กำกับ: ถังตี๋
เขียนบท: สวีเสี่ยวเผิง, ฟู่ปิน
แนวละคร: ย้อนยุค, กำลังภายใน, อิงตำนาน
จำนวนตอน: 40
ออกอากาศ: จีน - (ครั้งแรก) 20 มิถุนายน 2559 ทาง Tencent video (วิดีโอสตรีมมิ่งเว็บไซต์)
ไทย - ทุกวันอังคาร-พฤหัสบดี เวลา 21.00-22.00 น. ทางช่อง 3 เอสดี (หมายเลข 28) ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2560 - 31 ตุลาคม 2560
เรื่องย่อ
ละคร "ลิ่วซ่านเหมิน สำนักพิทักษ์คุณธรรม (Liu Shan Men)" นำเสนอเรื่องราวในยุคกลางของราชวงศ์หมิง ซึ่งขณะนั้น "ฮ่องเต้เฉิงฮั่ว" (จูเจี้ยนเซิน) กำลังประชวรหนักและมักไม่ได้พระสติ ด้วยความที่พระองค์ยังไม่ได้แต่งตั้งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ จึงทำให้องค์ชาย (ซึ่งเป็นพระโอรสเพียงองค์เดียวที่รอดชีวิต) กับ "อ๋องฉี" (ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระอนุชาของฮ่องเต้) เปิดศึกแย่งชิงราชบัลลังก์ โดยองค์ชายได้รับการสนับสนุนจากฮองเฮาและมหาเสนาบดี "หลิวจี๋" ขณะที่อ๋องฉีได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ ด้วยเหตุนี้ "จ้าวอู๋จี๋" (ขันทีคนสนิทของฮ่องเต้และหัวหน้าสำนักตงฉ่าง) จึงจับมืออ๋องฉีต่อกรกับหลิวจี๋
ขณะเดียวกันได้เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นในเมืองหลวงอย่างต่อเนื่อง มหาเสนาบดี "หลิวจี๋" จึงมอบหมายให้สำนักลิ่วซ่านเหมินเป็นผู้ไขคดี (ลิ่วซ่านเหมิน เป็นองค์กรพิเศษของทางการในสมัยราชวงศ์หมิง มีหน้าที่หลักในการสืบสวน ไต่สวน และพิจารณาคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีสำคัญ) แต่ "เซินจื่อมู่" หัวหน้าสำนักลิ่วซานเหมินรู้ดีว่างานดังกล่าวเปรียบเสมือนเผือกร้อนในมือ จึงทำงานตามหน้าที่และปิดคดีแบบขอไปทีเพราะไม่ต้องการสาวลึกลงไปกว่านี้ แม้รู้ดีว่า "เซินลี่สิง" ผู้เป็นบุตรชาย เป็นคนฉลาด ช่างสังเกต และมีพรสวรรค์ด้านการสืบสวน แต่เขาไม่ยอมให้ลี่สิงมาทำงานที่ลิ่วซ่านเหมิน ทั้งยังห้ามไม่ให้ลี่สิงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการไขคดี เพื่อป้องกันไม่ให้ลี่สิงตกอยู่ในวังวนของความขัดแย้งในราชสำนัก แต่ลี่สิงไม่อาจทนนิ่งดูดายจึงพยายามสืบหาความจริง ในที่สุดเขาก็พบว่าคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นไม่ใช่เหตุฆ่ากันตายธรรมดา เมื่อสาวลึกลงไปก็พบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการแก่งแย่งห้ำหั่นและสมรู้ร่วมคิดระหว่างผู้มีอำนาจในราชสำนัก
เนื้อหาตอนที่ 1
ละครเปิดฉากขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ขณะนั้นได้เกิดความระส่ำระสายขึ้นในเมืองหลวง (ปัจจุบันคือกรุงปักกิ่ง) เนื่องจาก "ฮ่องเต้เฉิงฮั่ว" (จูเจี้ยนเซิน) ประชวรหนักแต่ราชบัลลังก์ยังคงไร้ผู้สืบทอด แม้มหาเสนาบดี "หลิวจี๋" (ซึ่งมีฮองเฮาหนุนหลัง) และเหล่าบรรดาขุนนาง จะรบเร้าให้ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งองค์ชายเป็นรัชทายาท แต่ความพยายามกลับไม่เป็นผล เพราะฮ่องเต้รู้ดีว่าพระโอรสทั้งอ่อนแอและมีปัญหาเรื่องสุขภาพหากแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทจะตกเป็นหุ่นเชิดของหลิวจี๋ (ซึ่งเป็นพระอาจารย์ขององค์ชายด้วย) เพื่อไม่ให้ราชสำนักตกอยู่ในกำมือของคนสกุลหลิว ฮ่องเต้จึงมีพระบัญชาให้ "อ๋องฉี" (จูเจี้ยนอี้) ซึ่งอยู่ในเมืองจี่หนาน (ปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของมณฑลชานตง) เดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อเข้าเฝ้าพระองค์อย่างลับๆ หมายเตรียมการให้อ๋องฉีเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์
เมื่อ "ฮองเฮา" และหลิวจี๋รู้ว่าฮ่องเต้มีบัญชาให้อ๋องฉีกลับเมืองหลวงแต่กลับไม่เรียกอ๋องคนอื่นๆ จึงมอบหมายให้ "ฟางอี้" นำนักแม่นธนูของจินอี่เว่ย (องครักษ์เสื้อแพร) ไปสกัดและกำจัดอ๋องฉีอย่างลับๆ เพื่อเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม ทำให้อ๋องฉีตลอดจนเหล่าผู้คุ้มกัน (ซึ่งล้วนเป็นอดีตเด็กกำพร้าที่อ๋องฉีชุบเลี้ยงเอาไว้) ถูกตามไล่ล่าตลอดการเดินทางกว่า 20 วัน ระหว่างถูกโอบล้อมขณะเข้าพักในโรงเตี๊ยมก่อนถึงหมู่บ้านอี้เซียนในเขตทงโจว อ๋องฉีรู้ดีว่ามีใครบางคนไม่ต้องการให้ตนเข้าเมืองหลวงจึงส่งยอดฝีมือมาสังหารตน เขาเห็นว่าศัตรูมีทั้งกำลังและฝีมือที่เหนือกว่าจึงบอกให้ "ซูอี้ชิง" กับ "ซุนซิน" ฉวยโอกาสพาทุกคนหลบหนีไปในตอนกลางคืน เพราะไม่ต้องการให้เหล่าผู้ติดตามต้องมาสังเวยชีวิตเพื่อตนอีก แต่ทุกคนยืนกรานว่าจะอยู่คุ้มกันอ๋องฉีต่อไปและพร้อมเผชิญหน้ากับความตายเคียงข้างอ๋องฉี
"เซินลี่สิง" ปลอมตัวเป็นชายชรามาช่วยอ๋องฉีที่โรงเตี๊ยมแต่ถูกอี้ชิงกับซุนซินจับได้เสียก่อน ที่แท้เขาตามติดอ๋องฉีมาตลอดทั้งยังคอยชี้ทางหลบหนีให้ แต่ที่ผ่านมาอ๋องฉีไม่เชื่อเพราะคิดว่าเป็นกลลวงทำให้เสียผู้คุ้มกันไปหลายคน คราวนี้เขาเลยมาช่วยอ๋องฉีเตรียมการรับมือที่โรงเตี๊ยม ซุนซินอาสาเป็นเหยื่อล่อเพื่อเปิดทางให้อี้ชิงพาอ๋องฉีหลบหนีทั้งที่รู้ว่าต้องสละชีวิต ตอนแรกอ๋องฉีไม่ยอมแต่ลี่สิงชี้ว่าหากไม่ทำเช่นนั้นทุกคนจะตายกันหมด ซุนซินเสริมว่าถ้าเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับพี่น้องของพวกตนพลีชีพโดยเปล่าประโยชน์ อ๋องฉีได้ยินดังนั้นจึงยอมทำตามแผนของลี่สิง ซุนซินก้มศีรษะจรดพื้นต่อหน้าอ๋องฉีเพื่อเป็นการอำลา อ๋องฉีรีบเข้าไปประคองซุนซินให้ลุกขึ้น ก่อนก้มศีรษะคารวะซุนซินเพื่อขอบคุณในความเสียสละและภักดีของเขา ซุนซินหันไปยิ้มให้อี้ชิงแล้วพาพี่น้องที่เหลือรอดบุกฝ่านักแม่นธนูออกจากโรงเตี๊ยมหมายให้ศัตรูเข้าใจว่าอ๋องฉีจะฝ่าวงล้อมหลบหนี ส่วนลี่สิงจุดประทัดและตีกลองเสียงดังลั่นเพื่อกลบเสียงรถม้าของอ๋องฉีที่หนีออกทางด้านหลัง หลังยืนหยัดต่อสู้ได้ไม่นานคนของอ๋องฉีก็เสียชีวิตจนเกือบหมด ซุนซินเห็นพี่น้องล้มตายต่อหน้าคนแล้วคนเล่าก็ถึงกับน้ำตาร่วง ถึงกระนั้นเขาสู้ไม่ถอยและเสียชีวิตในที่สุด หลังจากนั้นฟางอี้ก็เผาโรงเตี๊ยมแล้วส่งนกพิราบสื่อสารไปแจ้งข่าวแก่หลิวจี๋
หลังหลบหนีออกจากโรงเตี๊ยมได้สำเร็จ อ๋องฉีรู้สึกผิดและเศร้าใจที่สูญเสียคนคุ้มกันไปเกือบหมด คงเหลือเพียงอี้ชิงอยู่ข้างกายแค่คนเดียว อ๋องฉีคารวะขอบคุณลี่สิง (ซึ่งไม่ยอมเผยตัวว่าตนเองเป็นใคร ชื่อแซ่อะไร) และลั่นวาจาว่าจะไม่ลืมบุญคุณของเขา จากนั้นก็พากันเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านอี้เซียนในเขตทงโจว เมื่อฮองเฮาได้ยินข่าวว่าอ๋องฉีเดินทางมาถึงเขตทงโจวแล้วก็รู้สึกหนักใจเพราะอ๋องฉีใกล้วังหลวงเข้ามาทุกที (เขตทงโจวเป็นหน้าด่านของเมืองหลวง) แถมอาการของฮ่องเต้ก็ไม่สู้ดีนัก พระองค์จึงกดดันให้หลิวจี๋รีบจัดการอ๋องฉี เพราะถ้าหากอ๋องฉีได้ขึ้นครองบัลลังก์แทนที่จะเป็นโอรสของตน ทั้งตนและหลิวจี๋จะโดนโค่นอำนาจและถูกกวาดล้าง หลิวจี๋จึงส่งข้อความไปบอกฟางอี้ว่าหากทำงานไม่สำเร็จจะมีโทษถึงตาย
หลังตรวจดูพระอาการของฮ่องเต้แล้ว "หมอหลวงซง" ก็รายงาน "จ้าวอู๋จี๋" (จ้าวกงกง) ว่าพระอาการของฮ่องเต้ทรุดหนักโดยไม่มีสาเหตุและแนะให้อู๋จี๋ทูลฮ่องเต้ให้รีบแต่งตั้งองค์รัชทายาท เมื่ออู๋จี๋ถามถึงอาการเจ็บป่วยขององค์ชาย หมอหลวงซงจึงรายงานว่าสุขภาพขององค์ชายก็ไม่สู้ดีเช่นกัน หลังไล่หมอหลวงและเหล่าขันทีออกจากห้อง ฮ่องเต้ก็หารือกับอู๋จี๋เรื่องที่เหล่าขุนนาง (ซึ่งล้วนเป็นคนของหลิวจี๋) พากันถวายฎีกาให้พระองค์ทรงแต่งตั้งองค์ชายเป็นองค์รัชทายาทโดยเร็ว ฮ่องเต้รู้ดีว่าหลิวจี๋คือตัวปัญหาเพราะเขาไม่เพียงกุมอำนาจเหนือขุนนางน้อยใหญ่ในราชสำนัก แต่ยังเป็นพระอาจารย์ขององค์ชายด้วย แถมองค์ชายซึ่งเป็นพระโอรสเพียงองค์เดียวของพระองค์ (ทั้งที่ทรงมีสนมมากมาย) ยังมีปัญหาด้านสุขภาพ หากวันใดพระองค์ไม่อยู่ แผ่นดินต้าหมิงคงตกอยู่ในกำมือของคนสกุลหลิวแทนที่จะเป็นสกุลจูของพระองค์
แม้อู๋จี๋จะแสดงความจงรักภักดี ทำตัวสงบเสงี่ยม อ่อนน้อมถ่อมตน และไม่แทรกแซงหรือแสดงความเห็นเรื่องการเมืองเวลาอยู่ต่อหน้า แต่ฮ่องเต้ก็รู้ว่าสำนักตงฉ่างของอู๋จี๋เริ่มมีอำนาจและแผ่ขยายอิทธิพลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ไม่คิดป้องปราม ซ้ำยังถามความเห็นอู๋จี๋เรื่องที่ตนจะมอบบัลลังก์ให้อ๋องฉี ตอนแรกอู๋จี๋ไม่กล้าตอบเพราะเกรงว่าจะมีโทษ (ขันทีห้ามก้าวก่ายเรื่องราชกิจ) ครั้นพอถูกคาดคั้นอู๋จี๋ก็ชี้ว่าหากองค์ชายซึ่งมีพระวรกายอ่อนแอได้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์เพียงเพราะเป็นสายเลือดของฮ่องเต้ ประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอย ดังนั้นพระองค์จึงควรหาทางป้องกันเอาไว้แต่เนิ่นๆ (ยุคต้นราชวงศ์หมิงเคยเกิดศึกแย่งชิงราชบัลลังก์ระหว่าง "จักรพรรดิเจี้ยนเหวิน" กับ "จูตี้" (เยี่ยนอ๋อง) ผู้เป็นลุง โดยศึกดังกล่าวกินเวลายาวนานถึง 3 ปี หลังจู้ตี้เป็นฝ่ายชนะก็สถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิหย่งเล่อ) ฮ่องเต้ตั้งข้อสังเกตว่าตนมีสนมมากมายแต่กลับมีโอรสเพียงคนเดียวแถมสุขภาพของโอรสยังไม่สู้ดี หากภายภาคหน้าโอรสของตนไม่มีทายาท บ้านเมืองคงลุกเป็นไฟ อู๋จี๋สบโอกาสจึงแกล้งพลั้งปากพูดว่าสุขภาพของอ๋องฉีดีกว่าองค์ชายมากนักจากนั้นก็ตบปากตนเอง
*เกร็ดความรู้: "สำนักตงฉ่าง" ก่อตั้งโดยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง สมาชิกทุกคนเป็นขันที ทำหน้าที่เป็นสายลับหรือตำรวจลับที่คอยสอดส่องตรวจตราการทำงานของเหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ รวมทั้งเหล่าบัณฑิต ทั้งยังคอยจับตาดูผู้คิดคด กบฏ และประชาชนทั่วไป โดยสามารถสืบสวนและจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อนส่งให้จินอี่เว่ย (องครักษ์เสื้อแพร) ทำการไต่สวน ในช่วงปลายราชวงศ์หมิงสำนักตงฉ่างเรืองอำนาจและมีอิทธิพลล้นฟ้าถึงขนาดมีกองกำลังนักรบและที่คุมขังเป็นของตัวเอง สามารถชี้เป็นชี้ตายให้ใครก็ได้ แม้แต่เหล่าขุนนางยังได้รับคำสั่งให้หมอบคลานเมื่ออยู่ต่อหน้าขันทีที่เป็นหัวหน้าสำนักตงฉ่าง และนั่นก็นำความเสื่อมถอยมาสู่ราชวงศ์หมิง
ฟางอี้นำกำลังไปดักซุ่มหน้าหมู่บ้านอี้เซียน (หมู่บ้านของตระกูลเฉียวซึ่งจงรักภักดีต่ออ๋องฉี) หมายกำจัดอ๋องฉี แต่กลับตกหลุมพรางของลี่สิงซึ่งเอาตัวเองกับอี้ชิง ตลอดจนคนสกุลเฉียวเป็นเหยื่อล่อเพื่อเปิดโอกาสให้อ๋องฉีควบม้ามุ่งหน้าเข้าวังหลวง ในที่สุดลี่สิงกับอี้ชิงก็ถูกจับตัวได้ ส่วนคนสกุลเฉียวโชคร้ายถูกฆ่าล้างครัว ขณะถูกจับมัดบนกิ่งไม้เหนือเหวลึกอี้ชิงขอให้ฟางอี้ปล่อยตัวลี่สิงโดยอ้างว่าพวกตนไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่ฟางอี้ไม่ยอมหลงกลทั้งยังคาดคั้นให้ทั้งคู่บอกที่ซ่อนอ๋องฉี ลี่สิงหาเรื่องพูดถ่วงเวลาโดยเหน็บแนมฟางอี้ว่าเขาเป็นคนของจินอี่เว่ย (องครักษ์เสื้อแพร) ซึ่งขึ้นตรงต่อฮ่องเต้ แต่ลับหลังกลับลอบสังหารพระญาติอย่างอ๋องฉีที่กำลังเดินทางไปเข้าเฝ้า หากเรื่องนี้ล่วงรู้ถึงพระเนตรพระกรรณเขาจะมีโทษถึงตาย ฟางอี้ได้ยินดังนั้นก็สงสัยว่าลี่สิงอาจเป็นคนของสำนักตงฉ่าง จึงสั่งให้ลูกน้องแก้มัดลี่สิงแล้วนำตัวมาตรวจสอบว่าเป็นขันทีหรือไม่ พอรู้ว่าลี่สิงไม่ใช่ขันที ฟางอี้ก็สงสัยว่าลี่สิงอาจเป็นคนของลิ่วซ่านเหมิน เมื่อลี่สิงปฏิเสธว่าตนเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ฟางอี้ก็ซัดฝ่ามือใส่ลี่สิงเพื่อทดสอบวรยุทธ ปรากฏว่าลี่สิงโดนซัดจนล้มลงไปนั่งจุก
*เกร็ดความรู้: "จินอี่เว่ย" (องครักษ์เสื้อแพร) ก่อตั้งโดยจักรพรรดิหงอู่ (ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง) เมื่อปี ค.ศ. 1382 เดิมทีมีจุดประสงค์เพื่อให้เป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ ต่อมาได้รับความไว้วางใจให้คอยสอดส่องและตรวจสอบการทำงานของเหล่าขุนนางในราชสำนัก หรือเรียกง่ายๆ ว่าคอยเป็นหูเป็นตาให้ฮ่องเต้โดยเฉพาะในด้านการเมืองและการทหาร มีอำนาจเหนือกระบวนการยุติธรรม สามารถจับกุม คุมขัง หรือลงโทษผู้คนโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการทางกฏหมาย และจะทำตามพระประสงค์ของฮ่องเต้เท่านั้น (แต่ในละครส่วนใหญ่มักถูกควบคุมโดยขันทีตงฉ่าง) แรกก่อตั้งมีสมาชิกราว 500 คน ภายหลังมีสมาชิกสูงสุดถึง 2 แสนคนในรัชสมัยจักรพรรดิเจิ้งเต๋อ
อี้ชิงเห็นดังนั้นจึงขอให้ฟางอี้ปล่อยตัวลี่สิง แต่ฟางอี้ต้องการรู้ที่ซ่อนของอ๋องฉีก่อน ลี่สิงกล่าวว่าคนอย่างอี้ชิงยอมตายเพื่อเจ้านาย ผิดกับฟางอี้ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเงิน จากนั้นก็คารวะและเรียกฟางอี้ว่า "ไป่ฮู่" (ตำแหน่งขุนนางขั้นหก เทียบเท่าผู้บังคับกองร้อย) ฟางอี้รู้สึกแปลกใจที่ลี่สิงล่วงรู้ตำแหน่งของตน พอรู้ว่าลี่สิงเป็นคนช่างสังเกตและมีสติปัญญาเขาก็อดชื่นชมไม่ได้ ฟางอี้บอกให้ลี่สิงพาตนไปพบอ๋องฉีแล้วตนจะตบรางวัลให้อย่างงาม แต่ลี่สิงกลับเย้ยว่าป่านนี้อ๋องฉีคงเดินทางถึงเมืองหลวงแล้ว พอรู้ตัวว่าพวกตนตกหลุมพราง ฟางอี้ก็สั่งให้ลูกน้องออกไล่ล่าอ๋องฉีทันที เมื่อลูกน้องของฟางอี้ทิ้งเชือกแล้วกระโดดขึ้นม้า อี้ชิง (ซึ่งยังคงถูกจับห้อยต่องแต่งเหนือเหวลึก) ก็เริ่มร่วงลึกลงไป โชคดีที่ลี่สิงคว้าเชือกทันแล้วรีบดึงอี้ชิงขึ้นมา เขาพยายามเอื้อมแขนออกไปคว้าตัวอี้ชิงแต่ถูกธนูยิงเข้าที่หลังเสียก่อน เมื่อลี่สิงเสียหลักร่วงตกจากหน้าผา อี้ชิงจึงพลอยตกลงไปอีกคน
ระหว่างเดินทางอยู่ๆ ม้าของอ๋องฉีก็แข็งขืนไม่ยอมเดินทางต่อทำให้ฟางอี้และลูกน้องควบม้าตามมาจนทัน เขาจะลงดาบสังหารอ๋องฉีแต่อู๋จี๋นำขันทีตงฉ่างมาช่วยเอาไว้ได้ทันเวลา อู๋จี๋รู้ว่ากลุ่มชายชุดดำที่อยู่ตรงหน้าคือองครักษ์เสื้อแพรจึงได้แต่เอ่ยปากขับไล่โดยไม่ใช้กำลังเข้าจับกุมเพราะไม่อยากมีเรื่องบาดหมางและเห็นว่าตนได้สร้างความดีความชอบต่อหน้าอ๋องฉีแล้ว หลังจากนั้นอู๋จี๋ก็พาอ๋องฉีไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้อย่างปลอดภัย
* เนื้อหาโดย luvasianseries
* เนื้อหาโดย luvasianseries
รายชื่อนักแสดง
นักแสดงนำ
หลินฟง
รับบท เซินลี่สิง
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
ตี๋ลี่เร่อปา
รับบท ซูอี้ชิง
(นักแสดง / นางแบบ ชาวจีน)
ที่หน้าตาสวยคมเพราะเธอเป็นชาวเมืองอุรุมชี (อูหลู่มู่ฉี) ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
ฟางจงซิ่น
รับบท อ๋องฉี (จูเจี้ยนอี้)
(นักแสดง ชาวฮ่องกง)
ซุนเย่าฉี
รับบท เฉาอี้เอิน
(นักแสดง / ผู้ดำเนินรายการ / นางแบบ ชาวจีน)
รับบท เหยียนอี้ตง
(นักแสดง ชาวจีน)
อื่นๆ
กัวรุ่ยซี
รับบท กงรุ่ยซี
(นักแสดง ชาวจีน)
เหอจงหัว
รับบท จ้าวอู๋จี๋
(นักแสดง / ผู้กำกับ ชาวจีน)
หวงเหวินหาว
รับบท เซินจื่อมู่
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา