กำกับ: ปาร์ค ฮงคยุน, คิม พยองซู, คิม ชองฮยอน
เขียนบท: สองพี่น้อง ฮง จองอึน, ฮง มีรัน
แนวละคร: แฟนตาซี, โรแมนติก, คอมเมดี้
จำนวนตอน: 20
ออกอากาศ: เกาหลี - 23 ธันวาคม 2560 - 4 มีนาคม 2561 ทางทีวีเอ็น
ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00 น. ทางช่อง 7 เอชดี (หมายเลข 35) ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2561 - 2 กันยายน 2561
ละคร "ฮวายูกิ รักวุ่นทะลุพิภพ (A Korean Odyssey)" ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนวนิยายเรื่อง "ไซอิ๋ว" ของจีน โดยได้นำมาตีความใหม่ให้เป็นยุคปัจจุบัน
"ชิน ซอนมี" เป็นหญิงสาวที่มีความสามารถในการมองเห็นภูติผีปีศาจมาตั้งแต่เกิด เมื่อครั้งยังเป็นเด็กเธอได้พบอมนุษย์สองตน ซึ่งก็คือ "อูมาวัง" (หรือ "จอมปีศาจวัวกระทิง" ชื่อที่ใช้บนโลกมนุษย์คือ "อูฮวี") กับ "ซน โอกง" ("ซุนอู้คง" หรือที่เรารู้จักในนาม "ซุนหงอคง" เจ้าของฉายา "เชชอนแดซอง" หรือ "ฉีเทียนต้าเซิ่ง" ในภาษาจีน ซึ่งหมายความว่า "มหาเทพเสมอฟ้า") หลังจากนั้น 25 ปีโชคชะตาได้นำพาเธอมาพบทั้งคู่อีกครั้ง แต่คราวนี้ซอนมีกลายเป็นสาวสวยที่สร้างเนื้อสร้างตัวจนมีฐานะร่ำรวย ถึงกระนั้นเธอก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและยังคงถูกภูติผีปีศาจตามรังควานไม่เลิกเหมือนเช่นเดิม ส่วนอูมาวังกำลังมุ่งมั่นทำความดีหมายสะสมแต้มเพื่อเลื่อนชั้นเป็นเทพ หวังพลิกชะตาของนางอันเป็นที่รัก ขณะที่โอกงพยายามทุกวิถีทางเพื่อปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระและได้พลังพิเศษกลับคืนมา
หลังรู้ว่าเรื่องเล่าขานในตำนานเกี่ยวกับ "ซัมจัง" (พระถังซำจั๋ง) เป็นความจริง และซัมจังได้มาปรากฏตัวบนโลกมนุษย์แล้ว โอกงจึงตัดสินใจว่าจะกินซัมจังเพื่อให้ตนมีพลังอำนาจมหาศาลและกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง อูมาวังซึ่งได้รับมอบหมายให้คอยปกป้องซัมจัง จึงต้องออกโรงปกป้องซอนมี (เพราะเธอคือซัมจัง) แต่ปัญหาก็คือเขามักออกอาการ (กระหายเลือด) ทุกครั้งที่ได้กลิ่นเลือดอันหอมหวนดุจกลิ่นดอกบัวของเธอ ในที่สุดอูมาวังก็นำกำไลรัดข้อมือ "คึมกังโก" ไปให้ซอนมี โดยบอกว่าหากเธอหลอกล่อให้โอกงสวมได้สำเร็จ เธอจะควบคุมลิงพยศอย่างโอกงได้ เมื่อโอกงตกหลุมพรางเขาจึงกลายเป็นผู้ปกป้องและทาสรักของซอนมี
เนื้อหาตอนที่ 1
"ชิน ซอนมี" เป็นหญิงสาวที่มีความสามารถในการมองเห็นภูติผีปีศาจมาตั้งแต่เกิด เมื่อครั้งยังเป็นเด็กเธอได้พบอมนุษย์สองตน ซึ่งก็คือ "อูมาวัง" (หรือ "จอมปีศาจวัวกระทิง" ชื่อที่ใช้บนโลกมนุษย์คือ "อูฮวี") กับ "ซน โอกง" ("ซุนอู้คง" หรือที่เรารู้จักในนาม "ซุนหงอคง" เจ้าของฉายา "เชชอนแดซอง" หรือ "ฉีเทียนต้าเซิ่ง" ในภาษาจีน ซึ่งหมายความว่า "มหาเทพเสมอฟ้า") หลังจากนั้น 25 ปีโชคชะตาได้นำพาเธอมาพบทั้งคู่อีกครั้ง แต่คราวนี้ซอนมีกลายเป็นสาวสวยที่สร้างเนื้อสร้างตัวจนมีฐานะร่ำรวย ถึงกระนั้นเธอก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและยังคงถูกภูติผีปีศาจตามรังควานไม่เลิกเหมือนเช่นเดิม ส่วนอูมาวังกำลังมุ่งมั่นทำความดีหมายสะสมแต้มเพื่อเลื่อนชั้นเป็นเทพ หวังพลิกชะตาของนางอันเป็นที่รัก ขณะที่โอกงพยายามทุกวิถีทางเพื่อปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระและได้พลังพิเศษกลับคืนมา
หลังรู้ว่าเรื่องเล่าขานในตำนานเกี่ยวกับ "ซัมจัง" (พระถังซำจั๋ง) เป็นความจริง และซัมจังได้มาปรากฏตัวบนโลกมนุษย์แล้ว โอกงจึงตัดสินใจว่าจะกินซัมจังเพื่อให้ตนมีพลังอำนาจมหาศาลและกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง อูมาวังซึ่งได้รับมอบหมายให้คอยปกป้องซัมจัง จึงต้องออกโรงปกป้องซอนมี (เพราะเธอคือซัมจัง) แต่ปัญหาก็คือเขามักออกอาการ (กระหายเลือด) ทุกครั้งที่ได้กลิ่นเลือดอันหอมหวนดุจกลิ่นดอกบัวของเธอ ในที่สุดอูมาวังก็นำกำไลรัดข้อมือ "คึมกังโก" ไปให้ซอนมี โดยบอกว่าหากเธอหลอกล่อให้โอกงสวมได้สำเร็จ เธอจะควบคุมลิงพยศอย่างโอกงได้ เมื่อโอกงตกหลุมพรางเขาจึงกลายเป็นผู้ปกป้องและทาสรักของซอนมี
เนื้อหาตอนที่ 1
"อูมาวัง" นั่งดูข่าวเรื่องไฟป่าซึ่งเกิดขึ้นทางตอนใต้ของจังหวัดคังวอน รายงานข่าวระบุว่าไฟได้ลุกลามเป็นวงกว้างตามแนวภูเขามาตลอดสองวันเต็ม แถมลมเหนือที่มีกำลังแรงยังเป็นปัจจัยเร่งให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเป็นไปด้วยความยากลำบากและยังไม่มีวี่แววว่าจะควบคุมเพลิงให้สงบลงได้
อีกด้านหนึ่งในจังหวัดคังวอน เด็กหญิง "ชิน ซอนมี" ไปโรงเรียนแล้วถูกเพื่อนร่วมชั้นล้อว่าเธอเป็นผีสาง เหล่านักเรียนหญิงที่ได้ยินจึงพากันหวาดกลัว เมื่อซอนมีเดินไปนั่งที่โต๊ะก็พบข้อความขับไล่ให้เธอไปเรียนที่อื่น ถึงกระนั้นเธอก็ไม่สนใจและหยิบหนังสือเรียนวิชาจริยธรรมออกมาวางบนโต๊ะ เมื่อครูสาวเดินเข้ามาในห้องซอนมีก็ลุกขึ้นทำความเคารพ แต่แล้วกลับพบว่าเธอเป็นคนเดียวในห้องที่มองเห็นครูคนดังกล่าว เมื่อผีสาวในร่างครูพบว่าซอนมีเป็นคนเดียวที่มองเห็นตนจึงยื่นหน้าเข้าไปหลอกในระยะประชิด ซอนมีเอ่ยปากไล่ผีสาวตนดังกล่าวจากนั้นก็รีบกางร่มคู่กาย (ที่ลงยันต์เอาไว้) เพื่อกำบังตน บรรดาเพื่อนร่วมชั้นของซอนมี (ซึ่งมองไม่เห็นผี) เห็นซอนมีทำท่าทางแปลกๆ ก็พากันกรีดร้องและวิ่งออกจากห้องด้วยความหวาดกลัว เมื่อครูสาวตัวจริงมาที่ห้องก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นซอนมีนั่งกางร่มภายในห้องตามลำพัง ซอนมีไม่อาจอธิบายความจริงกับใครได้ เลยได้แต่นั่งร่ำไห้พลางขอร้องให้ผีสาวไปเสีย
หลังเลิกเรียนแล้วผีสาวตนดังกล่าวยังตามรังควานซอนมีไม่เลิกรา ผีสาวรู้สึกโกรธที่ถูกซอนมีเมินจึงเริ่มแผลงฤทธิ์ ซอนมีจะกางร่มแต่ผีสาวคว้าร่มเอาไว้และหลอกหลอนให้เธอกลัว เมื่ออูมาวังมาพบเข้าจึงช่วยขับไล่ผีด้วยการกระแทกปลายร่มลงกับพื้น ซอนมีเห็นดังนั้นก็รู้สึกทึ่งจึงลองใช้ร่มของตนทำดูบ้าง แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อร่มของเธอไม่มีพลังพิเศษดังกล่าว เธอเดาว่าชายที่อยู่ตรงหน้าคงไม่ใช่มนุษย์ อูมาวังจึงอ้างว่าตนเป็น 'เทพ' เพื่อไม่ให้ซอนมีตกใจกลัว หลังพบว่าซอนมีมองเห็นภูติผีปีศาจ อูมาวังก็รู้สึกพึงพอใจเพราะตามหามนุษย์ที่มีคุณสมบัติพิเศษแบบนี้มานาน พอรู้ว่าอูมาวังต้องการความช่วยเหลือจากตน ซอนมีจึงขอแลกร่มเป็นการแลกเปลี่ยน ซึ่งอูมาวังก็ยอมตกลงแต่โดยดี
อูมาวังไปส่งซอนมีที่หน้าอุโมงค์ เขาบอกให้เธอเข้าไปในป่าแล้วเดินตามทางไปยังบ้านหลังเล็กๆ จากนั้นก็เข้าไปหยิบพัดที่มีชื่อว่า "พาโชซน" (พัดขององค์หญิงพัดเหล็ก) มาให้ตน เพื่อที่ตนจะได้นำมาดับไฟป่าที่ลุกลามมานานหนึ่งสัปดาห์แล้ว ซอนมีอยากได้ร่มของอูมาวังจึงเดินตรงไปที่อุโมงค์อย่างไม่ลังเล อูมาวังเตือนซอนมีว่าถ้าได้พัดแล้วให้รีบออกมาทันที ไม่ว่าจะเห็นหรือได้ยินอะไรต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ซอนมีรับปากและชี้ว่าปกติเธอมักทำเช่นนี้อยู่แล้ว หลังเดินเข้าไปในป่าได้สักพักซอนมีก็พบบ้านต้นไม้หลังหนึ่งที่สร้างยื่นออกไปบนเนินผา เธอนึกถึงคำพูดของอูมาวังที่บอกก่อนหน้านี้ว่า บ้านหลังดังกล่าวไม่ใช่บ้านธรรมดา เพราะมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นแต่มีเพียงมนุษย์ที่เข้าไปได้ และมนุษย์ที่ว่าก็ต้องมีคุณสมบัติพิเศษแบบซอนมี
ซอนมีเดินเข้าไปในบ้านและหยิบพัดตามคำแนะนำของอูมาวัง ขณะกำลังจะกลับเธอเห็นอะไรบางอย่างผ่านไปแว๊บๆ เลยเดินไปดู เมื่อ "ซน โอกง" มาพบเข้าก็รู้สึกแปลกใจ ทั้งยังสงสัยว่าเธอเป็นใคร เข้ามาในนี้ได้อย่างไร ซอนมีแกล้งทำเป็นไม่เห็นไม่ได้ยินตามที่อูมาวังบอกและเดินเลี่ยงไป โอกงจับหูกระเป๋าเป้แล้วยกซอนมีขึ้นมาพิจารณาจากนั้นก็แกล้งขู่ว่าจะจับเธอกินเป็นกับแกล้ม แต่ซอนมีไม่ร้องสักแอะและไม่แสดงท่าทีหวาดกลัว โอกงเลยแกล้งบ่นกับตัวเองว่ามนุษย์เด็กอย่างซอนมีคงไม่เห็นและได้ยินสิ่งที่ตนพูดจากนั้นก็วางเธอลง ซอนมีเดินต่อไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงของตก เมื่อโอกงร้องบอกว่าเธอทำร่มหล่น ซอนมีก็หันกลับไปหยิบร่มซึ่งเป็นของสำคัญอย่างลืมตัว โอกงจึงยิ้มอย่างผู้ชนะและถามว่าได้ยินตนพูดด้วยหรือ
โอกงเห็นซอนมีซ่อนพัดไว้ในเสื้อจึงถามว่าแอบหยิบพัดไปทำไม ซอนมีเห็นว่าเสแสร้งไปก็ไม่มีประโยชน์จึงสารภาพว่าลุง 'เทพ' วานให้เธอนำพัดไปให้ โอกงเดาออกว่าเป็นแผนของอูมาวังจึงถามว่าเทพที่เธอพูดถึงตัวสูงโย่งและมีหนวดด้วยใช่ไหม ซอนมีถามกลับว่ารู้จักเทพองค์ดังกล่าวด้วยหรือ โอกงตอบว่าตนรู้จักดีและถามว่าทำไมมนุษย์เด็กอย่างซอนมีถึงกลายเป็นสมุนของอูมาวัง ซอนมีแย้งว่าตนไม่ได้เป็นสมุน พวกตนแค่ทำข้อตกลงกัน โอกงถามว่าได้ทำสัญญากันไว้หรือเปล่า และขู่ว่าหากไม่ทำสัญญาเธอต้องแย่แน่ๆ ซอนมีได้ยินแล้วถึงกับหน้าถอดสี โอกงได้ทีจึงขู่ต่อว่าหากออกจากบ้านในตอนนี้ซอนมีจะโดนปีศาจที่น่ากลัวมากๆ ทำร้าย เขาอาสาออกไปเป็นเพื่อนโดยบอกว่าโอปป้าคนนี้จะดูแลความปลอดภัยให้เธอเอง จากนั้นก็ยิ้มอย่างเป็นมิตร
โอกงขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและวานให้ซอนมีช่วยดับเทียน 5 เล่มบนโต๊ะขณะรอ ซอนมีเห็นโอกงลุ้นหนักมากในระหว่างที่เธอกำลังจะดับเทียนจึงถามอย่างรู้ทันว่าเขาดับเองไม่ได้ใช่ไหม โอกงยอมรับและขอร้องเธอให้ช่วยดับเพราะนี่เป็นทางเดียวที่เขาจะออกไปข้างนอกได้ ซอนมีเกรงว่าทำเช่นนั้นแล้วจะมีอันตราย โอกงจึงอธิบายว่าเทียนทั้งห้าคือภูเขาเบญจคีรี พลังของพวกมันสะกดตนไว้ที่นี่ โดยพันธนาการข้อมือ ข้อเท้า และลำคอ ตนเอาไว้ หากซอนมีช่วยปลดปล่อยตนด้วยการดับเทียนทั้งห้าเล่ม ตนจะคอยปกป้องซอนมี
เพื่อไม่ให้มีปัญหาในภายหลังซอนมีจึงขอให้โอกงทำสัญญา (เธอทำตามที่เขาชี้แนะ) โอกงจึงถามว่าเงื่อนไขของเธอคืออะไร ซอนมีขอให้โอกงช่วยปกป้องเธอจากภูติผีปีศาจ โอกงจึงถามชื่อเธอแล้วให้คำมั่นว่า "ชิน ซอนมี! ชั้น...มหาเทพเสมอฟ้า "ซน โอกง" หากเธอเรียกชื่อชั้นในยามที่มีเรื่องทุกข์ร้อน หวาดหวั่น หรือกำลังตกอยู่ในอันตราย ชั้นจะมาหาและคอยปกป้องเธอเสมอ" พูดจบโอกงก็แบมือให้ซอนมี ซอนมีทาบมือเล็กๆ ลงบนมือเขาแทนการประทับตรา ทันใดนั้นก็มีลูกไฟดวงหนึ่งผุดขึ้นมาจากมือของโอกง โอกงกำลูกไฟดวงดังกล่าวไว้ในมือซึ่งหมายความว่าเขายอมรับภาระผูกพันและจะทำตามคำมั่นที่ให้ไว้ หลังจากนั้นซอนมีก็เริ่มดับเทียนทีละเล่ม ส่งผลให้รอยพันธนาการบนข้อมือ ข้อเท้า และลำคอ ของโอกงสลายหายไป
หลังถูกปลดปล่อยโอกงก็ร้องลั่นด้วยความสะใจ เขากล่าวชมซอนมีและขอตัวไปหาอะไรดื่ม ซอนมีคว้าแขนโอกงเอาไว้แล้วทวงสัญญาทันที โดยบอกว่าสิ่งแรกที่เขาต้องทำคือพาเธอไปยังสถานที่ปลอดภัยเพราะเธออยู่กับยายตามลำพัง โอกงปัดมือซอนมีออกแล้วอ้างว่าขอคิดดูก่อน ซอนมีจึงถามว่าจะไม่ไปกับเธอหรือ โอกงชี้ว่าคนที่ถูกกักขังล้วนเป็นคนไม่ดีซึ่งตนก็เป็นหนึ่งในนั้น แถมยังเป็นจอมวายร้ายเสียด้วย ซอนมีถามว่าเพราะเขาเป็นจอมวายร้ายเลยไม่รักษาสัญญางั้นหรือ โอกงกล่าวว่าน่าเสียดายที่พวกตนไม่อาจผิดสัญญาที่ให้ไว้กับมนุษย์ ดังนั้นทุกครั้งที่ซอนมีเรียกชื่อตน ตนจึงต้องมาหาและปกป้องซอนมีตามสัญญา
โอกงยื่นหน้าเข้าไปหาแล้วถามซอนมีว่าจำชื่อตนได้ไหม ซอนมีจะเอ่ยชื่อโอกงแต่โอกงดึงชื่อของตนออกจากความทรงจำซอนมีเสียก่อน ซอนมีเลยนึกไม่ออกว่าเขาชื่ออะไร โอกงยังบอกด้วยว่าซอนมีจะต้องรับโทษที่ปล่อยจอมวายร้ายอย่างตน เขาอวยพรให้เธออยู่รอดปลอดภัย จากนั้นก็หยิบพัดออกจากเสื้อซอนมีแล้วบอกลาทันที ซอนมีคว้าแขนโอกงพลางขอร้องว่าอย่าทิ้งตนไป โอกงเย้ยว่าหากซอนมีเรียกชื่อตน ตนจะรีบมาปกป้องเธอทันที แต่ซอนมีไม่มีวันเรียกชื่อตนได้ เขาปัดมือซอนมีออกจากแขนแล้วชี้ว่าตนไม่ได้เป็นเทพจากนั้นก็หนีไป ซอนมีถึงกับน้ำตาร่วง เธอพยายามนึกชื่อเขาแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
25 ปีต่อมา
"ลี ฮันจู" พนักงานของบริษัท ฮันบิท เรียลเอสเตส ไปพบสองสามีภรรยาซึ่งเป็นเจ้าของอาคารสำนักงานที่อยู่ในระหว่างการประกาศขาย เขาบอกทั้งคู่ว่าเจ้านายตนกำลังเดินทางมา หากตรวจดูแล้วไม่มีปัญหาเธอจะเซ็นสัญญาซื้อวันนี้เลย ผู้เป็นภรรยาได้ยินว่า ซีอีโอบริษัท ฮันบิท ยังอายุไม่มากนัก จึงสงสัยว่าเธอหาเงินมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร ฮันจูออกตัวว่าตนไม่ค่อยรู้เรื่องส่วนตัวของเจ้านายแต่นายตนค่อนข้างมีชื่อเสียงในวงการอสังหาริมทรัพย์ ผู้เป็นสามีเดาว่านายของเขาคงมีหัวด้านธุรกิจ แต่ฮันจูคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเจ้านายตนมีสัมผัสที่หกมากกว่า ผู้เป็นภรรยาถามฮันจูว่าเจ้านายของเขาชื่ออะไร ฮันจูยังไม่ทันตอบเจ้านายของเขาก็เดินเข้ามาในห้องเสียก่อน
ที่แท้เจ้านายของฮันจูก็คือซอนมี ถึงแม้เธอจะโตเป็นสาวแล้วแต่ยังคงมีร่มสีเหลืองเป็นไอเทมคู่กายเหมือนเช่นเดิม ทันทีที่มาถึงซอนมีก็รู้สึกได้ว่าในห้องมีพลังงานบางอย่าง เธอกางร่มใส่หน้าเจ้าของอาคารพลางถามฮันจูว่าในห้องมีทั้งหมดกี่คน ฮันจูตอบว่ามีห้าคนแต่ซอนมีนับเท้าได้หกคู่ เธอจึงรู้ว่าทำไมสองสามีภรรยาถึงประกาศขายอาคารสำนักงานแห่งนี้แบบเร่งด่วน แถมราคาขายยังถูกสุดๆ อีกด้วย เธอถามสองสามีภรรยาว่าบริษัทต่างๆ ที่เคยอยู่ในอาคารแห่งนี้ล้วนขาดทุนย่อยยับใช่หรือไม่ ผู้เป็นภรรยารีบปฏิเสธโดยบอกว่าเป็นข่าวลือที่บอกต่อกันมาแบบผิดๆ ถึงกระนั้นซอนมีก็ไม่สนใจและตัดสินใจซื้อทันที (เธอมักซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหา (มีผีสิง) ในราคาถูก)
หลังทุกคนออกจากห้องแล้ว ซอนมีก็เผชิญหน้ากับผีสาวตามลำพังโดยมีร่มคู่กายและถั่วแดง (สำหรับไล่หรือปราบผี) เป็นอาวุธ ครั้นกำราบผีผมยาวรุงรังจนอยู่หมัดเธอก็ช่วยมัดผมให้ผีสาว จากนั้นจึงนั่งพูดคุยอย่างเป็นกันเอง พอรู้ว่าผีสาวเสียชีวิตขณะพยายามลดน้ำหนัก 30 กิโลกรัมหมายไปออดิชั่นเป็นนักร้อง ซอนมีจึงป้อนเอนเนอร์จี้บาร์ (ธัญพืชและผลไม้อัดแท่ง) ให้ผีสาวเพราะรู้ว่าผีตนดังกล่าวต้องหิวมากแน่ๆ แถมเธอยังให้ผีตนดังกล่าวร้องเพลงให้ฟังด้วย ฮันจูเห็นซอนมีทำท่าทีแปลกๆ ซ้ำยังพูดคนเดียวเลยได้แต่ยืนดูที่หน้าประตูแบบกล้าๆ กลัวๆ พลางบ่นว่าถ้าพร้อมเมื่อไหร่ตนจะลาออกทันที ซอนมีถามผีสาวว่ารู้จักเทพบ้างไหม เมื่อผีสาวส่ายหน้า ซอนมีก็เล่าว่าเธอเคยทำสัญญากับเทพเจ้าเล่ห์องค์หนึ่งแต่ตอนนี้เธอจำหน้าเขาแทบไม่ได้แล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนั้นจึงเลือนลางดุจความฝัน
อีกด้านหนึ่งกำลังมีการถ่ายทำรายการออดิชั่นนักร้อง ซึ่งคณะกรรมการทั้งสามท่านประกอบด้วย "คิม ฮยองซอก" (นักแต่งเพลง และซีอีโอ บริษัท เอนเตอร์เทนเมนท์), "คิม ยอนอู" (นักร้อง, นักแต่งเพลง) และ "อูฮวี" (ชื่อมนุษย์ของอูมาวัง) ซึ่งเป็นซีอีโอ บริษัท ลูซิเฟอร์ เอนเตอร์เทนเมนท์ หลังผู้เข้าแข่งขันที่ชื่อ "ลี ดาอิน" ขึ้นมาร้องเพลงบนเวที กรรมการสองในสามต่างวิจารณ์การร้องและให้เธอไม่ผ่าน โดยให้เหตุผลว่าเป็นการร้องที่ไม่มีพลังและไม่มีอินเนอร์ มีเพียงอูมาวังที่พยายามบิวท์พลังและความรู้สึกของเธอก่อนให้เธอผ่านจนกลายเป็นกระแสดราม่า เมื่อได้รับคำชมจากทีมงานว่าเป็น "เทพแห่งเรตติ้ง" อูมาวังก็หันไปแย้งด้วยน้ำเสียงและสีหน้าสุดเหี้ยมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อว่า ตนไม่ใช่เทพแต่เป็นจอมปีศาจทำเอาทีมงานตกอกตกใจ หลังจากนั้นเขาก็ออกตัวว่าตนเห็นชาวเน็ตคอมเมนต์ว่าตนเป็น "จอมปีศาจโอเวอร์แอคติ้ง" เลยนำมาล้อเล่นขำๆผู้เข้าแข่งขันสาวแวะมาหาอูมาวังที่ห้องแต่งตัวเพื่อขอบคุณที่เขาให้เธอผ่าน เขาจึงถามเธอว่าสมใจแล้วหรือยัง เธอกล่าวว่าตนดีใจมากที่ตัดสินใจมาที่นี่หลังได้กินเอนเนอร์จี้บาร์ เมื่ออูมาวังขอให้ออกจากร่างหญิงสาว ผีที่สิงร่างผู้เข้าแข่งขันคนดังกล่าวจึงปรากฏตัว (ขณะที่เจ้าของร่างล้มลงไปนอนแน่นิ่ง) ที่แท้เธอคือผีสาวที่อยู่กับซอนมีก่อนหน้านี้ เธอสิงร่างผู้เข้าแข่งขันเพื่อทำตามความฝันที่คั่งค้าง หลังขอบคุณอูมาวังอีกครั้ง เธอก็สลายหายตัวไปอย่างมีความสุขและหมดห่วง
ณ ห้องทำงานสุดหรูของอูมาวังที่ บริษัท ลูซิเฟอร์ เอนเตอร์เทนเมนท์... "เลขามา" (ปีศาจสุนัข) รายงานว่าผู้เข้าแข่งขันที่ถูกผีสิงฟื้นแล้ว อูมาวังเปรยว่าหากเธอรู้ว่าได้ 'ผ่าน' ขณะหลับจะต้องตื่นเต้นแน่ๆ เลขามากล่าวชมอูมาวังที่ทำให้ผีและมนุษย์สมหวังในคราวเดียวกัน อูมาวังกล่าวว่าตนกำลังจะได้เป็นเทพในไม่ช้า นี่จึงเป็นสิ่งที่ตนสมควรทำ เลขามาเห็นอูมาวังพยายามสะสมความดีจึงอดบ่นเรื่องที่เขาไม่วายโดนคนนินทาลับหลังว่าเป็นจอมขโมยซีนไม่ได้ พอรู้ว่ากรรมการบนเวทีทั้งสองคนแอบเมาท์ตน อูมาวังก็อดหงุดหงิดผิดหวังไม่ได้ เลขามาถามว่าให้ตนฆ่าทั้งคู่เลยดีไหม เขาอยากกินเนื้อสองคนนี้หรือเปล่า อูมาวังกล่าวว่าการเข่นฆ่าเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับผู้ที่กำลังเตรียมตัวเป็นเทพ เลขามาจึงอาสาลงมือสั่งสอนแบบเบาะๆ แต่อูมาวังห้ามไว้โดยบอกว่า ตนอุตส่าห์อดทนรอมานานนับพันปี อีกไม่นานจะได้เป็นเทพแล้วเลยไม่อยากก่อเรื่อง เลขามาจึงถามอูมาวังว่าหากคนที่เขาอยู่ด้วยสร้างเรื่องไม่หยุดหย่อนจะทำเช่นไร พูดจบเธอก็ยื่นใบสั่งจราจรของรถยนต์แผ่นป้ายทะเบียน "5050" (ภาษาเกาหลีอ่านว่า "โอ-กง-โอ-กง") ที่ถูกขับด้วยความเร็วสูงถึง 190 กม. ต่อ ชม. ให้อูมาวังดู
ปรากฏว่าคนที่นำรถสปอร์ตสุดหรูไปซิ่งจนโดนใบสั่งก็คือโอกง เขาขับรถคันดังกล่าวไปจอดขวางที่หน้าบ้านหลังหนึ่งแล้วสวมรอยเป็นบาทหลวงเพื่อปราบผีฝรั่งที่เข้าสิงลูกชายเจ้าของบ้าน ผีตนดังกล่าวรู้ว่าโอกงไม่ใช่บาทหลวงแต่เป็นลิงที่เคยถูกจองจำหลังป่วนสวรรค์ โอกงจึงชี้ว่าเพราะอย่างนี้ตนถึงต้องสะสมความดีอย่างที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ (ปราบวิญญาณชั่วร้าย) เขาพยายามมองหาร่างเดิมที่ผีตนดังกล่าวเคยสิงสู่หมายทำลายทิ้ง ขณะเดียวกันก็ใช้ไม้เบสบอลทุบทำลายข้าวของทุกอย่างที่ขวางหน้า ในที่สุดเขาก็พบตุ๊กตาหุ่นกระบอกไม้ (Ventriloquist Dummy) จึงคิดที่จะทำลาย แต่ผีร้ายในร่างเด็กขอร้องให้ละเว้นตน เมื่อเห็นว่าการเจรจาไม่เป็นผล ผีตนดังกล่าวจึงบอกโอกงว่าซัมจังปรากฏตัวแล้ว และนั่นก็ทำให้โอกงถึงกับหูผึ่ง
ผีฝรั่งยืนยันว่าตนเจอมนุษย์ที่มีเลือดของซัมจัง หากใครได้กินเนื้อและเลือดของเธอจะมีพลังมหาศาล ตนเคยลิ้มรสซัมจังมาแล้วด้วย (ในเวลาเดียวกันนั้นตุ๊กตาหุ่นกระบอกไม้ได้เริ่มเคลื่อนไหว มันหันไปมองรอบตัวและพบวงเวียนเหล็กวางอยู่ใกล้ๆ จึงหยิบขึ้นมา) ผีตนดังกล่าวยังถ่วงเวลาโดยบอกอีกว่ากลิ่นเลือดเนื้อของซัมจังนั้นหอมหวนเกินบรรยาย ตนได้ทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนตัวซัมจังด้วย หากโอกงยอมละเว้นตน ตนจะช่วยตามหาซัมจัง ทันใดนั้น ตุ๊กตาหุ่นกระบอกไม้ก็ฉวยโอกาสโจมตีโอกง แต่โอกงไหวตัวทันจึงใช้ไม้เบสบอลฟาดเต็มแรง หลังร่างเดิมที่เคยสิงสู่ถูกทำลายผีฝรั่งตนดังกล่าวก็ร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนสลายหายไป หลังโอกงปราบผีฝรั่งได้แล้วและกำลังจะกลับก็มีบาทหลวงตัวจริงมาที่บ้านหลังดังกล่าว ครั้นถูกถามว่ามาจากสาขาใด โอกงก็เอามือชี้ฟ้าแล้วบอกว่าตนลงมาจากที่นั่นโดยตรง หลังจากนั้นโอกงก็เผยขวดเหล้าที่ซ่อนอยู่ในเสื้อให้เจ้าของบ้าน (พ่อเด็ก) ดู พลางบอกว่าตนขอสิ่งนี้แทนคำขอบคุณ
หลังจากนั้น โอกงก็แวะไปทานไอศครีมที่ร้านของ "ทงจาง" (ขุนพลฤดูหนาว) ครั้นเห็นว่าไม่ค่อยมีลูกค้ามาอุดหนุนโอกงก็รู้สึกเป็นห่วง แต่ทงจางบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงตน (เขาเรียกโอกงว่า "เชชอนแดซง" หรือ "มหาเทพเสมอฟ้า") และให้เอาเวลาไปคิดหาวิธีกลับสวรรค์ เขาเชื่อว่าการที่โอกงปราบผีตุ๊กตาหุ่นกระบอกไม้ได้สำเร็จในวันนี้จะทำให้ถูกเลื่อนขั้นในไม่ช้า ซึ่งโอกงเองก็หวังไว้เช่นนั้นเพราะถ้าได้กลับสวรรค์เขาจะดื่มเหล้าได้อีกครั้ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาโอกงทำได้เพียงเก็บสะสมเหล้าเพื่่อรอเวลา ซึ่งล่าสุดเขาสะสมได้มากถึง 2,983 ขวดแล้ว ทงจางอวยพรให้โอกงได้กลับสวรรค์ก่อนสะสมเหล้าครบ 3 พันขวด โอกงชมว่าทงจางสามารถปรับตัวและใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ได้อย่างกลมกลืน ใครเลยจะคิดว่าเขาคือผู้ที่ทำให้โลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็งเมื่อนานมาแล้ว ทงจางออกตัวว่าตนจะไม่ทำเช่นนั้นอีก พูดจบเขาก็เทน้ำลงในโถและเสกให้กลายเป็นน้ำแข็งในบัดดล
โอกงนึกขึ้นได้จึงถามทงจางว่าได้ยินข่าวเรื่องมนุษย์ที่ถูกเรียกว่าซัมจังบ้างไหม ทงจางได้ยินว่าเลือดซัมจังมีกลิ่นหอมคล้ายดอกบัวแต่เขายังไม่เคยเจอใครที่มีกลิ่นแบบนั้น โอกงสงสัยว่าเรื่องที่ปีศาจดื่มเลือดซัมจังแล้วจะมีพลังมหาศาลเป็นความจริงหรือไม่ ทงจางกล่าวว่าถ้าข่าวนี้แพร่สะพัด ซัมจังจะตกเป็นเป้าของเหล่าปีศาจทันทีไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม โอกงเองก็อยากกินซัมจังเช่นกันเพียงแต่เขาไม่คิดว่าคนแบบนั้นจะมีอยู่จริง ทงจางสงสัยว่าโอกงยังคงพักอยู่กับอูมาวังหรือไม่ โอกงตอบว่าใช่แต่ไม่วายบ่นว่าอูมาวังจู้จี้ขี้บ่น ถึงกระนั้นเขาก็ชอบบ้านของอูมาวังเพราะทำเลดีและมีที่จอดรถสะดวกสบาย
เมื่ออูมาวังกลับมายังที่พักในตอนค่ำ ลุงรปภ.ก็ปรี่เข้าไปหาพร้อมกระถางดอกไม้แสดงความยินดี อูมาวังนึกว่าเป็นของตนแต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่ามีคนส่งมาให้โอกง แถมรปภ.ยังฝากให้เขาช่วยอุ้มขึ้นไปให้โอกงอีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอเขายังถูกรปภ.ตำหนิเรื่องรถหมายเลขทะเบียน 5050 ชอบจอดกั๊กที่คันอื่น (จอดขวางคันเดียวสามช่อง) และเตือนว่าหากมีคนถ่ายรูปแล้วนำไปโพสต์ลงอินเตอร์เน็ตมีหวังโดนถล่มเละแน่ อูมาวังเห็นแล้วถึงกับของขึ้น ถึงกระนั้นเขาก็พยายามระงับความรู้สึกเพื่อรักษาภาพพจน์ เขาแบกกระถางดอกไม้อันหนักอึ้งของโอกงขึ้นไปบนห้องพลางบ่นไม่หยุด ครั้นเห็นโอกงแขวนเสื้อคลุมไว้บนเขารูปปั้นวัวกระทิงอีกตามเคย เขาจึงบ่นอย่างหัวเสีย พอดึงเสื้อคลุมออกแล้วเห็นรูปปั้นลิง (ซุนหงอคง) เขาก็ไม่พอใจที่โอกงถือวิสาสะนำมาวางตามอำเภอใจทั้งที่ไม่ใช่บ้านของตน ปรากฏว่าโอกงนอนดูทีวีพลางจิบน้ำผลไม้อย่างสบายใจ อูมาวังเห็นดังนั้นจึงบ่นเป็นชุด โอกงทำเหมือนทองไม่รู้ร้อนและชี้ว่ารายการวาไรตี้ที่ตนกำลังดูสนุกมาก เชื่อว่าอีกไม่นานเรตติ้งต้องสูงกว่ารายการของอูมาวังแน่เพราะมีแต่คนคอมเมนต์ในแง่ดี ผิดกับรายการของอูมาวังที่มีแต่คนคอมเมนต์ด่าว่าเขาเป็นจอมปีศาจโอเวอร์แอคติ้ง อูมาวังจึงเหน็บว่าโอกงควรจัดการเรื่องของตัวเองให้ดีแทนที่จะมัวห่วงคนอื่น
ปรากฏว่าผู้ที่ส่งกระถางดอกไม้มาให้โอกงคือ "ซา โอจอง" (หรือ "ซัวเจ๋ง" ซึ่งนับถือโอกงเป็นลูกพี่) ข้อความที่แนบมาพร้อมกระถางดอกไม้ระบุว่า "ขอแสดงความยินดีในโอกาสที่ซุน โอกงได้เลื่อนตำแหน่ง จากน้องชายของพี่... ซา โอจอง" อูมาวังเห็นดังนั้นจึงถามโอกงว่าเขากำลังจะได้กลับสวรรค์งั้นหรือ โอกงบอกตามตรงว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่อาจารย์ "ซู โบรี" (พระอาจารย์สุภูติ) เรียกตนไปพบพรุ่งนี้ คิดว่าคราวนี้ตนคงได้เลื่อนตำแหน่งใหญ่เสียที หากตนได้รับตำแหน่งใหญ่บนสวรรค์จะช่วยอูมาวังอีกแรง เพราะอูมาวังช่วยจัดการเขาเบญจคีรีให้ตน อูมาวังแย้งว่าตนไม่ได้ตั้งใจปลดปล่อยโอกงแต่มันเป็นอุบัติเหตุและความผิดพลาด ที่ตนให้โอกงมาอยู่ที่นี่เพราะต้องการรับผิดชอบและแก้ไขความผิดพลาดในครั้งนั้น ในเมื่อโอกงกำลังจะกลับสวรรค์ก็ได้เวลาไปจากบ้านตนเสียที โอกงยืนกรานว่าตนชอบที่นี่เพราะมีที่จอดรถกว้างขวาง แต่อูมาวังยืนกรานให้ย้ายออกไปโดยอาสาหาที่อยู่พร้อมลานจอดรถกว้างๆ ให้ใหม่ โอกงไม่รู้ตัวว่าตนเองสร้างวีรกรรมอะไรเอาไว้จึงเดาว่าที่อูมาวังหงุดหงิดคงเป็นเพราะโดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ
คืนเดียวกันนั้น หญิงสาวคนหนึ่งฝากข้อความทางโทรศัพท์ถึงแฟนหนุ่มหลังเขาไม่ยอมรับสายและหายหน้าไป โดยบอกว่าเธอจะไม่เลิกราและจะตามหาเขา พร้อมทั้งขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย หลังฝากข้อความแล้วเธอก็ยืนร่ำไห้โดยไม่รู้ว่าตนเองกำลังถูกผีตุ๊กตาเจ้าสาว (หุ่นกระบอกไม้) ที่วางโชว์อยู่ในร้านจับจ้องตลอดเวลา เมื่อเธอหันไปสบตาตุ๊กตาผี ตุ๊กตาตัวดังกล่าวจึงสะกดให้เธอเดินเข้าไปหา หลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวคนดังกล่าวก็มีสีหน้า แววตา และรอยยิ้มดุจปีศาจ โดยเหตุการณ์ทั้งหมดได้ปรากฏตรงหน้ากาน้ำโบราณใบหนึ่ง
วันรุ่งขึ้นโอกงไปพบอาจารย์ซู โบรี ด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหวัง อาจารย์ซู โบรีดูรายงานการปราบผีฝรั่งในร่างตุ๊กตาหุ่นกระบอกไม้ของโอกง จากนั้นก็ถามถึงตุ๊กตาเจ้าสาว โอกงไม่เคยรู้มาก่อนว่าผีฝรั่งที่ตนปราบมีภรรยา อาจารย์ซู โบรีจึงชี้ว่าตุ๊กตาหุ่นกระบอกไม้ที่โอกงปราบสวมชุดเจ้าบ่าว แสดงว่ายังมีผีร้ายอีกตัวที่เป็นเจ้าสาว โอกงอาสาปราบผีตนดังกล่าวโดยบอกว่านี่จะเป็นภารกิจสุดท้ายบนโลกมนุษย์ของตน อาจารย์ซู โบรีบอกตามตรงว่าเรื่องที่จะให้โอกงกลับสวรรค์ยังไม่ได้รับการอนุมัติ แม้ภารกิจของโอกงจะมีผลลัพธ์ที่ดี แต่ผลประเมินความพึงพอใจกลับไม่ผ่านเพราะวิธีการที่เขาใช้ไม่เหมาะสม เขามุ่งมั่นที่จะจับผีโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นตามมา ซึ่งการไล่ล่าผีแล้วทำให้ผู้อื่นประสบอุบัติเหตุ หรือพังสะพานลอยเละเทะนั้นไม่โอเคสำหรับโลกมนุษย์
โอกงรู้สึกเจ็บใจที่ตนไล่จับผีแทบตายแต่ผลที่ได้กลับไม่เป็นดังหวัง มิหนำซ้ำยังโดนร้องเรียน ยิ่งรู้ว่ายังไม่มีวี่แววว่าจะได้กลับสวรรค์เขาก็รู้สึกโกรธและคิดว่าโดนหลอก ถึงกระนั้นเขาก็พยายามระงับอารมณ์และชี้ว่านับตั้งแต่ออกจากภูเขาเบญจคีรีตนก็ตั้งใจทำดีและไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง เพราะอาจารย์สัญญาว่าจะเลื่อนตำแหน่งให้ตน อาจารย์ซู โบรียืนกรานว่าโอกงจะไม่ได้เลื่อนตำแหน่งในการประเมินคราวนี้ และบอกให้เขาแก้ตัวใหม่คราวหน้า แต่โอกงเริ่มหมดความอดทนจึงลั่นวาจาว่าตนจะออกตามหาและกินเนื้อซัมจังแทน อาจารย์ซู โบรีนึกไม่ถึงว่าเรื่องที่ซัมจังปรากฏตัวบนโลกมนุษย์จะล่วงรู้ไปถึงหูของโอกง โอกงเห็นปฏิกิริยาของอาจารย์ก็รู้ได้ทันทีว่าซัมจังตัวเป็นๆ มาปรากฏบนโลกมนุษย์แล้วจริงๆ อาจารย์ซู โบรีไม่ยอมรับว่ามีซัมจังจริงหรือไม่แต่อดเตือนไม่ได้ว่าหากโอกงกินซัมจังจะไม่ได้กลับสวรรค์อีกเลย โอกงถามอาจารย์ซู โบรีว่ากินซัมจังแล้วจะมีพลังมหาศาลใช่ไหม ครั้นเห็นอาจารย์แสดงอาการไม่พอใจโอกงก็รู้คำตอบและยืนกรานว่าจะกินซัมจังให้ได้ อาจารย์ซู โบรีเห็นว่าตนเอาลิงพยศไม่อยู่จึงคิดที่จะไปปรึกษาอูมาวัง
ขณะที่ "พีเค" (ชื่อมนุษย์ของ "ตือโป๊ยก่าย") หนึ่งในศิลปินดังสังกัดลูซิเฟอร์ เอนเตอร์เทนเมนท์ กำลังแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ในต่างประเทศ พลังชีวิตของคนดูได้ถูกดูดออกจากร่างก่อนลอยเข้าไปอยู่ในลูกแก้วที่ตั้งอยู่บนศีรษะรูปปั้นวัวกระทิง เมื่ออาจารย์ซู โบรีไปที่บริษัทลูซิเฟอร์ อูมาวังก็นำลูกแก้วหลากสีที่ภายในมีพลังชีวิต (ของผู้เข้าชมคอนเสิร์ตจากหลากหลายเมืองในต่างประเทศ) ออกมาอวด อาจารย์ซู โบรีรู้ว่าศิลปินดังในสังกัดลูซิเฟอร์ทั้งหมดล้วนเป็นปีศาจเพราะพีเคเคยเล่าให้ฟัง ทั้งคู่จึงพูดคุยกันเรื่องปีศาจในคราบศิลปินพอหอมปากหอมคอก่อนเข้าเรื่อง อาจารย์ซู โบรีกล่าวว่าตนมาที่นี่เพราะอยากหารือเรื่องมหาเทพเสมอฟ้า (โอกง) อูมาวังได้ยินดังนั้นก็แอบงอนเพราะนึกว่าอาจารย์ซู โบรีจะมาปรึกษาเรื่องงานเลี้ยงฉลองการเลื่อนตำแหน่งของโอกง พอรู้ว่าโอกงยังไม่ได้รับอนุญาตให้กลับสวรรค์และยังไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง อูมาวังก็แอบขำจนแทบกลั้นอาการเอาไว้ไม่อยู่ แต่พอรู้ว่าโอกงกำลังจะทำผิดมหันต์ด้วยการจับซัมจังกินเขาก็ถึงกับอึ้งเพราะไม่นึกว่าข่าวลือเรื่องที่ซัมจังตัวเป็นๆ มาปรากฏตัวบนโลกมนุษย์แล้วจะเป็นจริง
อาจารย์ซู โบรีถามอูมาวังว่าเขาเป็นคนส่งมนุษย์เด็กไปปลดปล่อยโอกงจากภูเขาเบญจคีรีใช่ไหม อูมาวังแย้งว่าตนไม่ได้ส่งเด็กไปปล่อยโอกง แค่ต้องการดับไฟป่าบนเขาแทแบคด้วยความหวังดีเลยอยากนำพัดขององค์หญิงพัดเหล็ก (พาโชซน) มาใช้เท่านั้น และตนก็ได้รับโทษแล้ว อาจารย์ซู โบรีถามต่อว่าเขาจำเด็กคนดังกล่าวได้หรือไม่ เมื่ออูมาวังบอกว่าจำได้ อาจารย์ซู โบรีจึงชี้ว่าเด็กคนนั้นคือ...ซัมจัง เพราะเธอปลดปล่อยปีศาจ (โอกง) เลยถูกลงโทษให้มีชะตาเดียวกับซัมจังซึ่งจะต้องเผชิญกับเหล่าปีศาจทุกประเภท ตนจึงอยากให้อูมาวังตามหาและปกป้องเธอ
ซอนมีกับฮันจูไปที่บ้านของเด็กชายที่ถูกผีฝรั่งสิง ก่อนหน้านี้ไม่นานพ่อแม่เด็กต้องการย้ายออกจึงติดต่อขอลงประกาศขายบ้านด่วน แต่ตอนนี้เกิดเปลี่ยนใจไม่ยอมขายเพราะลูกชายหายป่วยแล้ว ซอนมีกับฮันจูจึงเสียเวลาเปล่า ฮันจูเห็นว่างานนี้พวกตนไม่ได้เงินสักแดง แถมก่อนหน้านี้ซอนมียังถูกลูกชายเจ้าของบ้านกัดจนเป็นแผล จึงถามขณะออกจากบ้านว่าทำไมถึงไม่ให้พ่อแม่เด็กรับผิดชอบค่ารักษา ซอนมีชี้ว่าเด็กคนนั้นไม่ได้กัดตนแต่เป็นคนต่างชาติและตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้แล้ว ฮันจูได้ยินแล้วเป็นงง เขาเห็นหญิงสาวท่าทางน่ากลัวคนหนึ่ง (ซึ่งถูกผีตุ๊กตาหุ่นกระบอกเจ้าสาวเข้าครอบงำ) ยืนจ้องบ้านหลังกล่าวจึงรีบขึ้นรถ
โอกงไปตามหาตุ๊กตาหุ่นกระบอกเจ้าสาวที่ร้านขายของสะสมแต่กลับพบว่ามีคนซื้อไปแล้ว เหลือเพียงกาน้ำที่มีปีศาจสิงอยู่ ทันใดนั้นก็มีควันพวยพุ่งออกมาจากกาน้ำพร้อมภาพผีตุ๊กตาเจ้าสาวกำลังครอบงำผู้หญิงคนหนึ่ง หลังได้ข้อมูลว่าผีตนดังกล่าวหนีไปแล้ว โอกงจึงคิดที่จะซื้อกาน้ำดังกล่าว พอรู้ว่าเป็นของหายากและราคาแพงที่สุดในร้าน โอกงจึงโทรฯ บอกโอจอง ("ซัวเจ๋ง" และซีอีโอบริษัทผลิตมือถือยักษ์ใหญ่) ให้ช่วยจ่ายเงินให้ ซึ่งโอจองก็พร้อมเปย์ทันที (โอกงไม่รู้ว่าในตอนนั้นตนถูกหญิงสาวที่โดนผีเข้าครอบงำจับตามองอยู่)
หลังจากนั้นโอกงก็แวะไปที่ร้านขายไอศครีมของทงจาง (ซึ่งไม่มีลูกค้ามาอุดหนุนเหมือนเช่นเคย) เขากล่าวว่าตนไม่ได้ตามหาตุ๊กตาหุ่นกระบอกเจ้าสาวหมายกำจัดวิญญาณร้าย แต่สงสัยว่าเจ้าสาวจะรู้จักซัมจังเหมือนเจ้าบ่าวหรือเปล่า ทงจางถามว่าโอกงจะเลิกสะสมความดีเพื่อที่จะได้กลับสวรรค์แล้วหรือ โอกงชี้ว่าถ้าได้กินซัมจังคะแนนสะสมก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เขามอบกาน้ำให้ทงจางพลางบอกว่าเป็นค่าไอศครีมที่ตนกินไปทั้งหมด ทงจางจะไม่รับ โอกงจึงชี้ว่าสาเหตุที่ธุรกิจไอศครีมของทงจางซบเซาเป็นเพราะพลังงานความเย็นในตัวเขาทำให้บริเวณร้านหนาวเย็นเกินไป เขากล่าวว่าปีศาจสาวที่สิงสู่อยู่ข้างในทำให้กาน้ำอุ่นมานานนับร้อยปีแล้ว หากตั้งกาน้ำไว้ที่นี่ร้านของเขาจะอุ่นขึ้น เช่นนั้นแล้วจึงจะสามารถทำเงินได้
ขณะเดินทางไปดูอาคารโรงอาบน้ำในเมืองอึยจองบู (อยู่ในจังหวัดคยองกีเช่นเดียวกับกรุงโซล) ซอนมีเห็นปีศาจตนหนึ่งเกาะอยู่บนหลังคารถคันหน้าและทำให้ชายที่กำลังขับรถง่วงอย่างหนักหมายให้เกิดอุบัติเหตุ เธอจึงบอกให้ฮันจูรีบขับไปเทียบรถคันดังกล่าว (ซึ่งกำลังส่ายไปมา) จากนั้นก็ตะโกนด่าคนขับรถด้วยถ้อยคำหยาบคายแบบรัวๆ หวังให้เขาตาสว่าง ปรากฏว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลเพราะชายคนดังกล่าวโกรธจนหายง่วง พอปลุกคนขับได้แล้วเธอจึงตะโกนด่าและไล่ปีศาจ (แต่คนขับรถคิดว่าซอนมียังด่าตนไม่เลิก) หลังปีศาจหนีไปแล้วซอนมีก็บอกให้ฮันจูรีบซิ่งหนี เพราะคนขับรถคันดังกล่าวโกรธจัดและพยายามขับรถตามมาเล่นงานเธอ
ขณะที่รถติดไฟแดง ซอนมีเห็นโอกงเดินข้ามทางม้าลายที่อยู่ตรงหน้าจึงมองตามด้วยสายตาครุ่นคิด เธอรู้สึกคุ้นหน้าเขาแต่ยังนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน โอกงเหลือบมองซอนมีแล้วไปต่อเหมือนไม่เคยรู้จักกัน ครั้นพอข้ามไปอีกฝั่งเขาก็หยุดเดินแล้วหันกลับไปมองซอนมี ซอนมีนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 25 ปีก่อนตอนที่เธอทำสัญญากับเทพองค์หนึ่งแล้วเขารับปากว่าจะปกป้องเธอ ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่เลยได้แต่จ้องมองโอกงด้วยความสงสัย ครั้นโอกงยิ้มให้แล้วทำท่าโบกพัด ซอนมีก็จำเขาได้ทันที (เมื่อ 25 ปีก่อนโอกงโบกพัดพาโชซนก่อนทิ้งเธอไป) เธอจึงรีบลงจากรถแล้ววิ่งตามโอกงไปแต่สุดท้ายก็ตามไม่ทัน โอกงเห็นซอนมีวิ่งตามมาก็ยิ้มอย่างพึงพอใจและวานผีเด็กให้พาซอนมีมาพบตนในเรือนกระจก
โอกงเปิดฉากทักว่าซอนมีแก่ลงเยอะ (แต่ยังคงเรียกเธอว่า 'เด็กน้อย') ก่อนชื่นชมที่เธอรอดมาได้ ซอนมีกล่าวว่าตนอายุมากขึ้นแต่ยังต้องดิ้นรนตัวรอด ผิดกับโอกงที่ไม่เปลี่ยนไปเลย (เธอเรียกเขาว่า 'ท่านเทพ' เหมือนสมัยยังเด็ก) เธอสงสัยว่าโอกงหลอกตนแล้วยังมีหน้าโผล่มาอีกทำไม โอกงจึงชี้ว่าตนไม่ได้ตั้งใจมาหาแต่เป็นการพบกันโดยบังเอิญ ที่ตนไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเพราะซอนมีไม่เคยเรียกชื่อตน และตนก็มั่นใจว่าซอนมีไม่มีทางจำชื่อตนได้ ต่อให้พยายามมากแค่ไหนก็ตาม ซอนมีนึกถึงตอนที่เขาให้คำมั่นว่าจะมาหาและปกป้องเธอทุกครั้งที่ถูกเรียก แต่แล้วเขากลับดึงชื่อตนเองออกจากความทรงจำของเธอ เธอพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดใจและแย้งว่า โชคดีที่เธอไม่เคยพยายามนึกชื่อเขาเพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร สมัยยังเป็นเด็กไร้เดียงสาเธอคิดว่าเทพนั้นช่างสูงส่ง แต่ประสบการณ์สอนให้เธอรู้ว่าบางทีเขาอาจเป็นเพียงวิญญาณที่ถูกกักขัง (หรือ "จีบัง" ซึ่งเป็นวิญญาณธรรมดาที่ติดอยู่ในบ้าน) เธอไม่สนว่าโอกงเป็นตัวอะไร ในเมื่อเขาแค่บังเอิญผ่านมาเธอก็จะไม่รั้งด้วยการเรียกชื่อเขา ผ่านมาแล้วก็จงผ่านเลยไป
โอกงนึกไม่ถึงว่าจะเจอไม้นี้ เขากล่าวว่าเด็กหญิงซอนมีที่อ้อนวอนให้ตนคอยปกป้องยังน่ารักกว่าซอนมีตอนแก่ที่จู้จี้ขี้โมโห แค่รับมือวิญญาณบ้านๆ ธรรมดาทั่วไปคงเป็นเรื่องเหนื่อยยากสำหรับเธอ เช่นนี้แล้วจะให้ตนผ่านไปเฉยๆ ได้ยังไง เขาขอเบอร์โทรศัพท์เธอโดยบอกว่าจะส่งยันต์ให้ ซอนมีถามว่าถ้าให้เบอร์แล้วเขาจะบอกชื่อเธอไหม โอกงตอบว่าถึงบอกไปก็ไม่ใช่ชื่อตนจริง ซอนมีถามต่อว่าถ้าเธอโทรฯ หา เขาจะมาปกป้องเธอไหม โอกงตอบว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนโทรฯ หาตนได้เลย แต่ตนจะรับสายหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซอนมีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโกรธจึงกล่าวว่าเธอจะโทรฯ หาเขาทำไม ในเมื่อเขาบอกว่าจะมาหาถ้าเธอเรียกชื่อ โอกงได้ยินดังนั้นก็หูผึ่ง ซอนมีจึงบอกว่าเธอจำชื่อเขาได้แล้วและขอตัวทันที
อูมาวังแวะไปหาซอนมีที่บริษัท ฮันจูเห็นคนดังมาเยือนถึงที่ก็ปรี่เข้าไปต้อนรับและทักทายด้วยความตื่นเต้น เขาพาอูมาวังไปรอที่ห้องทำงานของซอนมีก่อนขอตัวไปซื้อกาแฟ หลังสำรวจห้องและตู้เซฟของซอนมีแล้วอูมาวังก็รู้สึกทึ่งที่เธอประสบความสำเร็จทางธุรกิจและมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ครั้นเห็นรองเท้าใส่ในบ้านลายโพโรโระซึ่งมีสภาพเก่าเก็บและมอมแมมวางอยู่ข้างโต๊ะทำงาน เขาก็บ่นอุบและหยิบขึ้นมาดูด้วยท่าทางรังเกียจ ครั้นนึกขึ้นได้ว่าซัมจังมีกลิ่นเหมือนดอกบัวเขาจึงลองดมดู พอได้กลิ่นดอกบัวโชยมาเขาก็สูดดมรองเท้าคู่ดังกล่าวอย่างคลั่งไคล้ ถึงขนาดเอาหน้าซุกลงไปแล้วเอามาถูตามตัวหวังให้กลิ่นติด เมื่อฮันจูมาพบเข้าก็ถึงกับช็อค อูมาวังพยายามวางมาดและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็รีบขอตัวกลับด้วยความอับอาย
ขณะที่ซอนมีกำลังจะข้ามถนน ชายที่ถูกซอนมีด่าอย่างหยาบคายขณะขับรถก็มาเจอเธอพอดี เขารีบปรี่ไปหาซอนมีหมายตบสั่งสอน แต่ยังไม่ทันได้ลงมือเขาก็ถูกโอกงควบคุมความเคลื่อนไหวเสียก่อน หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวก็เริ่มตบหน้าและทำร้ายร่างกายตัวเองตามที่ถูกโอกงชักใย เมื่อชายคนดังกล่าวขับรถหนีไป โอกงก็เหน็บซอนมีว่า... นึกว่าแน่ ที่แท้มีแค่ร่มคันเดียวเป็นอาวุธ ซอนมีแย้งว่ามือถือและกล้องวงจรปิดก็ปกป้องตนได้เช่นกัน โอกงถามซอนมีว่าหากจำชื่อตนได้แล้วทำไมถึงไม่เรียกให้ช่วย ซอนมีสวนกลับว่าเขาเป็นฝ่ายหนีไปแท้ๆ แล้วจะหวังให้เธอเรียกทำไม โอกงยอมรับตามตรงว่าเขารู้สึกเหมือนโดนดูถูกหลังได้ยินเธอบอกว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งตน ที่สำคัญเขาอยากตรวจสอบให้แน่ใจว่าซอนมีจำชื่อเขาได้จริงหรือไม่ โอกงบอกให้ซอนมีเรียกชื่อตนแล้วเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ เมื่อซอนมีทำท่าเหมือนจะเรียกเขาก็ลุ้นหนักมาก แต่แล้วอยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ปรากฏว่าฮันจูโทรฯ มาตามซอนมี โอกงเร่งให้ซอนมีวางสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ครั้นได้ยินเธอบอกฮันจูว่าบังเอิญเจอคนรู้จักที่ไม่สำคัญ โอกงก็ถึงกับอึ้งและพยายามระงับอารมณ์ หลังวางสายแล้วซอนมียังคงปั่นหัวโอกงด้วยการพูดว่า ที่ผ่านมาเขาคงวางใจเพราะรู้ว่ายังไงเธอก็ไม่เรียกชื่อเขาแน่ แต่ตอนนี้เขาคงร้อนๆ หนาวๆ เพราะไม่รู้ว่าจะถูกเธอเรียกเมื่อไหร่ โอกงได้ยินแล้วชักเริ่มหมดความอดทน เขาบอกให้ซอนมีเรียกชื่อตน จากนั้นก็พูดด้วยท่าทางเอาเรื่องว่า "ชั้นจะฆ่าเธอถ้าเรียกผิด" (ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง) เขายังบอกอีกว่า เพราะซอนมีเรียกตนว่าเทพตนเลยอยากจบสวยเหมือนในเทพนิยาย แต่เธอกลับล้ำเส้นมากเกินไป หรืออยากให้เทพอย่างตนเปลี่ยนเทพนิยายเป็นเรื่องราวสยองขวัญเลือดท่วม
ในที่สุดซอนมีก็ยอมรับว่าเธอแกล้งทำเป็นจำชื่อเขาได้ โอกงจึงตำหนิที่เธอแกล้งปั่นหัว ซอนมีถามโอกงว่าเขาไม่เคยคิดเลยหรือว่าสักวันเธออาจเรียกชื่อเขา โอกงสวนทันควันว่าไม่เคยเพราะเธอไม่มีวันเรียกชื่อตนได้ ซอนมีได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง เธอกล่าวว่า ถึงจะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้แต่เธอก็รอเทพคนนั้นมาตลอด 25 ปี เธออยากรู้ว่าเขาจะมาปกป้องเธอไหมจึงเฝ้ารออย่างทรมาน ในที่สุดการรอคอยความหวังอันเลื่อนลอยมาตลอด 25 ปีก็สิ้นสุดลงในวันนี้ โอกงได้ยินแล้วรู้สึกไม่สบายใจแต่เก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้และแย้งว่าตนบอกเธอมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าตนเองไม่ใช่เทพ ซอนมีกล่าวว่าเรื่องนั้นเธอรู้แต่ไม่รู้ว่ารอเขาทำไม พูดจบเธอก็เดินจากไป
คืนนั้นโอกงแวะไปที่บาร์ของ "ฮาซอน" (เทพฤดูร้อน / น้องสาวของทงจาง ซึ่งอยู่ในร่างเดียวกัน) พลางบ่นว่าอยากดื่มเหล้าแก้กลุ้ม ฮาซอนเตือนว่าโอกงถูกลงโทษไม่ให้ดื่มเหล้าเพราะหนีออกจากภูเขาเบญจคีรี และถามว่าเขาไม่สบายใจเรื่องอะไร โอกงกล่าวว่าเด็กที่ตนเคยรู้จักแต่ตอนนี้โตเป็นสาวแล้วทำให้ตนรู้สึกไม่ดี ฮาซอนถามว่าเขาเคยทำไม่ดีกับเด็กคนนั้นหรือ โอกงยอมรับและกล่าวว่าตนไม่ได้รู้สึกแย่ที่ผิดต่อเธอ แต่คำพูดของเธอกวนใจตนมาก เธอบอกว่าเฝ้ารอตนอย่างทรมานมานาน 25 ปี ตนไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้คืออะไรแต่มีบางอย่างรบกวนจิตใจ ฮาซอนอธิบายความรู้สึกของการ "เฝ้ารออย่างทรมาน" โดยนำเรื่องที่โอกงอยากดื่มเหล้าแต่ทำไม่ได้มาเปรียบเทียบ เธอเลื่อนแก้วค็อกเทลของตนเข้าไปหาโอกงพลางชี้ว่า เป็นความรู้สึกเดียวกันกับการที่โอกงถูกห้ามไม่ให้ทำอะไรบางอย่างมาตลอด 25 ปี แต่โอกงลืมมันไม่ได้และยิ่งโหยหามันมากขึ้นเรื่อยๆ โอกงได้ยินดังนั้นก็เข้าใจแจ่มแจ้งแต่ไม่วายตัดพ้อที่ถูกตอกย้ำ เขาต้องการกำจัดความรู้สึกดังกล่าวจึงคิดที่จะตามหาและกินซัมจังให้เร็วที่สุด
หญิงสาวที่ถูกผีตุ๊กตาหุ่นกระบอกเจ้าสาวเข้าครอบงำจอดรถดักซุ่มที่หน้าอาคารสำนักงานของซอนมี เมื่อซอนมีมาถึงหญิงสาวคนดังกล่าวก็ชี้เป้า โดยบอกผีตุ๊กตาเจ้าสาวว่าตนเห็นซอนมีอยู่กับคนที่ฆ่าสามีของเธอ ผีตุ๊กตาเจ้าสาวจึงตามไปเล่นงานซอนมีที่ห้องพักชั้นบนสุดของตึก พอรู้ตัวว่ามีวิญญาณร้ายอยู่ในห้องซอนมีก็รีบคว้าร่ม ทันใดนั้นผีเจ้ากรรมก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริงให้เห็น เมื่อเห็นว่าเป็นผีฝรั่งที่อยู่ในชุดเจ้าสาว ซอนมีจึงเปรยว่าเหมือนตัวที่กัดเธอก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นผีพยาบาทก็เปิดฉากเล่นงานซอนมีโดยเริ่มจากการทำลายหลอดไฟทั้งหมดจนภายในห้องมืดมิด ซอนมีพยายามมองหาผีตนดังกล่าวแต่หาไม่เจอ
อยู่ๆ กรอบรูปก็ลอยละลิ่วปลิวมาหาซอนมี เธอจึงยกแขนบังใบหน้าเอาไว้ทำให้แขนโดนกระจกบาดเป็นแผลลึกและมีเลือดหยดลงบนเศษกระจกที่แตกกระจายเกลื่อนพื้น ซอนมีจึงรีบวิ่งไปหลบในห้องแต่งตัว เมื่อเหล่าภูติผีปีศาจทั่วทั้งเมืองได้กลิ่นเลือดของซอนมีก็รู้ว่าเธอเป็นซัมจังจึงพากันตามกลิ่นเลือดไป แม้แต่อูมาวังยังออกอาการเมื่อได้กลิ่นเลือดของซอนมี ทันทีที่ไปถึงเหล่าปีศาจก็ถูกโอกงปราบจนหมดสิ้น ซอนมีรีบใช้ผ้าพันแผลเอาไว้เพื่อไม่ผีตุ๊กตาเจ้าสาวได้กลิ่นแต่ก็สายเกินไป เพราะผีตนกล่าวเห็นเธอแล้วและพยายามบุกเข้ามา
ซอนมีรวบรวบความกล้าก่อนคว้าร่มและปืนจุดเตาแก๊สหมายออกไปเผชิญหน้ากับผีร้าย แต่แล้วเธอกลับพบโอกงแทน แถมเขายังช่วยปราบผีตนดังกล่าวให้แล้วด้วย เมื่อโอกงหันหลังกลับไปมองก็ต้องตกตะลึงเพราะนึกไม่ถึงว่าเจ้าของห้องคือซอนมี ซอนมีถามอย่างมีความหวังว่าเขามาที่นี่เพื่อปกป้องเธอหรือ โอกงยังคงรู้สึกสับสนและไม่อยากจะเชื่อ ครั้นเหลือบเห็นรอยกัดที่ไหล่ของซอนมีเขาก็ดึงตัวเธอเข้ามาดูใกล้ๆ พลางนึกถึงคำพูดของผีเจ้าบ่าวที่บอกว่าเคยลิ้มรสซัมจังและทิ้งรอยแผลเอาไว้ด้วย พอรู้ว่าซอนมีคือซัมจังตัวเป็นๆ โอกงก็บ่นกับตัวเองด้วยความผิดหวังว่า "ให้ตายสิ...เธอคือซัมจังจริงๆ เหรอเนี่ย" หญิงสาวที่ถูกผีตุ๊กตาหุ่นกระบอกเจ้าสาวเข้าครอบงำจอดรถดักซุ่มที่หน้าอาคารสำนักงานของซอนมี เมื่อซอนมีมาถึงหญิงสาวคนดังกล่าวก็ชี้เป้า โดยบอกผีตุ๊กตาเจ้าสาวว่าตนเห็นซอนมีอยู่กับคนที่ฆ่าสามีของเธอ ผีตุ๊กตาเจ้าสาวจึงตามไปเล่นงานซอนมีที่ห้องพักชั้นบนสุดของตึก พอรู้ตัวว่ามีวิญญาณร้ายอยู่ในห้องซอนมีก็รีบคว้าร่ม ทันใดนั้นผีเจ้ากรรมก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริงให้เห็น เมื่อเห็นว่าเป็นผีฝรั่งที่อยู่ในชุดเจ้าสาว ซอนมีจึงเปรยว่าเหมือนตัวที่กัดเธอก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นผีพยาบาทก็เปิดฉากเล่นงานซอนมีโดยเริ่มจากการทำลายหลอดไฟทั้งหมดจนภายในห้องมืดมิด ซอนมีพยายามมองหาผีตนดังกล่าวแต่หาไม่เจอ
อยู่ๆ กรอบรูปก็ลอยละลิ่วปลิวมาหาซอนมี เธอจึงยกแขนบังใบหน้าเอาไว้ทำให้แขนโดนกระจกบาดเป็นแผลลึกและมีเลือดหยดลงบนเศษกระจกที่แตกกระจายเกลื่อนพื้น ซอนมีจึงรีบวิ่งไปหลบในห้องแต่งตัว เมื่อเหล่าภูติผีปีศาจทั่วทั้งเมืองได้กลิ่นเลือดของซอนมีก็รู้ว่าเธอเป็นซัมจังจึงพากันตามกลิ่นเลือดไป แม้แต่อูมาวังยังออกอาการเมื่อได้กลิ่นเลือดของซอนมี ทันทีที่ไปถึงเหล่าปีศาจก็ถูกโอกงปราบจนหมดสิ้น ซอนมีรีบใช้ผ้าพันแผลเอาไว้เพื่อไม่ผีตุ๊กตาเจ้าสาวได้กลิ่นแต่ก็สายเกินไป เพราะผีตนกล่าวเห็นเธอแล้วและพยายามบุกเข้ามา
เมื่ออูมาวังมาถึงก็รีบกำจัดเหล่าภูติผีปีศาจที่วนเวียนอยู่ทางด้านนอก ครั้นรู้ว่าโอกงเจอซัมจังแล้วเขาก็ร้องคำรามด้วยความเจ็บใจที่มาช้าไป ซอนมีถามโอกงอีกครั้งว่าเขามาที่นี่เพื่อปกป้องเธอจริงๆ หรือ โอกงได้ยินแล้วถึงกับคอตก เขาส่ายหน้าแล้วลอบถอนใจ ก่อนเงยหน้าขึ้นมามองเธออีกครั้งด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป พลางตอบว่า "เปล่า ชั้นมาเพื่อกินเธอ"
* เนื้อหาโดย luvasianseries / ภาพจาก ทีวีเอ็น
รายชื่อนักแสดง
รับบท ซน โอกง (หรือ "ซุนอู้คง" [ซุนหงอคง] ในไซอิ๋ว)
ลี ฮงกี
รับบท พีเค / ชอ พัลคเย (หรือ "จูปาเจี้ย [ตือโป๊ยก่าย] ในไซอิ๋ว)
รับบท ยูน แทชิก / ซา โอจอง (หรือ "ชาอู้จิ้ง" [ซัวเจ๋ง] ในไซอิ๋ว)
รับบท ลี ฮันจู
ยูน โบรา
รับบท อลิซ / อ๊ก-รยง
ลี เซยอง
รับบท ซอมบี้สาว / ชิน พูจา / ชอง เซรา / อา ซานยอ (หรือ "ปีศาจกระดูกขาว" ในไซอิ๋ว)
ซอง จีรู
รับบท ซู โบรี (หรือ "พระอาจารย์สุภูติ" ในไซอิ๋ว)
ซองฮยอก
รับบท ทงจาง (ขุนพลฤดูหนาว) / ฮาซอน (เทพธิดาฤดูร้อน)
ซง จงโฮ
รับบท คัง แทซอง
รวมคลิปตัวอย่างจากทีวีเอ็น
เพลงประกอบจาก Stone Music Entertainment
รวมคลิปเบื้องหลังจากทีวีเอ็น
รวมคลิปเบื้องหลังจากทีวีเอ็น
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา