วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

เรื่องย่อ Baby-faced Beauty




กำกับ:  ลี จินซอ,  ลี โซยอน 
เขียนบท: ชอง โดยูน,  โอ ซอนฮยอง 
แนวละคร: โรแมนติก, คอเมดี้
จำนวนตอน: 20
ออกอากาศ: เกาหลี - 2 พฤษภาคม 2554 - 5 กรกฎาคม  2554 ทางเคบีเอส2
                      ไทย - ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา  21.30-23.00 น. ทางช่องเวิร์คพอยท์ทีวี เริ่ม 24 กันยายน 2556

เรื่องย่อ



"Baby-faced Beauty" นำเสนอเรื่องราวของ  "ลี โซยอง" สาวร่างเล็กหน้าเด็ก วัย 34 ปี  ที่มีความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าสักวันจะเป็นดีไซเนอร์ชื่อดังก้องโลก โชคร้ายที่เธอเรียนจบแค่ระดับมัธยมเพราะครอบครัวมีหนี้ท่วมหัว ทำให้ไม่มีเงินเรียนต่อด้านแฟชั่นดีไซน์ที่สถาบันชั้นนำของประเทศ ทั้งๆ ที่สถาบันดังกล่าวได้ตอบรับใบสมัครของเธอเรียบร้อยแล้ว เธอเลยหันไปเรียนด้านสิ่งทอและได้งานทำที่บริษัทแห่งหนึ่ง

หลังทำงานที่เดิมมานาน 14 ปี โซยองก็ถูกไล่ออกเพราะบริษัทฯ ต้องการพนักงานสาวหน้าใสรุ่นใหม่ไฟแรงมากกว่าผู้หญิงที่อายุมากอย่างเธอ นับเป็นความโชคดีของโซยองที่เกิดมาหน้าเด็ก เธอเลยถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสาวน้อยวัย 25 ที่จบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ทำให้ได้งานในบริษัทออกแบบแฟชั่นชื่อดังซึ่งเป็นงานในฝัน และนั่นก็ทำให้เธอได้พบคู่ปรับอย่าง "ชเว จินวุก" ชายหนุ่มวัย 27 ปีที่มีใบหน้าและท่าทางแก่เกินวัย แถมยังไม่ชอบคบผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า จึงเป็นที่มาของเรื่องวุ่นๆ

ละครเรื่องนี้เปิดฉากด้วยเสียงบรรยายของ "ลี โซยอง " (รับบทโดย "จาง นารา) ที่มีใจความว่า สิ่งต่างๆ ในโลกนี้ล้วนเป็นไปตามครรลองของกฏธรรมชาติ เช่น น้ำย่อมไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ และมีการหมุนเวียนเปลี่ยนผันของฤดูกาล แต่คนเรากลับพยายามที่จะฝืนกฏธรรมชาติ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้ เราทุกคนล้วนต้องการให้ตัวเองแลดูอ่อนเยาว์ อย่างน้อยๆ ขอให้หน้าเด็กลงสักหนึ่งปีก็ยังดี แต่ตัวเธอเองโชคดีที่เกิดมาหน้าเด็ก เลยไม่ต้องดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อชะลอความชราเหมือนหญิงสาวคนอื่นๆ ถึงกระนั้นก็มีหลายอย่างในโลกนี้ที่ "หน้าเด็ก" ช่วยอะไรไม่ได้


โซยองถูกหัวหน้าฝ่ายเรียกตัวไปพบ  หลังแจ้งข่าวร้ายกับเธอแล้วเขาก็บอกเธอว่า เธอมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์และงดงามจึงน่าจะหางานที่อื่นทำได้ไม่ยาก  หรือไม่ก็ถือควรถือโอกาสนี้แต่งงานเสียเลย เพราะเธอดูไม่เหมือนผู้หญิงอายุ 34 สักนิด เขายังบอกด้วยว่าตนเองก็ไม่อยากทำอย่างนี้ (ไล่เธอออก) แต่ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทไม่สู้ดีนัก ดังนั้น ถ้าหากเธอแต่งงานเมื่อไหร่ให้โทรฯ มาบอก แล้วตนจะไปร่วมร้องเพลงอวยพรให้

ตัดไปที่ภาพงานเลี้ยงฉลอง หัวหน้าแผนกกำลังร้องคาราโอเกะและเต้นรำอย่างเมามันท่ามกลางเหล่าพนักงานผู้ชาย อยู่ๆ โซยองที่อยู่ในสภาพเมาปลิ้นก็เดินโซซัดโซเซเข้ามาในห้องและขอร้องหัวหน้าแผนกให้เห็นใจเธอ "หัวหน้าบอกชั้นว่าไม่สามารถไล่พนักงานผู้ชายออกได้ เพราะพวกเขาล้วนเป็นคนมีครอบครัว แล้วชั้นล่ะ ชั้นก็มีแม่อยู่ที่บ้านเหมือนกัน ถ้าชั้นตกงานทุกคนในครอบครัวของชั้นคงต้องออกมานอนข้างถนน"


ระหว่างที่โซยองกำลังร้องไห้คร่ำครวญก็มีผู้ชายสูทดำคนหนึ่งเดินเข้ามาแจ้งข่าว "ทุกคนฟังทางนี้ หลังรอมานาน 14 ปี ในที่สุดวันนี้บริษัทของเราก็จะมีบรรยากาศที่สดใสเสียที ขอต้อนรับสาวน้อยคนนี้..." ทันทีที่พูดจบก็มีเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้มที่สดใส เธอก้มศีรษะทักทายทุกคนอย่างนอบน้อมและร่าเริง ก่อนแนะนำตัวว่าเธอเป็นพนักงานใหม่ชือว่า "เฮมี" โซยองถึงกับอึ้งเมื่อรู้ว่าบริษัทไม่ได้ไล่เธอออกเพราะขาดสภาพคล่องตามที่หัวหน้ากล่าวอ้าง แต่เป็นเพราะต้องการจ้างสาวน้อยคนดังกล่าวมาทำงานแทนสาวใหญ่อย่างเธอ

โซยองซึ่งยังคงเมาปลิ้นเดินร้องเพลงกลับบ้านเพื่อให้ลืมความทุกข์ เธอแวะไปที่เต็นท์ขายบะหมี่ข้างทางของแม่ ซึ่งขณะนั้นมีลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งดื่มโซจูดับทุกข์เพราะถูกเลิกจ้าง เขาพยายามบอกแม่โซยองว่า ตนไม่ได้โดนไล่ออกแต่ยื่นใบลาออกเอง แม่โซยองได้ยินแล้วรู้สึกรำคาญจึงบอกว่า ในเมื่อยื่นใบลาออกเองก็อย่ามานั่งโวยวายที่นี่เพราะเธอไม่ใช่ภรรยาของเขา จากนั้นก็ไล่ลูกค้าคนดังกล่าวออกจากร้านไป ลูกค้าคนดังกล่าวยืนกรานว่าตนไม่ได้โดนไล่ออก จากนั้นก็เดินโซเซออกจากร้านไป แม่โซยองจึงบ่นว่าโวยวายไปก็ไม่มีประโยชน์ ที่โดนไล่ออกเป็นเพราะไร้ความสามารถเอง แล้วจะมานั่งคร่ำครวญและสร้างความเดือดร้อนรำคาญ (ไล่ลูกค้า) ที่ร้านของเธอทำไม  เมื่อหันมาเห็นโซยองแม่ของเธอก็รู้สึกแปลกใจและถามว่ามาทำไม  โซยองได้แต่อ้ำอึ้งเพราะไม่กล้าบอกแม่ว่าเธอเองก็เพิ่งโดนไล่ออกเช่นกัน

เมื่อเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนเช้า โซยอง (ซึ่งนอนบนพื้น ขณะที่น้องสาวเธอนอนบนเตียงหนานุ่ม) ก็รีบลุกขึ้น แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเพิ่งโดนไล่ออก เมื่อหันไปเห็นประวัติส่วนตัวของน้องสาว (สำหรับสมัครงาน) เธอก็หยิบขึ้นมาดูแล้วแอบอิจฉาที่น้องสาวมีอายุเพียง 25 ปี ซึ่งถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต


อีกด้านหนึ่ง "ชเว จินวุก" (รับบทโดย ชเว แดเนียล) ซึ่งทำงานที่บริษัทออกแบบแฟชั่น "เดอะ สไตล์" ก็กำลังคุยโทรศัพท์พลางเดินฝ่ากลุ่มพนักงานที่กำลังเข็นราวแขวนเสื้อผ้าด้วยท่าทางเร่งรีบ  รุ่นพี่คนหนึ่งของเขาที่มีชื่อว่า "ชาง กีฮง" ลืมของสำคัญเอาไว้เลยโทรฯ มาขอให้เขาช่วยหา และของที่ว่าก็คือ สร้อยคอลูกปัด ที่จัดเตรียมไว้ให้นางแบบคนสำคัญสวมเดินบนแคทวอล์ค  จินวุกไม่รู้ว่าสร้อยเส้นไหนกันแน่กีฮงต้องการเลยขนไปทั้งหมด จากนั้นก็รีบหอบของแล้ววิ่งไปยังสถานที่จัดงานทันที

พอไปถึงด้านหลังเวทีจินวุกก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยหอบ แต่ก็ไม่วายถูกกีฮงบ่นว่าทำไมถึงมาช้า แถมยังโดนตำหนิที่ขนมาหมดทั้งถาดแทนที่จะหยิบมาเฉพาะสร้อยคอเส้นที่ตนต้องการ หลังบ่นจบกีฮงก็เทสร้อยลูกปัดทั้งหมดออกจากถุงแล้วบอกให้จินวุกช่วยหาเส้นที่ตนต้องการ จินวุกประท้วงว่าตนเป็น "เอ็มดี" (ในที่นี้หมายถึง มาร์เก็ตติ้ง ไดเร็คเตอร์) เรื่องแบบนี้ดีไซเนอร์ควรเป็นฝ่ายรับผิดชอบ แต่ทำไมกีฮงถึงชอบใช้ตนอยู่เรื่อย (กีฮงมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายออกแบบ)  เมื่อเห็นกีฮงก้มหน้าก้มตาควานหาสร้อยด้วยท่าทางซีเรียสจินวุกเลยช่วยรื้อ ไม่นานทั้งคู่ก็หาสร้อยคอที่ต้องการเจอ



ในตอนนั้น ทีมงานเข้ามาเร่งนางแบบคนหนึ่งให้รีบแต่งตัวเพราะใกล้ถึงคิวแล้ว นางแบบคนดังกล่าวจึงรีบเดินออกไปสแตนด์บาย แต่เนื่องจากจินวุกและกีฮงนำสร้อยคอออกมาเทกองใกล้ทางออกที่เชื่อมต่อไปยังเวทีแคทวอล์ค นางแบบคนดังกล่าวจึงเผลอเหยียบสร้อยลูกปัด (ซึ่งเป็นจังหวะที่จินวุกกำลังหยิบสร้อยเส้นนั้นขึ้นมาพอดี) ทำให้ลูกปัดขนาดเท่าลูกมะนาวบนปลายสร้อยหลุดออกและกลิ้งออกจากห้องแต่งตัวท่ามกลางสายตาอันตกตะลึงของทีมงานทุกคน กีฮงเห็นดังนั้นก็ร้องตะโกนว่าสถานการณ์ฉุกเฉิน จากนั้นก็สั่งให้จินวุกวิ่งไปเก็บ จินวุกจึงรีบวิ่งตามและตะครุบลูกปัดเม็ดสำคัญเอาไว้ได้ในที่สุด

กว่าจะรู้ตัวจินวุกก็พบว่าตนเองกำลังนั่งถือลูกปัดอยู่บนเวทีแคทวอล์ค ท่ามกลางแสงแฟลชและเสียงกดชัตเตอร์  สายตาทุกคู่ต่างก็พุ่งตรงมาที่เขา  จินวุกได้แต่นั่งอึ้งอยู่กลางเวทีและหันไปมองรุ่นพี่กีฮงเพื่อขอคำแนะนำ (ในตอนนั้นนางแบบยังคงเดินเฉิดฉายอยู่บนแคทวอล์คเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น) รุ่นพี่พยายามส่งสัญญาณมือบอกจินวุกให้รีบหลบออกไปทางด้านข้างเวทีของอีกฝั่ง แต่จินวุกเข้าใจผิดคิดว่ากีฮงบอกให้ตนออกไปเดินบนแคทวอล์ค เขาจึงสวมวิญญาณนายแบบแล้วออกไปเดินเต้นและโพสต์ท่าตลกๆ บนแคทวอล์คท่ามกลางเสียงฮือฮาของผู้ชม



ในตอนนั้น "จี ซองอิล" (รับบทโดย "รยู จิน") ประธานและซีอีโอ บริษัทออกแบบแฟชั่น "เดอะ สไตล์" วัย 35 ปี นั่งดูแฟชั่นโชว์อยู่กับ "ฮยอน จีซุก" (หนึ่งในกรรมการบริหาร) ทางด้านล่างด้วย นับว่ายังโชคดีที่คนดูชื่นชอบและต่างก็ปรบมือให้จินวุก เขาจึงไม่โดนลากลงจากเวที แถมคนดูยังนึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของโชว์จึงกล่าวชมซองอิลว่าชอบทำเซอร์ไพรส์คนดูอยู่เรื่อย  หลังกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้ว กีฮงก็รีบทวงลูกปัดจากจินวุก เพราะต้องนำมาประดับบนสร้อยคอให้นางแบบสวม (เป็นสร้อยคอเส้นสำคัญที่กีฮงใช้ให้จินวุกเอามาให้) ในที่สุด การแสดงแฟชั่นโชว์ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี กีฮงจึงบอกจินวุกว่าจะเลี้ยงเหล้าเป็นการตอบแทน

ในเวลาเดียวกันนั้น โซยองก็กำลังออกหางานทำโดยปลอบใจตัวเองว่าโลกนี้มีบริษัทตั้งมากมาย คงจะมีสักบริษัทที่ว่าจ้างเธอ... บริษัทแรกบอกว่าเธอมีประวัติการทำงานที่ยอดเยี่ยม โซยองรีบเสริมกว่าเธอได้รับคัดเลือกให้เป็นพนักงานดีเด่นถึง 3 ครั้ง แถมตอนเรียนเธอยังได้คะแนนด้านการออกแบบสูงเป็นอันดับต้นๆ ด้วย ที่สำคัญเธอทำงานบริษัทเก่ามานาน 14 ปี ไม่เคยไปทำงานสายหรือกลับบ้านก่อนเวลาเลย เรื่องอื่นๆ เธอไม่แน่ใจแต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับผ้าแล้วเธอมีความชำนาญมาก แม้โซยองจะมีคุณสมบัติที่เหมาะสมแต่ปัญหาก็คือหัวหน้า (ซึ่งเป็นคนสัมภาษณ์งาน) อายุน้อยกว่าเธอ 1 ปี เขาปฏิเสธที่จะรับเธอเข้าทำงานโดยอ้างว่าลูกน้องไม่ควรอายุมากกว่าหัวหน้า


ส่วนบริษัทที่สองบอกว่าไม่เกี่ยงเรื่องอายุขอแค่ตั้งใจทำงาน แต่สิ่งที่บริษัทเน้นเป็นพิเศษก็คือ พนักงานจะต้องมีความน่าเชื่อถือ (เครดิตดี ไม่มีปัญหาด้านการเงิน)  โชคร้ายที่โซยองและครอบครัวเป็นหนี้ก้อนใหญ่ เธอจึงถูกปฏิเสธเป็นครั้งที่สอง ด้วยความที่แบกภาระอันหนักอึ้งเอาไว้บนบ่า ไม่ว่าจะเป็นค่าดอกเบี้ย ค่าเช่าอพาร์ทเมนท์ และค่ารักษาพยาบาลแม่ โซยองจึงรู้สึกเป็นกังวลและอดน้อยใจในโชคชะตาไม่ได้เมื่อเห็นคนอื่นๆ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับครอบครัวและคนรัก

จีซุกบอกซองอิลว่าคณะกรรมการบริษัทมีความเห็นตรงกันว่าเขาควรมีเลขาฯ ถึงแม้เขาจะคิดว่าไม่จำเป็นก็ตาม เธออ้างว่าแม้บริษัทจำเป็นต้องระวังเรื่องค่าใช้จ่ายแต่คณะกรรมการเห็นว่าการมีเลขาเป็นสิ่งจำเป็น ซองอิลกล่าวว่าหากคณะกรรมการยืนกรานว่าจะจ้างเลขาตนคงไม่อาจปฏิเสธ แต่มีข้อแม้ว่ากรรมการคนใดคนหนึ่งจะต้องลาออก  (หมายถึงจีซุก) ทำให้จีซุกโกรธมาก

ในระหว่างที่โซยองกำลังเดินเหม่อ "ซุนนัม" ซึ่งเป็นเจ้าของห้องเช่าเห็นเข้าก็รีบแนะนำให้เธอไปสมัครงานที่ร้านซ่อมและแก้ทรงเสื้อผ้า แม้จะไม่เคยทำมาก่อนแต่โซยองก็ลองเข้าไปสมัครดู พอรู้ว่าโซยองไม่เคยมีประสบการณ์ในด้านนี้มาก่อน เจ้าของร้านก็ปฏิเสธที่จะรับเธอเข้าทำงาน  โซยองชี้ให้ดูเสื้อแจ็คเก็ตแล้วบอกว่าเธอออกแบบและตัดเย็บด้วยตนเอง  เจ้าของร้านจึงยอมรับเธอเข้าทำงานโดยบอกให้ทดลองงานดูก่อน หลังรับเข้าทำงานแล้วเจ้าของก็ฝากร้านให้โซยองดูแลทันที แต่ขอยึดบัตรประชาชนโซยองเอาไว้เพื่อเป็นหลักประกัน


ยังไม่ทันเริ่มลงมือทำงาน  "ลี โซจิน" น้องสาวของโซยองซึ่งอยู่ในรถแท็กซี่ก็โทรฯ มาหาโซยองแล้วถามว่าเธออยู่ที่ไหน โซยองยังไม่ทันตอบโซจินก็ถามอย่างไม่พอใจว่าเธอโดนไล่ออกหรือ โซจินนั่งรถแท็กซี่มาหาโซยองที่ร้านโดยให้โซยองเป็นคนจ่ายค่าแท็กซี่ ทันทีที่มาถึงโซจินก็ถามโซยองว่าทำไมถึงโดนไล่ออก โซยองบอกน้องสาวให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ห้ามบอกแม่โดยเด็ดขาด โซจินจึงรีบแบมือขอค่าปิดปาก โซยองซึ่งมักโดนน้องสาวรีดไถเป็นประจำกล่าวอย่างอ่อนใจว่า โซจินเองก็รู้ทั้งรู้ว่าเธอเพิ่งโดนไล่ออกจากงาน แล้วยังตามมาจะขอเงินอีกหรือ โซจินโวยวายว่าเธอจะเอาเงินไปซื้อเสื้อผ้า โซยองจึงแย้งว่าจะซื้อชุดใหม่ไปทำไมในเมื่อตู้เสื้อผ้าไม่มีที่ว่างเหลือให้แขวนเสื้อได้อีกแล้ว

โซจินจึงเดินเข้าไปในร้านซ่อมและแก้ทรงเสื้อผ้าซึ่งเป็นที่ทำงานใหม่ของโซยอง โซยองรีบวิ่งตามแล้วขอร้องให้น้องสาวออกจากร้านไปก่อนที่เจ้าของร้านจะกลับมา เมื่อเห็นว่าในร้านมีแต่เสื้อผ้าแบรนด์เนม โซจินจึงคิดที่จะหยิบเสื้อชาแนลสีขาวมาลองใส่ดู ทำให้ถูกโซยองตีสั่งสอนไปหลายที เมื่อมีลูกค้าเดินเข้ามาในร้านทั้งคู่ก็สงบศึก โซจินอาศัยจังหวะที่โซยองกำลังต้อนรับลูกค้า แอบหยิบเสื้อชาแนลสีขาวออกจากร้านไป ครั้นพอเจ้าของร้านกลับมา โซยองจึงถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมยและโดนเจ้าของร้านเล่นงานจนน่วม โชคดีที่ซุนนัมเข้ามาช่วยเอาไว้ แต่ก็นับเป็นโชคร้ายที่เธอโดนไล่ออกทั้งๆ ที่ยังไม่เริ่มต้นทำงาน


ค่ำวันนั้น จินวุกขับรถพากีฮงมาที่คลับแห่งหนึ่ง (กีฮงต้องการเลี้ยงขอบคุณจินวุกที่นี่)  จินวุกเป็นห่วงรถสุดๆ เมื่อต้องฝากรถไว้กับพนักงานรับรถ เพราะนี่คือรถคันแรกที่เขาซื้อด้วยเงินตนเอง  กีฮงเห็นจินวุกมัวแต่ชะเง้อมองรถจึงรีบดันเขาเข้าไปข้างใน เหตุผลที่กีฮงชวนจินวุกมาที่คลับแห่งนี้เป็นเพราะที่นี่เต็มไปด้วยสาวๆ หนึ่งในนั้นก็คือโซจินซึ่งเดินเข้ามาพร้อมเสื้อคลุมชาแนลสีขาว  โซยองรู้ว่าน้องสาวตัวแสบแอบมาเที่ยวที่คลับแห่งนี้ เธอจึงมาตามทวงเสื้อเพื่อที่จะนำไปคืนให้เจ้าของร้าน

ขณะนั้น โซจินยืนอยู่ตามลำพังที่ชั้นสองโดยเอาเสื้อคลุมพาดแขนเอาไว้ กีฮงเห็นโซจินยืนอยู่คนเดียวเลยแกล้งเดินมาทักว่าใช่คิม แตฮีรึเปล่า พอโซจินหันมากีฮงก็ชมว่าเธอหุ่นเหมือนลี ฮโยริ ก่อนถามตามสูตรว่าเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าโซจินเอาเสื้อแบรนด์เนมมาวางพาดแขน กีฮงก็ถามว่าให้ตนช่วยถือมั๊ย  ตอนแรกโซจินไม่สนใจ แต่พอหันไปเห็นโซยองกำลังเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้นสองโซจินก็ตอบรับคำชวนของกีฮง  กีฮงดีใจที่หญิงสาวยอมไปเต้นรำด้วยจึงรีบคว้าเสื้อคลุมที่แขนโซจินมาให้จินวุกถือไว้ แล้วพาโซจินลงไปเต้นรำที่ชั่นล่าง

โซยองเห็นเสื้อคลุมสีขาวในมือจินวุกเลยรีบเดินเข้าไปหาแล้วบอกให้เขาส่งเสื้อมาให้เธอ เมื่อเห็นจินวุกยืนงง โซยองก็แย่งเสื้อคืนมาแล้วเดินหนีหน้าตาเฉย จินวุกรีบวิ่งตามไปแย่งเสื้อคืนโดยบอกว่าเป็นเสื้อของเพื่อนตน  โซยองยืนกรานว่านี่คือเสื้อของเธอจึงเกิดการยื้อยุดฉุดกระชากกันขึ้น โซจินเห็นพี่สาวกับจินวุกกำลังเปิดศึกชิงเสื้อจึงถือโอกาสชิ่งหนี  จินวุกใช้แผนหลอกล่อจนแย่งเสื้อกลับคืนมาได้ โซยองจึงรีบวิ่งตามจินวุกไปที่บันไดแล้วคว้าตัวเขาเอาไว้  แต่แล้วก็ถูกจินวุกสะบัดออก บรรดาสาวๆ ที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็เข้าใจผิดและรุมประนามจินวุกว่าใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง จินวุกจึงโยนเสื้อคืนให้ แต่เสื้อเกิดตกลงไปในแก้วขนาดใหญ่ยักษ์ที่ภายในบรรจุมาร์ตินี่สีแดง โซยองเลยปีนบันไดแล้วพยายามเอื้อมตัวไปหยิบเสื้อแต่เกิดพลาดตกลงไปในแก้วยักษ์ต่อหน้าผู้คนนับร้อย



จินวุกพยายามบอกทุกคนว่าตนไม่ได้ผลักโซยอง เมื่อเห็นว่าโซยองออกจากแก้วไม่ได้เขาก็ยื่นแขนให้เธอ ในขณะที่โซยองกำลังปีนออกจากแก้วยักษ์ เท้าของเธอดันถีบแก้วจนล้มคว่ำแตกกระจาย แถมน้ำมาร์ตินี่ที่ไหลนองพื้นยังทำให้เกิดไฟช็อต เจ้าของร้านแจ้งจินวุกและโซยองว่าความเสียหายที่ทั้งคู่ร่วมกันก่อคิดเป็นมูลค่า 20 ล้านวอน (ราว 574,000 บาท) โซยองได้ยินแล้วถึงกับอาเจียนรดแขนจินวุก

ขณะล้างแขนเสื้อในห้องน้ำ จินวุกก็บ่นอุบว่าเหม็นหึ่ง เขาหันไปถามโซยองซึ่งกำลังนั่งอาเจียนข้างโถชักโครกว่าดื่มเหล้าเข้าไปกี่แก้ว โซยองย้อนว่า "ใครกันล่ะที่ทำให้ชั้นตกลงไปในแก้วนั่น ก็ชั้นว่ายน้ำไม่เป็นนี่นา" (เลยดื่มมาร์ตินี่เข้าไปหลายอึก)  จินวุกถามกลับ "แล้วผมผลักคุณรึเปล่า คุณน่ะตกลงไปในแก้วเองนะ" โซยองโวย "เรื่องคงไม่ลงเอยแบบนี้ถ้าหากคุณยอมคืนเสื้อให้ชั้นดีๆ ตั้งแต่แรก" จินวุกถาม "แล้วทำไมผมต้องให้เสื้อคุณด้วย ... ให้ตายสิยัยบ๊องส์!" โซยองหันขวับ "ว่าไงนะ ยัยบ๊องส์เหรอ" จินวุกขี้เกียจต่อปากต่อคำเลยบอกให้โซยองลืมๆ มันไปซะ


ระหว่างนั้น จินวุกหันไปเห็นช่องระบายอากาศทางด้านบนเลยคิดที่จะปีนขึ้นไปเปิดแต่ก็เอื้อมไม่ถึง เขาจึงกวักมือเรียกโซยอง โซยองถือเสื้อคลุมสีชมพู (เสื้อขาวแช่มาร์ตินี่เลยกลายเป็นสีชมพู) เดินเข้าไปหาจินวุกในสภาพเปียกมะลอกมะแลก หลังจากนั้นจินวุกก็สั่งให้โซยองหมอบลง ถึงแม้จะเมาแต่ก็ยังพอมีสติโซยองจึงถามเพื่อความแน่ใจว่า "นี่คุณจะเหยียบหลังชั้นแล้วปีนขึ้นไปงั้นเหรอ จะบ้ารึไง ทำไมไม่ขี่หลังชั้นซะเลยล่ะ" จินวุกแย้ง  "โธ่เว้ย! แล้วจะทำยังไง" โซยองบอกให้จินวุกหมอบลง จินวุกถาม "แล้วผมล่ะ" โซยองบอก "ชั้นจะช่วยดึงคุณจากข้างนอก" จินวุกถามย้ำ "คุณอยากออกไปก่อนงั้นเหรอ"  โซยองพยักหน้า

จินวุกแหงนมองช่องระบายอากาศอย่างชั่งใจ ในที่สุดเขาก็ยอมให้โซยองออกไปก่อนแต่ก็ไม่วายขู่ว่าถ้าหักหลังกันล่ะก็น่าดู โซยองรับปากว่าจะไม่หักหลัง เธอส่งเสื้อคลุมให้จินวุกแล้วบอกให้เขาหมอบลง จากนั้นก็เหยียบหลังจินวุกแล้วปีนออกไป (ห้องน้ำอยู่ชั้นใต้ดิน) โซยองจึงบอกให้จินวุกโยนเสื้อคลุมขึ้นมาให้เพื่อที่เธอจะได้ใช้เสื้อช่วยดึงตัวเขาขึ้นมา จินวุกโหนปลายเสื้ออีกด้านจนเกือบปืนออกมาได้แล้วแต่พนักงานของร้านที่ยืนเฝ้าทางออกหันมาเห็นเข้าเสียก่อน โซยองจำเป็นต้องเอาตัวรอด เธอรีบแกะมือจินวุกออกจากเสื้อแต่เขาไม่ยอมปลอย เธอเลยถีบหัวเขาจนร่วงลงไปกองกับพื้นห้องน้ำแล้วรีบคว้าเสื้อหนีไป

จินวุกทั้งเจ็บตัวและเจ็บใจ แถมยังต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดเพียงคนเดียว เขากลัวว่าถ้าหากตนหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้จะถูกเจ้าของคลับ (ลักษณะคล้ายมาเฟีย) ฝังทั้งเป็น  กีฮงจึงแนะนำให้จินวุกไปขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่แต่จินวุกปฏิเสธ กีฮงเลยเสนอทางออกสุดท้ายโดยบอกให้เขาขายรถคันโปรด จินวุกซึ่งกำลังเห่อรถสุดๆ โวยวายลั่น  กีฮงเลยบอกจินวุกว่า "ถ้าอย่างนั้นชั้นจะช่วยฝังศพให้นายเอง"  


ระหว่างเดินเข้าออฟฟิศ จินวุก (ซึ่งมีพลาสเตอร์แปะอยู่บนใบหน้า) โทรศัพท์ไปปรึกษาเพื่อนที่ชื่อนัมกิวว่าจะหาเงินด่วนจำนวน 20 ล้านวอนได้ที่ไหน  ขณะกำลังจะบอกเลขที่บัญชีของตน  จินวุกบังเอิญเหลือบไปเห็นประธานซองอิลกำลังจะขึ้นลิฟต์ เลยบอกเพื่อนว่าจะส่ง sms ไปบอก เพราะต้องรีบเข้าห้องประชุมก่อนที่ประธานจะไปถึง ระหว่างที่ผู้จัดการคนหนึ่งกำลังรายงานผลประกอบการประจำปี  จินวุกก็แอบกดโทรศัพท์เพื่อส่งเลขที่บัญชีไปให้เพื่อน ในตอนนั้นบรรยากาศการประชุมเริ่มเคร่งเครียด เพราะซองอิลไม่พอใจที่ยอดขายของบริษัทต่ำกว่าปีก่อน 5 เปอร์เซ็นต์

แต่แล้วอยู่ๆ  โทรศัพท์ของจินวุกก็ดังขึ้น ถึงแม้เขาจะตั้งเป็นระบบสั่นแต่ก็ดังสนั่นจนรบกวนการประชุม  ทุกคนในห้องจึงหันมามองด้วยสายตาตำหนิ ปรากฏว่าเพื่อนจินวุกส่งข้อความมาบอกให้เขายืนยันการโอนเงิน จินวุกรีบกดยืนยันก่อนทำท่าดีใจสุดขีด จากนั้นก็แอบส่งข้อความไปขอบคุณเพื่อน แต่แล้วทั้งหมดก็กลายเป็นเรื่องโอละพ่อ เมื่อเพื่อนของจินวุกส่งข้อความมาบอกว่า "ล้อเล่น" พร้อมแนบคลิปวิดีโอมาให้ดู (เพื่อนของเขารู้ว่าเมื่อคืนจินวุกเพิ่งไปก่อเรื่องมา) จินวุกฉุนจัดจึงเผลอด่าเพื่อนเสียงดังลั่นอย่างลืมตัว ซองอิลจ้องหน้าจินวุกด้วยสายตาคมกริบ เขาเรียกชื่อจินวุกแล้วลุกขึ้นไปยืนตรงหน้า ก่อนถามจินวุด้วยสีหน้าเรียบเฉย (แต่สายตาเอาเรื่อง) ว่า "คุณซื้อสูทตัวนี้ที่ไหน"


จินวุกตอบตามตรงว่าสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ต ซองอิลถามต่อว่าสูทแบบนี้เหมาะกับเน็คไทสีอะไร จินวุกก้มมองเน็คไทตัวเองแล้วตอบอย่างไม่มั่นใจว่า น่าจะเป็นเน็คไทลายจุดสีชมพู (เขาสวมเน็คไทสีเข้มมีลายจุดสีชมพู) ซองอิลได้ยินดังนั้นก็บอกว่า "ถ้าหากคุณไม่มั่นใจก็ไม่ควรสวมเน็คไทเส้นนั้น" พูดจบเขาก็สั่งปิดการประชุม

จินวุกถูกหัวหน้าตำหนิที่ใส่สูทผูกไทไม่แมทช์กันแถมยังแอบส่งข้อความทางโทรศัพท์ในห้องประชุม ไม่สมกับที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็น 'เอ็มดี' มาตั้ง 2 ปี ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งก่อเรื่องในงานแฟชั่นโชว์มาหมาดๆ แล้วยังทำตัวไม่เหมาะสมต่อหน้าประธานในวันนี้อีก หลังโดนหัวหน้าด่าเป็นชุด จินวุกก็ยังมีเรื่องให้ปวดสมองเมื่อโดนเจ้าของคลับโทรศัพท์มาทวงหนี้ โดยบอกว่าถ้าไม่มีเงินจ่ายจะยึดเงินเดือน จินวุกยิ่งคิดยิ่งแค้น เขาเปิดคลิปเหตุการณ์ที่คลับเมื่อคืน (เพื่อนส่งมาให้ตอนอยู่ในห้องประชุม) แล้วโทษว่าเป็นความผิดโซยอง


โซยองนำเสื้อชาแนลสีชมพูไปคืนเจ้าของร้านซ่อมและแก้ทรงเสื้อผ้า พลางกล่าวขอโทษแล้วบอกว่าเธอจะพยายามซักให้กลับมาเป็นสีขาวเหมือนเดิม เจ้าของร้านไม่สนใจว่าโซยองจะซักออกหรือไม่ เธอโบ้ยให้โซยองนำเสื้อไปคืนลูกค้าแล้วอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น หรือไม่ก็จ่ายค่าเสียหายด้วยตนเอง ปรากฏว่าเจ้าของเสื้อคือ "จี จูฮี" เพื่อนเก่าสมัยมัธยม ซึ่งปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนออกแบบ จูฮีดีใจที่ได้เจอโซยอง ทั้งยังจำได้ว่าโซยองฝันอยากเป็นดีไซเนอร์ จึงทักว่าทำไมตอนนั้นเธอถึงไม่เรียนต่อที่โรงเรียนออกแบบ และทำไมอยู่ๆ ถึงไปทำงานที่ร้านซ่อมและแก้ทรงเสื้อผ้า

โซยองได้ยินแล้วรู้สึกเจ็บแปลบในใจ (เธอไม่ได้เรียนต่อด้านการออกแบบเพราะไม่มีเงิน  เลยไม่ได้เป็นดีไซเนอร์อย่างที่ฝัน มิหนำซ้ำ ยังตกงานและเป็นหนี้ ผิดกับเพื่อนที่มีฐานะและหน้าที่การงานอันมั่นคง) จึงรีบตัดบทโดยถามเพื่อนว่าจะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่  จูฮีบอกว่าไม่เป็นไรเพราะเธอคิดว่าจะเอาเสื้อตัวนี้มาทำเป็นกระเป๋าใส่เครื่องสำอางพอดี โซยองได้ยินแล้วถึงกับอึ้งและรู้สึกเหมือนตัวยิ่งลีบเล็กลงไปกว่าเดิม


เมื่อกลับถึงห้องเช่าโซยองก็พบว่าโซจินกำลังนั่งทาเล็บพลางดูแฟชั่นโชว์ โซยองเห็นแล้วรู้สึกคับแค้น ที่ผ่านมาเธอทำงานหนักเพื่อส่งเสียโซจินให้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย แถมยังเป็นหนี้บัตรเครดิตเพราะโซจินแอบเอาไปรูดซื้อเสื้อผ้าและกระเป๋าแบรนด์เนม ทำให้เธออยู่ในสภาพถังแตกมาจนถึงทุกวันนี้ โซยองระงับอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่จึงจิกหัวน้องสาวตัวแสบด้วยความคับแค้น แม่ของทั้งคู่ได้ยินเสียงเอะอะภายในห้องจึงเข้ามาห้ามทัพและดุโซยองที่ทำร้ายน้องเพียงเพราะเรื่องเสื้อ โซยองเห็นว่าแม่รู้เรื่องเสื้อเลยถามโซจินว่าบอกแม่เรื่องบริษัทรึเปล่า เมื่อโซจินพยักหน้าโซยองก็รู้สึกผิดหวัง ทั้งยังน้อยใจแม่ที่คอยปกป้องและเอาใจโซจินแต่กลับไม่เห็นใจหรือห่วงใยเธอ โซยองจึงบอกแม่ว่าต่อไปนี้ให้ขอค่าใช้จ่ายและค่าเช่าห้องที่ลูกรักอย่างโซจินก็แล้วกัน 

เจ้าของห้องเช่าเห็นโซยองนั่งเศร้าอยู่บนชิงช้าจึงชวนเธอมานั่งดื่มโซจูด้วยกัน โซยองขอโทษที่ไม่ได้โทรฯ มาบอกความคืบหน้าเรื่องเสื้อที่หายไป ทั้งยังรู้สึกเกรงใจที่เขาช่วยหางานให้ และยังยอมให้เธอค้างค่าเช่าห้องถึง 3 เดือน เมื่อซุนนัมรินเหล้าให้เธอดื่ม โซยองก็กล่าวขอบคุณและบอกว่าเขาเป็นคนเดียวที่ดีกับเธอ ทั้งยังสารภาพว่าที่ผ่านมามีหลายครั้งที่เธอคิดว่าเขาเป็นภาระ (ต้องจ่ายค่าเช่า) แต่เขาก็เป็นคนเดียวที่เธอพึ่งพาได้ในตอนนี้


ซุนนัมบอกโซยองว่า อย่าหวังพึ่งพาตนมากนัก เพราะมันคงเป็นไปได้ยาก เขาบอกเธอว่า เพื่อนของตน (เจ้าของร้านซ่อมและแก้ทรงเสื้อผ้า) เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟังแล้ว และถามว่า "นอกจากน้องสาวคุณโซยองแล้ว ทุกคนในครอบครัวคุณก็เชื่อถืออะไรไม่ได้เหมือนกันใช่ไหม ทำไมทุกคนในบ้านคุณถึง... คุณรู้มั๊ยผมเกลียดคนประเภทไหนมากที่สุด... 'คนไร้หัวใจ' ขอเคลียร์แบบแมนๆ ตรงนี้เลยนะ ผมมันสุดยอดชายชาตรี ผมไม่เคยปอดแหก แล้วก็ไม่สนใจผลกระทบที่จะตามมา เพียงแต่ผมไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ของเรา"

โซยองได้ยินแล้วถึงกับอึ้งพูดไม่ออก เธอเพิ่งถูกผู้ชายบอกเลิกทั้งๆ ที่ไม่เคยคบกัน โซยองเทโซจูแล้วดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว ซุนนัมถามโซยองอีกว่า เธอเคยโกหกใครเรื่องอายุรึเปล่า จากนั้นก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋า โซยองหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู ปรากฏว่ามันคือประกาศตามหาตัวเธอ ในนั้นมีรูปโซยองพร้อมคำบรรยายใต้ภาพว่าอายุประมาณ 20 ปี และสูง 162 ซ.ม. โซยองแทบช็อคเมื่อซุนนัมบอกว่ามีคนนำกระดาษแบบนี้มาติดเต็มไปหมด เธอเดินแกะกระดาษตามเสาและป้ายข้างทางด้วยความแค้น หลังจากนั้นก็โทรไปหาจินวุกตามเบอร์โทรฯ ที่ระบุไว้ในประกาศ


พอจินวุกรับสาย โซยองก็เปิดฉากทักทายแบบกวนๆ "ไงคนโรคจิต สบายดีมั๊ย" เมื่อรู้ว่าโซยองโทรฯ มาป่วนจินวุกก็เรียกเธอว่าคนทรยศ และถามอย่างคาดคั้นว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน โซยองไม่ตอบ เธอบอกว่าตั้งแต่เกิดมา 'พี่สาวคนนี้' ไม่เคยเห็นใครโรคจิตเหมือนจินวุกมาก่อน เธอถามว่าเขาเป็น 'ขันที' ใช่ไหมถึงได้นึกถึงตัวเอง (โซยองว่าจินวุกไม่แมนหรือไม่เป็นสุภาพบุรุษ) จินวุกเจ็บจี๊ดเลยบอกให้โซยองรออยู่ตรงนั้น ห้ามหนีไปไหนโดยเด็ดขาด โซยองบอกว่าเธอใช้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อไม่ให้เขาหาพิกัดเธอถูก ทั้งยังตะโกนทิ้งท้ายให้จินวุกเจ็บใจเล่นว่า "ราตรีสวัสดิ์ ไอ้ขันทีจอมเพี้ยน"

จินวุกยังไม่ทันตอบโต้โซยองก็วางหูไปแล้ว เขาเลยยิ่งเจ็บใจและแค้นหนักขึ้น จินวุกก้มมองโทรศัพท์เพื่อหาทางโทรฯ กลับ ครั้นพอเงยหน้าขึ้นรถของเขาก็พุ่งชนท้ายแท็กซี่คันหน้าอย่างจัง เขาจึงได้แต่โมโหตัวเองที่ดันมาประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนซึ่งจำกัดความเร็วเอาไว้ที่ 15 กม.ต่อชั่วโมงเท่านั้น


เมื่อโซยองกลับมาที่ห้อง โซจินก็บอกโซยองว่าพรุ่งนี้เธอจะไปทำงานพาร์ทไทม์เป็นนางแบบวาดภาพคนอื่นๆ ได้ค่าจ้างแค่ 100,000 วอน (ประมาณ 2.9 พัน) แต่เนื่องจากเธอหุ่นดีเลยได้ค่าจ้างตั้ง 1 ล้านวอน (ประมาณ 2.9 หมื่น)  ต่อวัน  ถ้าได้ค่าจ้างแล้วเธอจะเอามาให้โซยองทั้งหมด  โซจินยังบอกโซยองว่าด้วยว่าความจริงแล้วเธอไม่ได้บอกแม่เรื่องที่โซยองโดนไล่ออก แต่โกหกแม่ว่าบริษัทให้รางวัลโซยองเป็นวันหยุดพักร้อน

วันรุ่งขึ้น โซจินตัวแสบแอบย่องออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้ามืด  โดยบอกแม่ว่าจะรีบไปออดิชั่นและขอให้โซยองไปทำงานพาร์ทไทม์แทนเธอ โซยองเสียดายค่าจ้าง 1 ล้านวอน เลยจำใจไปทำงานแทนน้อง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่สาวน้อยวัย 25 ปีก็ตาม นับเป็นครั้งแรกที่โซยองนุ่งกระโปรงสั้นและสวมรองเท้าส้นสูงไปทำงาน ทำให้เธอเดินไม่ค่อยหนัด แต่ด้วยความที่ออกจากบ้านสาย โซยองเลยต้องรีบวิ่งโดยเอามือจับเอวกระโปรงไว้ตลอดทาง

ปรากฏว่าบริษัทที่โซยองไปรับจ็อบก็คือ บริษัท เดอะสไตล์ ที่จินวุกทำงานอยู่นั่นเอง เมื่อเข้ามาถึงข้างในตึกเธอก็รีบวิ่งตรงไปที่ลิฟต์ (ตัวที่ประธานซองอิลกำลังจะเดินเข้าไป)  โซยองกลัวเข้าลิฟต์ไม่ทันเลยตะโกนบอกซองอิลให้รอเธอด้วย (ขณะที่พนักงานคนอื่นๆ ไม่บังอาจใช้ลิฟต์ร่วมกับท่านประธาน และต่างก็หลีกทางให้ซองอิลขึ้นลิฟต์ไปคนเดียว) ระหว่างที่โซยองกำลังวิ่งตรงไปที่ลิฟต์ กระโปรงของเธอก็โดนไม้แขวนเสื้อบนรถเข็นที่เพิ่งถูกเข็นออกจากลิฟต์เกี่ยวขาดและหลุดติดไปกับไม้แขวนเสื้อด้วย (เป็นกระโปรงเอวผูก)  เธอจึงเข้าลิฟต์ไปในสภาพที่สวมเพียงกางเกงชั้นใน




กว่าจะรู้ตัวลิฟต์ก็ปิดแล้ว โซยองอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ตลอดเวลาที่อยู่ในลิฟต์กับซองอิลเธอพยายามใช้กระเป๋าสะพายปิดบังกางเกงในเอาไว้ ซองอิลชำเลืองมองโซยองแล้วยื่นนิตยสารให้ก่อนเดินออกจากลิฟต์ไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โซยองรีบกดลิฟต์กลับลงไปที่ชั้นล่างเพื่อตามหากระโปรง โดยใช้กระเป๋าสะพายปิดด้านหน้าและใช้นิตยสารของซองอิลปิดก้นเอาไว้  แม่บ้านเห็นกระโปรงขาดๆ ตกอยู่บนพื้นจึงคิดที่จะโยนลงถังขยะ แต่โซยองเห็นเข้าเสียก่อนเลยรีบวิ่งเข้าไปห้าม


โซยองโดน "ปาร์ก นารา" วีนใส่ที่มาทำงานสาย  แถมผมเผ้ายังยุ่งเหยิง  กระโปรงก็ขาดหลุดรุ่ย นาราไม่พอใจมากที่โมเดลลิ่งส่งเด็กกะโปโลอย่างโซยองมาให้เธอ จึงคิดที่จะโทรฯ ไปต่อว่าแต่ก็ติดต่อไม่ได้ นาราจึงจำใจต้องรับโซยองไว้โดยเชื่ออย่างสนิทใจว่าโซยองอายุ 25 แถมยังพูดจาโขกสับและใช้งานโซยองเยี่ยงทาส นาราไม่พอใจที่นางแบบลองเสื้ออย่างโซยองมีรูปร่างผอมบาง ไร้ทรวดทรง แถมหน้าอกยังแบนราบ จึงบอกให้เธอหาอะไรมายัดหน้าอกเอาไว้ (นาราเรียกโซยองว่า "โซจิน")  

หลังโดนเจ้าหนี้ยึดรถคันโปรด จินวุกก็ได้แต่นั่งเศร้า กีฮงเตือนสติว่าถ้าเขามัวแต่เสียใจเรื่องรถ และเข้าประชุมในสภาพเหมือนคนไร้วิญญาณอย่างนี้มีหวังโดนไล่ออกแน่ๆ จินวุกถามกีฮงว่ารู้จักใครที่เป็นตำรวจบ้างไหม เขาจะตามหาโซยองให้ได้ และเขาก็รู้ด้วยว่าตอนนี้โซยองยังอยู่ในกรุงโซล กีฮงได้ยินแล้วอ่อนใจ เขาจึงเตือนจินวุกว่าอย่าลืมเข้าประชุมแล้วเดินหนีไป 

ช่วงพักกลางวัน โซยองถูกทิ้งให้อยู่ในออฟฟิศเพียงลำพัง เธอเห็นผลงานการออกแบบเสื้อผ้าของเหล่าดีไซเนอร์แล้วก็นึกถึงตอนที่ยังเป็นเด็ก เธอใฝ่ฝันมาโดยตลอดว่าสักวันจะเป็นดีไซเนอร์ และสถาบันชื่อดังก็รับเธอเข้าเรียนสาขาวิชาออกแบบแฟชั่นแล้ว โชคร้ายที่ตอนนั้นครอบครัวเธอประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนักถึงขั้นโดนยึดบ้าน (และข้าวของทุกอย่างในบ้าน) เธอจึงไม่มีเงินเรียนต่อ


หลังคุยโทรศัพท์กับโมเดลลิ่ง โซยองถึงได้รู้ว่าโซจินหลอกให้เธอมาเป็นนางแบบลองเสื้อค่าจ้างค่าสัปดาห์ละแค่ 300,000  วอน (ราว 8,730 บาท) ไม่ใช่นางแบบภาพวาดค่าตัววันละ 1 ล้านวอนอย่างที่โซจินโม้ แถมยังต้องทำงานอื่นๆ อีกสารพัด เช่น ชงกาแฟ ฯลฯ อีกด้วย เธอจึงโทรฯ ไปต่อว่าโซจิน จินวุกได้ยินเสียงผู้หญิงคุยโทรศัพท์เสียงดังลั่นอยู่บนบันไดแต่ไม่รู้ว่าเป็นเสียงของโซยอง เลยได้แต่บ่นว่าหนวกหู ในตอนนั้นเขาเองก็กำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อน เมื่อรู้ว่าพ่อคนรู้จักคนหนึ่งเป็นตำรวจเขาก็รู้สึกดีใจและเริ่มมีความหวังขึ้นมา (จะให้ตำรวจช่วยตามหาโซยอง) 


ซองอิลและจีซุกเข้ามาประชุมที่แผนกออกแบบ (แทนห้องประชุม) โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ไม่นานโซยองก็วิ่งเข้ามาในห้องทำงาน (เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จ) พอเห็นซองอิลเธอก็รีบหลบตา พนักงานคนหนึ่งแนะนำว่าโซยองเป็นนางแบบลองเสื้อ ระหว่างที่รอพนักงานใหม่พวกเธอจะใช้งานโซยองไปพลางๆ ก่อน ซองอิลจ้องมองโซยองแล้วถามพนักงานด้วยใบหน้าเรียบเฉยว่าจะทำเสื้อผ้าเด็กหรือ นาราออกตัวว่าเธอแจ้งไปทางโมเดลลิ่งแล้วว่าขอนางแบบที่หุ่นเป๊ะๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้โซยองมา เมื่อได้ยินพนักงานเรียกซองอิลว่า "ท่านประธาน" โซยองก็ถึงกับช็อค เพราะเธอเพิ่งสร้างวีรกรรมในลิฟต์ต่อหน้าเขา

เมื่อถึงเวลาประชุมโซยองก็ถูกดีไซเนอร์คนหนึ่งใช้ให้ไปชงกาแฟ แต่น้ำในเครื่องทำน้ำร้อนน้ำเย็นดันหมด เธอจึงต้องยกน้ำถังใหม่ขึ้นมาเปลี่ยน (ในสภาพสวมส้นสูงนุ่งสั้น) จินวุกซึ่งกำลังจะเข้าประชุมเห็นสาวน้อยคนหนึ่งพยายามก้มตัวลงไปยกถังน้ำเลยเดินเข้าไปช่วย แต่โซยองเชื่อว่าตนเองยกไหวเลยบอกว่าไม่เป็นไร ทำให้เกิดการยื้อยุดถังน้ำ เมื่อทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมามองกันและกัน ต่างฝ่ายต่างก็ต้องตกตะลึง



จินวุก:  "ไอ้คนทรยศ!"  โซยอง:  "โรคจิตกัดไม่ปล่อย!"

เหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ใน "Baby-faced Beauty"

* เนื้อหาโดย luvasianseries


นักแสดงนำ



จาง นารา 
รับบท ลี โซยอง 




ชเว แดเนียล
รับบท ชเว จินวุก




รยู จิน
รับบท จี ซองอิล




คิม มินซอ
รับบท คัง ยูนซอ

* ภาพจากเคบีเอส






*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ7 ตุลาคม 2556 เวลา 21:40

    ทำไรตอนนี้ไม่เห็นมีเลยล่ะค่ะ คิดว่ายังไม่จบนะ มีข่าวในพระราชสำนักมาแทนอ่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เดือนต.ค.นี้เลื่อนเวลาออกอากาศเป็น 4 ทุ่มค่ะ

      ลบ

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา