วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เรื่องย่อ ศึกขุมทรัพย์ราชวงศ์ชิง (The Empire Warrior)




กำกับ: เหอซู่เผย
เขียนบท: หนิงฮ่าวสตูดิโอ
แนวละคร: ย้อนยุค, อิงประวัติศาสตร์, ดราม่า (ปนฮา)
จำนวนตอน: 38
ออกอากาศ: จีน - ครั้งแรก 15 มกราคม 2556 ทางเส้าซิงทีวี 
        ไทย - ทุกวันพฤหัสบดี-วันศุกร์ เวลา 11.30-12.30 น. ทางทรูโฟร์ยู เริ่มตอนแรกวันที่ 6 สิงหาคม 2558 (ก่อนหน้านี้เคยออกอากาศทางช่อง ทรูวิชั่น)

เรื่องย่อ




ละคร "ศึกขุมทรัพย์ราชวงศ์ชิง (The Empire Warrior -  เดิมชื่อ Kung Fu Qianlong) เป็นละครรีเมคที่ดัดแปลงมาจากละครเรื่อง "ซีซัวเฉียนหลง" เนื่อหากล่าวถึงเรื่องราวของ "องค์ชายหงลี่" (เป่าชินอ๋อง) พระโอรสในจักรพรรดิหย่งเจิ้ง และพระราชนัดดาองค์โปรดของจักรพรรดิคังซี ซึ่งภายหลังได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 6 ของราชวงศ์ชิง (นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งรัฐแมนจู) ทรงพระนามว่า "ชิงเกาจงฮ่องเต้" และใช้ชื่อศักราชว่า "เฉียนหลง" - วิกิพีเดีย

ในรัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิเฉียนหลง มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมากมายทั้งเรื่องจริงเรื่องเท็จ หนึ่งในนั้นคือเรื่องที่พระองค์ชอบปลอมตัวเป็นสามัญชนแล้วท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่าง ๆ จนได้ฉายาว่า "จักรพรรดิเจ้าสำราญ" ละครเรื่องนี้จึงหยิบยกเอาคำร่ำลือดังกล่าวมาเป็นคาแรคเตอร์สุดทะเล้นขององค์ชายหงลี่หรือจักรพรรดิเฉียนหลง

หลังขุนนางใหญ่อู๋เหวินปินโดนลอบสังหาร ฮ่องเต้หย่งเจิ้งก็มอบหมายให้องค์ชายหงสือ, หงลี่ และหงโจ้ว ช่วยกันไขคดีแบบลับๆ โดยตั้งใจว่าจะนำผลงานในครั้งนี้มาพิจารณาว่าใครสมควรเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ และนั่นก็ทำให้องค์ชายลี่มีโอกาสสานสัมพันธ์กับซ่งเถียนเถียนซึ่งมีความแค้นส่วนตัวกับอู๋เหวินปิน หลังเจอเบาะแสหลายอย่างองค์ชายหงลี่ก็พบว่าคดีนี้ไม่ธรรมดา ซ้ำยังมีความเกี่ยวข้องโยงใยถึงพระบิดา และขุมทรัพย์ราชวงศ์ชิงอีกด้วย


ขันทีซูเผยเซิ่งบอกองค์ชายหงลี่ว่าฮ่องเต้หย่งเจิ้งกำลังประชวรหนัก ทางเดียวที่จะช่วยชีวิตฮ่องเต้ได้ก็คือการตามหาคัมภีร์ “สีสุ่ยจิง” หรือ “คัมภีร์ชำระล้างไขกระดูก”  ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาของวัดเส้าหลินและตอนนี้คัมภีร์ดังกล่าวก็ถูกเก็บรักษาไว้ที่วัดหว่างเจี๋ยในแถบซานตง (เชื่อว่าเป็นวิชาที่สามารถชุบชีวิตคน ทั้งยังมีลายแทงขุมทรัพย์ราชวงศ์ชิงซึ่งเป็นที่หมายปองของคนหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น จักรพรรด์หย่งเจิ้ง เหลียนชินอ๋อง องค์ชายหงโจ้ว และพรรคจันทรา) องค์ชายหงลี่ได้ยินดังนั้นจึงรีบรุดไปที่วัดหว่างเจี๋ยโดยมีซ่งเถียนเถียนและจอมยุทธ์เยี่ยจากพรรคเหยียนปังร่วมเดินทางไปด้วย

ภารกิจในครั้งนี้ทำให้องค์ชายหงลี่ได้พบกับหลี่ชงเอ๋อร์และเกาอู่แห่งพรรคจันทรา ซึ่งมาตามหาคัมภีร์ “สีสุ่ยจิง” เช่นกัน เมื่อองค์ชายหงสือรู้ว่าองค์ชายหงลี่ไปที่วัดหว่างเจี๋ยเพื่อตามหาคัมภีร์สีสุ่ยจิง จึงสั่งให้คนสะกดรอยตามหวังชิงคัมภีร์มาถวายฮ่องเต้เพื่อเป็นการเอาหน้า พอฮ่องเต้หย่งเจิ้งรู้เรื่องนี้ก็โกรธมาก จึงสั่งให้องค์ชายหงสือคอยคุ้มกันและพาองค์ชายหงลี่กลับวัง แทนที่จะทำตามรับสั่งองค์ชายหงสือกลับสั่งคนของตนให้สังหารองค์ชายหงลี่แบบลับๆ ระหว่างที่องค์ชายถูกจองจำในคุก (องค์ชายหงลี่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนของพรรคจันทราซึ่งเป็นขบวนการกู้หมิงต้านชิง* ) โชคดีที่หลี่ชงเอ๋อร์ ซ่งเถียนเถียน และจอมยุทธ์เยี่ยมาช่วยพระองค์ได้ทันเวลา
เกร็ดความรู้
ราชวงศ์ชิงไม่ได้ก่อตั้งโดยชาวฮั่นซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศจีน แต่ก่อตั้งโดยชาวแมนจูซึ่งเป็นเพียงกลุ่มชนเร่ร่อนทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน หลังโค่นล้มราชวงศ์หมิงและสถาปนาอาณาจักรต้าชิงแล้ว จักรพรรดิชิงก็บังคับให้ชาวฮั่นทุกคนไว้ผมเปียและสวมเสื้อผ้าแบบชาวแมนจู เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและภักดีต่อราชวงศ์ชิง ชายชาวฮั่นจึงจำเป็นต้องโกนผมครึ่งศีรษะ (รวมทั้งหนวดเครา) และไว้หางเปียยาวทั้งๆ ที่ขัดกับประเพณีปฏิบัติเดิมของชาวฮั่นที่ห้ามตัดผม (เพราะถ้าไม่ปฏิบัติตามจะถูกตัดหัว) ทำให้ชาวฮั่นเกิดความคับแค้นใจ และต่างพากันโกรธแค้นที่ชนต่างเชื้อสายมาเป็นใหญ่บนแผ่นดินตน และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวฮั่นก่อกบฏขึ้นหลายครั้ง จนเกิดขบวนการ "กู้หมิงต้านชิง" ขึ้น 


เมื่อรู้ว่าคนที่ต้องการปองร้ายตนคือองค์ชายหงสือ องค์ชายหงลี่ทั้งเสียใจและรู้สึกเจ็บแค้น แม้คนของพรรคเหยียนปังจะจับองค์ชายหงสือเอาไว้ได้ แต่องค์ชายหงลี่กลับปล่อยองค์ชายหงสือไป แทนที่จะรู้สำนึกองค์ชายหงสือกลับคิดสังหารองค์ชายหงลี่อีกครั้ง ทั้งยังจับซ่งเถียนเถียนเป็นตัวประกันทำให้นางรู้ฐานะที่แท้จริงขององค์ชายหงลี่ จอมยุทธ์เยี่ยต้องการช่วยซ่งเถียนเถียนและองค์ชายหงลี่ จึงแกล้งนำชีวิตองค์ชายและคัมภีร์สีสุ่ยจิง (ซึ่งมีเพียงครึ่งเล่ม) มาเป็นข้อต่อรอง เขาใช้กระบี่แทงขั้วหัวใจองค์ชายหงลี่แล้วนำคัมภีร์ในตัวองค์ชายไปมอบให้องค์ชายหงสือ จากนั้นก็ขโมยร่างองค์ชายมาให้หมอเทวดาแห่งพรรคเหยียนปังช่วยชุบชีวิต ส่วนองค์ชายหงสือถูกทหารคุมตัวกลับเมืองหลวงพร้อมศพองค์ชายหงลี่ตัวปลอม

หลังให้ความช่วยเหลือองค์ชายหงลี่ ประมุขพรรคเหยียนปังก็ตกที่นั่งลำบาก เพราะถูกสมาชิกบางคนและพรรคจันทรากล่าวหาว่าฝักใฝ่มองโกลทั้งๆ ที่ตนเองเป็นชาวฮั่น (พรรคเหยียนปังเคยรับใช้จักรพรรดิคังซี ซ้ำยังช่วยเหลือองค์ชายหงลี่อย่างเปิดเผย) เมื่อประมุขพรรคเหยียนปังไม่ยอมมอบองค์ชายหงลี่ให้พรรคจันทรา ซ้ำยังไม่ยอมสละตำแหน่งประมุข ทั้งสองพรรคจึงเกิดการต่อสู้ส่งผลให้ประมุขพรรคเหยียนปังได้รับบาดเจ็บ  แม้จอมยุทธ์เยี่ย และองค์ชายหงลี่จะพาประมุขพรรคเหยียนปังหนีไปได้ แต่พรรคจันทราก็ไม่ยอมรามือง่ายๆ เช่นกัน


องค์ชายหงสือเพ็ดทูลฮ่องเต้หย่งเจิ้งว่าองค์ชายหงลี่ถูกพรรคเหยียนปังฆ่าตาย ฮ่องเต้หย่งเจิ้งไม่เชื่อจึงสั่งให้เปิดโลง หลังทราบความจริงจากปากองค์ชายหงลี่ ฮ่องเต้หย่งเจิ้งก็สั่งให้องค์ชายหงสือชดใช้ความผิดด้วยความตาย หลังจากนั้นก็เกิดข่าวลือแพร่สะพัดว่าองค์ชายหงลี่ไม่ใช่พระโอรสแท้ๆ ของฮ่องเต้หย่งเจิ้งแต่มีเชื้อสายชาวฮั่น หวังให้พระองค์ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ เมื่อฮ่องเต้หย่งเจิ้งพบว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับองค์ชายหงโจ้ว จึงสั่งให้ขันทีซูคอยจับตาดูเงียบๆ

แม้ฮ่องเต้หย่งเจิ้งและฮองไทเฮาจะยืนยันว่าองค์ชายหงลี่เป็นสายเลือดของตน แต่พอข่าวลือเริ่มหนาหูขึ้นองค์ชายหงลี่จึงออกไปสืบหาชาติกำเนิดตนเองโดยมี จอมยุทธ์เยี่ย  เกาชิงสี่ และแม่นางหลี่ชงเอ๋อร์ (ซึ่งเป็นสายให้ประมุขพรรคจันทรา) ตามเสด็จไปด้วย แต่ทุกครั้งที่เข้าใกล้เบาะแสก็จะมีคนตาย ทำให้องค์ชายเกิดสงสัยในตัวเกาชิงสี่ เกาชิงสี่สารภาพว่าตนกลัวชาติกำเนิดองค์ชายจะเป็นดังข่าวลือจึงพยายามทำลายหลักฐาน แต่ตนไม่ได้ฆ่าปิดปากอดีตแม่นมและหมอหลวง เมื่อถูกองค์ชายหงลี่ปลดจากตำแหน่งเขาก็คุกเข่าร่ำให้สำนึกผิด ซ่งเถียนเถียนซึ่งแอบติดตามองค์ชายมาโดยตลอด เห็นองค์ชายกำลังรู้สึกผิดหวังจึงกลับมาอยู่เคียงข้างและคอยช่วยองค์ชายตามสืบเรื่องราวต่างๆ ร่วมกับจอมยุทธ์เยี่ยอีกครั้ง


แม้จะได้รับคำยืนยันจากใต้เท้าเฉิน (ซึ่งบ้านถูกวางเพลิงและโดนกุข่าวว่าเป็นพ่อแท้ๆ ขององค์ชายหงลี่) ว่าองค์ชายหงลี่ไม่ใช่ลูกของตนแต่เป็นพระโอรสของจักรพรรดิหย่งเจิ้ง แต่องค์ชายหงลี่ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะไม่มีหลักฐานยืนยัน ใต้เท้าเฉินจึงมอบลายแทงขุมทรัพย์ราชวงศ์ชิงให้องค์ชาย โดยบอกว่าผู้ที่จะเปิดกลไกขุมทรัพย์ได้มีเพียงทายาทสกุลอ้ายซินเจว๋หลัวของราชวงศ์ชิงเท่านั้น องค์ชายจึงรีบมุ่งหน้าไปยังที่ตั้งขุมทรัพย์เพื่อพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าทรงเป็นพระโอรสแท้ๆ ของจักรพรรดิหย่งเจิ้งจริงๆ หรือไม่ แต่แล้วกลับพบว่าลายแทงดังกล่าวเป็นของปลอม  (ใต้เท้าเฉินโดนพรรคจันทราบีบบังคับให้ทำเช่นนั้น)

หลังครองราชย์มานาน 13 ปี และมีคนพยายามลอบปลงพระชนม์นับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดฮ่องเต้หย่งเจิ้งก็เสด็จสวรรคตเพราะถูกวางยาพิษ องค์ชายหงลี่จึงขึ้นครองราชย์ในฐานะจักรพรรดิเฉียนหลงท่ามกลางข่าวลือมากมาย แม้จะมีอุปสรรคและอันตรายรอบด้าน แต่สุดท้ายพระองค์ก็ได้รู้ว่าผู้ที่เป็นปฏิปักษ์และคิดร้ายกับตนมาโดยตลอดก็คือ เหลียนชินอ๋องและองค์ชายหงโจ้ว

***



เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายรัชสมัยของ "จักรพรรดิหย่งเจิ้ง" ในตอนนั้นบ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ หลัง "อี้ชินอ๋อง" ซึ่งเป็นพระอนุชาที่ฮ่องเต้หย่งเจิ้นทรงสนิทสนมและไว้วางพระทัยมากที่สุดได้สิ้นพระชนม์ลง ขณะที่ฮ่องเต้หย่งเจิ้นเองก็กำลังทรงพระประชวรหลังทรงงานหนักมาตลอดระยะเวลาที่ขึ้นครองบัลลังก์

* "อี้ชินอ๋อง" คือ องค์ชาย 13 (อิ้นเสียง) ในจักรพรรดิคังซี เป็นพระอนุชาต่างพระชนนีของจักรพรรดิหย่งเจิ้ง ซึ่งเคยยอมรับผิดแทนพระองค์จนถูกจักรพรรดิคังซีสั่งจองจำในตำหนักนาน 10 ปีพร้อมปลดพระอิสริยยศ  - ถูกกล่าวถึงในละคร "ฝ่ามิติลิขิตสวรรค์ (Scarlet Heart 1)"

หลังร่วมไว้ทุกข์มาเกือบ 1 เดือนเต็ม  ขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงกลุ่มหนึ่งก็แอบออกมาหาความสำราญที่หอนางโลมนอกเมืองโดยขนเงินมาเต็มหีบ (ในเมืองห้ามเลี้ยงฉลองหรือจัดงานรื่นเริง)   ในเวลาเดียวกันนั้นองค์ชายหงลี่และ "เกาชิงสี่" (องครักษ์คนสนิท) ก็กำลังเดินทางไปที่หอนางโลมนอกเมืองเช่นกัน ระหว่างรอใต้เท้าอู๋ (เจ้ามือ) เหล่าขุนนางก็ร้องหา "เตียวเสี้ยน" (ดาวเด่นประจำหอนางโลม) "ซ่งเถียนเถียน" จึงออกมายั่วยวนและหยอกล้อกับเหล่าขุนนาง ทุกคนต่างสนุกสนานกับการชื่นชมความงามของหญิงสาว โดยหารู้ไม่ว่าในตอนนั้นใต้เท้าอู๋เหวินปินได้กลายเป็นศพอยู่บนเตียงที่บ้าน



เมื่อองค์ชายหงลี่มาถึงก็เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายภายในหอนางโลมอี้ชุน หลังโชว์ความสามารถในด้านกังฟูจนปราบผู้คุ้มกันหอนางโลมนับสิบคนแบบอยู่หมัด องค์ชายหงลี่ก็กลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมในหมู่สาวงาม องค์ชายมอบดอกไม้ให้ซ่งเถียนเถียนแล้วถามหาใต้เท้าอู๋  ก่อนดึงผ้าพันหน้าอกของเธอมามัดขุนนางฉ้อฉลสามคนโทษฐานยักยอกเงินหลวงมาหาความสุขใส่ตน (เงินช่วยเหลือน้ำท่วมที่หัวตง) จากนั้นก็เดินกลับไปทวงดอกไม้คืนจากซ่งเถียนเถียนทำให้โดนตบหน้า ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังมอบลูกอม (อมยิ้ม) ให้เธอและเดินจากไป



ขุนนางฉ้อฉลทั้งสามคนถูกคุมตัวมาเข้าเฝ้าฮ่องเต้พร้อมข่าวการตายของอู๋เหวินปิน ฮ่องเต้หย่งเจิ้งห้ามไม่ให้ขันที "ซูเผยเซิ่ง" นำเรื่องนี้ไปแจ้งกรมอาญา  จากนั้นก็มีบัญชาให้องค์ชายหงสือ, หงลี่ และหงโจ้วเข้าเฝ้า องค์ชายหงสือรีบบึ่งมาเอาหน้าก่อนใคร เมื่อฮ่องเต้หย่งเจิ้งถามว่าช่วงนี้องค์ชายทั้งสามทำอะไรกันบ้าง  องค์ชายหงสือก็ทูลว่านอกจากรับผิดชอบงานที่กรมอาญาแล้ว ตนก็ทุ่มเทเวลาไปกับการอ่านหนังสือ ส่วนองค์ชายหงโจ้วกำลังฝักใฝ่ทางธรรม ขณะที่องค์ชายหงลี่ยังทำตัวเสเพลเช่นเดิม เมื่อองค์ชายหงลี่และหงโจ้วมาเข้าเฝ้า ฮ่องเต้หย่งเจิ้งก็ให้ทหารนำตัวขุนนางฉ้อฉลทั้งสามคนออกไปลงโทษที่กรมอาญา ทั้งสามคนเห็นหน้าองค์ชายหงลี่ก็ถึงกับตกตะลึง

ฮ่องเต้หย่งเจิ้งมอบภารกิจลับให้องค์ชายทั้งสามช่วยกันสืบหาสาเหตุการตายของอู๋เหวินปิน องค์ชายทั้งสามจึงไปดูที่เกิดเหตุและทำการสอบสวนพ่อบ้านของอู๋เหวินปิน พ่อบ้านบอกองค์ชายหงสือ (พี่ใหญ่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งสามคน) ว่าก่อนตายใต้เท้าอู๋กำลังเก็บของเตรียมออกไปหาเพื่อน ตนเห็นว่าใต้เท้าอู๋เข้าไปนานผิดปกติจึงร้องเรียกและพังประตูเข้าไปดู แต่ตอนนั้นใต้เท้าอู๋เสียชีวิตแล้ว แถมไข่มุกพระราชทานยังหายไปด้วย องค์ชายหงลี่รู้ว่าก่อนตายใต้เท้าอู๋มีนัดที่หอนางโลม จึงคาดคั้นให้พ่อบ้านพูดความจริง


เมื่อเจ้าหน้าที่กรมอาญารายงานว่าใต้เท้าอู๋เสียชีวิตเพราะถูกแทงทะลุหัวใจ องค์ชายหงโจ้วก็ทำท่า "อามิตตาพุด" องค์ชายหงสือเห็นว่าใต้เท้าอู๋ตายในดาบเดียวจึงเชื่อว่าเป็นฝีมือชาวยุทธ์ที่เข้ามาขโมยของ แต่องค์ชายหงลี่ไม่ปักใจเชื่อเพราะหน้าต่างยังคงปิดสนิท และถ้าเป็นยอดฝีมือจริงก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าคน องค์ชายหงโจ้วพบกล่องใส่ไข่มุกตกอยู่บนพื้นจึงสงสัยว่าทำไมใต้เท้าอู๋ไม่เก็บของมีค่าเอาไว้ในที่ๆ ปลอดภัย พ่อบ้านกล่าวว่าพวกตนไม่เคยเห็นกล่องดังกล่าวมาก่อน คาดว่าคนร้ายคงจะเข้ามารื้อค้น องค์ชายหงสือได้ยินดังนั้นเลยคิดว่าเป็นเกลือเป็นหนอนและเกิดสงสัยในตัวพ่อบ้าน องค์ชายหงลี่จึงเสนอให้สอบปากคำบ่าวไพร่ในบ้านทุกคน

องค์ชายหงลี่พบเบาะแสบางอย่างในห้องแต่ยังคงอุบเงียบ แถมคนสนิทของพระองค์ยังเก็บมีดสั้นเล่มหนึ่งได้ในสวนหลังบ้าน องค์ชายหงสือเรียกคนรับใช้ในบ้านใต้เท้าอู๋มาสอบปากคำและพบว่าคนงานใหม่นามว่า "เฉินลิ่ว" หายตัวไป   องค์ชายหงสือจึงตามจับกุมเฉินลิ่วได้พร้อมของกลาง (ไข่มุกราตรี) เฉินลิ่วยอมรับว่าตนเป็นคนขโมยไข่มุกเม็ดดังกล่าว


องค์ชายหงลี่เข้ามาตรวจดูภายในห้องของใต้เท้าอู๋อีกครั้งและพบเมล็ดธัญพืชที่เป็นอาหารนกพิราบตกอยู่บนโต๊ะ ทั้งๆ ที่ภายในบ้านไม่ได้เลี้ยงนก พระองค์จึงให้ชิงสี่ (องค์ชายเรียกว่า "สี่จื่อ") ไปนำอาหารนกมาโปรยที่ลานด้านนอกเพื่อทดสอบดูว่าจะมีนกมากินอาหารหรือไม่ หลังจับเฉินลิ่วได้แล้วองค์ชายหงสือก็ให้คนมาเชิญองค์ชายหงลี่ไปฟังการสอบปากคำที่กรมอาญา เมื่อไปถึงองค์ชายหงลี่ก็พบว่าเฉินลิ่วกำลังถูกโบย เฉินลิ่วสารภาพว่าตนเห็นใต้เท้าอู๋เปิดกลไกใต้เตียงซึ่งเป็นที่เก็บสมบัติเลยเกิดความโลภจึงฆ่าใต้เท้าอู๋เพื่อชิงทรัพย์ องค์ชายหงสือได้ยินดังนั้นจึงสั่งให้นำตัวเฉินลิ่วไปคุมขังเพื่อรอการประหาร จากนั้นก็รีบไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้หย่งเจิ้งเพราะคิดว่าตนปิดคดีได้

หลังโปรยอาหารนกแล้ว ชิงสี่ก็จับนกพิราบสื่อสารได้ตัวหนึ่งพร้อมข้อความ องค์ชายหงลี่นึกขึ้นมาได้ว่าใต้เตียงของใต้เท้าอู๋เป็นที่ซ่อนคลังสมบัติจึงให้เสียจื่อมุดเข้าไปดู ทำให้พบมีดสั้นเล่มหนึ่ง


หลังได้รับรายงานการปิดคดีจากองค์ชายหงสือ ฮ่องเต้หย่งเจิ้งก็ตำหนิว่าเป็นการปิดคดีแบบรวบรัด ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ยังมีพิรุธและข้อสงสัยหลายอย่าง หลังจากนั้นองค์ชายหงลี่ก็ตามมาเข้าเฝ้าเพื่อถวายหลักฐานเพิ่มเติมอีก 2 อย่าง ซึ่งก็คือข้อความจากนกพิราบสื่อสารที่ระบุว่า "เกลือจากหวายอัน... 8" กับมีดสั้นที่พบใต้เตียงใต้เท้าอู๋ซึ่งแกะหลักอักษร "ซื่อ" องค์ชายหงลี่กล่าวว่าของสองสิ่งนี้เกี่ยวของกับองค์ชาย 8 ในจักรพรรดิคังซี (มีนามว่า "อิ้นซื่อ" หรือ "เหลียนชินอ๋อง" เป็นพระอนุชาต่างพระชนนีของจักรพรรดิหย่งเจิ้ง) ซึ่งถูกลงโทษให้ไปเฝ้าสุสานหลวงและห้ามติดต่อกับบุคคลภายนอก ใต้เท้าอู๋และองค์ชายแปดจึงน่าจะแอบสมคบคิดกันอย่างลับๆ ฮ่องเต้หย่งเจิ้งกล่าวชมองค์ชายหงลี่ที่ตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง และสั่งให้องค์ชายทั้งสองช่วยกันคลี่คลายคดีให้สำเร็จภายใน 10 วัน

องค์ชายหงสือลงโทษเฉินลิ่วอย่างหนักเพื่อเค้นเอาคำตอบว่าใครเป็นคนบงการ ขณะเดียวกันก็ให้คนคอยสอดแนมดูว่าองค์ชายหงลี่กำลังทำอะไรอยู่และพบว่าองค์ชายหงลี่มัวแต่อ่านหนังสือ พอเห็นประกาศขององค์ชายหงลี่ที่ระบุว่าใต้เท้าอู๋ถูกคนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ องค์ชายหงสือก็รู้สึกไม่พอใจที่องค์ชายหงลี่ขัดพระบัญชาทั้งๆ ที่ฮ่องเต้หย่งเจิ้งบอกให้สืบคดีแบบลับๆ พระองค์รู้ว่าองค์ชายหงลี่ไม่เชื่อว่าเฉินลิ่วคือคนร้ายจึงวางแผนหลอกล่อคนร้ายตัวจริงให้เข้าไปที่บ้านสกุลอู๋ (แต่องค์ชายหงสือเชื่อว่าเฉินลิ่วคิอคนร้าย) จึงคิดที่จะไปทูลฟ้องฮ่องเต้หย่งเจิ้งเพื่อให้ทรงลงโทษองค์ชายหงลี่ที่ขัดพระบัญชา

ระหว่างนั่งพักที่ร้านน้ำชา สี่จื่ออดเป็นห่วงไม่ได้ที่องค์ชายหงลี่นำประกาศไปปิดไว้ทั่วเมือง องค์ชายหงลี่จึงชี้ชัดว่าฮ่องเต้หย่งเจิ้งสั่งให้ปิดข่าวเรื่องที่ใต้เท้าอู๋ถูกคนร้ายสังหารจนเสียชีวิต แต่ตนบอกว่าใต้เท้าอู๋ได้รับบาดเจ็บจึงไม่เห็นว่าจะขัดพระบัญชาตรงไหน เมื่อเห็นซ่งเถียนเถียนมานั่งดื่มน้ำชาที่ร้านเดียวกัน องค์ชายหงลี่จึงคิดว่าเป็นโชคชะตาและเดินเข้าไปทักทายแต่ซ่งเถียนเถียนกลับลุกหนี พระองค์จึงรู้สึกประทับใจในความถือดีของนาง



หลังทราบว่าใต้เท้าอู๋ได้รับบาดเจ็บ ซ่งเถียนเถียนจึงแอบเข้าไปในบ้านใต้เท้าอู๋หวังลอบสังหารเพื่อล้างแค้นแทนพ่อ แต่คนที่นอนรออยู่บนเตียงคือองค์ชายหงลี่   ซ่งเถียนเถียนเข้าใจว่าองค์ชายหงลี่เป็นขโมยจึงร้องตะโกนว่ามีคนร้ายหวังสลัดองค์ชายให้หลุดจากตน แต่ดันลืมไปว่าเธอเองก็เป็นผู้บุกรุกเช่นกันเลยต้องวิ่งหนีคนของทางการด้วยกันทั้งคู่ องค์ชายหงลี่กลัวซ่งเถียนเถียนหนีไปอีกจึงคว้าแขนเธอเอาไว้ ทันใดนั้น จอมยุทธ์หนุ่มรูปงามก็ปรากฏกายขึ้น เขาสั่งให้องค์ชายหงลี่ปล่อยแขนซ่งเถียนเถียน ซ่งเถียนเถียนรีบวิ่งไปหาชายหนุ่มคนดังกล่าวและเดินจากไปพร้อมกันในความมืด

องค์ชายหงลี่ถูกฮ่องเต้หย่งเจิ้งตำหนิที่หายตัวไปทั้งวัน แถมยังเปิดเผยความลับเรื่องใต้เท้าอู๋ถูกปองร้าย แต่พอรู้ว่าหลังติดประกาศแล้วมีคนร้ายแอบบุกเข้าไปในบ้านใต้เท้าอู๋จริงๆ พระองค์จึงไม่เอาความและบอกให้ช่วยกันสืบหาข้อเท็จจริงต่อ ทำให้องค์ชายหงสือรู้สึกผิดหวังมาก



ซ่งเถียนเถียนตำหนิจอมยุทธเยี่ยชางอวิ๋นที่แอบตามเธอมาจากหวายอัน  จอมยุทธเยี่ยอธิบายว่า "ซ่งจือยง" พ่อบุญธรรมของเธอเป็นผู้มีพระคุณและพี่น้องร่วมสาบานของตน ในเมื่อตนเคยรับปากว่าจะดูแลซ่งเถียนเถียน ตนจึงต้องรักษาคำพูด

คืนต่อมาองค์ชายหงลี่กลับไปที่บ้านของใต้เท้าอู๋อีกครั้ง เพราะรู้ว่าซ่งเถียนเถียนจะต้องหาโอกาสมาแก้แค้นอีกแน่ ซ่งเถียนเถียนเห็นองค์ชายเกาะติดตนแจจึงรู้สึกรำคาญ เลยแก้เผ็ดด้วยการผูกองค์ชายไว้กับกิ่งไม้แล้วตะโกนเรียกคนของทางการก่อนวิ่งหนีไป

องค์ชายหงสือต้องการสร้างผลงานจึงทรมานเฉินลิ่วเพื่อคาดคั้นความจริง เฉินลิ่วทนไม่ไหวจึงยอมสารภาพว่าผู้บงการคือ "เหลียนชินอ๋อง"


องค์ชายหงลี่ยังคงเกาะติดซ่งเถียนเถียนชนิดไปไหนไปด้วยเพราะอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงต้องการฆ่าใต้เท้าอู๋ โดยโกหกเธอว่าตนเป็นโจรที่ชอบขโมยของตามบ้านขุนนางฉ้อฉลอย่างอู๋เหวินปิน ซ่งเถียนเถียนได้ยินชื่อใต้เท้าอู๋แล้วควันออกหู จึงหลุดปากบอกองค์ชายว่าใต้เท้าอู๋ทำให้ทุกคนในบ้านเธอถูกประหารอย่างไม่เป็นธรรม เธอจึงมาที่นี่เพื่อแก้แค้น

เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ใน "ศึกขุมทรัพย์ราชวงศ์ชิง (The Empire Warrior)" ทางช่องทรูโฟร์ยู

* เนื้อหาโดย luvasianseries


นักแสดงนำ

 

เหอเฉิงหมิน (มิคกี้ เหอ)
รับบท  อ้ายซินเจว๋หลัว หงลี่ / สมเด็จพระจักรพรรดิเฉียนหลง
(นักแสดง/นักร้อง/นายแบบ ชาวจีน)


 

เจียงเมิ่งเจี๋ย
รับบท ซ่งเถียนเถียน
(นักแสดงชาวจีน)


 

เกาหยาง
รับบท หลี่ชงเอ๋อร์
(นักแสดงชาวจีน)


 

หม่าเหวินหลง
รับบท เยี่ยชางอวิ๋น
(นักแสดง ชาวจีน)



 

ลวี่เจียหรง
รับบท ฮองเฮา
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หวังหลิน
รับบท ฮองไทเฮา
(นักแสดง ชาวจีน)


 

ทังเจิ้นเยี่ย
รับบท จักรพรรดิหย่งเจิ้ง
(นักแสดง ชาวฮ่องกง)


 

หลี่ไท่
รับบท องค์ชายหงสือ (องค์ชาย 3)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หวังไป่หลุน
รับบท องค์ชายหงโจ้ว (องค์ชาย 5)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

ทังเจิ้นจง (พี่ชาย ทังเจิ้นเยี่ย)
รับบท องค์ชายอิ้นซื่อ (องค์ชาย 8 ในจักรพรรดิคังซี พระอนุชาจักรพรรดิหย่งเจิ้ง)
(นักแสดง ชาวฮ่องกง)


 

วังย่าเฉา
รับบท เกาชิงสี่
(นักแสดง ชาวจีน)





* ดูคลิปตัวอย่างและเบื้องหลังจากช่องซีทีเอส (ไต้หวัน) ได้ ที่นี่


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา