วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เรื่องย่อ ตำนานกษัตริย์พิชิตบัลลังก์ (The Great Seer)




กำกับ: ลี ยงซอก
เขียนบท: ลี ซูยอน, นัม ซอน-นยอน
แนวละคร: อิงประวัติศาสตร์, โรแมนติก, แอ็คชั่น
จำนวนตอน: 35
ออกอากาศ: เกาหลี - วันที่ 10 ตุลาคม 2555 - 7 กุมภาพันธ์ 2556 ทางเอสบีเอส
                ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.00-16.00 น. และ 20.15-22.15 น.  ทางช่อง 3 สแตนดาร์ด ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2558 - 30 สิงหาคม 2558

เรื่องย่อ




ละคร "ตำนานกษัตริย์พิชิตบัลลังก์ (The Great Seer)" นำเสนอเรื่องราวของ "มก จีซัง" ซึ่งเป็นผู้หยั่งรู้อดีต-อนาคต และเป็นซินแสประจำราชสำนักที่เชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งการพยากรณ์ การดูโหงวเฮ้ง และฮวงจุ้ย  แต่พรสวรรค์และความสามารถอันโดดเด่นของเขามักทำให้ผู้คนเข้าใจผิดคิดว่าเขามีพลังวิเศษ อำนาจมนต์ดำ หรือถูกผีสิงเสมอ ในช่วงปลายของราชวงศ์โครยอ จีซังไม่เพียงเป็นซินแสที่ได้รับการยกย่อง หากยังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทั้งยังเป็นผู้ผลักดันแม่ทัพ "ลี ซอง-กเย" ให้ขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซอนอีกด้วย 

ละครเปิดฉากขึ้นนอกเมืองแค-กยอง (ปัจจุบันคือเมืองเคซองของเกาหลีเหนือ)  ในวันที่ 1 มิถุนายน 1388 (พ.ศ. 1931) หลังจากแม่ทัพ "ลี ซองกเย" ถอนทัพจากเกาะวีฮวาได้ 8 วัน

* "เกาะวีฮวา" อยู่ในแม่น้ำยาลูซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติที่กั้นระหว่างจีนและเกาหลีเหนือ  เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเกาหลี เนื่องจากเป็นที่ๆ "ลี ซองกเย" ซึ่งได้รับคำสั่งให้ยกทัพขึ้นเหนือเพื่อข้ามแม่น้ำยาลูไปบุกโจมตีอาณาจักรหมิง (ตอนนั้นราชวงศ์หมิงเพิ่งได้รับการสถาปนาขึ้นใหม่แทนที่ราชวงศ์หยวน) ได้ตัดสินใจเคลื่อนทัพกลับมาโจมตีเมืองหลวง จนนำไปสู่การล่มสลายของราชวงศ์โครยอ หลังจากนั้นก็ตั้งตนเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ใหม่ (พระเจ้าแทโจแห่งราชวงศ์โชซอน) และย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่ฮันยางหรือกรุงโซลในปัจจุบัน



แม่ทัพ "ลี ซองกเย" พร้อมขุนพลคู่ใจและ "จีซัง" ยืนมองเมืองแคกยองจากบนยอดเขาท่ามกลางสภาพอากาศที่แปรปรวนและหนาวเหน็บ จีซังถามย้ำเป็นครั้งสุดท้ายว่าจะบุกเมืองแคกยองหรือไม่ เพราะถ้าเคลื่อนทัพผ่านจุดนี้ไปแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนใจได้อีก แม่ทัพลีเปรยว่า "หากพวกเราพ่ายแพ้ก็เท่ากับเป็นการก่อกบฏ" จีซังกล่าวเสริม "แต่ถ้าท่านชนะก็จะเป็นการพลิกแผ่นดิน" แม่ทัพลีแหงนหน้ามองฟ้าพลางนึกสงสัยว่าภารกิจในครั้งนี้เป็นความประสงค์ของสวรรค์ด้วยหรือไม่ จีซังกล่าวว่า แม้แม่ทัพลีจะไม่ได้รับอาณัติแห่งสวรรค์* แต่เขาก็เป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่สามารถเปลี่ยนแปลงลิขิตสวรรค์ได้ แม่ทัพลีได้ยินดังนั้นเลยเกิดความฮึกเหิมและเชื่อมั่น จึงยืนยันว่าจะบุกโจมตีเมืองเมืองแคกยอง

* คำว่า อาณัติแห่งสวรรค์ คือ ความชอบธรรมที่สวรรค์มอบให้มนุษย์คนหนึ่ง เพื่อให้มีอำนาจในการปกครองประชาชน บัญญัติขึ้นโดย "พระเจ้าโจวอู่" ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจว (ของจีน) เพื่ออ้างความชอบธรรมในการปกครองแผ่นดินหลังโค่นล้มราชวงศ์ซาง โดยระบุว่าผู้ได้รับอาณัติแห่งสวรรค์จะมีสถานะเป็น “โอรสแห่งสวรรค์”

ย้อนกลับไปเมื่อ 46 ปีก่อน หรือปี ค.ศ. 1342  (พ.ศ. 1885) ซึ่งเป็นปีที่พระเจ้าชุงฮเยแห่งโครยอขึ้นครองราชย์เป็นปีที่สาม (เป็นการครองบัลลังก์ครั้งที่สอง เพราะก่อนหน้านี้พระองค์ทรงยึดอำนาจมาจากพระราชบิดา (พระเจ้าชุงซุก) แล้วตั้งตนขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่ถูกพระบิดายึดบัลลังก์คืนได้สำเร็จ หลังพระเจ้าชุงซุกสวรรคตในปี ค.ศ. 1339 พระเจ้าชุงฮเยก็ได้ขึ้นครองบัลลังก์อีกครั้ง)

ในขณะที่หัวหน้าธิดาเทพกำลังทำพิธีบวงสรวงที่ตำหนักเทพ เธอมองเห็นภาพดวงใหญ่ตกลงมาจากฟากฟ้าพร้อมการปรากฏตัวของสัตว์เทพทั้งสี่* ซึ่งปกครองน่านฟ้าทั้งสี่ทิศ ได้แก่ มังกรเขียว, เสือขาว, กระเรียนแดง (หรือหงส์แดง) และเต่าดำ (เต่าดำ มีลักษณะร่วมกันของเต่าและงู แต่ในละครเรื่องนี้ดันมีรูปร่างคล้าย "ไดโนเสาร์")   โดยดวงดาวได้ตกลงตรงจุดศูนย์กลางของทิศทั้งสี่  

* สัตว์เทพทั้งสี่ เป็นตัวแทนของทิศทั้งสี่และเทพเจ้าผู้พิทักษ์ของชาวจีนโบราณ ปรากฏในศาสตร์วิทยาการจีนหลายสาขา เช่น ดาราศาสตร์ และภูมิศาสตร์ และการทหาร (ตำราพิชัยสงครามบทหนึ่ง ได้กล่าวถึงการกำหนดทิศทางเดินทัพไว้ว่า “ซ้ายมังกรเขียว ขวาเสือขาวครอง หงส์แดงนำหน้า เต่าดำสถิตยังเบื้องหลัง”) ทิศตะวันออกแทนกลุ่มดาวมังกรเขียว (ธาตุไม้), ทิศตะวันตกแทนกลุ่มดาวเสือขาว (ธาตุทอง), ทิศใต้แทนกลุ่มดาวกระเรียนแดงหรือหงส์แดง (ธาตุไฟ) และทิศเหนือแทนกลุ่มดาวเต่าดำ (ธาตุน้ำ) แต่ละทิศครองดาว 7 ดวง (รวม 28 ดวง) ส่วนตรงกลางเรียกว่า "มังกรเหลือง"  ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์ของธาตุดิน (บัญญัติขึ้นมาภายหลัง)  ทั้งหมดนี้มีความเกี่ยวข้องกับศาสตร์แห่งธาตุทั้งห้าและภูมิพยากรณ์ของลัทธิเต๋า ทั้งยังเป็นพื้นฐานของหลักฮวงจุ้ยอีกด้วย

หลังเห็นภาพในนิมิต หัวหน้าธิดาเทพจึงรีบแจ้งข่าวดีให้ "ฮโยมยอง", "โน ยองซู" และยองจี ทราบว่า "จามิวอน" ปรากฏขึ้นบนแผ่นดินโครยอแล้ว ยองซูเตือนว่าการหารือเรื่องจามิวอนเท่ากับทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อราชวงศ์หยวน  ธิดาเทพไม่กลัวว่าตนเองจะมีความผิดฐานเป็นกบฏ (ในตอนนั้นโครยออยู่ภายใต้การยึดครองของมองโกลราชวงศ์หยวน) ซ้ำยังพูดเต็มปากเต็มคำว่า "ราชวงศ์จะเจริญรุ่งเรืองเมื่อจามิวอนปรากฏให้เห็นบนฟากฟ้า" จากนั้นก็เตือนสติยองซูว่าอย่าปล่อยให้ความกลัวมาครอบงำจนทำให้เสียโอกาสในการฟื้นฟูและสร้างความแข็งแกร่งให้กับราชวงศ์โครยอ   (ขณะนั้นราชวงศ์โครยอถูกมองโกลเข้าครอบงำ บรรดาองค์ชายแห่งโครยอจึงต้องเสด็จไปเรียนรู้วิถีแห่งชาวมองโกลที่เมืองต้าตู (ปักกิ่ง) ทั้งยังต้องใช้ชื่อเป็นภาษามองโกล สวมใส่เสื้อผ้าสไตล์มองโกล และต้องอภิเษกกับเจ้าหญิงมองโกลด้วย)

เกร็ดความรู้ 

* "จามิวอนกุก" หรือ "กลุ่มดาวจื่อเวยหยวน" มีความสำคัญในละครเรื่องนี้ เพราะผืนแผ่นดินที่อยู่ในตำแหน่งจามิวอนมีฮวงจุ้ยที่เหมาะสำหรับการสร้างสุสานพระราชา อันจะนำมาซึ่งความยิ่งใหญ่และเจริญรุ่งเรืองของราชวงศ์ นอกจากนี้ ทำเลดังกล่าวยังเหมาะสำหรับการสร้างบ้านแปงเมือง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างวังหลวง เพราะเป็นจุดศูนย์กลางสรรพสิ่ง (เชื่อว่าเป็นศูนย์กลางจักวาล) ขณะที่พระราชาก็เป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจ ทั้งยังเป็นโอรสแห่งสวรรค์และมังกรแห่งพื้นพิภพอีกด้วย  (หัวหน้าธิดาเทพต้องการค้นหาสุดยอดทำเลทองที่อยู่ในตำแหน่งจามิวอน เพราะเชื่อว่าถ้าหาพบจะทำให้ราชวงศ์กลับมาแข็งแกร่ง ยิ่งใหญ่ และไม่ตกเป็นเบี้ยล่างของราชวงศ์หยวนอีกต่อไป ราชวงศ์หยวนจึงทั้งกลัวและโกรธ เมื่อรู้ว่าพระเจ้าคงมินกำลังตามหาที่ดินบริเวณดังกล่าว)

* "จามิวอน" หรือ "กลุ่มดาวจื่อเวยหยวน" จะปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้าทางด้านทิศเหนือ เป็นศูนย์กลางของกลุ่มดาวอีกสองกลุ่มคือ "กลุ่มดาวไท่เวยหยวน" (อยู่ทางทิศตะวันออกและทิศเหนือของกลุ่มดาวจื่อเวยหยวน) และ "กลุ่มดาวเทียนซื่อหยวน" (อยู่ทางทิศจะวันตกและทิศใต้ของกลุ่มดาวจื่อเวยหยวน) 

* คนจีนโบราณแบ่งท้องฟ้าออกเป็น 31 ส่วน ใน 31 ส่วนแบ่งเป็นกลุ่มดาวสองกลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มดาวซานหยวน และกลุ่มดาว 28... "กลุ่มดาวซานหยวน" ประกอบด้วยกลุ่มดาวสามกลุ่มคือ กลุ่มดาวจื่อเวยหยวน , กลุ่มดาวไท่เวยหยวน และกลุ่มดาวเทียนซื่อหยวน ส่วน "กลุ่มดาว 28" ประกอบด้วยกลุ่มดาวใหญ่ 4 กลุ่มหรือสัตว์สี่ทิศ (สัตว์เทพทั้งสี่ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น) ซึ่งดาวใหญ่แต่ละกลุ่ม ยังแบ่งออกเป็น 7 กลุ่มดาวย่อย รวมทั้งหมดจึงเท่ากับ 28 กลุ่มดาว




"มก ทงยุน" จากซออุนกวาน (สำนักดาราศาสตร์และการพยากรณ์ - ดูแลเรื่องฮวงจุ้ย) ซึ่งเป็นผู้หยั่งรู้อดีต-อนาคตที่มีสายตาเฉียบแหลมและเป็นคนเงียบขรึม ได้รับมอบหมายอย่างลับๆ ให้เป็นผู้ค้นหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์บนแผ่นดินโครยอที่อยู่ในตำแหน่งจามิวอน เขาดั้นด้นเดินทางด้วยความยากลำบาก ทั้งยังต้องฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนามและเสี่ยงอันตรายตามลำพัง ภารกิจของเขาไม่เพียงหาตำแหน่งจามิวอนให้เจอ แต่ยังต้องฝังตราสัญลักษณ์ลงไปในบริเวณดังกล่าวด้วย หลังผ่านพ้นความยากลำบากนานัปการ ในที่สุดทงยุนก็พบดินแดนจามิวอนสำหรับโอรสแห่งสวรรค์ (พระราชา) ที่มีสัตว์เทพทั้งสี่คุ้มครองตามหลักฮวงจุ้ย แต่ข่าวร้ายก็คือ 'เขามาถึงเร็วไป 50 ปี' เพราะที่ดินบริเวณนี้ถูกสวรรค์กำหนดให้เป็นของพระราชาที่จะเสด็จมาประทับในอีก 50 ปีข้างหน้า เขาจึงไม่สามารถฝังตราสัญลักษณ์ลงไปในดินแดนต้องห้ามนี้ได้


หัวหน้าธิดาเทพสั่งลงโทษทงยุนสถานหนัก โทษฐานที่ไม่ยอมปริปากบอกว่าดินแดนจามิวอนอันศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ ณ ที่ใด แม้จะถูกทรมานอย่างแสนสาหัสแต่ทงยุนยังคงยืนกรานว่ายังไม่ถึงเวลาและไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ จึงถูกลงโทษจนเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง ถึงกระนั้นเขาก็ยังยืนยันว่าถ้าดินแดนดังกล่าวถูกครอบครองก่อนกำหนดประชาชนทั่วทั้งแผ่นดินจะพากันอดอยากยากแค้น หัวหน้าธิดาเทพเห็นทงยุนห่วงใยทุกข์สุขของประชาชน จึงนำชีวิตนักโทษคนหนึ่งมาเป็นเดิมพัน ทงยุนไม่อาจขัดบัญชาสวรรค์จึงต้องทำใจแข็ง และได้แต่ทนดูนักโทษคนดังกล่าวถูกทุบตีจนแน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตา

10 ปีต่อมา (ปี ค.ศ. 1352 หลังพระเจ้าคงมินแห่งราชวงศ์โครยอขึ้นครองบัลลังก์ได้ 1 ปี)

เหล่าทหารนำกำลังมาจับตัวเด็กๆ และหญิงสาวชาวบ้านเพื่อส่งไปเป็นเครื่องบรรณาการให้ราชวงศ์หยวน เมื่อถูกชาวบ้าน 2 คนร้องขอให้ละเว้นลูกชายคนเล็กและลูกสาวคนเดียวของตน แม่ทัพ "ลี อินอิม" ก็สั่งให้คืนเด็กน้อยทั้ง 2 คนให้พ่อกับแม่ ลูกน้องของเขาเห็นดังนั้นจึงเตือนว่าอย่าใจอ่อนเพราะจะทำให้ได้คนไม่ครบตามจำนวนที่อาณาจักรหยวนต้องการ

ลี อินอิมชักดาบออกจากฝักพลางบอกลูกน้องคนดังกล่าวว่า นี่คือ 'ดาบสี่พยัคฆ์' ซึ่งจะตีขึ้นได้เมื่อถึงยามขาล (ตี 3 ถึงตี 5) ของวันขาล เดือนขาล ปีขาล เท่านั้น (12 ปี ตีได้ 1 เล่ม) เขาภาคภูมิใจที่มีดาบเล่มนี้คู่กายและหมายมั่นว่าจะเอาไว้ใช้สังหารแม่ทัพของศัตรู แต่สุดท้ายกลับต้องนำมันมาใช้กับคนในชาติ หลังใช้ดาบสี่พยัคฆ์แทงชาวบ้านคนหนึ่งที่มาร้องขอเจ้าสาวคืน (หลังเจ้าสาวถูกทหารลากตัวไปกลางงานแต่ง) ลี อินอิมก็ตะคอกใส่ลูกน้องด้วยความโกรธที่หาผู้หญิงมาได้ไม่มากพอ ทำให้ตนต้องใช้ดาบอันสูงส่งมากำจัดพวก 'เศษสวะ' เพื่อปกป้องบรรณาการของศัตรู จากนั้นก็สั่งให้ลูกน้องจับผู้หญิงมาให้ครบเพื่อไม้ให้พระเจ้าคงมินถูกคณะทูตของราชวงศ์หยวนหยามพระเกียรติ


อีกด้านหนึ่งในวังหลวง เหล่าทหารองค์รักษ์พากันร่ายรำเพลงกระบี่อันน่าตื่นตาตื่นใจให้พระเจ้าคงมินและคณะทูตของราชวงศ์หยวนได้ชม (นักแสดงที่เข้าฉากนี้ต้องฝึกซ้อมท่วงท่าเป็นเวลา 2 เดือนเต็ม) แทนที่จะรู้สึกประทับใจ ทูตหยวน "ลี กาโน" กลับรู้สึกโกรธและสงสัยว่าพระเจ้าคงมินแอบฝึกกองกำลังที่แข็งแกร่งไว้ต่อต้านราชวงศ์หยวน พระเจ้าคงมินปฏิเสธโดยกล่าวว่าการแสดงดังกล่าวยังอ่อนด้อยเกินกว่าจะต่อกรกับราชวงศ์หยวน ทูตหยวนต้องการทดสอบฝีมือของหัวหน้าทหารองครักษ์ (ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะนักแสดง) จึงชักดาบของทหารคนหนึ่งออกมา เขามองดูคมดาบพลางกล่าวอย่างนึกสงสัยว่า หัวใจของพระเจ้าคงมินจะแข็งแกร่งและเป็นภัยเหมือนดาบเล่มนี้หรือไม่

พระมเหสี (เป็นองค์หญิงมองโกล ภายหลังถูกตั้งชื่อเกาหลีว่า "องค์หญิงโนกุก") ทนดูทูตหยวนลบหลู่พระเจ้าคงมินต่อหน้าเหล่าขุนนางในราชสำนักไม่ได้จึงลุกขึ้นตำหนิ ทำให้ถูกทูตหยวนตอกกลับว่าพระองค์ก็เป็นคนของราชวงศ์หยวนเช่นเดียวกับตน หลังจากนั้น ทูตหยวนก็ถือดาบเข้าโจมตีหัวหน้าทหารองครักษ์ แต่ทหารคนดังกล่าวไม่ตอบโต้และเบี่ยงตัวหลบหนี เขาส่งสายตาให้พระเจ้าคงมินเพื่อสอบถามว่าจะให้รับมืออย่างไร เมื่อพระเจ้าคงมินส่งสัญญาณบอกให้เขายอมศิโรราบ ทหารองครักษ์คนดังกล่าวก็รู้ชะตากรรมของตนจึงทูลว่าตนรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับใช้พระองค์ ทูตหยวนได้ยินดังนั้นเลยใช้ดาบแทงเข้าที่อกของทหารกล้าต่อหน้าต่อตาพระเจ้าคงมิน ทหารคนดังกล่าวจับปลายดาบเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ดาบปักลึกลงไป จากนั้นก็หันไปหาพระเจ้าคงมินอีกครั้งเพื่อรอรับพระบัญชาว่าจะให้ตนลงมือหรือไม่   แม้จะรู้สึกเคียดแค้นแต่พระเจ้าคงมินยังยืนยันคำเดิม (ไม่ให้แสดงฝีมือ) นายทหารคนดังกล่าวจึงถูกทูตหยวนสังหารอย่างเหี้ยมโหด


พระมเหสีเห็นดังนั้นจึงชักดาบออกมาและลั่นวาจาว่าจะตัดหัวทูตหยวน พระเจ้าคงมินเข้ามาห้ามและเตือนว่านายทหารคนดังกล่าวอุตส่าห์เสียสละชีวิตเพื่อพวกตน หากทำเช่นนี้การตายของเขาจะสูญเปล่า ทูตหยวนหัวเราะเยาะและพูดกระทบกระเทียบพระเจ้าคงมินว่า ทหารพวกนี้ไม่รู้ตัวว่าตนเองต่ำต้อยแค่ไหน แค่ถือดาบอยู่ในมือก็หลงคิดว่าตนเองเป็นนักดาบ จากนั้นก็ถามพระเจ้าคงมินว่า การที่พระองค์ได้ประทับบนบัลลังก์นั่น ทำให้พระองค์หลงคิดไปว่าตนเองเป็นพระราชาจริงๆ ด้วยหรือเปล่า

ยองจีทนไม่ไหวจึงลุกขึ้นมาตำหนิทูตหยวนที่พูดจาสามหาว  เมื่อทูตหยวนเดินตรงเข้าไปหา เธอก็แนะนำตนเองว่า "ข้า...ยองจี จากซออุนกวาน" พระเจ้าคงมินไม่ต้องการให้ยองจีโดนเล่นงานอีกคนจึงชิงตบหน้าเธอเต็มแรง แล้วสั่งให้ทหารลากตัวเธอไปสังหารโทษฐานที่ดูหมิ่นทูตหยวน  ระหว่างถูกนำตัวไปขังคุกเพื่อรอลงอาญา แม่ทัพลี อินอิมก็เข้ามาบอกให้ยองจีร้องขอชีวิต เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่จะทำให้เธอรอดตาย ยองจียืนกรานว่าตนยอมตายแต่ไม่มีวันร้องขอชีวิตโดยเด็ดขาด ลี อินอิมได้ยินดังนั้นจึงได้แต่ทอดถอนใจ


ธิดาเทพ "ซู รยอนแก" เห็นอินอิมคุยกับยองจีบริเวณโถงทางเดินจึงยืนดูอยู่ห่างๆ เธอแอบมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับอินอิม ทั้งๆ ที่รู้ว่าใจเขาไม่ได้อยู่กับเธอ ซึ่งอินอิมเองก็ยอมรับว่าเขามาหาเธอเพื่อสนองตัณหาและระบายอารมณ์ คืนนั้นเขาไปหารยอนแกด้วยความรู้สึกอัดอั้นตันใจและโกรธพระเจ้าคงมินที่ส่งผู้หญิงให้อาณาจักรหยวนเพื่อปกป้องบัลลังก์ของตน แถมยังยอมก้มหัวให้ทูตหยวนถึงขนาดปล่อยให้ทหารของตนโดนฆ่าตายต่อหน้าต่อตา เขาผิดหวังที่โครยอมีพระราชาขี้ขลาดแบบนี้ และไม่พอใจที่ต้องถวายงานรับใช้พระราชาที่ไม่อาจปกป้องแม้แต่ศักดิ์ศรีของตนเอง รยอนแกจึงแนะให้อินอิมใช้ดาบสี่พยัคฆ์กำจัดเสือที่ไม่มีอำนาจ (พระเจ้าคงมิน) แล้วหันมารับใช้ราชวงศ์หยวนแทน

ยองจีซึ่งรอรับโทษประหารอยู่ในคุกถูกทหารนำตัวออกไปทางด้านนอก แทนที่จะถูกส่งตัวไปยังลานประหารเธอกลับถูกพามาพบหัวหน้าธิดาเทพเพื่อรับมอบหมายภารกิจแทน เมื่อถูกถามว่ายังจำเรื่องดินแดนจามิวอนที่พวกตนตามหาเมื่อ 10 ปีก่อนได้ไหม ยองจีทำหน้าเศร้าแล้วบอกว่าจามิวอนเป็นเพียงดินแดนที่ปรากฏอยู่ในตำนานและยังไม่เคยมีใครค้นพบ พอรู้ว่าทงยุนจากซออุนกวานพบดินแดนจามิวอนแล้วยองจีก็รู้สึกตกใจ เพราะก่อนหน้านี้หัวหน้าธิดาเทพเคยบอกเธอว่าทงยุนตกหน้าผาตายขณะออกตามหาดินแดนจามิวอน


หัวหน้าธิดาเทพนำแผนที่ดินแดนจามิวอนออกมาให้ยองจีดู พร้อมทั้งบอกว่าทงยุนจงใจลบแผนที่นี้เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าดินแดนจามิวอนตั้งอยู่ที่ใด ยองจีถามหัวหน้าธิดาเทพว่าทำไมทงยุนถึงต้องปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับ พระเจ้าคงมินเดินเข้ามาในห้องแล้วตอบว่า "เขาบอกว่ายังไม่ถึงเวลา เลยไม่ยอมปริปาก"  พระองค์ทรงรู้ดีว่าในสายตายองจีและคนทั่วไปพระองค์ไม่ต่างอะไรกับหุ่นเชิดหรือสุนัขรับใช้ของราชวงศ์หยวน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพระองค์ไม่มีอำนาจ  พระองค์จึงอยากให้ยองจีนำอำนาจนั้นมาให้ตนเพื่อที่ตนจะได้เป็นพระราชาแห่งโครยอโดยสมบูรณ์ และหน้าที่ของยองจีก็คือการหว่านล้อมให้ทงยุนยอมเปิดเผยที่ตั้งของดินแดนจามิวอน

ทงยุนซึ่งสูญเสียตาไปหนึ่งข้างและต้องอยู่ในคุกมืดมาตลอด 10 ปี พยายามดูแลร่างกายให้กระฉับกระเฉงและแข็งแกร่งด้วยการออกกำลังกาย เมื่อเห็นตัวด้วงไต่อยู่ที่บริเวณกำแพง เขาก็ซัดมีดสั้นใส่ตัวด้วงอย่างแม่นยำแล้วหยิบใส่ปาก (ผู้กำกับเผยว่าขณะถ่ายทำนักแสดง "ชเว แจอึง" หยิบตัวด้วงใส่ปากแล้วเคี้ยวจริงๆ) เมื่อเห็นว่ามีคนมาทงยุนก็รีบเก็บซ่อนมีด เขาตั้งใจว่าจะใช้มีดทำร้ายทหารยามที่มาเปิดประตู แต่ยังไม่ทันได้ลงมือหัวหน้าธิดาเทพก็ปรากฏตัวขึ้นเสียก่อน หลังจากนั้นเขาก็ถูกนำตัวออกจากคุกเป็นครั้งแรก (แต่ยังคงถูกล่ามโซ่อยู่)

ยองจีไปพบทงยุนเพื่อขอให้เขามอบดินแดนจามิวอนให้พระเจ้าคงมิน ทงยุนถามทั้งที่ยังหลับตาว่าทำไมตนต้องทำเช่นนั้น (เขาอยู่ในคุกมืดมาตลอด 10 ปี ตาเลยยังสู้แสงไม่ได้)  ยองจีตอบว่าเพื่อแลกกับอิสรภาพและการมีชีวิตที่มั่งคั่งตราบจนวันตาย (เธอน้ำตาไหลพรากเมื่อเห็นสภาพของทงยุน) เมื่อเห็นว่าทงยุนไม่สนใจทรัพย์สินเงินทอง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงและได้สัมผัสผู้หญิงเป็นครั้งแรกในรอบสิบปี ยองจีเลยลองใจด้วยการถามว่าหากเธอมอบร่างกายให้กับเขาแล้วเขาจะยอมบอกที่ตั้งของจามิวอนหรือไม่ ทงยุนอ้างว่าตนไม่ชอบผู้หญิงผอมแห้งแรงน้อย


ยองจีถามด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือว่า "เจ้าจำข้าไม่ได้จริงๆ หรือ" พอรู้ว่าหญิงสาวที่อยู่หน้าคือยองจี ทงยุนก็ถึงกับอึ้ง เขาค่อยๆ ลืมตาและถามเธอว่าสบายดีไหม ยองจี กล่าวด้วยความน้อยใจว่า "ข้าบอกแล้วว่าจะรอเจ้า คนที่ข้าเฝ้ารอมานานแสนนานยังไม่กลับมา เจ้าคิดว่าข้าจะสบายดีมั๊ย" ยองจีไม่เข้าใจว่าทำไมทงยุนถึงยอมให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพนี้ทั้งๆ ที่พบจามิวอนแล้ว ทงยุนตอบว่าถึงพบก็เหมือนไม่พบ เมื่อเห็นว่าทงยุนยังคงปากแข็งและยอมแลกด้วยชีวิต ยองจีก็อดโมโหไม่ได้จึงบ่นว่าเขาทั้งโง่และดื้อด้าน (เมื่อ 10 ปีก่อนเธอก็เคยว่าเขาแบบนี้)

ทงยุนมองหน้ายองจีแล้วกล่าวว่าสายตาของเธอในตอนนี้น่ากลัวกว่าการอยู่อย่างทรมานมาตลอด 10 ปี เสียอีก เขาจะยอมบอกเธอเรื่องที่ตั้งดินแดนจามิวอน แต่เธอต้องให้เขากลับไปที่นั่นอีกครั้งก่อนเพราะผ่านไปนาน 10 ปีแล้วสภาพแวดล้อมคงเปลี่ยนไป ในที่สุดทงยุนก็ได้ออกเดินทางอีกครั้งโดยมียองจีและทหารจำนวนหนึ่งติดตามไปด้วย ทงยุนขอแวะล้างเนื้อล้างตัวที่ลำธารในแถบภูเขาชอนมาและขอให้ทหารช่วยถอดกุญแจมือ หลังจากนั้นก็เดินลงน้ำโดยมีทหาร 2 นายคอยตามประกบ เมื่อสบโอกาสทงยุนก็ใช้มีดสั้นต่อสู้กับทหารแล้วรีบวิ่งหนีไป ยองจีรู้ว่าทงยุนจะหนีลงเรือจึงบอกให้ทหารไปดักรอที่ท่าน้ำ ทหารคนดังกล่าวแย้งว่าแถวนี้ไม่มีท่าน้ำและนำกำลังออกติดตามบนเส้นทางปกติ ยองจีจึงรีบเก็บกุญแจมือแล้วควบม้าไปตามหาทงยุนตามลำพัง


เมื่อเห็นทงยุนกำลังพายเรืออกจากฝั่งยองจีจึงขี่ม้าไล่ตาม แต่พอน้ำเริ่มลึกขึ้นม้าก็ไม่ยอมไปต่อทั้งยังสะบัดยองจีจนร่วงตกลงไปในน้ำและจมหายไปต่อหน้าต่อตาทงยุน (ฉากตกน้ำออกอากาศแค่ 10 วิ แต่นักแสดงหญิง "ลีจิน" ต้องอยู่ในน้ำประมาณ 8 ชั่วโมง เพราะต้องถ่ายซ้ำๆ หลายครั้งเพื่อให้ได้ภาพที่ดีที่สุด โดยเฉพาะตอนที่ร่วงลงจากหลังม้าแล้วตกลงไปในน้ำ)  ทงยุนรีบดำน้ำลงไปช่วยแล้วพายองจีขึ้นเรือ (เธอยังคงกำกุญแจมือเหล็กเอาไว้แน่น) พอตั้งสติได้ยองจีก็รีบนำกุญแจมือมาล็อคแขนทงยุนและแขนข้างหนึ่งของตนก่อนโยนลูกกุญแจลงน้ำเพื่อที่เขาจะได้ไม่หนีเธอไปอีก ทงยุนสงสัยว่ายองจีรู้ได้อย่างไรว่าตนจะหนีทางเรือ ยองจีตอบว่าเธอรู้ว่าเขาเป็นคนธาตุไม้ (ธาตุที่ช่วยส่งเสริมคนธาตุไม้ตามหลักฮวงจุ้ยก็คือ น้ำ) ยองจีสงสัยว่าทงยุนจะหนีไปที่ใด ทงยุนตอบเพียงว่าไม่ใช่ดินแดนจามิวอน หลังหลบหนีได้สำเร็จ (และใช้ขวานตัดกุญแจมือแล้ว) ทงยุนก็ไล่ยองจีกลับวังเพราะไม่อยากให้เธอตกระกำลำบากไปกับตน แต่ยองจีไม่ยอมกลับและขออยู่เคียงข้างทงยุน

พระเจ้าคงมินสั่งลี อินอิมให้ออกตามหายองจีและคอยคุ้มกันเธอจนกว่าภารกิจจะลุล่วง หลังจากนั้นค่อยปล่อยตัวยองจีกับทงยุน แต่ถ้ายองจีทำงานไม่สำเร็จให้จับเป็นทงยุน เมื่ออินอิมออกไปแล้ว พระเจ้าคงมินก็ถามหัวหน้าธิดาเทพว่าไว้ใจอินอิมได้ไหม หัวหน้าธิดาเทพกล่าวเพียงว่าอินอิมเป็นคนต่ำช้า เขาจะทำงานนี้ได้สำเร็จลุล่วง


ขณะที่อินอิมกำลังจะออกเดินทางตามพระบัญชา รยอนแกก็ให้คนมาเชิญเขาไปพบ อินอิมสงสัยว่าจามิวอนคืออะไร รยอนแกอธิบายว่าเป็นดินแดนในตำนาน พระเจ้าคงมินคิดจะปลดแอกอาณาจักรโครยอจากการครอบงำของราชวงศ์หยวนด้วยการครอบครองดินแดนจามิวอน (โครยออยู่ภายใต้การครอบงำของมองโกลราชวงศ์หยวนมานานกว่า 80 ปี)  อินอิมได้ยินแล้วรู้สึกขำและไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้เพราะในสายตาเขาพระเจ้าคงมินเป็นแค่คนขี้ขลาดตาขาว ทูตหยวนเดินออกมาจากที่ซ่อนแล้วแย้งว่านั่นเป็นเพียงหน้ากากที่พระเจ้าคงมินใช้หลอกลวงตน ทูตหยวนขอให้อินอิมมอบจามิวอนให้ตนเพื่อที่ตนจะได้ทำลายจิตวิญญาณและความหวังของโครยอ หากอินอิมยอมช่วย เขาจะแนะนำอินอิมกับองค์จักรพรรดิเป็นการส่วนตัว 

เมื่ออินอิมยอมรับข้อเสนอ รยอนแกก็บอกให้อินอิมฆ่าปิดปากทงยุนและยองจีหลังงานสำเร็จ เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องจามิวอนถูกแพร่งพรายออกไป อินอิมแย้งว่ายองจีเป็นเชื้อพระวงศ์  ทูตหยวนจึงบอกว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและยองจีก็สมควรตายตั้งแต่แรก (โทษฐานที่ลบหลู่ตน) หลังคุยจบรยอนแกก็แนะให้อินอิมไปตามหาทงยุนกับยองจีที่บ้านพี่ชายของทงยุน

เมื่อไปถึงหมู่บ้านของบ้านพี่ชาย ทงยุนก็พบว่าทั้งหมู่บ้านถูกทำลายจนกลายเป็นเมืองร้าง เหลือเพียงเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่อยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ด้วยความหวาดผวา ยองจีมอบอาหารให้เด็กแล้วถามว่าใครเป็นคนทำ  เด็กน้อยตอบว่าคนในหมู่บ้านโดนปีศาจที่อาศัยอยู่ในป่าบนภูเขาสูงจับตัวไป  


ทงยุนและยองจีเข้าไปตามหาทงจิน (พี่ชายทงยุน)  ในป่าแต่พลาดท่าถูกคนป่าจับตัวไปเพราะสงสัยว่าทั้งคู่อาจเป็นสายลับ เหล่าคนป่าคิดที่จะนำตัวทั้งคู่มาทรมานเพื่อให้ได้คำตอบเรื่องตำแหน่งที่ตั้งของศัตรู ทงยุนแย้งว่าตนไม่ใช่สายลับแต่มาที่นี่เพื่อตามหาทงจิน คนป่ากล่าวว่าหากคนที่เขาตามหาไม่อยู่ในหมู่บ้านก็แสดงว่าตายไปแล้ว ทงจินคิดว่าพวกคนป่าฆ่าพี่ชายตนจึงตรงเข้าทำร้ายด้วยความโกรธแค้น แต่สุดท้ายกลับโดนซ้อมจนน่วม ในขณะที่ทั้งคู่กำลังจะถูกลากตัวไปฆ่า ยองจีก็รีบบอกคนป่าว่าพวกตนช่วยตามหาที่ตั้งของศัตรูให้ได้ 



หัวหน้าเผ่า (หรือแม่ทัพ "ลี ซองกเย" ในเวลาต่อมา) ซึ่งอยู่ในสภาพเมามายได้ยินแล้วถึงกับหูผึ่ง เขาลุกขึ้นมาดู (ดม) ทั้งคู่ใกล้ๆ ด้วยความสนใจ แต่ก็ยังไม่วายกล่าวหาว่าทั้งคู่เป็นหน่วยสอดแนมของเผ่ามูดี รองหัวหน้าเผ่ากล่าวว่า พวกตนออกค้นหาฐานที่ตั้งของศัตรูมานาน 2 สัปดาห์แล้วแต่ก็ยังไร้วี่แวว หากทงยุนและยองจีไม่ใช่สายลับแล้วจะหาที่ตั้งของศัตรูเจอได้อย่างไร ทงยุนตอบว่าตนเป็นผู้หยั่งรู้ยังไงก็ต้องหาเจอแน่ หัวหน้าเผ่าจึงคิดที่จะลองให้โอกาสเขาดูสักครั้ง

ทงยุนถามว่าบริเวณนี้มีป่าลึกไหม รองหัวหน้าเผ่าตอบว่ามี 6 แห่ง ทงยุนจึงบอกว่าค่ายศัตรูอยู่ในป่าลึกที่อยู่ติดน้ำ ยองจีแย้งว่าควรไปดูในป่าลึกที่มีโขดหินขนาดใหญ่ก่อน เพราะปีนี้ฝนตกหนักมากทำให้เกิดดินถล่มบ่อยครั้ง พวกมูดีจะต้องตั้งค่ายใกล้กับหินก้อนใหญ่เพื่อป้องกันดินถล่มอย่างแน่นอน เหล่าคนป่าถึงกับมึนงงเพราะไม่รู้ว่าจะฟังใครดี ทุงยุนจึงบอกให้ไปดูบริเวณที่มีหินก้อนใหญ่ก่อน    รองหัวหน้าเผ่าถามหัวหน้าว่าหากไปแล้วไม่พบค่ายของศัตรูจะทำเช่นไร หัวหน้าเผ่าเล็งคันธนูใส่ทงยุนแล้วบอกว่า "ข้าจะฆ่าเจ้า... เราจะฆ่าพวกมันทั้งสองคน!" 



ในที่สุด ทงยุนและยองจีก็พาคนป่ามาเจอค่ายของศัตรู หัวหน้าเผ่าดีใจจนออกนอกหน้าและขอออกไปลุยกับศัตรูเป็นคนแรก บรรดาลูกสมุนของเขาต่างพากันเป็นห่วงและเตือนว่าทำแบบนี้อันตรายเกินไป หัวหน้าเผ่าบอกว่าตนไม่อยากให้ทุกคนออกไปเป็นทัพหน้าแล้วพากันตายหมู่โดยไม่มีตน พูดจบหัวหน้าเผ่าก็คว้าลูกธนูเต็มกำมือแล้ววิ่งออกไปเผชิญหน้ากับศัตรูตามลำพัง (ลูกน้องของเขาเห็นดังนั้นก็ได้แต่ส่ายหัว เพราะเขาชอบลุยเดี่ยวแบบนี้เป็นประจำ)  หัวหน้าเผ่าตะโกนเรียกศัตรูแล้วเดินเข้าไปยิงธนูใส่ยามที่ประจำอยู่บนป้อมอย่างอาจหาญและแม่นยำ เมื่อเหล่าศัตรูเปิดประตูค่ายออกมาสู้ สมุนของหัวหน้าเผ่าก็กรูกันออกจากป่า 
- จบตอนที่ 1 -

เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ใน "ตำนานกษัตริย์พิชิตบัลลังก์ (The Great Seer)" ทางช่อง 3 สแตนดาร์ด

* เนื้อหาโดย luvasianseries


นักแสดงนำ




จีซอง
รับบท จีซัง
(นักแสดง)



 ซอง ชางอี
รับบท ลี จองกึน
(นักแสดง/นายแบบ/นักร้อง)



จี จินฮี
รับบท ลี ซองกเย
(นักแสดง)




คิม โซยอน
รับบท เฮอิน
(นักแสดง)



ลี ยุนจี
รับบท พันยา
(นักแสดง)



โจ มินกี
รับบท ลี อินอิม
(นักแสดง/ช่างภาพอิสระ)



โอ ยอนคยอง 
รับบท ซู รยอนแก
 (นักแสดง/มีสโคเรียปี 89) 



ลี ซึงยอน
รับบท ยองจี (ตอนเป็นผู้ใหญ่)
(นักแสดง/พิธีกร)



ลีจิน
รับบท ยองจี (ตอนเป็นสาวน้อย)
(นักแสดง/นักร้อง - อดีตวง Fin.K.L )




* ดูคลิปตัวอย่างละครเพิ่มเติมจากช่องเอสบีเอสได้ ที่นี่
* ดูคลิปเบื้องหลังละครจากช่องเอสบีเอสได้ ที่นี่

หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ/คลิปที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา