กำกับ: ชา ยองฮุน, คิม จองมิน, ลี แจซัง
เขียนบท: ฮัน ฮีจอง, ลี จองอู
แนวละคร: อิงประวัติศาสตร์, แอ็คชั่น, เมโลดราม่า, โรแมนติก
จำนวนตอน: 22
ออกอากาศ: เกาหลี - 25 มิถุนายน 2557 - 4 กันยายน 2557 ทางเคบีเอส2
ไทย - ทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 18.25-20.00 น. ทางพีพีทีวี ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2558 - 26 กันยายน 2558
ละคร "จอมปืนแห่งโจซอน (Gunman in Joseon)" นำเสนอเรื่องราวสมัยศตวรรษที่ 19 (ค.ศ. 1801-1900) ซึ่งเป็นยุคที่อารยธรรมตะวันตกได้เข้ามาแผ่ขยายและมีบทบาทในแถบเอเชีย ราชวงศ์โชซอนของเกาหลีก็ได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตกและกำลังจะเริ่มพัฒนาไปสู่โลกยุคใหม่ที่มีความศิวิไลซ์มากขึ้นเช่นกัน ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน...การดวลกันระหว่างปืนและดาบจึงเริ่มต้นขึ้น
แต่หลังจากบิดาซึ่งนักดาบมือหนึ่งของโชซอน ต้องมาจบชีวิตลงเพราะถูกยิง "ปาร์ค ยุนคัง" นักดาบคนสุดท้ายของโชซอนก็หันมาถือปืนแทนดาบเพื่อชำระแค้นแทนพ่อ แต่แล้วเขากลับพบว่านอกจากคนในครอบครัวของตนแล้ว ยังมีคนอื่นๆ ที่ต้องการให้เขาปกป้องเช่นกัน
ละครเปิดฉากขึ้นหลังพระเจ้าโกจง (สมเด็จพระจักรพรรดิควางมู) ทรงขึ้นครองบัลลังก์และว่าราชการเองได้ 3 ปี (ราวปี พ.ศ. 2419 - ความจริงแล้วพระองค์ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่พระชนมายุเพียง 12 พรรษา แต่ที่ผ่านมาองค์ชาย ลีแฮอุง ผู้เป็นพระบิดาเป็นผู้สำเร็จราชการแทน) ในตอนนั้นโชซอนเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างฝ่าย "เกฮวา" (ฝ่ายเสรีนิยม หัวก้าวหน้า ยึดหลักขงจื๊อ สนับสนุนให้นำพาโชซอนเข้าสู่ยุคใหม่โดยเปิดประเทศเพื่อรับวิทยาการและทำการค้ากับชาติตะวันตก) กับฝ่ายอนุรักษ์นิยม (หัวเก่า ยึดหลักจารีต ไม่ต้องการคบหาหรือเปิดเส้นทางค้าขายกับชาติตะวันตก) เหตุการณ์ส่อเค้ารุนแรงมากขึ้นเมื่อเหล่าบัณฑิตที่ยึดมั่นในลัทธิขงจื๊อและสนับสนุนนโยบายเปิดประเทศของพระเจ้าโกจง เริ่มถูกมือปืนที่ใช้ปืนยาวรุ่นใหม่ยิงตายทีละคน
ในเวลาเดียวกันนั้น "ฮยอนอัม" ผู้นำฝ่าย "เกฮวา" และเป็นอาจารย์ของเหล่าบัณฑิต กำลังกล่าวปลุกระดมแนวร่วมโดยบอกให้ลืมความแตกต่างแล้วหันมาช่วยกันปกป้องโชซอน อย่าหลงเชื่อลมปากของพวกอนุรักษ์นิยมที่อ้างว่าทำเพื่อปกป้องโชซอน แท้จริงแล้วสิ่งที่พวกนั้นกำลังทำคือการปกป้องอำนาจแบบเบ็ดเสร็จและความมั่งคั่งของตนเอง ทางเดียวที่โชซอนจะอยู่รอดได้ก็คือการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ถึงเวลาแล้วที่โชซอนจะต้องเปิดประตูสู่โลกภายนอก และยอมรับการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก (ที่ผ่านมาโชซอนได้ชื่อว่า "อาณาจักรฤๅษี" เพราะมีนโยบายปิดประเทศ และไม่เปิดรับชาติตะวันตก)
จินฮันนำกำลังไปคุ้มกันฮยอนอัม โดยวางกำลังรายล้อมทั่วบริเวณ เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ เขาพบว่ามีจุดเสี่ยงอยู่บนเนินเขา และคล้ายมีคนแอบซุ่มอยู่บริเวณด้านหลังต้นไม้จึงรีบวิ่งไปตรวจดู ในตอนนั้นมือปืนกำลังบรรจุกระสุนอย่างใจเย็น แม้ฝนจะเริ่มตกปรอยๆ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคเพราะปืนที่มือปืนคนนี้ใช้เป็นปืนยาวรุ่นใหม่ ไม่ใช่ปืนไฟที่ต้องจุดชนวนเหมือนที่ชาวโชซอนเคยรู้จัก หลังบรรจุกระสุนเสร็จแล้วเขาก็เล็งปืนไปที่ฮยอนอัม ก่อนยิงเข้าที่อกด้านซ้ายอย่างแม่นยำ
หลังภารกิจลุล่วงมือปืนก็ลุกจากที่ซ่อน ทันใดนั้นเขาก็โดนธนูยิงเข้าที่แขน หลังได้รับบาดเจ็บมือปืนก็รีบวิ่งหนีไปตั้งหลักโดยมีจินฮันไล่ตามไปติดๆ จินฮันสวมบทผู้ล่าด้วยการยิงธนูใส่มือปืนที่กำลังวิ่งหนี แต่มือปืนก็หลบหลีกได้ทันแบบฉิวเฉียดทุกครั้ง หลังไล่ล่ากันได้ไม่นานจินฮันก็เหลือธนูดอกสุดท้าย ส่วนมือปืนก็เริ่มปวดแผลและมีเลือดออกมากขึ้น เมื่อทั้งสองคนเผชิญหน้ากันกลางทุ่งหญ้าจึงเกิดการดวลกันระหว่างธนูกับปืน หลังยิงธนูดอกสุดท้ายไปแล้ว จินฮันก็เหลือเพียงดาบและกลายเป็นผู้ถูกล่า เขาพยายามวิ่งหนีไปอีกทางเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้านิ่ง นับว่ายังโชคดีที่ปืนยิงได้ทีละนัดทำให้ต้องเสียเวลาบรรจุกระสุนใหม่ จินฮันจึงคิดใช้โอกาสทองในช่วงนี้ย่องเข้าหามือปืน ทันใดนั้นก็มีเสียงคนร้องเรียกจินฮัน เมื่อเห็นว่า "มุน อิลโด" ลูกน้องคนสนิทของจินฮันนำกำลังเสริมมาสมทบ มือปืนจึงรีบหลบหนี
พระเจ้าโกจงกริ้วมากที่บัณฑิตของตนถูกยิงตายถึง 3 คนภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน ที่สำคัญพระองค์เป็นคนเลือกบัณฑิตทั้งสามคนให้เข้ามาถวายงานเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการนำพาโชซอนไปสู่ยุคใหม่ พระองค์ตำหนิเสนาบดี "คิม บยองแจ" (ขุนนางฝ่ายอนุรักษ์นิยม) ที่สอบสวนเรื่องนี้ล่าช้า บยองแจอ้างว่าตนทำงานจนสุดความสามารถแล้วและเชื่อว่าจะจับมือปืนมาสอบสวนได้ในไม่ช้า พระเจ้าโกจงรู้ว่ากลุ่มขุนนางฝ่ายอนุรักษ์นิยมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเหล่าบัณฑิต จึงขู่ว่าถ้าใครมีส่วนรู้เห็นกับมือปืนจะถูกเปิดโปงและโดนลงโทษ บยองแจสวนกลับอย่างไม่ยำเกรงว่า เชิญทำตามพระประสงค์ ส่วนพวกตนจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
หลังเสด็จออกจากท้องพระโรง พระเจ้าโกจงถามจินฮันว่าตอนนี้ยังเหลือใครที่รอดชีวิต จินฮันตอบว่าเหลือ "โอคยอง" เพียงคนเดียว แต่ตอนนี้เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พระเจ้าโกจงสั่งให้จินฮันออกตามหาและคุ้มกันโอคยอง พร้อมทั้งกำชับให้รีบจับตัวมือปืนมาลงโทษโดยเร็ว
จินฮันสั่งลูกน้องให้ออกตามหาเบาะแสของมือปืน เมื่อผ่านหอนางโลมเขาเห็น "ปาร์ค ยุนคัง" ผู้เป็นบุตรชายกำลังรำดาบโชว์เหล่านางโลมและแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเลี้ยง เขาให้นางโลมคนหนึ่งคาบดอกไม้เอาไว้ จากนั้นก็บอกให้เธอทำใจร่มๆ แล้วหลับตา เพราะเขาจะฟันดอกไม้ที่อยู่ในปากเธอ หลังร่ายรำและฟันดาบไปสองสามครั้ง ดอกไม้กลับยังคงอยู่ในสภาพเดิม ไม่นานโบว์ผูกเสื้อของนางโลมคนดังกล่าวก็ขาดร่วงลงมา ก่อนที่เสื้อ (ลายดอกไม้) ของเธอจะขาดและหลุดออก บรรดาแขกเหรื่อเห็นดังนั้นต่างพากันหัวเราะชอบใจและโยนเงินให้เป็นรางวัล ยุนคังก้มเก็บเงินด้วยความภาคภูมิใจ แต่แล้วเขาก็ถึงกับอึ้งเมื่อเห็นพ่อยืนมองอยู่ทางด้านนอกด้วยสีหน้าไม่พอใจ
จินฮันสั่งลูกน้องให้ออกตามหาเบาะแสของมือปืน เมื่อผ่านหอนางโลมเขาเห็น "ปาร์ค ยุนคัง" ผู้เป็นบุตรชายกำลังรำดาบโชว์เหล่านางโลมและแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเลี้ยง เขาให้นางโลมคนหนึ่งคาบดอกไม้เอาไว้ จากนั้นก็บอกให้เธอทำใจร่มๆ แล้วหลับตา เพราะเขาจะฟันดอกไม้ที่อยู่ในปากเธอ หลังร่ายรำและฟันดาบไปสองสามครั้ง ดอกไม้กลับยังคงอยู่ในสภาพเดิม ไม่นานโบว์ผูกเสื้อของนางโลมคนดังกล่าวก็ขาดร่วงลงมา ก่อนที่เสื้อ (ลายดอกไม้) ของเธอจะขาดและหลุดออก บรรดาแขกเหรื่อเห็นดังนั้นต่างพากันหัวเราะชอบใจและโยนเงินให้เป็นรางวัล ยุนคังก้มเก็บเงินด้วยความภาคภูมิใจ แต่แล้วเขาก็ถึงกับอึ้งเมื่อเห็นพ่อยืนมองอยู่ทางด้านนอกด้วยสีหน้าไม่พอใจ
จินฮันตำหนิลูกชายที่นำทักษะในการฟันดาบมาหากินที่หอนางโลม พร้อมทั้งเตือนลูกว่าอย่าไปไหนมาไหนตามใจชอบเพราะช่วงนี้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในเมืองมากมาย ยุนคังเหน็บพ่อด้วยความน้อยใจว่า ตนรู้ดีว่าพ่อวิ่งวุ่นอยู่กับการไล่ล่ามือปืนมานานเป็นเดือน (พ่อเขาไม่ได้กลับบ้านหลายวันแล้ว) ในเมื่อยังจับมือปืนไม่ได้ก็ควรเอาเวลาไปตามจับคนร้ายแทนที่จะมาสนใจลูกชายที่ไร้ค่าอย่างตน
"ชเว เฮวอน" เห็น "ชอง ซูอิน" ปลอมตัวเป็นบัณฑิตหนุ่มแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ เธอจึงมอบปืนขนาดกระทัดรัดพร้อมกระสุนอีกจำนวนหนึ่งให้เฮวอนพกไว้ป้องกันตัว หลังออกจากบ้านเฮวอน ซูอินมัวแต่เดินหันรีหันขวางด้วยความหวาดระแวงเลยชนยุนคังเข้าอย่างจังจนปืนกระเด็นตกลงบนพื้น หลังเดินแยกย้ายไปคนละทาง ซูอินเริ่มรู้ตัวว่าทำปืนหล่นหาย ขณะที่ยุนคังรู้สึกว่าบัณฑิตหนุ่มคนเมื่อครู่มีท่าทางแปลกๆ จึงหันหลังกลับไปมองและพบว่ามีปืนตกอยู่บนพื้น ซูอินเห็นยุนคังจ้องมองปืนก็รู้สึกตกใจ ยุนคังเดินตรงไปที่ปืนพลางจ้องหน้าซูอินตาไม่กระพริบ ซูอินเร่งฝีเท้าสุดชีวิตแล้วทิ้งตัวทับปืนเอาไว้ ครั้นพอเงยหน้าขึ้นมาอีกที ยุนคังก็เดินจากไปแล้ว (แต่ยังแอบจับตาดูเธออยู่ห่างๆ)
ซูอินไปหาเบาะแสที่ร้านหนังสือหลังทราบว่าโอคยองมักมาที่นี่เป็นประจำ หลังฝากจดหมายให้โอคยองแล้ว ซูอินก็เดินออกจากร้านด้วยท่าทีมีพิรุธเพราะกลัวถูกจับได้และกลัวว่าจะโดนปองร้าย เธอมัวแต่หันไปมองทางด้านหลังว่ามีคนตามมาหรือไม่ทำให้เกือบเดินชนยุนคังอีกครั้ง แต่คราวนี้ยุนคังจงใจขวางเธอเอาไว้และไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ เขาสงสัยว่าเธอเป็นใคร ทำไมถึงต้องพกปืน และคิดจะทำอะไรกันแน่ แม้จะดูออกว่าเธอไม่ใช่มือปืนที่ทางการกำลังตามล่า แต่เขาสงสัยว่าเธออาจเป็นพวกเดียวกันกับมือปืน จึงบอกแกมข่มขู่ให้รีบพาตนไปพบมือปืน
ซูอินแย้งว่าอย่ากล่าวหาคนอื่นมั่วๆ ก่อนเดินหนีด้วยความรำคาญ แต่ยุนคังยื่นแขนขวางเอาไว้ ปรากฏว่าแขนเจ้ากรรมดันไปแตะตรงหน้าอกของซูอินพอดี ซูอินรีบผลักแขนยุนคังออกแล้วตบหน้าเขาเต็มแรงด้วยความโกรธและอับอาย จากนั้นก็รีบเดินหนีไป ยุนคังถึงกับอึ้งและมึนงงที่อยู่ๆ ก็โดนบัณฑิตหนุ่มตบหน้า เขาจะตามไปสั่งสอนซูอิน แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีกลุ่มคนยกพวกมาตีกันตรงหน้าทำให้ยุนคังพลอยถูกลูกหลงและโดนรุมยำไปด้วย โชคดีที่มือปราบ "ฮัน จองฮุน" นำกำลังมาจับกุมคู่กรณีทั้งสองกลุ่มได้ทันเวลา
ยุนคังตามจองฮุน (ซึ่งเป็นเพื่อน) ไปที่กองปราบ ก่อนเล่าว่าตนเพิ่งพบเบาะแสของมือปืน เขารู้สึกเสียดายที่จับตัวซูอินมาส่งกองปราบไม่ได้ และตั้งใจว่าถ้าได้เจอกันอีกครั้งเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ซูอินหลุดมือไป จองฮุนเตือนยุนคังว่าเขาควรวางมือในเรื่องนี้ มิเช่นนั้นจะตกเป็นเป้าของมือปืนเสียเอง เขายังเตือนยุนคังด้วยว่าปืนรุ่นใหม่ที่พวกมือปืนใช้มีอานุภาพร้ายแรงกว่าปืนไฟเป็นร้อยเท่า ถึงกระนั้น ยุนคังก็ยังไม่เชื่อว่าดาบจะสู้ปืนไม่ได้
ซูอินกลับเข้าบ้านด้วยอารมณ์หงุดหงิดหลังถูกยุนคังล่วงเกินโดยไม่ตั้งใจ สาวใช้ของเธอนำน้ำมาให้ล้างหน้าพลางบ่นว่าตนหายใจไม่ทั่วท้องทุกครั้งที่ซูอินแอบปลอมตัวเป็นบัณฑิตแล้วออกไปเดินเพ่นพ่านข้างนอก พอเห็นว่าซูอินมีปืนสาวใช้ของเธอรู้สึกตกใจและเป็นห่วงมากยิ่งขึ้น ซูอินกล่าวว่ามีปืนแล้วรู้สึกอุ่นใจเพราะเธอเองก็กลัวและรู้สึกเหมือนถูกมือปืนสะกดรอยตามทุกครั้งที่ออกตามหาโอคยอง สาวใช้ได้ยินดังนั้นจึงบอกให้เธอเลิกเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อหนังสือเพียงเล่มเดียว ซูอินแย้งว่าหนังสือดังกล่าวเป็นของอาจารย์ฮยอนอัม เขาอุตส่าห์ฝากความหวังไว้กับเธอ เธอจึงต้องส่งมอบหนังสือให้โอคยองตามสัญญาถึงแม้ว่าอาจมีอันตรายถึงชีวิตก็ตาม
เหล่าบรรดาขุนนางและแกนนำฝ่ายอนุรักษ์นิยมรวมหัวกันวางแผนต่อต้านนโยบายเปิดประตูสู่โลกกว้างของพระเจ้าโกจง เพราะกลัวว่าถ้าเปิดประเทศแล้วอำนาจทางการทหารและโอกาสในการกอบโกยผลประโยชน์ของชนชั้นขุนนางอย่างพวกตนจะหมดไป หลายคนจึงเสนอให้รีบตัดไฟเสียแต่ต้นลม (โค่นล้มราชบัลลังก์) แต่ "คิม ชวายอง" (ผู้นำฝ่ายอนุรักษ์นิยม) จากตระกูลคิมแห่งอันดง แย้งว่าอย่าเพิ่งผลีผลาม เขาชี้ว่าการผลักดันโชซอนให้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนั่นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตครั้งใหญ่ เขาเชื่อว่าอีกไม่นานพระเจ้าโกจงจะตระหนักในเรื่องนี้ด้วยองค์เอง วันใดโอคยองจบชีวิต พระเจ้าโกจงก็จะสิ้นหวังและจะทรงถอดใจไปเอง
เสนาบดีคิม บยองแจ รายงานชวายองว่า นอกจากโอคยองแล้วยังมีอีกหนึ่งตัวปัญหาที่กำลังออกไล่ล่ามือปืนของพวกตนอย่างไม่ลดละ และคนๆ นั้นก็คือหัวหน้าทหารองครักษ์ "ปาร์ค จินฮัน" ซึ่งเป็นคนที่พระเจ้าโกจงทรงแต่งตั้งและไว้วางพระทัย ชวายองได้ยินดังนั้นจึงสั่งให้บยองแจกำจัดจินฮันและทุกคนที่เป็นเสี้ยนหนาม
เหล่ามือปืนเข้าไปรายงานตัวกับ "ชเว วอนชิน" ในถ้ำที่ถูกดัดแปลงให้เป็นกองบัญชาการ เมื่อพบว่ามือปืนคนหนึ่งทำงานล่าช้า วอนชินก็เปลี่ยนให้มือปืนอีกคนรับหน้าที่แทนโดยสั่งให้สังหารจินฮันเป็นคนแรก จากนั้นจึงค่อยลงมือสังหารโอคยอง
ในที่สุดจินฮันก็ได้เห็นปืนยาวที่พวกมือปืนใช้ลอบสังหารเหล่าบัณฑิต เจ้าหน้าที่คนหนึ่งนำมาให้ดูพร้อมทั้งรายงานว่านี่เป็นปืนที่ทหารอเมริกันเคยใช้งานเมื่อปี ค.ศ. 1811 (พ.ศ. 2354) แม้จะผ่านไปนานหลายสิบปี แต่สำหรับโชซอนแล้วถือว่านี่คือปืนรุ่นใหม่ที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุด ซ้ำยังยิงได้ไกลและเร็วกว่าปืนไฟ แถมยังใช้งานง่ายกว่าเพราะไม่ต้องคอยจุดชนวน จินฮันถามว่ามีอาวุธชนิดใดบ้างที่สามารถเอาชนะปืนกระบอกนี้ได้ ข่าวร้ายก็คือไม่มีอาวุธชนิดใดในโชซอนที่สามารถต่อกรกับปืนรุ่นนี้ได้เลย เห็นได้จากตอนที่ทหารต่างชาติเข้ามารุกรานโชซอนเมื่อปี ค.ศ. 1811 พวกเขาใช้ปืนรุ่นนี้ระดมยิงใส่ชาวโชซอนจากระยะไกล ซึ่งเป็นระยะที่ธนูและปืนไฟไปไม่ถึง เป็นเหตุให้มีชาวโชซอนล้มตายมากถึง 350 คน ขณะที่ข้าศึกล้มตายเพียง 3 คน เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเตือนจินฮันให้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับมือปืน และชี้ว่าจินฮันโชคดีที่ยังมีลมหายใจอยู่ตราบจนทุกวันนี้
"ยอนฮา" เห็นพ่อไม่กลับบ้านนานนับ 10 วันจึงรู้สึกเป็นห่วง ยุนคังแย้งว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อหายตัวไป สมัยก่อนตอนที่ได้รับมอบหมายให้ไปทำงานแถบชายแดน พ่อของพวกตนเคยไม่กลับบ้านนานสุดถึง 10 เดือน มิหนำซ้ำวันที่พวกตนเกิดพ่อก็ไม่อยู่บ้าน ยอนฮาแย้งว่าครั้งนี้พ่อไม่อยู่บ้านนานสุดนับตั้งแต่กลับมารับหน้าที่ในเมืองหลวง เธอสงสัยว่าพ่อคงได้รับมอบหมายให้ทำงานใหญ่ แต่ก็แอบหวังว่าคงไม่ใช่การออกตามล่ามือปืน ยุนคังตัดบทด้วยการอวดนกฮูกไม้ที่เพิ่งแกะสลักเสร็จให้ยอนฮาดู ยอนฮาเห็นแล้วอดขำไม่ได้เพราะงานแกะสลักของยุนคังแลดูเหมือน 'ไห' มากกว่านกฮูก
สองพี่น้องหยอกล้อกันโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกมือปืนจับตาดูอยู่บนหลังคา เมื่อเห็นจินฮันควบม้ากลับมาที่บ้านมือปืนก็เล็งปืนไปที่จินฮันทันที ครั้นพอเห็นยอนฮาวิ่งออกไปรับจินฮันด้วยความดีใจ มือปืนก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เล็งปืนไปที่ศีรษะของจินฮันอีกครั้งแล้วลั่นไก จินฮันก้มตัวลงกอดลูกสาวพอดี ทำให้รอดตายแบบฉิวเฉียด พอรู้ตัวว่าถูกลอบสังหารเขาก็สั่งให้ยุนคังพายอนฮาเข้าไปหลบในบ้าน จากนั้นก็ควบม้าไล่ตามมือปืนไป
ยุนคังบอกให้ยอนฮาเข้าไปหลบในบ้านแล้ววิ่งตามมือปืนไปติดๆ เขาถือดาบเผชิญหน้ากับมือปืนอย่างกล้าหาญ และวิ่งหลอกล่อไปมาจนมือปืนยิงพลาดเป้าจากนั้นก็ฉวยโอกาสเข้าโจมตี เมื่อมือปืนบรรจุกระสุนใหม่ได้สำเร็จ เขาก็วิ่งไปหลบอยู่ทางด้านหลังกำแพง ก่อนกระโจนเข้าใส่ในระยะประชิด สลับกับการวิ่งไปมาอย่างรวดเร็ว หลังจากมือปืนลั่นไกเขาจะบุกจู่โจมทันทีเพื่อไม่ให้มือปืนมีโอกาสบรรจุกระสุน ในที่สุดยุนคังก็ต้อนมือปืนให้จนมุม เขากำลังจะจับมือปืนแต่จินฮันควบม้าตรงเข้ามาพอดี ยุนคังเห็นดังนั้นเลยจำเป็นต้องถอยหลบ มือปืนจึงฉวยโอกาสหลบหนี
อิลโด (ลูกน้องคนสนิทของจินฮัน) นำกำลังเสริมมาช่วยจินฮันไล่ล่ามือปืน แต่มือปืนยังคงหลบหนีไปได้ จินฮันเห็นกระเบื้องมุงหลังคาบ้านหลังหนึ่งร่วงตกลงมาจึงขอเข้าไปตรวจค้น ปรากฏว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของ "ชเว วอนชิน" (พ่อของเฮวอน) วอนชินอ้างว่าที่นี่เป็นบ้านของรองหัวหน้ากลุ่มการค้าประจำเขตคยองกี ต่อให้เป็นทหารองค์รักษ์หากไม่มีหมายค้นก็ไม่อาจบุกเข้ามาโดยพละการ จินฮันไม่สนใจและพยายามที่จะบุกเข้าไปแต่ถูกสมุนของวอนชินขวางเอาไว้
เฮวอนสั่งให้ลูกน้องเก็บดาบและถามจินฮันว่าเขามาตามหาใคร จินฮันตอบว่าตนมาตามจับมือปืนที่สวมหมวกสานและขอให้เฮวอนร่วมมือกับทางการ เฮวอนจึงอนุญาตให้จินฮันและลูกน้องเข้าตรวจค้นทุกซอกทุกมุมภายในบ้าน (แม้จะไม่ค่อยพอใจนักแต่วอนชินก็ยอมทำตามที่ลูกสาวบอก) หลังตรวจค้นโดยละเอียดแล้วจินฮันและอิลโดกลับไม่พบมือปืนภายในบ้าน (มือปืนเข้าไปหลบอยู่ในช่องลับ) วอนชินไม่พอใจที่มือปืนหนีเข้ามาหลบในบ้านตนจนทหารนำกำลังเข้ามาตรวจค้น จึงสั่งห้ามไม่ให้มือปืนหนีตายเข้ามาในบ้านตนอีก
เมื่อเห็นว่าบ้านตนเองไม่ปลอดภัย จินฮันจึงอพยพลูกๆ ไปอยู่บ้านเพื่อนที่ชื่อ "จอง ฮวีรยอง" (พ่อซูอิน) ซึ่งเป็นล่ามหลวง เนื่องจากในอดีตจินฮันเคยช่วยชีวิตฮวีรยองเอาไว้ ฮวีรยองจึงรับยุนคังและยอนฮาเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยความยินดี เมื่อพบว่าลูกชายของเพื่อนพ่อคือยุนคัง ซูอินก็รีบหันหลังให้ด้วยความตกใจ พอตั้งสติได้เธอก็กล่าวขอโทษที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสม และแก้ตัวว่ายุนคังมีใบหน้าคล้ายคนที่เธอเคยรู้จัก ขณะที่ยุนคังเองก็รู้สึกคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอซูอินที่ไหน
ซูอินเดินไปส่งยุนคังที่เรือนรับรอง ยุนคังจึงถือโอกาสซักถามว่าตนและซูอินเคยเจอกันมาก่อนหรือไม่ ซูอินปฏิเสธว่าเธอไม่เคยพบเขามาก่อนและพยายามชิ่งหนี แต่ยุนคังยังคงสงสัยเลยถามว่าเขาหน้าตาเหมือนใครหรือ ซูอินตอบว่าเมื่อไม่นานมานี้เธอบังเอิญเจอผู้ชายคนหนึ่งที่ใบหน้าคล้ายยุนคัง เขาเป็นคนชั่วช้า ต่ำทราม และหยาบคายมาก พูดถึงทีไรเธอยังอดเจ็บใจไม่หาย ยุนคังฟังแล้วได้แต่ยืนงง ขณะที่ซูอินหัวเราะอย่างสะใจที่ได้หลอกด่ายุนคัง
หลังถูกแม่เรียกไปตำหนิที่ทำตัวไม่สุภาพและชักสีหน้าใส่ลูกชายผู้มีพระคุณ ซูอินก็เดินกลับเรือนของตนอย่างหัวเสียและบ่นตลอดทาง เมื่อเห็นยุนคังยืนหลบอยู่หลังต้นไม้ ซูอินจึงเตือนว่าบริเวณนี้เป็นเรือนชั้นใน (ผู้ชายห้ามเข้า) เขาไม่ควรมาแอบดูหรือทำตัวลับๆ ล่อๆ แถวนี้ ยุนคังพยายามอธิบายว่าตนไม่ได้ตั้งใจและรีบเดินออกไป หลังเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเขาก็หยุดและกล่าวขอโทษที่ทำให้เธอโดนแม่ตำหนิ ซูอินได้ยินแล้วยิ่งไม่พอใจ เพราะนอกจากเขาจะบุกรุกเข้ามาในเขตหวงห้ามแล้ว ยังบังอาจแอบฟังเธอกับแม่คุยกันอีกด้วย
เมื่อเห็นน้องสาวเป็นห่วงความปลอดภัยของพ่อ ยุนคังก็ปลอบว่าพ่อของพวกตนเป็นนักดาบมือหนึ่งโชซอน ยอนฮาแย้งว่าคนร้ายมีปืนเป็นอาวุธ ยุนคังจึงบอกว่าถึงมีปืนก็ใช่ว่าจะได้เปรียบ และการเป็นนักดาบไม่ใช่แค่ถือดาบในมือเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องรู้จักใช้ทักษะและไหวพริบเพื่อหาทางเอาชนะศัตรูให้ได้ในทุกสถานการณ์ เขาจึงมั่นใจว่าพ่อจะต้องเอาชนะมือปืนได้แน่ๆ
วันรุ่งขึ้น ยุนคังออกไปหาจองฮุนที่กองปราบ ส่วนซูอินปลอมตัวเป็นบัณฑิตหนุ่มเพื่อไปสอบถามความคืบหน้าของโอคยองที่ร้านหนังสือ เจ้าของร้านบอกเธอว่ามีคนพบโอคยองในเขตพันชอน ซูอินจึงรีบไปที่พันชอนทันที เมื่อพบชายที่มีใบหน้าท่าทางคล้ายโอคยอง ซูอินจึงรีบวิ่งตามไปแต่แล้วอยู่ๆ ชายคนดังกล่าวก็หายตัวไปแบบไร้ร่องรอย โอคยองรู้ตัวว่ามีคนสะกดรอยตามจึงแอบหลบ เมื่อสบโอกาสเขาก็ลากแขนซูอินเขาไปในที่ลับตา ก่อนบีบคอและถามเชิงข่มขู่ว่าเธอเป็นใคร ทำไมถึงต้องสะกดรอยตามตน เมื่อรู้ว่าซูอินเป็นลูกศิษย์อาจารย์ฮยอนอัมและเป็นลูกสาวของ "จอง ฮวีรยอง" โอคยองจึงยอมปล่อยเธอแต่โดยดี ซูอินเชิญโอคยองไปที่บ้านเพื่อรับหนังสือที่อาจารย์ฮยอนอัมฝากเอาไว้ โอคยองเห็นว่าหากตนทำเช่นนั้นจะเสี่ยงต่อชีวิตเกินไปจึงขอให้ซูอินนำหนังสือมาให้ตนในวันรุ่งขึ้น
คืนนั้น ยุนคังนั่งดื่มกับจองฮุนพลางพูดคุยกันเรื่องที่เขาย้ายไปอยู่ที่บ้านของใต้เท้าจอง จองฮุนได้ยินมาว่าใต้เท้าจองมีลูกสาวเพียงคนเดียวจึงถามว่าเธอสวยไหม ยุนคังตอบเพียงว่าเธอเป็นคุณหนูเจ้าอารมณ์ จองฮุนจึงถามอย่างคาดคั้นว่าเธอสวยหรือไม่ ยุนคังยอมรับว่าเธอสวยมากแต่อารมณ์ร้ายไปหน่อย จองฮุนจึงชี้ว่าบุคลิกท่าทางคนเราเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ แต่ใบหน้าไม่มีวันเปลี่ยน
วอนชินเข้าพบชวายองเพื่อรายงานความคืบหน้า พร้อมทั้งกล่าวขอโทษที่มือปืนของตนสังหารจินฮันไม่สำเร็จ ชวายองเห็นว่าการกำจัดจินฮันไม่ใช่เรื่องง่ายจึงเปลี่ยนแผน เขาสั่งให้วอนชินสังหารโอคยองก่อน แล้วค่อยตามเก็บจินฮันทีหลัง ทั้งยังบอกให้วอนชินตามหาหนังสือที่ฮยอนอัมเขียนไว้ก่อนตายแล้วนำมามอบให้ตน
ซูอินมองหนังสือของอาจารย์ฮยอนอัมแล้วนึกถึงวันที่อาจารย์นำมันมามอบให้กับเธอ วันนั้นอาจารย์ฮยอนอัมบอกเธอว่าตนเขียนหนังสือเล่มนี้ใกล้เสร็จแล้ว เขาอนุญาตให้เธออ่านโดยบอกว่าอ่านจบแล้วค่อยส่งต่อให้กับบัณฑิตที่ชื่อโอคยอง เพราะอีกไม่นานโอคยองจะได้ถวายงานรับใช้ฝ่าบาท ซูอินรู้สึกได้ว่าเป็นการสั่งเสีย จึงขอร้องให้อาจารย์ฮยอนอัมล้มเลิกแผนปลุกระดมในวันรุ่งขึ้นเพราะอาจมีอันตรายถึงชีวิต ที่สำคัญอาจารย์ฮยอนอัมเคยถูกมือปืนตามฆ่ามาแล้วถึงสองครั้ง อาจารย์ฮยอนอัมกล่าวว่าต่อให้โดนลอบสังหารตนก็ตายตาหลับ เพราะได้ทิ้งหนังสือและลูกศิษย์อย่างซูอินเอาไว้เบื้องหลัง
ยุนคังกับจองฮุนนั่งดื่มเหล้าและคุยกันแบบโต้รุ่งก่อนแยกย้ายกันตอนเช้าตรู่ ยุนคังเข้าบ้านไม่ได้เพราะประตูใหญ่ยังคงถูกล็อค เขาเลยต้องเดินสำรวจโดยรอบเพื่อหาทางเข้าบ้านและพบว่ามีประตูบานหนึ่งไม่ได้ล็อค (เป็นประตูที่ซูอินใช้แอบออกนอกบ้านเวลาปลอมตัวเป็นบัณฑิตหนุ่ม) เขาเห็นบัณฑิตหนุ่มคนหนึ่ง (ซูอิน) เพิ่งเดินออกจากบ้านจึงหยุดมอง ในตอนแรกเขาไม่ติดใจอะไร แต่พอนึกได้ว่าเป็นบัณฑิตที่พกปืนจึงรีบวิ่งตามไป
อิลโดรายงานจินฮันว่ารู้ที่อยู่ของโอคยองแล้ว เมื่อรู้ว่ามีเจ้าหน้าที่คอยตามอารักขาโอคยองเพียงหนึ่งคน จินฮันจึงรีบตามไปคุ้มกันและสั่งให้อิลโดนำกำลังเสริมตามไปสมทบ ในตอนนั้นโอคยองกำลังรอซูอิน บริเวณจุดนัดพบโดยมีทหารองครักษ์คนหนึ่งคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ในที่สุดมือปืนก็พบตัวโอคยอง หลังจัดการทหารองครักษ์แล้วมือปืนคนดังกล่าวก็ค่อยๆ ย่องขึ้นไปบนหลังคา
ซูอินรีบเดินทางไปพบโอคยองตามนัดแต่ถูกยุนคังขัดขวาง เขาถามซูอินว่ามือปืนอยู่ที่ไหน เมื่อซูอินยืนกรานว่าเธอไม่รู้เรื่อง ยุนคังก็ชักดาบออกมาขู่ ซูอินเลยจำเป็นต้องชักปืนออกมาป้องกันตัว สองหนุ่มสาวยืนประจันหน้า ยุนคังจ่อดาบไปที่ซูอิน ขณะที่ซูอินเล็งปืนไปที่เขา เธอยังคงยืนกรานว่าตนไม่ใช่คนร้าย แต่ยุนคังไม่เชื่อเพราะเห็นว่าเธอมีปืน เขาบอกให้เธอทิ้งปืนแล้วตามตนไปที่กองปราบถ้ายังอยากมีชีวิต ซูอินมีภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จจึงไม่สนใจคำขู่และขอให้เขาหลีกทาง ยุนคังนับหนึ่งถึงสามเพื่อเร่งให้เธอตัดสินใจ ซูอินพยายามเตือนว่าอย่าดึงดันเพราะเขาจะเป็นอันตราย (ในเวลาเดียวกันนั้นคนร้ายก็กำลังเล็งปืนไปที่โอคยองและเตรียมลั่นไกสังหาร)
หลังนับถึงสามยุนคังก็เดินเข้าหาซูอินอย่างไม่เกรงกลัว เพราะเชื่อว่าตนสามารถเอาชนะคนที่มีปืนได้ ซูอินเตือนอีกครั้งว่าอย่าทำอะไรโง่ๆ เขามีแค่ดาบจะมาสู้กับปืนได้อย่างไร นักดาบอย่างยุนคังได้ยินแล้วของขึ้น จึงบอกซูอินว่าทำไมจะสู้ไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็เงื้อดาบและตรงเข้าโจมตี ซูอินไม่มีทางเลือกจึงยิงปืนสวนกลับไป ยุนคังถึงกับช็อคเมื่อพบว่าดาบของตนถูกปืนกระบอกจิ๋วยิงหักเป็นสองท่อน และนั่นก็ทำให้เขาเริ่มตระหนักว่าปืนมีอานุภาพร้ายแรงและอันตรายกว่าที่คิด
เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ใน "จอมปืนแห่งโจซอน (Gunman in Joseon)"
* เนื้อหาโดย luvasianseries
นักแสดงนำ
ยู โอซอง
รับบท ชเว วอนชิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา