วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2563

เรื่องย่อ แต่งงานไหม หากใจตรงกัน (Marry Me, or Not?)




กำกับ: อวี๋จงจง
เขียนบท: เจี่ยนฉีเฟิง, หลินซินฮุ่ย
แนวละคร: โรแมนติก, คอมเมดี้
จำนวนตอน: 15 (ตอนละ 90 นาที รวมโฆษณา)
ออกอากาศ: ไต้หวัน - 1 พฤศจิกายน 2558 - 14 กุมภาพันธ์ 2559 ทางซีทีวี 
                       ไทย - ทุกวันจันทร์ – พุธ เวลา 23.00 น. ทางช่อง 9 MCOT HD (หมายเลข 30) ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 - 30 ธันวาคม 2563





เรื่องย่อ



ละคร "แต่งงานไหม หากใจตรงกัน" (Marry Me, or Not?) นำเสนอเรื่องราวของสาวแสบวัย 28 ปี "ไช่หวนเจิน" ซึ่งพร้อมทำทุกสิ่งเพื่อให้ตนเองบรรลุเป้าหมายโดยไม่สนว่าคนอื่นจะได้รับผลกระทบหรือรู้สึกเช่นไร สำหรับวงการท่องเที่ยวแล้ว หวนเจินคือนักขายและนักพีอาร์ตัวแม่ แต่ในสายตาคู่แข่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงด้วยกันแล้ว เธอคือ...นางมารร้าย! 

หวนเจิน และ "ห่าวเซิ่งหนาน" เป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดที่ผิดใจกันเรื่องผู้ชายตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นนักเรียน ทุกวันนี้ทั้งคู่ต่างยังคงเคียดแค้นและพยายามเอาชนะซึ่งกันและกันทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน แม้หวนเจินจะเป็นจอมวางแผน ทั้งยังมั่นหน้า ปากคอเราะร้าย และไม่เห็นหัวใคร แต่อีกด้านหนึ่งเธอเป็นผู้หญิงโรแมนติกที่ต้องการรักแท้จากผู้ชายทุกคนที่คบหา ครั้นถูกเซิ่งหนานกลั่นแกล้งจนงานแต่งล่ม หวนเจินเลยเอาคืนด้วยการแย่งคนรักของเซิ่งหนาน โดยหารู้ไม่ว่าคนที่เธอคว้ามานั้นไม่ใช่แฟนแต่เป็นพี่ชายแท้ๆ ของคู่ปรับตัวยง

เนื้อหาตอนที่หนึ่ง


ละครเปิดฉากด้วยศึกชิงลูกค้าระหว่าง "ไช่หวนเจิน" กับ "ห่าวเซิ่งหนาน" ซึ่งต่างทำงานในธุรกิจท่องเที่ยว ขณะที่เซิ่งหนานพยายามปิดดีลกรุ๊ปทัวร์ท่องเที่ยวญี่ปุ่นสำหรับพนักงานบริษัท อยู่ๆ หวนเจินก็ถือวิสาสะเข้ามาหาลูกค้าของเซิ่งหนานถึงในห้องประชุมโดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า ทั้งยังให้ข้อเสนอที่ดีกว่าทำให้ลูกค้าเซิ่งหนานชักเริ่มไขว้เขว เซิ่งหนานโกรธมากแต่ทำได้เพียงด่าหวนเจินลับหลังว่า "ปี้ฉวี่" (bitch)

หวนเจินไม่สนแม้ถูกคนด่าลับหลังว่าเป็น "นางมารร้าย" สำหรับเธอแล้วสงครามระหว่างผู้หญิงไม่มีคำว่าอ่อนข้อ หากมีเพียงผู้แพ้และผู้ชนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความรักซึ่งเธอมองว่าไม่ต่างจากการแย่งซื้อกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดที่เหลือเพียงหนึ่งใบ ถ้าอยากได้รักแท้มาครองแล้วมัวรอให้เทพอุ้มสมคงได้แต่นอนแห้ว เพราะศึกนี้เค้าวัดกันที่ความร้ายกาจและมารยาหญิงดังคำกล่าวที่ว่า "หญิงไม่ร้าย ชายไม่รัก" ด้วยเหตุนี้ในโลกของผู้หญิงนางมารร้ายจึงเป็นฝ่ายชนะเสมอ หากร้ายแล้วเป็นผู้ชนะหวนเจินยินดีเป็นนางมารร้ายในสายตาทุกคน สิ่งเดียวที่เธอยึดถือคือความเชื่อที่ว่า โลกนี้ไม่มีความสุขใดได้มาโดยไม่ต้องไขว่คว้า และรักแท้ที่เกิดจากชะตาฟ้าลิขิตไม่มีอยู่จริง ทุกคนต้องลงมือไขว่คว้าหาความสุขด้วยตนเอง



เรื่องราววุ่นๆ เริ่มต้นขึ้นในวันเลี้ยงรุ่น ขณะที่หวนเจินกำลังจะขึ้นลิฟต์ไปยังร้านอาหารในโรงแรม แม่ของเธอโทรฯ มาตัดพ้อเรื่องที่เธอยืนกรานว่าจะแต่งงานกับ 'ผู้ชายคนนั้น' แทนที่จะเปิดใจให้ผู้ชายที่ตนแนะนำ ซึ่งเป็นทนายชื่อดังค่าตัวแพงและมีคุณสมบัติเพียบพร้อม หวนเจินยังไม่ทันอธิบายก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในลิฟต์ เขาคือ "ห่าวเหมิง" พี่ชายของเซิ่งหนาน ซึ่งเป็นทนายความที่เชี่ยวชาญเรื่องการหย่าร้าง และในตอนนั้นห่าวเหมิงเองก็กำลังคุยโทรศัพท์เช่นกัน (แม่เขาโทรฯ มาเตือนเรื่องทานอาหารค่ำ (ดูตัว) กับหญิงสาวคนหนึ่ง) ขณะที่ลิฟต์กำลังจะปิดทั้งคู่ต่างบอกแม่ให้เลิกบังคับตน หวนเจินบอกแม่ว่าเธอเกลียดทนายที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทนายที่ไม่ขึ้นศาลและรับทำแต่เรื่องหย่าร้าง (ในที่นี้หมายถึงการหย่าร้างที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันเองโดยไม่ฟ้องร้อง แต่ต่างฝ่ายต่างจ้างทนายเพื่อเป็นตัวกลางในการทำข้อตกลง ซึ่งทนายที่ว่าจะเน้นต่อสู้เพื่อให้ลูกความของตนได้ 'ทุกสิ่ง' ตามที่ต้องการ แต่ค่าตัวจะสูงมากและคิดเป็นรายชั่วโมง)

ห่าวเหมิงได้ยินแล้วแอบมีเคือง เขาถามแม่ว่าผู้หญิงที่แม่แนะนำทำงานอะไร พอรู้ว่าเป็นผู้จัดการฝ่ายขายเขาก็ไม่ปลื้ม เขาบอกแม่ว่าเมื่อไม่นานมานี้ตนเพิ่งทำเรื่องหย่าร้างให้ลูกความที่เป็นผู้จัดการฝ่ายขาย ลูกความคนที่ว่าต้องการฮุบทุกสิ่งที่เป็นของอดีตสามีโดยไม่เว้นแม้กระทั่งสุนัข ใครแต่งงานกับผู้หญิงประเภทนี้นับว่าโชคร้ายสุดๆ หวนเจิน (ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขายที่บริษัททัวร์) ได้ยินแล้วรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า เธอเลยแย้งแม่เสียงดังลั่นลิฟต์ว่า แต่งงานกับทนายที่ทำเรื่องหย่าร้างโชคร้ายกว่าอีก เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาได้มาจากการทำลายความสุขและทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก คนประเภทนี้ต้องได้รับกรรมสักวัน อย่าข้องแวะด้วยเป็นดีที่สุด ห่าวเหมิงได้ยินแล้วเจ็บจี๊ดเลยเหน็บกลับ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็พูดกระทบกันไปมาอย่างดุเดือด เมื่อลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นสิบทั้งคู่จึงต่างวางสายแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หวนเจินเดินออกจากลิฟต์เชิดๆ แบบผู้ชนะหลังห่าวเหมิงหลีกทางให้เธอออกจากลิฟต์ก่อน ขณะที่ห่าวเหมิงได้แต่ยืนงง



ครั้นหวนเจินได้พบเพื่อนเก่า เธอก็วิจารณ์เสื้อผ้า หน้าผม ฯลฯ ของทุกคนโดยไม่ไว้หน้า (เธอมั่นใจว่าตนเองเริ่ดกว่าใคร เพราะลงทุนกับการทำสวยและซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมไปไม่น้อย) แต่แล้วเซิ่งหนานกลับแต่งตัวเหมือนเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าโดยบังเอิญ หวนเจินเหน็บเซิ่งหนานว่าสงสัยมีแฟนเลยแต่งตัวสวย แม้เซิ่งหนานจะปฏิเสธแต่หวนเจินตั้งข้อสังเกตว่าปกติแล้วเซิ่งหนานมักแต่งตัวแบบทะมัดทะแมง วันนี้กลับแต่งหน้า สวมเดรส และใส่รองเท้าส้นสูง แสดงว่าแอบส่องเฟสบุ๊คตนแล้วแต่งตัวเลียนแบบ เซิ่งหนานไม่อยากทำลายบรรยากาศมากไปกว่านี้เลยได้แต่เก็บความเคียดแค้นเอาไว้ในใจ  "เสี่ยวไต้" รู้ว่าเซิ่งหนานได้เลื่อนตำแหน่งเป็น 'ผู้ช่วยผู้จัดการ' ประจำเส้นทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นของบริษัททัวร์ฝูหลี่ จึงประกาศให้ทุกคนรู้ ก่อนตัดพ้อว่าเซิ่งหนานไม่ยอมบอกข่าวดีและไม่เลี้ยงฉลอง เซิ่งหนานออกตัวว่าแค่เรื่องเล็กน้อย และบอกเพื่อนๆ ว่าถ้าจะไปเที่ยวเมืองนอกเมื่อไหร่ให้บอกตน 

หวนเจินบอกเสี่ยวไต้ว่า เซิ่งหนานใช้เวลา (ตั้ง) ห้าปีถึงได้เลื่อนเป็นผู้ช่วยผู้จัดการจึงควรเป็นเจ้าภาพมื้อนี้ จากนั้นก็ชี้ว่าเซิ่งหนานมีหน้าที่จัดเส้นทางและนำเที่ยว การไปหาเซิ่งหนานจึงไม่ช่วยประหยัดงบเที่ยวแต่อย่างใด ถ้าอยากได้ส่วนลดต้องคุยกับคนที่ดูแลผลประโยชน์ให้บริษัททัวร์อย่างตน พูดจบหวนเจินก็ยื่นนามบัตรให้เสี่ยวไต้ ครั้นรู้ว่าหวนเจินเป็น 'ผู้จัดการฝ่ายขาย' ของบริษัททัวร์หลงเสียง ทุกคนก็รู้สึกยินดี หวนเจินส่งสายตาเย้ยเซิ่งหนานก่อนออกตัวว่าตนกับเซิ่งหนานอยู่คนละบริษัทจึงไม่มีใครสูงกว่าใคร หลังจากนั้นหวนเจินก็แกล้งยื่นมือมาหยิบกระดาษเช็ดปากหมายอวดแหวนเพชรที่นิ้วนาง ทุกคนเห็นแหวนแล้วถึงกับอ้าปากค้าง ครั้นรู้ว่าหวนเจินกำลังจะแต่งงานทุกคนจึงพากันตื่นเต้น คงมีเพียงเซิ่งหนานที่ไม่สบอารมณ์เพราะถูกหวนเจินขโมยซีน 




บังเอิญว่าตอนนั้นห่าวเหมิงกำลังคุยงานกับลูกความที่ร้านอาหารเดียวกัน หลังห่าวเหมิงช่วยเรียกร้องทุกสิ่งที่ต้องการจากอดีตสามีได้สำเร็จ "หยางเหม่ยหลิง"  (ซึ่งขอหย่าทั้งที่เป็นฝ่ายนอกใจ)  จึงเซ็นเช็คเงินสดให้ห่าวเหมิงใหม่โดยใส่จำนวนเงินเพิ่มเป็นเท่าตัว (จาก 5 แสนเป็นหนึ่งล้าน) แล้วยื่นให้พร้อมคีย์การ์ด หวังหารือกันอย่างแนบแน่นเป็นการส่วนตัวอีก 10 ชั่วโมง (ห่าวเหมิงคิดค่าปรึกษากฎหมายเป็นรายชั่วโมง) ห่าวเหมิงเห็นท่าไม่ดีเลยหาทางชิ่งหนี ครั้นหันไปเห็นเซิ่งหนาน ห่าวเหมิงเลยลากตัวเธอมาแนะนำให้ลูกความรู้จักโดยโกหกว่าเป็นคู่หมั้นตน เพื่อนของเซิ่งหนาน (รวมทั้งหวนเจิน) เห็นดังนั้นเลยพลอยเข้าใจผิดคิดว่าห่าวเหมิงเป็นแฟนเซิ่งหนาน เหม่ยหลิงรู้สึกเสียหน้าเลยมอบเช็คให้ห่าวเหมิงแล้วลุกหนีทันที ห่าวเหมิงเรียกเธอแล้วบอกว่าคราวหน้าถ้าจะหย่าอีกครั้งอย่าลืมโทรฯ หาตน

เซิ่งหนานสบโอกาสเอาคืนหวนเจินเลยพาห่าวเหมิงไปแนะนำให้ทุกคนรู้จักโดยโกหกว่าเป็นแฟนตน หวนเจินเปรยว่าที่แท้เซิ่งหนานก็มีแฟนแล้วจริงๆ และตั้งข้อสังเกตว่าเซิ่งหนานคงวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะใช้งานวันนี้เปิดตัวแฟนหนุ่ม เธอเลยบอกทุกคนว่าอย่าพาแฟนมาด้วย เซิ่งหนานอ้างว่าตนพยายามห้ามแล้วแต่แฟนเป็นห่วงและอยากรู้จักทุกคนเลยถือวิสาสะตามมา เขารู้สึกผิดที่มาโดยไม่ได้รับเชิญเลยขอเป็นเจ้าภาพมื้อนี้ ครั้นโดนมัดมือชกห่าวเหมิงจำต้องตกกระไดพลอยโจน หลังเป็นฝ่ายโดนเย้ยหวนเจินก็พยายามระงับอารมณ์และทำเหมือนไม่แคร์



ขณะเดินทางกลับบ้าน ห่าวเหมิงเห็นน้องสาวมีความสุขที่ได้เอาคืนหวนเจินจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมสองสาวถึงได้กลายเป็นศัตรูคู่แค้น ทั้งที่เมื่อก่อนเคยเป็นเพื่อนรักกัน เซิ่งหนานกล่าวว่าเมื่อก่อนเธอมันโง่ที่มองไม่เห็นธาตุแท้ของหวนเจิน.... ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน เซิ่งหนานเคยแอบชอบรุ่นพี่ที่ชื่อ "เจียงเฉียนเย่ว" แต่หวนเจินไม่ส่งเสริมและพยายามยุให้เธอเลิกชอบเขา โดยให้เหตุผลว่าเฉียนเย่วนิสัยไม่ดีและคบผู้หญิงไม่เลิกหน้า ถึงกระนั้นเซิ่งหนานก็ไม่อาจตัดใจจากเขา วันหนึ่งเธอรวบรวมความกล้าเพื่อที่จะสารภาพความในใจกับเขา แต่แล้วเธอกลับเห็นภาพบาดตาบาดใจระหว่างเฉียนเย่วกับหวนเจิน นับจากวันนั้นความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนระหว่างเซิ่งหนานกับหวนเจินก็ขาดสะบั้นลงโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่เคยเคลียร์ใจกัน (เซิ่งหนานไม่ยอมฟังคำอธิบาย)

ห่าวเหมิงแย้งว่าในตอนนั้นเซิ่งหนานกับเฉียนเย่วไม่ได้คบหากันด้วยซ้ำ หวนเจินจึงไม่ได้แย่งแฟนใคร เซิ่งหนานชี้ว่าประเด็นคือ หวนเจินเห็นผู้ชายสำคัญกว่าเพื่อน ซ้ำยังไม่เคยสำนึกผิด หวนเจินแย่งผู้ชายที่เพื่อนชอบ นอกจากจะไม่รู้สึกผิดแล้วยังเห็นตนเป็นศัตรูคู่แข่งที่ต้องเอาชนะไปเสียทุกเรื่อง และจ้องแย่งชิงทุกอย่างไปจากตน เมื่อก่อนเคยเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็เป็นเช่นนั้น ห่าวเหมิงไม่อยากเชื่อว่าสองสาวจะเคียดแค้นกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องนานขนาดนี้ เซิ่งหนานชี้ว่าสำหรับผู้หญิงแล้วการถูกเพื่อนหักหลังเป็นความเจ็บปวดที่ไม่มีทางจางหายตราบจนวันตาย (เซิ่งหนานไม่รู้ว่าลึกๆ แล้วหวนเจินเองก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน)


เมื่อสองพี่น้องกลับมาถึงบ้านก็รู้สึกเหนื่อยใจ เพราะพ่อกับแม่ทำท่าว่าจะหย่าและไม่ยอมพูดคุยกันอีกตามเคย "เซี่ยอวี่เหอ" (แม่ของห่าวเหมิงกับเซิ่งหนาน) ตำหนิห่าวเหมิงปล่อยให้ตนและฝ่ายหญิงรอเก้อ (อวี่เหอพยายามหาคู่ให้ห่าวเหมิง แต่ห่าวเหมิงไม่คิดที่จะแต่งงาน) ครั้นเห็นว่าพ่อกับแม่มัวแต่ตั้งแง่กันเหมือนเด็กๆ (พ่อไม่ยอมพูดกับแม่ตรงๆ แต่ใช้วิธีเขียนลงกระดาษ หรือส่งข้อความผ่านมือถือเซิ่งหนาน ขณะที่แม่ก็คุยกับพ่อผ่านเซิ่งหนานเช่นกัน) ห่าวเหมิงเลยโวยอย่างเหลืออดว่าเมื่อไหร่พ่อกับแม่จะเลิกทะเลาะกันเสียที "ห่าวอี๋เซิง" (พ่อของห่าวเหมิงกับเซิ่งหนาน) บอกให้ห่าวเหมิงกับเซิ่งหนานไปร่วมอวยพรวันเกิดย่าด้วยกันพรุ่งนี้ ห่าวเหมิงได้ยินดังนั้นจึงเขียนข้อความลงบนโพสต์อิทแล้วยื่นให้เซิ่งหนานก่อนเดินหนีไป เซิ่งหนานอ่านข้อความที่พี่ชายเขียนแล้วบอกพ่อว่าพรุ่งนี้ห่าวเหมิงติดงานเลยไปไม่ได้


คืนเดียวกันนั้นหวนเจินกลับบ้านด้วยอารมณ์ขุ่นมัว "หวังเยว่เอ๋อร์" (แม่หวนเจิน) เห็นลูกสาวกลับบ้านดึกกว่าทุกวันจึงสงสัยว่าลูกไปไหนมา หวนเจินตอบอย่างเสียไม่ได้ว่าตนเพิ่งกลับจากงานเลี้ยงรุ่น เธอรู้ว่าแม่จะเซ้าซี้เรื่องแต่งงานเลยตัดบทว่าตนยังคงยืนยันคำเดิม พูดจบเธอก็เดินหนีไป เยว่เอ๋อร์ตำหนิ "ไช่หงลี่" (พ่อหวนเจิน) ที่ไม่ช่วยเกลี้ยกล่อมหวนเจิน (เยว่เอ๋อร์ไม่อยากให้ลูกแต่งงานกับผู้ชายอับโชค) หงลี่ (ซึ่งกำลังนั่งเย็บผ้า) อ้างว่าวันนี้ดึกแล้วแถมหวนเจินยังอารมณ์ไม่ดี ก่อนลุกหนีไปอีกคน


ห่าวเหมิงนำเช็คเงินสด (ที่เพิ่งเก็บจากลูกความ) มาให้อี๋เซิงผู้เป็นพ่อ อี๋เซิงกล่าวว่าไม่จำเป็นต้องรีบนำมาคืน ต่อให้ไม่คืนก็ไม่เป็นไร เขารู้สึกเสียดายที่ห่าวเหมิงไม่ใช้ความสามารถที่มีอยู่ทำคดีอื่นๆ ที่สร้างสรรค์และท้าทายกว่านี้ แต่กลับเอาดีเรื่องหย่าร้างซึ่งทนายคนไหนในโลกนี้ก็สามารถทำได้ ห่าวเหมิงชี้ว่าตนไม่เคยรังเกียจงานที่ตนเองทำ และถ้าเทียบกับคดีอื่นๆ ผลตอบแทนในการทำเรื่องหย่าร้างนั้นสูงกว่าด้วยซ้ำ หลังอยู่ในวงการนี้มาได้สักพัก ตนจึงพบว่าบางครั้งอุดมการณ์และความใฝ่ฝันไม่สำคัญเท่าความเป็นจริง พูดจบเขาก็ขอตัวและเดินจากไป (สองพ่อลูกคุยกันด้วยท่าทีห่างเหิน) ครั้นเดินผ่านผนังที่เต็มไปด้วยโพสต์อิท (ที่พ่อกับแม่เขียนข้อความคุยกัน) ห่าวเหมิงจึงเลือกหยิบออกมาหนึ่งใบแล้วเดินกลับไปหาพ่อ เขาบอกพ่อว่าถึงแม้งานของตนจะไม่นำพาความสุขมาให้ผู้คน แต่อย่างน้อยตนก็ช่วยให้คนอื่นหลุดพ้นจากความทุกข์ พูดจบเขาก็แปะโพสต์อิทไว้บนโต๊ะพ่อแล้วเดินจากไป (ข้อความบนกระดาษเขียนว่า "ดีกันนะ") ห่าวเหมิงยังไม่ทันกลับเข้าห้อง "หลินซูหง" (อาของห่าวเหมิง) ก็ส่งข้อความมาชวนดื่มฉลองและแจ้งข่าวดีว่าตนกำลังจะแต่งงาน 


เยว่เอ๋อร์ไม่ยอมแพ้จึงตามไปหว่านล้อมหวนเจินถึงในห้องนอน (ห้องนอนหวนเจินรกรุงรังเพราะมัวไปจัดบ้านให้แฟน) เธอย้ำว่าหวนเจินกับว่าที่เจ้าบ่าวดวงไม่สมพงษ์กัน แถมชะตาของว่าที่เจ้าบ่าวยังเลวร้ายสุดๆ ขืนแต่งงานกันหวนเจินจะมีเคราะห์และอาจมีอันเป็นไปเหมือนแม่ของเขา แต่หวนเจินยังคงยืนกรานว่าจะแต่งงาน โดยให้เหตุผลว่าเขาดูแลเธอเป็นอย่างดี ทั้งยัง สูง แข็งแรง ดูดี มีบ้าน มีรถ ครอบครัวมั่งคั่ง ที่สำคัญพ่อแม่เขาตายแล้วทั้งคู่ เธอชี้ว่าแม่คัดค้านไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะเธอจองทุกสิ่งเอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเค้กแต่งงาน อาหาร สถานที่ แม้แต่การ์ดแต่งงานเธอก็เริ่มทยอยแจกแล้ว เยว่เอ๋อร์ไม่เข้าใจว่าทำไมหวนเจินถึงดึงดันที่จะแต่งงานกับผู้ชายอาภัพโชค เธอขอให้หวนเจินลองใคร่ครวญดูให้ดีและชี้ว่าขายขี้หน้าชั่วคราวดีกว่าโชคร้ายตลอดชีวิต ที่สำคัญเมื่อสองเดือนก่อนหวนเจินเองก็คิดที่จะบอกเลิกแฟนหนุ่ม หวนเจินยอมรับว่าตอนนั้นเธออยากเลิกกับเขาจริง เพราะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างต่างจากตอนที่พบกันครั้งแรก แต่ยังไม่ทันเอ่ยปากบอกเลิกเขาก็ชิงขอแต่งงานเสียก่อน ที่แท้แฟนของหวนเจินคือซูหงนั่นเอง  


ซูหงมอบการ์ดแต่งงานให้ห่าวเหมิง แต่ห่าวเหมิงกลับไม่รู้สึกยินดี ซ้ำยังบ่นว่าซูหงไม่รักษ์โลกหลังรู้ว่าซูหงพิมพ์การ์ดแต่งงานมากกว่า 300 ใบ (เขาอยากให้ซูหงส่งการ์ดเชิญผ่านระบบออนไลน์มากกว่า) เขาบอกซูหงว่าตนจะฝากเซิ่งหนานนำซองแดงมาให้ ซูหงแย้งว่าซองแดงไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตนแค่อยากแบ่งปันความสุขกับห่าวเหมิง แต่ห่าวเหมิงไม่ศรัทธาเรื่องความรักและการแต่งงานเป็นทุนเดิมจึงไม่รู้สึกยินดียินร้าย  ซูหงกล่าวว่า ตนนัดห่าวเหมิงมาที่นี่เพราะอยากมอบการ์ดแต่งงานให้เองกับมือและถือโอกาสขอบใจ หากไม่ได้ห่าวเหมินตนคงขอแต่งงานไม่สำเร็จ ห่าวเหมิงสงสัยว่าการแต่งงานของซูหงเกี่ยวอะไรกับตน ซูหงชี้ว่าห่าวเหมิงเป็นคนมอบแรงบันดาลใจในการเขียนคำขอแต่งงานแก่ตน ห่าวเหมิงนึกไม่ออกว่าตนทำเช่นนั้นตอนไหน ซูหงชี้ว่าเมื่อสองเดือนก่อนพวกตนเคยมานั่งดื่มที่นี่ด้วยกัน วันนั้นตนถามห่าวเหมิงว่าทำไมถึงไม่ยอมมีแฟนและไม่คิดที่จะแต่งงาน ทั้งยังถามด้วยว่าห่าวเหมิงชอบผู้ชายรึเปล่า ครั้นห่าวเหมิงแย้งว่าวันนั้นตนเมาเลยจำเรื่องที่คุยกันไม่ได้ ซูหงจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง 

วันนั้นห่าวเหมิงบอกซูหงว่าความจริงแล้วตนไม่ได้รังเกียจผู้หญิงและไม่ได้ปฏิเสธการแต่งงาน เพียงแต่ยังหาผู้หญิงที่ใช่และอยากได้เป็นภรรยาไม่เจอ ซูหงสงสัยว่าห่าวเหมิงลืมผู้หญิงที่อยากแต่งงานด้วยจริงๆ หรือ เขากล่าวว่าในใจของห่าวเหมิงมีผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่ง ห่าวเหมิงชิงพูดว่าผู้หญิงที่เขาอยากได้เป็นภรรยาคือคนที่เอาใจใส่ รู้จักเรียนรู้และปรับตัวให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของกันและกัน แม้ทะเลาะกันบ้างบางครั้งเธอจะเป็นฝ่ายงอนง้อเพราะรู้ว่าตนยากจะเอ่ยคำว่าขอโทษ ต่อให้คนทั้งโลกรังเกียจเดียดฉันท์ว่าตนเป็นคนไม่เอาไหน เธอจะเป็นคนเดียวที่ยืนหยัดเคียงข้าง คอยปลอบโยน สนับสนุน และกำลังใจตน  เธอไม่สนว่าในสายตาคนอื่นตนจะเป็นเช่นไร เพราะในสายตาเธอตนคือผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก ดังนั้น ไม่ว่าเราสองจะคบหรือครองรักกันนานแค่ไหน ตนจะไม่มีวันลืมครั้งแรกที่พบและรู้สึกประทับใจในตัวเธอ 

* ในที่นี้คำว่า ผู้หญิงที่ใช่และอยากได้เป็นภรรยา คือ "ปี้ฉวี่หนี่ว์เหริน" (必娶女人) (ชื่อละครภาษาจีน)  ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า "ปี้ฉวี่" (必取) ที่หมายถึง "bitch" / "นางมารร้าย" 


ที่แท้ซูหงก็อปคำพูดในวันนั้นของห่าวเหมิงไปขอหวนเจินแต่งงาน หวนเจินได้ยินแล้วรู้สึกประทับใจเลยตอบตกลง เธอเล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นให้แม่ฟังว่า ซูหงทำให้เธอรู้สึกได้ว่าแม้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เลิศเลอเพอร์เฟ็คก็ไม่เห็นเป็นไร ตราบใดที่เป็นเธอ เขาจะรักเธอเสมอ หลังได้ฟังคำขอแต่งงาน อยู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ของเขาไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เขาทำให้เธอเชื่อว่าตนคือผู้หญิงที่เขาอยากได้เป็นภรรยาจริงๆ (ความจริงแล้วเธอเองก็ฝันว่าจะดูแลและคบหาคนรักแบบที่ห่าวเหมิงพูด) เยว่เอ๋อร์ได้ยินแล้วยังอดเคลิ้มตามไม่ได้


ห่าวเหมิงบอกซูหงว่าตนไม่เคยพบผู้หญิงที่ใช่และอยากได้เป็นภรรยา ที่ตนพูดกับซูหงในวันนั้นก็แค่อยากบอกว่าในโลกนี้ไม่มีผู้หญิงแบบที่ว่า ไม่ได้พูดเพื่อให้ซูหงจำไปขอสาว ซูหงแย้งว่าที่ไม่พบเป็นเพราะห่าวเหมิงอาภัพรัก ตนเจอผู้หญิงที่อยากได้เป็นภรรยาแล้ว เธอเป็นผู้หญิงแบบเดียวกับคนที่อยู่ในใจห่าวเหมิงและห่าวเหมิงเชื่อว่าไม่มีอยู่จริง เช่นนี้แล้วจะไม่ให้ตนแต่งกับเธอได้อย่างไร ในเมื่อห่าวเหมิงพูดเองว่าไม่อยากแต่งงานและไม่อยากคบหาใคร ก็ให้ถือซะว่าคำพูดวันนั้นเป็นของขวัญสำหรับตน และให้คิดว่าตนเองเป็นพ่อสื่อ ห่าวเหมิงเตือนว่าหากวันไหนเกิดหย่าร้างกันขึ้นมาห้ามโทษตน และถ้าจะให้ตนช่วยจัดการเรื่องหย่า... อย่าหวังว่าเป็นญาติกันแล้วตนจะลดราคาให้ พูดจบเขาก็หยิบการ์ดแต่งงานแล้วเดินจากไป



วันรุ่งขึ้น เซิ่งหนานไปร่วมอวยพรวันเกิด "ย่าห่าว" พร้อมพ่อแม่ แต่ย่ากลับจำเธอไม่ได้ ซ้ำยังเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นว่าที่เจ้าสาวของซูหง ที่แท้หวนเจินมาถึงก่อนแล้ว แถมเธอกับเซิ่งหนานยังแต่งตัวเหมือนกันเปี๊ยบย่าเลยจำสับสน เซิ่งหนานแทบช็อคเมื่อรู้ว่าหวนเจินคือว่าที่อาสะใภ้ ครั้นหวนเจินแสร้งโผเข้ากอดเซิ่งหนาน เซิ่งหนานจึงผลักหวนเจินออกด้วยท่าทีรังเกียจ หวนเจินเสียหลักถอยไปชนซูหงเป็นเหตุให้เค้กในมือซูหงกระเด็นหลุดมือ หวนเจินเห็นเค้กลอยไปหาย่าเลยรีบเอาตัวบังไว้ทำให้เนื้อตัวเลอะเทอะ  งานนี้หวนเจินได้ใจย่าห่าวไปเต็มๆ เซิ่งหนานเห็นหวนเจินขึ้นแท่นเป็นคนโปรดของย่าเลยยิ่งหมั่นไส้ 

 

ครั้นซูหงทักเรื่องเพื่อนเจ้าสาว หวนเจินเลยแกล้งทาบทามเซิ่งหนานให้ช่วยมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว เซิ่งหนานจะลุกขึ้นโวยวาย แต่ย่าดันเห็นด้วยกับความคิดของหวนเจินเธอเลยพูดไม่ออก หวนเจินได้ทีเลยประจบย่าพลางส่งสายตาเย้ยเซิ่งหนาน เซิ่งหนานชักเริ่มควันออกหู เธอเผลอขึ้นเสียงกับหวนเจินทำให้โดนพ่อดุว่าไม่มีสัมมาคารวะ พ่อเธอชี้ว่าแม้เธอกับหวนเจินจะเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน แต่ตอนนี้หวนเจินอาวุโสกว่าจึงต้องเรียกเธอว่าอาสะใภ้ เซิ่งหนานได้แต่เก็บความเคียดแค้นเอาไว้ในใจแล้วกลับมาระบายกับตุ๊กตาที่บ้าน เธอโกรธมากที่หวนเจินได้แต่งงานก่อน ทั้งยังเกรงว่าอีกหน่อยหวนเจินคงหาเรื่องเล่นงานไม่เลิก (ในฐานะที่อาวุโสกว่า) เพื่อเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลมเซิ่งหนานเลยโทรไปหาผู้จัดการโรงแรมโดยแกล้งสวมรอยเป็นหวนเจิน


เยว่เอ๋อร์ประกอบพิธีกรรมใต้ต้นท้อหมายให้งานแต่งลูกสาวล่ม ครั้นหงลี่มาเห็นเข้าจึงถามภรรยาว่าทำไมถึงทำพิธีตัดสัมพันธ์หวนเจินกับซูหง (เขานึกว่าภรรยาจะขอพรให้ลูก) เยว่เอ๋อร์ชี้ว่าทั้งคู่ดวงไม่สมพงศ์กัน ซูหงมีชะตาที่จะนำเคราะห์ภัยมาสู่พ่อแม่และภรรยา ขืนปล่อยให้หวนเจินแต่งงานกับซูหงพวกตนจะพลอยเคราะห์ร้ายไปด้วย เธอกล่าวว่าซูหงเป็นคนอับโชคสุดๆ ตนคำนวณชะตาชีวิตของเขาเป็นร้อยรอบรับรองไม่ผิดแน่ หงลี่ได้ยินดังนั้นจึงช่วยภรรยานำต้นกระบองเพชรไปปลูกข้างๆ ต้นท้อ หมายให้ความรักและการแต่งงานของหวนเจินกับซูหงมีอุปสรรคขวากหนาม และเปิดทางให้หวนเจินได้พบผู้ชายคนใหม่ที่ดีกว่า (ดอกท้อ หมายถึง ความรัก) 



วันรุ่งขึ้น หวนเจินรีบออกจากบ้านเพื่อรับตั๋วเครื่องบินไปฮันนีมูน หงลี่แซวภรรยาว่าความพยายามของเธอคงไม่เป็นผล ถึงกระนั้นเยว่เอ๋อร์ก็ยังคงมั่นใจในฝีมือตน (ขณะที่หวนเจินเดินออกจากบ้าน มีกลีบดอกท้อลอยมาตกบนไหล่ของเธอ) ห่าวเหมิงรู้สึกแปลกใจที่วันนี้รถติดทั้งที่ถนนเส้นนี้ไม่เคยมีรถติดมาก่อน เขาจะรีบไปธุระเลยจำต้องเปลี่ยนเส้นทาง ขณะที่หวนเจินเองก็ต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นเช่นกันเพราะถนนหน้าบ้านถูกปิดชั่วคราว ขณะที่ทั้งคู่สวนทางกันกลีบดอกท้อที่ติดอยู่บนไหล่ของหวนเจินก็ปลิวเข้าไปในรถและตกลงบนตัวห่าวเหมิง ทันใดนั้น ห่าวเหมิงก็เบรครถดังเอี๊ยด หวนเจินได้ยินเสียงรถเบรคเลยหันกลับไปมอง เมื่อห่าวเหมิงลงจากรถแล้วเห็นหวนเจินยืนจ้องอยู่ เขาจึงเดินตรงไปหาเธอ 
 
 *** จบตอนที่หนึ่ง ***

* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่





รายชื่อนักแสดง


นักแสดงนำ


ชิวเจ๋อ (Roy Qiu)
รับบท ห่าวเหมิง (จัสติน)
(นักแสดง / นักร้อง / นักแข่งรถ ชาวไต้หวัน)



เคอเจียเยี่ยน
(
Alice Ko)
รับบท ไช่หวนเจิน (วิเวียน)
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)



เจิงจือเฉียว (Joanne Tseng)
รับบท ห่าวเซิ่งหนาน
(นักแสดง / นักร้อง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวไต้หวัน)




จางหวายชิว (Harry Zhang)
รับบท เจียงเฉียนเย่ว
(นักแสดง / นักร้อง ชาวไต้หวัน)

อื่นๆ


เก๋อเหล่ย (Grace Ko)
รับบท เซี่ยอวี่เหอ
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)



หวังเต้าหนาน
รับบท ห่าวอี๋เซิง
(นักแสดง / ผู้กำกับ / ครูสอนการแสดง / นักเขียนบท ชาวไต้หวัน)



เฉินเหวินปิน (Akira Chen)
รับบท ไช่หงลี่
 (นักแสดง / ผู้กำกับ / นักเขียนบท ชาวไต้หวัน)



เคอซูฉิน
รับบท หวังเยว่เอ๋อร์
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)



เหลียงเจิ้งฉวิน (Danny)
รับบท หลินซูหง
(นักแสดง / นักร้อง / ดีเจ / ซาวด์เอ็นจิเนีย / อาจารย์มหาวิทยาลัย ชาวไต้หวัน)



หลี่จงหลิน
รับบท อาซิ่น
(นักแสดง / นักร้อง ชาวไต้หวัน)



เฉินต้าเทียน (Daniel)
รับบท ชุยจินฟา
(นักแสดง / นักร้อง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวไต้หวัน)




รวมคลิปตัวอย่างจาก 中視 CTV

* ดูละครย้อนหลังทาง 9 MCOT Official ได้ ที่นี่

*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา