วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เรื่องย่อ ล่าทะลุฟ้า ท้าลิขิตชีวิต (Three Days)




กำกับ: ชิน กยองซู
เขียนบท: คิม อึนฮี
แนวละคร: แอ็คชั่น, การเมือง, เมโลดราม่า, โรแมนติก
จำนวนตอน: 16
ออกอากาศ: เกาหลี - 5 มีนาคม 2557 - 1 พฤษภาคม 2557 ทางเอสบีเอส
               ไทย - ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.15-21.40 น. ทางพีพีทีวี ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2558 - 18 สิงหาคม 2558

เรื่องย่อ



ละคร "ล่าทะลุฟ้า ท้าลิขิตชีวิต (Three Days)" นำเสนอเรื่องราวที่สืบเนื่องมาจากการหายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ในขณะที่เขากำลังพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศส่วนตัว...  หลังเสียงปืนดังขึ้นสามนัดประธานาธิบดีก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทั้งๆ ที่มีการวางกำลังคุ้มกันอย่างเข้มงวด บอดี้การ์ดหนุ่มของประธานาธิบดีจึงออกติดตามและพยายามไขปริศนาว่าเหตุการณ์ร้ายๆ ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทั้ง 3 วันมีความเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของประธานาธิบดีอย่างไร หลังสืบหาเบื้องลึกเบื้องหลังต่างๆ พวกเขาก็ค้นพบความจริงอันน่าตกตะลึง

ละครเปิดฉากขึ้นภายในห้องรกๆ ที่เต็มไปด้วยกองหนังสือและค่อนข้างมืด ชายคนหนึ่งกำลังนั่งพิมพ์เอกสารโดยใช้คอมพิวเตอร์รุ่นเก่า ข้อความที่เผยให้คนดูเห็นคือคำว่า "กุมภาพันธ์ 1998" และ "มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 19 คน เสียชีวิต 24 คน" หลังพิมพ์เสร็จชายคนดังกล่าวก็เซฟเอกสารลงในแผ่นฟลอปปี้ดิสก์ โดยระบุชื่อไฟล์ว่า “เอกสารลับปี 98″ จากนั้นก็ใส่แผ่นดิสก์ลงในซองเอกสารแล้วนำไปเก็บซ่อนไว้ในตู้เซฟ

16 ปีต่อมา วันที่ 2 มีนาคม 2014




รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง "ฮัน กีจุน" ขับรถไปตามถนนไฮเวย์ที่ว่างเปล่าตามลำพังตอนเช้ามืดโดยมีทีท่าหวาดระแวงอย่างเห็นได้ชัดและคอยมองกระจกหลังด้วยความวิตกกังวล เขาโทรศัพท์ไปยังสำนักเลขาประจำทำเนียบน้ำเงิน (ที่ทำงานและที่พักอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีเกาหลีใต้) แล้วขอสายประธานาธิบดี "ลี ดงฮวี" 

โชคร้ายที่ในตอนนั้นประธานาธิบดีลีกำลังนั่งดื่มและพูดคุยกับ "คิม โดจิน" ที่ร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งด้วยบรรยากาศที่แลดูเหมือนผ่อนคลาย แต่ความจริงแล้วทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียด หลังโดจินขอให้ช่วยทำอะไรบางอย่าง ประธานาธิบดีลีก็รินเหล้าให้โดจินแล้วกล่าวว่า "นายชอบขอให้ชั้นทำเรื่องยากๆ อยู่เรื่อย ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือเมื่อ 16 ปีก่อน" โดจินยิ้มและกล่าวเพียงว่า "ก็เราเป็นเพื่อนเก่ากันนี่นา"  ประธานาธิบดีลีจึงถามกลับว่า "ถ้าอย่างนั้นชั้นขออะไรนายอย่างได้ไหม"

เมื่อเจ้าหน้าที่บอกว่าตอนนี้ประธานาธิบดีลีไม่สะดวกที่จะรับสาย กีจุนก็ขอร้องด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่าตนจำเป็นต้องคุยกับประธานาธิบดีลีเดี๋ยวนี้เพราะมีเรื่องด่วนและสำคัญมาก ทันใดนั้นก็มีรถบรรทุกคันหนึ่งขับไล่หลังรถกีจุนมาอย่างรวดเร็ว ก่อนพุ่งชนท้ายหลายครั้งทำให้รถของกีจุนเสียหลักพลิกคว่ำตกลงข้างทาง


ประธานาธิบดีลีบอกกึ่งเตือนโดจินให้ยุติแผนการทุกอย่าง โดจินได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโกรธ แม้เขาจะพยายามเก็บอาการแต่มือที่กำลังรินเหล้าให้ประธานาธิบดีลีกลับสั่นเทาจนเผลอรินเหล้าออกนอกแก้ว ประธานาธิบดีลีกล่าวต่อว่า จากนี้ไปตนจะไม่ออกมาพบโดจินเป็นการส่วนตัวแบบนี้อีก หากโดจินต้องการพบตนให้ติดต่อขอเข้าพบอย่างเป็นทางการที่ทำเนียบน้ำเงิน พูดจบประธานาธิบดีลี  (และเหล่าบอดี้การ์ดนับสิบคนที่นั่งอยู่เต็มในร้าน) ก็ออกจากร้านและเดินทางกลับทำเนียบน้ำเงิน 

วันที่ 2 มีนาคม 2014 เวลา 8.37 น.


หลังได้รับแจ้งข่าวร้าย "ฮัน แทคยอง" ก็รีบตรงดิ่งไปที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลแล้วถามหาผู้บาดเจ็บที่ถูกส่งตัวมาจากเมืองชองจูเมื่อเช้า เขาเป็นลูกชายของกีจุนซึ่งบาดเจ็บสาหัสและมีอาการโคม่าหลังประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งนำทรัพย์สินที่อยู่ในรถของกีจุนมามอบให้แทคยอง พร้อมทั้งบอกว่าหน่วยกู้ชีพพบพ่อของเขาบริเวณถนนไฮเวย์สาย 17 ใกล้เมืองชองจู สันนิฐานว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากการหลับใน แทคยองได้แต่ยืนมองพ่อผ่านผนังกระจกด้วยความเป็นห่วง หลังมาเยี่ยมพ่อได้ไม่นาน "ฮวาง ยุนแจ" หัวหน้าบอดี้การ์ดทีมสอง ก็โทรฯ มาตามแทคยอง

เช้าวันนั้นมีรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดีลี ดงฮวี ซึ่งเคยสัญญาว่าจะนำพาความมั่งคั่งมาสู่ประชาชน มีคะแนนนิยมลดลงถึง 10% ภายในเวลาเพียง 3 ปี (จากเดิมที่เคยได้ 90%) แถมยังมีข่าวฉาวว่าบริษัทที่ประธานาธิบดีลีเป็นผู้บริหารเมื่อปี 1998 กำลังถูกอัยการพิเศษสอบสวนหลังพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงและปั่นหุ้น หากพบว่าบริษัทดังกล่าวมีความผิดจริง การบริหารประเทศของประธานาธิบดีลีจะมีปัญหาและข้อสงสัยด้านจริยธรรม (ในข่าวเผยให้เห็นกลุ่มผู้ประท้วงออกมาเรียกร้องให้ตรวจสอบการทำงานของประธานาธิบดีลีว่ามีการคอร์รัปชั่นหรือไม่) นักข่าวยังรายงานด้วยว่าประธานาธิบดีลีหวังเรียกคืนคะแนนนิยมจากคนรากหญ้าด้วยการออกเดินสายเยี่ยมเยียนประชาชนตามท้องตลาด แต่ดูเหมือนว่าความพยายามทั้งหมดจะสูญเปล่า



เนื่องจากวันนี้ประธานาธิบดีลีมีกำหนดออกเยี่ยมเยียนประชาชนที่ตลาด โดยจะเดินเท้าเป็นระยะทาง 100 เมตร เจ้าหน้าที่องค์กรพีเอสเอส (Presidential Security Service)* จึงวางแผนคุ้มกันอย่างเข้มงวด โดยมี "ฮัม บงซู" (หัวหน้าองค์กรพีเอสเอส) เป็นหัวหน้าทีมปฏิบัติการ และมี "คิม ซังฮี" (หัวหน้าหน่วยบอดี้การ์ด) เป็นรองหัวหน้าทีม

* พีเอสเอส (Presidential Security Service) เป็นองค์กรอิสระที่มีหน้าที่หลักในการดูแลความปลอดภัยให้กับประธานาธิบดีเกาหลีใต้และครอบครัว รวมทั้งทำเนียบน้ำเงิน (สำนักงานใหญ่อยู่ใกล้ทำเนียบน้ำเงิน)

หลังไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาลแล้วแทคยองก็ตรงไปที่ทำเนียบน้ำเงิน เพื่อทำหน้าที่อารักขาและติดตามประธานาธิบดีลี (เนื่องจากเป็นการปรากฏตัวในที่สาธารณะที่มีผู้คนพลุกพล่าน เจ้าหน้าที่พีเอสเอสจึงต้องวางกำลังตรวจตราและเฝ้าระวังทุกจุดอย่างเข้มงวด) ขณะเดินทางไปที่ตลาด ประธานาธิบดีลีมีสีหน้าวิตกังวลเมื่อพบว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (กีจุน) ยังไม่ติดต่อมา ส่วนแทคยองซึ่งนั่งรถอีกคันหนึ่งก็มีสีหน้าท่าทางวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัดเพราะเป็นห่วงอาการของพ่อ ก่อนขบวนรถของประธานาธิบดีลีจะไปถึงตลาดเพียงไม่กี่วินาที ทางโรงพยาบาลก็ส่งข้อความมาบอกแทคยองว่าพ่อของเขาอยู่ในภาวะวิกฤติและให้รีบโทรฯ กลับ แม้อยากติดต่อกลับไปที่โรงพยาบาลใจแทบขาด แต่แทคยองไม่อาจละทิ้งหน้าที่โดยเฉพาะในยามหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้



ประธานาธิบดีลีเดินทักทายและจับมือประชาชนจำนวนมากที่มารอให้กำลังใจ ขณะระวังความปลอดภัยให้ประธานาธิบดีลี โทรศัพท์ของแทคยองก็เริ่มสั่น แทคยองได้แต่กำมือแน่นเพราะเขาไม่อาจรับสายได้ ยิ่งโทรศัพท์สั่นนานเท่าใดแทคยองก็ยิ่งกดดันและรู้สึกเหมือนถูกบีบคั้น แม้รอบข้างจะมีเสียงประชาชนตะโกนโห่ร้องให้กำลังใจประธานาธิบดีลีดังลั่น แต่ในหูของเขากลับไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงสั่นของโทรศัพท์ และความกังวลก็ทำให้เขาเสียสมาธิจนไม่ทันสังเกตว่า ตรงหน้าเขามีชายวัยกลางคนสภาพคล้ายคนเร่ร่อนเดินถือกระเป๋าฝ่าฝูงชนเข้ามา

หลังจากใครบางคนแอบสอดกระดาษแผ่นเล็กๆ ใส่มือชายอีกคน ชายวัยกลางคนก็เปิดกระเป๋าแล้วปาอะไรบางอย่างใส่ประธานาธิบดีลี เจ้าหน้าที่พีเอสเอสที่อยู่ในรถปฏิบัติการณ์เห็นชายคนดังกล่าวจากกล้องวงจรปิดจึงรีบวิทยุแจ้งเหล่าบอดี้การ์ด  แทคยองได้สติจึงรีบตรงเข้าชาร์จชายคนดังกล่าว ส่วนประธานาธิบดีลี (ที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยแป้งสีขาว) ถูกคุ้มกันออกจากพื้นที่ทันที

หลังชายวัยกลางคนถูกจับ แทคยองก็ทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเขาก็เริ่มสั่นอีกครั้ง แทคยองเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาดู  หัวหน้าทีม 2 ฮวาง ยุนแจเห็นดังนั้นจึงตำหนิที่เขามัวแต่สนใจโทรศัพท์ทั้งๆ ที่เพิ่งเกิดเรื่อง หลังแย่งโทรศัพท์ไปดูยุนแจก็ถึงกับอึ้งเมื่อพบข้อความที่ทางโรงพยาบาลส่งมาบอกแทคยองว่าพ่อของเขาเพิ่งเสียชีวิต



เมื่อกลับไปยังทำเนียบน้ำเงิน แทคยองถูกหัวหน้าฮัมตำหนิที่บกพร่องต่อหน้าที่ เพราะถ้าสิ่งที่ชายวัยกลางคนปาใส่ประธานาธิบดีลีไม่ใช่แป้งแต่เป็นระเบิดคงเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ "ชิน กยูจิน" (หัวหน้าสำนักเลขาประจำทำเนียบน้ำเงิน) เดินเข้ามาในห้องแล้วกล่าวตำหนิแทคยองที่ทำงานพลาดจนภาพประธานาธิบดีลี (ที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยแป้ง) กระจายว่อนเน็ต แถมหนังสือพิมพ์ทุกฉบับยังนำภาพดังกล่าวไปลงข่าวอีกด้วย หัวหน้าฮัมขอให้กยูจินหยุดตำหนิแทคยอง โดยบอกว่าทางพีเอสเอสไม่เคยเห็นด้วยและพยายามคัดค้านกำหนดการในวันนี้มาตั้งแต่ต้น เพราะตลาดเป็นสถานที่ๆ อันตราย กยูจินแย้งว่า เรื่องนี้ทุกคนต่างก็รู้ดี แต่หน้าที่ของพีเอสเอสคือการทำให้ที่อันตรายกลายเป็นสถานที่ๆ ปลอดภัย หัวหน้าฮัมได้ยินดังนั้นจึงขอให้กยูจินตำหนิตนแทน

กยูจินถามว่าเขาจะยอมลาออกแทนแทคยองไหม หัวหน้าฮัมจึงบอกว่าแทคยองเป็นลูกชายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ประสบอุบัติเหตุอาการสาหัสเมื่อเข้านี้ และเสียชีวิตขณะที่ประธานาธิบดีลีกำลังเดินทักทายประชาชนในตลาด กยูจินได้ยินดังนั้นจึงยอมสงบปากสงบคำและเดินออกจากห้องไป แม้จะรู้สึกเห็นใจแต่หัวหน้าฮัมจำเป็นต้องลงโทษแทคยองตามระเบียบ เขาสั่งพักงานแทคยองพร้อมทั้งเรียกคืนบัตรและตราประจำตัว ก่อนบอกให้แทคยองรีบไปจัดการเรื่องงานศพพ่อ แต่แทคยองยืนกรานว่าตนจะไปหลังจากเขียนรายงานเสร็จ 




หลังออกจากทำเนียบน้ำเงิน แทคยองก็มานั่งร้องไห้ที่ป้ายรถเมล์ อยู่ๆ รถของประธานาธิบดีลีก็มาจอดตรงหน้า เมื่อถูกเรียกให้ขึ้นรถแทคยองก็กล่าวขอโทษประธานาธิบดีลีที่ทำงานบกพร่อง ประธานาธิบดีลีรู้สึกเห็นใจแทคยองที่ต้องมาคอยปกป้องตนจนไม่มีโอกาสดูใจพ่อ ทั้งยังกล่าวด้วยน้ำเสียงปลอบโยนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของแทคยองแต่เป็นความผิดของคนอื่น เมื่อไปถึงโรงพยาบาล (คนเกาหลีนิยมจัดงานศพที่โรงพยาบาล) ประธานาธิบดีลีก็ถามแทคยองตรงๆ ว่าเขาได้รับทรัพย์สินของพ่อ (ที่อยู่ในรถ) แล้วหรือยังและของที่ได้มีอะไรบ้าง แทคยองตอบอย่างไม่ติดใจสงสัยว่า ของที่ตนได้รับมีเพียงกุญแจรถ โทรศัพท์ และกระเป๋าเงิน หลังได้คำตอบแล้วประธานาธิบดีลีก็กล่าวแสดงความเสียใจเรื่องพ่อ และนั่งรถออกจากโรงพยาบาลไป


หลังแขกเหรื่อที่มาเคารพศพพ่อเริ่มทยอยกลับกันหมดแล้ว แทคยองก็นั่งมองรูปพ่อด้วยความรู้สึกเสียใจ ตำรวจสาว "ยุน โบวอน" จากสถานีตำรวจซอจู ซึ่งรับผิดชอบในการสืบสวนคดีอุบัติเหตุ เข้ามาแนะนำตัวและสอบถามแทคยองว่าพ่อของเขาไปเมืองชองจูทำไม เขามีญาติ พี่น้อง หรือคนรู้จักอยู่ที่นั่นหรือไม่ คำตอบที่ได้รับคือไม่รู้ และไม่มี เธอจึงถามต่อว่าก่อนหน้านี้พ่อของเขามีอาการแปลกๆ เช่น หวาดระแวง หรือวิตกกังวลหรือไม่ แทคยองตอบว่าก่อนหน้านี้ตนเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศเลยไม่ได้พบหน้าพ่อเป็นเดือนแล้ว และตนก็อยากรู้เช่นกันว่าพ่อไปที่นั่นทำไม

แทคยองรู้สึกได้ว่าโบวอนกำลังสงสัยว่าการตายของพ่อตนไม่ได้เกิดการจากหลับในและไม่ใช่อุบัติธรรมดา  พอถูกถามว่าเขาได้รับซองเอกสารสีขาวของพ่อหรือไม่ แทคยองก็รู้สึกสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ โบวอนไม่ตอบและไม่ให้ความกระจ่างใดๆ เธอมอบนามบัตรให้แทคยองแล้วบอกให้เขาโทรฯ หาหากรู้ว่าพ่อของเขาไปพบใครที่ชองจู
.
วันที่ 4 มีนาคม เวลา 22.13 น.  

หลังเสร็จสิ้นงานศพแทคยองก็นำภาพของพ่อมาตั้งที่บ้าน เขาเริ่มฉุกคิดถึงคำพูดของโบวอนและประธานาธิบดีลี เกี่ยวกับสาเหตุการตายและทรัพย์สินในรถของพ่อ พอเข้าไปในห้องทำงาน (ของพ่อ) แทคยองพบว่าข้าวของภายในห้องถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย เมื่อตรวจสอบการใช้งานคอมพิวเตอร์เขาก็พบว่าไฟล์ล่าสุดที่ถูกเปิดดูคือไฟล์ชื่อ "เอกสารลับ ปี 98" แต่แทคยองเปิดดูไม่ได้เพราะไม่มีพาสเวิร์ด เมื่อพบว่าไฟล์ดังกล่าวเพิ่งถูกคลิกดูวันนี้เมื่อเวลา 20.25 น. เขาจึงขอดูกล้องวงจรปิดของคอนโดและพบชายต้องสงสัยคนหนึ่งที่โถงทางเดิน เมื่อดูกล้องวงจรปิดบริเวณที่จอดรถเขาก็พบรถต้องสงสัยทะเบียน 2626  จึงตรวจสอบที่อยู่ของเจ้าของรถและตามไปหาถึงบ้าน


เมื่อไปถึงแทคยองพบว่าประตูหน้าบ้านเปิดแง้มอยู่แต่ภายในบ้านกลับมืดมิด พอเดินเข้าไปสำรวจภายในบ้านเขาพบร่างชายคนหนึ่งนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นและมีบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณลำคอ เขาจึงรีบเอามือข้างหนึ่งกดแผล ส่วนอีกมือกดโทรศัพท์หวังเรียกรถพยาบาลแต่ถูกคนเจ็บห้ามไว้เสียก่อน ชายคนดังกล่าวเรียกชื่อแทคยอง แล้วพูดอย่างยากลำบากว่า "วันที่ 5 มีนาคม...ประธานาธิบดีจะ...จะตาย" พูดจบชายคนดังกล่าวก็ขาดใจตาย 

วันที่ 5 มีนาคม เวลา 8.05 น. 

ก่อนที่อัยการพิเศษจะเผยผลการสอบสวน ประธานาธิบดีลีมีแผนเดินทางไปพักผ่อนในช่วงวันหยุดที่บ้านพักตากอากาศส่วนตัว เจ้าหน้าที่พีเอสเอสจึงต้องคุมเข้มและจัดเตรียมความพร้อมในด้านการรักษาความปลอดภัยทั้งภายในบริเวณบ้านและพื้นที่โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ เมื่อไปถึงบ้านพัก ประธานาธิบดีลีถามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งว่า เตรียมการตามที่ตนร้องขอแล้วหรือยัง เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวตอบว่า เตรียมการไว้ให้แล้วแต่ทำเช่นนี้อาจมีอันตรายได้ ประธานาธิบดีลีย้ำว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับตน เพราะฉะนั้นจงทำตามที่ตนสั่ง   

แทคยองให้การกับตำรวจว่าตอนที่ตนมาถึงผู้ตายใกล้จะเสียชีวิตแล้ว ทั้งยังบอกด้วยว่าเห็นชายคนหนึ่งออกจากซอยก่อนที่ตนจะมาถึง (ดูภาพจากกล้องวงจรปิด) เมื่อถูกถามว่ารู้จักผู้ตายได้อย่างไร แทคยองก็ตอบเพียงว่าผู้ตายกับพ่อตนรู้จักกัน


โบวอนยืนดูจุดที่พ่อของแทคยองประสบอุบัติเหตุ (ซึ่งมีป้ายระบุให้ผู้เห็นเหตุการณ์โทรฯ แจ้งเบาะแสกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ) พลางหวนนึกถึงวันเกิดเหตุ... หลังได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุบนถนนไฮเวย์สาย 17 โบวอนก็รีบรุดไปยังจุดเกิดเหตุ เมื่อพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บเธอก็โทรเรียกรถพยาบาล  ในตอนนั้นกีจุนพยายามเอื้อมมือหยิบซองเอกสารที่วางอยู่บนเบาะด้านข้างแต่ก็เอื้อมไม่ถึง เขาจึงได้แต่บอกโบวอนซ้ำ ๆ ว่า "ซองๆ" เมื่อรถพยาบาลมาถึงกีจุนก็บอกโบวอนว่า "พวกเขาจะเอาซองนั่นไป มันสำคัญมาก" 

เธอยังนึกถึงตอนที่รุ่นพี่บอกว่าคดีนี้ถูกระบุว่าเป็นอุบัติเหตุธรรมดา และไม่พบว่ามีซองเอกสารอยู่ในรายการทรัพย์สินของผู้ตายแต่อย่างใด  รุ่นพี่ของเธอยังบอกด้วยว่ารถคันเกิดเหตุกำลังจะถูกส่งไปทำลายเพราะเสียหายหนักมาก... ขณะกำลังจะขับรถกลับ ป้าคนหนึ่งที่เคยเล่นไพ่นกกระจอกด้วยกันก็จอดรถทักและชวนโบวอนให้ไปเล่นไพ่ด้วยกันอัก คุณยายที่นั่งรถมาด้วยกันเห็นโบวอนกำลังตามสืบคดีอุบัติเหตุจึงบอกเธอว่า เพื่อนบ้านของตนเห็นรถคันใหญ่สีขาว ด้านหลังมีรูปวงกลมขนาดใหญ่ วิ่งผ่านไปในช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ 



"ลี ชายอง" เห็นแทคยองมาที่สำนักงานใหญ่พีเอสเอสด้วยทีท่าร้อนใจจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น แทคยองไม่ตอบแต่กลับถามหาหัวหน้าฮัม ชายองตอบว่าหัวหน้าฮัมไปควบคุมการอารักขาประธานาธิบดีที่บ้านพักตากอากาศ และถามกลับว่า "ถามทำไม" แทคยองกล่าวว่าตนเพิ่งได้ยินเรื่องแปลกๆ ชายองจึงบอกว่าเธอเองก็ได้ยินเรื่องแปลกๆ มาเช่นกัน เธอเล่าว่าคนที่ปาแป้งใส่ประธานาธิบดีลีสารภาพว่าถูกใครบางคนจ้างวานมา (ทำเพื่อเงินอย่างเดียว ไม่มีความแค้นส่วนตัว หรือวัตถุประสงค์อื่น)  ชายองกล่าวอีกว่าผู้จ้างวานต้องการเข้าถึงตัวประธานาธิบดีลี (เพื่อมอบกระดาษแผ่นเล็กๆ) จึงจ้างคนมาปาแป้งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เธอเปิดคลิปข่าวให้แทคยองดูพลางบอกว่ากล้องจับภาพใบหน้าผู้จ้างวานเอาไว้ได้ แต่เธอยังไม่สามารถระบุได้ว่าชายในภาพเป็นใครและมีแรงจูงใจอะไรให้ทำเช่นนี้ เมื่อเห็นภาพชายคนดังกล่าวแทคยองก็ถึงกับอึ้งเพราะเขาคือ พันเอก "ยาง แทโฮ" จากกองบัญชาการกองทัพบก ที่เพิ่งถูกลอบสังหารและได้บอกแทคยองก่อนตายว่าประธานาธิบดีลีจะเสียชีวิตวันนี้  

อีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่พีเอสเอสก็วางกำลังคุมเข้มที่บ้านพักตากอากาศของประธานาธิบดีลีและบริเวณโดยรอบ พร้อมทั้งกันพื้นที่ไม่ให้มีคนหรือรถเข้าออก ยกเว้นรถแขกคนหนึ่งของประธานาธิบดีลี ที่สามารถผ่านเข้าออกบ้านพักได้โดยไม่ถูกตรวจค้น


ชายองนำกระดาษแผ่นเล็กๆ (ที่พันเอกยางแอบยื่นให้ประธานาธิบดีลี) มาให้แทคยองดู ข้อความในกระดาษระบุว่า "ผมเป็นเจ้าของร้านโชห่วยเล็กๆ ได้โปรดช่วยเราด้วย" เมื่อแทคยองพลิกดูทางด้านหลังเขาก็พบตัวเลข "1250 + 2005 = 1007" ซึ่งไม่ถูกต้องตามหลักคณิตศาสตร์ เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตัวเลขดังกล่าวอาจเป็นรหัสลับที่พวกตนใช้ตอนอารักขาประธานาธิบดีลีที่ตลาด ชายองแย้งว่ารหัสดังกล่าวมีแต่คนของพีเอสเอสเท่านั้นที่รู้ความหมาย แทคยองจึงบอกว่าพันเอกยางทำงานในหน่วยลับ ไม่แน่ว่าเขาเองก็อาจรู้เรื่องนี้  เมื่อนำตัวเลขในกระดาษมาเทียบกับรหัสลับก็ถอดความหมายออกมาได้ว่า "สถานที่จัดงาน + มีการวางแผน = ลอบสังหาร" ที่แท้พันเอกยางพยายามเตือนว่ามีคนคิดลอบสังหารประธานาธิบดีลี และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาถูกฆ่า

แทคยองบอกให้ชายองรายงานความคืบหน้าให้เบื้องบนทราบ และให้ตรวจสอบคดีของพันเอกยาง ส่วนตนจะไปที่บ้านพักตากอากาศของประธานาธิบดีลี แทคยองรู้ว่าถึงรายงานเรื่องนี้ให้ทางพีเอสเอสทราบก็คงไม่มีประโยชน์เพราะยังไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัด เขาจึงคิดที่จะเดินทางไปเตือนประธานาธิบดีลีด้วยตนเอง (ประธานาธิบดีลีมีแผนที่จะออกไปตกปลาในตอนกลางคืน)



โบวอนออกลาดตระเวนไปตามถนนไฮเวย์ที่มีหมอกลงจัด (ห่างจากที่ตั้งบ้านพักตากอากาศของประธานาธิบดี 5 กม.) และเกือบโดนรถบรรทุกของ "แจชิน เทเลคอม" ชน (กันชนหน้าของรถคันนี้มีร่องรอยถูกชน) โบวอนจึงเข้าไปตรวจสอบว่าคนขับๆ รถขณะมึนเมาหรือไม่ คนขับซึ่งสวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้าและสวมถุงมือหนังสีดำอ้างว่าตนไม่ชำนาญเส้นทาง โบวอนถามต่อว่าเขามาทำอะไรแถวนี้ ชายหนุ่มตอบว่าตนได้รับแจ้งว่ารีพีทเตอร์ (อุปกรณ์ทวนสัญญาณของระบบโทรคมนาคม ทำหน้าที่ขยายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าให้มีกำลังแรงขึ้น ฯลฯ) เสียจึงมาซ่อม โบวอนมองหน้าคนขับราวกับสงสัยอะไรบางอย่างและแย้งว่าเขาไม่ใช่เจ้าหน้าที่ๆ เคยมาซ่อมเมื่อคราวก่อน  ชายคนดังกล่าวอึ้งไปชั่วขณะ  บังเอิญว่าในตอนนั้นมีวิทยุแจ้งให้โบวอนไปตรวจสอบถนนอีกสาย เธอจึงเตือนคนขับให้ขับรถด้วยความระมัดระวัง

โบวอนไม่รู้ว่าในตอนนั้นชายชาวต่างชาติที่นั่งข้างคนขับแอบถือปืนในท่าเตรียมพร้อม หลังโบวอนยอมให้ผ่านไปแต่โดยดีชายคนดังกล่าวก็เก็บปืนและเตือนคนขับว่าเวลาที่กำหนดไว้คือ 20.00 น. ห้ามพลาดแม้เพียงเสี้ยววินาที หลังรถบรรทุกวิ่งผ่านไปโบวอนเห็นโลโก้ท้ายรถเป็นรูปวงกลม (โลโก้แจชิน เทเลคอม) ทำให้นึกถึงคำพูดของคุณยายขาไพ่ เธอจึงรีบขับรถตามไป โบวอนเห็นรถบรรทุกจอดหลบอยู่ในที่เปลี่ยวจึงเดินเข้าไปดูอย่างระมัดระวัง เมื่อพบว่าภายในรถว่างเปล่า เธอจึงเดินสำรวจรอบๆ บริเวณ และพบเสาสัญญาณลักษณะแปลกๆ จึงปีนขึ้นไปดู


 

ในเวลาเดียวกันนั้น แทคยองก็กำลังขับรถมุ่งหน้าไปที่บ้านพักตากอากาศของประธานาธิบดีลี ทันทีที่ไปถึงเขาแจ้งเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยว่าตนชื่อ ฮัน แทคยอง จากทำเนียบน้ำเงิน มาที่นี่เพื่อพบหัวหน้าองค์กรพีเอสเอส เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้แทคยองเข้าไปข้างในเพราะเขาไม่มีบัตรและตราประจำตัวเจ้าหน้าที่ แทคยองขอให้เจ้าหน้าที่โทรฯ ไปตรวจสอบสถานะของตนกับหัวหน้าเพราะตนมีเรื่องเร่งด่วน แต่เจ้าหน้าที่ไม่สนใจและไม่ยอมให้เขาเข้าไปข้างใน

โบวอนส่องไฟฉายสำรวจบนเสาและพบอุปกรณ์ตัวหนึ่งถูกตั้งเวลาถอยหลัง (เหลืออีกแค่ไม่กี่วินาที) เมื่อถึงกำหนดเวลาที่ตั้งไว้ โบวอนก็ถูกไฟช็อตจนร่วงตกจากเสา ระหว่างตกลงมาเธอยังไม่วายนึกสงสัยว่า "นั่นมันไม่ใช่ระเบิดหรอกเหรอ"

วันที่ 5 มีนาคม เวลา 20.00 น.



ทันใดนั้น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังสูง (ระเบิดไมโครเวฟ) ก็แผ่ออกมาจากอุปกรณ์ดังกล่าวจนทำให้ไฟฟ้าดับทั้งเมือง (ไม่เว้นแม้กระทั่งไฟรถยนต์) เป็นเหตุให้รถคันหนึ่งประสบอุบัติเหตุ มิหนำซ้ำ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบสื่อสารต่างๆ ยังใช้การไม่ได้ในทุกช่องทางทำให้เกิดความปั่นป่วนไปทั่ว  รวมทั้งที่บ้านพักตากอากาศของประธานาธิบดีลี (ระหว่างนั้นมีใครบางคนเปิดประตูรั้วที่ถูกล่ามโซ่อยู่อย่างง่ายดาย)  แทคยองซึ่งยังคงถูกควบคุมตัวที่หน้าประตูใหญ่เริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจ ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นสามนัด

เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ใน "ล่าทะลุฟ้า ท้าลิขิตชีวิต (Three Days)"

* เนื้อหาโดย luvasianseries

นักแสดงนำ


ปาร์ก ยูชอน
รับบท ฮัน แทคยอง (บอดี้การ์ดประธานาธิบดี)


  
ซอน ฮยอนจู
รับบท ลี ดงฮวี (ประธานาธิบดี)



 ปาร์ก ฮาซอน
รับบท ยุน โบวอน (ตำรวจ ประจำสถานีตำรวจซอจู)



โซ อีฮยอน
รับบท ลี ชายอง (เจ้าหน้าที่พีเอสเอส ฝ่ายวางแผนและกฏหมาย)



 ยุน เจมุน
รับท ชิน กยูจิน (หัวหน้าสำนักเลขาประจำทำเนียบน้ำเงิน)



ชเว วอนยอง
รับบท คิม โดจิน (ประธานแจชินกรุ๊ป)



จาง ฮยอนซอง
รับบท ฮัม บงซู (หัวหน้าองค์กรพีเอสเอส)




* ดูคลิปตัวอย่างและบางซีนในละครจาก เอสบีเอสนาวได้ ที่นี่
* ดูคลิปเบื้องหลังจากเอสบีเอสทีวีได้ ที่นี่
* ดูคลิปเพลงประกอบละครและเอ็มวีได้ ที่นี่

*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา