วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เรื่องย่อ 13 ศพ แม่น้ำโขง (Drug Case On Mekong River)




กำกับ: อันจ้านจวิน
เขียนบท: เฉินอวี้ซิน
แนวละคร: สืบสวนสอบสวน, อาชญากรรม
จำนวนตอน: 34
ออกอากาศ: จีน - 15 กรกฎาคม 2557 ทางซีซีทีวี 
                  ไทย - ทุกวันอาทิตย์ เวลา 23.00 น. ทางช่อง 9 MCOT HD (หมายเลข 30) เริ่มวันที่ 11 ตุลาคม 2563

เรื่องย่อ



"13 ศพ แม่น้ำโขง" (Drug Case On Mekong River)  เป็นละครที่สร้างขึ้นโดยอ้างอิงโศกนาฎกรรมกลางลำน้ำโขง จากกรณี "สังหารหมู่ลูกเรือจีน" เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2554 เนื้อหากล่าวถึงปฏิบัติการสืบหาความจริงที่อยู่เบื้องลึกเบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว โดยทางการจีนได้ส่งเจ้าหน้าที่มาติดตามคดี ณ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างประเทศไทย (จ. เชียงราย), ลาว (แขวงบ่อแก้ว) และพม่า (ท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน) หลังเผชิญปัญหาและอุปสรรคนานัปการ ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็พบเบาะแสคดีปล้นฆ่าดังกล่าว และได้ทำการหมายหัวกลุ่ม "ซูโว่" ซึ่งหากินจากการปล้นทรัพย์ เรียกค่าคุ้มครอง และค้ายาเสพติด หลังจากนั้นทางการจีนได้ผนึกกำลังกับทางการไทย ลาว พม่า ในการทลายและกวาดล้างเครือข่ายกลุ่มซูโว่ แต่แล้วกลับพบว่ากลุ่มซูโว่เป็นแก๊งค้ายาเสพติดข้ามชาติที่ไม่ธรรมดา ทั้งยังโหดเหี้ยม ร้ายกาจ และเจ้าเล่ห์กว่าที่คิด ปฏิบัติการดังกล่าวจะอันตรายและยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน ตัวการใหญ่ (คนร้ายตัวจริง) คือใคร ติดตามชมได้ใน "13 ศพ แม่น้ำโขง" (Drug Case On Mekong River) ทางช่อง  9 MCOT HD

เนื้อหาตอนที่หนึ่ง


ละครเปิดฉากขึ้นเมื่อเวลา 7.00 น. ของวันที่ 5 ตุลาคม 2554 ณ ท่าเรือสบโหลย (ริมฝั่งโขงชายแดนพม่า-ลาว) เรือบรรทุกสินค้าสัญชาติจีนชื่อ "ซิงเซิ่ง" กำลังจะออกเดินทางสู่ลำน้ำโขงเพื่อมุ่งหน้ามายังท่าเรือ อ.เชียงแสน จ. เชียงราย...  หลังได้รับแจ้งข่าวดีจากทางบ้าน นายช่างใหญ่ "เสิ่นเกินเป่า" เลยร้องบอกทุกคนด้วยความดีใจว่าตนกำลังจะมีลูกชาย กัปตันเรือ "จางเต๋อเสียง" และเหล่าลูกเรือจึงต่างแสดงความยินดีกับเกินเซิง และหยอกเย้ากันเล่นอย่างสนุกสนานโดยหารู้ไม่ว่าความตายกำลังรออยู่เบื้องหน้า

* ท่าเรือสบโหลยอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่ 4 รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (พม่า) พรมแดนพม่า-สปป.ลาว ก่อนถึงชายแดนจีนราว 100 กม.



ณ ด่านต่าลั่ว ในเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน "เกาเหยี่ย"  หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด ประจำสำนักงานความมั่นคงสาธารณะแห่งเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา รับสาย "เหลียงฮวน" ก่อนถามว่าสถานการณ์เป็นไงบ้าง เหลียงฮวนรายงานว่า "ฟางลี่" (พ่อค้ายาเสพติด) กับ "เซี่ยงหง" (กิ๊กของฟางลี่ / สายของเกาเหยี่ย) น่าจะออกจากบ้านในไม่ช้า เกาเหยี่ยถามว่าก่อนหน้านี้ฟางลี่ติดต่อใครบ้าง เหลียงฮวนกล่าวว่าเมื่อสิบนาทีก่อนฟางลี่ได้โทรฯ บอกเลขาฯ ว่าเช้านี้จะไม่เข้าบริษัท เขาจะไปหาหมอฟันที่คลินิคทันตกรรมโจวต้าหมิง ในอาคารหัวเม่าบนถนนหลงเฉวียน ตนให้ "เฉียงจื่อ" ไปดักรอก่อนแล้ว เกาเหยี่ยกำชับเหลียงฮวนให้คอยจับตาดูฟางลี่ อย่าให้ฟางหลี่หลุดมือไปได้ หลังวางสายจากเหลียงฮวน เกาเหยี่ยก็ได้รับแจ้งจาก "หยางเจี๋ย" ว่าพบรถบรรทุกต้องสงสัยแล้ว (หยางเจี๋ยเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดตรวจของด่านต่าลั่ว) เกาเหยี่ยซึ่งรออยู่ที่รถรีบทานยา เมื่อหยางเจี๋ยวิ่งมาหาพลางบอกว่ารถบรรทุกต้องสงสัยกำลังจะผ่านด่านเข้ามาแล้ว  ทั้งคู่จึงตามรถขนซุงไป

ยูนนาน (อวิ๋นหนาน) เป็นมณฑลที่อยู่ใต้สุดของประเทศจีน มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศข้างเคียงเป็นระยะทาง 4,060 กิโลเมตร โดยติดต่อกับประเทศพม่าทางทิศตะวันตก ประเทศลาวทางทิศใต้ และประเทศเวียดนามทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ข้อมูลจาก: วิกิพีเดีย)

* เหลียงฮวน (ชื่อตัวละคร) เป็นรองหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด ประจำสำนักงานความมั่นคงสาธารณะแห่งเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา
* หยางเจี๋ย (ชื่อตัวละคร) เป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด ทำงานที่เดียวกับเกาเหยี่ยและเหลียงฮวน 



วันที่ 5 ตุลาคม 2554 เวลา 9.00 น. ณ ลำน้ำโขงในน่านน้ำของประเทศพม่า กัปตันจางแห่งเรือซิงเซิ่งพบว่าเรือสินค้าที่แล่นอยู่ข้างหน้าคือเรือสัญชาติจีนชื่อ "หย่วนผิง" ซึ่งมี "หลี่ฉางเกิน" เป็นกัปตันเรือ เขาจึงเปิดหวูดทักทายและพูดคุยกันตามประสาเพื่อนผ่านวิทยุสื่อสารอย่างสนิทสนม ก่อนนัดสังสรรค์กันที่อ. เชียงแสน จ. เชียงราย... ในเวลาเดียวกันนั้นเกาเหยี่ยกับหยางเจี๋ยกำลังติดตามรถบรรทุกซุงที่ออกจากสิบสองปันนามุ่งหน้าไปยังเมืองคุนหมิง  (สายรายงานว่าบนรถมียาเสพติด) หลังตามไปได้สักพักหยางเจี๋ยจึงจอดรถแล้ววิทยุแจ้ง "จ้าวเหว่ย" ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานให้รับไม้ต่อ โดยบอกว่ารถบรรทุกต้องสงสัยกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดที่จ้าวเหว่ยดักรอ อีกด้านหนึ่งในเมืองคุนหมิง (เมืองเอกของมณฑลยูนนาน) เหลียงฮวนและคู่หูกำลังตามประกบฟางลี่กับเซี่ยงหงที่กำลังมุ่งหน้าไปยังคลินิกหมอฟัน


ณ ห้องบรรยายภายในอาคารฝึกอบรมดาบตำรวจ ที่มหาวิทยาลัยความมั่นคงสาธารณะในกรุงปักกิ่ง ขณะที่ "เจียงไห่เฟิง" ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ กำลังบรรยายอยู่บนเวที "กวนชิ่งหลิน" รองผู้อำนวยการสำนักความมั่นคงสาธารณะแห่งมณฑลยูนนาน และผู้อำนวยการกองปราบปรามยาเสพติดแห่งมณฑลยูนนาน (ซึ่งอยู่ที่ศูนย์บัญชาการสำนักปราบปรามยาเสพติดในเมืองคุนหมิง) ได้โทรฯ มารายงานว่า รถบรรทุกต้องสงสัยผ่านด่านต่าลั่วตามเวลาที่กำหนดและกำลังมุ่งหน้ามายังเมืองคุนหมิง แต่ตนรู้สึกว่ามันแปลกๆ เพราะถ้ามียาเสพติด 300 กก. อยู่ในรถสองคันนั้นจริง ทำไมฟางลี่ถึงทำเป็นทองไม่รู้ร้อนทั้งๆ ที่เขามีหน้าที่รับของในประเทศจีน เจียงไห่เฟิงได้ยินดังนั้นจึงแนะนำให้เปลี่ยนแผน โดยบอกว่าเมื่อของไปถึงคุนหมิงและมีการส่งมอบให้ฟางลี่แล้ว ให้เข้าจับกุมแบบคาหนังคาเขาทันที กวนชิ่งหลินแย้งว่าพวกตนต้องการสาวให้ถึงตัวการใหญ่ เป้าหมายคือการใช้สินค้าล็อตนี้เพื่อทลายเครือข่ายกลุ่มซูโว่ในประเทศจีนให้สิ้นซากและจับกุมผู้ค้ายาทั้งหมดในคราวเดียว ไม่ใช่แค่จับฟางลี่ เจียงไห่เฟิงชี้ว่าการที่ฟางลี่เคลื่อนไหวผิดปกติแสดงว่าของล็อตนี้มีปัญหา เขาชี้ว่างานนี้พวกตนไม่อาจพลาดเลยจำต้องเปลี่ยนแผน กวนชิ่งหลินไม่มีทางเลือกจึงทำตามแต่โดยดี

เจียงไห่เฟิงกลับมาบรรยายต่อได้ไม่นานก็ต้องขอตัวออกไปรับสายเกาเหยี่ย เกาเหยี่ย (ซึ่งเรียกเจียงไห่เฟิงว่าอาจารย์) เห็นด้วยที่เจียงไห่เฟิงสั่งเปลี่ยนแผน เจียงไห่เฟิงชี้ว่าตนเปลี่ยนแผนเพราะกลัวเซี่ยงหงแจ้งข่าวลวงแก่เกาเหยี่ย และเกรงว่าบนรถต้องสงสัยอาจไม่มีของ แต่เกาเหยี่ยยังคงเชื่อมั่นในตัวเซี่ยงหงและมองว่านี่เป็นโอกาสจับกุมซูโว่ เจียงไห่เฟิงแย้งว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาห่วงเรื่องนั้น ตอนนี้งานของเกาเหยี่ยคือทำภารกิจที่อยู่ตรงหน้าให้สำเร็จและห้ามพลาดโดยเด็ดขาด ด้านเมืองคุนหมิง...เซี่ยงหงขับรถลงไปยังลานจอดรถใต้ดินเพื่อพาฟางลี่ไปหาหมอฟัน เหลียงฮวนและคู่หูซึ่งขับรถตามมาโดยตลอด จึงดักรออยู่หน้าอาคาร (เซี่ยงหงรู้แต่แรกว่าตำรวจขับตามเธอมา) ส่วนที่สิบสองปันนา ชายบนรถบรรทุกขนซุงไหวตัวทันจึงสั่งให้คนขับเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน จ้าวเหว่ยจึงวิทยุแจ้งเกาเหยี่ยว่ารถบรรทุกเป้าหมายออกนอกทางด่วนแล้ว ตนกำลังตามไปติดๆ 



หลังได้ยินเสียงปืนเหลียงฮวนและคู่หูจึงรีบวิ่งลงไปยังลานจอดรถใต้ดิน ทั้งคู่พบฟางลี่นอนจมกองเลือดเสียชีวิต ขณะที่เซี่ยงหงหายตัวไป  ครั้นทราบข่าวเกาเหยี่ยก็รู้สึกตกใจ เขาสั่งให้ลูกทีมตามหาเซี่ยงหง และแจ้งจ้าวเหว่ยให้เลิกสะกดรอยตาม แต่จ้าวเหว่ยกลับฝ่าฝืนคำสั่งและยังคงตามต่อเพราะเชื่อว่าบนรถมียาเสพติด ซ้ำยังปิดอุปกรณ์สื่อสาร  กวนชิ่งหลินโทรฯ บอกเกาเหยี่ยให้ยุติแผน ทั้งยังสั่งให้เกาเหยี่ยไปบอกจ้าวเหว่ยให้เลิกติดตามรถต้องสงสัยเพราะอาจมีกับดัก แต่ทว่าในตอนนั้นจ้าวเหว่ยได้แสดงตัวเป็นตำรวจโดยเปิดไซเรนไล่สกัดรถบรรทุกบนเส้นทางขึ้นเขา คู่หูจ้าวเหว่ยพยายามขับปาดแซงแต่รถบรรทุกเบี่ยงปิดทาง หลังจากนั้นไม่นานสลิงรัดซุงก็ขาดผึง ท่อนซุงเลยกลิ้งตกลงมากระแทกใส่รถจ้าวเหว่ยและคู่หูทำให้รถเสียหลักและพลัดตกเขา

กวนชิ่งหลินโทรฯ แจ้งเจียงไห่เฟิงว่าฟานลี่ถูกลอบสังหาร เซี่ยงหงหายตัวไป แถมรถตำรวจยังตกเขาขณะติดตามรถบรรทุกต้องสงสัย ตอนนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมของสองตำรวจที่อยู่ในรถ แต่สามารถสกัดรถบรรทุกต้องสงสัยเอาไว้ได้แล้ว อยู่ในระหว่างค้นหาของกลาง เจียงไห่เฟิงสั่งให้รีบตามหาและช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ทั้งสองนาย และต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหาตัวเซี่ยงหงให้เจอ จะได้รู้ตัวคนร้ายที่ฆ่าฟางลี่ เขายังบอกด้วยว่าเกาเหยี่ยจะร่วมทีมปฏิบัติการเฉพาะกิจในครั้งนี้ ส่วนตนจะเดินทางไปคุนหมิงพรุ่งนี้เช้า

* เก็บตก: เจียงไห่เฟิงบรรยายบนเวทีว่า ปัจจุบันนี้ผู้ค้ายาที่ทางตำรวจจับได้มักมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีที่สุดและประสิทธิภาพสูงอยู่ในความครอบครอง  ดังนั้น การปราบปรามยาเสพติดในยุคนี้จะมัวใช้ยุทธวิธีเดิมๆ แบบแมวไล่จับหนูไม่ได้อีกต่อไป แต่จะต้องประชันกับคนร้ายเรื่องความทันสมัยไฮเทค (เขายังพูดไม่จบเพราะมีสายเข้าตลอด)


ช่วงเช้า วันที่ 5 ตุลาคม 2554 ขณะที่เรือสินค้าซิงเซิ่งและหย่วนผิงกำลังล่องไปตามลำน้ำโขงบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ อยู่ๆ ก็มีกลุ่มชายชุดดำอำพรางใบหน้าพร้อมอาวุธครบมือขับเรือเร็วสองลำมาดักปล้น (โจรสลัดน้ำจืด)  กัปตันเรือทั้งสองจึงแจ้งเตือนกันก่อนลดความเร็วและดับเครื่องยนต์ ทุกคนบนเรือทั้งสองลำต่างยอมจำนนแต่โดยดี ยามค่ำคืน ณ กรุงปักกิ่ง เจียงไห่เฟิงรีบเดินทางกลับไปที่กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ หลังกวนชิ่งหลินโทรฯ แจ้งว่าวันนี้เมื่อเวลา 11.50 น. บนลำน้ำโขงบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ขณะที่เรือสินค้าสัญชาติจีน "ซิงเซิ่ง" และ "หย่วนผิง" ได้แล่นเข้าเขตน่านน้ำไทยบริเวณ อ. เชียงแสน จ. เชียงราย ห่างจากจุดบรรจบของแม่น้ำแม่สายและแม่น้ำโขงราว 3 กม. อยู่ๆ เรือจีนทั้งสองลำก็ถูกทหารไทยกราดยิง ลูกเรือ 13 คนบนเรือทั้งสองลำหายตัวไปไม่ทราบชะตากรรม ปัญหาคือทหารและตำรวจไทยพบยาบ้ามูลค่าราว 20 ล้านหยวน (ราว 93 ล้านบาท) บนเรือสองลำ 


กวนชิ่งหลินยังบอกด้วยว่า "กัวต้าฉี" หัวหน้าหน่วยปราบปรามยาเสพติด ประจำสำนักงานความมั่นคงสาธารณะแห่งเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา ได้ไปถึงที่เกิดเหตุแล้วเมื่อเวลา 19.00 น. แต่ตำรวจไทยไม่อนุญาตให้เขาขึ้นไปตรวจสอบบนเรือ เจียงไห่เฟิงฝากกำชับกัวต้าฉีให้รีบซักถามความจริงจากผู้เห็นเหตุการณ์โดยด่วน และให้ร่วมมือกับตำรวจไทยอย่างเต็มที่ในการตามหาลูกเจือจีนทั้ง 13 คนที่หายไป ตนจะรีบรายงานเรื่องนี้ให้ท่านรัฐมนตรีทราบ หากมีความคืบหน้าให้รายงานตนทันที

ณ ห้องทำงานเจียงไห่เฟิงที่กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ผู้ใต้บังคับบัญชาเปิดรายงานข่าวจากเว็บไซต์บางกอกโพสต์ให้เจียงไห่เฟิงดู รายงานข่าวระบุว่าวันที่ 5 ตุลาคม ตำรวจไทยได้รับแจ้งว่าเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติจีนสองลำลักลอบขนยาเสพติดบนลำน้ำโขงในเขต อ. เชียงแสน จ. เชียงราย ณ ที่เกิดเหตุพบเรือสองลำและเกิดการยิงต่อสู้กับคนร้ายที่อยู่บนเรือซึ่งมีอาวุธครบมือ หนึ่งในนั้นโดนวิสามัญที่เหลือหลบหนีไปได้ ตำรวจไทย พบยาบ้า 920,000 เม็ด และปืนเอสเค 47 จำนวน 1 กระบอกบนเรือสินค้าจีนสองลำ


ณ เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน เกาเหยี่ยทานยาพลางโทรฯ บอกกัวต้าฉี (ซึ่งอยู่ที่ จ. เชียงราย) ให้รีบส่งผลพิสูจน์ยาเสพติดที่อยู่ในมือมาให้ตน กัวต้าฉีเตือนว่าเกาเหยี่ยปกป้องตัวเองยังไม่ได้ จึงไม่ควรหาเรื่องใส่ตัว เกาเหยี่ยชี้ว่าคดีนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล เพราะถ้าหากเซี่ยงหงแจ้งข่าวลวงแก่ตนรถสองคันนั้นก็ไม่ควรมียาเสพติด แต่นี่พวกตนกลับเจอยาเสพติดมากถึง 300 กก. ซ้ำยังเป็นยาชนิดที่มีคุณภาพสูงและหายาก แล้วกัวต้าฉีเองเพิ่งบอกตนว่าพบยาบ้าคุณภาพสูงบนเรือสินค้าจีนสองลำ ในเมื่อเป็นยาบ้าคุณภาพสูงเหมือนกันตนเลยอยากนำผลการตรวจพิสูจน์มาลองเปรียบเทียบกันดู

"อวี๋ฮุ่ย" (ภรรยาเกาเหยี่ย) มาพบเจียงไห่เฟิงที่ห้องทำงาน ครั้นถูกถามว่าได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง อวี๋ฮุ่ยจึงรายงานว่าข้อมูลที่หน่วยข่าวกรองของไทยบอกตนสอดคล้องกับสิ่งที่เจียงไห่เฟิงบอกตนก่อนหน้านี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเจียงไห่เฟิงเข้ามารายงานว่าติงเจี้ยนกำลังติดต่อตำรวจไทยที่เชียงราย เมื่อ "รองรัฐมนตรีห่าว" มาถึงเจียงไห่เฟิงจึงสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเร่งประสานตำรวจไทยแล้วเข้าประชุมทันที เหลียงฮวนนำผลพิสูจน์ยาเสพติด 300 กก. (ที่เพิ่งยึดได้) มาให้เกาเหยี่ย ก่อนแจ้งว่ายังไม่พบเบาะแสของเซี่ยหง เขายังบอกด้วยว่าทุกคนเชื่อว่าเซี่ยหงให้ข้อมูลเท็จและเป็นแผนลวง แต่เกาเหยี่ยไม่คิดเช่นนั้น หลังนำผลพิสูจน์ยาเสพติด 300 กก. ที่ยึดได้ในเมืองคุนหมิง มาเปรียบเทียบกับผลพิสูจน์ยาเสพติด (บนเรือสินค้าจีน 2 ลำ) ที่ต้าฉีส่งมาให้ เกาเหยี่ยจึงพบว่ายาเสพติดทั้งสองคดีมีผลการตรวจพิสูจน์ตรงกัน  นั่นหมายความว่าลูกเรือจีนทั้ง 13 คนไม่ได้เป็นผู้ค้ายาแต่ถูกกลุ่มซูโว่จัดฉากใส่ร้าย  

รองรัฐมนตรีห่าวบอกเจียงไห่เฟิงในที่ประชุมว่า แม่น้ำนานาชาติอย่างลำน้ำโขงได้ชื่อว่าเป็นลำน้ำทองคำที่เชื่อมประเทศ จีน ลาว พม่า และไทย แม้เรือสินค้าขนาดใหญ่ที่สัญจรบนลำน้ำโขงจะมาจากประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดคือประชาชนของประเทศที่อยู่ริมสองฝั่งโขง พวกเขาล้วนฝากความหวังไว้กับมหานทีแห่งนี้ คดีนี้เป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงมาก แค่แสดงความกังวลอย่างจริงจังผ่านทางการทูตไม่สามารถคลี่คลายปัญหาได้ นี่เป็นเรื่องศักดิ์ศรีของชาติ  หากเรือจีนทั้งสองลำมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดจริง จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงของจีน รองรัฐมนตรีห่าวสั่งให้เจียงไห่เฟิงนำทีมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเดินทางไปที่ประเทศไทยทันที ภารกิจแรกคือการตามหาลูกเรือจีน 13 คนที่หายไป และตรวจสอบว่าลูกเรือดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดจริงหรือไม่

วันรุ่งขึ้น เวลา 10.00 น.  ณ สำนักปราบปรามยาเสพติด กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ  เจียงไห่เฟิงสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาบอกกัวต้าฉี (ซึ่งอยู่ที่เมืองไทย) ให้หาข้อมูลเกี่ยวกับชนิด ความบริสุทธิ์ และข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับยาเสพติดที่พบบนเรือจีนทั้งสองลำ จากนั้นก็เรียกประชุมและขอข้อมูลผู้ค้ายาเสพติดบริเวณลุ่มน้ำโขง อวี๋ฮุ่ย (รองผู้อำนวยการศูนย์ข่าวกรอง สำนักปราบปรามยาเสพติด กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ) นำข้อมูลเกี่ยวกับคดียาเสพติดบริเวณสามเหลี่ยมทองคำในรอบสามเดือนมาให้เจียงไห่เฟิง แต่เจียงไห่เฟิงขอข้อมูลย้อนหลังสามปี ทั้งยังฝากเธอไปบอกเกาเหยี่ยให้รอรับคำสั่งจากตน


หลังเลิกประชุม อวี๋ฮุ่ยตามเจียงไห่เฟิงมาที่ห้องทำงาน เธอไม่เห็นด้วยที่จะให้เกาเหยี่ยร่วมสืบคดีลูกเรือจีน จึงกล่าวว่าหลังลูกสาวเธอประสบอุบัติเหตุ เกาเหยี่ยก็ไม่เหมาะที่จะทำคดีใดๆ อีกต่อไป เธอชี้ว่าตนกล่าวในฐานะคนหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบคดี เพราะนี่เป็นคดีสำคัญ ทั้งยังเป็นคดีข้ามชาติหากไม่ระวังอาจล้ำเส้นได้  เจียงไห่เฟิงรู้ว่าการตายของ "หยวนหยวน" (ลูกสาวเกาเหยี่ยกับอวี๋ฮุ่ย) ทำให้เกาเหยี่ยกับอวี๋ฮุ่ยเสียใจอย่างรุนแรง แต่เขายังคงมั่นใจในตัวเกาเหยี่ยและเชื่อว่าจะไม่มีผลต่อการรับผิดชอบคดี ที่ผ่านมาเกาเหยี่ยมักเป็นทัพหน้าในการสกัดและปราบปรามยาเสพติดเสมอ เขาเป็นวีรบุรุษตัวอย่างในการปราบปรามยาเสพติดสามปีติดต่อกัน  รู้จักมณฑลยูนนานเป็นอย่างดี ไม่มีใครเหมาะสมกว่านี้แล้ว ครั้นอวี๋ฮุ่ยอ้างว่าตนเป็นภรรยาเกาเหยี่ยย่อมรู้ดีที่สุดว่าเหมาะสมหรือไม่ ทั้งยังออกตัวว่าเธอแค่กลัวเขาทำงานผิดพลาดไม่เกี่ยวกับความรู้สึกส่วนตัว เจียงไห่เฟิงจึงชี้ว่าตนเป็นผู้บังคับบัญชาและเป็นคนฝึกเกาเหยี่ยเองกับมือจึงรู้จักเกาเหยี่ยดีเช่นนั้น จากนั้นก็ตัดบทว่าเรื่องนี้ตนจะเป็นคนตัดสินใจเอง


"เมิ่งหย่งเชา" พาเกาเหยี่ยลงพื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำโดยขับรถเลียบริมแม่น้ำโขงฝั่งสปป.ลาว  ครั้นใกล้ถึงท่าเรือหย่งเชาก็บอกเกาเหยี่ยว่าจุดที่เรือจีนทั้งสองลำประสบเหตุอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ พวกตนจะข้ามแม่น้ำที่ท่าเรือแห่งนี้ ฝั่งที่อยู่ตรงข้ามคือประเทศไทย (อ. เชียงแสน) ครั้นพบว่ามีกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าว เกาเหยี่ยจึงขอให้หย่งเชาไปติดต่อขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด (หย่งเชารู้จักเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ในอาคาร) อีกด้านหนึ่ง ณ เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน กวนชิ่งหลินกล่าวกับ "จ้าวฮุย" (รองผู้อำนวยการ กองปราบปรามยาเสพติด สำนักงานความมั่นคงสาธารณะแห่งมณฑลยูนนาน) ว่า รถตำรวจคันหนึ่งของพวกตนเสียหลักพลัดตกหน้าผา ตำรวจสองนายที่อยู่ในรถคนหนึ่งตาย อีกคนบาดเจ็บ ผู้ต้องสงสัยคนสำคัญถูกฆ่าตายในลานจอดรถชั้นใต้ดิน สายตำรวจหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนเกาเหยี่ยซึ่งรับผิดชอบในการสืบคดีนี้ ไม่ให้ความร่วมมือกับทีมปฏิบัติการเฉพาะกิจของพวกตนในการชี้แจงเหตุการณ์และจัดการงานศพ (เกาเหยี่ยประจำอยู่ที่เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา) เขาตำหนิจ้าวฮุยที่ยอมให้เกาเหยี่ยออกนอกประเทศไปลงพื้นที่ๆ สามเหลี่ยมทองคำ ก่อนเตือนว่าหากเกาเหยี่ยข้ามแดนคราวนี้แล้วเกิดเรื่องอีก จ้าวฮุยต้องรับผิดชอบเองเต็มๆ เพราะตนคงไม่อาจปกป้องได้

ณ สปป.ลาว หย่งเชาพาเกาเหยี่ยไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดก่อนที่จะถูกลบทิ้งตอน 10.00 น. บนทางด่วนในเวลาเดียวกันนั้น เจียงไห่เฟิงและคณะได้เดินทางมาที่สนามบินในเมืองหลวง (ปักกิ่ง) เพื่อมุ่งหน้าไปยังประเทศไทย  อวี๋ฮุ่ยรายงานว่ากลุ่มผู้เชี่ยวชาญ 12 คนเดินทางมาถึงสนามบินแล้ว ส่วนเกาเหยี่ยออกเดินทางจากด่านโหมวฮัน* ตั้งแต่ตอนตีสี่พร้อม "เมิ่งหย่งเชา" ตำรวจสืบสวนจากสำนักงานความมั่นคงสาธารณะแห่งเทศมณฑลเมืองล้า* (ในเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา) ตอนนี้น่าจะถึงจุดเกิดเหตุบริเวณสามเหลี่ยมทองคำแล้ว เจียงไห่เฟิงเกรงว่าเกาเหยี่ยจะข้ามแดนโดยไม่ได้รับอนุญาต อวี๋ฮุ่ยชี้ว่ากระบวนการข้ามแดนของเกาเหยี่ยเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่เนื่องจากเขาอยู่ในระหว่างการสืบสวนคดีวันที่ 5 ตุลาฯ ร่วมกับทีมปฏิบัติการเฉพาะกิจของพวกตน เท่ากับว่าคราวนี้เขาละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่ในทีมปฏิบัติการเฉพาะกิจโดยพลการ 

* เทศมณฑลเมืองล้า หรือ เมืองล้า  อยู่ในเขตปกครองตนเองชนชาติไท สิบสองปันนา ตั้งอยู่ทางใต้สุดของมณฑลยูนนาน ประเทศจีน

* เขตการค้าชายแดนโหมวฮัน  เป็นด่านทางบกระดับชาติสู่ประเทศลาวเพียงแห่งเดียวของจีน และเป็นช่องทางบกที่สะดวกที่สุดจากจีนสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เจียงไห่เฟิงสงสัยว่าทำไมเกาเหยี่ยถึงรีบบึ่งไปที่สามเหลี่ยมทองคำ อวี๋ฮุ่ยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดแต่เธอได้ยินจากเหลียงฮวนซึ่งเป็นคู่หูของเกาเหยี่ยว่า ส่วนผสมเมทแอมเฟตามีนในยาบ้าที่พบบนเรือสินค้าจีนสองลำ กับส่วนผสมเมทแอมเฟตามีนในยาบ้า 300 กก. ที่พวกเขายึดได้ก่อนหน้านี้มีผลพิสูจน์ตรงกัน เกาเหยี่ยเลยคิดว่าคดีนี้กลุ่มซูโว่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ครั้นได้ยินว่ายาเสพติดที่ตรวจยึดได้ทั้งสองคดีมีความเชื่อมโยงกันเจียงไห่เฟิงก็รู้สึกว่าความบังเอิญในครั้งนี้มีเงื่อนงำ



ณ ห้องมอนิเตอร์ในด่านตรวจประจำท่าเรือที่สปป.ลาว ในที่สุดเกาเหยี่ยก็พบหลักฐานเด็ดจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเผยให้เห็นวินาทีที่เรือสินค้าจีนถูกโจรสลัดน้ำจืดล่องเรือเร็วตามประกบ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงราย กวนชิ่งหลินเดินทางมาถึงประเทศไทยก่อนจึงมารอรับเจียงไห่เฟิงที่สนามบิน "หนานเฉียว" (ตำรวจไทยซึ่งเคยร่วมงานกับเจียงไห่เฟิงมาก่อน และเป็นรองผู้อำนวยการ ปปส.) แนะนำ "เผิงต๋า" (ตำรวจไทย) ให้เจียงไห่เฟิงรู้จัก โดยบอกว่าเผิงต๋าเป็นผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติดของไทย เผิงต๋าเชิญเจียงไห่เฟิงและคณะไปพักผ่อนที่โรงแรม  แต่เจียงไห่เฟิงต้องการไปดูที่เกิดเหตุก่อน 

* "หนานเฉียว" เป็นชื่อจีนของตำรวจไทยในละคร แต่ป้ายชื่อเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า "วินเซนต์"
"เผิงต๋า" เป็นชื่อจีนของตำรวจไทยในละคร แต่ป้ายชื่อเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า "มาร์ค" และติดสัญลักษณ์ว่าเป็นตำรวจท่องเที่ยว (ในบทบอกว่าเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด)



10.00 น. วันที่ 7 ตุลาคม 2554 บริเวณริมโขงฝั่งไทย (ริมถนนสายเชียงแสน-แม่สาย อ. เชียงแสน จ. เชียงราย) กัวต้าฉีซึ่งอยู่บนเรือสินค้าจีน (หนึ่งในลำที่เกิดเหตุ) ใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพเหล่าไทยมุงและบริเวณโดยรอบ ไม่นานก็พบชายต้องสงสัยคนหนึ่งแฝงตัวท่ามกลางไทยมุงก่อนเดินหนีไป ระหว่างเดินทางไปดูเรือสินค้าจีนสองลำที่ประสบเหตุและจอดอยู่ริมโขงฝั่งไทย เผิงต๋า (ตำรวจไทย) แจ้งเจียงไห่เฟิงว่า เช้าวันที่ 5 ตุลาคม หลังได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบค้ายาเสพติดบนเรือสินค้าจีนสองลำ ทหารกองกำลังผาเมืองจึงนำกำลังรวม 9 นายไปสกัดกั้นและเกิดการปะทะกับกลุ่มพ่อค้ายาที่อยู่บนเรือ หนึ่งในนั้นโดนวิสามัญ ส่วนที่เหลือหนีไปได้ เมื่อทหารไทยขึ้นไปบนเรือที่ว่างเปล่าทั้งสองลำก็พบศพนิรนามหนึ่งศพบนเรือลำหนึ่ง ทั้งยังพบยาเสพติดล็อตใหญ่บนเรือทั้งสองลำ หลังตรวจพิสูจน์พบว่าเป็นยาเสพติดคุณภาพสูงมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท  (ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เจียงไห่เฟิงรู้อยู่แล้ว)

กวนชิ่งหลินถามเผิงต๋าว่าระบุตัวตนศพที่ไม่เหลือสภาพได้หรือยัง เผิงต๋ายอมรับว่ายังไม่สามารถระบุตัวตนได้ และกล่าวว่าตอนนี้ศพอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย เขายังบอกด้วยว่าวันเกิดเหตุสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยได้ตั้งทีมสืบสวนเฉพาะกิจและได้ทำการสอบถามพยานหลายปากด้วยกัน โดยพยานให้การว่ามีเรือเร็วสองลำพาลูกเรือทั้ง 13 คนหนีไป  หนานเฉียว (ตำรวจไทย) แย้งว่า 12 คนต่างหาก (อีกหนึ่งคนเป็นศพบนเรือ - เบื้องต้นตำรวจไทยในละครเชื่อว่าลูกเรือจีน 13 คนบนเรือทั้งสองลำเป็นผู้ค้ายาเสพติด)


เมื่อคณะของเจียงไห่เฟิงเดินทางไปถึงริมโขง (จุดที่เรือสินค้าจีนสองลำจอดอยู่) กัวต้าฉีก็พา "เฮ่อเลี่ยง" (รองหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด ประจำสำนักงานความมั่นคงสาธารณะแห่งเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา) มาแนะนำ กัวต้าฉีตั้งข้อสังเกตว่าคดีนี้มีเงื่อนงำ คาดว่าน่าจะเป็นการจัดฉากฆาตกรรมที่มีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า เจียงไห่เฟิงสั่งให้กัวต้าฉีเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน โดยให้สืบหาในวงกว้างและต้องทำงานอย่างรวดเร็ว กัวต้าฉีรับคำสั่งแล้วรีบรุดไปทำงานพร้อมเฮ่อเลี่ยงทันที เจียงไห่เฟิงแหงนมองป้ายชื่อเรือ "ซิงเซิ่ง" (ละครย้อนภาพเหตุการณ์ให้คนดูเห็นว่าก่อนเกิดเหตุลูกเรือซิงเซิ่งกำลังล้อมวงทานข้าว) ก่อนหันไปมองป้ายชื่อเรือ "หย่วนผิง" (ละครย้อนภาพเหตุการณ์ขณะทหารไทย 9 นายยิงปะทะกับคนร้ายที่อยู่บนเรือหย่วนผิง ก่อนบุกขึ้นไปบนเรือ) 

เจียงไห่เฟิงขึ้นไปบนเรือลำที่ถูกทหารไทยกราดยิง ในตอนนั้นเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ (ของจีน) กำลังเก็บรวบรวมหลักฐาน (ละครย้อนภาพเหตุการณ์ก่อนหน้าเพื่อให้คนดูรู้ว่า มีคนร้ายสวมชุดทหารใช้อาวุธสงครามกราดยิงลูกเรือจีนทั้งชายและหญิงที่กำลังคุกเข่าและถูกมัดมือไพล่หลัง ในบริเวณที่เจียงไห่เฟิงกำลังตรวจสอบ) ครั้นเดินมาถึงห้องพักลูกเรือ เผิงต๋า (ตำรวจไทย) ได้นำภาพถ่ายมาให้เจียงไห่เฟิงดูโดยบอกว่าเป็นภาพห้องพักลูกเรือตอนเจ้าหน้าที่ขึ้นมาพบครั้งแรก ในภาพมีห่อยาเสพติดจำนวนมากวางอยู่ทั้งบนเตียงและในตู้ใต้เตียง หลังเดินสำรวจบริเวณชั้นหนึ่งและชั้นสองจนทั่วแล้ว เจียงไห่เฟิงจึงขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือซึ่งเป็นจุดที่พบศพคนตาย ครั้นเดินไปยังห้องควบคุมเรือแล้วพบรอยสีบนพื้นซึ่งบ่งบอกว่าเป็นจุดที่พบศพชายนิรนาม เผิงต๋าจึงให้เจียงไห่เฟิงดูภาพถ่ายศพซึ่งนอนหงายและมีปืนกลวางพาดบนหน้าอก (ภาพที่คนดูเห็นคือศพของกัปตันจางเต๋อเสียงแห่งเรือซิงเซิ่ง) เจียงไห่เฟิงถามเผิงต๋าว่าเก็บลายนิ้วมือแฝงบนปืนไปตรวจสอบแล้วหรือยัง เผิงต๋ากล่าวว่านำมาตรวจสอบและเปรียบเทียบแล้ว แต่ยังไม่พบเบาะแสใดๆ ที่เป็นประโยชน์  

ครั้นหันไปเห็นรอยกระสุน 8 นัดบนผนัง เจียงไห่เฟิงจึงเดินเข้าไปสังเกตใกล้ๆ (ภาพตัดไปที่เหตุการณ์ขณะคนร้ายบนเรือกราดยิงจากด้านนอกเข้ามาในห้อง แล้วกระสุนทะลุร่างกัปตันจาง) เขาถามเผิงต๋าว่าเรือทั้งสองลำไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายหรือเปลี่ยนทิศทางหลังเกิดเหตุใช่ไหม เผิงต๋ายืนยันว่าหลังเรือทั้งสองลอยมาหยุดบริเวณนี้ก็อยู่กับที่มาตลอด เจียงไห่เฟิงได้ยินดังนั้นจึงชี้ให้เผิงต๋าดูรอยกระสุนห้าในแปดนัดบนผนัง ก่อนชี้ว่าห้ารูนี้เป็นร่องรอยของกระสุนปืนเอ็ม 16 สองในห้านัดทะลุร่างผู้ตาย (มีรอยเลือดบนพื้นบริเวณที่พบศพ) ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลที่เผิงต๋าแจ้งตนว่าทหารไทย 9 นายกราดยิงเรือทั้งสองลำจากบนฝั่ง เผิงต๋าออกตัวว่าหลักฐานที่พบในปัจจุบันระบุได้เพียงเท่านี้ เจียงไห่เฟิงจึงถามว่าเช่นนั้นแล้วกระสุน 5 นัดที่ว่านี้ใครเป็นคนยิง (วิถีกระสุนไม่ได้มาจากบนฝั่ง) ทำไมถึงมีคนยิงผู้ตายจากกลางแม่น้ำได้ เขาตั้งข้อสังเกตว่าพ่อค้ายาตัวจริงไม่มีทางวางยาเสพติดให้เห็นกันจะๆ บนเตียงและใต้เตียงอย่างในรูป ปืนที่วางพาดอยู่บนศพก็เช่นกัน เผิงต๋ากล่าวว่าบางทีทหารอาจพบปืนแล้วนำมาวางไว้ตอนที่ขึ้นมาบนเรือ


ทันใดนั้น เกาเหยี่ยก็เดินเข้ามาให้ห้องกัปตันเรือ อวี๋ฮุ่ยรีบเข้ามาขวางเพราะกลัวเสียเรื่องแต่เกาเหยี่ยยืนกรานว่าตนมีเรื่องสำคัญมารายงาน เขานำไฟล์ภาพจากกล้องวงจรปิดฝั่งสปป.ลาวไปให้เจียงไห่เฟิง พลางกล่าวว่ากล้องวงจรปิดสามารถจับภาพขณะเรือสินค้าจีนทั้งสองลำถูกกลุ่มชายติดอาวุธดักปล้นกลางลำน้ำโขง ก่อนบังคับให้เรือล่องมาจอดฝั่งไทย อีกนัยหนึ่งก็คือเรือจีนทั้งสองลำถูกปล้นก่อนมาถึงที่นี่ หลังก่อเหตุกลุ่มชายสวมหน้ากากไอ้โม่งได้ขึ้นเรือเร็วสองลำหนีไปทางต้นน้ำ เผิงต๋าแย้งว่ากลุ่มชายสวมหน้ากากไอ้โม่งแท้จริงแล้วอาจเป็นลูกเรือจีน เจียงไห่เฟิงตำหนิเผิงต๋าที่กล่าวหาลูกเรือจีนแบบลอยๆ ทั้งที่ไม่มีหลักฐาน เผิงต๋าจึงถามกลับว่าเช่นนั้นแล้วลูกเรือจีนอีก 12 คนหายไปไหน เกาเหยี่ยคาดว่าถ้าไม่โดนคนร้ายลักพาตัวก็อาจถูกฆ่าตายไปแล้ว (เขาวิเคราะห์จากภาพเหตุการณ์ที่ถูกกล้องวงจรปิดบันทึกเอาไว้ได้) 

กวนชิ่งหลินปรามเกาเหยี่ยว่าอย่าฟันธงโดยปราศจากหลักฐาน เกาเหยี่ยจึงยื่นตัวอย่างยาบ้าในคดียาเสพติด "ปันนา 5 ตุลาฯ" และผลการตรวจพิสูจน์ให้กวนชิ่งหลินดู ก่อนชี้ว่าส่วนผสมของยาบ้า 300 กก. ที่พวกตนยึดมาได้ก่อนหน้านี้เหมือนกับส่วนผสมของยาบ้าที่ตำรวจไทยพบบนเรือสินค้าจีนสองลำ เห็นได้ชัดว่าเป็นยาล็อตเดียวกัน จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าของยาเสพติดล็อตนี้คือแก๊งค้ายาและกองกำลังติดอาวุธซูโว่ หากเกิดเหตุร้ายกับลูกเรือจีนแก๊งค้ายากลุ่มนี้จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เจียงไห่เฟิงแย้งว่าตอนนี้คดียาเสพติด "ปันนา 5 ตุลาฯ" มีตัวแปรใหม่เกิดขึ้น เขาชี้ว่าเกาเหยี่ยไม่มีหลักฐานที่แน่นหนามายืนยันว่ายาเสพติดที่ยึดได้เป็นของกลุ่มซูโว่ เกาเหยี่ยแย้งกลับว่าเซี่ยงหง (สายของเกาเหยี่ย) เป็นคนบอกตน เจียงไห่เฟิงเตือนว่าตอนนี้เซี่ยงหงเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย และสงสัยว่าข้อมูลที่เกาเหยี่ยได้มาจากเซี่ยงหงอาจเป็นข่าวลวง แต่เกาเหยี่ยเชื่อมั่นในตัวเซี่ยงหงจึงมั่นใจว่าข้อมูลที่ได้มานั้นถูกต้องและเชื่อถือได้ เขาฟันธงว่ายาล็อตนี้เป็นของกลุ่มซูโว่ หากเกิดเรื่องกับลูกเรือจีนต้องเป็นฝีมือกลุ่มซูโว่อย่างแน่นอน ตนจะไปหาหลักฐานมายืนยันเอง 


เกาเหยี่ยมองว่าคดียาเสพติดปันนา 5 ตุลาฯ กับคดีแม่น้ำโขง 5 ตุลาฯ สามารถสืบสวนร่วมกันได้ เขาจะเสนอความเห็นบางอย่างแต่ยังไม่ทันได้พูดหนานเฉียว (ตำรวจไทย) ก็แจ้งว่า ตนเพิ่งได้รับรายงานจากสถานีตำรวจภูธรเชียงแสนว่า เพิ่งมีการกู้ศพชายคนหนึ่งขึ้นมาจากแม่น้ำโขงบริเวณท่าเรือเชียงแสน และได้รับการยืนยันจากลูกเรือชาวจีน (ลำอื่น) แล้วว่าผู้ตายคือ "หลี่ฉางเกิน" เป็นกัปตันเรือหย่วนผิง (หลังจากนั้นละครก็ตัดไปที่ภาพเหตุการณ์ (จริง) ขณะที่มีการกู้ศพลูกเรือจีนขึ้นมาจากแม่น้ำโขง (ฝั่งไทย) โดยเก็บกู้ครบ 12 ศพในวันที่ 11 ตุลาคม 2554) 
 

เจียงไห่เฟิงและคณะรีบไปดูศพที่ท่าเรือเชียงแสนทันที ในตอนนั้นมีลูกเรือจีนลำอื่นๆ อยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย เจียงไห่เฟิงและคณะต่างพากันถอดหมวกเพื่อแสดงความเคารพศพ ลูกเรือจีนชื่อ "โจวซุ่นจื่อ" ขอร้องเจียงไห่เฟิงให้ช่วยสืบหาความจริงและคืนความเป็นธรรมให้หลี่ฉางเกินกับลูกเรือคนอื่นๆ เขายืนยันว่าทุกคนล้วนทำมาหาเลี้ยงชีพโดยสุจริตและเป็นคนซื่อตรง ไม่มีใครค้ายาเสพติดอย่างแน่นอน เจียงไห่เฟิงบอกให้ทุกคนวางใจและรับปากว่าจะสืบหาความจริงให้กระจ่างอย่างแน่นอน


ณ ห้องประชุมที่สถานีตำรวจภูธรเชียงแสน จ. เชียงราย เจียงไห่เฟิงสรุปสถานการณ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า เวลาบ่ายสอง วันที่ 11 ตุลาคม พบศพลูกเรือจีนคนที่สิบสองซึ่งได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นศพของ "จางเจี้ยนหัว" ลูกชายกัปตันเรือซิงเซิ่ง ผลการตรวจดีเอ็นเอยืนยันว่าศพชายนิรนามที่พบบนเรือซิงเซิ่งคือจางเต๋อเสียงนั่นเอง แพทย์นิติเวชในทีมผู้เชี่ยวชาญของตนกับแพทย์นิติเวชของสถานีตำรวจภูธรเชียงรายได้ร่วมกันชันสูตรทั้ง 13 ศพ ผลการชันสูตรยืนยันว่าลูกเรือชาวจีน 13 คนเสียชีวิตวันที่ 5 ตุลาคม 2554


ณ ท่าเรือใน จ.เชียงราย เหล่าครอบครัวของลูกเรือจีนที่เสียชีวิตต่างพากันมาลงทะเบียนเพื่อขอดูศพ โดยมี "ฟางอวี้เจี๋ย" รองกงสุลประจำสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ คอยอำนวยความสะดวกและปลอบใจ โจวซุ่นจื่อเรียกร้องความเป็นธรรมผ่านสื่อด้วยความโกรธ ครั้น "จูเหม่ยหัว" (ภรรยาของเสิ่นเกินเป่า) ซึ่งกำลังตั้งครรภ์มาถึง นักข่าวก็กรูเข้าไปสัมภาษณ์ เธอร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเสียใจที่สามีต้องมาตายก่อนเห็นหน้าลูก ซ้ำยังถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่รู้สาเหตุและโดนกล่าวหาว่าค้ายาเสพติด เกาเหยี่ยเห็นดังนั้นก็รู้สึกเศร้าใจ 


ณ ห้องประชุมที่สถานีตำรวจภูธรเชียงแสน จ. เชียงราย ตำรวจจีนนายหนึ่งสรุปสาเหตุการเสียชีวิตของลูกเรือจีนทั้ง 13 คนว่าเกิดจากบาดแผลถูกยิง (เกือบทั้งหมดถูกมัดมือไพล่หลัง) รอยกระสุนที่พบบนร่างผู้ตายประกอบด้วย กระสุนปืนพกขนาด 9 มม. กระสุนปืนยาวขนาด 5.56 มม. และ 7.62 มม. แต่ทว่าทหารไทย 9 นายใช้ปืน M-16 ไม่มีใครใช้ปืนพกหรือ AK-47 เผิงต๋า (ตำรวจไทย) สงสัยว่าตำรวจจีนกำลังจะสื่ออะไร  เจียงไห่เฟิงกล่าวเสียงเข้มว่าลูกเรือจีนทั้ง 13 คนถูกโจร 'ที่อยู่บนเรือ' ยิงเสียชีวิต  หรืออีกนัยหนึ่งก็คือโจรกลุ่มนี้มีส่วนร่วมในการสังหารโหดลูกเรือจีน ครั้นตำรวจจีนสงสัยว่าทหารไทย 9 นายอาจมีเอี่ยว เผิงต๋าก็รู้สึกไม่พอใจ (ภาพตัดไปยังเหตุการณ์ขณะชายชุดดำสวมหมวกไอ้โม่งสองคนใช้ปืนไรเฟิลกระหน่ำยิงลูกเรือบนเคบิน ส่วนอีกคนใช้ปืนพกยิงจากทางด้านนอก ก่อนพากันหนีลงเรือเร็ว) 

กัวต้าฉีเปิดคลิปคำให้การของพยานวัยเด็กที่เห็นเหตุการณ์ให้ตำรวจไทยดู เด็กชายเล่าว่าในตอนนั้นตนเห็นทหารหลายคนถือปืนซุ่มอยู่ตรงนั้น (เด็กชี้ไปที่พุ่มไม้ริมฝั่งโขง)  โจรบางคนซ่อนตัวอยู่หลังพงหญ้า บางคนขึ้นเรือเร็ว พอเรือเร็วออกไปแล้วก็มีคนหลายคนระดมยิงเรือสินค้า... หลังเปิดคลิปวิดีโอดังกล่าวแล้ว เจียงไห่เฟิงจึงขอคำอธิบายจากเผิงต๋า

** จบตอนที่หนึ่ง **

หมายเหตุ: ละครอ้างอิงจากเหตุการณ์จริงแต่มีการแต่งเติมเสริมเรื่องราวบางส่วน ทั้งนี้คดีดังกล่าวได้มีการตัดสินและลงโทษคนร้ายตัวจริงแล้ว (ดูข่าวนี้จากรายการ "ข่าวดังข้ามเวลา" ของสำนักข่าวไทยได้ ที่นี่ )

* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่





รายชื่อนักแสดง


เฉินเป่ากั๋ว
รับบท เจียงไห่เฟิง
(นักแสดง ชาวจีน)



หวังเชียนหยวน
รับบท เกาเหยี่ย
(นักแสดง ชาวจีน)



ตู้จื้อกั๋ว
รับบท กวนชิ่งหลิน
(นักแสดง ชาวจีน)



อวี๋เย่ว์
รับบท อวี๋ฮุ่ย
(นักแสดง ชาวจีน)



หลี่ซิวเสียน
รับบท เหมิงหง
(นักแสดงฮ่องกง / ผู้กำกับ / นักเขียนบท / โปรดิวเซอร์ เกิดที่เมืองจีน)



จางจ้าวฮุย
รับบท โม่สยง (หน่อคำ)
(นักแสดง ชาวฮ่องกง)



โหยวหย่ง
รับบท ขานหลี่ลา
(นักแสดง ชาวจีน)



หวังคุน
รับบท จี๋ไห่
(นักแสดง ชาวจีน)



อ้ายตง
รับบท เผิงต๋า
(นักแสดง ชาวจีน)





* ดูละครย้อนหลังทางช่อง 9 MCOTHD ได้ ที่นี่

*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา