กำกับ: โหยวต๋าจื้อ (ชาวฮ่องกง), เจิ้งเหว่ยเหวิน
เขียนบท: ฉางเจียง
แนวละคร: ย้อนยุค, วรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์
จำนวนตอน: 54
ออกอากาศ: จีน - 27 มีนาคม 2561 - 24 พฤษภาคม 2561 ทางเทนเซ็นต์ วิดีโอ
ไทย - 6 มิถุนายน 2562 - 11 พฤศจิกายน 2562 ทาง MCOT HD (หมายเลข 30) เดิมออกอากาศทุกวันพฤหัสบดี-ศุกร์ เวลา 21.00-22.00 น. เปลี่ยนเวลาเป็น 23.00 น. ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2562 - ล่าสุดเพิ่มวันออกอากาศเป็นทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 23.00 น. ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2562
ละคร "ตำนานลับสามก๊ก" (Secret of the Three Kingdoms) ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมจีนเรื่อง "ซานกว๋อจีมี่" (三国机密) ของ "หม่าป๋อยง" เหตุการณ์ในละครเริ่มต้นขึ้นช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ก่อนยุคสามก๊ก) หลัง "หวังเหม่ยเหริน" พระสนมคนโปรดของ "ฮั่นหลิงตี้" [ฮั่นเลนเต้] ให้กำเนิดโอรสฝาแฝด เพื่อปกป้องลูกน้อยจาก "เหอฮองเฮา" [โฮเฮา] หวังเหม่ยเหรินจึงปกปิดเรื่องที่เธอมีโอรสสองพระองค์ โดยเก็บ "หลิวเสีย" (ทารกผู้พี่) ไว้ในวังเพียงคนเดียว ส่วน "หลิวผิง" ถูกนำตัวออกจากวังอย่างลับๆ และถูกเลี้ยงดูนอกวังในฐานะสามัญชน
สิบแปดปีต่อมา ราชสำนักและราชวงศ์เกิดความวุ่นวายหลังเหล่าขุนศึกเปิดศึกแย่งชิงอำนาจแล้วแบ่งแยกดินแดนออกเป็นเอกเทศ "เฉาเชา" [โจโฉ] ฉวยโอกาสช่วงที่บ้านเมืองวุ่นวายเข้ายึดครองอำนาจและบังคับควบคุมหลิวเสียซึ่งเป็นฮ่องเต้ ("ฮั่นเซี่ยนตี้" หรือ [ฮั่นเหี้ยนเต้] ในสำเนียงฮกเกี้ยน) ให้อยู่ภายใต้การปกครองของตน (เป็นฮ่องเต้หุ่นเชิด) แล้วใช้อำนาจบริหารบ้านเมืองแทน หลังประชวรหนักและรู้ว่าตนมีน้องชายฝาแฝด หลิวเสียจึงมีบัญชาให้นำตัวหลิวผิงเข้าวังอย่างลับๆ หมายให้สวมรอยเป็นตนและช่วยปกป้องราชวงศ์ไม่ให้ล่มสลาย (หลายปีที่ผ่านมาหลิวผิงถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของสกุล "ซือหม่า" โดยไม่รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริงของตน ส่วนหลิวเสียกลายเป็นโอรสบุญธรรมของ "ต่งไทเฮา" หลังพระมารดาถูกเหอฮองเฮาสังหารด้วยการวางยาพิษ)
นับจากนั้นโลกของหลิวผิงก็เปลี่ยนไป เขาต้องแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่โดยไม่ทันตั้งตัว ทั้งยังตกอยู่ในวังวนของศึกแย่งชิงอำนาจและต้องเผชิญอันตรายรอบด้าน ด้วยความช่วยเหลือจาก "ซือหม่าอี้" [สุมาอี้], ฝูโซ่ว (ฮองเฮา) และเหล่าผู้จงรักภักดีต่อราชวงศ์ เขาจึงผ่านพ้นวิกฤติและรอดพ้นเงื้อมมือเฉาเชา [โจโฉ] (ซึ่งพยายามกำจัดเขา) มาได้ ครั้นตระหนักว่าตนไม่อาจทำสิ่งใดเพื่อปกป้องราชวงศ์ฮั่นตะวันออกได้ หลิวผิงจึงยอมถอนตัวจากศึกแย่งชิงอำนาจ ซึ่งสวนทางกับเพื่อนในวัยเด็กอย่างซือหม่าอี้ [สุมาอี้] ที่กลับยิ่งทะเยอทะยานและกระหายในอำนาจมากขึ้น
เนื้อหาตอนที่หนึ่ง
ละครเปิดฉากขึ้นในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ซึ่งเป็นยุคที่ราชวงศ์เสื่อมถอย ฮ่องเต้ไร้ซึ่งอำนาจ ราชสำนักโดนครอบงำ แผ่นดินถูกแบ่งแยกออกเป็นเอกเทศและเกิดการแย่งชิงอำนาจในหมู่ขุนศึก "เฉาเชา" [โจโฉ] ฉวยโอกาสช่วงที่บ้านเมืองวุ่นวายเข้าควบคุมและขู่เข็ญฮ่องเต้ ("หลิวเสีย" หรือ "ฮั่นเซี่ยนตี้") ก่อนย้ายพระองค์ตลอดจนราชสำนักไปอยู่ที่เมืองสวี่ (หรือ "สวี่ตู" ปัจจุบันคือเมือง "สวี่ชาง") โดยอ้างว่าเมืองหลวง (ลั่วหยาง) เสียหายหนักจากภัยสงคราม นับจากนั้นสวี่ตู จึงกลายเป็นเมืองหลวงโดยพฤตินัยของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก
* ทั้งลั่วหยางและสวี่ชางล้วนอยู่ในมณฑลเหอหนาน (ภาคกลาง) หลังปราบ "หลี่ว์ปู้" [ลิโป้] ซึ่งเป็นยอดนักรบได้สำเร็จ เฉาเชา [โจโฉ] ก็นำทัพปราบ "หยวนเซ่า" [อ้วนเสี้ยว] ทางตอนเหนือ และขับไล่ทัพของ "ซุนเช่อ" [ซุนเซ็ก] ทางตอนใต้ เขาจึงกลายเป็นจู่โหว (ผู้ปกครองดินแดนที่ตนยึดครอง หรือครอบครอง) ที่มีอำนาจมากสุดในแดนจงหยวน (ที่ราบภาคกลาง) แต่ทว่าการที่เฉาเชาควบคุมฮ่องเต้และครอบงำราชสำนัก ก็ทำให้นับวันความบาดหมางระหว่างฮ่องเต้ราชวงศ์ฮั่นกับเฉาเชายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดกระแสคลื่นใต้น้ำจากทั้งในและนอกสวี่ตู ลมพายุ (ศึกชิงอำนาจ) กำลังจะโหมกระหน่ำในไม่ช้า...
ปีที่ 4 รัชศกเจี้ยนอัน... ณ อำเภอเวิน เขตปกครองเหอเน่ย มณฑลเหอหนาน (เหอเน่ยอยู่ทางตอนเหนือของมณฑลเหอหนาน) ได้เกิดเหตุปล้นสะดมทำให้ราษฎรต่างพากันเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า คุณชายรองสกุลซือหม่า "ซือหม่าอี้" [สุมาอี้] (ชื่อรอง "จ้งต๋า") และน้องชายต่างสายเลือด "หยางผิง" (ชื่อรอง "อี้เหอ") จึงรีบรุดไปปราบโจร (ปล้น ฆ่า ข่มขืน) ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งมีลูกน้อยวัยแบเบาะ ซือหม่าอี้ไม่พอใจที่พวกโจรบังอาจเข้ามาก่อเหตุในเขตปกครองของสกุลตนจึงฆ่าไม่เว้น ผิดกับหยางผิงที่ยิงธนูตรึงโจรคนหนึ่งไว้หมายจับเป็น แต่สุดท้ายชายคนดังกล่าวก็ถูกซือหม่าอี้สังหารอย่างเลือดเย็นอยู่ดี
* รัชศกเจี้ยนอัน เริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 196 (ปีที่ฮั่นเซี่ยนตี้ย้ายไปอยู่สวี่ตู) ถึงปี ค.ศ. 220 เป็นหนึ่งในรัชศกที่ยาวนานที่สุดของราชวงศ์ฮั่น และยังเป็นรัชศกสุดท้ายอีกด้วย
บังเอิญว่าในตอนนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งลอบเข้ามาขโมยอาหารประทังชีวิตในบ้านหลังกล่าวพอดี เขาจึงพยายามร้องขอชีวิตจากหยางผิง โดยบอกว่าตนแค่หนาวและหิว ไม่คิดทำร้ายใคร หยางผิงจึงให้โอกาสชายคนดังกล่าวกลับตัวกลับใจ ซือหม่าอี้ [สุมาอี้] เห็นหยางผิงเมตตาแม้กระทั่งโจรปล้นสะดมและหัวขโมย จึงอดบ่นไม่ได้ว่าหยางผิงใจอ่อนและดีเกินไป หยางผิงชี้ว่าขโมยหนุ่มได้รับบาดเจ็บและไม่ได้ทำร้ายใครจึงไม่สมควรตาย ซือหม่าอี้ใช้ลูกธนูตีหยางผิงเบาๆ ก่อนเหน็บว่าหยางผิงมีใจเมตตาแบบโง่เขลาดุจ "ซ่งเซียงกง" จากนั้นก็กำชับว่าเวลาออกมาปฏิบัติภารกิจ อย่าทำให้พวกตนเสียแรงเปล่า และอย่าทำให้อาจารย์อย่างตนเสียชื่อ
* "ซ่งเซียงกง" คือ อ๋องรัฐซ่ง (ยุควสันตสารท) ซึ่งเมตตาศัตรู (รัฐฉู่) และถือคุณธรรมจนพ่ายสงครามยับเยินและเสียชีวิตในเวลาต่อมา - เขาไม่ฉวยโอกาสโจมตีศัตรู (ซึ่งเข้มแข็งและมีกำลังมากกว่า) ตอนที่ตนได้เปรียบและมีโอกาสชนะเพราะเห็นว่าศัตรูกำลังข้ามแม่น้ำ แต่กลับรอให้ศัตรูพร้อมรบจึงเริ่มโจมตี
ก่อนเดินทางกลับ หยางผิงเห็นลูกแกะน้อยบาดเจ็บจึงนำกลับไปรักษา ซือหม่าอี้เห็นดังนั้นจึงเปรยว่าโลกนี้อยู่ยากและโหดร้ายขึ้นทุกวัน แต่หยางผิงกลับยังคงจิตใจดีมีความเมตตาและคิดช่วยแม้กระทั่งแกะน้อยตัวหนึ่ง เขาไม่เห็นด้วยที่หยางผิงใจอ่อนเกินไป (ซึ่งไม่เหมาะกับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน) จึงเตือนให้นึกถึงจุดจบของซ่งเซียงกง หยางผิงแย้งว่าตนไม่เหมือนซือหม่าอี้ที่มีความทะเยอทะยานและคิดการใหญ่ แต่หวังแค่ได้เป็นนายอำเภอและคอยช่วยเหลือราษฎร ซือหม่าอี้ได้ยินแล้วรู้สึกอ่อนใจจึงเหน็บว่าเพราะอย่างนี้เขาถึงถูกพ่อทิ้งไว้ที่บ้านสกุลซือหม่าโดยไม่เคยไถ่ถามทุกข์สุข หยางผิงได้รับการดูแลอย่างอบอุ่นจากสกุลซือหม่าจึงไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ซ้ำยังบอกซือหม่าอี้ว่าตนจะอยู่กับสกุลซือหม่าตราบจนวันตาย
ทันใดนั้นก็มีทหารกลุ่มหนึ่งควบม้าผ่านไป หยางผิงตั้งข้อสังเกตว่านั่นไม่ใช่ม้าจากแดนจงหยวน (ที่ราบภาคกลาง) ซือหม่าอี้กล่าวว่าทหารเหล่านั้นมาจากซีเหลียง (เหลียงตะวันตก) คงเป็นกำลังพลที่เหลืออยู่ของ "ต่งจั๋ว" [ตั๋งโต๊ะ] เขาชี้ว่าแม้หยางผิงไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายในใต้หล้า แต่ตอนนี้ทหารซีเหลียงได้บุกมาราวีจงหยวนแล้ว และเขตปกครองเหอเน่ยของพวกตนก็คือสมรภูมิ ที่ผ่านมา ทั้งหยวนเซ่า [อ้วนเสี้ยว], จางซิ่ว [เตียวสิ้ว], เฉาเชา [โจโฉ] และหลี่ว์ปู้ [ลิโป้] มีจู่โหว (ผู้ปกครองดินแดนที่ตนยึดครอง หรือครอบครอง) คนใดบ้างที่ไม่จ้องดินแดนของพวกตนตาเป็นมัน ต่อให้หยางผิงอยากถอยห่างจากเรื่องวุ่นวายเหล่านี้มากเพียงใด แต่เกรงว่าคราวนี้คงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีก
หยางผิงกล่าวว่านับจากนี้ตนจะติดตามซือหม่าอี้ เขาบอกให้ซือหม่าอี้คอยปกป้องดินแดนและต่อต้านผู้รุกราน ส่วนตนจะคอยปลอบขวัญราษฎร ซือหม่าอี้กล่าวว่าในยามนี้บ้านเมืองทุกข์ยากแสนเข็ญ มีโจรปล้นสะดมและหัวขโมยทั่วทุกหนแห่ง โจรปล้นสะดมที่พวกตนเจอก่อนหน้านี้น่าจะเป็นทหารพ่ายศึก จะให้ตนแย่งชิงดินแดนกับเหล่าจู่โหวจอมละโมบเหล่านั้นหรือ คนพวกนั้นไม่คู่ควรกับตนเลยสักนิด หยางผิงกล่าวว่าในเมื่อซือหม่าอี้ไม่ต้องการอยู่อย่างสันโดษและไม่อยากเป็นเพียงขุนนาง จึงมีเพียงตำแหน่ง "ฮ่องเต้" ที่คู่ควรกับเขา ซือหม่าอี้ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะชอบใจ
ทันทีที่หยางผิงกับซือหม่าอี้กลับถึงจวนสกุลซือหม่า "ซือหม่าหล่าง" (ชื่อรอง "ป๋อต๋า" เป็นพี่ชายซือหม่าอี้) ก็รีบออกมาบอกว่า "หยางจวิ้น" (ชื่อรอง "จี้ไฉ") บิดาของหยางผิงมาที่นี่ หยางผิงดีใจมากจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที ซือหม่าอี้รู้สึกแปลกใจที่อยู่ๆ หยางจวิ้นก็มาที่นี่โดยไม่บอกล่วงหน้า หลังหายไปนานสามปี เขาจะตามหยางผิงเข้าไปในบ้านแต่ซือหม่าหล่างขวางไว้ พลางบอกว่าบิดาสั่งให้พวกตนนำจดหมายไปส่งที่ว่าการอำเภอตอนนี้ ซือหม่าอี้ปฏิเสธทันควัน เขากล่าวว่าที่ว่าการอำเภอเต็มไปด้วยขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง ตนจึงไม่อยากไปเหยียบที่นั่น ซือหม่าหล่างชี้ว่าบิดาอยากให้พวกตนไปที่นั่นบ่อยๆ ซือหม่าอี้ขอเข้าไปทักทายหยางจวิ้นก่อน แต่ซือหม่าหล่างเร่งให้รีบไปทำธุระโดยบอกว่า ไว้ค่อยทักทายกันในงานเลี้ยงต้อนรับคืนนี้ จากนั้นก็ลากตัวซือหม่าอี้ไปทันที
ทันทีที่หยางผิงเดินเข้ามาในห้อง หยางจวิ้นก็ลุกขึ้นคารวะ "ซือหม่าฟาง" (ชื่อรอง "เจี้ยนกง" เป็นบิดาของซือหม่าหล่างและซือหม่าอี้ มีลูกทั้งหมดแปดคน) พลางกล่าวอำลา ครั้นรู้ว่าบิดามารับตนหยางผิงก็รู้สึกตกใจ เขาไม่คาดคิดว่าอยู่ๆ จะต้องไปจากสกุลซือหม่าแบบกระทันหัน ซือหม่าฟางชี้ว่าบิดาของหยางผิงถูก "เฉาซือคง" (หมายถึง เฉาเชา [โจโฉ] / ซือคง คือ ตำแหน่งขุนนางใหญ่) เรียกตัวไปช่วยงาน เขากำลังจะเดินทางไปรับตำแหน่งที่เมืองสวี่ตูเลยตั้งใจอ้อมมารับหยางผิงที่นี่ หยางจวิ้นกล่าวขอบคุณซือหม่าฟางที่ช่วยเลี้ยงดูหยางผิงมาตลอด 12 ปี จากนั้นก็บอกหยางผิงว่ารถม้าของราชสำนักกำลังรออยู่ พวกตนต้องรีบออกเดินทางทันที ข้าวของเครื่องใช้ของหยางผิงจะถูกส่งตามไปในภายหลัง หยางผิงอยากบอกลาซือหม่าอี้ก่อน แต่หยางจวิ้นยืนกรานว่าพวกตนต้องรีบออกเดินทางก่อนที่ประตูเมืองจะปิด มิเช่นนั้นจะทำให้การเดินทางล่าช้า หยางผิงยังคงอิดออดเพราะกลัวซือหม่าอี้จะโกรธที่ตนจากไปโดยไม่ร่ำลา ซือหม่าฟางบอกให้หยางผิงเชื่อฟังบิดา สำหรับเขาแล้วหยางผิงก็เหมือนลูกชายคนหนึ่งเขาจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ เขากำชับหยางผิงว่าหากไปสวี่ตูแล้วประสบปัญหาให้ไปขอความช่วยเหลือที่ร้านขายข้าวโพดของสกุลจางบนถนนถงถัว (เป็นร้านที่สกุลซือหม่าเปิดขึ้นบังหน้า)
ก่อนขึ้นรถม้าหยางผิงหันกลับไปมองประตูจวนซือหม่าอย่างอาลัย พลางนึกถึงวันที่บิดาพาตนมาฝากไว้ที่นี่เมื่อ 12 ปีก่อน ในตอนนั้นเขาหอบห่อผ้าวิ่งร่ำไห้ออกจากจวนซือหม่า ซือหม่าอี้เห็นเขาร้องหาบิดาและจะกลับบ้านท่าเดียวจึงบอกเสียงแข็งว่า บิดาหยางผิงควบม้าจากไปแล้ว คิดว่าวิ่งตามม้าทันหรือ รู้หรือว่าบ้านตนเองอยู่ที่ไหน ซือหม่าอี้ชี้ว่าบ้านเมืองเต็มไปด้วยภัยสงครามและมีแต่ความสับสนวุ่นวาย บิดาหยางผิงเกรงว่าจะปกป้องลูกชายไม่ได้จึงส่งหยางผิงมาอยู่ที่นี่กับพวกตน บิดาตนบอกว่านับจากนี้หยางผิงคือน้องชายตน พี่ชายคนนี้จะทำหน้าที่แทนบิดาหยางผิงเอง คำพูดตนจึงเปรียบเหมือนคำสั่งสอนของบิดา และที่นี่คือบ้านของหยางผิง ครั้นซือหม่าอี้เรียกให้กลับเข้าบ้าน หยางผิงน้อยจึงยอมทำตามแต่โดยดี... หยางผิงจะขึ้นรถม้าแต่ลูกๆ สกุลซือหม่า (น้องซือหม่าอี้) พากันวิ่งออกมาหาหยางผิงเพื่อนำตำราแพทย์มาคืนให้ (ซือหม่าอี้มอบตำราดังกล่าวให้เขา เขาจึงลองศึกษาดู) เด็กๆ ทุกคนไม่อยากให้หยางผิงไปจากที่นี่ ซึ่งหยางผิงเองก็ไม่อยากจากทุกคนไปเช่นกัน เขาฝากลาซือหม่าอี้และฝากฝังลูกแกะไว้กับทุกคน จากนั้นก็ลาทุกคนที่ออกมาส่งอย่างเป็นทางการ
หยางผิงเห็นแล้วแทบช็อค เขาฉีกชายเสื้อแล้วพยายามห้ามเลือดให้บิดา แต่หยางจวิ้นกลับพยายามผลักไสโดยบอกว่าตนไม่เป็นไร เขาบอกให้หยางผิงรีบขึ้นรถม้าอีกคันแล้วคนบนรถจะให้ความกระจ่างแก่เขาเอง หยางผิงยืนกรานเสียงแข็งว่าตนจะไม่ไปไหนและช่วยพันแผลให้บิดา หยางเปียวมองหน้าหยางผิงพลางเปรยว่าช่างเหมือนกันจริงๆ เขาเห็นว่าหยางผิงไม่ยอมขึ้นรถม้าเลยลงมาหาแล้วนำป้ายประจำตัวมาแสดงให้ดู อักษรบนป้ายระบุว่า "ไท่เว่ยหยางเปียว" ครั้นรู้ว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้าคือ "หยางไท่เว่ย" ขุนนางใหญ่แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก หยางผิงก็รู้สึกตกใจ หยางเปียวกล่าวว่าบิดาหยางผิงเป็นคนกล้าหาญและจงรักภักดี เขาบอกให้หยางผิงขึ้นรถม้าแล้วจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง หยางผิงปฏิเสธทันควันเพราะเป็นห่วงบิดา หยางจวิ้นขอให้หยางผิงไปกับหยางเปียว โดยบอกว่าหากหยางผิงยอมไปแต่โดยดีตนจะเสียแขนเพียงข้างเดียว แต่ถ้าหยางผิงไม่ยอมไปตนจะต้องตายอยู่ที่นี่ หลังบิดาขอร้องให้รีบไป หยางผิงก็ถึงกับน้ำตาร่วงและยอมไปกับหยางเปียวแต่โดยดี (หยางซิวบังคับม้าเหยียบศพชายที่นำมาสวมรอยเป็นหยางผิงจนศีรษะเละ และทิ้งหยางจวิ้นไว้เบื้องหลังเพียงลำพังก่อนควบม้าตามบิดาไป)
ณ จวนซือหม่า... ซือหม่าอี้จิตใจร้อนรุ่มเพราะคิดถึงและเป็นห่วงน้องชายที่โตมาด้วยกันอย่างหยางผิง หลังออกจากห้องแล้วเห็นลูกแกะน้อยนอนอยู่กลางลานบ้าน (โดยมีผ้าพันแผลพันรอบท้องและบริเวณลำคอ) เขาจึงสั่งให้คนเตรียมม้าทันที
ขณะอยู่บนรถม้า หยางเปียวจ้องมองหยางผิงแบบไม่วางตาพลางเปรยว่าช่างเหมือนกันจนตนแทบแยกไม่ออก หยางผิงยังจับต้นชนปลายไม่ถูกจึงขอให้หยางเปียวช่วยอธิบายเรื่องราวทั้งหมด หยางเปียวยืนยันว่าทุกสิ่งที่ตนกำลังจะพูดล้วนเป็นเรื่องจริง จากนั้นก็บอกว่าความจริงแล้วหยางผิงไม่ได้แซ่หยางแต่เขาแซ่หลิวนามว่า "หลิวผิง" มารดาผู้ให้กำเนิดเขาคือพระสนม "หวังเหม่ยเหริน" [อองบีหยิน] บิดาเขาไม่ใช่หยางจวิ้นแต่เป็นฮ่องเต้ผู้ล่วงลับ "ฮั่นหลิงตี้" [ฮั่นเลนเต้] ส่วนฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ("ฮั่นเซี่ยนตี้" [ฮั่นเหี้ยนเต้]) คือพี่ชายฝาแฝดของเขา โดยในปีที่สี่รัชศกกวงเหอ (ค.ศ. 181) หวังเหม่ยเหรินได้ให้กำเนิดพระโอรส ทำให้ "เหอฮองเฮา" [โฮเฮา] พระมารดาของรัชทายาท "หลิวเปียน" ซึ่งหึงหวงและริษยาหวังเหม่ยเหรินเป็นทุนเดิม เกิดความระแวง จึงวางยาพิษหวังเหม่ยเหรินและคิดสังหารองค์ชายน้อย โชคดีที่ "ต่งไทเฮา" [ตังไทฮอ] เข้ามาช่วยไว้ได้ทันเวลา องค์ชายน้อยคนที่ว่าคือ "หลิวเสีย" ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
หยางผิงกล่าวว่านั่นเป็นเรื่องที่ตนรู้มานานแล้ว หยางเปียวกล่าวว่านั่นคือเรื่องจริงที่ประกาศให้ทุกคนรู้ แต่สิ่งที่ทุกคนไม่รู้คือ หวังเหม่ยเหรินไม่ได้ให้กำเนิดองค์ชายน้อยเพียงคนเดียว แต่ยังมีแฝดผู้น้อง (หลิวผิง) อีกคน ตนเป็นองครักษ์ของฮั่นหลิงตี้ หวังเหม่ยเหรินจึงวางใจให้ตนลอบนำแฝดผู้น้องออกจากวังแล้วเลี้ยงดูอย่างลับๆ หมายให้หนึ่งในพระโอรสอยู่รอดปลอดภัย หลังจากนั้นตนก็เรียกหยางจวิ้นมาพบและให้เขาบอกทุกคนว่าองค์ชายน้อยหลิวผิงเป็นบุตรชายของเขา (หลิวผิงจึงเปลี่ยนมาใช้แซ่หยางนับแต่นั้นมา) หยางจวิ้นลาออกจากตำแหน่งแล้วพาหยางผิงกลับไปเลี้ยงดูที่บ้านเกิด ก่อนนำไปฝากไว้กับสกุลซือหม่าในเวลาต่อมา เพื่อความปลอดภัยของหยางผิงเอง
ซือหม่าอี้ตามรอยรถม้าของหยางผิงจนมาถึงจุดเกิดเหตุ เขาเห็นเศษผ้าเปื้อนเลือด (ชายเสื้อที่หยางผิงฉีกออกมาพันแผลให้หยางจวิ้น) ตกอยู่บนพื้นจึงหยิบขึ้นมาสำรวจดู ในตอนนั้นเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบรถม้าและบริเวณโดยรอบ ซือหม่าหล่างพยายามสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมบอก ซือหม่าอี้จึงปาเหรียญทองใส่หัวเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงเล่าว่า หยางจวิ้นซึ่งเป็นขุนนางที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งถูกโจรปล้นขณะเดินทางผ่านมาบริเวณนี้ ลูกชายของเขาและคนขับรถม้าถูกโจรฆ่าตาย ส่วนหยางจวิ้นโดนฟันแขนขาดข้างหนึ่ง ซือหม่าอี้ได้ยินแล้วถึงกับเข่าอ่อนจนพี่ชายต้องช่วยประคอง ครั้นรู้ว่าหยางจวิ้นและศพหยางผิงอยู่ที่อี้จ้าน* ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 10 ลี้ (5 กิโลเมตร) สองพี่น้องสกุลซือหม่าจึงรีบควบม้าไปที่นั่นทันที
* อี้จ้าน เป็นสถานที่สำคัญทางการทหารในสมัยโบราณ ใช้เป็นจุดแวะพักกลางทาง (มีที่พักพร้อมอาหารฟรี) หรือเปลี่ยนพาหนะ (ม้า, เรือ) ของเจ้าหน้าที่ ทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ส่งสาร ทั้งยังใช้เป็นสถานีรับ-ส่งสารและพัสดุของทางการ ตลอดจนเสบียงทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ กองหนุน ฯลฯ
หยางผิงยังคงไม่อยากเชื่อเรื่องที่ตนได้ยิน ที่แท้การที่บิดาต้องสละแขนข้างหนึ่งและมีการทิ้งศพชายลักษณะคล้ายตนไว้ในที่เกิดเหตุ เป็นแผนจัดฉากสร้างสถานการณ์ว่าตน (ในฐานะหยางผิง) ได้ตายไปแล้ว หยางผิงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเล่นใหญ่ขนาดนั้น หยางเปียวชี้ว่าเพื่อพาหยางผิงเข้าวัง พวกตนกำลังจะพาหยางผิงไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันซึ่งเป็นพระเชษฐาของหยางผิง เขาอธิบายว่าแม้ตอนนี้เฉาเชา [โจโฉ] จะแลดูเหมือนสวามิภักดิ์ต่อฮ่องเต้ แต่ความจริงแล้วเฉาเชาบีบให้ฮ่องเต้เป็นหุ่นเชิดของตน ทุกวันนี้อำนาจทางการเมืองและการทหารล้วนอยู่ในกำมือของเฉาเชา ขุนนางเก่าแก่อย่างตนทยอยถูกปลดคนแล้วคนเล่า ฮ่องเต้ยามนี้เหมือนอยู่ในถ้ำเสือ ความหวังของเหล่าขุนนางเก่าแก่ตลอดจนฮ่องเต้คือการฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่นให้กลับมารุ่งเรืองและรื้อฟื้นกฏระเบียบของราชสำนัก หยางเปียวบอกหยางผิงว่าราชวงศ์ฮั่นและฮ่องเต้ต้องการเขา ครั้นเห็นว่าหยางผิงยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่ตนพูด หยางเปียวจึงตัดบทว่าหลังเข้าวังและได้พบพี่ชายฝาแฝดแล้วเขาจะเข้าใจทุกสิ่ง
ทันทีที่พบหยางจวิ้น ซือหม่าอี้ก็ถามถึงหยางผิงเป็นสิ่งแรกและรีบออกไปดูศพ (ซึ่งไม่มีศีรษะ) ทันที หยางจวิ้นบอกซือหม่าหล่างว่าหมอให้ตนไปรักษาตัวที่สวี่ตู ทหารที่นั่นกำลังเดินทางมารับตน เมื่อหายดีแล้วตนจะนำศพหยางผิงกลับไปยังบ้านเกิดของพวกตน เขาบอกซือหม่าหล่างให้ค่อยๆ เล่าเรื่องนี้ให้บิดาฟังเพราะบิดาเขาอายุมากแล้ว จากนั้นก็แสร้งทำเป็นเสียใจที่ไม่ได้อยู่กับลูกชายดังหวัง หลังดูศพแล้วซือหม่าอี้ก็เข้ามาลาหยางจวิ้นและชวนซือหม่าหล่างกลับ ซือหม่าหล่างพูดปลอบใจซือหม่าอี้เพราะไม่อยากให้น้องจมอยู่กับความเสียใจ แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อซือหม่าอี้บอกว่านั่นไม่ใช่ศพหยางผิง (ซือหม่าอี้เรียกหยางผิงว่า "อี้เหอ" ซึ่งเป็นชื่อรอง) ซือหม่าอี้ไม่รู้ว่าหยางจวิ้นนำศพชาวบ้านมาโกหกพวกตนทำไม แต่เขามั่นใจว่าหยางผิงกำลังมีภัยถึงต้องแกล้งตายเพื่อเอาตัวรอด เขาจะไปช่วยหยางผิงที่สวี่ตูจึงขอเงินทั้งหมดที่ซือหม่าหล่างพกติดตัวมา
หยางเปียวพาหยางผิงไปส่งที่ศาล "อ๋องแห่งหงหนง*" (หงหนงหวัง) ซึ่งตั้งอยู่ชานเมืองสวี่ตู โดยบอกให้หยางผิงเดินเข้าไปตามลำพังแล้วคนที่อยู่ในนั้นจะพาเขาเข้าวังเอง หยางผิงยังไม่ยอมลงจากรถม้า เขาสงสัยว่าผู้ที่อยู่ในนั้นเป็นใคร หยางเปียวบอกเพียงว่าเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ของหยางผิง หยางผิงจึงลงจากรถม้าแต่โดยดี หยางเปียวกลัวว่าหยางผิงจะรับมือไม่ไหวเลยถามความเห็นหยางซิว [เอียวสิ้ว] ที่เพิ่งเดินทางมาถึง หยางซิวกล่าวด้วยความมั่นใจว่า แม้หมากตัวนี้อ่อนแอเกินกว่าจะรุกฆาต แต่พวกตนต่างหากที่เป็นคนเดินหมาก ขณะกำลังจะเดินทางกลับหยางซิวเห็นดาวหางกำลังพุ่งตรงไปยังดาวจื่อเวย เลยนึกถึงคำทำนายที่ว่า "เดือนสิบสอง ปีที่ห้า รัชศกเจี้ยนอัน ฟ้าดินพลิกผัน" เขาจึงยิ้มอย่างพึงพอใจที่การเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
* "อ๋องแห่งหงหนง" หรือ "ฮั่นเซ่าตี้" เป็นพระเชษฐาต่างพระมารดาของ "ฮั่นเซี่ยนตี้" [ฮั่นเหี้ยนเต้] (หรือ "หลิวเสีย" - ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน) หลังครองบัลลังก์ (ขณะมีพระชนมพรรษา 13 พรรษา) ได้ไม่ถึงห้าเดือน พระองค์ก็ถูก "ต่งจั๋ว" [ตั๋งโต๊ะ] ถอดออกจากบัลลังก์แล้วลดฐานันดรมาเป็นอ๋อง ก่อนแต่งตั้งหลิวเสียซึ่งยังอยู่วัยเยาว์ (8 พรรษา) เป็นฮ่องเต้แล้วสำเร็จราชการแทน
หยางผิงเดินเข้าไปในศาลแบบงงๆ ครั้นเห็นป้ายชื่ออ๋องแห่งหงหนง (ชื่อจริง "หลิวเปียน") บนแท่นบูชาผู้ล่วงลับ หยางผิงก็รู้สึกตกใจ เขาไม่คาดคิดว่าที่นี่จะเป็นศาลพระเชษฐาต่างมารดาของฮ่องเต้ (หยางผิงยังไม่ปักใจเชื่อว่าแท้จริงแล้วตนคือ "หลิวผิง" น้องชายฝาแฝดของฮ่องเต้) ทันใดนั้น ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาและถามว่าเขาคือหยางผิงใช่ไหม ที่แท้เธอคือ "ถังอิง" ชายาอ๋องแห่งหงหนง หยางผิงสงสัยว่าทำไมสตรีสูงศักดิ์อย่างเธอจึงมาอาศัยอยู่ที่นี่ ถังอิงชี้ว่าเพราะสวามีตนอยู่ที่นี่ ก่อนถามว่าหยางไท่เว่ย (หยางเปียว) เล่าทุกอย่างให้ฟังระหว่างทางแล้วใช่ไหม หยางผิงคิดว่าเรื่องที่หยางไท่เว่ยเล่านั้นเหลือเชื่อเกินไปจึงขอให้ถังอิงช่วยเล่าความจริงให้ฟัง ถังอิงแย้งว่าขนาดหยางไท่เว่ยเล่าให้ฟังเขายังไม่เชื่อ ต่อให้เธอพูดซ้ำเขาก็คงไม่เชื่อเช่นกัน ทางที่ดีเขาควรไปดูให้เห็นกับตาตนเอง เธอนำชุดมาให้หยางผิงเปลี่ยนโดยบอกว่าจะพาเขาไปพบพี่ชาย
ถังอิงให้หยางผิงปลอมตัวเป็นขันทีแล้วนั่งรถม้าเข้าวังเคียงข้างเธอ ครั้นไปถึงหน้าประตูวังทหารยามก็ร้องถามว่ารถม้าของใครและขอให้ผู้ที่อยู่ข้างในลงจากรถ พอรู้ว่ารถม้าคันนี้เป็นของชายาอ๋องแห่งหงหนง ทหารยามก็ออกตัวว่าจวนซือคง (จวนของเฉาเชา [โจโฉ]) สั่งให้ตรวจตราผู้ที่จะเข้าวังอย่างเข้มงวดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถังอิงส่งสายตาบอกให้หยางผิงลงไปนั่งแทบเท้าเธอ ก่อนเปิดม่านหน้าต่างให้ทหารยามเห็นหน้า ทหารทหารยามคนดังกล่าวไม่กล้าล่วงเกินถังอิงจึงสั่งให้เปิดประตูวัง แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงคนร้องห้าม ปรากฏว่าเจ้าของเสียงคือ "หมานฉ่ง" [หมันทอง] (ชื่อรอง "ป๋อหนิง") ซึ่งนำกำลังตรวจตราบริเวณดังกล่าวพอดี
ครั้นรู้ว่าเป็นรถม้าของชายาอ๋องแห่งหงหนง เขาก็คารวะและขอทำตามหน้าที่ๆ ได้รับมอบหมาย โดยชี้ว่าเนื่องจากมีขุนนางถูกโจรทำร้ายและดักปล้นนอกเมืองสวี่ตู จึงมีการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวังหลวง ถังอิงสั่งให้หยางผิงซึ่งปลอมตัวเป็นขันทีช่วยพาเธอลงจากรถม้า หยางผิงจึงลงไปหมอบให้เธอเหยียบหลัง หมานฉ่งสงสัยว่าถังอิงมีเรื่องเร่งด่วนอะไรถึงได้เข้าวังในยามวิกาลเช่นนี้ ถังอิงชี้ว่าเธอนำโอสถมาถวายฝ่าบาทตามคำสั่งฮองเฮา หลังลูกน้องตรวจค้นรถม้าแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ หมานฉ่งจึงออกตัวว่าตนจำต้องทำตามหน้าที่และขออภัยที่ล่วงเกิน จากนั้นก็เปิดทางให้ถังอิงเข้าวัง
ขันทีเก่าแก่นามว่า "จางอวี่" ยืนมองดาวหางพุ่งเข้าหาดาวจื่อเวยด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อถังอิงมาถึงตำหนักส่วนพระองค์ของฮ่องเต้จางอวี่จึงรีบออกมาต้อนรับและนำทาง ครั้นไปถึงหน้าห้องบรรทมจางอวี่เห็นว่าหยางผิง (ซึ่งถือกล่องใส่ยา) จะเดินตามถังอิงเข้าไปในห้องจึงร้องห้ามและตำหนิที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ครั้น "ฝูโซ่ว" [ฮกเฮา] (ฮองเฮา) อนุญาตให้ขันทีหนุ่มของถังอินถือยาเข้าไปด้านในได้ จางอวี่จึงแย้งว่านี่เป็นการละเมิดกฎบรรพชน และเตือนว่ามีเพียงขันทีประจำตำหนักส่วนพระองค์ที่สามารถเข้าห้องบรรทมได้ ฝูโซ่วตัดบทด้วยการสั่งให้จางอวี่และขันทีคนอื่นๆ ออกจากตำหนักไป จางอวี่จึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หยางผิงเดินเข้าไปในห้องบรรทมด้วยอาการประหม่า ครั้นเห็นหน้าหยางผิงชัดๆ ฝูโซ่วก็ถึงกับตกตะลึงและน้ำตาคลอ เธอพาหยางผิงไปยังแท่นบรรทมซึ่งอยู่หลังฉากกั้นห้อง หยางผิงแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นใบหน้าชายหนุ่มที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง ในที่สุดเขาก็เชื่อว่าตนคือ "หลิวผิง" น้องชายฝาแฝดของฮ่องเต้ เพราะพวกตนหน้าตาเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก เขาถวายบังคมฮ่องเต้โดยเรียกพระองค์ว่า "เสด็จพี่" แต่ฮ่องเต้ยังคงนอนนิ่ง ฝูโซ่วชี้ว่าเขามาถึงช้าเกินไปเพราะฝ่าบาทจากโลกนี้ไปแล้ว เมื่อสักครู่ดาวหางได้พุ่งใส่ดาวจื่อเวยซึ่งเป็นดาวประจำดวงชะตาของฮ่องเต้ และนั่นก็คือลางบอกเหตุจากสวรรค์
** จบตอนที่หนึ่ง **
* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่
รายชื่อนักแสดง
* ชื่อเป็นภาษาจีนกลาง ส่วนใน [วงเล็บ] เป็นสำเนียงจีนฮกเกี้ยนนักแสดงนำ
หม่าเทียนอวี่
รับบท หลิวผิง / หลิวเสีย (ฮั่นเซี่ยนตี้) [ฮั่นเหี้ยนเต้]
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
หานตงจวิน
รับบท ซือหม่าอี้ [สุมาอี้] (ชื่อรอง: จ้งต๋า)
(นักแสดง ชาวจีน)
ว่านเชี่ยน
รับบท ฝูโซ่ว [ฮกเฮา] (ฮองเฮา)
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
ต่งเจี๋ย
รับบท ถังอิง (ชายา"อ๋องแห่งหงหนง")
(นักแสดง / นักเต้นรำ ชาวจีน)
รับบท ถังอิง (ชายา"อ๋องแห่งหงหนง")
(นักแสดง / นักเต้นรำ ชาวจีน)
หวังหยางหมิง
รับบท กัวเจีย [กุยแก]
(นักแสดง / นายแบบ ชาวไต้หวัน)
ต่งเสวียน
รับบท เหรินหงชาง (ชื่อเดิมของเตียวฉาน [เตียวเสี้ยน] ในนิทานพื้นบ้าน)
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
ถานเจี้ยนชื่อ
รับบท เฉาพี [โจผี]
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
เซี่ยจวินหาว
รับบท เฉาเชา [โจโฉ]
(นักแสดง ชาวฮ่องกง)
หวังอวี้เหวิน
รับบท เฉาเจี๋ย [โจเฮา]
อื่นๆ
รับบท จางอวี่
(นักแสดง ชาวจีน)
ซูเย่าเซวียน
รับบท เจี๋ยสวี่ [กาเซี่ยง]
(นักแสดง ชาวจีน)
หวังเหรินจวิน
รับบท สวินอี้ [ซุนฮก]
(นักแสดง ชาวจีน)
น่าเหรินฮัว
รับบท ต่งไทเฮา [ตังไทฮอ]
(นักแสดง / ผู้กำกับ / ผู้ผลิต ชาวจีน)
ถูหนาน
รับบท หมานฉ่ง [หมันทอง หรือ บวนทง]
(นักแสดง ชาวจีน)
สื่อเหวินเสียง
รับบท เหลิ่งโซ่วกวง
(นักแสดง ชาวจีน)
หวังเหมิ่ง
รับบท หยางซิว [เอียวสิ้ว]
(นักแสดง ชาวจีน)
ฉางเฉิง
รับบท หยางจวิ้น
(นักแสดง ชาวจีน)
จางฉี
รับบท หยางเปียว [เอียวปิด]
(นักแสดง ชาวจีน)
หวังอี้นั่ว
รับบท ต่งเส้าจวิน / ต่งเฟย [พระสนมตังกุยหุย]
(นักแสดง ชาวจีน)
ซุนจู่จวิน
รับบท หวังฝู [อองฮู]
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
หวังอี้หลิน
รับบท จ้าวเยี่ยน
(นักแสดง ชาวจีน)
หลิวอวี้หาน
รับบท เฉาจื๋อ [โจสิด]
(นักแสดง ชาวจีน)
เจี๋ยเปิ่นชู
รับบท ซือหม่าหล่าง
(นักแสดง ชาวจีน)
หลินจิ้ง
รับบท เหอฮองเฮา [โฮเฮา]
(นักแสดง ชาวจีน)
เติ้งซ่าง
รับบท สวีฝู
(นักแสดง ชาวจีน)
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา