแบบไร้ผู้บังคับบัญชาจนเคยตัว แต่อยู่ๆ กลับต้องมาเป็นลูกน้องของเด็กเมื่อวานซืน แถมเด็กหนุ่มที่ว่ายังเป็นลูกมหาเสนาบดี คิม อึนบู อีกต่างหาก อีบังพยายามมองในแง่ดีว่าอย่างน้อยๆ พวกตนก็ไม่ต้องถูกบีบให้หานายอำเภอคนใหม่เหมือนที่ผ่านมา เพราะถ้าปล่อยให้ตำแหน่งว่างลงอีก ใต้เท้าเชคงเข้ามาจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง ซึ่งจะไม่เป็นผลดีกับพวกตน สู้ใช้อึนโอเป็นหุ่นเชิดน่าจะดีกว่า ทั้งสามคนตกลงกันว่าจะคอยจับตาดูอึนโอ เพราะอยากรู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร หนึ่งในนั้นหวังว่าอึนโอจะไม่ใส่ใจและไม่เอาผิดเมื่อพบเห็นเรื่องไม่ชอบมาพากล
อีบังถามขึ้นว่าใครจะเป็นคนไปรายงานใต้เท้าเชเรื่องนายอำเภอคนใหม่ เอบังและฮยองบังมองหน้ากันสักครู่ และต่างก็หันหน้าไปทางอีบัง
คนของใต้เท้าเชตำหนิอีบังที่แต่งตั้งนายอำเภอคนใหม่โดยไม่ปรึกษาใต้เท้าเชก่อน อีบังออกตัวว่าเขาก็แค่ทำตามราชโองการ เมื่อทราบแผนของอีบัง คนของใต้เท้าเชก็ออกความเห็นว่า จริงๆ แล้วแผนใช้นายอำเภอคนใหม่เป็นหุ่นเชิดก็นับว่าไม่เลว แต่เรื่องที่นายอำเภอคนใหม่เป็นบุตรชายของ คิม อึนบู นั้นค่อนข้างน่ากังวลไม่น้อย เพราะแม้คิม อึนบู จะเป็นขุนนางเกษียณอายุและกลับไปสอนลูกศิษย์ที่บ้านเกิดแล้ว แต่บรรดาลูกศิษย์และลิ่วล้อของเขาก็ยังมีอำนาจอยู่ ที่สำคัญ คิม อึนบู คือคนที่ทำให้ใต้เท้าเชถูกลดขั้นและถูกเนรเทศกลับมายังบ้านเกิด ใต้เท้าเชถามว่าตอนนี้นายอำเภอกำลังทำอะไรอยู่ อีบังตอบว่า นายอำเภอขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง แล้วเอาแต่วาดภาพใบหน้าผู้หญิง ใต้เท้าเชจึงสั่งให้อีบังคอยจับตาดูอึนโอว่าเขามีแผนการอะไรกันแน่
คนของใต้เท้าเชตำหนิอีบังที่แต่งตั้งนายอำเภอคนใหม่โดยไม่ปรึกษาใต้เท้าเชก่อน อีบังออกตัวว่าเขาก็แค่ทำตามราชโองการ เมื่อทราบแผนของอีบัง คนของใต้เท้าเชก็ออกความเห็นว่า จริงๆ แล้วแผนใช้นายอำเภอคนใหม่เป็นหุ่นเชิดก็นับว่าไม่เลว แต่เรื่องที่นายอำเภอคนใหม่เป็นบุตรชายของ คิม อึนบู นั้นค่อนข้างน่ากังวลไม่น้อย เพราะแม้คิม อึนบู จะเป็นขุนนางเกษียณอายุและกลับไปสอนลูกศิษย์ที่บ้านเกิดแล้ว แต่บรรดาลูกศิษย์และลิ่วล้อของเขาก็ยังมีอำนาจอยู่ ที่สำคัญ คิม อึนบู คือคนที่ทำให้ใต้เท้าเชถูกลดขั้นและถูกเนรเทศกลับมายังบ้านเกิด ใต้เท้าเชถามว่าตอนนี้นายอำเภอกำลังทำอะไรอยู่ อีบังตอบว่า นายอำเภอขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง แล้วเอาแต่วาดภาพใบหน้าผู้หญิง ใต้เท้าเชจึงสั่งให้อีบังคอยจับตาดูอึนโอว่าเขามีแผนการอะไรกันแน่
อารังนั่งเป็นแบบให้อึนโอวาดภาพ แม้จะพยายามมากแค่ไหนแต่อึนโอก็วาดไม่ได้เรื่องสักที เขาจึงเรียกจิตรกรมาช่วยวาดให้ เนื่องจากจิตรกรมองไม่เห็นอารัง อึนโอจึงต้องบรรยายลักษณะใบหน้าแล้วให้จิตรกรวาดตามที่บอก จิตรกรวาดภาพตามคำสั่งด้วยความรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ เพราะในห้องมีแต่เขากับอึนโอ แต่อึนโอกลับนั่งจ้องไปข้างหน้าเหมือนกำลังมองใครบางคนตลอดเวลา
เมื่อเห็นว่าไม่มีภาพไหนใกล้เคียงอารังสักนิด อึนโอจึงเปลี่ยนแผนแล้วหันมาซักถามอารังแทนว่าเธอตายที่ไหน อารังจำเรื่องราวบนโลกมนุษย์ไม่ได้ หลังตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความตายเธอก็พบว่าตัวเองกำลังเดินตามหัวหน้ายมทูตอยู่บนถนนฮวางชอง (ถนนที่มุ่งหน้าไปหาท่านมัจจุราช) อารังบอกอึนโอว่า มีอยู่ 2 เรื่องที่เธอรู้ เรื่องแรก เธอเป็นผีที่เร่ร่อนอยู่บนโลกมนุษย์มานาน 3 ปีโดยไม่มีความทรงจำใดๆ ส่วนเรื่องที่สอง เธอมักเจ็บแปลบบริเวณหน้าอกด้านซ้ายคล้ายโดนมีดแทงมาก่อน อีนโอฟังแล้วโวยวายลั่นห้องว่าทำไมอารังเพิ่งมาบอกตอนนี้
วันรุ่งขึ้น อึนโอออกคำสั่งในฐานะนายอำเภอเป็นครั้งแรก ด้วยการขอดูรายงานเกี่ยวกับผลการชันสูตรศพคดีฆาตกรรมเมื่อ 3 ปีก่อน โดยระบุว่าขอดูคดีที่ยังปิดไม่ลง (แฟ้มคดีค้าง) และให้นำมาเฉพาะคดีที่คนตายเป็นผู้หญิง หลังอ่านรายงานแล้วอึนโอก็รู้สึกผิดหวังเพราะไม่มีเบาะแสใดๆ ทั้งสิ้น อารังตั้งข้อสังเกตว่าเธออาจไม่ได้ถูกฆาตกรรม หรือไม่ก็ยังไม่มีใครพบศพเธอ อึนโอกล่าวว่าศพของอารังอาจถูกทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว และอาจกำลังเน่าเฟะอยู่ที่ไหนสักแห่ง พูดจบก็หัวเราะชอบใจ แต่อารังขำไม่ออก เธอจึงบอกให้อึนโอจริงจังมากกว่านี้
อึนโอนอนไม่หลับจึงออกมาเดินครุ่นคิดว่าทำไมปิ่นปักผมของแม่ถึงมาอยู่ที่อารัง สายตาเขาจับจ้องไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งมีแสงไฟลอดออกมาทางหน้าต่าง เมื่อเห็นว่าประตูด้านหน้าถูกล็อกอึนโอก็กระโดดข้ามกำแพง และเดินเข้าไปดูในบ้านด้วยความสงสัย เขาพบว่าภายในห้องมีหนังสือเปิดวางอยู่บนโต๊ะ และมีเครื่องสำอางตลอดจนของใช้ผู้หญิงวางเรียงรายราวกับเจ้าของห้องยังคงอยู่ที่นี่ ข้างๆ โต๊ะหนังสือยังมีที่ปักผ้าที่เจ้าของปักลายผีเสื้อค้างไว้ อึนโอเห็นผ้าปักลายผีเสื้อก็รู้สึกสนใจ จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
อึนโอนอนไม่หลับจึงออกมาเดินครุ่นคิดว่าทำไมปิ่นปักผมของแม่ถึงมาอยู่ที่อารัง สายตาเขาจับจ้องไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งมีแสงไฟลอดออกมาทางหน้าต่าง เมื่อเห็นว่าประตูด้านหน้าถูกล็อกอึนโอก็กระโดดข้ามกำแพง และเดินเข้าไปดูในบ้านด้วยความสงสัย เขาพบว่าภายในห้องมีหนังสือเปิดวางอยู่บนโต๊ะ และมีเครื่องสำอางตลอดจนของใช้ผู้หญิงวางเรียงรายราวกับเจ้าของห้องยังคงอยู่ที่นี่ ข้างๆ โต๊ะหนังสือยังมีที่ปักผ้าที่เจ้าของปักลายผีเสื้อค้างไว้ อึนโอเห็นผ้าปักลายผีเสื้อก็รู้สึกสนใจ จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
ในเวลาเดียวกันนั้น อารังยังคงออกไปเดินเตร็ดเตร่ (อารมณ์เสีย เพราะอึนโอบอกว่าศพเธอคงเน่าเฟะอย่างโดดเดี่ยวอยู่ที่ไหนสักแห่ง) เธอเห็นวิญญาณผีเร่ร่อนมารวมตัวกันที่หน้าบ้านหลังหนึ่งจึงเดินเข้าไปถามด้วยความสงสัยว่าพวกเขามาทำอะไรกัน แต่ถามใครก็ไม่มีใครบอก เพราะทุกคนต่างยุ่งอยู่กับการวางแผนเพื่อทำอะไรบางอย่าง อารังคาดคั้นผีเด็กคนหนึ่งจนได้ความว่า บ้านหลังนี้กำลังทำพิธีเซ่นไหว้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษ
อารังนึกถึงผีผู้เฒ่าตนหนึ่งซึ่งเคยแบ่งข้าวให้เธอในขณะที่เธอกำลังอดอยากหิวโหย ผีผู้เฒ่ารู้ว่าเธอจำชื่อตัวเองไม่ได้ ก็แนะนำให้เธอใช้ชื่อ "อารัง" เพราะอารังเป็นคำที่ใช้เรียกผีสาวพรหมจรรย์ ทั้งยังเตือนด้วยว่าต่อไปเธอจะต้องอยู่อย่างอดอยากหากไม่มีคนทำพิธีเซ่นไหว้ให้ และทางรอดเดียวของเธอก็คือ การกินข้าว "โกซูเร" (ข้าวที่คนนำมาโปรยหรือวางลงบนพื้นเพื่อเซ่นผีหรือดวงวิญญาณ)
ขณะนั้น อึนโอยังคงสำรวจข้าวของต่างๆ ภายในห้อง แต่แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาบอกว่าห้ามแตะต้องสิ่งของในห้อง ทั้งยังสั่งให้อึนโอวางของ (ที่หยิบขึ้นมาดู) ไว้ที่เดิม เธอถามว่าอึนโอเป็นใคร ถึงได้กล้าเข้ามาในห้องคนอื่นโดยไม่ขออนุญาต เมื่ออึนโอตอบว่า ตนเป็นนายอำเภอ หญิงคนดังกล่าวก็ก้มหน้าแสดงความเคารพแล้วแนะนำตัวว่า เธอเป็นช่างเย็บปักประจำที่ว่าการอำเภอ อึนโอถามว่าห้องนี้เป็นของใคร หญิงคนดังกล่าวตอบว่าเป็นห้องของบุตรสาวนายอำเภอคนเก่า สาเหตุที่ยังไม่เก็บข้าวของเป็นเพราะเธอไม่รู้ว่าคุณหนูจะกลับมาเมื่อไหร่ จึงรักษาสภาพเดิมของห้องเอาไว้เพื่อรอการกลับมา (ก่อนหน้านี้เธอเป็นคนรับใช้ประจำตัวบุตรสาวนายอำเภอคนก่อน)
เมื่อรู้ว่าอยู่ๆ คุณหนูคนดังกล่าวก็หายตัวไป อึนโอชักเริ่มเอะใจ จึงถามว่าบุตรสาวอดีตนายอำเภอหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หญิงคนดังกล่าวตอบว่า เมื่อถึงวันพระจันทร์เต็มดวงครั้งหน้าก็จะครบสามปีพอดี (แสดงว่าเธอหายไปในคืนพระจันทร์เต็มดวงของปีอธิกมาส ซึ่งเป็นปีที่มีเดือน 8 สองหน หรือมี 13 เดือน ตามปฏิทินจันทรคติ) อึนโอหันกลับไปมองห้องของบุตรสาวนายอำเภอคนเก่าอีกครั้ง พลางยิ้มและนึกในใจ "ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเป็นใคร ยัยความจำเสื่อม"
ในตอนนั้นอารังกำลังหมายมั่นว่าจะแย่งข้าว "โกซูเร" มากินให้ได้ เธอจึงเข้าแทรกตรงกลางระหว่างกลุ่มผี (มี 2 ก๊วน) ที่ต่างก็รอแย่งชิงข้าว "โกซูเร" ทันทีที่ชามข้าวถูกวางลง ผีทุกคนต่างจับจ้องและตรงเข้าไปต่อสู้แย่งชิงเป็นที่ชุลมุน อารังพยายามแย่งแต่ก็แย่งไม่ทัน มิหนำซ้ำยังถูกผีนักเลงอาฆาต โทษฐานที่เป็นต้นเหตุให้พวกเขาอดกินข้าว "โกซูเร"
อึนโอยืนรออารังอย่างกระวนกระวาย เพราะอยากบอกข่าวดีเต็มแก่ ทันใดนั้น อารังก็โผล่มาในสภาพสุดโทรม อึนโอจึงรีบพาอารังไปดูห้องของเธอ แล้วบอกว่า เธอชื่อ "อี โซริน" อารังถามย้ำว่า "ใช่แน่เหรอ" อึนโอจึงชี้ให้ดูผ้าปักลายผีเสื้อ ซึ่งเป็นแบบเดียวกับลายผีเสื้อบนชายกระโปรงของอารัง อึนโอถามอย่างมีความหวังว่าอารังนึกอะไรออกบ้างไหม อารังตอบทันควันว่านึกอะไรไม่ออกเลย
เมื่อหมดหวังจากอารัง อึนโอก็หันไปสอบถามสามบังแทน แต่สามบังกลับบอกว่า บุตรสาวอดีตนายอำเภอไม่ได้หายตัวไป เธอแอบหนีตามคนส่งสาส์น ทั้งๆ ที่เป็นคุณหนูที่เคร่งครัดในขนบธรรมเนียม เรียกได้ว่าแทบไม่มีใครในเมืองนี้เคยเห็นหน้าเธอด้วยซ้ำ เพราะทุกครั้งที่ออกจากห้อง เธอจะนำผ้ามาปิดบังหน้า พอเกิดเรื่องอื้อฉาวอดีตนายอำเภอก็ไม่เป็นอันทำงาน เที่ยวออกตามหาบุตรสาวจนกระทั่งตัวตาย ทั้งคู่ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน แต่บุตรสาวอดีตนายอำเภอมีคู่หมั้นแล้ว
อึนโอพูดทับถมอารังที่หนีตามคนต่ำต้อยกว่า เมื่อเห็นอารังนั่งเงียบไม่โต้ตอบ อึนโอก็ถามว่าจำอะไรได้หรือยัง อารังตอบว่า "อี โซริน" (ชื่อของเธอ) ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ว่า พ่อที่ตามหาลูกจนตัวตายก็โชคร้ายพอๆกัน อึนโอพยายามถามว่าอารังจำเรื่องราวในอดีตได้หรือยัง แต่อารังยังคงตอบว่าเธอจำอะไรไม่ได้เลย
อารังตัดสินใจว่าจะไปพบคู่หมั้น เพื่อสอบถามว่าเธอเป็นคนยังไงกันแน่ แต่ปัญหาก็คือ เธอเป็นผี เลยไม่รู้ว่าจะพูดคุยหรือสื่อสารกันยังไง ดังนั้น เธอจึงอยากให้อึนโอช่วยถามให้ อึนโอโวยวายเสียงดังลั่นเพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าตนเป็นคนเห็นผี อารังได้แต่ถอนใจ เธอกล่าวขอบคุณอึนโอที่ช่วยสืบจนรู้ว่าเธอเป็นใคร จากนั้นก็กล่าวอำลา โดยบอกว่าเธอและอึนโอไม่มีเหตุผลที่ต้องพบเจอกันอีกแล้ว อึนโอมองตามปิ่น (ของแม่) บนศีรษะอารังแล้วไม่มีทางเลือก เลยต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเธออีกครั้ง
อึนโอพูดทับถมอารังที่หนีตามคนต่ำต้อยกว่า เมื่อเห็นอารังนั่งเงียบไม่โต้ตอบ อึนโอก็ถามว่าจำอะไรได้หรือยัง อารังตอบว่า "อี โซริน" (ชื่อของเธอ) ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ว่า พ่อที่ตามหาลูกจนตัวตายก็โชคร้ายพอๆกัน อึนโอพยายามถามว่าอารังจำเรื่องราวในอดีตได้หรือยัง แต่อารังยังคงตอบว่าเธอจำอะไรไม่ได้เลย
อารังตัดสินใจว่าจะไปพบคู่หมั้น เพื่อสอบถามว่าเธอเป็นคนยังไงกันแน่ แต่ปัญหาก็คือ เธอเป็นผี เลยไม่รู้ว่าจะพูดคุยหรือสื่อสารกันยังไง ดังนั้น เธอจึงอยากให้อึนโอช่วยถามให้ อึนโอโวยวายเสียงดังลั่นเพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าตนเป็นคนเห็นผี อารังได้แต่ถอนใจ เธอกล่าวขอบคุณอึนโอที่ช่วยสืบจนรู้ว่าเธอเป็นใคร จากนั้นก็กล่าวอำลา โดยบอกว่าเธอและอึนโอไม่มีเหตุผลที่ต้องพบเจอกันอีกแล้ว อึนโอมองตามปิ่น (ของแม่) บนศีรษะอารังแล้วไม่มีทางเลือก เลยต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเธออีกครั้ง
วันรุ่งขึ้น อึนโอพาอารังไปที่บ้านคู่หมั้น และเขาคนนั้นก็คือ จูวอล บุตรชายของใต้เท้าเช อึนโอเห็นบ้านหลังดังกล่าวมีขนาดใหญ่โตจึงถามอารังว่า ทิ้งคนรวยไปรักคนต่ำต้อยได้ยังไง อารังเห็นจูวอลแล้วรู้สึกแน่นหน้าอก เธอบอกอึนโอว่าจะไม่เข้าไปข้างใน เพราะเห็นเขาแล้วเธอใจเต้นแรงจนหายใจไม่ออก อึนโอแย้งว่าอารังเป็นผีหัวใจจะเต้นได้อย่างไร จากนั้นก็ถามอารังว่าเธอความจำเสื่อมหรือสมองเสื่อมกันแน่ อารังยืนยันว่าเธอพูดเรื่องจริง แต่อึนโอไม่เชื่อ ทั้งคู่จึงเถียงกันไปมา อึนโอทำท่าว่าเอื้อมมือไปพิสูจน์ว่าอารังใจเต้นแรงจริงหรือไม่ แต่ก็ยั้งมือไว้ได้ทัน
อึนโอไม่อยากเสียเวลาเลยลากแขนอารังให้เข้าไปพบคู่หมั้นจูวอลในบ้าน แต่อารังไม่ยอมเข้าไปโดยอ้างว่ารู้สึกอาย ทั้งยังบ่ายเบี่ยงว่าเอาไว้ค่อยเจอกันคราวหน้า ทั้งคู่แวะร้านเหล้าและยังคงเถียงกันเรื่องหัวใจ เต้น อารังดื่มเหล้าจนมึน และสันนิษฐานว่าเธอคงชอบคู่หมั้นเอามากๆ อึนโอแย้งว่า ชอบมากแล้วทำไมถึงหนีตามผู้ชายคนอื่น อารังเองก็ไม่เข้าใจและไม่อยากไปพบจูวอล เธอคิดว่าสมัยยังมีขีวิตอยู่เธอคงชอบจูวอลมาก เธอจึงไม่อยากไปพบจูวอลในสภาพมอมแมมเช่นนี้ อึนโอปลอบว่า ถึงยังไงจูวอลก็มองไม่เห็นเธอ แต่อารังยังคงยืนยันว่าเธอไม่อยากไปพบเขาในสภาพที่น่าอับอายเช่นนี้
ในที่สุดอึนโอก็ต้องแบกอารังที่เมาปลิ้นไม่ได้สติไปบ้านคนทรง พลางบ่นว่าทั้งไกลทั้งหนัก แถมยังปวดหลังอีกต่างหาก แต่เขาก็ปลอบใจตัวเองว่าที่อดทนทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อแม่
จูวอลเดินทางไปที่ฮงรูมง (หอนางโลม) สร้างความแตกตื่นและตื่นเต้นให้กับเหล่านางโลมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ลูกชายใต้เท้าเชย่างกรายมาที่นี่ เขานั่งดื่มเหล้าเงียบๆ ภายในห้อง โดยมีเหล่านางโลมระดับแถวหน้านั่งเรียงรายให้เขาเลือกใช้บริการ เขาจ้องไปที่นางโลมเหล่านั้นด้วยใบหน้าเฉยชา ไร้อารมณ์ จากนั้นก็ก้มลงมองแหวนในมือแล้วชักสีหน้าไม่พอใจ ก่อนที่จะเดินจากไปดื้อๆ เขานึกตำหนิตนเองในใจว่า คิดได้ยังไงถึงมาตามหาคนในสถานที่เช่นนี้ จากนั้นก็ยกแหวนขึ้นมาดูอีกครั้ง
นางโลมคนหนึ่งย่องมาเกาะแขนจูวอลจากทางด้านหลัง แล้วชวนให้เขาอยู่ต่อด้วยท่าทางยั่วยวน แต่จูวอล (ซึ่งกำลังหงุดหงิด) กลับแสดงสีหน้ารังเกียจ เขาสะบัดแขนออกแล้วเดินจากไปอย่างไม่ใยดี นางโลมคนดังกล่าวไม่ละความพยายาม ยังคงวิ่งตามมาเกาะแขนแล้วพยายามชวนจูวอลไปจู๋จี๋ จูวอลสุดทนจึงชักมีดสั้นออกมาจ่อเข้าที่ลำคอของนางโลมด้วยความโกรธ โชคดีที่เขาควบคุมสติอารมณ์เอาไว้ได้
อึนโอแบกอารังมาถึงหน้าบ้านคนทรงอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า อารังเงยหน้าถามหน้าตาเฉยว่า "ไม่หนักเหรอ" อึนโอปล่อยอารังลงแล้วถามว่าเธอรู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อเมื่อไหร่ อารังตอบว่า สักพักหนึ่งแล้ว เป็นผีจะเมาได้ยังไง... อึนโอได้ยินแล้วถึงกับความดันขึ้น เพราะเขาอุตส่าห์แบกเธอมาตั้งไกล
อึนโอพาอารังมาหาพังวูลเพราะอารังต้องการให้พังวูลช่วยจัดหาเสื้อผ้าดีๆ ให้ อารังเป็นปลื้มเมื่ออีนโอช่วยจ่ายค่าจ้างให้พัลวูล อึนโอบอกพังวูลให้เตรียมเสื้อผ้าเครื่องประดับมาให้อารังภายในวันรุ่งขึ้น พังวูลบ่นว่าเธอคงหามาให้ไม่ทันวันพรุ่งนี้ อึนโอโยนเงินให้เพิ่ม พังวูลเลยยื่นสายวัดตัวให้อึนโอ (เนื่องจากเธอมองไม่เห็นอารัง) แล้วบอกให้เริ่มวัดขนาดหน้าอกก่อน อารังอายจึงเอามือปิดไว้ พังวูลเลยบอกให้เธอยกมือขึ้น อารังขอวัดขนาดหน้าอกตัวเอง แล้วเดินไปกระซิบบอกขนาดข้างหูพังวูล แต่พังวูลกลับตะโกนทวนขนาดเสียงดังลั่น
หลังจากนั้น พังวูลก็บอกให้อึนโอวัดตัวอารังต่อ ทำให้อึนโอและอารังมีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น ครั้นพอสบตากัน ต่างฝ่ายต่างพากันหลบตา ตลอดเวลาที่วัดตัวต่างฝ่ายต่างรู้สึกประหม่าแต่ทั้งคู่ก็พยายามเก็บซ่อนอาการเอาไว้ เมื่อวัดตัวเสร็จพังวูลก็คุกเข่าขอเคล็ดลับในการมองเห็นผีจากอึนโอ (เธอเป็นคนทรงซึ่งควรเห็นผีแต่กลับมองไม่เห็น ส่วนอึนโอดันมองเห็นในสิ่งที่ตนไม่อยากเห็น) อึนโอไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้เลยขู่พังวูลว่า อย่าเที่ยวไปบอกใครว่าเขามองเห็นผี มิเช่นนั้นเธอจะกลายเป็นผีเสียเอง
หลังจากนั้น พังวูลก็บอกให้อึนโอวัดตัวอารังต่อ ทำให้อึนโอและอารังมีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น ครั้นพอสบตากัน ต่างฝ่ายต่างพากันหลบตา ตลอดเวลาที่วัดตัวต่างฝ่ายต่างรู้สึกประหม่าแต่ทั้งคู่ก็พยายามเก็บซ่อนอาการเอาไว้ เมื่อวัดตัวเสร็จพังวูลก็คุกเข่าขอเคล็ดลับในการมองเห็นผีจากอึนโอ (เธอเป็นคนทรงซึ่งควรเห็นผีแต่กลับมองไม่เห็น ส่วนอึนโอดันมองเห็นในสิ่งที่ตนไม่อยากเห็น) อึนโอไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้เลยขู่พังวูลว่า อย่าเที่ยวไปบอกใครว่าเขามองเห็นผี มิเช่นนั้นเธอจะกลายเป็นผีเสียเอง
อึนโอออกจากบ้านพังวูลด้วยความรู้สึกประหลาดใจที่หัวใจเต้นรัวหลังเข้าใกล้ผีสาวอารัง อารังนั่งมองอึนโอบนหลังคาด้วยความรู้สึกประทับใจ และดีใจที่เลือกคนไม่ผิด ระหว่างเดินทางกลับที่พัก อึนโอบังเอิญเดินสวนกับจูวอลบนสะพาน เขาจึงสงสัยว่าอี โซริน (อารัง) มองเห็นอะไรในตัวจูวอล
ใต้เท้าเชได้รับรายงานว่า จูวอลเพิ่งกลับจากหอนางโลม แม้จะเป็นเรื่องผิดวิสัยแต่ใต้เท้าเชก็เข้าใจว่าจูวอลคงกำลังรีบเร่งและรู้สึกร้อนใจ เพราะใกล้ถึงวันพระจันทร์เต็มดวงแล้ว (ในที่นี้หมายถึงเดือน 8 หนที่สองของปีอธิกมาส ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆ 3 ปี)
อึนโอรู้สึกตัวกลางดึก เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าอารังกำลังนอนจ้องหน้าเขาอยู่ เธอบอกว่าคนเราล้วนมีเรื่องที่นึกถึงแล้วทำให้รู้สึกเสียใจ รู้ไหมว่าเธอเสียใจเรื่องอะไร อึนโอเดาว่าคงเป็นเรื่องที่อารังใส่ชุดเดิมมานาน 3 ปีแล้ว อารังปฏิเสธว่าไม่ใช่ ก่อนเฉลยว่าเธอรู้สึกเสียใจที่ยังไม่ทันได้จูบใครก็ต้องกลายมาเป็นผีสาวพรหมจรรย์ พูดจบอารังก็ยื่นหน้าเข้าไปหาอึนโอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา