วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เรื่องย่อ ลิขิตรักสามพันปี (Love of Thousand Years)




กำกับ: หุยอวี่
เขียนบท: จ้าวเทียนโย่ว
แนวละคร: โรแมนติก, แฟนตาซี 
จำนวนตอน: 30
ออกอากาศ: จีน - 19 มีนาคม 2563 ทางหมางกั่วทีวี (Mango TV) / โยวคู่ (Youku)
                 ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.00 น. ทางช่อง 9 MCOT HD (หมายเลข 30) ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2563 - 13 ธันวาคม 2563


 



เรื่องย่อ



ละคร "ลิขิตรักสามพันปี" (Love of Thousand Years) ดัดแปลงจากนิยายเรื่อง "ซานเชียนยาซา" (三千鸦杀 / The Killing of Three Thousand Crows) ของ "สือซื่อหลาง" เนื้อหากล่าวถึงตำนานรักในสมัยบรรพกาลระหว่างซ่างเซียน* นาม "ฟู่จิ่วอวิ๋น" กับองค์หญิงสูงศักดิ์แห่งอาณาจักรหลี (ต้าหลี) เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นหลังจาก "เสนาซ้าย" แห่งต้าหลีแอบสมคบคิดกับอาณาจักรศัตรูอย่าง "เทียนหยวน" เป็นเหตุให้อาณาจักรหลีล่มสลาย ราชวงศ์ถูกกวาดล้าง  เซียนหนุ่มฟู่จิ่วอวิ๋นรู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงแอบช่วยชีวิต "ตี้หนี่ว์"* แห่งต้าหลีทั้งที่เป็นการทำผิดกฏสวรรค์ เพราะเธอคือหญิงสาวในภาพวาดที่เขาตกหลุมรักและเฝ้าตามหามานานนับพันปี

หลังแผ่นดินสูญสิ้นเพราะทัพปีศาจของเทียนหยวน ตี้หนี่ว์แห่งต้าหลีต้องการแก้แค้นให้ราษฎรและครอบครัวจึงหมายมั่นว่าจะหาตะเกียงวิญญาณโบราณมากำจัดจิตวิญญาณปีศาจให้สูญสิ้น เพื่อการนี้เธอจำต้องแปลงโฉมเป็นสาวใช้คนสนิทที่พลีชีพเพื่อปกป้องเธอ ก่อนขึ้นไปตามหาตะเกียงวิญญาณบนเขาเซียงฉวี่ในฐานะหญิงรับใช้ของสำนักเซียน ณ ที่นั่นเธอได้พบเซียนหนุ่ม "ฟู่จิ่วอวิ๋น" และตกหลุมรักกัน แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลกเมื่อเธอพบว่าจิ่วอวิ๋นคือไส้ตะเกียง หากเธอจุดตะเกียงวิญญาณดังที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้น ไม่เพียงตัวเธอที่ต้องสังเวยชีวิต แม้แต่จิ่วอวิ๋นเองก็จะพลอยสูญสลายหายไปด้วย เพื่อปกป้องผู้คนจากปีศาจทั้งคู่ต่างยินดีที่จะสละชีวิตของตน   

หมายเหตุ:

ซ่างเซียน คือ เซียนที่อยู่ในระดับชั้นสูงสุดในบรรดา "จิ่วเซียน" (เซียนเก้าประเภท) ของลัทธิเต๋า 
"ตี้หนี่ว์" คือ ยศศักดิ์ของธิดาฮ่องเต้ (องค์หญิง)

* ชื่อเรื่องภาษาจีน "三千鸦杀" (ฆ่านกกาสามพัน) มาจากลำนำกวีที่แต่งและขับขานโดย "ทากาซูกิ ชินซากุ" (ซามูไรญี่ปุ่นในช่วงปลายยุคเอโดะ) เนื้อหาของบทกวีเดิมกล่าวถึงหญิงขายบริการ ความหมายมีอยู่ว่า หากนกกาส่งเสียงร้อง ตน (ผู้ขับขาน) จำต้องกลับบ้าน ตนจึงอยากฆ่านกกาในสามพันโลก*ให้หมดสิ้น เพื่อจะได้นอนอิงแอบกันให้นานขึ้นก่อนถึงเช้าวันใหม่... อย่างไรก็ตามประโยคดังกล่าวได้ถูกนำตีความในหลากหลายความหมาย (ขึ้นอยู่กับบริบทและตัวผู้ขับขาน) ไม่ว่าจะเป็นความหมายในแง่การยอมทำผิดคำสาบานที่ให้ไว้ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อคนรัก หรือความหมายในแง่ของความรักอันลึกซึ้ง (ทั้งในเชิงโรแมนติกและอีโรติก) ตลอดจนความปรารถนาที่จะเคียงคู่กับคนรักตลอดกาล เป็นต้น  (*สามพันโลก คือ โลกธาตุขนาดใหญ่ที่มีแสนโกฏิจักรวาล)

เนื้อหาตอนที่ 1 



ณ เขาเซียงฉวี่ ในแดนเซียน

เซียนหนุ่ม "ฟู่จิ่วอวิ๋น" ลาก "เหมยซานจวิน" ผู้เป็นสหายมาชมภาพวาดของตนใต้ต้นท้อ ซานจวินนึกว่าจิ่วอวิ๋นจะอวดผลงานที่วาดเองกับมือเลยบ่นว่าพาตนมาดูภาพวาดอีกทำไม เขาออกตัวว่าตนเมานิดหน่อยแต่ก็ยอมพิจารณาภาพวาดที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นจึงบรรยายสิ่งที่เห็นเป็นบทกวี (เขาเห็นภาพเหตุการณ์เหมือนกำลังชมภาพยนตร์) ในภาพมีสาวชุดแดงคนหนึ่งลั่นกลองรบท่ามกลางหิมะโปรยปรายอย่างอ่อนแรง แม้ข้าศึกกำลังดาหน้าฝ่าหิมะและซากศพของเหล่าทหารเข้ามาหาเธอ แต่เธอยังคงตีกลองรบอย่างไม่ลดละ... ซานจวินรู้ว่าภาพวาดที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ผลงานของจิ่วอวิ๋น จิ่วอวิ๋นยอมรับและกล่าวว่าอาจารย์มอบภาพนี้ให้ตนก่อนตาย   ตนเฝ้ามองภาพนี้มาหนึ่งพันปีแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี 

ภาพตัดกลับไปที่เหตุการณ์ในภาพวาด ทหารที่เหลือรอดไม่ถึงสิบนาย (ซึ่งล้วนอ่อนแรงและบาดเจ็บ ซ้ำยังอายุน้อย) มองข้าศึกนับร้อยเดินมาหาพวกตนอย่างสิ้นหวัง ครั้นได้ยินเสียงกลองรบทุกคนจึงหยิบดาบแล้วพยายามยันกายลุกขึ้นหมายสู้ตาย สุดท้ายก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น หลังจากนั้นสาวชุดแดงซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่รอดชีวิตจึงหันไปเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างกล้าหาญ ซานจวินชี้ว่าศึกสงครามเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในแดนมนุษย์ ไม่เห็นมีอะไรน่าชมเลยสักนิด  แต่ทว่าสิ่งที่จิ่วอวิ๋นสนใจและเฝ้าดูหาใช่ภาพการทำศึกสงคราม เขาบอกซานจวินว่าเมื่อวานตนเพิ่งพบ 'นาง' (สาวชุดแดง) ในแดนมนุษย์ หลังสู้อุตส่าห์ตามหานางมานานถึงหนึ่งพันปี (ภาพตัดไปที่สาวชุดแดงถูกข้าศึกสังหาร)



ณ อาณาจักรหลี (ต้าหลี) ในแดนมนุษย์

"ตี้หนี่ว์"* แห่งต้าหลี (สาวชุดแดงในภาพวาด ชื่อเล่น "เยี่ยนเยี่ยน" เป็นธิดาของ "หลีตี้" และ "หลีโฮ่ว") เผลอหลับขณะที่อาจารย์กำลังถ่ายทอดวิชาของลัทธิเต๋า (ละครหยิบยกเนื้อหาส่วนหนึ่งจาก "หลิงเฟยจิง" ซึ่งเป็นคัมภีร์ของลัทธิเต๋าในสมัยราชวงศ์ถังมากล่าวอ้าง) เมื่ออาจารย์เห็นเข้าจึงตำหนิและบอกเยี่ยนเยี่ยนอย่างอ่อนใจว่า "ไป๋จื่อเซียนซู่" (มนตร์เสกกระดาษขาว) เป็นเคล็ดวิชาลับของเชื้อพระวงศ์ต้าหลี เยี่ยนเยี่ยนเรียนวิชานี้มาเป็นปีจนป่านนี้ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย ครั้นเยี่ยนเยี่ยนเถียงข้างๆ คูๆ อาจารย์จึงสั่งให้เธอร่ายมนตร์เสกกระดาษขาวเป็นนกกระเรียนเวทย์สิบตัว โดยขู่ว่าถ้าทำไม่ได้ห้ามออกจากห้องเรียน เยี่ยนเยี่ยนโม้ว่าแค่เรื่องจิ๊บๆ จากนั้นก็เสกกระดาษให้อาจารย์ดู ปรากฏว่าสิ่งที่เธอเสกออกมานั้นไม่ใช่นกกระเรียนแต่เป็นคางคก เยี่ยนเยี่ยนจึงเดินหนีไปด้วยความโกรธและอับอาย 

* "หลีตี้" คือ ฮ่องเต้ต้าหลี  ส่วน "หลีโฮ่ว" คือ มเหสีของฮ่องเต้ต้าหลี



"เอ้อร์หวงจื่อ" (องค์ชายรอง / พี่ชายเยี่ยนเยี่ยน) เห็นเยี่ยนเยี่ยนเดินเล่นอยู่ในสวนจึงแอบย่องเข้าไปหาแต่กลับพบว่าเธอกำลังอารมณ์ไม่ดี เขาเดาว่าเยี่ยนเยี่ยนคงโดนอาจารย์ดุอีกตามเคย เยี่ยนเยี่ยนไม่ปฏิเสธและอ้างว่า "เสวียนจู" (ญาติของเยี่ยนเยี่ยน) กำลังจะมา ตนเลยไม่มีอารมณ์เสกนกกระเรียนตามที่อาจารย์สั่ง องค์ชายรองได้ยินดังนั้นจึงให้เยี่ยนเยี่ยนดูภาพวาดล้ำค่าหมายช่วยปลอบใจเธอ เมื่อเยี่ยนเยี่ยนคลี่ม้วนภาพออกดูก็แอบผิดหวังเพราะเป็นเพียงภาพดอกท้อบานสะพรั่ง แต่หลังจากนั้นไม่นานบรรยากาศรอบตัวเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นฤดูหนาวและมีหิมะโปรยปราย เยี่ยนเยี่ยนเห็นต้นท้อออกดอกแล้วผลิบานตรงหน้า (เหมือนในภาพวาด) จึงยิ้มอย่างมีความสุข แต่หลังจากเธอยื่นมือรองรับกลีบดอกท้อที่ร่วงหล่นและกำไว้ในมือ ทั้งหิมะและดอกท้อก็หายวับไปกับตา 

* หวงจื่อ คือ ยศของโอรสเจ้าปกครองแว่นแคว้น


เยี่ยนเยี่ยนประทับใจมากจึงถามพี่ชายว่าได้ภาพมาจากไหน องค์ชายรองเล่าว่าเมื่อวันก่อนตนผ่านหอป๋อเหวิน... ได้ยินว่า "คุณชายฉี" (ชื่อที่จิ่วอวิ๋นใช้ในแดนมนุษย์รูปงามยิ่งนัก ทั้งยังมีพรสวรรค์ในการวาดภาพขั้นเทพ เขาร่ายมนตร์ที่ตนไม่เคยรู้จักลงในภาพวาด ใครเห็นภาพแล้วเป็นต้องลุ่มหลง (วันนั้นสาวๆ นับสิบคนต่างพากันยื้อแย่งภาพวาดของคุณชายฉี แต่องค์ชายรองกลับได้ภาพมาครองโดยไม่ต้องเปลืองแรง) แม้ชื่นชมความสามารถแต่องค์ชายรองมองว่าคุณชายฉีลำพองตนจนเกินไป เขากล้าโอ้อวดความสามารถโดยบอกว่าตนเชี่ยวชาญเรื่องท่วงทำนอง (ดนตรี) มากที่สุด รองลงมาคือ เรื่องนารี (เจ้าชู้) วาดภาพ  และการร่ายมนตร์ ทั้งยังบอกด้วยว่าไม่มีสตรีคนใดในใต้หล้าที่ต้านทานเสน่ห์ของตนได้ ครั้นรู้ว่าคุณชายฉีแต่งเพลง "ดอกท้อต้องลมบูรพา" ไม่จบ (แต่งเพียงครึ่งเพลง) เพราะไม่เชื่อว่าจะมีนางรำคนใดในใต้หล้าที่คู่ควรและเก่งพอที่จะร่ายรำเพลงนี้ เยี่ยนเยี่ยนจึงฝากบอกคุณชายฉีว่าให้แต่งครึ่งเพลงที่เหลือ เพราะเธอจะบรรเลงและร่ายรำเพลงนี้เอง องค์ชายรองกลัวว่าน้องสาวจะทำไม่ได้อย่างที่พูด แต่เยี่ยนเยี่ยนยืนยันหนักแน่นว่าตนทำได้แน่ องค์ชายรองภูมิใจในตัวเยี่ยนเยี่ยนและรับปากว่าจะนำโน้ตเพลงที่เสร็จสมบูรณ์มาให้ แต่ทว่าเยี่ยนเยี่ยนต้องรับปากตนเรื่องหนึ่ง

* ลมบูรพา หมายถึง สายลมในฤดูใบไม้ผลิ, หนทางอันยาวไกล, แรงผลักดัน และ ปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะนำไปสู่ชัยชนะหรือความสำเร็จ (มาจากเรื่อง "สามก๊ก") ส่วน "ดอกท้อ" ยังหมายถึงความรักอีกด้วย



องค์ชายรองขอให้เยี่ยนเยี่ยนระวังวาจาเวลาอยู่ต่อหน้า 'ท่านน้า' เพื่อรักษาเกียรติของราชวงศ์ เยี่ยนเยี่ยนบ่นว่า "ก็แค่คนที่ชวดตำแหน่งมเหสีแต่เข้าวังถี่ชะมัด ทำเป็นอ้างว่ามาเยี่ยมครอบครัว ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้วนางหวังอะไร" องค์ชายรองชี้ว่านางมีเจตนาดีเพราะเป็นวันเกิดครบรอบ 40 ปีของพระมารดา เยี่ยนเยี่ยนแย้งว่านางอิจฉาต่างหาก ครั้นองค์ชายรองพาเยี่ยนเยี่ยนไปต้อนรับ "ชิวหวา" และเสวียนจู (ลูกสาวชิวหวา) ทั้งสองฝ่ายแสร้งทักทายอย่างสนิทสนมและต่างเยินยอกัน เมื่อชิวหวากล่าวชมรูปโฉมของเยี่ยนเยี่ยน เยี่ยนเยี่ยนจึงแย้งว่าเสวียนจู (ญาติผู้พี่) สวยกว่าตนอีก สมแล้วที่เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในแดนจงซาน (ดินแดนหนึ่งของต้าหลี) ชิวหวาออกตัวว่าลูกสาวเสี่ยวจูโหว*จะเทียบตี้หนี่ว์แห่งต้าหลีได้อย่างไร เยี่ยนเยี่ยนรู้ว่าเสวียนจูเพิ่งฝากตัวเป็นศิษย์ต้าเซียนที่กล้าแกร่งจึงอยากให้เสวียนจูอวดฝีมือ เสวียนจูปฏิเสธทันควันเพราะไม่ต้องการเปิดเผยว่าอาจารย์ตนเป็นใคร หลังพูดเหน็บแนมกันไปมาเยี่ยนเยี่ยนจึงตัดบทด้วยการขอตัวไปทำงานตามที่อาจารย์มอบหมาย 

* "จูโหว" คือ เจ้าครองแว่นแคว้นหรือดินแดน (เป็นดินแดนที่ฮ่องเต้แบ่งให้เชื้อพระวงศ์ปกครองแต่ยังคงอยู่ใต้อาณัฐ) ส่วน "เสี่ยวจูโหว" คือเจ้าครองดินแดนที่มีสถานะเป็นรอง หรือมีความสำคัญน้อยกว่า



เสวียนจูจำใจเดินไปส่งเยี่ยนเยี่ยนตามที่มารดาบอก เยี่ยนเยี่ยนแกล้งยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เสวียนจูเช็ดเหงื่อ ครั้นเห็นตัวอักษรที่ปักบนผ้าเสวียนจูจึงรีบคว้าไว้ แต่เยี่ยนเยี่ยนไม่ยอมปล่อยมือซ้ำยังโวยว่าเสวียนจูต้องการชิงทุกสิ่งที่เป็นของตน ขณะที่สองสาวกำลังยื้อแย่งผ้าเช็ดหน้า "จั๋วจื่อเฉิน" ก็มาพบเข้าพอดี เสวียนจูรีบปล่อยมือจากผ้าเช็ดหน้า เยี่ยนเยี่ยนเห็นจื่อเฉินมาพบสองแม่ลูกทั้งๆ ที่พวกเธอเพิ่งมาถึง จึงรู้สึกไม่พอใจ (ผิดกับเสวียนจูที่เขินอาย) จื่อเฉินรีบอธิบายว่าบิดาตนล้มป่วยเลยไหว้วานให้ตนมาพบชิวหวาฟูเหริน (ชิวหวาเป็นชายารองของจูโหว) และท่านหญิงเสวียนจู เยี่ยนเยี่ยนได้ยินดังนั้นก็โล่งใจและเปิดทางให้เขา ครั้นจื่อเฉินเดินจากไปแล้วเสวียนจูก็ยิ่งไม่พอใจเยี่ยนเยี่ยน


หลังได้รับรายงาน "เป่าอันตี้" (ฮ่องเต้ต้าหลี) กล่าวกับพระมเหสีด้วยสีหน้าเป็นกังวลว่า เทียนหยวนยึดครองสามอาณาจักรเพื่อนบ้านของต้าหลีแล้ว อีกไม่นานคงยกทัพมาโจมตีต้าหลีเช่นกัน พระองค์รู้ว่าอาณาจักรเทียนหยวนบูชาจิตวิญญาณปีศาจและใช้มนตร์คาถาจึงเป็นห่วงทหารที่ประจำอยู่ชายแดน พระมเหสีแนะว่า  "เสนาซ้าย" (บิดาของจื่อเฉิน) กับซู่เซียนซานมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ไม่แน่ว่าเขาอาจมีวิธีรับมือ ฮ่องเต้กล่าวว่าเมื่อวานนี้อยู่ๆ เสนาซ้ายก็ส่งหนังสือมาแจ้งว่าเขาทั้งชราและอ่อนแอ มิหนำซ้ำโรคเก่ายังกำเริบจึงไม่อาจทำงานได้อีกต่อไป ฮ่องเต้รู้ว่าเสนาซ้ายต้องการวางมือจากราชสำนักจึงคิดที่จะไปพบเสนาซ้ายเป็นการส่วนตัวที่บ้านในวันรุ่งขึ้นเพื่อยับยั้งความคิดดังกล่าว พระองค์ไม่รู้ว่าในเวลาเดียวกันนั้น เสนาซ้าย (ซึ่งไม่ได้อ่อนแอและล้มป่วย) กำลังทำพิธีบูชาจิตวิญญาณปีศาจอย่างลับๆ

วันรุ่งขึ้น ฮ่องเต้ต้าหลีเดินทางไปที่บ้านเสนาซ้ายพร้อมองค์ชายรองและเยี่ยนเยี่ยน (ทั้งหมดปลอมตัวเป็นสามัญชน โดยเยี่ยนเยี่ยนได้ปลอมตัวเป็นบุรุษ) ขณะอยู่บนเกี้ยวองค์ชายรองมอบโน้ตเพลง "ดอกท้อต้องลมบูรพา" ที่คุณชายฉีแต่งเสร็จสมบูรณ์แล้วให้เยี่ยนเยี่ยน พลางบอกว่าถ้าทำไม่ได้อย่างที่พูดตนคงช่วยอะไรไม่ได้ ตนอ้อนวอนแทบตายกว่าคุณชายฉีจะยอมแต่งจนจบเพลง หากเยี่ยนเยี่ยนสามารถบรรเลงและร่ายรำเพลงนี้ คุณชายฉีจะวาดรูปให้เยี่ยนเยี่ยนอย่างสุดฝีมือ แต่ถ้าทำไม่ได้เขาจะบอกทุกคนในใต้หล้าว่าเยี่ยนเยี่ยนไม่เจียมตัว หลังพบว่าโน้ตเพลงยากเกินไป เยี่ยนเยี่ยนจึงไปขอคำแนะนำจากจื่อเฉินซึ่งรอบรู้สารพัดวิชา โดยอ้างว่านำโน้ตเพลงมาทดสอบความสามารถของจื่อเฉิน จื่อเฉินถึงกับเอ่ยปากว่าเพลงนี้ผู้ประพันธ์ต้องเก่งระดับปรมาจารย์ เขาไม่เคยเห็นบทเพลงที่มีท่วงทำนองซับซ้อนเช่นนี้มาก่อน เยี่ยนเยี่ยนโกหกว่าตนได้โน้ตเพลงนี้มาจากในวัง จื่อเฉินได้ยินดังนั้นก็ไม่แปลกใจเพราะผลงานระดับนี้คงหาดูได้แค่ในวังและสำนักเซียน



เยี่ยนเยี่ยนชี้ไปที่โน้ตเพลงท่อนหนึ่ง แล้วอ้างว่าเธอไม่รู้จะบรรเลงเพลงท่อนนี้ด้วยผีผาอย่างไรดี จื่อเฉินดูออกว่าผู้ประพันธ์เพลงนี้มีความสามารถเป็นเลิศแต่ซ่อนความหลักแหลมเอาไว้ เขาจึงแนะให้เยี่ยนเยี่ยนบรรเลงย้อนกลับ ก่อนเปรยว่าเพลงนี้มีกลิ่นอายของการเข่นฆ่ารุนแรง ทั้งผู้ฟังและผู้แสดงจะต่างพากันโศกเศร้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งครึ่งเพลงหลังที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเลือดและความตาย (เพลงนี้มีที่มาจากภาพวาดตอนต้นเรื่องซึ่งเป็นชะตาชีวิตของเยี่ยนเยี่ยน) เยี่ยนเยี่ยนได้ยินดังนั้นก็ตกใจเพราะเธอตั้งใจว่าจะแสดงเพลงนี้ในงานวันเกิดของพระมารดา จื่อเฉินไม่อยากให้เยี่ยนเยี่ยนเสียความตั้งใจเลยช่วยแก้ไขทำนองเพลงให้ เยี่ยนเยี่ยนนั่งฟังจื่อเฉินบรรเลงเพลงแล้วถึงกับเคลิ้ม ในสายตาเธอแล้วจื่อเฉินต่างหากที่เป็นนักดนตรีอันดับหนึ่งในใต้หล้า (ทั้งคู่ต่างมีใจให้กัน) จื่อเฉินมองว่าดนตรีมีไว้เพื่อความรื่นรมย์จะมีหนึ่งมีสองได้อย่างไร หลังจื่อเฉินบรรเลงเพลงจบเยี่ยนเยี่ยนก็มอบปิ่นหยกให้เขาก่อนกลับวัง


หลังฮ่องเต้กลับไปแล้วเสนาซ้ายได้แวะมาหาจื่อเฉินที่ห้อง จื่อเฉินรู้ว่าฮ่องเต้มาขอร้องบิดาให้กลับไปทำงานรับใช้ราชสำนักจึงถามบิดาว่าได้รับปากฮ่องเต้หรือไม่  เสนาซ้ายไม่ตอบ เขาบอกให้จื่อเฉินไปร่วมงานวันประสูติของพระมเหสีแทนตน โดยอ้างว่าตนกำลังป่วยจึงไม่สะดวกไปร่วมงาน จื่อเฉินไม่เห็นด้วยที่บิดาจะทิ้งฮ่องเต้และราชสำนักในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน (สถานการณ์ชายแดนไม่สู้ดี) มิหนำซ้ำฮ่องเต้ยังอุตส่าห์มาขอร้องด้วยตนเอง ครั้นบิดาตำหนิด้วยความโกรธจื่อเฉินจึงได้แต่ขอโทษและสงบปากสงบคำ



เยี่ยนเยี่ยนกลับตำหนักอย่างอารมณ์ดี เธอฝันเฟื่องเรื่องความรักกับสาวใช้คนสนิทที่ชื่อ "อาหม่าน" และสงสัยว่าจื่อเฉินจะแต่งงานกับตนไหม อาหม่านมั่นใจว่าสักวันเยี่ยนเยี่ยนกับจื่อเฉินจะต้องแต่งงานกันอย่างแน่นอน เยี่ยนเยี่ยนนึกถึงคุณชายฉีแล้วลั่นวาจาว่า เธอจะไม่เพียงพิสูจน์ว่าตนร่ายรำเพลงที่เขาแต่งได้ แต่จะพิสูจน์ให้เห็นด้วยว่าจื่อเฉินมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีมากกว่าเขา คืนนั้นจิ่วอวิ๋น (หรือคุณชายฉีในแดนมนุษย์) แอบมาหาเยี่ยนเยี่ยนที่ห้องกลางดึก เขายืนมองเธอครู่หนึ่งจากนั้นจึงเสกจดหมายน้อยใส่มือเธอ เนื้อความในจดหมายกล่าวว่าเยี่ยนเยี่ยนเกิดเป็นหญิงแต่กลับแต่งตัวเป็นชาย ช่างดูไม่จืดเอาเสียเลย (เขาจับตาดูเธอตลอดถึงได้รู้ว่าเธอปลอมตัวเป็นชายตอนไปบ้านจื่อเฉิน) จากนั้นก็เตือนว่าอย่าลืมสัญญาเรื่องร่ายรำ เยี่ยนเยี่ยนรู้ว่าชายหนุ่มเพิ่งออกจากตำหนักตนจึงรีบมองหาและตะโกนไล่หลังว่าเธอจะต้องชนะอย่างแน่นอน 



ขณะที่ในวังกำลังจัดเตรียมงานฉลองวันประสูติของพระมเหสี เสนาซ้ายซึ่งอยู่ในห้องบูชาปีศาจแอบใช้เวทมนตร์ส่งแผนที่ต้าหลีให้ศัตรูของบ้านเมืองอย่าง "ลี่เยวียน" (องค์ชายใหญ่แห่งอาณาจักรเทียนหยวน ซึ่งอยู่หน้าแท่นบูชาปีศาจเช่นกัน) ครั้นได้แผนที่แล้วลี่เยวียนจึงเตรียมเคลื่อนทัพบุกโจมตีและยึดราชธานีของต้าหลี อีกด้านหนึ่ง จิ่วอวิ๋นกับซานจวินได้สวมรอยเป็นขุนนางแล้วเข้าไปร่วมงานเฉลิมฉลองในวัง หลังโดนปรามาสว่า 'ดูไม่จืด' เยี่ยนเยี่ยนจึงจัดเต็มทั้งเสื้อผ้าหน้าผมก่อนออกมาบรรเลงผีผาและร่ายรำ การแสดงของเยี่ยนเยี่ยนเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของเหล่าผู้ชม (รวมทั้งจิ่วอวิ๋น) ซานจวินถึงกับเอ่ยปากชมและบอกจิ่วอวิ๋นว่าเขาแพ้เธอราบคาบ ครั้นถึงครึ่งเพลงหลังซึ่งมีการแก้ไขท่วงทำนอง จิ่วอวิ๋นรู้สึกโกรธที่เยี่ยนเยี่ยนถือวิสาสะแก้ไขผลงานตน ซานจวินเห็นจิ่วอวิ๋นทำท่าเหมือนจะลุกไปโวยเลยพยายามเตือนให้เขาทำใจร่มๆ ด้วยเกรงว่าฐานะพวกตนจะเปิดเผย หลังทนดูจนจบจิ่วอวิ๋นคิดจะดื่มสุราแก้กลุ้มแต่แล้วก็วางแก้วและเดินออกจากงานอย่างหงุดหงิด ซานจวินเลยต้องรีบตามไปด้วยความเสียดาย (ยังไม่ได้ทานอาหารที่เพิ่งถูกยกมาวางตรงหน้า) 



ซานจวินพยายามเตือนสติจิ่วอวิ๋นโดยบอกให้ปล่อยวางทั้งในเรื่องทิฐิและความรัก เขาหยิบยกเรื่องที่ตนเคยรักสตรีนางหนึ่งในแดนมนุษย์ (แต่เธอมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่ก่อนแล้ว) มากล่าวอ้าง โดยบอกว่าตอนนั้นจิ่วอวิ๋นพยายามห้ามตนและเป็นคนพูดเองว่า สามโลกแตกต่าง มนุษย์อยู่ส่วนมนุษย์ เซียนอยู่ส่วนเซียน ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน แล้วเหตุใดตอนนี้จิ่วอวิ๋นถึงตบะแตกเพราะสาวน้อยที่โง่เขลาทั้งๆ ที่สู้อุตส่าห์บำเพ็ญตนมานานนับหมื่นปี จิ่วอวิ๋นอ้างว่าตนก็แค่ไม่ชอบสุราที่นี่ ซานจวินเลยชวนจิ่วอวิ๋นไปร่ำสุราที่อื่น ศิษย์พี่ของซานจวิน (อาจารย์ของเยี่ยนเยี่ยน) มาดักรอจิ่วอวิ๋นที่หน้างานเลี้ยง เขาขอให้จิ่วอวิ๋นหยุดเพียงเท่านี้เพราะ 'ตี้หนี่ว์' (เยี่ยนเยี่ยน) ยังเยาว์วัย เขากล่าวว่าจิ่วอวิ๋นเป็นซ่างเซียนจึงควรอยู่ในแดนเซียน ไม่ควรแทรกแซงโลกมนุษย์ และขออย่าได้ใช้เล่ห์กลต่างๆ  เพราะชะตาชีวิตของตี้หนี่ว์ได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว จิ่วอวิ๋นควรปล่อยให้ชีวิตเธอเป็นไปตามชะตาฟ้าลิขิต หากละเมิดกฎสวรรค์ตัวจิ่วอวิ๋นเองก็ยากที่จะหลีกหนีเคราะห์กรรม จิ่วอวิ๋นฟังแล้วได้แต่ยิ้มและส่ายหัว ถึงกระนั้นเขาก็ฝากภาพวาดไปให้เยี่ยนเยี่ยนและรับปากว่านับจากนี้ตนจะไม่เข้าไปวุ่นวายกับเธออีก 

 


คืนเดียวกันนั้น ลี่เยวียนและเหล่าสมุนได้ลอบสังหารทหารที่ประจำอยู่ตามป้อมต่างๆ รอบเมืองหลวงของต้าหลี จากนั้นจึงเตรียมบุกโจมตีเมืองหลวงทันที เช้าวันรุ่งขึ้นเยี่ยนเยี่ยนได้รับภาพวาดพร้อมจดหมายของจิ่วอวิ๋น ครั้นเห็นภาพวาดเยี่ยนเยี่ยนก็รู้สึกพึงพอใจ เธอจึงตั้งใจว่าจะลอบออกนอกวังตามลำพังเพื่อนำภาพดังกล่าวไปให้จื่อเฉิน ในเวลาเดียวกันนั้นเสนาซ้าย (ซึ่งแกล้งป่วยต่อหน้าลูก) ได้ไหว้วานให้จื่อเฉินไปสวดมนต์ขอพรที่วัดแทนตน หลังส่งจื่อเฉินขึ้นรถม้าเขาก็สั่งให้สมุนปิดประตูและลั่นดานให้แน่นหนาทันที เยี่ยนเยี่ยนปลอมตัวเป็นผู้ชายแล้วลอบออกจากวังตามลำพัง เธอมุ่งหน้าไปที่บ้านจื่อเฉินและเดินสวนกับรถม้าโดยไม่รู้ว่าคนที่นั่งอยู่ภายในคือจื่อเฉิน 



เสนาซ้ายร่ายมนตร์เรียกทหารปีศาจของอาณาจักรเทียนหยวนมาช่วยงานใหญ่ เมื่อเยี่ยนเยี่ยนมาถึงบ้านจื่อเฉินแล้วพบว่าประตูบ้านปิดแน่นหนา เธอจึงคิดที่จะปีนกำแพงเข้าไป จิ่วอวิ๋นกับซานจวินคอยจับตาดูเยี่ยนเยี่ยนอยู่ห่างๆ ซานจวินไม่อยากเชื่อว่าเยี่ยนเยี่ยนคือสตรีในภาพวาดเพราะเธอมีวาสนาได้เกิดมาเป็นราชนิกูล ผิดกับสตรีที่อยู่ในภาพวาดของจิ่วอวิ๋นซึ่งอับโชคยิ่งนัก เขาเตือนจิ่วอวิ๋นว่าอย่าแทรกแซงแดนมนุษย์และให้ตัดใจจากเยี่ยนเยี่ยน แต่ทว่าตัวเองเพิ่งโดนคนรักของนางในดวงใจ (หญิงสาวในโลกมนุษย์) ทำร้ายร่างกายมาหมาดๆ (รอบดวงตาข้างหนึ่งของซานจวินมีรอยช้ำคล้ายโดนต่อย) ซานจวินอ้างว่าตนแค่ไม่อยากใช้อิทธิฤทธิ์เซียนในแดนมนุษย์เลยต่อสู้กันอย่างยุติธรรม ไม่เหมือนจิ่วอวิ๋นที่เดิมพันกับมนุษย์แล้วยังพ่ายแพ้ จิ่วอวิ๋นแย้งว่าคนที่แพ้คือ 'คุณชายฉี' ไม่ใช่ 'ฟู่จิ่วอวิ๋น' ซานจวินเลยสวนกลับว่าเลิกหลอกตัวเองได้แล้ว เยี่ยนเยี่ยนพยายามปีนกำแพงเข้าไปในบ้านของจื่อเฉิน แต่ยังไม่ทันข้ามพ้นรั้วเธอก็เห็นกับตาว่าเสนาซ้าย (ซึ่งสวมเสื้อเกราะและไม่ได้ป่วยจริง) กำลังเดินออกจากห้องพร้อมทหารปีศาจของอาณาจักรเทียนหยวน

*** จบตอนที่หนึ่ง ***

* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่





รายชื่อนักแสดง


นักแสดงนำ

 

เจิ้งเย่เฉิง
รับบท ฟู่จิ่วอวิ๋น / คุณชายฉี
(นักแสดง ชาวจีน)


 

จ้าวลู่ซือ
รับบท ฉินชวน / อาหม่าน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

เจี่ยงอีอี
รับบท ตี้หนี่ว์ (เยี่ยนเยี่ยน)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หวังเหมิงหลี
รับบท เสวียนจู
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลิวอี๋ถง
รับบท จั๋วจื่อเฉิน
(นักแสดง ชาวจีน)

อื่นๆ

 

ไต้อวิ๋นฟาน
รับบท ลี่เยวียน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

เหมาฟางหยวน
รับบท เอ้อร์เหมิง / ถิงเยวียน
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)


 

หวังชุนหยวน
รับบท เซียงฉวี่ซานจู่ (เจ้าแห่งเขาเซียงฉวี่) 
(นักแสดง ชาวจีน)


 

จางซิงเจ๋อ
รับบท เสนาซ้าย / ก้วนเหรินซ่างเซียน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลี่ลู่ฉี
รับบท เหมยซานจวิน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลี่หมิงจวิ้น
รับบท ไป๋จิ้งจื่อ
(นักแสดง ชาวจีน)


 

สวีเมิ่งหยวน
รับบท ชุ่ยยา
(นักแสดง ชาวจีน)



รวมคลิปตัวอย่าง



รวมคลิปเบื้องหลัง


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา