กำกับ: ยู เจวอน
เขียนบท: ฮอ ซองฮเย
แนวละคร: แฟนตาซี, เมโลดราม่า, โรแมนติก
จำนวนตอน: 16
ออกอากาศ: เกาหลี - 3 กุมภาพันธ์ 2560 - 25 มีนาคม 2560 ทางทีวีเอ็น
ไทย - ทุกวันศุกร์ เวลา 23.10 น. ทางช่อง 7 สี ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2560 - 8 ธันวาคม 2560
ไทย - ทุกวันศุกร์ เวลา 23.10 น. ทางช่อง 7 สี ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2560 - 8 ธันวาคม 2560
เรื่องย่อ
ละคร "พรุ่งนี้ยังมีเธอ (Tomorrow, With You)" นำเสนอเรื่องราวของนักเดินทางข้ามเวลาวัย 30 ปี "ยู โซจุน" ซึ่งเป็นซีอีโอหนุ่มและผู้ก่อตั้งบริษัทลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ "มายรีทส์" (My REITs*)" กับ "ซง มาริน" อดีตดาราเด็กผู้โด่งดังแต่ปัจจุบันเป็นช่างภาพโนเนม วัย 31 ปี (มารินออกจากวงการบันเทิงก่อนอายุ 20 ปี เพราะไม่มีพรสวรรค์ด้านการแสดง) วันหนึ่งโซจุนเดินทางข้ามเวลาไปยังโลกอนาคตในอีก 3 ปีข้างหน้าแล้วพบว่าวันนั้นเป็นวันตายของเขา พอรู้ว่าตนกับมารินจะตายเพราะอุบัติเหตุในวันเวลาเดียวกัน และชะตาของเขามีบางอย่างเชื่อมโยงกับเธอ โซจุนจึงตัดสินใจแต่งงานกับมารินเพื่อหาทางแก้ไขและเปลี่ยนแปลงโชคชะตา หลังแต่งงานได้ไม่นานมารินเริ่มรู้สึกว่าโซจุนซึ่งเพียบพร้อมกว่าเธอทุกด้าน เก็บงำความลับเอาไว้มากมาย ยิ่งค้นหาความจริงเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งกลายเป็นคนลึกลับในสายตาเธอ เพราะความระแวงสงสัยเธอจึงทำให้เขาตกที่นั่งลำบากโดยไม่รู้ตัว โซจุนซึ่งแบกความรับผิดชอบเรื่องความเป็นความตายไว้เพียงลำพังและหลงรักมารินในที่สุด จึงพยายามคิดหาทางออกและคอยปกป้องเธอ
* REIT (Real Estate Investment Trust) คือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
เนื้อหาตอนที่ 1
"ยู โซจุน" เดินทางข้ามเวลาไปยังโลกอนาคตในเดือนธันวาคม ปี 2018 และได้ชมการแข่งขันเล่นเกมสตาร์คราฟท์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ผ่านทางหน้าจอที่บ้าน หลังผู้ดำเนินรายการประกาศว่ามนุษย์ (อิม โยฮวาน - นักเล่นเกมชื่อดัง) เป็นฝ่ายชนะ เขาก็ออกจากบ้านโดยแวะซื้อรองเท้ารุ่นล่าสุดเป็นของขวัญวันเกิดให้เพื่อนที่ชื่อ "ชิน เซยอง" (หัวหน้าทีมสถาปนิกขององค์กรแฮปปี้เนส) ก่อนขึ้นรถไฟใต้ดินกลับมายังโลกปัจจุบันซึ่งตรงกับเดือนมิถุนายน ปี 2016 หลังนำของขวัญวันเกิดไปมอบให้เซยองซึ่งนั่งดื่มกาแฟกับ "คัง กีตุง" (เพื่อนสนิทและหัวหน้าฝ่ายวางแผนที่บริษัทของโซจุน) แล้ว โซจุนก็ขอตัวไปทำธุระสำคัญต่อทันที เขานึกขึ้นได้เลยเดินกลับมาบอกเซยองว่าของขวัญที่ตนมอบให้เป็นสินค้าใหม่สุดล้ำ ซ้ำยังใหม่กว่ารุ่นล่าสุดที่กำลังจะวางจำหน่ายเสียอีก กีตุงสงสัยว่าเขามีธุระอะไรถึงได้รีบเร่ง โซจุนบอกเพียงว่าเป็นธุระเกี่ยวกับความเป็นความตายของใครบางคน ทันใดนั้น มือถือของเขาก็ขึ้นข้อความเตือนว่า "ซง มาริน ประสบอุบัติเหตุ เวลา 16.14 น."
"ซง มาริน" ไปร่วมถ่ายรูปพรีเวดดิ้งในฐานะเพื่อนเจ้าสาวให้กับ "ลี กอนซุก" พร้อมเพื่อนๆ อีกสามสี่คน ด้วยความที่เพื่อนเจ้าสาวล้วนเป็นไม้เบื่อไม้เมากับกอนซุกมาตลอด 15 ปี ทุกคนเลยพากันยิ้มให้กล้องอย่างไม่สู้เต็มใจนัก มีเพียงมารินที่ยิ้มระรื่นและโพสต์ท่าโดดเด่นราวกับเป็นนางแบบ ช่างภาพหญิงคนดัง "ชินบี" เห็นดังนั้นเลยบอกให้มารินยืนยิ้มตรงๆ เหมือนเพื่อนเจ้าสาวคนอื่นก็พอ กอนซุกอยากให้เหล่าเพื่อนเจ้าสาวตั้งใจถ่ายรูปจึงบอกว่าถ้ารูปออกมาสวยจะตนไม่รับซองงานแต่ง ปรากฏว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลเพราะทุกคนต่างยิ้มโดยพร้อมเพรียงกัน ระหว่างนั่งพักเหล่าเพื่อนเจ้าสาวต่างพากันแปลกใจที่มารินซึ่งไม่ถูกกับเจ้าสาวยิ่งกว่าพวกตนยอมมาถ่ายรูปด้วย ซ้ำยังยิ้มระรื่นและให้ความร่วมมือเหมือนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน
ที่แท้มารินยอมมาถ่ายรูปเพราะอยากเจอชินบี (ซึ่งมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งให้คู่บ่าวสาวเพราะเห็นแก่ "คิม ยงจิน" ว่าที่สามีกอนซุกและผู้อำนวยการ บริษัท มายรีทส์ ของโซจุน) เมื่อถึงช่วงเวลาพักมารินจึงถือโอกาสนำน้ำไปให้ชินบีโดยถือพอร์ตโฟลิโอติดมือไปด้วย เธอพยายามผูกมิตรและชวนชินบีคุย แต่ชินบีรู้ทันว่ามารินนำงานมาเสนอตน มารินยื่นพอร์ตโฟลิโอให้ชินบีพลางถามว่าต้องการผู้ช่วยหรือไม่ ชินบีผลักพอร์ตโฟลิโอคืนให้มารินแล้วถามว่าเธอคือดาราเด็ก "พับซุน" ใช่ไหม มารินได้ยินแล้วถึงกับหน้าถอดสี ชินบีเห็นมารินพยายามเข้ามาตีสนิทตนจึงเหน็บว่าความจริงแล้วมารินดังกว่าตนด้วยซ้ำ สงสัยอยู่วงการมายาแล้วคงไม่รุ่ง มารินแก้เก้อด้วยการชมว่าชินบีตาแหลมที่ยังอุตส่าห์จำตนได้ ทั้งยังโกหกว่าที่ผ่านมาไม่มีใครจำตนได้สักคน เพราะตนรับบทพับซุนตอนอายุหกขวบ
ทันใดนั้น กอนซุกก็เดินเข้ามาหาพลางเรียกมารินว่า "พับซุน" ต่อหน้าชินบี ซ้ำยังอวดว่าเป็นเพราะ (ว่าที่) สามีตนมารินถึงได้มาพบและเห็นการทำงานของชินบี ชินบียื่นขวดน้ำคืนให้มารินแล้วบอกว่าตนไม่รับพิจารณาใครทั้งนั้น เมื่อชินบีลุกหนี กอนซุกก็ตำหนิมารินที่แอบมาตีสนิทช่างภาพของตนหวังของานทำ มารินรีบตามชินบีไป จากนั้นก็อธิบายว่าตนไม่เคยคิดใช้เส้นสายเพราะความจริงแล้วตนกับกอนซุกไม่ค่อยถูกกัน พอรู้ว่ามารินไม่ได้ตั้งใจมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวแต่ต้องการมาพบตน ชินบีก็ประณามมารินว่าหน้าไม่อาย มารินพยายามไม่ใส่ใจและอธิบายต่อว่าแม้เธอจะไม่ได้เรียนจบด้านนี้โดยตรงแต่เธอก็เรียนรู้และมีประสบการณ์ด้านการถ่ายรูปมานาน 7 ปีแล้ว เธอขอร้องให้ชินบีช่วยพิจารณาผลงานของตนสักครั้ง ชินบีเห็นความตั้งใจของมารินจึงจำใจรับพอร์ตโฟลิโอของเธอ
โซจุนยืนดูมารินถ่ายรูปอยู่ห่างๆ พลางบอกคนดูว่า "ซง มาริน...อดีตดาราเด็กที่เคยดังเป็นพลุแตกในบท "พับซุน" วันนี้ผมจะพลิกชะตาของเธอ เพราะเธออาจเป็นผู้กุมชะตาชีวิตของผม"
ก่อนเกิดอุบัติเหตุ 20 นาที... มารินขอแยกทางกับเพื่อนๆ ซึ่งกำลังจะไปทานข้าวที่ร้านอาหาร จากนั้นก็แวะซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ร้านสะดวกซื้อข้างทาง ครั้นพอเห็นโซจุนยืนด้อมๆ มองๆ อยู่ไม่ห่างเธอก็เปลี่ยนใจและรีบเดินออกจากร้าน เพราะรู้สึกได้ว่าเขาตามมาเธอมาจากสวนสาธารณะ โซจุนเห็นว่าอีกห้านาทีมารินจะโดนรถชนจึงรีบวิ่งตามไปคว้าแขนและเรียกชื่อจริงของเธอ มารินไม่เคยเจอเขามาก่อนเลยรู้สึกไม่ไว้วางใจ เธอจึงถามว่าเขาเป็นใคร โซจุนไม่ยอมตอบแต่พยายามรั้งเธอไว้โดยขอคุยกับเธอสักครู่ เมื่อมารินไม่ยอมคุยด้วยเขาก็ชวนเธอไปดื่มกาแฟ มารินรีบเดินหนีโซจุนเลยตามไปคว้าแขนเธอไว้ หลังถูกชายแปลกหน้าตามตื๊อแบบถึงเนื้อถึงตัว มารินก็ยิ่งไม่ไว้วางใจและพยายามเดินหนีอีกครั้ง โซจุนไม่มีทางเลือกเลยตะโกนไล่หลังรัวๆ ว่า เขาเห็นเธอเดินอยู่ริมถนนแล้วคิดว่าเธอสวยดีเลยอยากชวนไปนั่งดื่มกาแฟด้วยกันก็เท่านั้น ปรากฏว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลเพราะมารินหยุดกึกและหันกลับมาถามว่าเขารู้จักชื่อจริงเธอได้ยังไง โซจุนตอบว่าเธอดังจะตายและเขาก็จำเธอได้จากบทพับซุน
มารินไม่ปลื้มที่ใครๆ มักจำแต่ภาพในวัยเด็กของตน เธอตำหนิเขาที่ให้ความสนใจและตามตื๊อเธออย่างไม่ลดละเพราะมันทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ทำสำคัญตอนนี้เธอไม่ใช่คนดังแล้ว มารินอยากบอกอะไรบางอย่างกับโซจุนแต่รู้สึกลังเลเพราะเห็นว่าเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก โซจุนอยากชวนคุยถ่วงเวลาอยู่แล้วเพราะเหลืออีกเพียงสองนาทีก็จะเกิดอุบัติเหตุ เขาจึงเดินไปขวางหน้าและรบเร้าให้เธอบอกตนตามตรง มารินชี้ว่าถ้าเขารู้สึกสงสัย อยากรู้จัก อยากสอบถาม หรืออยากคุยกับใครสักคน แค่เข้าไปทักทายและพูดจาดีๆ กับคนนั้นๆ ก็เพียงพอแล้ว การดึงมือหรือคว้าแขนคนอื่นถึงสองครั้งแล้วแกล้งทำเนียนว่าเป็นรักแรกพบ ซ้ำยังชมว่าสวย ทำให้คนฟังอย่างตนรู้สึกไม่ดี โซจุนกล่าวว่าที่ผ่านมาคงมีคนเดินตามและชมเธอกลางถนนว่าสวยเพียบ เมื่อเห็นมารินยิ้มเขินๆ โซจุนก็กล่าวว่าเพราะอย่างนี้นี่เองเธอถึงรู้สึกรำคาญ เขาถือโอกาสชวนเธอไปดื่มกาแฟอีกครั้งแต่มารินปฏิเสธทันควัน เธอรีบเดินข้ามทางม้าลายและเกือบถูกรถหกล้อชน โชคดีที่โซจุนดึงตัวเธอกลับมาได้ทันเวลา
โซจุนโล่งอกที่มารินปลอดภัย แต่ดูเหมือนมารินไม่รู้ว่าตัวเองเพิ่งรอดพ้นจากอุบัติเหตุ เพราะเธอไม่เพียงไม่ขอบคุณเขา ซ้ำยังดึงมือเขาออกจากแขนของตนพลางตำหนิว่าไม่ควรมือไวใจเร็วอย่างนี้ พูดจบเธอก็เดินตรงไปยังทางม้าลายก่อนหันกลับมาบอกโซจุนว่า "คุณนี่มัน... ชั้นจะพูดไงดี... เปิ่นได้ใจจริงๆ" พูดจบเธอก็เดินข้ามถนนต่อ ทันใดนั้น มือถือของโซจุนก็ขึ้นข้อความเตือนว่า "ซง มาริน โดนรถชนเวลา 16.14 น." ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีเสียงแตรรถดังสนั่นพร้อมกับเสียงเบรคตรงหน้าโซจุน ตอนแรกเขาถึงกับสะดุ้งแต่พอเงยหน้ามองถนนเขาก็ถอนใจด้วยความโล่งอก โซจุนเดินไปหามารินซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนถนนหน้ารถคันหนึ่ง คนขับรถรีบบอกโซจุนว่าเขาไม่ได้ขับรถชนมาริน จากนั้นก็อธิบายว่ามารินเดินนวยนาดมาจากฝั่งโน้นราวกับเป็นนางแบบ แต่แล้วอยู่ๆ ก็เป็นลมล้มพับหน้ารถตน โซจุนรู้แต่แรกแล้วว่ามารินไม่ได้ถูกรถชน เขาพยายามเรียกให้เธอรู้สึกตัวแต่ไม่เป็นผล เลยได้แต่บ่นแบบเซ็งๆ ว่าเธอหมดสติไปเองแบบนี้ได้ยังไง
ระหว่างนั่งเฝ้ามารินที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล โซจุนเสิร์ชข้อมูลทางอินเตอร์เน็ทแล้วพบว่ามารินเคยเป็นดาราเด็กผู้โด่งดังและได้รับความรักอย่างท่วมท้นจากบท "พับซุน" ในละคร 50 ตอนที่ออกอากาศเมื่อปี 1991 เรื่อง "อรุณรุ่งของพรุ่งนี้" ในตอนนั้นเธอรับบทเป็นลูกสาวนักต่อสู้เพื่ออิสรภาพซึ่งชอบทานข้าวเป็นชีวิตจิตใจ (คำว่า "พับ" ในชื่อ "พับซุน" แปลว่า ข้าว) และประโยคฮิตติดปาก "ขอข้าวกินหน่อย" ที่เธอมักพูดในละคร ก็ทำให้คนดูทั่วประเทศทั้งหัวเราะและร้องไห้ไปตามๆ กัน แต่พอเข้าไปดูในโลกโซเชียลมารินกลับเป็นที่รู้จักในฐานะสาวขี้เมา เพราะเวลาเมาปลิ้นในร้านอาหารหรือตามคลับต่างๆ เธอมักทำตัวหลุดโลก คนที่พบเห็นจึงพากันถ่ายรูปหรืออัดคลิปแล้วนำมาโพสต์แฉ บ้างก็ไลฟ์สดตอนที่เธอเมาจนหมดสภาพและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกสนาน โซจุนไม่นึกฝันว่ามารินผู้รักนวลสงวนตัวและแลดูเรียบร้อย (ต่อหน้าเขา) จะกลายเป็นสาวขี้เมาที่ทำแต่เรื่องน่าอาย เขาเลยนึกสงสัยว่าทำไมเธอถึงใช้ชีวิตแบบนี้
โซจุนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้มารินบอกว่าเขาเปิ่นได้ใจ เขาเลยบ่นงึมงำว่ารู้สึกแปลกๆ คล้ายโดนหยาม เมื่อมารินเริ่มรู้สึกตัวแล้วได้ยินเสียงชายหนุ่มจึงถามโดยไม่ลืมตาว่าเขาเป็นใคร โซจุนตอบว่า "ผมเอง คนเปิ่นก่อนหน้านี้ไง" มารินเปรยว่าเธอถูกรถชนแต่โซจุนแย้งว่ามารินเป็นลมล้มพับไปเองและไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด มารินได้ยินแล้วรู้สึกแปลกใจเพราะเธอรู้สึกคล้ายตนเองโดนรถชนจริงๆ โซจุนแนะให้เธอตรวจเช็คสุขภาพครั้งใหญ่ (และแอบเหน็บเบาๆ ว่าจะได้ถือโอกาสตรวจเช็คตับเสียเลย) มารินพยายามลุกขึ้นพลางแย้งว่าจะมาสนเธอทำไม โซจุนกดตัวเธอให้นอนลงพลางบอกว่าที่เขาช่วยเธอย่อมต้องมีเหตุผลบางอย่าง มารินจะลุกหนีแต่โซจุนกดตัวเธอให้นอนลงอีกครั้งและช่วยปัดเส้นผมที่ปรกหน้าเธอ จากนั้นก็บอกด้วยน้ำเสียงและสีหน้าอ่อนโยนว่าเธอควรนอนพักเพราะอาจยังมึนงงอยู่ มารินเคลิ้มไปชั่วขณะก่อนหลบตาและเบือนหน้าหนี เธอสะบัดไหล่เบาๆ เพื่อเตือนให้เขาปล่อยมือ ก่อนออกตัวว่าปกติแล้วเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยอมให้ใครมาทำรุ่มร่ามแบบนี้ โซจุนยืมคำพูดมารินมาใช้โดยบอกว่าเธอนี่เปิ่นได้ใจจริงๆ ชอบคิดเองเออเองทั้งที่ความจริงแล้วไม่มีอะไร เขาบอกเธอว่าแล้วพบกันใหม่ จากนั้นก็พูดทิ้งท้ายว่าหากมีวาสนาต่อกันพวกตนคงได้พบกันอีกครั้ง พูดจบเขาก็เดินจากไปทันที
พอรู้ว่าลูกสาวเข้าโรงพยาบาล "ชา บูชิม" ก็รีบบึ่งไปที่แผนกฉุกเฉินและถามหาลูกสาวที่เป็นดาราดัง เธอบอกเจ้าหน้าที่ว่าลูกสาวตนคือดาราเด็กพับซุนที่ชอบพูด "ขอข้าวกินหน่อย" มารินกำลังจะกลับบ้านเลยเจอแม่พอดี เมื่อถูกเรียกว่าพับซุนเสียงดังลั่น มารินก็รู้สึกอับอายเลยรีบลากแม่ออกจากโรงพยาบาล เธอไม่ปลื้มที่แม่ชอบนำชื่อเสียงในวัยเด็กของเธอมาโม้กับคนแปลกหน้า แต่ที่เธอเกลียดมากที่สุดคือการที่แม่มักเปลี่ยนแฟนบ่อย พอแม่ชวนไปนวดตัวที่ร้านนวดแผนไทย มารินรีบปฏิเสธทันควันเพราะรู้ว่าแม่จะพาเธอไปอวดแฟน เธอไม่รู้ว่าจะทำความรู้จักเขาไปทำไมเพราะเดี๋ยวเดือนหน้าแม่ก็เปลี่ยนแฟนใหม่อยู่ดี แม่ขอให้เธอไปพบเขาสักครั้งโดยอ้างว่าตนโม้ไว้เยอะ มารินจึงตำหนิแม่ที่ชอบปั้นเรื่องโกหกเกี่ยวกับเธอให้ผู้ชายฟัง พอแม่บอกว่าที่ต้องทำเช่นนั้นเพราะไม่อยากให้ใครมาดูถูกพวกตน (มารินไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตเลยมีอะไรให้นำไปอวด) มารินจึงตัดบทด้วยการแนะให้แม่บอกทุกคนว่าตนไม่ใช่ลูกสาว จากนั้นก็หนีขึ้นรถแท็กซี่ หลังพ้นโรงพยาบาลมาได้สักพักเธอก็ขอลงและเดินทางต่อด้วยรถเมล์
คืนนั้นโซจุนเขียนลงในสมุดบันทึกว่าวันนี้เขาเพิ่งเจอมารินตัวจริงเป็นครั้งแรก และยังเป็นครั้งแรกที่เขาช่วยคนอื่นนับตั้งแต่เริ่มเดินทางข้ามเวลา เขาสงสัยว่าทำไมผู้หญิงนิสัยประหลาดและท่าทางเพี้ยนๆ อย่างมารินถึงได้ตายวันเวลาเดียวกับตนเลยคิดที่จะลองสืบดู ถึงกระนั้นเขาก็อดหวั่นใจไม่ได้ว่าคำตอบที่ได้รับจะควรค่าแก่การค้นหาหรือไม่
มารินหาเลี้ยงชีพด้วยการถ่ายภาพแฟชั่นให้ร้านค้าออนไลน์ซึ่งขายเสื้อผ้าราคาถูก (ราคาตัวละ 9,900 วอน หรือราวๆ 290 บาท) พอเห็นนางแบบโพสท่าสไตล์มิลาน มารินจึงชี้ว่าการโพสท่าลักษณะดังกล่าวไม่เหมาะสำหรับเสื้อผ้าราคาถูกและไม่ช่วยให้ยอดขายดีขึ้น เธอจึงควรเก็บท่าโพสไว้ใช้ตอนเป็นนางแบบเสื้อผ้าแบรนด์เนม ตอนนี้แค่โพสเบาๆ สไตล์อินเตอร์เน็ต ช้อปปิ้งมอลล์ก็พอ (แต่ลีลาการถ่ายรูปของมารินก็ใช่ย่อย) นางแบบคนดังกล่าวชักเริ่มท้อแท้ที่ถ่ายแบบยังไงก็ไม่รุ่งเสียที เธอกลัวว่าทั้งตนและมารินอาจต้องทำงานกับเสื้อผ้าราคาถูกตลอดไป มารินจึงพูดให้กำลังใจและบอกเธอว่าเวลาทำงานไม่ควรคิดถึงเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ หลังถ่ายเซ็ทแรกเสร็จแล้วมารินก็บอกนางแบบสาวว่า อนาคตตนจะเป็นอย่างไรตนไม่รู้ แต่นางแบบอย่างเธอต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ระหว่างทำเล็บเท้าที่ร้านหรู กอนซุกโทรฯ ตามมารินให้ไปช่วยถือของเพราะวันนี้เธอมีของที่ต้องซื้อมากมาย มารินแย้งว่าตนไม่ใช่คนรับใช้ของกอนซุกและวันนี้ตนงานยุ่งมาก กอนซุกเลยเอ่ยถึงพอร์ตโฟลิโอที่มารินมอบให้ช่างภาพคนดัง มารินได้ยินดังนั้นก็หูผึ่งเพราะอยากรู้ว่าชินบีคิดอย่างไรกับงานของตนและจะรับตนเป็นผู้ช่วยหรือไม่ กอนซุกบอกเพียงว่าก่อนหน้านี้เธอเล่าเรื่องพอร์ตโฟลิโอของมารินให้ยงจิน (ว่าที่สามี) ฟัง เขารับปากว่าจะพูดเชียร์และช่วยฝากฝังมารินกับช่างภาพให้ ถ้ามารินอยากรู้ความคืบหน้าให้รีบมาหาตนโดยด่วน มารินปฏิเสธทันควันเพราะไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณกอนซุกชั่วชีวิต ทั้งยังลั่นวาจาว่าจะเป็นช่างภาพที่ประสบความสำเร็จด้วยฝีมือตนเอง แต่สุดท้ายมารินก็ไปหากอนซุกที่ห้างสรรพสินค้าจนได้
กอนซุกพามารินมาเดินดูสินค้าราคาแพง พลางอวดว่ายงจินเป็นคนดังในวงการอสังหาริมทรัพย์และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ "MyReits" ทั้งยังบอกด้วยว่าที่ช่างภาพหญิงชินบีประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้เป็นเพราะว่าที่สามีเธอช่วยส่งเสริม ชินบีอยากเอาใจว่าที่สามีตนเลยมาถ่ายภาพพรีเวดดิ้งให้ ทั้งหมดที่ทำไปก็เพื่อเงินทั้งเพ มารินอยากรู้ว่าชินบีคิดอย่างไรกับภาพถ่ายของตน กอนซุกแย้งว่าถ้าให้ยงจินไปถามชินบีตรงๆ จะล้ำเส้นเกินไป มารินได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจ ที่เธอยอมมาซื้อของกับกอนซุกเพราะกอนซุกบอกว่าจะช่วยถามความเห็นของชินบี เมื่อโดนมารินคาดคั้นให้ทำตามสัญญา กอนซุกก็บ่ายเบี่ยงด้วยการบอกให้มารินเลิกเพ้อฝันแล้วหันมาแต่งงานแทน เธอบอกมารินว่ายงจินมีเลขาที่ทำงานให้พวกตนเสมือนเป็นขี้ข้า แล้วเธอจะแนะนำเลขาคนดังกล่าวให้มารินรู้จัก พอรู้ว่ากอนซุกจงใจเรียกตนมาหยามโดยไม่คิดที่จะช่วยหรือซื้อของตามที่พูด มารินจึงโวยลั่นและดัดหลังด้วยการบังคับให้กอนซุกซื้อของแพงๆ
กีตุงเห็นผอ.คิม (ยงจิน) และ "เลขาฮวาง" กำลังจะเข้าลิฟต์เลยรีบวิ่งตามไปแต่กลับถูกเลขาฮวางขวางไว้ ซ้ำยังโดนผอ.คิมไล่ให้ไปขึ้นลิฟต์ตัวอื่น ครั้นพอเห็นโซจุนเลขาฮวางจึงยอมหลีกทางให้และทักทายโซจุนอย่างนอบน้อม โซจุนเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วย้อนถามเลขาฮวางว่าจะขึ้นลิฟต์พร้อมตนหรือ ผอ.คิม กับเลขาฮวางได้ยินดังนั้นเลยจะเดินออกจากลิฟต์ โซจุนรีบบอกว่าตนแค่ล้อเล่นเพราะคนอย่างตนไม่มีทางทำเรื่องเด็กๆ แบบนั้น ระหว่างอยู่ในลิฟต์โซจุนทักผอ.คิมเรื่องที่เขากำลังจะแต่งงาน จากนั้นก็ถามว่าเป็นการแต่งครั้งที่สองหรือสาม (เพราะเห็นว่าผอ.คิมอายุมากแล้ว) เมื่อผอ.คิมบอกว่าตนเพิ่งแต่งงานครั้งแรก โซจุนไม่วายแซวว่าเขาหวงชีวิตโสดและชอบกินเด็ก (กอนซุกอายุน้อยกว่าผอ.คิมนับ 10 ปี)
ผอ.คิมพรีเซนต์และชี้ชวนให้เหล่าผู้บริหาร (รวมทั้งโซจุน) เห็นด้วยกับการลงทุนในโครงการพัฒนาเมืองใหม่เฟสที่สองซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จราวปี ค.ศ. 2025 โดยให้เหตุผลว่าอีกหน่อยเมืองดังกล่าวจะเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างเมืองหลวงกับจังหวัดชุงชอง เขาชี้ว่าปัจจุบันโครงการดังกล่าวยังไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากนัก แต่ถ้าพิจารณาจากแหล่งข้อมูลของตน ตอนนี้คือโอกาสทองที่จะเข้าไปลงทุน "ผอ.วัง ซังมู" แย้งว่าโครงการดังกล่าวเคยเรียกเสียงฮือฮาเมื่อนานมาแล้ว แต่ป่านนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีถนนไฮเวย์ตัดผ่าน ผอ.คิมบอกให้ผอ.วังเชื่อใจตนเพราะตนได้ข้อมูลมาจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ เมื่อมีคนแย้งว่าจะเชื่อแหล่งข่าวของเขาได้อย่างไร ผอ.คิมจึงชี้ว่านับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินบริเวณดังกล่าวเริ่มขยับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่น่าเป็นไปได้ แสดงว่าเริ่มมีสัญญาณบวกบางอย่าง ผอ.วังแย้งว่านั่นเป็นเพราะมีคนเต้าข่าวลวง ผอ.คิมเตือนว่าหากพวกตนยังคงนิ่งดูดายแพ็คเจกรุ๊ปจะกว้านซื้อที่ดินบริเวณดังกล่าวเพื่อสร้างเอาท์เล็ทมอลล์ขนาดใหญ่ยักษ์ จากนั้นก็ชี้ว่านี่เป็นข้อมูลลับของตน
โซจุนซึ่งง่วนอยู่กับการเล่นเกมในมือถือ ได้ยินดังนั้นจึงแย้งโดยไม่ละสายตาจากมือถือว่าบริเวณดังกล่าวไม่ใช่ทำเลที่น่าลงทุน หลังเก็บมือถือแล้วเขาก็ลุกขึ้นพลางใช้เลเซอร์พอยเตอร์ชี้บนแผนที่พลางบอกว่าบริเวณนี้ต่างหากที่เป็นทำเลทอง (พื้นที่ใกล้เคียงโครงการที่ผอ.คิมเสนอ) ผอ.คิมแย้งว่าบริเวณดังกล่าวเป็นภูเขา โซจุนจึงกล่าวว่าถ้าเช่นนั้นยิ่งดีใหญ่เพราะราคาที่ดินถูก ผอ.คิมไม่เชื่อว่าที่ดินบนเขาจะทำเงินได้ โซจุนเลยบอกว่าตนมีลางสังหรณ์ เมื่อผอ.คิมพยายามคัดค้าน โซจุนจึงชี้ว่าตนจะทำธุรกิจโดยเชื่อเพียงลางสังหรณ์ได้ยังไง เขากล่าวว่าข้อมูลของตนบ่งบอกว่าบริเวณดังกล่าวคือทำเลทอง จากนั้นก็สั่งให้ลูกน้องกว้านซื้อที่ดินบริเวณดังกล่าวแบบเงียบๆ และรวดเร็ว ผอ.คิมอยากรู้ว่าโซจุนได้ข้อมูลมาจากไหน โซจุนจึงย้อนถามว่าแล้วผอ.คิมจะยอมเปิดเผยที่มาของข้อมูลให้คนอื่นรู้หรือไม่ เขากล่าวว่าผอ.คิมอาจได้ข้อมูลในระหว่างการสังสรรค์หรือตีกอล์ฟ แต่ที่ผ่านมาข้อมูลของตนมักเที่ยงตรงและแม่นยำกว่าเสมอ ผอ.คิมไม่ยอมแพ้และขอให้โซจุนพิจารณาโครงการของเขา แต่โซจุนยังคงยืนกรานตามความคิดของตน เขาขอให้ผอ.คิมเชื่อใจตนและสั่งเลิกประชุมทันที ทำให้ผอ.คิมทั้งโกรธและเสียหน้า
กีตุงเตือนโซจุนว่าอย่าหักหน้าผอ.คิมให้มากนักเพราะถึงยังไงผอ.คิมก็ทุ่มเททำงานมากที่สุด โซจุนชี้ว่าอีกไม่กี่เดือนโครงการที่ผอ.คิมเสนอจะมีการเปลี่ยนแปลง ขืนทำตามที่ผอ.คิมพูดบริษัทจะเสียหาย กีตุงแย้งว่าถึงอย่างนั้นโซจุนก็น่าจะหาเหตุผลมาอธิบายให้ผอ.คิมเข้าใจ โซจุนย้อนถามว่าจะให้ตนบอกผอ.คิมว่าตนรู้เห็นเหตุการณ์ในอนาคตงั้นหรือ เขาเห็นกีตุงมัวแต่สนใจหน้าจอคอมพิวเตอร์เลยแกล้งบอกหมายเลขลอตเตอรี่ที่จะถูกรางวัลประจำสัปดาห์นี้ กีตุงแอบจดยิกๆ แต่ปากบอกโซจุนว่าตนไม่เชื่อ ก่อนหน้านี้เขาเคยขอให้โซจุนบอกเลขเด็ด แต่โซจุนยืนกรานว่าจะไม่บอกเพราะชาตินี้กีตุงไม่มีทางถูกหวย พอรู้ว่าโซจุนใบ้หวยส่งเดช กีตุงก็รู้สึกผิดหวัง
โซจุนชี้ว่าถ้าตนเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของกีตุงแม้เพียงเศษเสี้ยวก็อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออนาคตของกีตุง กีตุงบอกโซจุนว่าเขารู้ดีว่าโซจุนจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงชะตาชีวิตใคร ครั้นพอโซจุนสารภาพว่าตนเพิ่งเข้าไปจุ้นชีวิตคนอื่น กีตุงก็รู้สึกแปลกใจ โซจุนเล่าว่า ตนรู้ล่วงหน้าว่าใครคนหนึ่งกำลังจะประสบอุบัติเหตุเลยเข้าไปช่วยราวกับเป็นซูเปอร์ฮีโร่ พอช่วยคนแล้วตนรู้สึกภาคภูมิใจ ทั้งยังคิดว่าตัวเองเจ๋งและเป็นลูกผู้ชายตัวจริง แต่ปัญหาก็คือถ้าทุกคนบนโลกนี้รู้เข้าคงพากันมาต่อคิวขอร้องให้ตนช่วยเรื่องโน้นเรื่องนี้ กีตุงสงสัยว่าโซจุนไปก่อเรื่องอะไรกับใครไว้และเดาว่าคนที่เขาเข้าไปยุ่งวุ่นวายคงเป็นผู้หญิง โซจุนยอมรับแต่อดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ที่คนๆ นั้นเป็นผู้หญิงอย่างมาริน
มารินเดินสะดุด (เพราะถูกคนนินทา) ขณะทำความสะอาดบ้านที่เต็มไปด้วยฝุ่น พอเห็นกระป๋องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนโต๊ะ เธอก็อดบ่นตัวเองที่สิ้นเปลืองเงินไปกับเครื่องดื่มมึนเมาไม่ได้ ครั้นพอบ่นเสร็จเธอก็พูดเข้าข้างตัวเองว่าดื่มในบ้านยังดีกว่าออกไปเมาปลิ้นข้างนอก (บนหลังตู้เย็นยังมีโซจูอีกหลายขวด) ขณะซักผ้าเธอเห็นอัลบั้มที่เก่าจนฝุ่นเขรอะเลยหยิบขึ้นมาดู ปรากฏว่าข้างในเป็นภาพขาวดำซึ่งถ่ายด้านหลังของคนหนุ่มสาว ทันใดนั้นก็มีคนจากสตูดิโอถ่ายภาพชินบีโทรฯ มาแจ้งว่ามารินผ่านการพิจารณา มารินรีบไปที่สตูดิโอของชินบีด้วยหัวใจพองโตแต่แล้วกลับพบว่าเธอผ่านการพิจารณาให้เข้าคลาสถ่ายภาพแทนที่จะได้รับเลือกให้เป็นผู้ช่วยช่างภาพตามที่เธอหวัง เมื่อพบชินบีที่สตูดิโอมารินจึงเข้าไปถามว่าดูพอร์ตโฟลิโอของตนหรือยัง ชินบีตอบว่าดูแล้วแต่มารินยังต้องเรียนรู้และฝึกฝนอีกมาก
ชินบียอมรับว่าตนไม่เชื่อมั่นในตัวมาริน และไม่เชื่อว่ามารินรักการถ่ายภาพจริงๆ เธอมองว่ามารินอยู่หน้ากล้อง (เป็นดารา) แล้วไม่รุ่ง เลยคิดผันตัวมาอยู่หลังกล้องแทนหมายให้ตัวเองดูดี มารินรู้สึกผิดหวังที่ชินบีตัดสินคนจากภายนอก เธอชี้ว่าที่ตนชื่นชอบผลงานของชินบีเป็นเพราะภาพถ่ายเหล่านั้นทำให้เธอรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ในภาพ แต่ชินบีกลับเชื่อว่าสิ่งที่ตนเห็นคือทุกสิ่ง มารินชี้ว่าที่ตนอยากถ่ายภาพเพราะต้องการพิสูจน์ว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่ทั้งหมดที่เป็น เมื่อถูกเรียกว่า "พับซุน" มารินจึงแย้งว่าตนชื่อ "ซง มาริน" ชินบีได้ฟังคำพูดสวยหรูของมารินจึงเย้ยว่าหากมารินรักการถ่ายภาพและมีอุดมการณ์จริงก็ไม่ควรใช้เส้นสายเพื่อนเพื่อให้ได้งาน
มารินเดินออกจากสตูดิโอด้วยใบหน้าหมองเศร้า ขณะขึ้นรถไฟใต้ดินกลับบ้านเธอเล่าให้คนดูฟังว่าเมื่อเจ็ดปีก่อนเธอเหมือนได้เกิดใหม่ที่นี่ ในตอนนั้นเธอเข้าใจผิดคิดว่าถูกชายคนหนึ่งแอบถ่ายรูปบนรถไฟใต้ดิน หลังมีปากเสียงกันจนคนมอง (ส่วนใหญ่จำได้ว่าเธอคือพับซุน) เธอกับเขาจึงลงรถไฟที่สถานีนัมยองหมายเคลียร์กันให้รู้เรื่อง หลังจากนั้นไม่นานรถไฟขบวนที่มารินเพิ่งโดยสารมาก็เกิดระเบิด เธอและชายคนดังกล่าวเลยรอดชีวิตราวปาฏิหาริย์ เธอสงสัยว่าตนคงรอดตายด้วยเหตุผลบางอย่าง และเชื่อว่าอนาคตข้างหน้าอาจมีบางสิ่งที่พิเศษมากๆ รอตนอยู่ ปรากฏว่าโซจุนเพิ่งเดินทางกลับจากโลกอนาคตและปรากฏกายบนรถไฟใกล้ๆ กับมาริน พอเขาเห็นเธอก็รีบหันหลังให้ แต่แล้วเกิดเปลี่ยนใจเลยเดินไปสะกิดและทักทายเธอ มารินไม่พอใจที่โซจุนวางมือบนไหล่ของเธอจึงเบือนหน้าหนีและสะบัดแขนโซจุนออก
หลังลงรถไฟโซจุนยังคงตามตื๊อมาริน เขาคว้าแขนเธอและชวนไปทานข้าวทำให้ถูกมารินตำหนิและกล่าวหาว่าเป็นคนมือไว มารินขอร้องไม่ให้เขาแตะเนื้อต้องตัวเธออีกเพราะพวกตนไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น โซจุนนึกไม่ถึงว่ามารินจะจำได้ว่าเขาแตะต้องตัวเธอกี่ครั้ง มารินจึงออกตัวว่าตนค่อนข้างเป็นคนหัวโบราณ โซจุนแย้งว่าเธอน่าจะใช้คำว่าจับมือหรือจับแขนแทนคำว่า "แตะเนื้อต้องตัว" มารินสงสัยว่าเขาอาจโตที่เมืองนอก หรือไม่ก็ 'เมดอินยูเอสเอ' เพราะเห็นว่าเขาชอบแตะเนื้อต้องตัวเธอและทำตัวเป็นกันเองทั้งที่เพิ่งบังเอิญเจอกัน หลังต่อว่าโซจุนแล้วมารินก็เดินหนีไป ถึงกระนั้นเธอก็ยังแวะยืนไว้อาลัยหน้าอนุสรณ์รำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดรถไฟใต้ดินที่ตั้งอยู่ริมถนน โซจุนนึกไม่ถึงว่าจนป่านนี้แล้วยังมีคนมายืนไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิต เขาเดินตามเธอและพยายามชวนไปทานข้าวแต่มารินไม่สน เขาเลยเปลี่ยนแผนด้วยการชวนเธอไปหาอะไรดื่มแทน ปรากฏว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลเพราะมารินหยุดกึก
เมื่อมารินสั่งเบียร์เหยือกที่สอง โซจุนก็เตือนให้มารินค่อยๆ ดื่มเพราะกับแกล้มยังไม่มา (เบียร์ของเขายังเต็มเหยือก) มารินออกตัว (สร้างภาพ) ว่าเธอทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่ต่อหน้าคนไม่คุ้นเคย และโกหกว่าเธอดื่มได้แต่เบียร์เพราะโซจูขมเกินไป เธอกล่าวว่าการนั่งดื่มกับคนแปลกหน้าเป็นอะไรที่สนุกดี จากนั้นก็ยกเบียร์ขึ้นซด โซจุนเห็นดังนั้นจึงเร่งให้ทางร้านรีบนำกับแกล้มมาเสิร์ฟแต่มารินแย้งว่าเธอไม่ทานกับแกล้ม โซจุนจึงเหน็บเรื่องที่เธอบอกว่าตนเป็นผู้หญิงหัวโบราณ เขาถามมารินว่าทำงานอะไร พอมารินตอบว่ารับถ่ายภาพ เขาก็ยิงคำถามใหม่ทันทีโดยถามว่าเธออายุเท่าไหร่ มารินชักเริ่มไม่สนุกเลยถามกลับว่าเขาอยากรู้เรื่องของตนไปทำไม เมื่อโซจุนตอบว่าก็แค่อยากรู้ มารินจึงชวนเขาชนแก้วแล้วบอกว่าหมดเหยือกนี้เมื่อไหร่ก็บ้านใครบ้านมัน
แต่แล้วมารินกลับดื่มต่อจนเมาปลิ้น เธอนั่งคุยกับโซจุนอย่างหมดสภาพ (แถมยังมีกับแกล้มติดอยู่บนผม) พลางถามว่าตนดูไม่เหมือนคนอายุ 31 ใช่ไหม โซจุนแย้งว่าดูยังไงก็อยู่ในวัยสามสิบ พอรู้ว่าโซจุนอายุน้อยกว่าตัวเองหนึ่งปี มารินก็เลิกใช้ภาษาสุภาพและหันมาพูดกับเขาด้วยภาษาแบบกันเอง เธอวางมาดเป็นรุ่นพี่ก่อนถามว่าเขามีงานทำรึเปล่า พอเห็นโซจุนอ้ำอึ้งเธอก็ถามต่อว่าตกงานอยู่ใช่ไหมและปลอบใจว่าสักวันคงมีงานดีๆ ทำ โซจุนชี้ว่าตนเป็นซีอีโอบริษัทเจ๋งๆ ที่ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่อ้ำอึ้งก่อนหน้านี้เป็นเพราะตนไม่ค่อยชอบเปิดเผยตัวตนเลยค่อนข้างระวังคำพูด ปรากฏว่ามารินเข้าใจผิดคิดว่าเขาเปิดบริษัทตัวแทนอสังหาฯ เธอจึงเรียกเขาว่า "นายหน้า" (โซจุนเป็นนักลงทุน ไม่ใช่นายหน้าอสังหาฯ)
ในที่สุดโซจุนก็ได้เห็นสภาพมารินเวลาพูดเพ้อเจ้อและเมาปลื้นเต็มสองหูสองตา เธอถามว่าทำไมเขาถึงทำกับเธอแบบนั้น เขาหลงเสน่ห์เธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรก จากนั้นก็ทำตัวเปิ่นๆ ซ้ำยังแตะเนื้อต้องตัวและคว้าตัวเธออีกด้วย โซจุนไม่ได้คิดหรือตั้งใจทำอย่างที่มารินเจื้อยแจ้วจึงบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่าเธอควรเลิกพูดเรื่องนี้เสียที ทำราวกับไม่เคยมีผู้ชายแปลกหน้ามาบอกว่าชอบถึงได้พูดเรื่องเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนี้ เขาสงสัยว่าเธอซาบซึ้งตรึงใจจนลืมไม่ลง หรือไม่ชอบที่เขาทำกันแน่ มารินเห็นโซจุนหงุดหงิดเลยบอกว่า "ไม่เป็นไร พี่สาวเข้าใจดี" จากนั้นก็ขยิบตาและทำหน้าเซ็กซี่ใส่ โซจุนเห็นแล้วขนลุกเลยพยายามอธิบายว่าเธอกำลังเข้าใจผิด แต่มารินกลับทำท่ากระมิดกระเมี้ยนด้วยความเขินอาย โซจุนเห็นเศษอาหารบนหัวมารินแล้วขัดหูขัดตาเลยช่วยปัด มารินนึกว่าเขาเอ็นดูเธอเลยรีบปัดมือเขาออกด้วยท่าทางเอียงอาย
หลังดื่มเบียร์หมดเหยือกแล้วมารินก็ลุกขึ้น โซจุนรีบลุกตามเพราะนึกว่าเธอจะกลับบ้าน แต่มารินกลับบอกให้เขานั่งลงก่อน เธอสั่งเบียร์เพิ่มอีกเหยือกก่อนเดินโซซัดโซเซไปเข้าห้องน้ำโดยอ้างว่าถ้าไม่สั่งไว้ก่อนโซจุนอาจหนีกลับบ้าน (เธอบอกโซจุนว่าหมดเหยือกนี้แล้วจะกลับบ้านอีกตามเคย) ปรากฏว่าโซจุนต้องตามเข้าไปในห้องน้ำผู้หญิงเพื่อดึงประตูให้มารินเนื่องจากประตูชำรุด มารินเดินออกจากห้องน้ำโดยไม่ได้รูดซิปพลางชวนโซจุนไปร้องเรียนที่ทำเนียบประธานาธิบดี (บลูเฮ้าส์) ว่าห้องน้ำร้านนี้ทรุดโทรม โซจุนจึงผลักเธอกลับเข้าไปในห้องน้ำพลางบอกให้เธอแต่งตัวใหม่ให้เรียบร้อย
หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็มานั่งดื่มต่อที่โพจังมาชา (ร้านอาหารแบบเต็นท์ที่อยู่ข้างทาง) มาริน (ซึ่งเคยบอกว่าไม่ดื่มโซจูเพราะมันขม) ผสมโซจูกับเบียร์ให้ตัวเองและโซจุนด้วยลีลาแบบมืออาชีพทั้งที่กำลังเมาหนัก เธอบอกโซจุนว่าอย่ามาชอบตนให้มันมากนักเพราะเขาไม่รู้จักตนเลย โซจุนเห็นสภาพมารินตอนเมาแอ๋ก็สุดจะทนจึงลั่นวาจาว่าตนไม่มีทางชอบเธอแน่ และออกตัวว่าก่อนหน้านี้ตนคงทำอะไรให้เธอเข้าใจผิด มารินเหมือนไม่ได้ฟังที่เขาพูดจึงถามว่าส่วนไหนในร่างกายเธอสวยที่สุด เธออวดว่าใครๆ ก็บอกว่าตนตาสวยแต่ความจริงแล้วขาตนก็สวยใช่ย่อย โซจุนไม่เชื่อและท้าให้เธอโชว์เรียวขา มารินกล่าวว่าตนไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายและไม่นอนกับใครง่ายๆ ด้วย ตนไม่คิดที่จะออกเดทกับใคร ทั้งยังเบื่อหน่ายเรื่องความรักและไม่ได้ใสซื่ออย่างที่เห็น ดังนั้น อย่ามาชอบตนเลย เดี๋ยวจะช้ำใจเปล่าๆ ตนมันเป็นตัวซวยคบกันแล้วอาจทำให้เขาหัวใจสลาย
โซจุนเห็นมารินดราม่าหนัก ทั้งยังเพ้อเจ้อไม่มีที่สิ้นสุด เลยจนปัญญาอธิบายว่าเธอกำลังเข้าใจผิด เขาเหน็บว่าหากตนบอกว่าชอบเธอสองครั้ง เธอคงตามติดเขาสามวันสองคืน (เขาแกล้งบอกว่าชอบเธอแค่ครั้งเดียว เธอยังเพ้อและคิดเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้) ยิ่งฟังเธอพูดเขาก็ยิ่งมึนว่าใครคิดลึกกับใครกันแน่ ความจริงแล้วเขาควรเป็นคนบอกเธอมากกว่าว่าอย่ามาชอบตน มารินยังคงเพ้อต่อว่าเพื่อนๆ เขาคงหัวเราะเยาะถ้ารู้ว่าเขาคบกับ "พับซุน" ผู้ล้มเหลวและชีวิตพัง เขาจะต้องทนฟังคนพูดถึงความไม่เอาไหนของตนจนหูชา คนที่ตนไม่เคยรู้จักต่างพากันสมเพชและเหยียดหยามตน เขาจะได้เห็นคนพวกนั้นเอาเรื่องของตนมาเม้าท์กันอย่างสนุกปาก ไม่แน่ว่าบางทีเขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
โซจุนหยิบกับแกล้มในมือมารินมายัดใส่ปากเธอ (มารินเปรียบตนเองเหมือนกับแกล้มที่ถูกคนเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย) จากนั้นก็ดูดนิ้วที่เปื้อนกับแกล้มพลางบอกว่ามารินคิดฟุ้งซ่านไปเอง เธออ่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องชื่อเสียงในวัยเด็กมากเกินไป เขายอมรับว่าตนไม่รู้เรื่องราวในวัยเด็กของมารินแต่คนอื่นๆ ก็ไม่รู้เช่นกัน เขาชี้ว่าความจริงแล้วไม่มีใครใส่ใจเรื่องของอื่น ทุกคนต่างยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของตัวเอง จากนั้นก็เหน็บว่ามารินคงมีเวลาว่างมากกว่าใครถึงได้คอยเงี่ยหูฟังคนอื่นๆ ว่าพูดเรื่องอะไรกันบ้าง มารินโวยว่าเขาอายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปี กล้าดียังไงถึงได้มาสั่งสอน เธอจะเขกหัวโซจุนแต่เขาคว้าข้อมือเธอไว้พลางบอกว่า ชีวิตคนเราสั้นกว่าที่เธอคิด ดังนั้นเธอไม่ควรจมปลักอยู่กับอดีต มารินสะบัดแขนออกแล้วเขกหัวโซจุนอยู่ดี จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาพลางถามว่าอยากโชว์แมนงั้นหรือ คิดว่าทำอย่างนั้นแล้วเธอจะหวั่นไหวรึไง
(ภาพที่มีแถบดำคือโลกอนาคต)
ระหว่างนั่งแท็กซี่ไปส่งมาริน (ซึ่งเมามายไม่ได้สติและพร่ำบ่นว่าพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว) โซจุนเห็นรถไฟวิ่งผ่านหน้าตนไปเลยนึกถึงวันที่ข้ามเวลาไปยังโลกอนาคตแล้วพบว่าเป็นวันตายของตน วันนั้นคือวันที่ 25 มีนาคม 2019 หลังเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งใหญ่โซจุนก็เดินเข้าไปดู พอเห็นร่างอันหลับใหลไม่ได้สติแถมศีรษะยังเต็มไปด้วยเลือดของตนถูกเจ้าหน้าที่หามขึ้นรถพยาบาลเขาก็ถึงกับช็อค นอกจากร่างของเขาแล้วยังมีร่างของมาริน (ตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอ) ที่กำลังถูกเจ้าหน้าที่หามขึ้นรถและเธอก็มีเลือดออกที่บริเวณศีรษะเช่นเดียวกัน "ทูชิก" เห็นโซจุนมัวแต่ยืนช็อคเลยเตือนให้เขารีบเดินทางกลับโลกปัจจุบัน เพราะถ้าหากโซจุนยังอยู่ที่นี่แล้วตัวเขาในโลกนี้ (อนาคต) เสียชีวิต เขาอาจสูญสลายหายไป โซจุนแทบไม่เชื่อหูเมื่อทูชิกบอกว่าเขาจะตายวันที่ 25 มีนาคม 2019 เวลา 21.15 น. ทูชิกเตือนว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่ถึง 30 นาทีจึงเร่งให้รีบกลับไป
เมื่อกลับมาถึงสถานีนัมยอง (โลกปัจจุบัน) โซจุนบอกทูชิกว่าที่ผ่านมาตนไม่เคยข้ามเวลาไปยังวันที่ 25 มีนาคม 2019 ได้เลย ที่แท้วันนั้นคือวันตายของตน จากนั้นก็บ่นว่านี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน ทูชิกถอดเสื้อกันหนาวออกมาพับเก็บ (เพราะโลกปัจจุบันเป็นหน้าร้อน) พลางบอกว่าถ้าไม่ตายจะบ้าบอยิ่งกว่า คนเราเกิดมาล้วนต้องตาย โซจุนตั้งใจว่าจะมีชีวิตอยู่อีกสัก 50 ปีและลั่นวาจาว่าจะอายุยืนกว่าทูชิก ทูชิกจึงอวยพรให้เขาอายุยืนก่อนแนะนำให้เขาตามหาผู้หญิงอีกคนที่ประสบอุบัติเหตุพร้อมกัน พอรู้ว่าผู้หญิงคนดังกล่าวจะตายวันเวลาเดียวกับเขาในห้องฉุกเฉิน โซจุนก็รู้สึกแปลกใจ เขาแย้งว่าตนไม่รู้จักเธอและเห็นหน้าเธอไม่ถนัด ทูชิกจึงบอกให้เขาออกตามหาเพราะเธอเป็นคนเดียวที่เกี่ยวข้องกับการตายของเขา ไม่แน่ว่าเธออาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เขารอดตาย และตอนนี้เขาก็เหลือเวลาไม่ถึง 3 ปี
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่โซจุนพยายามตีสนิทมารินหลังรู้ว่าเธอคือผู้หญิงคนดังกล่าว เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามารินก็โกรธตัวเองที่เมาจนหมดสภาพและทำตัวน่าอายต่อหน้าชายแปลกหน้า ครั้นพอหยิบมือถือมาดูก็พบภาพเซลฟี่ชุดใหญ่ที่เธอถ่ายคู่กับโซจุนตอนกำลังเมาปลิ้น มารินเห็นรูปตัวเองแล้วรับไม่ได้เลยพยายามโกหกตัวเองว่านั่นไม่ใช่ตน ด้วยความที่เธอยังคงเมาค้างเลยแบกกล้องออกไปทำงานแทบไม่ไหว หลังนั่งพักครู่หนึ่งเธอก็เดินออกจากบ้านพลางบ่นพึมพำว่านายหน้า (โซจุน) คงมองว่าเธอเพี้ยน จากนั้นก็ปลอบใจตัวเองว่าพวกตนคงไม่ได้พบกันอีก และถ้าบังเอิญเจอกันเธอจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เธอบอกตัวเองให้ลืมเรื่องแย่ๆ ทั้งหมด เพราะเธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ตั้งแต่วันนี้ พูดจบเธอก็รู้สึกคลื่นเหียนจนต้องหยุดพักอีกครั้ง
ในตอนนั้นโซจุนกับทูชิกแอบจอดรถมองเธออยู่ห่างๆ โซจุนไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงเพี้ยนๆ อย่างมารินจะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับชีวิตตน ทูชิกบอกให้รอดูต่อไปและปลอบว่าอย่างน้อยๆ มารินก็เป็นผู้หญิง พอเห็นหน้ามารินชัดๆ ทูชิกก็ชมว่าเธอสวย แต่โซจุนแย้งว่าตนไม่ได้มองคนแต่เปลือกนอก ทูชิกเห็นโซจุนไม่ปลื้มมารินเลยชี้ว่าจะคิดมากไปทำไมในเมื่อเธอไม่ใช่ว่าที่ภรรยาของเขา โซจุนเห็นด้วยและวางแผนว่าจะเข้าไปตีสนิทแต่ไม่ใกล้ชิดกันมากเกินไป และจะรักษาระยะห่างเอาไว้ พูดจบเขาก็ถือร่มเดินลงจากรถ
มารินเห็นโซจุนเดินตรงมาหาเลยแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นและหันหน้าหนี ขณะที่โซจุนแกล้งทำเป็นเจอกันโดยบังเอิญ มารินจะออกตัวเรื่องที่เธอเมาปลิ้นเมื่อคืนแต่โซจุนชิงขอโทษเธอก่อน เขาโกหกว่าจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้และขอโทษหากเขาล่วงเกินเธอ มารินได้ยินดังนั้นก็โล่งใจแต่ไม่วายสงสัยว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนมาใช้คำพูดแบบเป็นกันเองกับเธอ โซจุนตอบว่าตนไม่รู้และจำอะไรไม่ได้ อยู่ๆ ก็พูดออกมาเอง สงสัยว่าเมื่อคืนพวกตนคงสนิทกันแล้ว พูดจบเขาก็บอกลาเธอและหวังว่าจะได้พบกันใหม่...โดยบังเอิญ
เมื่อโซจุนเดินตัวปลิวจากไปแล้วมารินก็เปรยว่าเขาไม่ได้เมาเลยสักนิด โซจุนเดินกลับมาหาเธออีกครั้งเพราะลืมมอบร่มให้เธอ เขากำชับให้เธอพกร่มติดตัวไว้เพราะเธอจำเป็นต้องใช้มันในวันนี้ มารินแย้งว่าวันนี้ฝนจะไม่ตก เธอมีงานถ่ายภาพเลยเช็คพยากรณ์อากาศก่อนออกจากบ้านแล้ว โซจุนกล่าวเพียงว่าวันนี้อาจบังเอิญมีฝนแล้วเดินจากไป เมื่อมารินไปแล้วโซจุนก็เดินกลับมาที่รถ เขาจะขอให้ทูชิกช่วยอะไรบางอย่างแต่กลับพบว่าภายในรถว่างเปล่า
มารินไปถ่ายภาพแฟชั่นให้ร้านค้าออนไลน์ตามปกติ เมื่อนางแบบเข้ามากล่าวขอบคุณมารินที่ขอร้องประธานไม่ให้ไล่เธอออก มารินก็กล่าวด้วยความเอ็นดูว่าเพิ่งรู้วันนี้เองเหรอ เธอเปรยว่าเรื่องแย่ๆ แพร่สะพัดอย่างรวดเร็วแต่เรื่องดีๆ กลับมีคนรู้แค่คนเดียว ถึงกระนั้นเธอก็บอกนางแบบคนดังกล่าวว่าถ้าได้ดีแล้วอย่าลืมตน ทันใดนั้น ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทุกคนจึงรีบเก็บของ มารินจ้องมองสายฝนด้วยความแปลกใจ ในที่สุดฝนก็ตกอย่างโซจุนบอกจริงๆ
หลังเก็บสมุดบันทึกแล้วนั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างขณะฝนตก โซจุนก็ตัดสินใจว่าจะออกไปข้างนอก ปรากฏว่ากีตุงกลับเข้าบ้านในสภาพเปียกปอนเพราะไม่เชื่อคำเตือนของโซจุน กีตุงเห็นว่าคำเตือนของโซจุนแม่นยำกว่าใครเลยชวนทำแอพพยากรณ์อากาศเสียเลย แต่โซจุนปฏิเสธเพราะไม่อยากให้นักอุตุนิยมวิทยาตกงาน เมื่อโซจุนขอตัวไปทำธุระข้างนอก กีตุงก็บ่นว่าเดี๋ยวนี้เขาเดินทางไปยัง "โลกหน้า" บ่อยจัง โซจุนได้ยินแล้วถึงกับอึ้งเพราะฟังดูเหมือนเขากำลังจะไปตาย พอโดนเพื่อนบ่นว่าใช้คำแรงเกินไปกีตุงเลยย้อนถามว่าถ้าอย่างนั้นเขากำลังจะไปไหน โซจุนตอบหน้าตาเฉยว่า "โลกหน้า" (โลกอนาคตข้างหน้า) จากนั้นก็เอาใจกีตุงด้วยการชวนดื่ม "มักกอลลี" (ไวน์ข้าว) แกล้ม "พาจอน" (พิซซ่าเกาหลีใส่ต้นหอม) หลังเขากลับมาจากโลกอนาคต กีตุงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีใจ
โซจุนเดินทางข้ามเวลาไปยังโลกอนาคตในอีกสามเดือนข้างหน้าโดยแวะไปที่บ้านของตนเอง ปรากฏว่าภายในบ้านเต็มไปด้วยภาพพรีเวดดิ้งและภาพถ่ายวันแต่งงานของเขากับมาริน โซจุนเห็นดังนั้นก็ถึงกับช็อค (ตอนนั้นมารินในโลกปัจจุบันกำลังนึกถึงโซจุนพลางหยิบร่มของเขาออกมากาง) มารินในโลกอนาคตได้ยินเสียงเปิดประตูบ้านเลยร้องเรียกโซจุน โซจุนได้ยินแล้วถึงกับสะดุ้ง แถมมารินยังสวมเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำ เธอเห็นเขารีบกลับบ้านทั้งที่เพิ่งออกไปได้ไม่นานเลยแซวว่าเขากำลังประกาศให้โลกรู้ว่าตนเองเพิ่งแต่งงาน โซจุนแทบไม่เชื่อหูเมื่อได้ยินว่าตนเพิ่งแต่งงานกับมาริน
อีกด้านหนึ่ง ณ โลกปัจจุบัน มารินเดินกางร่มของโซจุนท่ามกลางสายฝนพลางยิ้มอย่างมีความสุข ในขณะที่คนอื่นๆ พากันวิ่งหลบฝน
* เนื้อหาโดย luvasianseries / ภาพจากทีวีเอ็น
รายชื่อนักแสดง
คนใกล้ตัว ซง มาริน
รับบท ลี กอนซุก
ลี จองอึน
รับบท ชา บูชิม
ลี บงรยอน
รับบท โอ โซรี
คนใกล้ตัว ยู โซจุน
โช ฮันชอล
รับบท ทูชิก
คัง กีตุง
รับบท คัง กีตุง
ปาร์ค จูฮี
รับบท ชิน เซยอง
โอ ควางรก
รับบท ชิน ซองคยู
อื่นๆ
แพ็ค ฮยอนจิน
รับบท คิม ยงจิน
แช ดงฮยอน
รับบท เลขาฮวาง (ฮวาง พีซอ)
ตัวอย่างละครจาก ทีวีเอ็น ดราม่า
เพลงประกอบละครจาก CJENMMUSIC Official
คลิปเบื้องหลังจาก ทีวีเอ็น ดราม่า
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา