กำกับ: หลี่กั๋วลี่ (ชาวฮ่องกง)
เขียนบท: เติ้งลี่ฉี (ชาวฮ่องกง), หวงฮ่าวหราน (ชาวฮ่องกง), เหลียงหลี่เยี่ยน, เฉินสือซาน (ชาวฮ่องกง)
แนวละคร: แฟนตาซี, โรแมนติก
จำนวนตอน: 36
ออกอากาศ: จีน - 6 กรกฎาคม 2555 - 1 กันยายน 2555 ทางหูหนานทีวี
ไทย - ทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 13.30 - 15.00 น. และ 20.15 - 21.45 น. (ล่าสุดเปลี่ยนเวลาออกอากาศในช่วงแรกเป็น 11.30 น.) ทางช่อง 3SD ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2559 - 24 เมษายน 2559
ละคร "ฤทธิ์กระบี่เซียนหยวน (Xuan-Yuan Sword: Scar of Sky)" ดัดแปลงมาจากเกมอาร์พีจี (เกมที่ผู้เล่นสวมบทบาทเป็นตัวละครในโลกสมมุติ) ที่พัฒนาโดย บริษัท ซอฟท์สตาร์ เอ็นเตอร์เมนท์ ของไต้หวัน กำกับโดยผู้กำกับชื่อดังชาวฮ่องกง "หลี่กั๋วลี่" ที่สร้างสรรค์ซีรีส์ดังมาแล้วมากมาย อาทิ มังกรหยก (Legend of the Condor Heroes 2008), เซียนกระบี่พิชิตมาร 3 (Chinese Paladin 3) และ ฝ่ามิติลิขิตสวรรค์ (Scarlet Heart 1) เป็นต้น
"ฤทธิ์กระบี่เซียนหยวน (Xuan-Yuan Sword: Scar of Sky)" เป็นละครที่นำเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และตำนานจีนโบราณมาผสมผสานกับโลกแห่งจินตนาการสุดแฟนตาซี โดยนำเสนอเรื่องราวของสองหนุ่ม "อวี่เหวินทั่ว" และ "เฉินจิ้งโฉว" ซึ่งต่างก็เป็นองค์ชายของราชวงศ์ที่ล่มสลาย (ในยุคราชวงศ์เหนือใต้) โดยอวี่เหวินทั่วเป็นองค์ชายของราชวงศ์โจวเหนือ ส่วนเฉินจิ้งโฉวเป็นองค์ชายของราชวงศ์เฉิน ทั้งคู่ต้องการกอบกู้อาณาจักรของพวกตนคืนจากราชวงศ์สุยจึงออกตามหาของวิเศษ 5 อย่าง โดยของวิเศษดังกล่าวยังสามารถปิดผนึก "รอยรั่วของฟ้า" ที่เหล่าปีศาจและหมู่มารสามารถใช้เป็นหนทางในการเข้ามาทำลายล้างโลกมนุษย์ได้อีกด้วย
ขณะออกตามหาของวิเศษ สองหนุ่มซึ่งชะตาฟ้าลิขิตให้เป็นศัตรูได้โคจรมาพบและกลายเป็นพี่น้องร่วมทุกข์สุขกัน ระหว่างนั้นเฉินจิ้งโฉวได้พบกับสองสาว "ท่าป๋าอวี้เอ่อร์" องค์หญิงรองของเผ่าท่าป๋าแห่งเซียนเป่ย (ปัจจุบันคือ มองโกลเลีย - เวอร์ชั่นละครเรียกสกุลของเธอว่า "ท่าป๋า" แต่ชื่อสกุลและชนเผ่าที่มีอยู่จริงในสมัยจีนโบราณ คือ "ทั่วป๋า") และ "อวี๋เสี่ยวเสวี่ย" ร่างจุติของศิลาหนี่วา (หนึ่งในของวิเศษ 5 อย่าง) จนเกิดเป็นรักสามเส้าในเวลาต่อมา ขณะที่อวี่เหวินทั่วได้พบรักกับ "ตู๋กูหนิงเคอ" องค์หญิงแห่งราชวงศ์สุย ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นสาวกพญามาร
น่าเสียดายที่สุดท้ายมิตรกลับกลายเป็นศัตรู เมื่อมิตรภาพที่เคยมีให้กันแปรเปลี่ยนเป็นการทรยศหักหลังจนกลายเป็นความบาดหมางและนำมาซึ่งความเคียดแค้น ทำให้คนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขต้องหันดาบเข้าหากัน ถึงกระนั้นสองหนุ่มก็มีภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ต้องจับมือกันทำ นั่นก็คือการปิดผนึกรอยรั่วของฟ้าเพื่อปกป้องโลกจากเหล่ามารร้าย ซึ่งต้องตามลุ้นกันดูว่าทั้งคู่จะก้าวข้ามความโกรธแค้นแล้วหันมาจับมือกันสร้างความสงบสุขให้กับโลกมนุษย์ได้หรือไม่
น่าเสียดายที่สุดท้ายมิตรกลับกลายเป็นศัตรู เมื่อมิตรภาพที่เคยมีให้กันแปรเปลี่ยนเป็นการทรยศหักหลังจนกลายเป็นความบาดหมางและนำมาซึ่งความเคียดแค้น ทำให้คนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขต้องหันดาบเข้าหากัน ถึงกระนั้นสองหนุ่มก็มีภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ต้องจับมือกันทำ นั่นก็คือการปิดผนึกรอยรั่วของฟ้าเพื่อปกป้องโลกจากเหล่ามารร้าย ซึ่งต้องตามลุ้นกันดูว่าทั้งคู่จะก้าวข้ามความโกรธแค้นแล้วหันมาจับมือกันสร้างความสงบสุขให้กับโลกมนุษย์ได้หรือไม่
เกร็ดความรู้
ราชวงศ์โจวเหนือ หรือ เป่ยโจว (ปี ค.ศ. 557–581 หรือ พ.ศ. 1100-1124) เป็นหนึ่งใน 4 ราชวงศ์ที่ปกครองดินแดนทางตอนเหนือของจีน หรือที่เรียกว่า "ราชวงศ์เหนือ" ซึ่งประกอบด้วย ราชวงศ์เว่ยตะวันออก, เว่ยตะวันตก, ฉีเหนือ และโจวเหนือ ตามลำดับ โดยราชวงศ์โจวเหนือเป็นราชวงศ์สุดท้ายของราชวงศ์เหนือ ถูกโค่นล้มโดย "หยางเจียน" (อดีตขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชวงศ์โจวเหนือ) ซึ่งต่อมาได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์แรกแห่งราชวงศ์สุย (สุยเหวินตี้)
ราชวงศ์โจวเหนือ หรือ เป่ยโจว (ปี ค.ศ. 557–581 หรือ พ.ศ. 1100-1124) เป็นหนึ่งใน 4 ราชวงศ์ที่ปกครองดินแดนทางตอนเหนือของจีน หรือที่เรียกว่า "ราชวงศ์เหนือ" ซึ่งประกอบด้วย ราชวงศ์เว่ยตะวันออก, เว่ยตะวันตก, ฉีเหนือ และโจวเหนือ ตามลำดับ โดยราชวงศ์โจวเหนือเป็นราชวงศ์สุดท้ายของราชวงศ์เหนือ ถูกโค่นล้มโดย "หยางเจียน" (อดีตขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชวงศ์โจวเหนือ) ซึ่งต่อมาได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์แรกแห่งราชวงศ์สุย (สุยเหวินตี้)
ราชวงศ์เฉิน (ปี ค.ศ. 557–589 หรือ พ.ศ. 1100-1132) เป็นหนึ่งใน 4 ราชวงศ์ที่ปกครองดินแดนทางตอนใต้ของจีน หรือที่เรียกว่า "ราชวงศ์ใต้" ซึ่งได้แก่ ราชวงศ์ ซ่ง ฉี เหลียง และ เฉิน ตามลำดับ โดยราชวงศ์เฉินเป็นราชวงศ์สุดท้ายของราชวงศ์ใต้ ถูกโค่นล้มโดยจักรพรรดิสุยเหวินตี้แห่งราชวงศ์สุย
ราชวงศ์สุย (ปี ค.ศ. 581–618 หรือ พ.ศ. 1124-1161) ถูกสถาปนาขึ้นต่อจากยุคราชวงศ์เหนือใต้โดยจักรพรรดิสุยเหวินตี้ มีระยะการปกครองเพียง 37 ปี ถูกโค่นล้มโดยราชวงศ์ถัง
ตอนที่หนึ่ง กระจกคุนหลุน (คุนหลุนจิ้ง)
ละครเปิดฉากขึ้น ณ หมู่บ้านบนภูเขาอันไกลโพ้นในรัชสมัยของจักรพรรดิสุยหยางตี้ (จักรพรรรดิ์องค์ที่สองของราชวงศ์สุย ทรงครองราชย์นาน 18 ปี) "เฉินฝู่" ยืนมองภาพวาดนักรบผู้กล้าและกระบี่หักของอดีตฮ่องเต้แห่งราชวงศ์เฉิน พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 18 ปีก่อนตอนที่เขาและอดีตฮ่องเต้นำทัพกอบกู้อาณาจักรเฉินหลังถูกกองทัพสุยรุกราน ในตอนนั้นจักรพรรดิสุยเหวินตี้ (ปฐมจักรพรรดิของราชวงศ์สุย) ได้มอบหมายให้ "หยางซู่" นำกำลังทหารมาทำศึกกับกองกำลังของฮ่องเต้เฉิน (ประวัติศาสตร์จีนจารึกว่าหยางซู่เป็นคนของราชวงศ์โจวเหนือ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นแม่ทัพและเสนาบดีผู้ทรงอิทธิพลของราชวงศ์สุย)
ขณะที่สองฝ่ายเผชิญหน้ากันบนผาหยางเหว่ย เฉินฝู่ทูลฮ่องเต้ว่าหยางซู่คือคนที่นำทัพบุกโจมตีและยึดเมืองหลวงของราชวงศ์สุย เขาเป็นคนที่มีพลังภายในและวิทยายุทธสูงส่งแต่จะไม่ต่อกรกับศัตรูถ้าไม่มั่นใจว่าจะชนะ เฉินฝู่เห็นว่าการสู้รบในครั้งนี้หยางซู่นำกำลังมาแค่ไม่กี่สิบคนจึงทูลเตือนฮ่องเต้ให้ระวังกับดัก ปรากฏว่าไม้เด็ดของหยางซู่คือ "อวี่เหวินทั่ว" ซึ่งยังอยู่ในวัยเยาว์ (10 ขวบ) และแต่งกายในชุดนักรบเกราะทอง เขาสั่งให้นักรบน้อยอวี่เหวินทั่วใช้กระบี่เซียนหยวนซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์เข้าปราบปรามกองทัพของอดีตฮ่องเต้เฉินตามลำพัง เพราะต้องการทดสอบอานุภาพของกระบี่เซียนหยวน
เมื่อเฉินฝู่เห็นกระบี่เซียนหยวนในมือนักรบตัวน้อยก็รู้สึกตกใจ เขาสั่งให้ทหารองค์รักษ์รีบคุ้มกันและพาฮ่องเต้ถอยไปตั้งหลักไกล 50 ลี้ (25 กม.) แต่ฮ่องเต้กลับสั่งให้บุกทันทีแถมยังนำทัพด้วยพระองค์เอง หลังอวี่เหวินทั่วกวัดแกว่งดาบ ทหารนับพันของฮ่องเต้เฉินก็ล้มตายดุจใบไม้ร่วง เฉินฝู่และเหล่าทหารองครักษ์พยายามปกป้องฮ่องเต้ด้วยการผนึกกำลังต้านทานกระบี่เซียนหยวน แต่ฮ่องเต้กลับบุกเดี่ยวเข้าไปหาอวี่เหวินทั่วจึงถูกกระบี่เซียนหยวนฟาดฟันจนปลายดาบหักทั้งยังได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า เฉินฝู่รีบพาฮ่องเต้หลบหนีแต่ถูกหยางซู่ขวางเอาไว้ ฮ่องเต้รู้ดีว่าเฉินฝู่ไม่อาจต้านทานหยางซู่ได้จึงยอมสละชีพโดยฝากฝังให้เฉินฝู่ช่วยดูแลสายเลือดของพระองค์ เฉินฝู่พยายามห้ามปรามฮ่องเต้แต่ฮ่องเต้สั่งให้เฉินฝู่รีบหนีไป พระองค์โยนดาบหักให้เฉินฝู่แล้ววิ่งเข้าหาหยางซู่เพื่อเปิดทางให้เฉินฝู่พาพระโอรสหลบหนี เฉินฝู่เห็นฮ่องเต้ถูกหยางซู่ปลงพระชนม์ต่อหน้าต่อตาก็รู้สึกเจ็บปวดใจ
หยางซู่เห็นเฉินฝู่หนีไปพร้อมทารกน้อย จึงบอกให้เฉินฝู่ส่งทายาทองค์สุดท้ายของราชวงศ์เฉินมาให้ตนแล้วตนจะยอมไว้ชีวิต เมื่อเฉินฝู่บอกให้ข้ามศพตนไปก่อน ทั้งคู่จึงต่อสู้กันแต่สุดท้ายหยางซู่ซึ่งมีวิทยายุทธที่เหนือกว่าก็สามารถชิงตัวทารกไปจากอ้อมอกของเฉินฝู่ หลังจากนั้นก็เผาจนกลายเป็นจุณต่อหน้าต่อตา เฉินฝู่จะล้างแค้นแทนเด็กน้อยแต่ถูกอวี่เหวินทั่วสกัดเอาไว้ทำให้พลัดตกจากหน้าผา นับว่ายังโชคดีที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
ขณะที่สองฝ่ายเผชิญหน้ากันบนผาหยางเหว่ย เฉินฝู่ทูลฮ่องเต้ว่าหยางซู่คือคนที่นำทัพบุกโจมตีและยึดเมืองหลวงของราชวงศ์สุย เขาเป็นคนที่มีพลังภายในและวิทยายุทธสูงส่งแต่จะไม่ต่อกรกับศัตรูถ้าไม่มั่นใจว่าจะชนะ เฉินฝู่เห็นว่าการสู้รบในครั้งนี้หยางซู่นำกำลังมาแค่ไม่กี่สิบคนจึงทูลเตือนฮ่องเต้ให้ระวังกับดัก ปรากฏว่าไม้เด็ดของหยางซู่คือ "อวี่เหวินทั่ว" ซึ่งยังอยู่ในวัยเยาว์ (10 ขวบ) และแต่งกายในชุดนักรบเกราะทอง เขาสั่งให้นักรบน้อยอวี่เหวินทั่วใช้กระบี่เซียนหยวนซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์เข้าปราบปรามกองทัพของอดีตฮ่องเต้เฉินตามลำพัง เพราะต้องการทดสอบอานุภาพของกระบี่เซียนหยวน
เมื่อเฉินฝู่เห็นกระบี่เซียนหยวนในมือนักรบตัวน้อยก็รู้สึกตกใจ เขาสั่งให้ทหารองค์รักษ์รีบคุ้มกันและพาฮ่องเต้ถอยไปตั้งหลักไกล 50 ลี้ (25 กม.) แต่ฮ่องเต้กลับสั่งให้บุกทันทีแถมยังนำทัพด้วยพระองค์เอง หลังอวี่เหวินทั่วกวัดแกว่งดาบ ทหารนับพันของฮ่องเต้เฉินก็ล้มตายดุจใบไม้ร่วง เฉินฝู่และเหล่าทหารองครักษ์พยายามปกป้องฮ่องเต้ด้วยการผนึกกำลังต้านทานกระบี่เซียนหยวน แต่ฮ่องเต้กลับบุกเดี่ยวเข้าไปหาอวี่เหวินทั่วจึงถูกกระบี่เซียนหยวนฟาดฟันจนปลายดาบหักทั้งยังได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า เฉินฝู่รีบพาฮ่องเต้หลบหนีแต่ถูกหยางซู่ขวางเอาไว้ ฮ่องเต้รู้ดีว่าเฉินฝู่ไม่อาจต้านทานหยางซู่ได้จึงยอมสละชีพโดยฝากฝังให้เฉินฝู่ช่วยดูแลสายเลือดของพระองค์ เฉินฝู่พยายามห้ามปรามฮ่องเต้แต่ฮ่องเต้สั่งให้เฉินฝู่รีบหนีไป พระองค์โยนดาบหักให้เฉินฝู่แล้ววิ่งเข้าหาหยางซู่เพื่อเปิดทางให้เฉินฝู่พาพระโอรสหลบหนี เฉินฝู่เห็นฮ่องเต้ถูกหยางซู่ปลงพระชนม์ต่อหน้าต่อตาก็รู้สึกเจ็บปวดใจ
หยางซู่เห็นเฉินฝู่หนีไปพร้อมทารกน้อย จึงบอกให้เฉินฝู่ส่งทายาทองค์สุดท้ายของราชวงศ์เฉินมาให้ตนแล้วตนจะยอมไว้ชีวิต เมื่อเฉินฝู่บอกให้ข้ามศพตนไปก่อน ทั้งคู่จึงต่อสู้กันแต่สุดท้ายหยางซู่ซึ่งมีวิทยายุทธที่เหนือกว่าก็สามารถชิงตัวทารกไปจากอ้อมอกของเฉินฝู่ หลังจากนั้นก็เผาจนกลายเป็นจุณต่อหน้าต่อตา เฉินฝู่จะล้างแค้นแทนเด็กน้อยแต่ถูกอวี่เหวินทั่วสกัดเอาไว้ทำให้พลัดตกจากหน้าผา นับว่ายังโชคดีที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
เฉินฝู่นึกถึงคำสั่งเสียของฮ่องเต้ที่ขอให้ตนช่วยดูแลพระโอรสวัยแบเบาะ โดยหวังให้เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในภาคหน้าจะได้กอบกู้อาณาจักรเฉินกลับคืนมาจากราชวงศ์สุย พระองค์ทรงตั้งชื่อพระโอรสองค์น้อยว่า "จิ้งโฉว" ซึ่งหมายถึง "ล้างแค้นราชวงศ์สุย กอบกู้ราชวงศ์เฉิน" และนั่นก็คือภารกิจชั่วชีวิตขององค์ชาย "เฉินจิ้งโฉว" ปรากฏว่าทารกน้อยที่ถูกฆ่าตายคือลูกชายของเฉินฝู่ เขายอมสละชีวิตลูกน้อยของตนเพื่อรักษาชีวิตขององค์ชายน้อยเอาไว้
18 ปีผ่านไป องค์ชายเฉินจิ้งโฉวยังคงไร้ซึ่งวี่แววว่าจะทำภารกิจได้สำเร็จลุล่วง ซ้ำยังเป็นองค์ชายที่ไม่เอาไหนไร้ซึ่งฝีมือจึงสร้างความหนักใจให้กับเฉินฝู่เป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ราษฎรมีความหวังและกำลังใจว่าสักวันองค์ชายจะล้างแค้นและกอบกู้บ้านเมืองกลับคืนมา เฉินฝู่จึงให้เหล่าบรรดาลูกศิษย์และองค์ชายรวมหัวกันเล่นละครหลอกลวงประชาชนชาวเฉินว่า เฉินจิ้งโฉวเป็นองค์ชายที่มีวรยุทธและความสามารถด้านเวทมนต์อันสูงส่งจนเหล่าปีศาจร้ายและหมู่มารต่างพากันยำเกรง ซึ่งองค์ชายเฉินจิ้งโฉวเองก็รู้สึกละอายใจที่ต้องทำเช่นนี้ ทั้งยังรู้สึกผิดที่ตนเป็นคนไม่เอาไหนจนทำให้อาจารย์ผิดหวัง
เฉินฝู่พาองค์ชายเฉินจิ้งโฉวมาดูท้องฟ้าบนหอกู้แผ่นดิน พลางกล่าวว่าตลอด 18 ปีที่ผ่านมาตนไม่ได้รอคอยความหวังอย่างเลื่อนลอย การล้างแค้นราชวงศ์สุยและกอบกู้ราชวงศ์เฉินยังคงเป็นไปตามแผน เขาบอกให้องค์ชายมองสิ่งแปลกประหลาดบนท้องฟ้าทางด้านทิศเหนือ เมื่อองค์ชายเฉินจิ้งโฉวเห็นดาวสีแดงบนฟ้าก็รู้สึกแปลกใจ เฉินฝู่อธิบายว่าเมื่อใดก็ตามที่ดาวมารแดงโคจรมาใกล้โลก โลกมนุษย์จะเกิดอาเพศ เขาเชื่อว่านี่คือลางร้ายของราชวงศ์สุย (เพราะปรากฏบนท้องฟ้าเหนืออาณาจักรสุย) จึงถือเป็นโอกาสอันดีในการเริ่มต้นภารกิจล้างแค้นราชวงศ์สุย กอบกู้ราชวงศ์เฉิน เฉินฝู่ยังบอกอีกว่า เมื่อใดก็ตามที่ดาวมารแดงเปล่งแสงบนท้องฟ้าของวิเศษทั้ง 5 ของเจ้าแม่หนี่วาก็จะปรากฏ หากใครได้ครอบครองของวิเศษทั้งห้า จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่เหนือทุกคนในใต้หล้า (เป็นจักรพรรดิปกครองโลก) เฉินฝู่จึงสั่งให้องค์ชายเฉินจิ้งโฉวออกตามหาของวิเศษเพื่อจะได้ล้างแค้นศัตรูและกอบกู้ชาติ
หลังจากนั้นก็มีเสียงบรรยายว่า หลังผานกู่ (ผู้สร้างโลกตามความเชื่อของจีน) บุกเบิกฟ้าดิน เจ้าแม่หนี่วาก็สร้างมวลมนุษย์ด้วยการนำดินโคลนมาปั้นจนบังเกิดเป็นโลกมนุษย์ ครั้นพอดาวมารแดงโคจรมายังโลกมนุษย์ก็ทำให้ฟ้าเกิดรอยรั่ว จนเป็นเหตุให้โลกร้อนและแห้งแล้ง ทั้งยังเกิดภัยพิบัตินานัปการ เจ้าแม่หนี่วาจึงนำเลือดจากหัวใจมาหลอมรวมเป็นดวงแก้วแล้วนำไปสมานรอยแยกบนท้องฟ้า ส่วนดวงแก้วที่เหลืออีก 5 ดวง ได้กลายร่างเป็นของวิเศษ 5 อย่าง ซึ่งประกอบด้วย กระจกคุนหลุน, กระถางเทพ, ศิลาหนี่วา, ตราคงถง และพิณฝูซี นับแต่นั้นมาก็มีตำนานเล่าขานว่า ผู้ใดที่หาของวิเศษครบทั้งห้าสิ่งจะได้ปกครองโลกมนุษย์ และตอนนี้ตำแหน่งที่ตั้งของๆ วิเศษชิ้นแรก (กระจกคุนหลุน) ได้ปรากฏในกระดานศิลาเหอลั่วแล้ว (กระดานศิลาเหอลั่ว มีลักษณะคล้ายแท็บเล็ตหินที่ติดอยู่บนหลังเต่า ผู้ใดสามารถปลดล็อคและถอดรหัสอักษรโบราณบนกระดาน จะถูกนำทางไปยังที่ตั้งของๆ วิเศษทั้งห้า)
ในตอนนั้นกระดานศิลาเหอลั่วถูกค้นพบโดยทหารสุยจึงถูกเก็บรักษาไว้ในค่ายทหาร แม้จะวางกำลังป้องกันผู้บุกรุกเอาไว้อย่างแน่นหนา แต่ "ท่าป๋าอวี้เอ่อร์" ก็ใช้มนต์เพลงขลุ่ยส่งเหล่าแมลงลูกสมุนเข้าไปจัดการกับทหารยาม จากนั้นก็บุกเข้าไปชิงกระดานศิลาเหอลั่วในค่ายทหารกับ "หงหง" อย่างใจเย็น ขณะออกจากค่ายทหารสองสาวได้พบกับแม่ทัพใหญ่อวี่เหวินทั่ว อวี้เอ่อร์จึงฝากกระดานศิลาเหอลั่วไว้กับหงหง หลังต่อสู้กันได้สักพักอวี้เอ่อร์ก็ใช้เวทมนต์สกัดอวี่เหวินทั่วเอาไว้แล้วรีบหนีไปโดยไม่รู้ว่าเวทมนต์ของเธอไม่สามารถทำอะไรอวี่เหวินทั่วได้ และเป็นอวี่เหวินทั่วที่ปล่อยให้อวี้เอ่อร์หลบหนีไปพร้อมกระดานศิลาเหอลั่ว หลังคลายมนต์สะกดให้เหล่าทหารของตนแล้ว อวี่เหวินทั่วก็สั่งให้ทหารทุกคนรอตนอยู่ในค่าย แต่เหล่าทหารกลัวถูกหยางซู่ลงโทษจึงรีบควบม้าไล่ตามราชรถมังกรขาวของอวี้เอ๋อร์
อวี้เอ่อร์ต้องการใช้สมาธิตรึกตรองเพื่อหาวิธีใช้งานกระดานศิลาเหอลั่ว จึงบอกให้หงหงออกไปรับมือกับเหล่าทหารสุยแทนตน อยู่ๆ อวี่เหวินทั่วก็ปรากฏกายในราชรถของอวี้เอ่อร์และถามว่าเธอถอดรหัสได้หรือยัง เขาแนะนำให้เธอดูแถบอักษรเล็กๆ ที่ขอบด้านข้างของกระดานศิลาเหอลั่ว เพราะบางทีอาจมีเคล็ดลับซ่อนอยู่ตรงนั่น อวี้เอ่อร์ลองทำตามคำแนะนำของอวี่เหวินทั่วและพยายามปลดล็อคแต่ราชรถของเธอถูกทหารสุยโจมตีจนแกว่งไปมา อวี่เหวินทั่วเห็นว่าอวี้เอ่อร์ถูกทหารของตนทำลายสมาธิจึงสั่งให้ทหารทุกคนกลับค่าย
หลังสถานการณ์สงบลงอวี้เอ๋อร์ก็ลองปลดล็อคกระดานศิลาเหอลั่วใหม่อีกครั้ง หลังทำได้สำเร็จภาพที่ตั้งของกระจกคุนหลุนก็ปรากฏให้เห็นทันที พอรู้ว่าของวิเศษชิ้นแรกอยู่ที่ไหนอวี้เอ๋อร์ก็ขังอวี่เหวินทั่วไว้ในราชรถ โดยบอกว่าหลังได้ของวิเศษครบทั้งห้าอย่างแล้วเธอจะนำตัวอวี่เหวินทั่วกลับไปชำระแค้นที่เผ่าท่าป๋า อวี่เหวินทั่วได้ยินดังนั้นจึงนึกขึ้นได้ว่าบิดาของอวี้เอ๋อร์ถูกตนสังหาร อวี้เอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโกรธแค้น เธอบอกอวี่เหวินทั่วว่าในโลกนี้นอกจากเธอแล้วไม่มีใครสามารถหนีออกจากราชรถมังกรขาวได้ แต่สุดท้ายอวี่เหวินทั่วก็ใช้วิชาลับในตำนานหลบหนี (หายตัว) ไปได้อยู่ดี อวี้เอ๋อร์จึงบอกให้หงหงรีบนำราชรถไปที่เขาปราบมารเพื่อจะได้ไปถึงและพบกระจกคุนหลุนก่อนอวี่เหวินทั่ว
เมื่อกลับมาถึงค่ายทหารอวี่เหวินทั่วก็ตำหนิสองขุนพลที่ขัดคำสั่งตน หยางซู่ไม่พอใจมากที่ทั้งคู่ปล่อยให้โจรสาวบุกเข้ามาชิงกระดานศิลาเหอลั่วถึงในค่ายจึงคิดที่จะลงโทษถึงตาย แต่อวี่เหวินทั่วชิงลงโทษด้วยการตัดแขนของสองแม่ทัพ (ซึ่งโดนพิษของอวี้เอ๋อร์) เสียก่อน โดยอ้างว่าทั้งคู่ยังมีประโยชน์ จากนั้นก็อธิบายว่ามีเพียงอวี้เอ๋อร์ที่สามารถปลดล็อคข้อมูลและถอดรหัสกระดานศิลาเหอลั่วได้ ถึงแม้จะไม่ค่อยพอใจนักแต่หยางซู่ก็มอบชีวิตของสองขุนพลให้อยู่ในกำมือของอวี่เหวินทั่ว
ระหว่างเดินทางไปที่เขาปราบมาร อวี่เหวินทั่วถูกหยางซู่ตามมาเล่นงานเพราะไม่พอใจที่เขาบังอาจขัดขวางการสังหารสองแม่ทัพซึ่งเป็นการหักหน้าและวางอำนาจเหนือตน ทำให้เกิดการต่อสู้กันกลางอากาศ แม้ฝีมือจะตกเป็นรองแต่อวี่เหวินทั่วก็สู้ไม่ถอย เมื่อเขานำกระบี่เซียนหยวนออกมาใช้หยางซู่ก็หายตัวไป หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงแม่ร้องเรียก หยางซู่ฉวยโอกาสเล่นงานทีเผลอ ทำให้อวี่เหวินทั่วต้องยอมจำนน หยางซู่เตือนว่าวันมะรืนจะเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวในรอบปีที่อวี่เหวินทั่วจะได้พบหน้าแม่ ดังนั้นจงทำตัวดีๆ ถ้ายังอยากเห็นหน้าแม่
อวี่เหวินทั่วหวนนึกถึงวันที่ราชวงศ์โจวเหนือล่มสลาย ในตอนนั้น "ตานอวี่อู่" แม่ของเขา ซึ่งก็คือฮองเฮาของจักรพรรดิโจวจิ้ง (หรือจักรพรรดิจิ้งแห่งราชวงศ์โจว ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 5 และองค์สุดท้ายของราชวงศ์โจวเหนือ) ย้ำว่าเขาคือองค์ชายคนสุดท้ายของราชวงศ์โจวเหนือ พระบิดาจึงยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องเขา อวี่เหวินทั่วถามแม่ทั้งน้ำตาว่าตระกูลอวี่เหวินของพวกตนถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นแล้วหรือ แม่ของเขาจึงกล่าวว่าแท้จริงแล้วตระกูลอวี่เหวินเป็นทายาทสายตรงของจักรพรรดิเซียนหยวน (หวงตี้ - บรรพบุรุษของชาวจีน) และภารกิจที่ถูกส่งมอบจากรุ่นสู่รุ่นก็คือการปกป้องกระบี่เซียนหยวนซึ่งมีอำนาจในการทำลายล้างสูง หากอวี่เหวินทั่วได้ครอบครองกระบี่เซียนหยวนก็จะมีโอกาสกอบกู้ทุกสิ่งกลับคืนมา
ตานอวี่อู่สั่งให้อวี่เหวินทั่วเข้าไปเอากระบี่เซียนหยวนในถ้ำ (สถานที่เก็บรักษา) ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครนำกระบี่เซียนหยวนออกมาได้ ส่วนเธอทำหน้าที่ต้านทานเหล่าทหารของหยางซู่ที่ปากถ้ำ ในตอนแรกอวี่เหวินทั่วทำอะไรไม่ถูกเพราะรู้สึกหวาดกลัว แต่พอนึกถึงแม่ที่กำลังรับมือทหารเพียงลำพังเขาก็ฮึดสู้จนครอบครองกระบี่เซียนหยวนได้สำเร็จ หยางซู่ต้องการกระบี่เซียนหยวนจึงจับแม่ของอวี่เหวินทั่วไว้เป็นตัวประกัน ครั้นไม่อาจได้ครอบครองกระบี่เขาจึงคิดที่จะครอบครองเจ้าของกระบี่แทน โดยอ้างว่าแม้ตนจะเป็นศัตรูที่โค่นล้มราชวงศ์โจวเหนือ แต่ตนก็เป็นผู้มีพระคุณที่ไว้ชีวิตอวี่เหวินทั่วกับแม่ หากอวี่เหวินทั่วยอมเป็นลูกศิษย์ตน ตนจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้ทุกอย่าง ตราบใดที่เขายอมเชื่อฟังและทำตามคำสั่ง ทั้งแม่และเขาก็จะยังมีลมหายใจ
อวี่เหวินทั่วจำต้องฝากตัวเป็นศิษย์ของหยางซู่ นับแต่นั้นจิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง และต้องกลายเป็นเครื่องมือในการเข่นฆ่าผู้คนของหยางซู่ เขาไม่ได้เข่นฆ่าผู้คนเพราะความแค้นหรือความกตัญญู และสิ่งที่เขาทำลายไม่ได้มีเพียงชีวิตมนุษย์แต่ยังรวมถึงจิตใจที่งดงามของเขาด้วย เพื่อรักษาชีวิตตนเองเอาไว้มือของเขาจึงต้องเปื้อนเลือด ในที่สุดเขาก็ค่อยๆ ค้นพบว่าสิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุดไม่ใช่การล้างแค้นหรือกอบกู้บ้านเมือง แต่มันคือ 'ความฝัน' ซึ่งจะทำให้เขาได้พบหน้าแม่ (อวี่เหวินทั่วคิดถึงแม่แล้วถึงกับน้ำตาไหล เขาจึงรีบสวมหน้ากากเพื่อปิดบังน้ำตาเอาไว้)
เฉินฝู่และชาวเฉินผู้จงรักภักดีจัดพิธีบวงสรวงและรำลึกถึงอดีตฮ่องเต้แห่งราขวงศ์เฉินที่สิ้นพระชนม์เมื่อ 18 ปีก่อน เหล่าราษฎรต่างพากันปลาบปลื้มและแสดงความยินดีกับเฉินฝู่ที่องค์ชายเฉินจิ้งโฉวมีฝีมือดีขึ้นกว่าเดิมจนสามารถปราบปีศาจต้นไม้พันปีได้ (พวกเขาไม่รู้ว่านั่นเป็นเพียงการเล่นละคร ผู้ที่จับปีศาจได้จริงๆ คือศิษย์ทั้ง 4 ของเฉินฝู่) เฉินฝู่ได้ยินดังนั้นจึงให้คำมั่นกับชาวเฉินว่าสักวันองค์ชายจะเป็นทัพหน้าพาทุกคนไปกอบกู้แผ่นดินกลับคืนมา ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเขาอดเป็นกังวลและรู้สึกหนักใจไม่ได้ที่องค์ชายยังไม่มีวี่แววว่าจะทำฝันของราษฎรให้เป็นจริงได้เสียที
จิ้งโฉวได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยตอนเล่นละครปราบปีศาจจึงแอบเอายามาสมานแผลเองเพราะไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง พอเห็นศิษย์พี่ศิษย์น้องต้องมาเหน็ดเหนื่อยกับการเตรียมอาหารดีๆ ให้ตน ทั้งๆ ที่ทุกคนต่างก็กำลังเหนื่อยและหิว จิ้งโฉวก็ชวนให้ทุกคนมานั่งทานอาหารด้วยกัน ปรากฏว่าไม่มีใครกล้าทานอาหารร่วมโต๊ะกับเขาเพราะเกรงว่าจะถูกอาจารย์ลงโทษ ดังนั้น ไม่ว่าจะหิวสักแค่ไหนทุกคนก็ต้องอดทนรอให้จิ้งโฉวทานให้เสร็จก่อน จิ้งโฉวจึงแกล้งบ่นว่ากับข้าวไม่น่าทานและไม่อร่อยจากนั้นก็ลุกหนีเพื่อให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องได้ทานอาหารกันอย่างเต็มที่
ความจริงแล้วจิ้งโฉวเองก็รู้สึกหิว เขาจึงแอบเข้าไปอุ่นซาเลาเปาในครัวโดยคิดที่จะเสกไฟเพื่อจุดฟืนในเตาแต่กลับทำไม่สำเร็จ (เขาฝึกวิชากับเฉินฝู่มานานนับ 10 ปีแต่ฝีมือยังไม่พัฒนาเสียที) ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมแพ้และลองใหม่อีกครั้ง ถึงแม้คราวนี้จะมีเปลวไฟผุดขึ้นที่ปลายนิ้วแต่เขาก็ไม่อาจควบคุมไฟได้ แถมเปลวไฟยังลอยหนีออกไปข้างนอกเขาจึงต้องวิ่งไปตามเปลวไฟกลับคืนมา และนั่นก็ทำให้เขาเห็นว่าราชรถมังกรขาวกำลังบินตรงไปยังลาน 9 มังกรสยบมารซึ่งเป็นเขตหวงห้าม
อวี้เอ๋อร์รู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นว่าเขาปราบมาร ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาของวิเศษอย่างกระจกคุนหลุน แลดูไม่ขลังเลยสักนิด หงหงเห็นว่าเขาปราบมารเป็นที่โล่งแจ้งและมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล จึงกลัวว่าอวี่เหวินทั่วจะมาถึงก่อนที่พวกตนจะหากระจกคุนหลุนเจอ อวี้เอ๋อร์จึงให้เหล่าภูตดำ (หน้าตาคล้ายแมงมุม) ช่วยสืบหากระจกคุนหลุนอีกแรง เมื่อจิ้งโฉวมาที่ลาน 9 มังกรสยบมารก็พบว่ามีแมลงคืบคลานเต็มไปหมด อวี้เอ๋อร์ได้ยินจิ้งโฉวบ่นว่าภูตดำของเธอน่าขยะแขยงก็รู้สึกไม่พอใจ เธอจึงเรียกจิ้งโฉวว่า...ไอ้คนเลว จิ้งโฉวเพิ่งโดนคนลบหลู่เป็นครั้งแรกเลยของขึ้น เขาประกาศว่าตนเป็นองค์ชายแต่อวี้เอ๋อร์ไม่เชื่อ
เนื่องจากลาน 9 มังกรสยบมารเป็นเขตหวงห้าม จิ้งโฉวจึงบอกให้อวี้เอ๋อร์นำแมลงไปเล่นที่อื่นทำให้โดนหงหงตบหัวทิ่มโทษฐานที่ลบหลู่องค์หญิงรองของตน ถึงกระนั้นจิ้งโฉวก็ยังเปรียบสองสาวว่าเป็นหนูที่มาทำตัวลับๆ ล่อๆ ในที่ของตนทำให้โดนสองสาวรุมตี จิ้งโฉวเลยรีบขอสงบศึกโดยบอกว่าตนเป็นองค์ชายของอาณาจักรเฉินที่ล่มสลายวันนี้เมื่อ 18 ปีก่อน จากนั้นก็ถามอวี้เอ๋อร์ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน หงหงกล่าวว่าอวี้เอ๋อร์คือองค์หญิงรองของตระกูลท่าป๋า ชื่อ "ท่าป๋าอวี้เอ๋อร์" แต่จิ้งโฉวได้ยินเป็น "ทัวป่า" ซึ่งแปลว่า "ไม้ถูพื้น" เลยรู้สึกขำ ซ้ำยังบอกว่าที่บ้านตนมีไม้ถูพื้นไว้เช็ดอึเช็ดฉี่หลายอัน อวี้เอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโกรธ เธอย้ำว่าชื่อสกุลของเธอคือ "ท่าป๋า" และชี้ว่าตระกูลของเธอเป็นสายเทพที่อพยพออกจากกำแพงเมือง (จีน) เมื่อนานมาแล้ว (ชนเผ่าที่มีอยู่จริงในสมัยโบราณคือ "ทั่วป๋า" ซึ่งเป็นผู้สถาปนาราชวงศ์เว่ยเหนือ และเป็นชนเผ่าหนึ่งของชนชาติเซียนเป่ย (มองโกเลีย) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวจีนทางตอนเหนือในยุคโบราณ)
อวี้เอ๋อร์เห็นว่าจิ้งโฉวยังกวนไม่เลิก จึงขู่ว่าเธอจะสั่งให้ภูตดำปล่อยพิษใส่จิ้งโฉวเพื่อให้เขากลายเป็นใบ้ จิ้งโฉวเลยยอมยกธงขาวและถามว่าเธอต้องการอะไร เมื่ออวี้เอ๋อร์บอกว่าเธอจะไว้ชีวิตเขาหากเขายอมบอกว่ากระจกคุนหลุนอยู่ที่ไหน จิ้งโฉวตอบหน้าตาเฉยว่าที่เชิงเขาด้านล่างมีร้านขายกระจกเพียบ หงหงชักเริ่มรำคาญเลยแนะให้อวี้เอ๋อร์ฆ่าจิ้งโฉวทิ้งเสีย จิ้งโฉวรีบบอกว่าตนรู้ว่ากระจกคุนหลุนอยู่ที่ไหน สองสาวจึงบังคับให้เขานำทาง พอเดินผ่านแผ่นวงกลมรูปหยินหยาง (ลักษณะการทำงานคล้ายกล้องวงจรปิดและติดอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วบริเวณ) เขาก็แอบขอความช่วยเหลือจากอาจารย์โดยบอกว่าสองสาวมาตามหากระจกคุนหลุน
ตอนที่สอง กระจกคุนหลุน (2)
เมื่อเฉินฝู่ได้ยินเสียงสัญญาณ เขาจึงเปิดดูภาพที่ถูกส่งมาทำให้พบว่าจิ้งโฉวกำลังถูกสองสาวรังแกและร้องขอความช่วยเหลือ แต่สิ่งที่ทำให้เขาทั้งตกใจและเป็นกังวลมากกว่าก็คือภาพที่ถูกส่งมาจากลาน 9 มังกรสยบมาร ซึ่งบ่งบอกว่า "เทาเที่ย*" กำลังทลายผนึก (เร็วกว่ากำหนด) และนั่นก็หมายความว่าทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตราย
* เทาเที่ย เป็นหนึ่งในเก้าลูกมังกร โดยเป็นลูกมังกรตัวที่ 5 ลักษณะตาโต ปากกว้าง มีนิสัยดุร้าย และตะกละ
อวี้เอ๋อร์และหงหงจับจิ้งโฉวมัดไว้กับเสาหินใกล้ลาน 9 มังกรสยบมารโทษฐานที่แอบส่งข่าวบอกคนอื่น จากนั้นก็เดินเข้าไปในลาน 9 มังกรสยบมารโดยไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดเหตุการณ์อันเลวร้ายขึ้นในไม่ช้า จิ้งโฉวพยายามเตือนสองสาวว่าอย่าเข้าไปในเขตหวงห้ามเพราะจะเป็นอันตรายแต่สองสาวไม่ฟัง (หงหงเชื่อว่ากระจกคุนหลุนถูกเก็บซ่อนไว้ในบริเวณนี้ ขณะที่กระดานศิลาเหอลั่วก็ระบุว่ากระจกคุนหลุนอยู่แถวนี้เช่นกัน) เมื่ออวี้เอ๋อร์ (ซึ่งยืนอยู่ในเขตหวงห้ามกับหงหง) ถามว่าจะเข้าไปด้านในได้อย่างไร จิ้งโฉวกล่าวว่าถ้าอยากรู้ต้องแก้มัดให้ตนก่อน อวี้เอ๋อร์จึงเดินมาหาจิ้งโฉวและคาดคั้นให้เขาบอกเธอก่อน ขณะที่จิ้งโฉวและอวี้เอ๋อร์กำลังโต้เถียงกัน อยู่ๆ หงหงก็ถูกดูดลงไปใต้ดิน (เธอตกลงไปในที่คุมขังเทาเที่ยซึ่งอยู่ใต้ลาน 9 มังกรสยบมาร และทำให้เทาเที่ยตื่น) อวี้เอ๋อร์จะวิ่งเข้าไปช่วยหงหงแต่ถูกโซ่ยักษ์ฟาดจนสลบ จิ้งโฉวจึงรีบพา (อุ้ม) อวี้เอ๋อร์หลบหนีโดยมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านเขาปราบมาร
ครั้นพออวี้เอ๋อร์รู้สึกตัวเธอก็ยืนกรานว่าจะกลับไปช่วยหงหงที่ลาน 9 มังกรสยบมาร จิ้งโฉวจึงบอกว่าถึงไปเธอก็ช่วยหงหงไม่ได้เพราะสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ "เทาเที่ย" อยู่ในนั้น อวี้เอ๋อร์ฟังแล้วยิ่งเป็นห่วงหงหงมากขึ้น เพราะถ้าหากหงหงแตะต้องหรือทำให้เทาเที่ยตื่นคงไม่รอดแน่ จิ้งโฉวพยายามขัดขวางไม่ให้อวี้เอ๋อร์กลับไปเพราะเกรงว่าเธอจะเป็นอันตรายไปอีกคน ทำให้ถูกอวี้เอ๋อร์ซัดฝ่ามือใส่จนหงายเงิบโชคดีที่ศิษย์พี่มาช่วยประคองเอาไว้ได้ทัน ขณะที่เฉินฝู่จี้สกัดจุดอวี้เอ๋อร์เอาไว้ ถึงกระนั้นอวี้เอ๋อร์ก็ยังโวยวายไม่เลิก จิ้งโฉวเห็นอวี้เอ๋อร์เถึยงอาจารย์และศิษย์น้องของตนฉอดๆ จึงรีบเอามืออุดปากเธอไว้
เฉินฝู่บอกจิ้งโฉวว่าลาน 9 มังกรสยบมารถูกเปิดผนึกแล้ว อีกไม่นานเทาเที่ยก็จะหลุดออกมา เขาเงยหน้ามองฟ้าพลางนึกสงสัยว่าทำไมถึงเร็วเช่นนี้ เพราะเหลือเวลาอีกตั้ง 6 เดือนกว่าดาวมารแดงจะโคจรมายังโลก จิ้งโฉวเห็นดาวมารแดงทอแสงไปยังลาน 9 มังกรสยบมารจึงเปรยว่ากระจกคุนหลุนกำลังจะปรากฏให้เห็นอีกครั้ง เฉินฝู่สั่งให้ลูกศิษย์ทั้ง 4 คนรีบเข้าประจำตำแหน่งเพื่อตั้งค่ายกลสกัดเทาเที่ยและนี่ก็เป็นทางเดียวที่จะกำจัดเทาเที่ยได้ หากพลาดโอกาสนี้ไปเทาเที่ยจะนำภัยมาสู่โลกมนุษย์
หลังจากนั้น เฉินฝู่ก็สั่งให้จิ้งโฉวพาราษฎรไปหลบซ่อนตัวในถ้ำลับ เขาจะสังหารอวี้เอ๋อร์โทษฐานบุกรุกเขตหวงห้ามจนเกิดความวุ่นวาย แต่จิ้งโฉวขอให้เฉินฝู่ไว้ชีวิตอวี้เอ๋อร์ เฉินฝู่จึงบอกให้จิ้งโฉวพานางไปหลบในถ้ำบนภูเขา อวี้เอ๋อร์เห็นราษฎรเฉินเชื่อมั่นว่าองค์ชายของพวกตนจะปกป้องทุกคนจากเทาเที่ยได้ จึงเปรยว่าหากทุกคนรู้ว่าจิ้งโฉวไม่ได้เป็นผู้กล้าแต่เป็นคนไม่เอาไหนไร้ซึ่งฝีมือจะเกิดอะไรขึ้น จิ้งโฉวเตือนว่าตนช่วยอวี้เอ๋อร์มาแล้วถึง 3 ครั้ง ทำไมเธอถึงไม่เห็นแก่หน้าตนบ้าง อวี้เอ๋อร์รับปากว่าจะไม่แฉเรื่องที่จิ้งโฉวเป็นคนลวงโลกแต่มีข้อแม้ว่าเขาจะต้องแก้มัดให้เธอ จิ้งโฉวจึงรีบแก้มัดให้อวี้เอ๋อร์ทันที เมื่อเห็นอวี้เอ๋อร์แปลกใจที่เขายอมแก้มัดให้เธอง่ายๆ จิ้งโฉวเลยอธิบายว่า อาจารย์ของตนเคยสอนว่าเกิดเป็นองค์ชายก็ต้องทำตัวให้สมกับที่เป็นองค์ชาย มิเช่นนั้นจะเป็นจักรพรรดิปกครองโลกได้อย่างไร
อวี้เอ๋อร์รีบตามไปช่วยหงหงที่ลาน 9 มังกรปราบมารโดยไม่ฟังคำทัดทานของจิ้งโฉว จิ้งโฉวจึงฝากให้เด็กชายตัวอ้วนกลม "เสี่ยวจูโถว" คอยปกป้องดูแลทุกคนแทนตนแล้วรีบตามอวี้เอ๋อร์ไปทันที เมื่อถูกจิ้งโฉวห้ามปรามมากๆ เข้า อวี้เอ๋อร์จึงตำหนิว่าเขาเป็นองค์ชายแท้ๆ แต่พอมีปัญหากลับหดหัวอยู่ในกระดองแล้วปล่อยให้คนอื่นออกไปเผชิญหน้ากับปัญหาแทน จิ้งโฉวกล่าวว่าตนจะมีปัญญาทำอะไรได้ในเมื่อตนทั้งอ่อนแอและด้อยฝีมือ อวี้เอ๋อร์จึงชี้ว่าคนที่เขาควรห่วงไม่ใช่เธอแต่เป็นอาจารย์และบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องที่กำลังเสี่ยงชีวิตปกป้องทุกคน
อวี้เอ๋อร์เห็นเฉินฝู่และลูกศิษย์ทั้ง 4 คนตั้งค่ายกลหวังกำจัดเทาเที่ยจึงรีบเข้าไปขวางเพราะเกรงว่าหงหงจะเป็นอันตราย (ศิษย์ทั้ง 4 ฝึกฝนวิชามานาน 18 ปีเพื่อวันนี้) เฉินฝู่เห็น "เหมาหั่ว" โดนอวี้เอ๋อร์ทำร้ายจนบาดเจ็บจึงวางมือชั่วคราวเพื่อออกมาสั่งสอนอวี้เอ๋อร์ (ส่วนลูกศิษย์ทั้ง 4 รวมทั้งเหมาหั่วยังคงทำหน้าที่ของตนต่อไป) ทันทีที่โซ่ยักษ์บนลาน 9 มังกรปราบมารขาดร่างของหงหงก็พุ่งขึ้นไปบนฟ้า อวี้เอ๋อร์เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามหงหงไป เฉินฝู่สั่งให้จิ้งโฉวรีบหนี ไม่นานเทาเที่ยก็หลุดออกมา เฉินฝู่และลูกศิษย์ทั้ง 4 คนจึงช่วยกันรับมือ
อวี้เอ๋อร์รีบตามไปดูหงหงโดยมีจิ้งโฉววิ่งตามไปติดๆ ถึงแม้หงหงจะยังมีลมหายใจแต่กลับมีอาการเหมือนโดนพิษและมีขนยาวขึ้นเป็นหย่อมๆ ที่แขน อวี้เอ๋อร์จึงนำเลือดจิ้งโฉวมาร่ายคาถาชุบชีวิตหงหง แต่หงหงกลับฟื้นขึ้นมาแบบครึ่งคนครึ่งปีศาจเพราะถูกพิษของเทาเที่ย ในเวลาเดียวกันนั้นเฉินฟู่และศิษย์ทั้ง 4 ก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเพราะไม่อาจต้านทานพลังของเทาเที่ยได้ ในที่สุดเหมาหั่วซึ่งกำลังบาดเจ็บก็ถูกวิญญาณของเทาเที่ยเข้าสิง ขณะที่ศิษย์อีก 3 คนต่างก็โดนพิษของเทาเที่ย
เมื่อจิ้งโฉวและอวี้เอ๋อร์กลับมาที่ลาน 9 มังกรปราบมารอีกครั้งก็พบเพียงความว่างเปล่าและซากปรักหักพัง อวี้เอ๋อร์เห็นเหมาหั่วมีลักษณะท่าทางแปลกๆ จึงพาจิ้งโฉวไปหลบอยู่หลังโขดหิน เธอสงสัยว่าเฉินฝู่อาจปราบเทาเที่ยไม่สำเร็จแต่จิ้งโฉวยังไม่ปักใจเชื่อ เมื่อจิ้งโฉวไปตามหาอาจารย์และศิษย์พี่ที่หมู่บ้านแต่กลับไม่พบใครจึงเริ่มรู้สึกเป็นกังวล อวี้เอ๋อร์อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่จึงเสิร์จหาข้อมูลในกระดานศิลาเหอลั่ว ส่วนจิ้งโฉวลองเช็คภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และพบว่าเหมาหั่วถูกเทาเที่ยเข้าสิง
อวี้เอ๋อร์พบข้อมูลที่ระบุว่า หากเทาเที่ยไม่เสียชีวิตคาที่หลังถูกโจมตีจะมีเพียงร่างกายของมันเท่านั้นที่ถูกทำลาย แต่จิตวิญญาณและพลังแห่งความชั่วร้ายของมันยังคงอยู่ และมันจะดำรงชีวิตด้วยการเข้าไปสิงในร่างผู้อื่นแทน หากใครถูกวิญญาณเทาเที่ยเข้าสิงจะไม่มีวันกลับมาเป็นมนุษย์ได้อีกเลย จิ้งโฉวรู้สึกเศร้าใจที่ไม่อาจช่วยเหมาหั่วได้ ถึงกระนั้นเขาก็ยังโล่งใจที่หงหงและคนอื่นๆ ยังพอมีโอกาสรอดจึงตั้งใจว่าจะหาทางช่วยเหลือผู้คนให้ได้มากที่สุด ทำให้อวี้เอ๋อร์เริ่มมองเห็นด้านที่ดีของจิ้งโฉว
ข้อมูลในกระดานศิลาเหอลั่วยังบอกด้วยว่า วันที่ค่ายกลบนลาน 9 มังกรปราบมารถูกทำลาย คือวันที่เทาเที่ยจะได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันอีกครั้งและมันก็จะทำลายล้างโลก อาหารจานโปรดของมันคือวิญญาณมนุษย์ ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือมันไม่รู้จักอิ่ม มันจะกินๆๆ ไม่หยุดเหมือนตั๊กแตน และจะกินจนทุกคนเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณจากนั้นก็เข้าครอบงำร่างคนเหล่านั้น อวี้เอ๋อร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลว่าถึงแม้ร่างของเทาเที่ยจะดับสูญไปแล้วแต่วิญญาณของมันยังอยู่ที่นี่ แถมตอนนี้มันไม่มีรูปร่างเลยอยากสิงใครก็ได้ การกำจัดมันจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย อวี้เอ๋อร์รู้สึกผิดจึงขอโทษจิ้งโฉวที่ขัดขวางการตั้งค่ายกลของเฉินฝู่กับลูกศิษย์ทั้งสี่ ซ้ำยังทำร้ายเหมาหั่วจนบาดเจ็บ แต่จิ้งโฉวไม่ถือโทษโกรธเคืองซ้ำยังเข้าใจดีว่าเธอทำไปเพราะเป็นห่วงหงหง
จิ้งโฉวบอกให้อวี้เอ๋อร์เสิร์ชหาวิธีรับมือเทาเที่ยในกระดานศิลาเหอลั่ว ส่วนเขาจะออกตามหาอาจารย์ (เขาเชื่อว่าอาจารย์ยังไม่ตายและถ้าหาอาจารย์พบก็จะสามารถปราบเทาเที่ยได้) แต่ก่อนอื่นต้องรีบไปถ้ำลับก่อนที่เทาเที่ยจะไปถึง ระหว่างมุ่งหน้าไปยังถ้ำลับอวี้เอ๋อร์พบข้อมูลเพิ่มเติมในกระดานศิลาเหอลั่วจึงเล่าให้จิ้งโฉวฟังว่า ยิ่งเทาเที่ยดูดกลืนวิญญาณเข้าไปมากเท่าไหร่ พลังของมันก็จะแก่กล้าขึ้น หากเทาเที่ยพบถ้ำลับ (ที่ราษฎรชาวเฉินหนีไปหลบซ่อนตัว) คงไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถต่อกรกับเทาเที่ยได้ ในที่สุด อวี้เอ๋อร์ก็พบวิธีปราบอาถรรพ์ของเทาเที่ย แต่พออ่านข้อมูลแล้วเธอกลับอายจนพูดไม่ออก และไม่ยอมบอกจิ้งโฉวว่าจะจัดการเทาเที่ยได้อย่างไร (วิธีปราบอาถรรพ์ที่ระบุไว้ในในกระดานศิลาเหอลั่วก็คือ ให้ชายหญิงประสานมือกันไว้แล้วรวมใจเป็นหนึ่ง และใช้น้ำตา 99 หยดล้างอาถรรพ์)
จิ้งโฉวและอวี้เอ๋อร์พบเฉินฝู่นอนหมดสติอยู่ข้างทางจึงรีบเข้าช่วยเหลือ หลังอวี้เอ๋อร์ร่ายมนต์รักษาอาการบาดเจ็บให้เฉินฝู่ก็รู้สึกตัว แต่พอเห็นหน้าอวี้เอ๋อร์เขาก็รู้สึกโกรธและโทษว่าเป็นเพราะเธอเข้าไปในเขตหวงห้ามทำให้เทาเที่ยหลุดออกมาก่อนกำหนด อวี้เอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็โวยลั่นว่าเธอเพิ่งช่วยเขาแท้ๆ เฉินฝู่ถามจิ้งโฉวว่าเทาเที่ยอยู่ที่ไหน จิ้งโฉวจึงบอกว่าอยู่ในร่างของเหมาหั่ว ทันใดนั้น หงหงก็ปรากฏตัวในสภาพครึ่งคนครึ่งปีศาจและตรงเข้าทำร้ายทุกคน เฉินฝู่จะกำจัดหงหงแต่ถูกอวี้เอ๋อร์ขวางเอาไว้ แม้แต่จิ้งโฉวก็ยังขอให้เขาไว้ชีวิตนาง เฉินฝู่จึงซัดพลังภายในให้หงหงหมดสติ จากนั้นก็ตำหนิจิ้งโฉวที่ทอดทิ้งราษฎร
อวี้เอ๋อร์เห็นจิ้งโฉวมัวแต่อ้ำอึ้งๆ พูดไม่ออกจึงช่วยอธิบายแทนว่า จิ้งโฉวพาชาวบ้านไปหลบซ่อนตัวที่ถ้ำลับแล้ว เขาย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้งเพราะเป็นห่วงและอยากช่วยเฉินฝู่กับลูกศิษย์ทั้ง 4 ตอนนี้เหมาหั่วถูกเทาเที่ยสิงร่างแล้วและนางก็กำลังตระเวนไปทั่วเพื่อดูดกลืนวิญญาณผู้คน หากนางพบถ้ำลับทุกคนจะตกอยู่ในอันตราย เฉินฝู่เห็นอวี้เอ๋อร์ชิงตอบคำถามของตนแทนจิ้งโฉวจึงแย้งว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ จากนั้นก็บอกให้จิ้งโฉวอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ตนฟัง จิ้งโฉวชี้ไปที่อวี้เอ๋อร์แล้วบอกว่า "ตามนั้นครับ" ทำให้เฉินฝู่หัวเสียที่ลูกศิษย์ของตนไม่ได้ดั่งใจ
อวี้เอ๋อร์เห็นจิ้งโฉวมัวแต่อ้ำอึ้งๆ พูดไม่ออกจึงช่วยอธิบายแทนว่า จิ้งโฉวพาชาวบ้านไปหลบซ่อนตัวที่ถ้ำลับแล้ว เขาย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้งเพราะเป็นห่วงและอยากช่วยเฉินฝู่กับลูกศิษย์ทั้ง 4 ตอนนี้เหมาหั่วถูกเทาเที่ยสิงร่างแล้วและนางก็กำลังตระเวนไปทั่วเพื่อดูดกลืนวิญญาณผู้คน หากนางพบถ้ำลับทุกคนจะตกอยู่ในอันตราย เฉินฝู่เห็นอวี้เอ๋อร์ชิงตอบคำถามของตนแทนจิ้งโฉวจึงแย้งว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ จากนั้นก็บอกให้จิ้งโฉวอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ตนฟัง จิ้งโฉวชี้ไปที่อวี้เอ๋อร์แล้วบอกว่า "ตามนั้นครับ" ทำให้เฉินฝู่หัวเสียที่ลูกศิษย์ของตนไม่ได้ดั่งใจ
จิ้งโฉวแนะให้เฉินฝู่รีบไปช่วยราษฎรที่ซ่อนตัวในถ้ำลับ อวี้เอ๋อร์เลยถือโอกาสขอแยกทางโดยบอกว่าเธอจะไปกับหงหง เฉินฝู่จึงร่ายมนต์ควบคุมอวี้เอ๋อร์ไว้เพราะเกรงว่าเธอจะฉวยโอกาสขโมยกระจกคุนหลุนไป จิ้งโฉวนึกขึ้นได้ว่าอวี้เอ๋อร์มีกระดานศิลาเหอลั่วและในนั้นก็มีวิธีรับมือกับเทาเที่ยจึงนำออกมาให้เฉินฝู่ดู เฉินฝู่กล่าวว่ากระดานศิลาเหอลั่วมีมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลแต่หายสาบสูญไปนานกว่า 500 ปี ตัวอักษรที่อยู่ในนั้นจึงเป็นภาษาโบราณที่สาบสูญไปแล้ว จิ้งโฉวกล่าวว่าเรื่องนั้นไม่มีปัญญาเพราะอวี้เอ๋อร์เข้าใจภาษาจีนโบราณ เฉินฟู่จึงมอบอวี้เอ๋อร์ให้อยู่ในความดูแลของจิ้งโฉว จากนั้นก็รีบไปช่วยชาวเฉินที่หลบซ่อนตัวอยู่ในถ้ำลับ (ปรากฏว่าตอนนั้นเทาเที่ยในร่างเหมาหั่วได้บุกเข้าไปในถ้ำลับแล้ว)
จิ้งโฉวพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้อวี้เอ๋อร์ยอมบอกวิธีจัดการเทาเที่ย หลังโดนจั๊กจี้และแกล้งให้ดมร้องเท้าเหม็นๆ อวี้เอ๋อร์ก็ทนไม่ไหวและยอมบอกว่า หากใช้น้ำตาที่หลั่งออกมาจากความจริงใจของคน 99 คนจะบังเกิดแสงสีทองและปาฏิหาริย์ หลังจากนั้นพลังภายในจะเพิ่มสูงขึ้น แต่วิธีนี้จะใช้ได้ผลเพียงชั่วเวลาหนึ่ง ซึ่งก็คือตอนที่เด็กหนุ่มและหญิงสาวพรหมจรรย์ประสานมือแล้วรวมใจเป็นหนึ่ง จากนั้นก็ร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคและร่วมสร้างปาฏิหาริย์จากหยดน้ำตา แต่พลังในการปราบเทาเที่ยจะตกเป็นของฝ่ายชายคนเดียว จิ้งโฉวได้ยินดังนั้นจึงบอกให้อวี้เอ๋อร์ร่ายมนต์ทันที หลังร่ายมนต์แล้วมือของทั้งคู่ก็ประสานกันจนแยกไม่ออก
เฉินฝู่ตามมาช่วยชาวเฉินในถ้ำลับและบอกให้จูโถวพาชาวบ้านหนีไป แต่เขาฆ่าเทาเที่ยที่อยู่ในร่างของเหมาหั่วไม่ลงทำให้เทาเที่ยหลบหนีไปได้ เมื่อจิ้งโฉวและอวี้เอ๋อร์ไปที่หมู่บ้านก็พบว่ามีชาวเฉินถูกเทาเที่ยดูดกลืนวิญญาณและครอบงำเป็นจำนวนมาก จูโถว (ซึ่งมีจิ้งโฉวเป็นไอดอล) บอกให้จิ้งโฉวและอวี้เอ๋อร์กลั้นหายใจเพื่อไม่ให้เหมาหั่วและชาวบ้านที่กลายสภาพเป็นซอมบี้หาตัวเจอ แต่พอจูโถวเผลอก็ถูกเหมาหั่วเล่นงาน จิ้งโฉวกับอวี้เอ๋อร์จึงใช้พลังจากการประสานใจกายปราบเหมาฮั่วจากนั้นก็พาจูโถวหลบหนีไป จิ้งโฉวรู้สึกผิดที่ตนหนีเอาตัวรอดแล้วทิ้งราษฎรเอาไว้เบื้องหลัง อวี้เอ๋อร์จึงเตือนว่าถึงกลับไปเขาก็ไม่สามารถช่วยใครได้ แต่ถ้าถอยมาตั้งหลักแล้วรวบรวมน้ำตาให้ได้ 99 หยดเขาจะช่วยชีวิตทุกคนได้ จิ้งโฉวจึงสัญญากับจูโถวว่าเขาจะช่วยประชาชนทุกคนให้สำเร็จก่อนตะวันตกดิน
จิ้งโฉวบอกให้จูโถวช่วยค้นหา (เทป) บันทึกภาพการปราบมารประจำวันที่ 5 มิถุนายน ซึ่งเป็นการโชว์ปราบปีศาจที่เจ๋งที่สุดของเขา พอได้บันทึกดังกล่าวแล้วทั้งสามคนก็ต้องวิ่งหนีเหล่าซอมบี้อีกครั้ง จิ้งโฉวเห็นว่าการกลั้นหายใจช่วยได้เพียงระยะสั้นๆ จึงใช้กางเกงเปื้อนฉี่ของจูโถวมาเบี่ยงเบนความสนใจของพวกครึ่งคนครึ่งปีศาจ (จูโถวกลัวปีศาจจนฉี่ราด) จากนั้นก็รีบหนีไป อวี้เอ๋อร์สงสัยว่าจิ้งโฉวเอาบันทึกการแสดงติดตัวมาทำไม จิ้งโฉวกล่าวเพียงว่าอีกสักครู่เธอจะได้ดูของดี
ตอนที่สาม กระจกคุนหลุน (3)
ในที่สุดอวี่เหวินทั่วก็เดินมาถึงลาน 9 มังกรสยบมาร เขาเห็นราชรถของอวี้เอ๋อร์จอดอยู่จึงรู้ว่าเธอยังไม่ได้กระจกคุนหลุนและยังไม่ไปจากที่นี่ เมื่อลงไปดูในโพรงถ้ำใต้ดินที่เคยใช้คุมขังเทาเที่ยเขาก็พบกระจกคุนหลุนและนำมาครองได้สำเร็จ ครั้นพอมองเข้าไปในกระจกเขาก็เห็นภาพตัวเองโดนฟันจนแขนขวาขาดกระเด็น หลังออกไปสำรวจบริเวณโดยรอบลูกน้องของอวี่เหวินทั่วก็เข้ามารายงานว่าหมู่บ้านเขาปราบมารคือสถานที่ๆ เฉินฝู่พาชาวเฉินที่เหลือรอดมาปักหลักตั้งรกราก อวี่เหวินทั่วมอบกระจกคุนหลุนให้ลูกน้องเก็บรักษาพลางกำชับให้ดูแลสมบัติของหยางซู่ให้ดี เขาสั่งให้ลูกน้องลงไปรอที่เชิงเขาด้านล่าง เพราะอยากไปดูเฉินฝู่ให้เห็นกับตาก่อน
หลังวิ่งหนีเหล่าซอมบี้มาหมาดๆ จิ้งโฉว อวี้เอ๋อร์ และจูโถวก็ต้องมาเจอกับทหารที่ฮ่องเต้สุย (สุยหยางตี้) ส่งมาชิงกระจกคุนหลุน (เหล่าทหารรู้ว่าเขาปราบมารคือถิ่นอาศัยของชาวเฉิน) จูโถวมั่นใจว่าองค์ชายของตน 'เอาอยู่' จึงไม่รู้สึกเกรงกลัว ทั้งยังประกาศก้องด้วยความภาคภูมิใจว่านี่คือองค์ชายจิ้งโฉวผู้ไร้เทียมทานของพวกตน (จูโถวไม่รู้ว่าการพูดเช่นนี้จะทำให้องค์ชายของตนมีภัย) จิ้งโฉวกับอวี้เอ๋อร์ไม่มีทางเลือกจึงต้องใช้พลังจากการประสานใจกายต่อสู้กับทหารของฮ่องเต้ราชวงศ์สุย แต่ก็ทำได้เพียงสกัดเอาไว้เพื่อเปิดทางหลบหนี (เขาโม้กับจูโถวว่าที่ตนไม่กำจัดเหล่าทหารสุยให้สิ้นซากเพราะกลัวจูโถวกับอวี้เอ๋อร์ได้รับอันตราย) จิ้งโฉวบอกจูโถวว่าอีกสักครู่ตนจะออกไปล่อทหารสุยเพื่อให้จูโถวหลบหนีและสั่งให้จูโถวพาทุกคนไปรอตนที่ห้องฉายภาพ
เมื่ออวี่เหวินทั่วได้รับรายงานว่าองค์ชายของราชวงศ์เฉินยังมีชีวิตอยู่ เขาก็รู้ทันทีว่าเฉินฝู่สละชีวิตลูกของตนเพื่อปกป้องชีวิตองค์ชายเอาไว้ พอใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูใบหน้าองค์ชายแห่งราชวงศ์เฉิน (จิ้งโฉว) อวี่เหวินทั่วก็จำได้ว่าคนที่ฟันแขนของตนจนขาด (ในกระจกคุนหลุน) คือองค์ชายแห่งราชวงศ์เฉินคนนี้นี่เอง
พอถูกทหารสุยต้อนให้จนมุม จิ้งโฉวก็รีบยัดยาเม็ดคืนชีพใส่ปากอวี้เอ๋อร์และตนเอง จากนั้นก็ชวนเธอมาตายด้วยกันหน้าตาเฉย เขาประกาศว่า "ข้า... เฉินจิงโฉว ขอยอมตาย ถึงแม้เวลาไม่เอื้ออำนวยและสวรรค์ประสงค์ให้ราชวงศ์เฉินล่มสลาย แต่ข้าจะไม่ขอตายด้วยน้ำมือของสุนัขสุยเด็ดขาด" พูดจบเขาก็ซัดฝ่ามือใส่ตัวเองจนกระอักเลือดแล้วล้มทรุด ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงลั่นวาจาว่า "ข้า... เฉินจิงโฉว จะเป็นขอเป็นผู้กล้าหลังเกิดใหม่ เมื่อข้ากลับมาอีกครั้ง ข้าจะแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน" พูดจบเขาก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่ง อวี้เอ๋อร์เห็นดังนั้นก็รู้สึกตกใจ จิ้งโฉวแอบบอกให้อวี้เอ๋อร์รีบตายไวๆ อวี้เอ๋อร์จึงร้องว่า "หากเจ้าตาย ข้าก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่เช่นกัน" หลังจากนั้นเธอก็ซัดฝ่ามือใส่ตัวเองและล้มลงนอนเคียงข้างจิ้งโฉว ทหารคนหนึ่งเห็นทั้งคู่ตายไปแล้วแต่ยังคงกุมมือกันแน่น จึงคิดที่จะฟันมือทั้งคู่ให้ขาดออกจากกัน จิ้งโฉวกับอวี้เอ๋อร์จึงลุกขึ้นแล้วซัดพลังประสานใจกายใส่เหล่าทหารสุย
ถึงกระนั้นก็ยังมีทหารสุยอีกจำนวนหนึ่งหลงเหลืออยู่ แม้พลังของทั้งคู่จะมีอานุภาพแต่ก็ยังไม่อาจต่อกรกับทหารกลุ่มนี้ได้ โชคดีที่เฉินฝู่มาช่วยเอาไว้ได้ทัน เฉินฝู่บอกให้จิ้งโฉวหนีลงเขาและอย่าหันกลับมา มอง จากนั้นก็มอบของสิ่งหนึ่งให้จิ้งโฉว เขายังฝากให้อวี้เอ๋อร์ช่วยดูแลจิ้งโฉวซึ่งเป็นองค์ชายคนสุดท้ายของพวกตนและขอให้เธอพาจิ้งโฉวไปหลบซ่อนตัว เมื่ออวี้เอ๋อร์รับปากเฉินฝู่จึงบอกจิ้งโฉวว่านับจากนี้คำพูดของอวี้เอ๋อร์คือคำพูดของตน อวี้เอ๋อร์จึงรีบพาจิ้งโฉวลงเขาไป (จิ้งโฉวสังเกตเห็นกระดิ่ง 3 อันห้อยอยู่ที่เอวของเฉินฝู่ก็รู้สึกเอะใจ)
เฉินฝู่ออกตามล่าเทาเที่ยในร่างเหมาหั่วซึ่งเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ เขาเพิ่งเสียลูกศิษย์ไปถึงสามคน ก่อนหน้านี้ทั้งสามคนอยู่ในสภาพครึ่งคนครึ่งปีศาจ เขาพยายามขัดขวางไม่ให้ลูกศิษย์เข่นฆ่าผู้คนในถ้ำลับจนเกิดการต่อสู้กัน เมื่อเขาร้องเรียกทั้งสามคนให้ฟื้นคืนสติ ลูกศิษย์ทั้งสามก็นำดาบของเขาไปฆ่าตัวตาย เขาจึงรู้สึกเสียใจและโกรธแค้นเทาเที่ยมากเพราะลูกศิษย์ทุกคนของเขาต่างก็เป็นเด็กกำพร้าที่ติดตามเขามาตั้งแต่เด็กๆ (ทุกคนจะมีกระดิ่งเล็กๆ ห้อยเอวคนละอัน) เฉินฝู่ยังไม่ทันได้เจอเทาเที่ยแต่กลับต้องมาเผชิญหน้ากับทหารสุยในวันครบรอบการสิ้นชาติและสิ้นพระชนม์ของอดีตฮ่องเต้พอดี ทำให้ทวีความแค้นมากยิ่งขึ้น เขาจึงคิดที่จะเอาชีวิตทหารสุยมาเซ่นไหว้วิญญาณอดีตฮ่องเต้
อวี้เอ๋อร์รู้สึกผิดหวังเมื่อพบว่าจิ้งโฉวเข้าใจเฉินฝู่ผิด ที่ผ่านมาเขาคิดเพียงว่าเฉินฝู่เป็นอาจารย์ที่เข้มงวดและมองว่าตนเป็นศิษย์ที่ไม่เอาไหน ทั้งยังจุกจิกจู้จี้ ขี้บ่น น่ารำคาญ และชอบดุว่าตนเป็นประจำ แต่คนนอกอย่างเธอกลับมองออกว่า เฉินฝู่เป็นอาจารย์ที่แม้ในยามคับขันก็ยังคิดหาทางปกป้องลูกศิษย์ เขายอมทำแม้กระทั่งฝากฝังจิ้งโฉวซึ่งเป็นคนสำคัญไว้กับคนแปลกหน้าอย่างเธอจากนั้นก็ออกไปเผชิญหน้ากับทุกสิ่งตามลำพัง ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ยอมแพ้และยังคงหวังว่าสักวันจิ้งโฉวจะสามารถแบกรับภาระต่างๆ เอาไว้บนบ่าของตนได้
จิ้งโฉวชวนอวี้เอ๋อร์มาเก็บน้ำตา 99 หยดที่หมู่บ้านซึ่งเต็มไปด้วยคนที่อยู่ในสภาพครึ่งคนครึ่งปีศาจ เขาต้องการพิสูจน์ตัวเองเลยคิดที่จะใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อ อวี้เอ๋อร์ไม่เชื่อว่าการนำละครหลอกเด็ก (หลอกคนดูว่าเขาคือฮีโร่) มาฉาย จะทำให้เหล่าซอมบี้ซาบซึ้งจนน้ำหูน้ำตาไหล จิ้งโฉวกล่าวว่าสิ่งที่ตนจะนำมาฉายไม่ใช่ละครหลอกเด็กแต่เป็นตัวตนที่แท้จริงของตน อวี้เอ๋อร์แย้งว่าต่อให้ชาวเฉินเทิดทูนเขามากเพียงใด แต่ตอนนี้พวกเขาได้สูญเสียความเป็นตัวเองไปแล้วและคงไม่มีใครจำองค์ชายจอมลวงโลกได้ จิ้งโฉวไม่สนว่าทุกคนจะจำเขาได้หรือไม่แต่บนเขาปราบมารแห่งนี้เขาเจ๋งสุด เขายังบอกให้อวี้เอ๋อร์คอยดูว่าตนจะปราบเทาเที่ยยังไง อวี้เอ๋อร์เห็นว่าไหนๆ ก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วเลยคิดที่จะเชื่อเขาดูสักครั้ง จูโถวได้ยินดังนั้นจึงวิ่งเข้ามาหาจิ้งโฉวพลางบอกว่าชาวเฉินทุกคนเชื่อมั่นในตัวเขา
จิ้งโฉวเตรียมนำแผ่นบันทึกภาพ (ลักษณะคล้ายแผ่นซีดีขนาดเล็กที่ทำด้วยหิน) มาฉายให้ทุกคนดูผ่านจอ (โปรเจ็คเตอร์) และนำปัสสาวะของจูโถวมาราดหน้าห้องฉายภาพเพื่อล่อให้ชาวเฉินที่กลายเป็นซอมบี้เข้าไปทางด้านใน อีกด้านหนึ่งเฉินฝู่ซึ่งก่อนหน้านี้เพิ่งต่อสู้กับทหารสุยอย่างดุเดือดก็กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจอย่างอวี่เหวินทั่ว หลังถูกอวี่เหวินทั่วดูหมิ่น เฉินฝู่ก็ประนามอวี่เหวินทั่วว่าเป็นคนเนรคุณแผ่นดินและราชสกุลอวี่เหวิน (แห่งราชวงศ์โจวเหนือ) ถึงขนาดยอมขายตัวให้ศัตรูจึงไม่คู่ควรกับกระบี่เซียนหยวน อวี่เหวินทั่วเย้ยว่ากระจกคุนหลุนที่เฉินฝู่เฝ้าดูแลรักษามานาน 18 ปีถูกตนชิงไปได้แล้ว และนั่นก็เป็นการดับฝันเฉินฝู่ที่ต้องการกอบกู้อาณาจักรเฉินกลับคืนมา เฉินฝู่ได้ยินแล้วยิ่งเคียดแค้นจึงจู่โจมอวี่เหวินทั่วทันที
เมื่อเหมาหั่วและเหล่าชาวบ้านครึ่งคนครึ่งปีศาจตามกลิ่นฉี่ของจูโถวมาที่หน้าห้องฉายภาพ จิ้งโฉวก็เริ่มแผนการด้วยการร้องตะโกนท้าทายปีศาจ (เหมือนที่เคยทำตอนเล่นละครหลอกชาวบ้านกับศิษย์ทั้ง 4 ของเฉินฝู่) เหมาหั่วและเหล่าชาวบ้านได้ยินดังนั้นจึงพากันเดินเข้าไปในห้องฉายภาพ เมื่อจิ้งโฉวฉายภาพตอนที่เขาเล่นละครปราบปีศาจต้นไม้พันปีหลอกราษฎร ทุกคนก็เข้าไปมุงดู จิ้งโฉวเห็นว่าบางคนเริ่มร้องไห้จึงกล่าวว่า "นี่คือเรื่องราวของข้า ตลอด 18 ปีที่ผ่านมาข้าพร่ำฝึกฝนวิชาอย่างหนักโดยไม่กล้าอู้เลยสักครั้ง เพราะข้ารู้ว่าข้าคือความหวังของทุกคน ข้ายังรู้ด้วยว่าข้าคือนักล่าปีศาจในใจของพวกเจ้า เป็นวีรบุรุษที่น่าเกรงขาม และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ข้าไม่มีวันทอดทิ้งพวกเจ้า"
ปรากฏว่าจิ้งโฉวนำภาพเบื้องหลัง (การถ่ายทำ) ที่ตนเองทำพลาดและเจ็บตัวมาเปิดให้ทุกคนดูด้วย จากนั้นก็คุกเข่าสารภาพว่าทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นเพียงการเล่นละคร แม้ตนจะฝึกฝนอย่างหนักแต่คนเดียวที่จะพ่ายแพ้ในสนามรบและจะถูกฆ่าตายก็คือตน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าตนชอบถูกรังแก ตนก็แค่สู้คนอื่นไม่ได้ ความจริงแล้วฝีมือของตนรับมือได้แค่จูโถวเท่านั้น ถึงกระนั้นตลอด 18 ปีที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยปล่อยเวลาให้สูญเปล่าและไม่เคยขี้เกียจฝึกฝนเลยสักวัน แม้ตนจะฝึกซ้อมไม่เคยหยุดแต่การโกหกหลอกลวงนับเป็นเรื่องที่น่าละอาย ตนจึงอยากขอโทษทุกคนและหวังว่าทุกคนจะยอมให้อภัยตน
อวี้เอ๋อร์เห็นทุกคน (รวมทั้งตัวเธอเอง) ซาบซึ้งจนน้ำตาร่วงจึงบอกให้จิ้งโฉวรีบเก็บรวบรวมน้ำตา ไม่นานตัวจิ้งโฉวก็ค่อยๆ ลอยขึ้น (เขามีพลังมากขึ้น) ขณะที่ชาวเฉินต่างพากันล้มลง เมื่อเหมาหั่วกรีดร้องและกระเด็นออกจากห้องมือของจิ้งโฉวและอวี้เอ๋อร์ก็แยกออกจากกัน จิ้งโฉวรีบกระโจนตามเหมาหั่วไป ไม่นานวิญญาณเทาเที่ยก็ออกจากร่างเหมาหั่ว เหมาหั่วขอโทษที่เคยดูหมิ่นจิ้งโฉวและกล่าวว่าอาจารย์มองคนไม่ผิด ที่แท้จักรพรรดิปกครองโลกก็คือจิ้งโฉวนั่นเอง หลังพูดจบเหมาฮั่วก็สิ้นใจ
อวี้เอ๋อร์เห็นเทาเที่ยกลับมาอีกครั้งจึงโยนดาบเล่มหนึ่งให้จิ้งโฉวแล้วเข้าไปต่อสู้กับเทาเที่ยทันที จิ้งโฉวเห็นเทาเที่ยกำลังจะสิงร่างอวี้เอ๋อร์จึงรีบเข้าไปช่วย อยู่ๆ จิ้งโฉวก็เก่งขั้นเทพราวกับเป็นคนละคนทั้งยังช่วยชีวิตอวี้เอ๋อร์ได้อีกด้วย เฉินฝู่เห็นดังนั้นจึงเลิกสู้กับอวี่เหวินทั่ว เขารีบไปหาจิ้งโฉวพลางถามด้วยความเป็นห่วงว่าทำไมถึงยังไม่ลงเขา จิ้งโฉวกล่าวว่าตนขับไล่เทาเที่ยไปแล้วและยังช่วยคนอื่นๆ ได้ด้วย อวี้เอ๋อร์ตบไหล่จิ้งโฉวพลางบอกเฉินฝู่ว่า "ในที่สุดลูกศิษย์ของท่านก็ทำได้ดีมาก" เฉินฝู่ได้ยินดังนั้นจึงแย้งว่าจิ้งโฉวไม่ใช่ลูกศิษย์ของตน แต่เป็นองค์ชายและความหวังของอาณาจักรเฉิน
อวี่เหวินทั่วได้ยินดังนั้นก็เข้ามาขัดจังหวะและถามว่าอาณาจักรเฉินยังมีความหวังอะไรหลงเหลืออยู่อีก จากนั้นก็ทักว่าจิ้งโฉวเปลี่ยนไปราวกับไม่ใช่คนเดิม อวี้เอ๋อร์บอกจิ้งโฉวว่าหากเขายังมีพลังน้ำตา 99 หยดหลงเหลืออยู่จะกำจัดอวี่เหวินทั่วได้ในคราวเดียว จิ้งโฉวจึงบอกเฉินฝู่ว่าตนจะรับมือกับอวี่เหวินทั่วเอง อวี่เหวินทั่วให้จิ้งโฉวทายว่าเขาจะรับมือตนได้กี่ครั้ง พอเห็นจิ้งโฉวชูนิ้วชี้ขึ้นมา 1 นิ้ว อวี่เหวินทั่วก็พูดจาถากถาง จิ้งโฉวจึงแย้งว่าตนจะจัดการอวี่เหวินทั่วภายใน 1 กระบวนท่า หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ต่อสู้กัน ปรากฏว่าจิ้งโฉวมีพลังภายในมหาศาล อวี้เอ๋อร์บอกเฉินฝู่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงเพราะกระดานศิลาเหอลั่วบอกเอาไว้ว่าพลังน้ำตา 99 หยดนั้นยากจะต่อกร เฉินฝู่นึกขึ้นได้ว่ากระจกคุนหลุนถูกลูกน้องของอวี่เหวินทั่วนำลงเขาไปแล้วจึงรีบไปตามทวงคืน อวี้เอ๋อร์เห็นดังนั้นเลยนึกว่าเฉินฝู่ไปเพราะหมดห่วงตามที่เธอบอก
จิ้งโฉวถูกอวี่เหวินทั่วโจมตีจนดาบหลุดมือ เขาจึงนำดาบของอดีตฮ่องเต้เฉิน (พระบิดาของจิ้งโฉว) ที่ปลายดาบถูกกระบี่เซียนหยวนของอวี่เหวินทั่วฟันจนหักเมื่อ 18 ปีก่อนมาสู้กับอวี่เหวินทั่วแทน อวี่เหวินทั่วอดนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏในกระจกคุนหลุน (ว่าเขาถูกจิ้งโฉวฟันจนแขนขวาขาด) ไม่ได้ ทันใดนั้น จิ้งโฉวก็ฟันเข้าที่ไหล่ขวาของอวี่เหวินทั่วจนเสื้อเกราะขาด อวี่เหวินทั่วเห็นดังนั้นจึงเอ่ยปากว่าจิ้งโฉวเป็นคนแรกที่เจาะเสื้อเกราะทองของตนได้ หลังพูดจบอวี่เหวินทั่วก็เหาะหนีไป ส่วนจิ้งโฉวถึงกับเข่าอ่อนหมดแรงแถมดาบในมือยังแตกเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อเฉินฝู่ลงเขาหมายชิงกระจกคุนหลุนคืนจากลูกน้องของอวี่เหวินทั่ว เขาก็พบว่าเหล่าทหารสุยกำลังถูกเทาเที่ยทำร้าย พอเห็นกระจกคุนหลุนร่วงลงที่พื้นเขาก็รีบชิงคืนมาแล้วเก็บใส่ขวด (ขวดเดียวกับที่เคยใส่จิ้งโฉวตอนเป็นเด็กทารก) หลังฆ่าทหารสุยตายหมดเทาเที่ยก็หันมาทำร้ายเฉินฝู่ เฉินฝู่ต้องการล้างแค้นแทนลูกศิษย์ทั้ง 4 และคิดที่จะปราบเทาเที่ยให้ได้จึงล่อเทาเที่ยขึ้นไปที่หมู่บ้านเขาปราบมารและต่อสู้อย่างกล้าหาญตามลำพังทั้งๆ ที่รู้ว่าพลังของตนไม่อาจต้านทางเทาเที่ยได้ เขาตัดสินใจว่าจะแช่แข็งเทาเที่ยเอาไว้เพื่อไม่ให้ทำร้ายผู้คนอีกต่อไป และการใช้เคล็ดวิชาดังกล่าวก็ทำให้เกิดหิมะตก เหล่าชาวบ้าน (รวมทั้งจูโถว) เห็นดังนั้นจึงมาช่วยกันสาดน้ำใส่เทาเที่ยเพื่อให้เทาเที่ยกลายเป็นน้ำแข็งเร็วขึ้น จากนั้นก็ช่วยกันดันหลังของเฉินฝู่เพื่อให้เขาต้านทานพลังของเทาเที่ยได้
จิ้งโฉวเห็นว่าอยู่ดีๆ หิมะก็ตกจึงรู้ว่าเฉินฝู่กำลังจะใช้เคล็ดวิชาที่อันตรายจึงรีบวิ่งไปห้าม เขารู้ว่าเคล็ดวิชานี้ไม่เพียงทำให้เทาเที่ยกลายเป็นน้ำแข็ง แต่จะทำให้เฉินฝู่ ชาวบ้าน และทุกสิ่งในหมู่บ้านกลายเป็นน้ำแข็งไปด้วย เฉินฝู่และเหล่าชาวบ้านยินดีสละชีวิตจึงพากันขอร้องให้จิ้งโฉวออกจากหมู่บ้านไป แต่จิ้งโฉวไม่อาจทิ้งทุกคนไว้แล้วหนีเอาตัวรอดตามลำพัง เฉินฝู่จึงซัดฝ่ามือใส่จิ้งโฉวเพื่อให้จิ้งโฉวกระเด็นออกนอกประตูหมู่บ้าน หลังจากนั้นเฉินฝู่ก็ขอร้องให้อวี้เอ๋อร์พาจิ้งโฉวออกจากหมู่บ้านทันที ทั้งยังโยนขวดใส่กระจกคุนหลุนให้จิ้งโฉวนำติดตัวไปด้วย และบอกว่าถ้าหาของวิเศษครบห้าชิ้นเมื่อไหร่ค่อยกลับมาช่วยทุกคนที่นี่ ไม่นานทั้งหมู่บ้านก็กลายเป็นน้ำแข็ง จิ้งโฉวเห็นอาจารย์ จูโถว และเหล่าราษฎรของตนกลายเป็นน้ำแข็งก็ร่ำไห้เสียใจ เขาทุบกำแพงน้ำแข็งที่ปิดผนึกประตูหมู่บ้านอย่างบ้าคลั่งหมายเข้าไปช่วยเหลือทุกคน เมื่อทำไม่สำเร็จเขาจึงใช้หัวโขกกำแพงน้ำแข็งจนตัวเองสลบแน่นิ่งไป ทันใดนั้น หงหงก็ปรากฏตัวขึ้น
สองขุนพลของอวี่เหวินทั่วรายงานว่าพวกตนรวบรวมไพร่พลได้ 5 หมื่นนาย จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถกวาดล้างชาวเฉินบนเขาปราบมารชนิดถอนรากถอนโคน และต้องชิงกระจกคุนหลุนกลับคืนมาได้แน่ แต่อวี่เหวินทั่วกลับไม่ยอมเคลื่อนทัพ ซ้ำยังบอกให้ขุนพลทั้งสองคนกลับไปก่อนและรอฟังคำสั่งจากตน แล้วตนจะอธิบายเหตุผลให้หยางซู่ฟังเอง อวี่เหวินทั่วอดหวั่นใจไม่ได้เมื่อนึกถึงจิ้งโฉวและภาพเหตุการณ์ในกระจกคุนหลุน ที่ผ่านมาเขาไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใครและไม่เคยพบใครที่มีพลังแก่กล้าถึงขนาดทำให้เสื้อเกราะทองของเขาขาดได้
อวี้เอ๋อร์และหงหงพาจิ้งโฉวซึ่งยังคงหลับไหลไม่ได้สติขึ้นราชรถมังกรขาวออกจากเขาปราบมาร อวี้เอ๋อร์สงสัยว่าหงหงกลับมาหาตนได้อย่างไร หงหงกล่าวว่าเธอเองก็ไม่รู้ ตอนตกจากภูเขาเธอรู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างช่วยเธอเอาไว้ หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นเธอเองก็จำไม่ได้ พอรู้สึกตัวอีกครั้งเธอก็เห็นยอดเขาปราบมารถูกหิมะปกคลุม เธอเลยขึ้นมาตามหาอวี้เอ๋อร์กับจิ้งโฉว
พอรู้สึกตัวจิ้งโฉวก็เปิดดูคำสั่งเสียของเฉินฝู่ (ลักษณะเหมือนฉายภาพโฮโลแกรม) เฉินฝู่บอกจิ้งโฉวว่าของวิเศษทั้งห้ากระจายกันอยู่ตามที่ต่างๆ โดยของแต่ละอย่างจะมีพลังอันแก่กล้าคอยปกป้องและจะสื่อถึงของชิ้นอื่นๆ ได้ ขอเพียงหาสิ่งแรกให้เจอแล้วที่เหลือจะปรากฏให้เห็นเอง เฉินฝู่เตือนจิ้งโฉวว่านับจากนี้หนทางที่เขาต้องเผชิญจะเต็มไปด้วยความยากลำบากและอุปสรรคขวากหนาม แต่ขอให้จำใส่ใจไว้ว่าตนเชื่อมั่นในตัวจิ้งโฉวเสมอ และย้ำว่าจิ้งโฉวคือความหวังอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเฉิน จิ้งโฉวลั่นวาจาว่านับจากนี้ตนจะไม่ขี้ขลาดอีกต่อไป และจะทำตามที่อาจารย์สอน อวี้เอ๋อร์เห็นจิ้งโฉวตั้งใจแน่วแน่แถมเขายังเคยช่วยชีวิตเธอ จึงยอมบอกจิ้งโฉวว่าของวิเศษชิ้นต่อไปที่เขาต้องตามหาคือ "ศิลาหนี่วา" ซึ่งถูกเก็บรักษาที่เมืองเยว่เหอ หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็แยกทางกัน
ณ วังหลวงของราชวงศ์สุย เหล่าขุนนางในราชสำนักพากันมาขอเข้าเฝ้าหลังฮ่องเต้ไม่ยอมทรงงานและไม่ออกว่าราชกิจในท้องพระโรงติดต่อกันนาน 9 เดือนแล้ว แต่ขันทีประจำพระองค์ไม่ยอมให้เข้าเฝ้าโดยอ้างว่าฮ่องเต้ทรงพระประชวร ตอนนี้อยู่ในความดูแลของหยางซู่และหมอหลวง เมื่อขุนนางใหญ่ชี้ว่าตอนนี้บ้านเมืองกำลังประสบภัยพิบัติอย่างรุนแรง ราษฎรจึงเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า หากไม่รีบแก้ไขอาจเกิดเหตุจราจลได้ ขันทีคนดังกล่าวโทษว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฮ่องเต้แต่เป็นความบกพร่องของเหล่าขุนนางในราชสำนัก ทำให้เกิดมีปากเสียงกัน
เมื่ออวี่เหวินทั่วมาพบเข้าจึงกล่าวกับขันทีต่อหน้าเหล่าขุนนางว่า ฮ่องเต้ลุ่มหลงสุรานารีแต่กลับอ้างว่าทรงพระประชวรใครๆ ก็รู้กันทั่ว ขันทีจึงเตือนว่าเขากำลังหมิ่นพระเกียรติต่อหน้าทุกคน อวี่เหวินทั่วสวนกลับว่าตนพูดประณามขันทีแท้ๆ แล้วจะหาว่าตนหมิ่นฮ่องเต้ได้อย่างไร เขายังท้าให้ขันทีขันทีจอมเบ่งนำเรื่องนี้ไปทูลฟ้องฮ่องเต้ แต่ขันทีคนดังกล่าวกลับแสดงท่าทีนอบน้อมและเชิญให้เขาเข้าไปพบฮ่องเต้ทางด้านใน ขุนนางใหญ่เห็นว่าอวี่เหวินทั่วเข้าเฝ้าได้โดยง่ายจึงขอร้องให้อวี่เหวินทั่วช่วยนำความทุกข์ยากของราษฎรขึ้นกราบทูลฮ่องเต้แทนพวกตน
ในตอนนั้นฮ่องเต้กำลังถูกหยางซู่มอมเมาด้วยสุราและนารี อวี่เหวินทั่วเห็นหยางซู่ผู้เป็นทั้งอาจารย์และศัตรูกำลังเสกน้ำเป็นรูปผู้หญิงเปลือยร่ายรำให้ฮ่องเต้ดู เขาจึงเสกไฟเป็นรูปผู้หญิงให้ฮ่องเต้ดูบ้าง ทำให้ฮ่องเต้รู้สึกทึ่งในความสามารถของทั้งคู่ พระองค์ทรงตรัสชมอวี่เหวินทั่วว่าฝีมือของเขาเกือบเหนือกว่าหยางซู่แล้ว และทรงนึกสงสัยว่าหากทั้งคู่เป็นศัตรูกันจะเกิดอะไรขึ้น อวี่เหวินทั่วทูลว่าตนมิกล้าเพราะฝีมือของอาจารย์ยากจะหาใครเทียม ฮ่องเต้จึงเดินเข้าไปถามอวี่เหวินทั่วว่าเขาคิดที่จะอยู่ใต้อุ้งเท้าของหยางซู่ตราบจนวันตายงั้นหรือ อวี่เหวินทั่วจึงรีบตัดบทด้วยการเปลี่ยนเรื่องพูด
หลังเข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้วอวี่เหวินทั่วก็เข้ามาปรนนิบัติหยางซู่ หยางซู่เห็นว่าอวี่เหวินทั่วชักปีกกล้าขาแข็งและเริ่มรู้ทันจึงเตือนว่าถ้ารู้มากไปจะนำภัยมาสู่ตน จากนั้นก็บอกให้อวี่เหวินทั่วเตรียมตัวไปพบแม่ (ซึ่งถูกหยางซู่จับเป็นตัวประกันและจะได้พบกันในโลกแห่งเวทมนต์ปีละครั้ง) อวี่เหวินทั่วกัดฟันกล่าวขอบคุณหยางซู่ที่อนุญาตให้ตนพบแม่ได้ปีละครั้ง เมื่ออวี่เหวินทั่วลงไปนั่งในอ่างสีเหลืองหยางซู่ก็ร่ายมนต์ส่งเขาไปพบแม่ที่ถูกคุมขัง ปรากฏว่าแม่ของเขาถูกจับขังในก้อนน้ำแข็ง ณ ดินแดนที่ร้อนเป็นไฟดุจขุมนรก
เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ใน "ฤทธิ์กระบี่เซียนหยวน (Xuan-Yuan Sword: Scar of Sky)"
* เนื้อหาโดย luvasianseries
จิ้งโฉวเห็นว่าอยู่ดีๆ หิมะก็ตกจึงรู้ว่าเฉินฝู่กำลังจะใช้เคล็ดวิชาที่อันตรายจึงรีบวิ่งไปห้าม เขารู้ว่าเคล็ดวิชานี้ไม่เพียงทำให้เทาเที่ยกลายเป็นน้ำแข็ง แต่จะทำให้เฉินฝู่ ชาวบ้าน และทุกสิ่งในหมู่บ้านกลายเป็นน้ำแข็งไปด้วย เฉินฝู่และเหล่าชาวบ้านยินดีสละชีวิตจึงพากันขอร้องให้จิ้งโฉวออกจากหมู่บ้านไป แต่จิ้งโฉวไม่อาจทิ้งทุกคนไว้แล้วหนีเอาตัวรอดตามลำพัง เฉินฝู่จึงซัดฝ่ามือใส่จิ้งโฉวเพื่อให้จิ้งโฉวกระเด็นออกนอกประตูหมู่บ้าน หลังจากนั้นเฉินฝู่ก็ขอร้องให้อวี้เอ๋อร์พาจิ้งโฉวออกจากหมู่บ้านทันที ทั้งยังโยนขวดใส่กระจกคุนหลุนให้จิ้งโฉวนำติดตัวไปด้วย และบอกว่าถ้าหาของวิเศษครบห้าชิ้นเมื่อไหร่ค่อยกลับมาช่วยทุกคนที่นี่ ไม่นานทั้งหมู่บ้านก็กลายเป็นน้ำแข็ง จิ้งโฉวเห็นอาจารย์ จูโถว และเหล่าราษฎรของตนกลายเป็นน้ำแข็งก็ร่ำไห้เสียใจ เขาทุบกำแพงน้ำแข็งที่ปิดผนึกประตูหมู่บ้านอย่างบ้าคลั่งหมายเข้าไปช่วยเหลือทุกคน เมื่อทำไม่สำเร็จเขาจึงใช้หัวโขกกำแพงน้ำแข็งจนตัวเองสลบแน่นิ่งไป ทันใดนั้น หงหงก็ปรากฏตัวขึ้น
สองขุนพลของอวี่เหวินทั่วรายงานว่าพวกตนรวบรวมไพร่พลได้ 5 หมื่นนาย จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถกวาดล้างชาวเฉินบนเขาปราบมารชนิดถอนรากถอนโคน และต้องชิงกระจกคุนหลุนกลับคืนมาได้แน่ แต่อวี่เหวินทั่วกลับไม่ยอมเคลื่อนทัพ ซ้ำยังบอกให้ขุนพลทั้งสองคนกลับไปก่อนและรอฟังคำสั่งจากตน แล้วตนจะอธิบายเหตุผลให้หยางซู่ฟังเอง อวี่เหวินทั่วอดหวั่นใจไม่ได้เมื่อนึกถึงจิ้งโฉวและภาพเหตุการณ์ในกระจกคุนหลุน ที่ผ่านมาเขาไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใครและไม่เคยพบใครที่มีพลังแก่กล้าถึงขนาดทำให้เสื้อเกราะทองของเขาขาดได้
อวี้เอ๋อร์และหงหงพาจิ้งโฉวซึ่งยังคงหลับไหลไม่ได้สติขึ้นราชรถมังกรขาวออกจากเขาปราบมาร อวี้เอ๋อร์สงสัยว่าหงหงกลับมาหาตนได้อย่างไร หงหงกล่าวว่าเธอเองก็ไม่รู้ ตอนตกจากภูเขาเธอรู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างช่วยเธอเอาไว้ หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นเธอเองก็จำไม่ได้ พอรู้สึกตัวอีกครั้งเธอก็เห็นยอดเขาปราบมารถูกหิมะปกคลุม เธอเลยขึ้นมาตามหาอวี้เอ๋อร์กับจิ้งโฉว
พอรู้สึกตัวจิ้งโฉวก็เปิดดูคำสั่งเสียของเฉินฝู่ (ลักษณะเหมือนฉายภาพโฮโลแกรม) เฉินฝู่บอกจิ้งโฉวว่าของวิเศษทั้งห้ากระจายกันอยู่ตามที่ต่างๆ โดยของแต่ละอย่างจะมีพลังอันแก่กล้าคอยปกป้องและจะสื่อถึงของชิ้นอื่นๆ ได้ ขอเพียงหาสิ่งแรกให้เจอแล้วที่เหลือจะปรากฏให้เห็นเอง เฉินฝู่เตือนจิ้งโฉวว่านับจากนี้หนทางที่เขาต้องเผชิญจะเต็มไปด้วยความยากลำบากและอุปสรรคขวากหนาม แต่ขอให้จำใส่ใจไว้ว่าตนเชื่อมั่นในตัวจิ้งโฉวเสมอ และย้ำว่าจิ้งโฉวคือความหวังอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเฉิน จิ้งโฉวลั่นวาจาว่านับจากนี้ตนจะไม่ขี้ขลาดอีกต่อไป และจะทำตามที่อาจารย์สอน อวี้เอ๋อร์เห็นจิ้งโฉวตั้งใจแน่วแน่แถมเขายังเคยช่วยชีวิตเธอ จึงยอมบอกจิ้งโฉวว่าของวิเศษชิ้นต่อไปที่เขาต้องตามหาคือ "ศิลาหนี่วา" ซึ่งถูกเก็บรักษาที่เมืองเยว่เหอ หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็แยกทางกัน
ณ วังหลวงของราชวงศ์สุย เหล่าขุนนางในราชสำนักพากันมาขอเข้าเฝ้าหลังฮ่องเต้ไม่ยอมทรงงานและไม่ออกว่าราชกิจในท้องพระโรงติดต่อกันนาน 9 เดือนแล้ว แต่ขันทีประจำพระองค์ไม่ยอมให้เข้าเฝ้าโดยอ้างว่าฮ่องเต้ทรงพระประชวร ตอนนี้อยู่ในความดูแลของหยางซู่และหมอหลวง เมื่อขุนนางใหญ่ชี้ว่าตอนนี้บ้านเมืองกำลังประสบภัยพิบัติอย่างรุนแรง ราษฎรจึงเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า หากไม่รีบแก้ไขอาจเกิดเหตุจราจลได้ ขันทีคนดังกล่าวโทษว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฮ่องเต้แต่เป็นความบกพร่องของเหล่าขุนนางในราชสำนัก ทำให้เกิดมีปากเสียงกัน
เมื่ออวี่เหวินทั่วมาพบเข้าจึงกล่าวกับขันทีต่อหน้าเหล่าขุนนางว่า ฮ่องเต้ลุ่มหลงสุรานารีแต่กลับอ้างว่าทรงพระประชวรใครๆ ก็รู้กันทั่ว ขันทีจึงเตือนว่าเขากำลังหมิ่นพระเกียรติต่อหน้าทุกคน อวี่เหวินทั่วสวนกลับว่าตนพูดประณามขันทีแท้ๆ แล้วจะหาว่าตนหมิ่นฮ่องเต้ได้อย่างไร เขายังท้าให้ขันทีขันทีจอมเบ่งนำเรื่องนี้ไปทูลฟ้องฮ่องเต้ แต่ขันทีคนดังกล่าวกลับแสดงท่าทีนอบน้อมและเชิญให้เขาเข้าไปพบฮ่องเต้ทางด้านใน ขุนนางใหญ่เห็นว่าอวี่เหวินทั่วเข้าเฝ้าได้โดยง่ายจึงขอร้องให้อวี่เหวินทั่วช่วยนำความทุกข์ยากของราษฎรขึ้นกราบทูลฮ่องเต้แทนพวกตน
ในตอนนั้นฮ่องเต้กำลังถูกหยางซู่มอมเมาด้วยสุราและนารี อวี่เหวินทั่วเห็นหยางซู่ผู้เป็นทั้งอาจารย์และศัตรูกำลังเสกน้ำเป็นรูปผู้หญิงเปลือยร่ายรำให้ฮ่องเต้ดู เขาจึงเสกไฟเป็นรูปผู้หญิงให้ฮ่องเต้ดูบ้าง ทำให้ฮ่องเต้รู้สึกทึ่งในความสามารถของทั้งคู่ พระองค์ทรงตรัสชมอวี่เหวินทั่วว่าฝีมือของเขาเกือบเหนือกว่าหยางซู่แล้ว และทรงนึกสงสัยว่าหากทั้งคู่เป็นศัตรูกันจะเกิดอะไรขึ้น อวี่เหวินทั่วทูลว่าตนมิกล้าเพราะฝีมือของอาจารย์ยากจะหาใครเทียม ฮ่องเต้จึงเดินเข้าไปถามอวี่เหวินทั่วว่าเขาคิดที่จะอยู่ใต้อุ้งเท้าของหยางซู่ตราบจนวันตายงั้นหรือ อวี่เหวินทั่วจึงรีบตัดบทด้วยการเปลี่ยนเรื่องพูด
หลังเข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้วอวี่เหวินทั่วก็เข้ามาปรนนิบัติหยางซู่ หยางซู่เห็นว่าอวี่เหวินทั่วชักปีกกล้าขาแข็งและเริ่มรู้ทันจึงเตือนว่าถ้ารู้มากไปจะนำภัยมาสู่ตน จากนั้นก็บอกให้อวี่เหวินทั่วเตรียมตัวไปพบแม่ (ซึ่งถูกหยางซู่จับเป็นตัวประกันและจะได้พบกันในโลกแห่งเวทมนต์ปีละครั้ง) อวี่เหวินทั่วกัดฟันกล่าวขอบคุณหยางซู่ที่อนุญาตให้ตนพบแม่ได้ปีละครั้ง เมื่ออวี่เหวินทั่วลงไปนั่งในอ่างสีเหลืองหยางซู่ก็ร่ายมนต์ส่งเขาไปพบแม่ที่ถูกคุมขัง ปรากฏว่าแม่ของเขาถูกจับขังในก้อนน้ำแข็ง ณ ดินแดนที่ร้อนเป็นไฟดุจขุมนรก
เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ใน "ฤทธิ์กระบี่เซียนหยวน (Xuan-Yuan Sword: Scar of Sky)"
* เนื้อหาโดย luvasianseries
นักแสดงนำ
รับบท อวี่เหวินทั่ว / เจี้ยนชี
(นักแสดง / นักร้อง / นายแบบ ชาวจีน)
เจี่ยงจิ้นฟู
รับบท เฉินจิ้งโฉว
(นักแสดง ชาวจีน - เล่นละครเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก)
รับบท ท่าป๋าอวี้เอ่อร์
(นักแสดง ชาวจีน)
รับบท ตู๋กูหนิงเคอ / เจี้ยนซวง
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
กู่ลี่น่าจา
รับบท อวี๋เสี่ยวเสวี่ย
(นักแสดง / นางแบบ ชาวจีน - เป็นชาวเมืองอุรุมชี ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์)
หลินเกิงซิน
รับบท จางเลี่ย
(นักแสดง ชาวจีน)
หม่าเทียนอวี่
รับบท หลี่ว์เฉิงจื้อ
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
หลี่เฉิงเยวี่ยน
รวมคลิปเบื้องหลัง
รับบท ท่าป๋าเยว่เอ๋อร์
(นักแสดง ชาวจีน)
รับบท หยูเยียน
(นักแสดง ชาวจีน - เป็นชาวเมืองฮูหลุนเป้ยเอ๋อร์ ในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน - เล่นหนังคู่ "มาริโอ้ เมาเร่อ" เรื่อง "Love on That Day" ซึ่งเข้าฉายเมื่อปี 2012)
รับบท ประมุขหญิงชนเผ่าตี
(นักแสดง ชาวจีน)
เย่ถง (เซซิเลีย ยิป)
รับบท ตานอวี่อู่
(นักแสดง ชาวฮ่องกง)
รับบท กู่เยว่เซียนเหริน
(นักแสดง ชาวฮ่องกง)
รวมคลิปเบื้องหลัง
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา