กำกับ: ฮัน ซังวู, ลี จองมี
เขียนบท: ปาร์ค พิลจู, ชิน แจวอน
แนวละคร: ดนตรี, โรแมนติก, คอมเมดี้
จำนวนตอน: 16
ออกอากาศ: เกาหลี - 13 ตุลาคม 2557 - 2 ธันวาคม 2557 ทางเคบีเอส2
ไทย - ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 21.15-22.45 น. ทางพีพีทีวี ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2558 - 8 ธันวาคม 2558
เรื่องย่อ
ละคร "สะดุดรักนักเปียโน (Nae Il's Cantabile หรือ Cantabile Tomorrow)" ดัดแปลงมาจากการ์ตูนมังงะเรื่อง "Nodame Cantabile" ของนักเขียนและนักวาดการ์ตูนหญิง "โทโมโกะ นิโนมิยะ" ที่กวาดยอดขายทะลุ 4,000,000 เล่มในประเทศญี่ปุ่น จนได้รับรางวัล The Best Comics of The Year 2004 สาขาการ์ตูนผู้หญิง หลังจากนั้นก็ถูกนำมาสร้างเป็นละครญี่ปุ่นเรื่อง "วุ่นรัก นักดนตรี (Nodame Cantabile)" ออกอากาศเมื่อปี พ.ศ. 2549 ซึ่งยังคงได้รับความนิยมมากเช่นกัน ทำให้มีการนำมาดัดแปลงเป็นการ์ตูนอนิเมะ ตลอดจนเกมสำหรับเครื่องนินเทนโด ดีเอส และเพลย์สเตชัน 2 ในเวลาต่อมา - ข้อมูลจากวิกิพีเดีย
* การ์ตูนมังงะ "โนดาเมะ คันตาบิเล (Nodame Cantabile)" ตั้งชื่อเรื่องตามชื่อของนางเอก "โนดะ เมงุมิ" หรือที่เพื่อนๆ ของเธอเรียกว่า "โนดาเมะ" ดังนั้นในเวอร์ชั่นเกาหลีจึงตั้งชื่อเรื่องว่า "เนอิลโด คันตาบิเล (Nae Il's Cantabile)" ตามชื่อ "เนอิล" ของนางเอกเช่นกัน
"สะดุดรักนักเปียโน" นำเสนอเรื่องราวของ "ชา ยูจิน" นักศึกษาวิทยาลัยดนตรีผู้หยิ่งทะนงแต่เป็นอัจฉริยะในด้านดนตรีและมีวาทยากรชื่อดังเป็นไอดอล เขาต้องการไปเรียนต่อทางด้านดนตรีที่ยุโรปแต่ประสบการณ์อันเลวร้ายในวัยเด็กทำให้เขากลายเป็นคนกลัวเครื่องบินจึงไม่สามารถเดินทางออกจากเกาหลีได้ ในขณะที่ยูจินกำลังรู้สึกเคว้างคว้าง สับสน ซ้ำยังถูกแฟนบอกเลิก สาวน้อยคนหนึ่งก็โผล่เข้ามาในชีวิตของเขา เธอคือ "ซอล เนอิล" รุ่นน้องข้างห้องจอมซกมกที่มีนิสัยแปลกประหลาด แต่มีพรสวรรค์ในด้านการเล่นเปียโนและสามารถจำทำนองเพลงที่ได้ยินอย่างแม่นยำ แม้จะเป็นเด็กห้องบ๊วยและชอบเล่นเปียโนแบบ 'ตามใจฉัน' โดยไม่ดูโน้ต แต่เสียงเพลงของเธอก็ทำให้ยูจินถึงกับเคลิบเคลิ้มและหลงใหล นับจากนั้นโลกของยูจินก็เปลี่ยนไป...
* การ์ตูนมังงะ "โนดาเมะ คันตาบิเล (Nodame Cantabile)" ตั้งชื่อเรื่องตามชื่อของนางเอก "โนดะ เมงุมิ" หรือที่เพื่อนๆ ของเธอเรียกว่า "โนดาเมะ" ดังนั้นในเวอร์ชั่นเกาหลีจึงตั้งชื่อเรื่องว่า "เนอิลโด คันตาบิเล (Nae Il's Cantabile)" ตามชื่อ "เนอิล" ของนางเอกเช่นกัน
"สะดุดรักนักเปียโน" นำเสนอเรื่องราวของ "ชา ยูจิน" นักศึกษาวิทยาลัยดนตรีผู้หยิ่งทะนงแต่เป็นอัจฉริยะในด้านดนตรีและมีวาทยากรชื่อดังเป็นไอดอล เขาต้องการไปเรียนต่อทางด้านดนตรีที่ยุโรปแต่ประสบการณ์อันเลวร้ายในวัยเด็กทำให้เขากลายเป็นคนกลัวเครื่องบินจึงไม่สามารถเดินทางออกจากเกาหลีได้ ในขณะที่ยูจินกำลังรู้สึกเคว้างคว้าง สับสน ซ้ำยังถูกแฟนบอกเลิก สาวน้อยคนหนึ่งก็โผล่เข้ามาในชีวิตของเขา เธอคือ "ซอล เนอิล" รุ่นน้องข้างห้องจอมซกมกที่มีนิสัยแปลกประหลาด แต่มีพรสวรรค์ในด้านการเล่นเปียโนและสามารถจำทำนองเพลงที่ได้ยินอย่างแม่นยำ แม้จะเป็นเด็กห้องบ๊วยและชอบเล่นเปียโนแบบ 'ตามใจฉัน' โดยไม่ดูโน้ต แต่เสียงเพลงของเธอก็ทำให้ยูจินถึงกับเคลิบเคลิ้มและหลงใหล นับจากนั้นโลกของยูจินก็เปลี่ยนไป...
ละครเปิดฉากขึ้นที่ยุโรป เด็กชายคนหนึ่งแบกกล่องไวโอลินวิ่งไปตามท้องถนน...
"ชา ยูจิน" เล่าให้คนดูฟังว่า เมื่อนึกถึงครั้งที่ยังเป็นเด็ก... สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวของตนคือท้องถนนในยุโรป ซึ่งบรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายและเสียงเพลงคลาสสิก ด้วยความที่เป็นลูกชายนักเปียโนเขาจึงมีโอกาสเข้าชมการบรรเลงเพลงคลาสสิกที่ยุโรปกับพ่อนับครั้งไม่ถ้วน แต่การแสดงที่เขาประทับใจและคิดว่ายอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยดูมาคือการแสดงดนตรีจากวงออร์เคสตร้าในเกาหลีที่มี "เซบาสเตียน วิเอร่า" เป็นวาทยากร เมื่อได้เห็นวิเอร่ากวัดแกว่งไม้บาตอง (อุปกรณ์สำหรับควบคุมวงออร์เคสตร้า/วงประสานเสียง) ยูจินก็รู้ทันทีว่าวิเอร่าจะเป็นอาจารย์ด้านวาทยากรที่ตนนับถือจนชั่วชีวิต
วันหนึ่งเด็กชายยูจินแอบเข้าไปในห้องซ้อมที่วิเอร่าและวงออร์เคสตร้าเกาหลีกำลังฝึกซ้อมกันอย่างขมักเขม้น อยู่ๆ วิเอร่า (รับบทโดย "Yoel Levi" วาทยากรชาวอิสราเอล ปัจจุบันเป็นมิวสิคไดเร็คเตอร์และวาทยากรหลักของวง "เคบีเอส ซิมโฟนี่ ออร์เคสตร้า" ในกรุงโซล) ก็มีสีหน้าไม่พอใจ (เพราะมีคนเล่นเพี้ยน) ยูจินจึงลุกจากที่ซ่อนแล้วชี้ว่า "ไวโอลินตัวนั้นเพี้ยน!" วิเอร่ารู้สึกประทับใจในพรสวรรค์ของยูจินจึงอนุญาตให้ยูจินเข้าชมการฝึกซ้อมนับแต่นั้น เมื่อถึงกำหนดเวลาที่วิเอร่าต้องเดินทางกลับยุโรป ยูจินก็ร่ำไห้ด้วยความอาวรณ์ พลางกล่าวว่า "มาเอสโตร (คำที่ใช้เรียกวาทยากรอาวุโสหรือศาสตราจารย์ทางดนตรีด้วยความยกย่อง) ถ้าผมไปเรียนต่อที่ยุโรป คุณจะรับผมเป็นลูกศิษย์ไหมครับ" วิเอร่ากล่าวว่าตอนนี้ยูจินเป็นศิษย์ของตนแล้ว ถ้าไปยุโรปเมื่อไหร่ให้ไปหาตนได้เลย พูดจบเขาก็มอบไม้บาตองให้ยูจิน
ตัดมาที่ช่วงเวลาปัจจุบัน ปรากฏว่ายูจินยังคงอยู่ที่เกาหลี เขามองไม้บาตองของวิเอร่าพลางครุ่นคิดในใจว่า "อาจารย์วิเอร่า ผมมัวทำอะไรอยู่ที่นี่กันแน่"
ยูจินเดินเข้าไปในวิทยาลัยดนตรีฮันอึมท่ามกลางความปลาบปลื้มและเสียงชื่นชมของบรรดานักศึกษาสาว แต่ดูเหมือนว่าหูของเขาจะรับรู้เพียงเสียงดนตรีที่เหล่าบรรดานักศึกษานั่งบรรเลงและฝึกซ้อมตลอดสองข้างทาง ยิ่งฟังยูจินก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดและหนวกหู เพราะแต่ละคนยังเล่นดนตรีหรือร้องเพลงไม่เอาไหนและต่างก็มีข้อผิดพลาดด้วยกันทั้งสิ้น (เขาเดินติในใจมาตลอดทาง)
เมื่อเห็นโปสเตอร์การแสดงของวง "เบอร์ลิน ฟิลฮาร์โมนิก ออร์เคสตร้า" ที่มี "เซบาสเตียน วิเอร่า" เป็นวาทยากร ยูจินก็หยุดดูด้วยความสนใจ พอเห็นใบประกาศของทางวิทยาลัยที่ระบุว่า "ฮัน ซึงโอ" นักศึกษาวิชาเอกวาทยากรได้รับการคัดเลือกให้ไปศึกษาต่อที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ยูจินก็บ่นอย่างเหนื่อยหน่ายว่า "แม้แต่ไอ้หมอนี่ยังได้ไปเรียนต่อที่เยอรมนี" ซึงโอเห็นยูจินยืนดูป้ายประกาศจึงเดินมาทักเชิงเยาะเย้ยว่า ถ้ายูจินไปเรียนต่อที่เยอรมนีเมื่อไหร่ให้โทรฯ หาตน แล้วตนจะช่วยพายูจินไปพบอาจารย์วิเอร่าเป็นการส่วนตัว เพราะตนอาจได้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์วิเอร่า หลังเจอเรื่องที่ทำให้หัวเสียมาตลอดทางยูจินก็มาระบายลงที่เปียโน พลางคิดในใจว่า "อาจารย์วิเอร่าครับ ผมควรเลือกทางไหนดี ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลงทาง"
อาจารย์ "โด คังแจ" เห็นยูจินเล่นเปียโนอย่างกระแทกกระทั้นจึงใช้พัดฟาดหัวยูจินด้วยความไม่พอใจ และถามว่าเมื่อไหร่เขาจะเลิกเล่นเปียโนตามใจชอบ เขาอยากให้ยูจินตั้งใจซ้อมตามโน้ตเพลงเพราะอีกไม่นานต้องขึ้นเวทีประชันหรือคอนแชร์โต (concerto) แล้ว พอเห็นว่าบนเปียโนมีออร์เคสตร้าสกอร์ (โน้ตเพลงแบบเต็มที่วาทยากรใช้ในการกำกับวงออร์เคสตราซึ่งจะเป็นโน้ตที่รวมเครื่องดนตรีทั้งหมดไว้ด้วยกัน - นักดนตรีจะใช้โน้ตเพลงที่แยกออกไปเป็นของแต่ละเครื่องมือ) อาจารย์โดจึงถามด้วยความโกรธว่าเขาคิดที่จะเปลี่ยนวิชาเอกจากเปียโนไปเป็นวาทยากร (คอนดักเตอร์) งั้นหรือ
อาจารย์โดสรุปว่านี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ยูจินไม่สนใจลงแข่งขัน ไม่ตั้งใจฝึกซ้อม และไม่เชื่อสิ่งที่ตนแนะนำ ยูจินแย้งว่าอย่าปรามาสเพลงที่ตนเล่นเพียงเพราะตนตีความเพลงต่างออกไป ตนไม่เคยทำอะไรเล่นๆ เวลาอยู่ตรงหน้าเปียโน เขายังกล่าวอีกว่าการแสดงที่ดีไม่ใช่แค่เล่นตามโน้ตเพลงได้ถูกต้อง และบทเรียนที่อาจารย์โดสอนก็ออกแบบมาเพื่อให้นักเรียนชนะการแข่งขันเพียงอย่างเดียว นักเรียนทุกคนจึงถูกสอนด้วยบทเรียนและวิธีการแบบเดิมๆ ที่อาจารย์โดเคี่ยวเข็ญให้ลูกศิษย์ฝึกซ้อมเพราะอยากให้ลูกศิษย์สร้างชื่อเสียงให้กับตน ทั้งหมดที่อาจารย์โดทำก็เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง อาจารย์โดได้ยินดังนั้นจึงไล่ยูจินออกจากห้องและขู่ว่าจะไล่ยูจินออกจากวิทยาลัย แต่ยูจินหาได้แคร์ไม่ ทั้งยังกรอกใบลาออกเองอีกด้วย
ยูจินได้ยินเสียงคนเล่นเปียโนเพลง "Liszt: Liebestraum No. 3" จึงกล่าวชมว่าเป็นการเล่นที่ไม่เลวและเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ เขานึกสงสัยว่าคนเล่นเป็นใครจึงเดินตามเสียงไปและพบหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นเปียโนอยู่ในห้อง ยูจินจะเดินเข้าไปดูในห้องแต่ถูก "แช โดคยอง" (นักศึกษาเอกขับร้อง - รับบทโดย "คิม ยูมี" มิสโคเรีย ปี 2012) เรียกไว้เสียก่อน โดคยองเห็นใบลาออกในมือยูจินจึงแย่งมาฉีกทิ้งหน้าตาเฉย (ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำแบบนี้)
ปรากฏว่านักศึกษาที่บรรเลงเปียโนเพลง "Liszt: Liebestraum No. 3" คือ "ซอล เนอิล" ซึ่งเป็นรุ่นน้องของยูจิน เธอเล่นเพลงดังกล่าวอย่างมีความสุขในสไตล์ของตนเองและไม่ดูโน้ต หลังซ้อมเปียโนแล้วเธอก็รีบแจ้นไปทำงานพาร์ทไทม์ที่โรงเรียนอนุบาล โดยทำหน้าที่เล่นเปียโนประกอบการเล่านิทานให้เด็กๆ ฟังอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง (เนอิลฝันอยากเป็นครูอนุบาล)
โดคยองและยูจินไปนั่งดื่มด้วยกันที่บาร์แห่งหนึ่ง โดคยองแนะนำให้ยูจินไปขอโทษอาจารย์โด โดยให้เหตุผลว่าลูกศิษย์ของอาจารย์ต่างก็เป็นนักเปียโนที่ประสบความสำเร็จ แถมอาจารย์โดคือว่าที่คณบดีคนต่อไป แต่ถ้ายูจินไม่ชอบเรียนเปียโนจริงๆ ก็ควรย้ายไปเรียนเอกวาทยากรให้รู้แล้วรู้รอด ยูจินแย้งว่าอาจารย์ของตนมีเพียงคนเดียวคือ "เซบาสเตียน วิเอร่า" เขากล่าวว่าอาจารย์ (ด้านวาทยากร) ที่นี่เทียบวิเอร่าไม่ได้สักคน สู้ตนเรียนรู้ด้วยตัวเองยังดีเสียกว่า โดคยองจึงบอกให้ยูจินไปเรียนต่อที่ยุโรปเพื่อที่เขาจะได้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์คนโปรดและคราวนี้เธอจะไม่ฉุดรั้งเขาไว้อีก ยูจินนึกถึงตอนที่ตนเองประสบอุบัติเหตุทางเครื่องบิน จากนั้นก็ตัดบทโดยขอให้โดคยองอยู่เป็นเพื่อนคืนนี้เพราะเขาไม่อยากอยู่คนเดียว โดคยองรู้สึกผิดหวังที่ยูจินกลายเป็นคนหมดอนาคต เธอจึงบอกเลิกยูจินเดี๋ยวนั้นแล้วเดินจากไปทันที
เมื่อหายตกใจแล้วยูจินก็ถามเนอิลว่าทำไมตนถึงไม่สวมเสื้อ เนอิลจึงนึกสงสัย "รุ่นพี่จำไม่ได้จริงๆ หรือแกล้งทำเป็นจำไม่ได้กันแน่" ยูจินกล่าวว่าตนจะแกล้งจำไม่ได้ไปทำไมในเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย เนอิลเดินเข้าไปหายูจินพลางถามย้ำว่าเขาจำไม่ได้จริงๆ หรือ เธอเอื้อมมือไปหายูจินแต่ถูกยูจินปัดป้องและตะคอกใส่ เมื่อเห็นเนอิลก้มมองที่พื้น ยูจินเลยก้มมองตามและพบแมลงสาบ 2 ตัวคลานเฉียดเท้าเขาไปอย่างรวดเร็ว ยูจินถึงกับสติแตกจึงกรีดร้องเสียงดังลั่นด้วยความกลัวและขยะแขยงก่อนวิ่งแจ้นออกจากห้องไป ขณะที่เนอิลก้มทักทายแมลงสาบด้วยความเอ็นดูดุจกำลังเล่นกับน้องหมาตัวหนึ่ง ยูอิลถึงกับอึ้งเมื่อพบว่าห้องของตนอยู่ติดกับห้องของเนอิล เขารีบเข้าไปอาบน้ำสระผมและขัดถูตัวเพื่อล้างคราบสกปรกที่ติดมาจากห้องของเนอิล จากนั้นก็บอกตนเองว่าทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน แต่แล้วใบหน้าของเนอิลกลับยังคงตามมาหลอกหลอน เขาจึงพยายามสะกดจิตตัวเองให้ลืมทุกสิ่ง แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเนอิลเรียกตนว่า "รุ่นพี่!"
เช้าวันนั้น อาจารย์โดปลุกระดมเหล่าคณาจารย์ให้ช่วยกันลงมติไล่ยูจินออก โทษฐานที่ทำตัวเป็นปฏิปักษ์และกระด้างกระเดื่องต่อครูบาอาจารย์อย่างตน แต่อาจารย์คนอื่นๆ ต่างยังคงลังเลเพราะยูจินเป็นนักศึกษาที่เก่งที่สุดและยังเป็นลูกชายของ "ชา ดงอู" นักเปียโนชื่อดังอีกด้วย คณบดีและอดีตนักเปียโน "ซง มีนา" จึงรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยก่อนที่เรื่องจะบานปลาย เธอกล่าวว่าตนเข้าใจความรู้สึกของอาจารย์โด และคนทำผิดสมควรถูกลงโทษ แต่วิทยาลัยดนตรีไม่ใช่ค่ายทหาร นักดนตรีควรมีอิสระทางความคิด บางทีหลักเสรินิยมของตนอาจทำให้ยูจินกลายเป็นคนก้าวร้าวแบบนี้ เมื่ออาจารย์โดแย้งว่ายูจินมีนิสัยหยาบคายเอง มีนาจึงกล่าวว่าถ้าเป็นนิสัยส่วนตัวเราควรช่วยกันอบรมบ่มนิสัยให้ลูกศิษย์แทนที่จะลงโทษ อาจารย์โดจะลุกขึ้นแย้ง มีนาจึงกล่าวว่าในเบื้องต้นเธอจะทำโทษยูจินด้วยการห้ามเขาเข้าเรียนในคลาสของอาจารย์โดซึ่งเป็นคลาสที่ดีที่สุด (ห้องท็อป) โดยจะให้เขาย้ายไปเรียนกับอาจารย์ "อัน กอนซอง" ซึ่งสอนห้องบ๊วยแทน วิธีนี้จะช่วยลดทิฐิและความหยิ่งผยองของยูจินลงได้
ยูจินมาที่วิทยาลัยด้วยความหวาดผวาเพราะไม่รู้ว่าเมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เขาพยายามบอกตัวเองว่าอย่ากังวลเพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ และบางทีเนอิลอาจจะไม่ได้เรียนที่เดียวกับตนก็ได้ ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียง "รุ่นพี!!!!" ดังแว่วมาแต่ไกล เมื่อหันไปดูก็พบว่าสาวน้อยข้างห้องจอมซกมกกำลังวิ่งตรงเข้ามาหาพลางโบกมือให้เขาต่อหน้าธารกำนัล
เนอิลวิ่งมาหยุดตรงหน้ายูจินพลางตัดพ้อด้วยเสียงอันดังลั่นว่า "รุ่นพี่! ทำไมตอนเช้าถึงรีบไปนักล่ะ ชั้นเสียใจนะคะ" เมื่อยูจินหันไปมองรอบๆ ก็พบว่านักศึกษาคนอื่นๆ ต่างพากันหันมามอง ยูจินจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเธอ (ในตอนนั้นเหล่านักศึกษาสาวซึ่งต่างพากันแอบปลื้มยูจินและเห็นเขาเป็นไอดอลเริ่มทยอยมามุงดูมากขึ้น) เนอิลดึงเสื้อเชิ้ตในกระเป๋าขึ้นมาโชว์พลางบอกด้วยความภาคภูมิใจว่าตนช่วยซักเสื้อให้เขาจนสะอาดเอี่ยมอ่องและใช้พัดลมเป่าให้แห้งแล้ว ยูจินซึ่งถูกทำลายภาพลักษณ์จนป่นปี้ได้แต่ยืนอึ้งและทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เนอิลเห็นยูจินยืนใบ้กินจึงชี้ชัดว่านี่คือเสื้อที่เธอถอดให้เขาเมื่อคืน ยูจินแถว่าทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน แต่ยิ่งแถความจริงก็ยิ่งบังเกิด เมื่อเนอิลยืนยันหนักแน่นว่าเมื่อคืนเขา 'นอนค้าง' ที่ห้องเธอจริงๆ
อาจารย์อันวิ่งตามอาจารย์โดออกมานอกห้อง ก่อนถามย้ำเพื่อความมั่นใจว่าอาจารย์โดจะมอบนักศึกษาฝีมือดีที่สุดในวิทยาลัยอย่างยูจินให้ตนดูแลแทนจริงหรือ อาจารย์โดกล่าวว่า ถึงยูจินจะเก่งแต่นิสัยแย่และเขาก็ไม่มีวันเชื่อฟังคำสอนของอาจารย์อันแน่ๆ อาจารย์อันเห็นยูจินวิ่งหน้าตั้งโดยมีเนอิลวิ่งไล่ตามมาคืนเสื้อ จึงเปรยว่าลูกศิษย์ของตนไม่ธรรมดาเลยจริงๆ และถามความเห็นอาจารย์โดว่าควรให้ยูจินกับเนอิลเล่นเปียโนคู่กันดีไหม เมื่ออาจารย์โดกล่าวว่าเป็นไปไม่ได้เพราะยูจินไม่มีทางยอมเล่น อาจารย์อันก็ยิ้มอย่างมั่นใจและถามอาจารย์โดว่าจะเดิมพันกับตนไหม
พอรู้ว่าตนเองถูกย้ายไปเรียนกับอาจารย์อันที่ได้สอนแต่เด็กบ๊วย ยูจินจึงไปสังเกตการณ์คลาสของอาจารย์อัน ปรากฏว่าเนอิลก็เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของอาจารย์อันเช่นกัน อาจารย์อันปล่อยให้เธอตีความและเล่นเปียโนได้อย่างอิสระโดยไม่บังคับให้เล่นตามโน้ตเพลง ทั้งเนอิลและอาจารย์อันจึงสนุกกับการเรียนการสอน เมื่อได้ฟังเนอิลบรรเลงเปียโน อาจารย์อันก็รู้สึกแปลกใจที่เธอขึ้นต้นด้วยปิอานิสซิโม (เบามาก) แทนที่จะเป็นฟอร์เต (ดัง) เนอิลแย้งว่าไม่ใช่ทั้งสองอย่างแต่เป็นปิอาเชเร (ขึ้นอยู่กับผู้เล่น) ต่างหาก และเปรียบท่วงทำนองของเธอว่าเหมือนคนผายลมไม่ออก
อาจารย์อันแนะนำว่าถ้าใช้โน้ตสตักคาโต (โน้ตที่มีเสียงสั้น ห้วน - กดโน้ตแล่วปล่อยนิ้วทันที) จะทำให้เพลงสนุกขึ้น เนอิลเห็นด้วยและเริ่มเล่นตามที่อาจารย์อันแนะนำพลางบรรยายว่าเธอเริ่มเล่นเบาๆ เหมือนความรู้สึกตอนที่แก๊สในท้องค่อยๆ ก่อตัวขึ้น จากนั้นก็เครเชนโด (เล่นดังขึ้นเรื่อย ๆ) สุดท้ายก็เหมือนกับแก๊สที่อัดแน่นเต็มท้องจนต้องผายลมออกมา อาจารย์อันหัวเราะชอบใจในความช่างเปรียบเปรยของเนอิลและบอกให้เธอเล่นใหม่อีกครั้ง ยูจินเห็นอาจารย์อันสอนลูกศิษย์พลางเต้นตามเพลงอย่างสนุกสนาน จึงกล่าวกับตัวเองว่า "เรากลายเป็นเด็กบ๊วยไปแล้วจริงๆ หรือนี่"
"ยู วอนซัง" เชฟและเจ้าของร้านอาหารขึ้นไปปลุก "ยู อิลรัก" ผู้เป็นลูกชายและนักศึกษาวิชาเอกไวโอลินในห้องเพราะวันนี้มีสอบ อิลรักแต่งตัวสไตล์ร็อคเกอร์สุดเท่ห์ไปสอบแถมยังใช้ไวโอลินไฟฟ้าบรรเลงเพลงคลาสสิกทำให้ถูกอาจารย์ปรับตก เพราะจริงๆ แล้วต้องใช้ไวโอลินธรรมดาในการสอบ (เขาเป็นหนุ่มร็อคที่หลงใหลเพลงคลาสสิก) อิลรักไม่อยากซ้ำชั้นจึงอ้อนวอนขอโอกาสอีกครั้ง เพราะถ้าหากตนสอบตกมีหวังโดนพ่อเล่นงานแน่ ในที่สุดอาจารย์ก็ยอมให้เขาสอบใหม่อีกครั้งแต่มีข้อแม้ว่าต้องเล่นคู่กับเปียโน
ยูจินนอนหลับตาบนโซฟาภายในห้องที่สะอาดสะอ้านและสุดแสนเป็นระเบียบ เขาพยายามสะกดจิตตัวเองตามคำแนะนำในซีดี (หรือไฟล์เสียง) โดยทำให้ตนเองเชื่อว่าหอมหัวใหญ่คือแอปเปิ้ลแสนอร่อยแต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ ขณะออกมาสูดอากาศที่ริมระเบียงยูจินได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมาจากระเบียงห้องข้างๆ (ห้องเนอิล) จึงชะโงกหน้าเข้าไปดู พอเห็นว่าบนระเบียงเต็มไปด้วยถุงขยะที่มีแมลงวันตอมหึ่งยูจินก็ถึงกับช็อค เมื่อเห็นว่าที่พื้นระเบียงมีน้ำสีเหลืองๆ เจิ่งนองและมีแมลงสาบจำนวนหนึ่งคลานไปมา ยูจินก็หมดความอดทนและตรงไปที่ห้องของเนอิลทันที
พอเห็นเนอิลนำเสื้อเชิ้ตของตนมาคลุมหัวยูจินก็ยิ่งรู้สึกโกรธ (เนอิลอ้างว่าเธอยังไม่ได้ซักเสื้อผ้าเลยแอบเอาเสื้อเขามาใส่แค่แป๊บนึง) ยูจินไม่ต้องการให้ห้องของเนอิลกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงสาบ เพราะกลัวว่าแมลงสาบจะอพยพหรือมาวิ่งเล่นที่ห้องของตน เขาจึงลงทุนเก็บกวาดขยะและทำความสะอาดห้องของเนอิล แต่เนื่องจากห้องรกมากจึงหาอุปกรณ์ทำความสะอาดไม่เจอ ยูจินเลยต้องขนเครื่องดูดฝุ่นและอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ห้องของตนมาจัดการแทน พอเห็นยูจินนำตุ๊กตาเน่าๆ ของตนไปใส่ถุงขยะ เนอิลก็เข้าไปยื้อแย่งและห้ามไม่ให้นำไปทิ้ง นอกจากนี้ ยูจินยังพบคราบอาหารที่แห้งและเน่าคาหม้อ รวมทั้งขนมปังขึ้นราซึ่งเนอิลบอกว่าเธอซื้อมาจากร้านของ "คิม ทักกู" (คิม ทักกู เป็นชื่อพระเอกในละครเรื่อง "King of Baking, Kim Tak Goo" ที่ออกอากาศในเกาหลีเมื่อปี 2010 และ "จูวอน" พระเอกของเราก็ร่วมแสดงในเรื่องนี้ด้วย) เนอิลโวยวายลั่นเมื่อเห็นข้าวของเครื่องใช้เน่าๆ ของเธอถูกยูจินรวบรวมไปทิ้งในถุงขยะนับ 10 ถุง ยูจินชักเริ่มรำคาญจึงแบกเนอิลออกจากห้องแล้วทิ้งเธอไว้ทางด้านนอก จากนั้นก็เข้ามาเก็บกวาดตามลำพังจนห้องที่รกรุงรังกลับมาสะอาดและน่าอยู่อีกครั้ง (เขายังช่วยซักเสื้อผ้าให้เธอด้วย)
ยูจินถึงกับหมดแรง ขณะที่เนอิลนั่งเล่นเปียโนอย่างมีความสุข เธอรู้สึกว่าเสียงเปียโนไพเราะขึ้นจึงสงสัยว่าอาจเป็นเพราะยูจินอยู่กับเธอที่นี่ ยูจินแย้งว่าเสียงเปียโนก้องขึ้นเพราะไม่มีกองขยะอยู่รอบๆ ต่างหาก เขาถามว่าท่อนที่เธอเล่นเมื่อสักครู่คือเพลงอะไร เนอิลกล่าวว่าเป็นเพลงโหมโรงของความรักระหว่างเธอกับยูจิน (จริงๆ แล้วเป็นเพลงที่เธอเล่นให้อาจารย์อันฟังก่อนหน้านี้) ยูจินบอกให้เธอลองเล่นอีกครั้ง แต่เนอิลลืมไปแล้วว่าเธอเล่นยังไง ยูจินจึงไล่โน้ตให้ฟัง พอได้ฟังเพลงของเนอิลแล้วยูจินก็หายเหนื่อย เขายิ้มอย่างพึงพอใจพลางคิดว่าแม้เธอจะเล่นในสไตล์ของตนเองแต่ฟังดูแล้วไม่เลวเลยทีเดียว ยิ่งฟังยูจินก็ยิ่งเคลิบเคลิ้มและเผลอขยับมือให้จังหวะ (แบบวาทยากร) โดยไม่รู้ตัว
มีนานั่งดูเหล่านักศึกษาซ้อมการแสดงดนตรีออร์เคสตร้าเพลง "Symphony No. 9" ของ Antonín Dvořák (ซึ่งเป็นเพลงที่ยาวมากๆ) โดยมีซึงโอเป็นวาทยากร จึงเกิดแรงบันดาลใจในการตั้งวงออร์เคสต้าของสถาบัน อาจารย์โดได้ยินดังนั้นก็หัวเราะและชี้ว่าเป็นเพียงฝันอันเลื่อนลอย เพราะตอนนี้วิทยาลัยดนตรีฮันอึมของพวกตนยังตามหลังวิทยาลัยฮันซอทั้งในด้านผลการแข่งขันและการจ้างงานหลังเรียนจบ การแก้ปัญหาในโลกความจริงให้นักศึกษาจึงสำคัญกว่าความฝันลมๆ แล้งๆ มีนาแย้งว่าสโลแกนของฮันอึมคือทำความฝันให้เป็นจริง ด้วยเหตุนี้เธอจึงได้เชิญ "มาเอสโตร ฟรานซ์ ฟอง สเตรซเซอมานน์ (Franz von Stresemann)" ซึ่งเป็นวาทยากรหลักประจำวง "เวียนนา ฟิลฮาร์โมนิค" "ลอนดอน ฮาร์โมนี่" และ "นิวยอร์ก ฟิลฮาร์โมนิค" มาเป็นอาจารย์พิเศษ
ในเวลาเดียวกันนั้น มาเอสโตร สเตรซเซอมานน์ เพิ่งเดินทางมาถึงเกาหลีใต้ แทนที่จะตรงไปยังวิทยาลัยฮันอึม เขากลับหนีขึ้นรถแท็กซี่แล้วบอกคนขับเป็นภาษาเกาหลีสำเนียงต่างชาติว่า ช่วยพาไปส่งในที่ฮอตๆ และน้ำดีๆ ตนเคยเห็นสถานที่แบบนี้ในละครเกาหลี (เขาหมายถึงสถานบันเทิงสุดฮอตที่เต็มไปด้วยสาวเซ็กซี่ แต่ภาษาเกาหลีไม่แข็งแรง) หลังครุ่นคิดครู่หนึ่งคนขับรถแท็กซี่ก็พาเขาไปนั่งอาบแดดกินลมชมวิวริมแม่น้ำที่ใสสะอาด สเตรซเซอมานน์นั่งมองสายน้ำพลางรำพึงรำพันว่า "น้ำที่นี่ดีจริงๆ"
ทั้งอาจารย์โดและอาจารย์อันต่างคิดว่าถ้ามาเอสโตร สเตรซเซอมานน์มาเป็นอาจารย์พิเศษที่วิทยาลัยดนตรีฮันอึมจริงๆ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อาจารย์อันกล่าวว่า "ถ้าหนึ่งในนักศึกษาได้เป็นลูกศิษย์... " เขาพูดยังไม่ทันจบก็ปิ๊งไอเดียบางอย่าง อาจารย์โดถามอาจารย์อันว่าเรื่องที่จะให้ยูจินแสดงเปียโนดูเอทคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว อาจารย์อันกล่าวว่าตนจะโทรฯ เรียกยูจินมาพบในวันนี้และถามอาจารย์โดว่าจะมาดูไหม อาจารย์โดเตือนว่ายูจินไม่ใช่คนที่โทรฯ ตามแล้วจะยอมมาพบง่ายๆ อาจารย์อัน จึงโทรฯหายูจินต่อหน้าอาจารย์โด ในที่สุดยูจินก็มาตามที่อาจารย์อันนัดจริงๆ
แม้จะรู้จักกันแล้วแต่เนอิลซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์อันก็ทักทายยูจินและแนะนำตัวอย่างเป็นทางการตามที่อาจารย์อันบอก (ยูจินแอบเหน็บในใจว่าคนอะไรแม้แต่ชื่อก็ยังประหลาด) ยูจินรู้ว่าเนอิลเล่าเรื่องของตนให้อาจารย์อันฟัง จึงทวงสัญญาเรื่องที่เธอเคยรับปากว่าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขา เนอิลเลยบอกอาจารย์อันว่าเธอกับยูจินรู้จักกันเพียงผิวเผิน อาจารย์อันจึงบอกให้ทั้งคู่ทำความรู้จักกันมากกว่านี้เพราะต้องแสดงเปียโนคู่กัน (อาจารย์โดซึ่งแอบดูอยู่ทางด้านนอกเห็นยูจินมาพบอาจารย์อันเลยยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เพราะก่อนหน้านี้เวลาเขาโทรฯ เรียก ยูจินมักไม่ค่อยยอมมา)
พอรู้ว่าจะต้องแสดงเปียโนดูเอทกับรุ่นน้องจอมซกมก ยูจินก็รีบปฏิเสธและลุกขึ้นทันที อาจารย์อันจึงบอกว่าข่าวลือเรื่องยูจินถูกอาจารย์โดไล่ออกจากคลาสยังไม่ทันจาง เขาอยากให้มีข่าวว่าตนเองถูกไล่ออกจากคลาสของอาจารย์ที่สอนเด็กบ๊วยอีกงั้นหรือ ถ้าโดนไล่ออกจากห้องบ๊วยก็เท่ากับว่าเขาแย่ที่สุดในบรรดาเด็กบ๊วยทั้งหมด ยูจินไม่สนใจคำขู่และเดินตรงไปที่ประตู อาจารย์อันจึงบอกว่าถ้าไม่อยากเรียนกับตน ยูจินมีเพียงทางเลือกเดียวคือต้องเล่นเปียโนคู่กับเนอิล หากยูจินยอมรับข้อเสนอและแสดงเปียโนดูเอทจนสำเร็จลุล่วงก็ไม่ต้องมาเรียนที่คลาสตนอีก แถมตนยังจะให้เกรดเอบวกอีกด้วย ยูจินได้ยินดังนั้นจึงตอบตกลง
อาจารย์โดประท้วงอาจารย์อันที่เอาเกรดและการไม่ต้องเข้าชั้นเรียนมาล่อยูจิน เพราะถ้าใช้วิธีนี้ไม่ว่าใครก็เอายูจินอยู่ อาจารย์อันจึงถามว่าจะยุติการเดิมพันไหม อาจารย์โดไม่อยากเสียหน้าและถูกมองว่าตนไม่แน่จริงเลยถามว่าเงื่อนไขการเดิมพันคืออะไร อาจารย์อันขออุบไว้เป็นความลับก่อนโดยบอกว่าเอาไว้คราวหน้าตนค่อยบอก
ยูจินและเนอิลเริ่มทำการฝึกซ้อม ทั้งคู่เลือกเล่นเพลง "Sonata for Two Pianos" ของ Mozart ยูจินบอกให้เนอิลขึ้นต้นด้วยอัลเลโกร (เล่นอย่างมีชีวิตชีวา กระฉับกระเฉง) เพียงแค่เริ่มต้นก็มีปัญหาเพราะเนอิลไม่ถนัดเล่นเปียโนแบบดูโน้ตแต่จะเล่นตามความทรงจำที่เคยได้ยินหรือได้ฟัง ทำให้เล่นผิดพลาดบ่อยครั้ง ผิดกับยูจินที่จำโน้ตเพลงได้อย่างแม่นยำ ยูจินพยายามเคี่ยวเข็ญให้เนอิลเล่นตามโน้ตเพลงทำให้เนอิลรู้สึกอึดอัดและเล่นเปียโนอย่างไม่มีความสุข เมื่อถูกยูจินกดดันตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงค่ำเนอิลก็เริ่มงอแงจะกลับที่พักเพราะเธอทั้งเหนื่อย เครียด และหิว ยูจินเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันแต่เขาต้องการให้ผลงานออกมาดี (ตามมาตรฐานของตน) จึงบังคับให้เนอิลฝึกซ้อมต่อไป (เนื่องจากเนอิลไม่ถนัดอ่านโน้ต ยูจินจึงบังคับให้เธอฝึกซ้ำๆ เพื่อจะได้จำโน้ตเพลงทั้งหมด) ยูจินทั้งดุด่าและตะคอกใส่เนอิล พอเนอิลไม่ยอมเล่นเขาก็บังคับด้วยการจับมือเธอกดลงบนคีย์เปียโน ทำให้ภาพความหลังฝังใจเมื่อครั้งในอดีตผุดขึ้นมา (บาดแผลในใจทำให้เธอไม่เอาจริงเอาจังกับเปียโน ทั้งๆ ที่ชอบเล่นเปียโน) เนอิลกรีดร้องและกัดแขนยูจินก่อนเดินหนีออกจากห้องไป ยูจินถึงกับอึ้งเมื่อเห็นเนอิลร้องไห้
เมื่อกลับถึงที่พักยูจินก็ตรงไปกดกริ่งหน้าห้องเนอิลแต่เนอิลไม่อยู่ที่ห้อง เขาจึงกลับไปทำข้าวผัดทูน่าที่ห้องพร้อมจัดแต่งอย่างสวยงามโดยแง้มประตูหน้าห้องเอาไว้ (นอกจากจะเก่งเรื่องดนตรีแล้ว ยูจินยังทำกับข้าวเก่งอีกด้วย) เนอิลได้กลิ่นอาหารเลยเดินตามกลิ่นไปที่ห้องยูจิน เธอเห็นว่าภายในห้องปิดไฟเลยค่อยๆ ย่องเข้าไปทานข้าว พอเนอิลติดกับยูจินก็เปิดไฟ เนอิลจะวิ่งหนีไปที่ระเบียง (พร้อมจานข้าว) ยูจินจึงรีบเตือนว่าเธอกำลังอยู่บนชั้น 3 และสัญญาว่าจะไม่บังคับให้เธอเล่นเปียโนอีก เขาแค่อยากทำอาหารให้เธอทานเพราะเห็นเธอบ่นว่าหิว เนอิลจึงนั่งทานข้าวอย่างสบายใจและกล่าวชมว่าอร่อยกว่าอาหารที่แม่ของเธอทำให้ทาน
ยูจินกล่าวว่าพรุ่งนี้ตนจะทำข้าวหน้าปลาหมึกเป็นอาหารเช้าให้เนอิล และจะทำสเต็กเนื้อให้เธอทานด้วย เนอิลได้ยินดังนั้นก็หูผึ่งตาโต ครั้นพอยูจินพูดถึงเรื่องการแสดงเปียโนดูเอท เนอิลก็ลุกขึ้นแล้วเดินหนีเพราะเธอยังเข็ดขยาดไม่หาย ยูจินกล่าวว่าต่อไปนี้ตนจะไม่อารมณ์เสียใส่เนอิลอีกและจะไม่บังคับให้เนอิลจำโน้ตเพลงด้วย เขาอัดเสียงเปียโนในส่วนของเนอิลเอาไว้เพื่อที่เนอิลจะได้ฟังและจดจำซึ่งเป็นสิ่งที่เนอิลถนัด เนอิลเห็นรอยช้ำที่แขนของยูจินจึงกล่าวขอโทษและยอมเล่นเปียโนคู่กับยูจินในที่สุด ระหว่างเปิดเพลงให้เนอิลฟังยูจินถึงกับผงะเมื่อได้กลิ่นผมของเนอิล เนอิลแย้งว่าผมของเธอไม่สกปรกเพราะเธอสระผมอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ยูจินได้กลิ่นแล้วจะอ๊วกจึงจับเธอไปสระผมและช่วยเป่าผมให้ เนอิลกล่าวว่าเธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิง แต่ยูจินแย้งว่าตนรู้สึกเหมือนกำลังเป่าขนหมา
มาเอสโตร สเตรซเซอมานน์ มาที่วิทยาลัยดนตรีฮันอึมแล้วเดินตระเวนหานักศึกษาที่มีแวว เขาแอบถ่ายรูปอิลรักขณะกำลังเล่นไวโอลิน, "ชเว มินฮี" ขณะกำลังเล่นดับเบิ้ลเบส (ลักษณะคล้ายไวโอลินตัวใหญ่ยักษ์), "มา ซูมิน" ขณะกำลังเล่นกลองทิมปานี (กลองที่ปรับระดับเสียงได้) และ "ลี ทันยา" นักเล่นวิโอลา (หนึ่งในเครื่องดนตรีตระกูลไวโอลิน แต่มีขนาดใหญ่กว่าและระดับเสียงต่ำกว่า) อีกด้านหนึ่งยูจินและเนอิลก็กำลังฝึกซ้อมเปียโนกันอย่างราบรื่นภายใต้บรรยากาศที่ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน แม้เนอิลจะเล่นเปียโนได้อย่างถูกต้องแม่นยำ แต่ยูจินกลับรู้สึกว่ายังไม่ไพเราะเท่าที่ควร (เนอิลยังคงพะวงกับโน้ตเพลง)
มาเอสโตร สเตรซเซอมานน์ มาที่วิทยาลัยดนตรีฮันอึมแล้วเดินตระเวนหานักศึกษาที่มีแวว เขาแอบถ่ายรูปอิลรักขณะกำลังเล่นไวโอลิน, "ชเว มินฮี" ขณะกำลังเล่นดับเบิ้ลเบส (ลักษณะคล้ายไวโอลินตัวใหญ่ยักษ์), "มา ซูมิน" ขณะกำลังเล่นกลองทิมปานี (กลองที่ปรับระดับเสียงได้) และ "ลี ทันยา" นักเล่นวิโอลา (หนึ่งในเครื่องดนตรีตระกูลไวโอลิน แต่มีขนาดใหญ่กว่าและระดับเสียงต่ำกว่า) อีกด้านหนึ่งยูจินและเนอิลก็กำลังฝึกซ้อมเปียโนกันอย่างราบรื่นภายใต้บรรยากาศที่ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน แม้เนอิลจะเล่นเปียโนได้อย่างถูกต้องแม่นยำ แต่ยูจินกลับรู้สึกว่ายังไม่ไพเราะเท่าที่ควร (เนอิลยังคงพะวงกับโน้ตเพลง)
มาเอสโตร สเตรซเซอมานน์ ยังคงตระเวนไปรอบๆ วิทยาลัยในชุดลำลอง เขายืนมองมีนาอยู่ห่างๆ พลางนึกถึงเรื่องราวในอดีต (เขาแอบชื่นชมมีนาตั้งแต่ตอนที่เธอเป็นนักเรียนเปียโน) แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วแต่พอเจอเธออีกครั้งเขาก็ยังใจเต้นรัวเหมือนเดิม
ในที่สุดยูจินก็ยอมให้เนอิลเล่นเปียโนในแบบฉบับของตนเอง แม้เนอิลจะรู้สึกดีใจและโล่งใจ แต่เนื่องจากเป็นการเล่นเปียโนคู่เธอเลยกังวลว่าจะเล่นให้สอดรับกันอย่างลงตัวไม่ได้ ยูจินจึงบอกให้เนอิลเล่นตามสบายเพราะเขาจะเป็นฝ่ายเล่นตามเธอเอง เมื่ออาจารย์อันมาถึงทั้งคู่ก็เริ่มบรรเลงเปียโนคู่กัน (เนอิลปิดสมุดโน้ตเพลงก่อนเล่น) ระหว่างบรรเลงเพลงยูจินคิดในใจว่า ตนรู้แต่แรกแล้วว่าเพลงที่เนอิลเล่นมีความไพเราะและโดดเด่นเพราะเธอไม่ได้เล่นตามกฏเกณฑ์ใดๆ ตนรู้จักนิสัยและความเคยชินของเนอิลเป็นอย่างดีถึงได้เล่นตามเนอิล เพราะมีเพียงตนเท่านั้นที่เล่นคู่กับเนอิลได้ ทั้งยูจินและเนอิลต่างก็เล่นเปียโนอย่างมีความสุข เขาคอยสังเกตสีหน้าท่าทางและปากของเนอิลทำให้รู้ว่าช่วงไหนเธอจะเล่นแบบไหลรื่น กระแทกกระทั้น ฯลฯ และนั่นก็คือ "คันตาบิเล (Cantabile)" (ดุจการร้องเพลง)
ยูจินนึกถึงคำพูดของอาจารย์วิเอร่าที่เคยบอกว่า เวลาเล่นดนตรีอย่างเพลิดเพลินหรือเมามัน นิ้วเท้าคือสิ่งแรกที่จะขยับตามจังหวะ และที่นิ้วเท้ากระดิกเป็นเพราะไม่อาจทนอารมณ์ที่พริ้วไหวหรือสั่นระรัว (ขณะเล่นเพลงคลาสสิก) ได้ (ในตอนนั้นมาเอสโตร สเตรซเซอมานน์ มายืนดูทั้งคู่ดูเอทกันทางด้านนอก) เนอิลหันไปมองยูจินด้วยความปลาบปลื้มพลางนึกถึงตอนที่เขาบอกให้เธอเล่นตามใจชอบ (ยูจินในความคิดของเธอทั้งหล่อและเปล่งประกายวิ้งๆ เธอตกหลุมรักเขาแล้วจริงๆ)
ในที่สุดยูจินก็ยอมให้เนอิลเล่นเปียโนในแบบฉบับของตนเอง แม้เนอิลจะรู้สึกดีใจและโล่งใจ แต่เนื่องจากเป็นการเล่นเปียโนคู่เธอเลยกังวลว่าจะเล่นให้สอดรับกันอย่างลงตัวไม่ได้ ยูจินจึงบอกให้เนอิลเล่นตามสบายเพราะเขาจะเป็นฝ่ายเล่นตามเธอเอง เมื่ออาจารย์อันมาถึงทั้งคู่ก็เริ่มบรรเลงเปียโนคู่กัน (เนอิลปิดสมุดโน้ตเพลงก่อนเล่น) ระหว่างบรรเลงเพลงยูจินคิดในใจว่า ตนรู้แต่แรกแล้วว่าเพลงที่เนอิลเล่นมีความไพเราะและโดดเด่นเพราะเธอไม่ได้เล่นตามกฏเกณฑ์ใดๆ ตนรู้จักนิสัยและความเคยชินของเนอิลเป็นอย่างดีถึงได้เล่นตามเนอิล เพราะมีเพียงตนเท่านั้นที่เล่นคู่กับเนอิลได้ ทั้งยูจินและเนอิลต่างก็เล่นเปียโนอย่างมีความสุข เขาคอยสังเกตสีหน้าท่าทางและปากของเนอิลทำให้รู้ว่าช่วงไหนเธอจะเล่นแบบไหลรื่น กระแทกกระทั้น ฯลฯ และนั่นก็คือ "คันตาบิเล (Cantabile)" (ดุจการร้องเพลง)
ยูจินนึกถึงคำพูดของอาจารย์วิเอร่าที่เคยบอกว่า เวลาเล่นดนตรีอย่างเพลิดเพลินหรือเมามัน นิ้วเท้าคือสิ่งแรกที่จะขยับตามจังหวะ และที่นิ้วเท้ากระดิกเป็นเพราะไม่อาจทนอารมณ์ที่พริ้วไหวหรือสั่นระรัว (ขณะเล่นเพลงคลาสสิก) ได้ (ในตอนนั้นมาเอสโตร สเตรซเซอมานน์ มายืนดูทั้งคู่ดูเอทกันทางด้านนอก) เนอิลหันไปมองยูจินด้วยความปลาบปลื้มพลางนึกถึงตอนที่เขาบอกให้เธอเล่นตามใจชอบ (ยูจินในความคิดของเธอทั้งหล่อและเปล่งประกายวิ้งๆ เธอตกหลุมรักเขาแล้วจริงๆ)
ยูจินซึ่งก่อนหน้านี้เปรียบเสมือนคนกำลังหลงป่าและหาทางออกไม่เจอ ได้เดินตามเสียงเปียโนจนมาพบทางสว่าง เขาหลุดออกจากป่าแล้วมาเจอทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ท่ามกลางแสงแดดอันอบอุ่น ยูจินเดินตามเสียงเพลงไปช้าๆ และพบสาวน้อยคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นเปียโน ยูจินพูดประโยคเดิมที่เคยเล่าให้คนดูฟังในตอนต้นเรื่องว่า เมื่อนึกถึงครั้งที่ยังเป็นเด็ก... สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวของตนคือท้องถนนในยุโรป ซึ่งบรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายและเสียงเพลงคลาสสิก แต่คราวนี้เขาพูดต่อว่า "ผมเคยเชื่อว่าสถานที่ๆ อาจารย์วิเอร่าอยู่ (ยุโรป) เป็นโลกของดนตรีคลาสสิกขนานแท้เพียงแห่งเดียว... ในที่ๆ ไร้ซึ่งกลิ่นอายของดนตรีคลาสสิกเช่นที่นี่ (เกาหลี) ผมเคยเชื่อว่าตนเองคงไม่มีวันค้นพบความหมายที่แท้จริง ความรื่นรมย์ หรือคุณค่าของบทเพลง... อาจารย์วิเอร่าครับ ไม่แน่ว่าผมอาจค้นพบบางสิ่งที่สามารถทำได้ที่นี่เช่นกัน บางสิ่งที่ทำให้หัวใจของผมสั่นรัว"
ภาพตัดไปที่ยูจินซึ่งอยู่กลางทุ่งหญ้า เขาเดินไปหาสาวน้อยที่กำลังเล่นเปียโน ปรากฏว่าสาวน้อยคนดังกล่าวคือเนอิล เธอหันมายิ้มให้ยูจิน ยูจินจ้องมองใบหน้าเนอิลแล้วยิ้มให้เธอเช่นกัน
เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ใน "สะดุดรักนักเปียโน (Nae Il's Cantabile)" ทางพีพีทีวี
* เนื้อหาโดย luvasianseries
นักแสดงนำ
จูวอน
รับบท ชา ยูจิน
ชิม อึนคยอง
รับบท ซอล เนอิล
จาง เซฮยอน
รับบท มา ซูมิน
รับบท มา ซูมิน
คลิปเบื้องหลังจากเคบีเอส
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา