วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เรื่องย่อ คำสาปรักลิขิตดวงดาว (Shine or Go Crazy)




กำกับ: ซอน ฮยองซอก, ยูน จีฮุน
เขียนบท: ควอน อินชาน, คิม ซอนมี
แนวละคร: อิงประวัติศาสตร์, โรแมนติก, แฟนตาซี
จำนวนตอน: 24
ออกอากาศ: เกาหลี - 19 มกราคม 2558 - 7 เมษายน 2558 ทางเอ็มบีซี
               ไทย - ทุกวันจันทร์-พุธ เวลา 12.30-13.15 น.ทางช่อง 3 เอชดี (ช่อง 33) ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2560 - 28 สิงหาคม 2560




 เรื่องย่อ



ละคร "คำสาปรักลิขิตดวงดาว (Shine or Go Crazy)" ดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง "빛나거나 미치거나"  (Shine or Go Crazy) ของ "ฮยอน โกอุน" เนื้อหากล่าวถึงเรื่องราวความรักระหว่างองค์ชายโครยอและองค์หญิงคนสุดท้ายของอาณาจักรที่ล่มสลาย ซึ่งต่างก็ตกเป็นเหยื่อของคำทำนายแห่งโชคชะตาด้วยกันทั้งคู่

"วังโซ" เป็นองค์ชายแห่งโครยอซึ่งเกิดมาพร้อมดวงชะตาที่จะทำให้เลือดนองแผ่นดิน (ฉายาของเขาคือ "คนบ้าคลั่ง") หลังเกิดเหตุร้ายขึ้นในวังหลวงดังคำทำนาย เขาจึงถูกขับออกจากวังและเป็นที่รังเกียจของคนในราชวงศ์ และนั่นก็ทำให้โอกาสในการขึ้นครองบัลลังก์ขององค์ชาย "วังอุก" (พระอนุชาต่างมารดาของวังโซ) มาถึงเร็วขึ้น

"ชินยุล" เป็นองค์หญิงคนสุดท้ายของอาณาจักรพัลแฮ* เพียงวันแรกที่ลืมตาดูโลกเธอก็ถูกพี่ชายต่างมารดาไล่ฆ่าเพราะเกิดมาพร้อมดวงชะตาที่จะฉายแสงให้อาณาจักรอื่น มารดาของเธอจึงจับเธอโยนลงทะเลสาบ นับว่ายังโชคดีที่รอดตายมาได้อย่างฉิวเฉียดเพราะหนึ่งในสาวใช้ของมารดาช่วยชีวิตเธอเอาไว้  เพียงวันแรกที่พบหน้าก็มีเหตุให้เธอกับวังโซต้องแต่งงานกันแบบฟ้าผ่า แม้จะเป็นคู่บ่าวสาวกำมะลอ แต่หลังจากได้ใกล้ชิดสนิทสนม ทั้งคู่จึงตกหลุมรักกันในที่สุด

* อาณาจักรพัลแฮ (หรือ "ป๋อไห่" ในภาษาจีน) เป็นดินแดนหนึ่งในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ครอบคลุมส่วนหนึ่งของแมนจูเรีย เกาหลีเหนือ และรัสเซียตะวันออกไกล ก่อตั้งโดยอดีตแม่ทัพโกคูรยอ "แท จูยอง" (พระเจ้าโกแห่งพัลแฮ) เมื่อปี ค.ศ. 698 (พ.ศ. 1241) และล่มสลายในปี ค.ศ. 926 (พ.ศ. 1469) หลังถูกราชวงศ์เหลียว (ชนเผ่าชี่ตัน) รุกราน

หมายเหตุ: ละครสร้างขึ้นจากนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ จึงมีความแตกต่างจากเรื่องจริง 

เนื้อหาตอนที่ 1


"จีมง" ในวัยชราเล่าเรื่องราวขององค์ชาย "วังโซ" (พระเจ้าควางจงแห่งโครยอ) ให้เหล่าองค์ชายและองค์หญิงตัวน้อยที่เข้ามาเล่นซุกซนในห้องลับของพระราชาฟัง (ภายในห้องมีชุดเกราะและชุดเจ้าสาวพร้อมสร้อยคอรูปผีเสื้อ) โดยบอกว่าในวันที่ดวงดาวแห่งสงครามสุกสกาวบนท้องฟ้า องค์ชายแห่งโครยอผู้ต้องคำสาปได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมดวงชะตาที่แปดเปื้อนไปด้วยเลือดของคนในราชวงศ์และจะทำให้ผู้คนโดนเข่นฆ่าเป็นจำนวนมาก หลังเกิดเหตุร้ายขึ้นในวังตามคำทำนาย (พระเชษฐาถูกลอบปลงพระชนม์พร้อมเหล่าพระสหายและข้ารับใช้) องค์ชายจึงถูกเนรเทศไปยังภูเขากึมกัง (โดยมี "กิลบก" คอยดูแลรับใช้)

จีมงยังบอกอีกว่าแม้เหตุนองเลือดในโครยอจะเป็นคำสาป แต่สามารถถอนหรือลบล้างได้ด้วย 'แสงสว่าง' และมีองค์หญิงถึงสองพระองค์ที่เกิดภายใต้อิทธิพลของกลุ่มดาวจามิวอน (กลุ่มดาวที่ส่องสว่างทางด้านทิศเหนือ) ซึ่งสามารถนำพาองค์ชายไปพบแสงสว่างได้ (แสงสว่างในที่นี่หมายถึงความยิ่งใหญ่และเจริญรุ่งเรือง) คนหนึ่งคือ "องค์หญิงแห่งโครยอ" ส่วนอีกคนเป็น "องค์หญิงคนสุดท้ายของอาณาจักรพัลแฮ" เมื่อถูกถามว่าองค์ชายผู้ต้องคำสาปได้พบกับองค์หญิงหรือไม่ และได้พบกับคนไหน จีมงหันไปมองชุดเจ้าสาวก่อนตอบ (พลางประกอบจี้รูปผีเสื้อเข้าด้วยกัน) ว่า คนเราถ้ามีวาสนาต่อกันต่อให้ไม่อยากพบก็ต้องพบเจอกันวันยังค่ำ เพราะนั่นคือพรหมลิขิตจากสวรรค์

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน



จีมงไปพบองค์ชายวังโซบนภูเขากึมกังเพื่อเชิญเสด็จกลับวังหลวงตามพระบัญชาของพระเจ้าแทโจ (วังกอน - ผู้ก่อตั้งและปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โครยอ) เมื่อมาถึงหน้าประตูวังองค์ชายวังโซอดนึกถึงภาพความหลังอันแสนเจ็บปวดตอนที่ตนถูกขับออกจากวังไม่ได้ สาวใช้ของพระมเหสีเห็นจีมงพาองค์ชายวังโซไปที่ตำหนักพระราชาก็รู้สึกตกใจ หลังทดสอบฝีมือของพระโอรสที่พลัดพรากจากกันไปนาน พระเจ้าแทโจรู้สึกพอใจที่องค์ชายวังโซไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสูญเปล่า พระองค์บอกให้องค์ชายวังโซเตรียมเรียนรู้กฏระเบียบต่างๆ ในวันรุ่งขึ้น องค์ชายวังโซแย้งว่าตนมาที่นี่เพื่อทูลว่าตนไม่ต้องการกลับมาใช้ชีวิตในวัง เมื่อเห็นว่าพระโอรสไม่ยอมเชื่อฟังตน พระเจ้าแทโจจึงตัดพ้อว่าทำไมไม่ฟังกันบ้าง องค์ชายวังโซประชดว่าเพราะตนเป็นคนบาป พระเจ้าแทโจแย้งว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนไม่ใช่ความผิดขององค์ชายวังโซแต่เป็นแผนชั่วของใครบางคน องค์ชายวังโซได้ยินดังนั้นจึงย้อนถามว่าถ้าเช่นนั้นทำไมพระบิดาถึงไม่ปกป้องตนทั้งๆ ที่พระองค์เป็นถึงพระราชาโครยอ (ในตอนนั้นเหล่าขุนนางต่างพากันถวายฎีกาให้ลงโทษองค์ชายวังโซ) จากนั้นก็ตัดพ้อว่าหลังพระบิดาทอดทิ้งตน ตนเลยได้ชื่อว่าเป็นกบฏในสายตาของทุกคน

องค์ชายวังโซถามพระบิดาว่าในเมื่อตนไม่อยู่แล้วทำให้วังหลวงสงบสุข เหตุใดอยู่ๆ พระองค์ถึงเรียกตนกลับวังในตอนนี้ พระเจ้าแทโจหยิบดาบในห้องลับออกมาให้องค์ชายวังโซดู พลางชี้ว่าขณะกำลังสร้างบ้านแปลงเมือง เราจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้ร่วมก่อตั้ง แต่หลังจากสร้างชาติได้แล้วเราจำเป็นต้องกำจัดพวกเขาทิ้งเสีย มิเช่นนั้นบ้านเมืองจะพังครืนดุจสร้างจากเม็ดทราย และนี่ก็เป็นเหตุผลที่หน้าประวัติศาสตร์จำเป็นต้องมีพระราชาที่มือเปื้อนเลือด (ขณะนั้นมีกลุ่มนักฆ่าชุดแดงลอบเข้ามาในวังหลวง) พระเจ้าแทโจตรัสว่าที่ผ่านมาตนมักอยู่ในสนามรบและได้ใช้ดาบเล่มนี้ในระหว่างทำสงครามเพื่อรวมสามแคว้นให้เป็นหนึ่งเดียว  (หมายถึงสามแคว้นในยุคหลัง ได้แก่ ชินลา แพ็กแจ และแทบง (โกคูรยอใหม่))  โดยมีนักรบกลุ่มหนึ่งคอยเป็นทัพหน้าให้ตน พูดจบพระเจ้าแทโจก็เรียกหา "อึนชอน" ก่อนสั่งให้เขาคอยสอนและฝึกฝนองค์ชายวังโซ พระเจ้าแทโจขอให้องค์ชายวังโซมาร่วมต่อสู้ในศึกครั้งนี้กับตน และบอกว่านี้คือเหตุผลที่ตนเรียกองค์ชายวังโซกลับวัง



องค์ชายวังโซไม่เข้าใจว่าพระบิดาเรียกตนมาเพื่ออะไรกันแน่ พระเจ้าแทโจจึงถามกลับว่าไม่อยากเปลี่ยนแปลงชะตาตนเองหรือ และตรัสว่าเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาองค์ชายวังโซจำเป็นต้องยอมรับมือที่คนอื่นยื่นให้ พระองค์ยื่นมือให้องค์ชายแล้วบอกว่านี่คือจุดเริ่มต้น องค์ชายวังโซแย้งด้วยแววตาเจ็บปวดใจว่านั่นเป็นมือที่เคยผลักไสตน ทันใดนั้น ก็มีกลุ่มนักฆ่าบุกเข้ามาในตำหนักของพระราชา พระเจ้าแทโจ  องค์ชายวังโซ และอึนชอนจึงรีบเข้าไปหลบซ่อนตัวยังห้องชั้นใน เหล่านักรบชุดดำของพระราชา (ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นผู้หญิง) ออกมารับมือกับกลุ่มนักฆ่า เมื่อเห็นว่าเหล่านักฆ่ามีฝีมือที่เก่งกาจและสามารถฝ่าเข้ามาถึงหน้าห้องที่พวกตนซ่อนตัวอยู่ องค์ชายวังโซจึงออกมาร่วมต่อสู้

หลังจากนั้นไม่นานอึนชอนก็ออกมาร่วมปราบคนร้ายที่พยายามบุกเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นว่าคนส่วนใหญ่ของพวกตนถูกฆ่าตาย สองนักฆ่าที่เหลืออยู่จึงชวนกันล่าถอย หนึ่งในนั้นซัดอาวุธลับเข้าไปในห้องก่อนหลบหนี ปรากฏว่าอาวุธลับดอกหนึ่งปักอยู่ที่หน้าประตู ส่วนอีกดอกทะลุผนังกระดาษเข้าไปทางด้านใน นับว่ายังโชคดีที่พระเจ้าแทโจเบี่ยงตัวหลบได้ทัน ถึงกระนั้นก็ยังโดนคมของอาวุธลับถากเข้าที่ลำคอจนเลือดซิบ องค์ชายวังโซเห็นดังนั้นก็ใจหายวาบจึงรีบเข้าไปดูพระบิดาในห้อง เมื่อเห็นพระบิดาเอามือลูบบริเวณลำคอองค์ชายวังโซจึงมองหาบาดแผลและยืนจ้องพระบิดาด้วยความเป็นห่วง เมื่อพระเจ้าแทโจตรัสว่าตนปลอดภัยดี องค์ชายวังโซก็รู้สึกโล่งใจ



หลังสาวใช้รายงานว่าองค์ชายวังโซกลับมาที่วังหลวง "พระมเหสีชินมยองซุนซอง" (พระมารดาขององค์ชายวังโซก็รีบเสด็จมาที่ตำหนักพระราชา เมื่อเห็นร่องรอยการต่อสู้ ทั้งยังมีศพนอนเกลื่อนเธอจึงร้องหาพระสวามีด้วยความเป็นห่วง พอเห็นหน้าองค์ชายวังโซเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี พระมเหสีก็ตบหน้าองค์ชายด้วยความโกรธก่อนถามว่าฆ่าพี่ชายไปแล้วยังไม่พอ มาคราวนี้จะฆ่าพ่ออีกหรือ องค์ชายวังโซได้ยินแล้วเจ็บปวดใจจนพูดไม่ออก แม้จะโดนพระเจ้าแทโจตำหนิแต่พระมเหสียังคงยืนกรานให้พระเจ้าแทโจไล่ 'เด็กที่ต้องคำสาป' ออกจากวังหลวง มิเช่นนั้นตนจะฆ่าตัวตาย หลังพระเจ้าแทโจสั่งให้จีมงและเหล่าทหารไปส่งพระมเหสีที่ตำหนักแล้ว  องค์ชายวังโซก็ถามพระบิดาด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่ายังจะขอให้ตนอยู่ในวังอีกไหม  พระเจ้าแทโจฟังแล้วได้แต่ถอนใจ

อึนชอนรายงานว่านักฆ่ามีทั้งหมด 7 คน ถูกสังหารห้าคนส่วนอีกสองคนหนีไปได้ เขากล่าวว่าทั้งหมดไม่ใช่ชาวโครยอและเชื่อว่าน่าจะมาจากจุงกุก (หรือ "จงกั๋ว" ในภาษาจีน หมายถึง "อาณาจักรกลาง" ซึ่งก็คือแผ่นดิน "จีน" นั่นเอง) พระเจ้าแทโจสั่งให้อึนชอนรีบไปตามจับคนร้ายที่รอดชีวิตและให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ส่วนตนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น องค์ชายวังโซได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจเพราะคนร้ายอาจหาญถึงขั้นลอบปลงพระชนม์พระราชาแห่งโครยอ เขาอาสาไปจับตัวสองคนร้ายโดยบอกว่าจะพามาคุกเข่าต่อหน้าพระพักตร์ และขอให้พระองค์ทรงเลิกล้มความคิดที่จะให้ตนกลับเข้ามาอยู่ในวัง พูดจบองค์ชายวังโซก็เดินจากไป พระเจ้าแทโจฝากฝังองค์ชายวังโซกับอึนชอนโดยบอกว่าองค์ชายวังโซจะเป็นผู้นำคนใหม่ของเขา อึนชอนจึงหยิบอาวุธลับของคนร้ายติดตัวไปด้วยและรีบวิ่งตามองค์ชายวังโซไป องค์ชายวังโซตั้งใจว่าจะฉายเดี่ยว พอเห็นอึนชอนเข้ามาขวางจึงชักดาบออกมาขู่พลางบอกว่าถ้าไม่อยากลงหลุมให้หลีกทางตน อึนชอนเลยสวนกลับว่าถ้าอยากจับร้ายให้ตามตนมา


พระเจ้าแทโจสั่งให้จีมงรีบเก็บกวาดตำหนักของตน โดยกำชับว่าอย่าให้เหลือร่องรอยใดๆ  และอย่าให้พระมเหสีนำเรื่องนี้ไปบอกใคร เพราะพระองค์ไม่ต้องการให้มีใครรู้เรื่องนี้ อีกด้านหนึ่ง "เซวอน" ซึ่งเป็นหนึ่งในสองนักฆ่าที่รอดชีวิต เข้าไปรายงานนายของตนในห้องลับว่า พระเจ้าแทโจมีองครักษ์อีกกลุ่มคอยคุ้มกันอย่างลับๆ ทำให้พวกตนเข้าไม่ถึงตัว แต่ตนได้ซัดอาวุธลับใส่พระราชาสองดอกก่อนหลบหนี นายของเขากล่าวว่า บรรยากาศในวังหลวงยังคงเป็นปกติแสดงว่าพระราชาคิดที่จะปกปิดเรื่องนี้ เขาสั่งให้เซวอนไปจากเมืองหลวงสักพัก ส่วนตนจะลองสืบดูว่าอาวุธลับถูกซัดไปที่ใดบ้าง

อึนชอนใช้ผีเสื้อไหมช่วยตามหานักฆ่าทั้งสอง โดยบอกองค์ชายวังโซว่าขณะหลบหนีนักฆ่าโดนผงที่สกัดจากอวัยวะสืบพันธ์ุของผีเสื้อไหมตัวเมียหกรดตัว ไม่ว่าพวกเขาจะหนีไปไกลแค่ไหนผีเสื้อไหมตัวผู้จะดั้นด้นตามกลิ่นไปโดยไม่กินหรือนอน ในที่สุดทั้งคู่ก็พบว่านักฆ่าลงเรือที่มุ่งหน้าไปยังเมือง "แคบง" (หรือที่เรารู้จักในชื่อเมือง "ไคฟง" ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำฮวงโหในมณฑลเหอหนาน) องค์ชายวังโซจึงชวนอึนชอนไปตามล่านักฆ่าที่เมืองแคบง (ทั้งคู่ไม่รู้ว่าผีเสื้อของพวกตนถูกนักฆ่าที่อยู่บนเรือใช้ดาบฟันจนขาดเป็นสองท่อน)



พระเจ้าแทโจรู้สึกหนักใจที่องค์ชายวังโซไม่เชื่อฟังคำพูดตน จึงได้แต่หวังให้องค์ชายวังโซจบการฝึกฝนในเร็ววัน เพื่อที่ตนจะได้จับแต่งงานกับ "องค์หญิงยอวอน" ซึ่งเกิดภายใต้อิทธิพลของกลุ่มดาวจามิวอน (องค์หญิงยอวอนเป็นพระธิดาของพระเจ้าแทโจกับพระมเหสีซินจองแห่งตระกูลฮวางโบ จึงเป็นพี่น้องต่างมารดาขององค์ชายวังโซ ขณะว่าราชการในท้องพระโรง "ฮวางโบ แจกง" ได้ทูลเสนอให้พระเจ้าแทโจทรงจัดพิธีอภิเษกให้องค์หญิงยอวอนซึ่งมัวแต่ทำงานจนอายุล่วงเลยวัยที่จะแต่งงานแล้ว (องค์หญิงยอวอนเป็นหลานสาวของแจกงด้วย) เสนาบดี "วัง ชิก-รยอม" (ซึ่งเป็นนายของเซวอนและกลุ่มนักฆ่า) ได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าปลื้มปริ่ม ขณะที่พระเจ้าแทโจเองก็คิดดังนั้นเช่นกัน ครั้นเมื่อแจกงทูลว่าตนต้องการให้องค์หญิงยอวอนซึ่งเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของตนอภิเษกกับ "วังพุง" บุตรชายของเสนาบดีวัง ชิก-รยอม พระเจ้าแทโจจึงแย้งว่าตนได้เลือกคู่ครองไว้ให้องค์หญิงยอวอนแล้ว จากนั้นก็ประกาศว่าอีกไม่นานจะมีการจัดพระราชพิธีอภิเษกระหว่างองค์ชายวังโซกับองค์หญิงยอวอน

หลังพระเจ้าแทโจมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า เสนาบดีวังชิก-รยอมจึงมาพบพระราชาด้วยท่าทีหวาดระแวง พระเจ้าแทโจชักดาบคู่กายออกมาดูต่อหน้าเสนาฯ วัง พลางถามว่าสำหรับเขาแล้วตนเป็นอะไร เสนาฯ วังทูลว่าเป็นพระราชาของตน และเพื่อนร่วมรบที่เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เพื่อรวมสามแคว้น (ในยุคหลัง) ให้เป็นหนึ่งเดียว นอกจากนี้พระองค์ยังมีศักดิ์เป็นพี่ชายตนอีกด้วย พระเจ้าแทโจได้ยินดังนั้นจึงตรัสว่าถ้าเช่นนั้นก็ขอให้เสนาฯ วังช่วยปกป้องเหล่าบรรดาหลานชายที่จะได้สืบทอดราชบัลลังก์ในลำดับต่อไป  จงเป็นเงาของพวกเขา และถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ต่างๆ ให้กับหลานๆ ของตน เสนาฯ วังรับปากและทูลว่าตนจะจำใส่ใจ พระเจ้าแทโจขอให้เสนาฯ วังสัญญาต่อหน้าดาบของตน เสนาฯ วังสัญญาด้วยความรู้สึกเจ็บแค้นว่าจะจงรักภักดีต่อพระเจ้าแทโจ เมื่อสังเกตเห็นรอยแผลที่ลำคอของพระเจ้าแทโจเขาก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ หลังจากนั้นพระเจ้าแทโจก็ขอโทษเสนาฯ วังเรื่ององค์หญิงยอวอน ก่อนชี้ว่าสวรรค์ได้ลิขิตเอาไว้แล้วว่าองค์หญิงยอวอนจะต้องอภิเษกกับองค์ชายวังโซ




ในที่สุดองค์ชายวังโซกับอึนชอนก็ข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงเมืองแคบง (ไคฟง) ณ เมืองเดียวกันนั้น "ชินยุล" ได้ต้อนรับเหล่าพ่อค้าจากนานาประเทศ (อาหรับ อินเดีย และยุโรป) ที่มาซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า (เธอพูดได้หลายภาษาเลยใช้ภาษาท้องถิ่นของลูกค้าแต่ละรายในการเจรจา) อยู่ๆ "แม่ทัพควัก" (หรือ"กัวเวย" ในภาษาจีน ภายหลังเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์โจว (โฮ่วโจว) ในยุคห้าราชวงศ์ สิบอาณาจักร - มีตัวตนจริง) ก็นำกำลังบุกมาหาชินยุลถึงที่ตั้งกลุ่มการค้าชองแฮ โดยจับ "ยาง คยูดัล" ซึ่งอยู่ในสภาพบอบช้ำเป็นตัวประกันโดยอ้างว่าคยูดัล (ซึ่งชินยุลนับถือเป็นพี่ชาย) ตามตอแยน้องสาวตนไม่เลิก คยูดัลรักตัวกลัวตายจึงบอกแม่ทัพควักว่าตนจะชดใช้ความผิดด้วยการให้ชินยุลแต่งงานกับแม่ทัพควัก ชินยุลขอส่งบรรณาการให้กับทางราชสำนักแทนการแต่งงาน (เธอพูดภาษาจีนกับแม่ทัพควัก) แต่แม่ทัพควักไม่ยอม 

ชินยุลบอกให้คยูดัลรับผิดชอบความผิดของตัวเองเพราะตนมีคู่หมั้นแล้ว เธอโกหกแม่ทัพควักว่าพ่อแม่ของตนซึ่งเป็นชาวโครยอได้เลือกคู่ครองเอาไว้ให้ และตอนนี้คู่หมั้นของตนก็กำลังเดินทางมาที่นี่ แม่ทัพควักไม่เชื่อว่าชินยุลมีคู่หมั้นเป็นชาวโครยอ ชินยุลจึงยืนยันว่าพวกตนจะแต่งงานกันในช่วงเย็นของอีก 15 วันข้างหน้า "แพ็กมโย" เป็นกังวลเรื่องที่ชินยุลโกหกแม่ทัพควักว่าตนมีคู่หมั้นแล้วและกำลังจะแต่งงาน เพราะแม่ทัพควักขู่ว่าจะจับทุกคนถ้าทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก มิหนำซ้ำเขายังบอกว่าจะมาร่วมอวยพรในวันแต่งงานด้วย "คังมยอง" เป็นห่วงว่าจะไปหาหนุ่มชาวโครยอที่ไหน แต่ชินยุลไม่หวั่นเพราะมั่นใจในความงามของตน เธอกล่าวว่าถึงยังไงก็ต้องหาหนุ่มโครยอมาแต่งงานหลอกๆ กับตน ต่อให้ต้องลักพาตัวหรือใช้เงินซื้อก็ต้องนำตัวมาให้จงได้


หลังเดินหาคนร้ายจนขาลาก องค์ชายวังโซก็ถามอึนชอนว่าพวกตนมาถึงเมืองแคบงได้กี่วันแล้ว เมื่ออึนชอนตอบว่า 15 วัน องค์ชายวังโซจึงบ่นว่าจนป่านนี้ยังตามตัวคนร้ายไม่เจอ เขาสงสัยว่าผีเสื้อคงข้ามน้ำข้ามทะเลมาไม่ไหวและรู้สึกผิดหวังที่อึนชอนไม่เจ๋งอย่างที่คิด ครั้นพอเห็นซาลาเปาองค์ชายวังโซก็วิ่งเข้าหาทั้งที่เพิ่งทานข้าวได้ไม่นาน อึนชอนเตือนว่าถ้าท้องอิ่มเกินไปจะวิ่งไล่ตามคนร้ายไม่ทัน องค์ชายวังโซไม่สนและจะหยิบซาลาเปาชิ้นสุดท้ายเข้าปากแต่อึนชอนชิงเขี่ยทิ้งไปเสียก่อนและบอกว่าพอได้แล้ว

หลังจากนั้นอินชอนก็นำอาวุธลับไปสืบหาเบาะแสคนร้ายที่ร้านตีเหล็ก (องค์ชายยืนสังเกตการณ์อยู่หน้าร้าน) คนขายชาวจีนยอมรับว่าอาวุธลับมาจากร้านของตนแต่ตนจำไม่ได้ว่าเคยขายให้ใครบ้าง อึนชอนรู้สึกได้ว่ามีคนสะกดรอยตามพวกตนจึงสงสัยว่าคนๆ นั้นอาจเกี่ยวข้องกับนักฆ่าที่ตนกำลังตามหา ทั้งคู่ไปแอบหลบซ่อนตัวแล้วสะกดรอยตามชายคนดังกล่าว แต่ชายผู้นั้น (หนึ่งในนักฆ่า) เกิดไหวตัวทันเลยหลบหนีไปได้ อึนชอนบ่นด้วยความเจ็บใจที่ปล่อยให้คนร้ายหลุดมือ องค์ชายวังโซนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตนเห็นชายคนดังกล่าวเดินออกมาจากอาคารหลังหนึ่งจึงบอกอึนชอนว่าพวกตนไม่ได้ทำคนร้ายหลุดมือ


ในเวลาเดียวกันนั้น ชินยุล แพ็กมโย และคังมยอง ก็กำลังมองหาหนุ่มชาวโครยอหมายนำตัวมาเป็นเจ้าบ่าวกำมะลอ แม้จะเจอชาวโครยอในตลาดหลายคนแต่ชินยุลดูโหงวเฮ้งแล้วไม่ปลื้มจึงยังไม่เลือกใคร แพ็กมโยเตือนว่าเธอจะต้องแต่งงานในวันนี้ คังมยองกล่าวว่าอีกไม่นานก็จะเย็นแล้วและขอให้ชินยุลลดสเปคลงหน่อย แต่ชินยุลแย้งว่าเธอเป็นผู้ค้าที่เก่งสุดในจุงกุก (จีน) เธอยอมให้มีการเจรจาต่อรองได้ แต่จะไม่ประณีประนอมหรือผ่อนปรนโดยเด็ดขาด ถึงแม้จะเป็นการแต่งงานหลอกๆ แต่เธอจะเลือกเฉพาะคนที่ตนชอบมาเป็นสามี


องค์ชายวังโซพาอึนชอนมายังอาคารหลังหนึ่งด้วยความมั่นใจ (ทั้งคู่อ่านป้ายภาษาจีนหน้าร้านไม่ออก) เขากล่าวว่าตนจะเข้าไปจับคนร้ายเอง ส่วนอึนชอนให้ไปซื้อตั๋ว (เรือ) เพื่อเดินทางกลับโครยอ แต่อึนชอนไม่ค่อยมั่นใจนักเลยตามเข้าไป ปรากฏว่าองค์ชายวังโซพาอึนชอนบุกเข้าไปในห้องที่มีแต่หญิงคณิกา บรรดาสาวๆ เห็นทั้งคู่ถือดาบบุกเข้ามาในห้องอย่างอุกอาจจึงพากันร้องกรี๊ดก่อนแทคทีมวิ่งไล่ตะครุบตัวทั้งคู่ ในที่สุดองค์ชายวังโซกับอึนชอนก็ฝ่าด่านสาวๆ ออกมานอกร้านได้สำเร็จ แต่สาวๆ จอมอึดยังคงไล่ตามไม่เลิก บังเอิญว่าชินยุล แพ็กมโย และคังมยอง (ซึ่งเดินหาเจ้าบ่าวแบบวนไปวนมา) ผ่านมาทางนั้นพอดี แพ็กมโยเห็นสาวๆ วิ่งไล่องค์ชายวังโซจึงคิดว่าองค์ชายกินเหล้าเมาแล้วไม่ยอมจ่ายเหมือนใครบางคนที่เธอรู้จัก  คังมยองรู้ตัวว่าโดนเหน็บเลยออกตัวว่าผู้ชายก็ทำผิดพลาดได้ (ทั้งคู่มัวแต่ยืนดูคนวิ่งไล่กันเลยไม่ทันมองว่าชินยุลหันหลังแล้วเดินวนกลับไปทางเดิมอีกครั้ง)




ชินยุลมัวแต่เดินใจลอยเลยไม่ทันสังเกตว่ามีรถม้าวิ่งตรงมายังเธอ องค์ชายวังโซวิ่งผ่านมาพบเข้าจึงช่วยดึงตัวเธอให้พ้นทางก่อนเสียหลักล้มลงทั้งคู่ ชินยุล (ซึ่งสวมหมวกที่มีผ้าคลุมหน้า) เห็นองค์ชายวังโซในระยะประชิดก็ถึงกับตกตะลึง องค์ชายวังโซถามเป็นภาษาโครยอว่าเธอปลอดภัยดีใช่ไหม ชินยุลได้ยินดังนั้นก็แทบไม่เชื่อหู เธอยังไม่ทันได้พูดอะไรองค์ชายก็รีบเผ่นไปเสียก่อนเพราะสาวๆ ยังคงไล่หลังมาเป็นโขยง แพ็กมโยและคังมยองรีบเข้าไปดูชินยุลด้วยความเป็นห่วง แพ็กมโยถามว่า "ไม่เป็นไรใช่มั๊ย" ชินยุลมองตามองค์ชายวังโซจนลับตาก่อนรำพึงรำพันว่า "เขาจะต้องไม่เป็นไร เขาเป็นชายชาวโครยอ" 



หลังวิ่งหนีเอาตัวรอดจนเหนื่อยหอบด้วยกันทั้งคู่ องค์ชายวังโซก็ชวนอึนชอนไปหาอะไรดื่ม ชินยุล แพ็กมโย และคังมยอง แอบตามไปสังเกตสองหนุ่มที่ร้านเหล้า คังมยองมั่นใจว่าองค์ชายวังโซเป็นชาวโครยอแน่ (ชินยุลมององค์ชายวังโซด้วยแววตาเป็นประกาย) แพ็กมโยยอมรับว่ารูปร่างหน้าตาขององค์ชายวังโซนับว่าไม่เลว แต่เธอสงสัยว่าองค์ชายวังโซกับอึนชอนอาจเป็นนักฆ่าที่รับจ้างฆ่าคนจึงเตือนชินยุลว่าต่อให้เป็นการแต่งงานหลอกๆ ก็ไม่ควรแต่งงานกับฆาตกร ที่สำคัญชินยุลไม่ควรแต่งงานกับคนไร้คุณธรรมที่ชอบกินแล้วชักดาบอย่างเขา ชินยุลบอกตามตรงว่าเธอชอบองค์ชายวังโซ แพ็กมโยแนะให้เธอแต่งงานกับอึนชอนแทน คังมยองแย้งว่าเธอน่าจะเลือกคนที่ไม่ไร้อารมณ์อย่างองค์ชายวังโซมากกว่า ชินยุลชี้ไปที่องค์ชายวังโซพลางบอกว่า "สามีของข้าคือ....เขาคนนั้น"

อึนชอนขอตัวไปตามหาร่องรอยคนร้ายแถวๆ ร้านตีเหล็กอีกครั้งโดยกำชับให้องค์ชายวังโซรอตนที่นี่ องค์ชายเห็นว่าเหล้าหมดแล้วจึงบ่นว่าอึนชอนน่าจะสั่งเหล้าให้ตนก่อนไป เมื่อพนักงานในร้านนำเหล้ามาให้ทั้งที่ตนไม่ได้สั่ง องค์ชายวังโซก็รู้สึกแปลกใจ พอเห็นว่าคังมยองลอบมองตน  องค์ชายวังโซจึงนึกในใจว่าคังมยองกับชายที่สะกดรอยตามพวกตนก่อนหน้านี้อาจเป็นพวกเดียวกัน แม้จะสงสัยว่าในเหล้าอาจมียาพิษแต่เขาอยากแสดงให้อึนชอนเห็นว่าตนสามารถจับคนร้ายได้ด้วยตนเอง เลยแกล้งหลงกลด้วยการทำเป็นดื่มเหล้าเข้าไป



อีกด้านหนึ่งที่โครยอในเวลาเดียวกันนั้น ทางวังหลวงได้ส่งเกี้ยวมารับองค์หญิงยอวอนที่จวน ระหว่างนั่งเกี้ยวเพื่อเดินทางเข้าวัง องค์หญิงยอวอนนึกถึงตอนที่แจกงระเบิดอารมณ์หลังรู้ว่าพระราชาจับคู่หลานสาวเพียงคนเดียวของตนกับองค์ชายที่ถูกเนรเทศและเติบโตมากับฝูงหมาป่าบนเขากึมกัง ในตอนนั้นองค์หญิงยอวอนพูดกับแจกงด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่าเธอจะอภิเษกกับองค์ชายวังโซ และจะใช้โอกาสนี้ผลักดันน้องชายให้ขึ้นเป็นพระราชา แต่ถ้าทำไม่สำเร็จเธอจะทำเพื่อครอบครัวด้วยการสนับสนุนให้สามีได้ขึ้นครองบัลลังก์แทน เพราะนั่นเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะทำให้ตนได้เป็นพระมเหสี

พระเจ้าแทโจถามจีมงว่าหากองค์ชายวังโซแต่งงานกับองค์หญิงยอวอนคำสาปจะเปลี่ยนเป็นแสงสว่างจริงหรือ และที่จีมงเคยบอกตนว่าองค์ชายวังโซจะกลายเป็นพระราชาที่นำแสงสว่างมาสู่โครยอเป็นเรื่องจริงหรือไม่ จีมงตอบเพียงว่าคืนนี้สวรรค์จะให้คำตอบแก่พระองค์



เมื่อชินยุลคลายเชือก องค์ชายวังโซซึ่งถูกจับยัดกระสอบก็รีบโผล่หัวออกมาอย่างคนรู้ทัน เขาพยายามดิ้นให้ตัวเองหลุดจากกระสอบแต่ทำไม่สำเร็จเลยสั่งให้ชินยุลรีบคลายเชือกที่เหลือแล้วปล่อยตนออกจากกระสอบ (แต่มือทั้งสองยังถูกมัดอยู่ดี) แม้จะเห็นว่าทุกอย่างรอบตัวถูกตกแต่งด้วยสีแดง แถมหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้ายังสวมชุดและผ้าคลุมหน้าสีแดง แต่องค์ชายวังโซยังคงนึกว่าตนอยู่ในรังของนักฆ่า (เหล่านักฆ่าที่บุกเข้าวังโครยอก่อนหน้านี้ก็สวมชุดสีแดง) เขาถามชินยุลว่าที่นี่ที่ไหน ใช่องค์กรของเธอรึเปล่า   จากนั้นก็ถามว่าชินยุลเป็นใคร เป็นผู้นำใช่หรือไม่ ชินยุลตอบว่าตนกำลังจะเป็นเจ้าสาวของเขา ที่นี่คือห้องเจ้าสาว และพวกตนกำลังจะแต่งงานกัน

ในที่สุดองค์ชายวังโซก็รู้ตัวว่าตนไม่ได้อยู่ในรังนักฆ่า แต่ถูกหญิงสาวลักพาตัวมาเข้าพิธีแต่งงาน เมื่อถูกแพ็กมโยเร่งให้รีบออกไปเข้าพิธี ชินยุลก็ขอร้ององค์ชายวังโซให้แต่งงานกับตนหลอกๆ โดยบอกว่าขอยืมตัวแค่วันนี้ เธอเสนอว่าจะจ่ายค่าตัวเขาเป็นเหรียญเงิน 1,000 เหรียญ องค์ชายทำหน้าผิดหวังเมื่อรู้ว่าตนคว้าน้ำเหลว  ชินยุลนึกว่าเขาไม่พอใจเรื่องค่าตัวเลยเสนอว่าจะจ่ายเพิ่มเป็น 1,500 เหรียญ องค์ชายวังโซบ่นด้วยความหงุดหงิดที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนแถมชินยุลยังขัดขวางไม่ให้เขาออกจากห้อง ชินยุลเห็นองค์ชายหัวเสียจึงเสนอค่าตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 และ 3,000 เหรียญตามลำดับ องค์ชายแก้เชือกที่มัดมือพลางบ่นว่าตนคงพ่ายหมดรูปถ้ากลับไปมือเปล่า ชินยุลคิดว่าการได้เหรียญเงิน 3,000 เหรียญเปรียบเสมือนกลับไปมือเปล่าสำหรับเขาจึงเสนอค่าตัวเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 เหรียญ องค์ชายวังโซไม่อยากให้ชินยุลเข้าใจผิดมากไปกว่านี้เลยตัดบทว่าต่อให้จ่ายหมื่นเหรียญก็ไม่พอและบอกให้เธอนำเงินไปซื้อตัวผู้ชายคนอื่นแทน พูดจบเขาก็เดินตรงไปที่ประตูแต่ชินยุลขวางเอาไว้

เมื่อแม่ทัพควักมาถึงแพ็กมโยก็รีบวิ่งไปที่ห้องเจ้าสาว ในตอนนั้นชินยุลพยายามอ้อนวอนขอความเห็นใจจากองค์ชายวังโซ โดยบอกว่าหากเขาไม่ช่วยเธอจะถูกบังคับให้แต่งงานกับผู้ชายที่อายุมากกว่าตนถึงสองเท่า แต่องค์ชายวังโซกำลังร้อนใจจึงบอกให้เธอหลีกทาง ชินยุลถามว่าไม่สงสารตนบ้างเลยหรือ องค์ชายวังโซแย้งว่าถ้าคนอย่างเธอน่าสงสาร ตนก็น่าสมเพช หลังพยายามทุกวิถีทางแล้วไม่ได้ผลชินยุลจึงถามว่าต้องเอาอะไรมาแลกถึงจะซื้อตัวเขาได้  องค์ชายวังโซตอบว่าตนไม่ใช่คนที่เธอจะซื้อได้ แต่ชินยุลยืนกรานว่าไม่มีอะไรที่ตนซื้อไม่ได้ องค์ชายชักเริ่มหงุดหงิดที่ชินยุลตื๊อไม่เลิกและไม่ยอมหลีกทางให้ตนจึงโวยวายเสียงดังลั่น จากนั้นก็แกล้งถามว่าถ้าตนอยากได้แผ่นดินนี้มาครองเธอจะให้ตนได้ไหม ชินยุลฟังแล้วถึงกับอึ้ง องค์ชายวังโซจึงชี้ว่าเธอให้ไม่ได้ ตนก็ทำไม่ได้เช่นกัน (องค์ชายแค่ต้องการเปรียบว่าเรื่องบางเรื่องมันเป็นเหตุสุดวิสัย)





ชินยุลแย้งว่าสิ่งนั้นประเมินค่ามิได้จึงไม่อาจนำมาเหมารวม เธอกล่าวว่าการที่เขาขอเช่นนั้นไม่ต่างจากโจรที่หวังครอบครองแผ่นดินในชั่วข้ามคืน องค์ชายเห็นชินยุลคิดเป็นเรื่องจริงจังเลยชี้ว่าตนพูดเล่น เมื่อแพ็กมโยร้องเตือนว่าแม่ทัพควักมาถึงแล้ว ชินยุลก็รู้สึกตกใจ เธอได้ยินเสียงแม่ทัพควักบอกคนข้างนอกว่าจะขอดูหน้าคู่หมั้นของชินยุลก่อน จึงยอมแพ้แล้วตอบตกลง จากนั้นก็รีบเอามือเช็ดหน้าเช็ดตาให้เขาแล้วนำชุดเจ้าบ่าวมาสวมให้ องค์ชายวังโซไม่เข้าใจว่าชินยุลหมายถึงอะไร ชินยุลเลยขยับตัวเข้าไปใกล้และกระซิบข้างหูองค์ชายว่าสัญญามีผลตั้งแต่บัดนี้ (เธอจะทำให้เขาได้ครองแผ่นดิน) ชินยุลจ้องหน้าองค์ชายวังโซพลางจับใบหน้าเขาให้หันมามองตนก่อนส่งสัญญาณบอกให้เขาเงียบๆ เมื่อแม่ทัพควักเดินเข้ามาในห้องก็เห็นภาพบาดตาบาดใจเพราะแลดูคล้ายชินยุลกำลังจะจูบกับเจ้าบ่าวของตน


แม่ทัพควักถามองค์ชายวังโซ (เป็นภาษาจีน) ว่าเขาคือคู่หมั้นที่มาจากโครยอหรือ แต่องค์ชายวังโซฟังไม่รู้เรื่อง หลังเจอแม่ทัพควักองค์ชายวังโซก็มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนกล่าวกับชินยุลว่าแม่ทัพควักหน้านิ่งไม่ต่างจากศพเดินได้ และถามว่าเธอจะต้องแต่งงานกับผีตายซากแก่ๆ คนนี้เนี่ยนะ แม่ทัพควักฟังแล้วได้แต่ทำหน้างงเพราะฟังภาษาโครยอไม่เข้าใจ  ชินยุลเลยโกหกว่าคู่หมั้นของตนไม่ชอบให้ชายอื่นเข้ามาในห้องเจ้าสาว แม่ทัพควักเห็นกับตาว่าชินยุลมีคู่หมั้นจริงจึงบอกเธออย่างแมนๆ ว่า "บอกเขาด้วยว่าข้ามาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับเจ้า และข้าก็มีความสุขไปกับเจ้าด้วย"  องค์ชายวังโซเดาว่าเธอคงถูกแม่ทัพควักซื้อตัวมาจึงถามอย่างมีอารมณ์ว่าพ่อของเธอขายลูกกินงั้นหรือ ชินยุลโกหกแม่ทัพควักว่าคู่หมั้นของตนไม่ชอบให้คนอื่นมาห่วงใยตน

องค์ชายวังโซดึงชินยุลเข้ามากอด จากนั้นก็โวยแม่ทัพควักว่าเขาไม่ควรทำกับผู้หญิงเยี่ยงนี้ แถมเขายังทำตัวเหมือนซากศพ เธอเลยอับจนหนทางถึงขั้นต้องคว้าผู้ชายข้างทางมายัดใส่กระสอบแล้วลักพาตัวมาที่นี่ ชินยุลบอกแม่ทัพควักว่าคู่หมั้นของตนไม่ต้องการให้เขามาสนใจในตัวเธอและขอให้เขารีบออกจากห้องไป แม่ทัพควักเชื่อว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริงเลยบอกว่าตนจะปล่อยตัวพี่ชายเธอตามสัญญาเพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน ก่อนออกจากห้องแม่ทัพควักหันมาถามว่าชินยุลว่า หากพวกตนได้เคียงคู่ สักวันโลกอาจอยู่ในกำมือของพวกตน เธอจะไม่นึกเสียใจภายหลังใช่ไหม ชินยุลตอบว่าไม่เสียใจแน่นอน แม่ทัพควักจึงเปรยว่า "ข้าสงสัยว่าเขาจะรู้ตัวรึเปล่าว่าตนเองโชคดีแค่ไหน" ชินยุลตอบอย่างมั่นใจว่า "สักวันเขาจะต้องรู้อย่างแน่นอน" 



ชินยุลดีใจที่ตนทำสำเร็จ องค์ชายวังโซเห็นดังนั้นก็พลอยดีใจเพราะเขาจะได้ไปทำธุระของตนเสียที แต่ชินยุลยังคงฉุดแขนเขาเอาไว้ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เข้าพิธีแต่งงานตามประเพณี แม้จะไม่สู้เต็มใจนักแต่องค์ชายก็ยอมไหว้ฟ้าดิน (คำนับไปบ่นไป) ชินยุลบอกองค์ชายวังโซว่าไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้วเขาน่าจะทำด้วยความจริงใจมากกว่านี้ อย่างน้อยๆ ก็ควรยิ้มแทนที่จะทำหน้างอ องค์ชายแย้งว่าตนบอกหลายรอบแล้วว่ามีธุระ และเธอไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ แค่หนีไปซะก็สิ้นเรื่อง ชินยุลกล่าวว่าคนที่นี่ช่วยชีวิตและเลี้ยงดูตนตอนที่ตนเป็นเด็กกำพร้า พวกเขาเป็นครอบครัว เป็นโลกทั้งใบ และเป็นทุกสิ่งที่ตนจำเป็นต้องปกป้อง ทางเดียวที่ตนจะแก้ปัญหาโดยไม่ต้องทอดทิ้งพวกเขาคือการทำเช่นนี้ ชินยุลบอกองค์ชายวังโซอย่างชื่นชมว่าเขาได้ช่วยชีวิตคนของตน มิเช่นนั้นพวกเขาอาจถูกแม่ทัพควักสังหารไปแล้วก็ได้ หลังถูกชมว่าตนได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากในวันนี้ องค์ชายวังโซก็รู้สึกดีขึ้นและยิ้มออก ถึงกระนั้นเขาก็ออกตัวว่าตนไม่ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่อะไร ชินยุลเห็นองค์ชายยิ้มเลยแกล้งแหย่ให้เขาอารมณ์ดีขึ้น แต่แล้วอยู่ๆ ฝนเจ้ากรรมดันตกลงมาทำให้คนที่มาร่วมงานวิ่งหาที่หลบฝนกันจ้าละหวั่น องค์ชายวังโซเห็นดังนั้นจึงถอดเสื้อคลุมออกมาบังฝนให้ชินยุลและตนเอง


* เนื้อหาโดย luvasianseries

นักแสดงนำ


จางฮยอก
รับบท วังโซ (โซโซ)

องค์ชาย "วังโซ" เป็นหัวหน้ากลุ่มองค์กรลับที่มีชื่อว่า "โชอึยซอนิน" (หน่วยองครักษ์ลับของพระราชา) หลังพระเจ้าฮเยจง (วังมู) สวรรคต และองค์ชายวังโย (พระเจ้าชองจง) ได้ขึ้นครองบัลลังก์ องค์ชายวังโซก็อยู่ในฐานะผู้สืบทอดราชบัลลังก์ลำดับที่หนึ่ง เขาเกิดมาพร้อมคำทำนายอันน่าสะพรึงที่ระบุว่า เขาจะนำพาความมืดมิดมาสู่บ้านเมืองและจะทำให้เลือดท่วมโครยอ แม้แต่พระมารดาของเขา (ซึ่งมาจากตระกูลขุนนางเก่าชินลาที่ยังทรงอิทธิพล) ก็ยังเชื่อในคำทำนายและมักตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวทุกครั้งเมื่อเผชิญหน้ากับพระโอรส คำทำนายจึงกลายเป็นคำสาปนับตั้งแต่วันแรกที่เขาลืมตาดูโลก ครั้นอายุได้ 8 ชันษาองค์ชายวังโซก็ถูกกล่าวหาว่าทำให้องค์ชาย "วังแท"  (พระเชษฐา) สิ้นพระชนม์จึงถูกขับออกจากวัง นับจากนั้นเขาจึงต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากบนภูเขากึมกัง ก่อนที่จะถูกฝึกให้เป็นนักรบในเวลาต่อมา

เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์: องค์ชาย "โซ"  เป็นพระโอรสองค์ที่ 4 ในพระเจ้าแทโจ ("วังกอน" - ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โครยอ) และพระมเหสีชินมยองซุนซอง (จากตระกูลยูแห่งชุงจู  เป็นพระมเหสีองค์ที่ 3 และพระมเหสีที่มีพระโอรส/ธิดามากที่สุดถึง 7 พระองค์) ขณะมีพระชนมายุ 25 พรรษาองค์ชาย "โซ" ได้รับการสถาปนาเป็น "พระเจ้าควางจงแห่งโครยอ" (พระราชาองค์ที่ 4 แห่งโครยอ) ทรงครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ.  949–975 (พ.ศ. 1492-1518) 



โอ ยอนซอ
รับบท ชินยุล

"ชินยุล" เป็นองค์หญิงคนสุดท้ายของอาณาจักรพัลแฮที่ล่มสลาย (และผู้นำกลุ่มชองแฮ) วันที่เธอลืมตาดูโลก โหรหลวงได้ทำนายว่าเธอจะเป็นแสงสว่างอันเรืองรองของอาณาจักรอื่น พระมเหสีแห่งอาณาจักรพัลแฮจึงสั่งให้กำจัดเธอทิ้ง มารดาของเธอขอสังหารลูกน้อยด้วยมือตัวเองและโยนเธอลงไปในทะเลสาปที่เย็นยะเยือก แต่สาวใช้คนหนึ่งได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้และเลี้ยงดูเธอจนเติบใหญ่ เมื่อเติบโตขึ้นเธอได้กลายเป็นหัวหน้ากลุ่มการค้าที่เปี่ยมไปด้วยทักษะและกลอุบาย ทำให้กลุ่มการค้าของเธอมีอิทธิพลในแถบ "จงกั๋ว" (หรือ "อาณาจักรกลาง" ซึ่งหมายถึง "จีน") เธอมีความรอบรู้สารพัดด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และยุทธวิธีทางทหาร ด้วยความที่เธอเป็นคนฉลาด ทุกสิ่งที่เธอลงมือทำจึงมักยอดเยี่ยมและประสบความสำเร็จเสมอ



อิม จูฮวาน
รับบท วังอุก

หลังพระเจ้าฮเยจง (วังมู) สวรรคต และองค์ชายวังโย (พระเจ้าชองจง) ได้ขึ้นเป็นพระราชาองค์ต่อไป "องค์ชายวังอุก" พระโอรสองค์ที่ 5 ของพระเจ้าแทโจ (ประวัติศาสตร์ระบุว่าเป็นองค์ที่ 8) ก็กลายเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ลำดับที่สอง ถึงจะเป็นพระอนุชาต่างมารดาขององค์ชายวังโซ แต่ทั้งคู่มีอายุห่างกันเพียง 4 เดือนเท่านั้น ในบรรดาโอรส 25 พระองค์ของพระเจ้าแทโจ องค์ชายวังอุกนับว่ารูปงามที่สุด ซ้ำยังฉลาดหลักแหลมและมีทักษะในด้านการต่อสู้  องค์ชายวังอุกไม่เพียงเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในด้านต่างๆ แต่ยังได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดีเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นผู้ครองบัลลังก์ ด้วยความที่ภาพลักษณ์ของเขาเป็นคนจิตใจดี ผู้คนจึงเปรียบเขาดั่งพระพุทธองค์ตัวเป็นๆ ถึงแม้จะหน้าตาหล่อเหลาแต่เขาเคยผิดหวังเรื่องความรักมาแล้วครั้งหนึ่ง

เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์: องค์ชาย "อุก" เป็นพระโอรสองค์ที่ 8 ในพระเจ้าแทโจและพระมเหสีซินจอง (จากตระกูลฮวางโบ แห่งฮวางจู) พระองค์เป็นพระสวามีของ "พระชายาแฮ" ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมพระบิดา (พระชายาแฮเป็นธิดาในพระเจ้าแทโจกับพระมเหสีจองด๊อก) และเป็นพระราชบิดาของ "พระเจ้าซองจงแห่งโครยอ" (พระราชาองค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์โครยอ) หลังพระเจ้าซองจงขึ้นครองราชย์องค์ชาย "อุก" จึงได้รับการแต่งตั้งเป็น "พระเจ้าแทจง" (เป็นพระนามเรียกขาน ไม่ได้เป็นพระราชาจริงๆ) ส่วนพระชายาแฮได้รับการแต่งตั้งเป็น "พระมเหสีซอนอึย"



ลี ฮานี
รับบท ฮวางโบ ยอวอน (พระมเหสีแทมก)

"ฮวางโบ ยอวอน" เป็นธิดาของพระเจ้าแทโจ ได้ชื่อว่าเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงามที่สุดในโครยอ แต่ภายใต้ใบหน้าอันงดงามกลับเป็นจอมวางแผนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆ เธอฉลาดเป็นกรดและเป็นคนเลือดเย็น มีความเชี่ยวชาญในเรื่องยาพิษ ไม่ปล่อยให้อารมณ์หรือความรู้สึกบดบังการตัดสินใจ สำหรับเธอแล้วเกียรติยศของวงศ์ตระกูลอยู่เหนือทุกสิ่ง เมื่อถูกจับแต่งงานกับองค์ชายวังโซซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดาที่ต้องคำสาป เธอจึงยอมทำตามเพื่อผลประโยชน์ของครอบครัว

เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์: พระมเหสีแทมก เป็นธิดาของพระเจ้าแทโจแห่งโครยอ และพระมเหสีซินจอง (จากตระกูลฮวางโบ แห่งฮวางจู) ทั้งยังเป็นพระขนิษฐาขององค์ชายวังอุก และชายาเอกขององค์ชายวังโซ (หรือ "พระมเหสีแทมกในพระเจ้าควางจง")



ลี ต็อกฮวา
รับบท วัง ชิก-รยอม 

เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์:  "วัง ชิก-รยอม"  เป็นเสนาบดี และพระญาติของพระเจ้าแทโจ



รยู ซึงซู
รับบท  วังโย (พระเจ้าชองจง)

เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์: องค์ชาย "โย"  เป็นพระโอรสองค์ที่ 3 ในพระเจ้าแทโจและพระมเหสีชินมยองซุนซอง จากสกุลยู (ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางเก่าชิลลา) ภายหลังได้รับการสถาปนาเป็น "พระเจ้าชองจงแห่งโครยอ" (พระราชาองค์ที่ 3 แห่งโครยอ) ทรงครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ.  945–949 (พ.ศ. 1488-1492) 



นา จงชาน
รับบท เซวอน (โฮยุล)


คนที่เกี่ยวข้องกับ "วังโซ"


คิม รเวฮา 
รับบท อึนชอน (นักรบเก่งสุดในโครยอ และที่ปรึกษาวังโซ)



ชิน ซึงฮวาน 
รับบท กิลบก



จี ซูวอน 
รับบท พระพันปียู (พระมเหสีชินมยองซุนซอง)


คนที่เกี่ยวข้องกับ "ชินยุล"



ฮอ จองมิน 
รับบท ยาง คยูดัล



คิม ซอนยอง 
รับบท แพ็กมโย



อัน กิลกัง 
รับบท คังมยอง



ชอง อูชิก 
รับบท คยอง



ลี อึนวู
รับบท ชุนอา

อื่นๆ


คิม พยองอก
รับบท จีมง



นา ฮเยจิน
รับบท ชองอก




รวมคลิปตัวอย่าง




เพลงประกอบละคร


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา