กำกับ: โน ซังฮุน, คิม จินวอน
เขียนบท: ควอน กียอง
เขียนบท: ควอน กียอง
แนวละคร: โรแมนติก, ระทึกขวัญ, สืบสวน (ซ่อนเงื่อน)
จำนวนตอน: 16
ออกอากาศ: เกาหลี - 22 มิถุนายน 2558 - 11 สิงหาคม 2558
ไทย - ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30-22.00 น. ทางทรูโฟร์ยู (หมายเลข 24) ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2560 - 21 พฤศจิกายน 2560
จำนวนตอน: 16
ออกอากาศ: เกาหลี - 22 มิถุนายน 2558 - 11 สิงหาคม 2558
ไทย - ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30-22.00 น. ทางทรูโฟร์ยู (หมายเลข 24) ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2560 - 21 พฤศจิกายน 2560
ละคร "อัจฉริยะพลิกปมปริศนา (I Remember You)" นำเสนอเรื่องราวของ "ลี ฮยอน" อัจฉริยะด้านการไขคดี นักวิชาการด้านกระบวนการยุติธรรมทางอาญา และ 'บุคคลอันตราย' ซึ่งความทรงจำในวัยเด็กได้เลือนหายไป กับ "ชา จีอัน" ตำรวจหญิงประจำทีมสืบสวนอาชญากรรมพิเศษ ซึ่งเคยสะกดรอยตามและจับตาดูฮยอนหลังรู้ว่าพ่อของเขาถูกฆาตกรรม ส่วนน้องชายหายตัวไปอย่างลึกลับ และทั้งหมดก็เกี่ยวข้องกับอาชญากรที่มีชื่อว่า "ลี จุนยอง" ในเวลาต่อมาทั้งคู่โคจรมาพบกันอีกครั้ง ณ สถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมและได้ร่วมมือกันไขคดีโดยต่างฝ่ายต่างปกปิดเจตนาที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ แต่สุดท้ายกลับตกหลุมรักกัน หลังจากนั้นทั้งคู่จึงเริ่มค้นหาตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ว่ากำลังตกอยู่ในวังวนของเกมไล่ล่าที่อันตรายของใครบางคน แถมความจริงและปีศาจร้ายยังอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด ซ้ำยังเป็นสิ่งที่ทั้งคู่ไม่นึกฝันอีกด้วย
เนื้อหาตอนที่ 1
"ลี ฮยอน" นั่งดูไฟล์ข้อมูลและภาพถ่ายคดีฆาตกรรมที่มีคนส่งมาให้ทางอีเมล์ เนื้อหาในไฟล์ระบุว่าหญิงสาววัย 20 ปีคนหนึ่งถูกฆาตกรรมภายในบ้านของตนเอง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ย่านบังแบดงของกรุงโซล เขาบอกคนดูว่าทุกเรื่องราวย่อมมีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด พลางนึกสงสัยว่าเรื่องของตนจะลงเอยอย่างไร เขากล่าวว่าเรื่องราวของตนได้เริ่มต้นขึ้นนานแล้ว แต่ยังไปไม่ถึงไหนเพราะมันสะดุดหยุดลงกลางคัน แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีใครบางคนส่งข้อมูลมาท้าให้ตนเดินหน้าต่อ ตนเลยคิดที่จะรับคำท้าทั้งที่ไม่รู้ว่าคนๆ นั้นเป็นใคร และนั่นก็ทำให้เรื่องราวที่หยุดชะงักของตนเริ่มต้นเดินหน้าอีกครั้ง
"ซน มยองอู" ตำรวจประจำทีมสืบสวนอาชญากรรมพิเศษรู้สึกหนักใจที่คดีฆาตกรรมย่านบังแบดงไม่มีความคืบหน้า เพราะฝ่ายพิสูจน์หลักฐานไม่พบเบาะแสและดีเอ็นเอคนร้ายในที่เกิดเหตุทำให้การสืบหาผู้ต้องสงสัยเป็นไปได้ยาก เมื่อ "ชา จีอัน" แจ้งว่าพบศพหญิงสาวอีกรายถูกฆาตกรรมในบ้านย่านโทฮวาทงในเขตมาโป สภาพศพคล้ายคลึงกับคดีฆาตกรรมหญิงสาวที่บังแบดง ทุกคนจึงรีบบึ่งไปยังสถานที่เกิดเหตุทันที หลังดูศพเหยื่อสาวแล้วมยองอูก็ฟันธง (ขณะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องพักผู้ตาย) ว่าสภาพร่างกายของผู้ตายแตกต่างจากคดีฆาตกรรมที่บังแบดงมากจนไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเหตุฆาตกรรมต่อเนื่อง จีอันแย้งว่าสถานที่พบศพมีความคล้ายคลึงกัน อย่างน้อยๆ ก็ควรตรวจสอบก่อนจึงค่อยตัดประเด็นดังกล่าวทิ้ง "มิน ซึงจู" เห็นด้วยและเชื่อว่าน่าจะเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง เพราะแรงจูงใจของคดีฆาตกรรมที่บังแบดงไม่ได้เกิดจากความแค้นส่วนตัวแต่เป็นอะไรที่คาดเดายาก จึงเป็นไปได้ที่จะเกิดครั้งที่สองและสามตามมา ถึงกระนั้น มยองอูซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่อาวุโสสุดในทีมยังคงปักใจเชื่อว่าทั้งสองคดีไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เขานึกขึ้นได้ว่าวันนี้หัวหน้าทีมคนใหม่จะมาทำงานวันแรก ซึงจูเดาว่าหัวหน้าทีมคนใหม่คงตามมาสมทบกับพวกตนที่นี่เพราะตนแจ้งทางสำนักงานว่าจะออกมาดูสถานที่เกิดเหตุ
เมื่อเข้าไปในห้องพักผู้ตาย (สถานที่เกิดเหตุ) แล้วพบว่ามีชายคนหนึ่งยืนอยู่ภายในห้อง ทุกคนเลยเดาว่าเขาคงเป็นหัวหน้าทีมคนใหม่ของพวกตน มีเพียงจีอันที่รู้ว่าเขาคือ...ลี ฮยอน!!! ฮยอนเดาว่าทุกคนมาดูสถานที่เกิดเหตุเพราะเห็นว่าเป็นคดีที่มีความคล้ายคลึงกับเหตุฆาตกรรมหญิงสาวที่บังแบดง มยองอูจะชี้ว่าทั้งสองคดีไม่น่ามีความเกี่ยวข้องกัน แต่ยังไม่ทันได้พูดฮยอนก็ฟันธงว่าคนร้ายเป็นคนๆ เดียวกัน และนั่นก็หมายความว่าการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ การค้นหาพยาน หลักฐาน หรือภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อสืบหาเบาะแสคนร้ายจะเป็นไปได้ยากเช่นเดียวกับคดีแรก "ชเว อึนบก" แย้งว่าพวกตนยังไม่ได้รับรายงานจากนิติเวช ฮยอนชี้ว่าเบาะแสสำคัญในคดีนี้คือสัญลักษณ์ของคนร้ายเหมือนที่พบในคดีฆาตกรรมที่บังแบดง ซึงจูแย้งว่าพวกตนไม่เคยพบสัญลักษณ์ที่ว่า ฮยอนจึงบอกให้ทุกคนตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดและให้เช็คดูว่าสัญลักษณ์ดังกล่าวอยู่ที่กองพิสูจน์หลักฐานหรือไม่ เขามั่นใจว่าคนร้ายจะต้องทิ้งสัญลักษณ์บางอย่างเอาไว้อย่างแน่นอน
ฮยอนขอดูรายชื่อผู้ต้องสงสัยแต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าทีมสืบสวนฯ ยังคงมืดแปดด้านหลังขาดทั้งพยานหลักฐาน เขาจึงชี้ว่าเหยื่อสาวทั้งสองรายนั้น ถ้าไม่ได้เป็นเจ้าของเรือยอชท์และมีใบอนุญาตขับขี่เรือ ก็ต้องรู้จักเจ้าของเรือที่มีใบอนุญาต ส่วนคนร้ายต้องฉลาดเป็นกรดถึงได้ทิ้งสัญลักษณ์อันโดดเด่นเอาไว้ในสถานที่เกิดเหตุโดยไม่มีร่องรอยหรือเบาะแสใดๆ เขาฟันธงว่าคนร้ายต้องเป็นคนชอบโชว์ออฟเพราะคิดว่าตนมีเส้นสายและอิทธิพลเหนืออำนาจรัฐ ซึ่งนั่นไม่ใช่การหลงตัวเองแต่มีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจมีอำนาจทางการเมือง หรือไม่ก็เป็นผู้มีอิทธิพลในองค์กรหรือบริษัทต่างๆ (ระหว่างฟังฮยอนวิเคราะห์ จีอันแอบนึกในใจว่าหลังเฝ้ารอมานานแสนนาน ในที่สุดลี ฮยอนก็มายืนตรงหน้าตน)
"ซน มยองอู" ตำรวจประจำทีมสืบสวนอาชญากรรมพิเศษรู้สึกหนักใจที่คดีฆาตกรรมย่านบังแบดงไม่มีความคืบหน้า เพราะฝ่ายพิสูจน์หลักฐานไม่พบเบาะแสและดีเอ็นเอคนร้ายในที่เกิดเหตุทำให้การสืบหาผู้ต้องสงสัยเป็นไปได้ยาก เมื่อ "ชา จีอัน" แจ้งว่าพบศพหญิงสาวอีกรายถูกฆาตกรรมในบ้านย่านโทฮวาทงในเขตมาโป สภาพศพคล้ายคลึงกับคดีฆาตกรรมหญิงสาวที่บังแบดง ทุกคนจึงรีบบึ่งไปยังสถานที่เกิดเหตุทันที หลังดูศพเหยื่อสาวแล้วมยองอูก็ฟันธง (ขณะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องพักผู้ตาย) ว่าสภาพร่างกายของผู้ตายแตกต่างจากคดีฆาตกรรมที่บังแบดงมากจนไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเหตุฆาตกรรมต่อเนื่อง จีอันแย้งว่าสถานที่พบศพมีความคล้ายคลึงกัน อย่างน้อยๆ ก็ควรตรวจสอบก่อนจึงค่อยตัดประเด็นดังกล่าวทิ้ง "มิน ซึงจู" เห็นด้วยและเชื่อว่าน่าจะเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง เพราะแรงจูงใจของคดีฆาตกรรมที่บังแบดงไม่ได้เกิดจากความแค้นส่วนตัวแต่เป็นอะไรที่คาดเดายาก จึงเป็นไปได้ที่จะเกิดครั้งที่สองและสามตามมา ถึงกระนั้น มยองอูซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่อาวุโสสุดในทีมยังคงปักใจเชื่อว่าทั้งสองคดีไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เขานึกขึ้นได้ว่าวันนี้หัวหน้าทีมคนใหม่จะมาทำงานวันแรก ซึงจูเดาว่าหัวหน้าทีมคนใหม่คงตามมาสมทบกับพวกตนที่นี่เพราะตนแจ้งทางสำนักงานว่าจะออกมาดูสถานที่เกิดเหตุ
เมื่อเข้าไปในห้องพักผู้ตาย (สถานที่เกิดเหตุ) แล้วพบว่ามีชายคนหนึ่งยืนอยู่ภายในห้อง ทุกคนเลยเดาว่าเขาคงเป็นหัวหน้าทีมคนใหม่ของพวกตน มีเพียงจีอันที่รู้ว่าเขาคือ...ลี ฮยอน!!! ฮยอนเดาว่าทุกคนมาดูสถานที่เกิดเหตุเพราะเห็นว่าเป็นคดีที่มีความคล้ายคลึงกับเหตุฆาตกรรมหญิงสาวที่บังแบดง มยองอูจะชี้ว่าทั้งสองคดีไม่น่ามีความเกี่ยวข้องกัน แต่ยังไม่ทันได้พูดฮยอนก็ฟันธงว่าคนร้ายเป็นคนๆ เดียวกัน และนั่นก็หมายความว่าการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ การค้นหาพยาน หลักฐาน หรือภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อสืบหาเบาะแสคนร้ายจะเป็นไปได้ยากเช่นเดียวกับคดีแรก "ชเว อึนบก" แย้งว่าพวกตนยังไม่ได้รับรายงานจากนิติเวช ฮยอนชี้ว่าเบาะแสสำคัญในคดีนี้คือสัญลักษณ์ของคนร้ายเหมือนที่พบในคดีฆาตกรรมที่บังแบดง ซึงจูแย้งว่าพวกตนไม่เคยพบสัญลักษณ์ที่ว่า ฮยอนจึงบอกให้ทุกคนตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดและให้เช็คดูว่าสัญลักษณ์ดังกล่าวอยู่ที่กองพิสูจน์หลักฐานหรือไม่ เขามั่นใจว่าคนร้ายจะต้องทิ้งสัญลักษณ์บางอย่างเอาไว้อย่างแน่นอน
ฮยอนขอดูรายชื่อผู้ต้องสงสัยแต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าทีมสืบสวนฯ ยังคงมืดแปดด้านหลังขาดทั้งพยานหลักฐาน เขาจึงชี้ว่าเหยื่อสาวทั้งสองรายนั้น ถ้าไม่ได้เป็นเจ้าของเรือยอชท์และมีใบอนุญาตขับขี่เรือ ก็ต้องรู้จักเจ้าของเรือที่มีใบอนุญาต ส่วนคนร้ายต้องฉลาดเป็นกรดถึงได้ทิ้งสัญลักษณ์อันโดดเด่นเอาไว้ในสถานที่เกิดเหตุโดยไม่มีร่องรอยหรือเบาะแสใดๆ เขาฟันธงว่าคนร้ายต้องเป็นคนชอบโชว์ออฟเพราะคิดว่าตนมีเส้นสายและอิทธิพลเหนืออำนาจรัฐ ซึ่งนั่นไม่ใช่การหลงตัวเองแต่มีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจมีอำนาจทางการเมือง หรือไม่ก็เป็นผู้มีอิทธิพลในองค์กรหรือบริษัทต่างๆ (ระหว่างฟังฮยอนวิเคราะห์ จีอันแอบนึกในใจว่าหลังเฝ้ารอมานานแสนนาน ในที่สุดลี ฮยอนก็มายืนตรงหน้าตน)
เมื่อฮยอนถามว่ามีคำถามไหม ทุกคน (ยกเว้นจีอัน) ก็รุมถามว่าเขาได้ข้อมูลเรื่องเรือยอชท์และสัญลักษณ์ของคนร้ายมาจากไหน เพราะในแฟ้มคดีฆาตกรรมที่บังแบดงไม่มีข้อมูลดังกล่าว อยู่ๆ ฮยอนก็ส่งสัญญาณให้ทุกเงียบพลางชี้นิ้วขึ้นไปบนเพดาน ทุกคนจึงแหงนหน้าขึ้นไปมองทางด้านบนด้วยความสงสัย (มยองอูถึงกับชักปืนออกมาเตรียมพร้อม) ทันใดนั้นก็มีเสียงใครบางคนร้องทักทายจากทางด้านหลัง ทำเอาทุกคนถึงกับสะดุ้ง หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวก็แนะนำตัวว่าตนเป็นหัวหน้าทีมหนึ่งชื่อ "คัง อึนฮยอก" เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนจึงพากันสงสัยว่าฮยอนเป็นใคร ครั้นพอหันกลับไปมองก็พบว่าฮยอนหายตัวไปแล้ว หลังค้นดูจนทั่วห้องแล้วไม่พบ จีอันจึงรีบออกไปดูทางด้านนอกและวิ่งตามฮยอนไป ทั้งมยองอู ซึงจู และอึนบก ต่างพากันครุ่นคิดด้วยความสงสัยว่าฮยอนเป็นใครกันแน่ (ไม่มีใครสนใจอึนฮยอกที่พยายามแสดงตัวว่าเป็นหัวหน้าทีมคนใหม่) ซึงจูสงสัยว่าฮยอนอาจเป็นคนร้าย มยองอูได้ฟังดังนั้นจึงรีบวิ่งออกจากห้องโดยมีซึงจูวิ่งตามไปติดๆ แต่แล้วมยองอูก็วิ่งกลับมาบอกให้อึนบกตรวจบัตรอึนฮยอกเพื่อความแน่ใจ เนื่องจากตอนนี้พวกตนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
จีอันเห็นฮยอนขึ้นรถแท็กซี่จึงรีบวิ่งตามอย่างไม่ลดละ ฮยอนเห็นจีอันวิ่งไล่ตามรถก็นึกสนุกจึงบอกให้คนขับลดและเพิ่มความเร็วสลับกันไป จีอันโมโหที่โดนแกล้งจึงร้องเรียกชื่อเขาด้วยความโกรธ ฮยอนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจเพราะเขายังไม่ได้บอกชื่อเธอ ในที่สุดฮยอนก็ลงจากรถ เขาถามจีอันว่าเธอเป็นใครกันแน่และรู้จักตนได้ยังไง จีอันตัดพ้อในใจว่าเธอแอบตามและคอยจับตาดูฮยอนมานาน 20 ปีแล้ว แต่เขากลับจำเธอไม่ได้ ซ้ำยังไม่รู้เธอมีตัวตนอีกด้วย อยู่ๆ ฮยอนก็ถามจีอันดื้อๆ ว่า "ใช่เธอรึเปล่า" (ที่ส่งอีเมล์มาให้ตน) จีอันไม่รู้ว่าเขาพูดเรื่องอะไร เธอกลัวว่าเขาจะหนีไปอีกครั้งเลยจับใส่กุญแจมือพลางกล่าวขอโทษ
หลังถูกนำตัวมาที่ห้องสอบสวน ฮยอนก็อธิบายให้ทีมสืบสวนอาชญากรรมพิเศษฟังว่ามีคนส่งไฟล์คดีฆาตกรรมที่บังแบดงมาให้ตนทางอีเมล์ พอเช็คไอพีแอดเดรสดูก็พบว่าอีเมล์ดังกล่าวถูกส่งมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนนึกว่าสำนักงานตำรวจต้องการความช่วยเหลือเลยรีบเดินทางมาที่เกาหลี แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครในทีมสืบสวนฯ รู้เรื่องนี้ มยองอูสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ฮยอนจึงหนีไปจากสถานที่เกิดเหตุ ฮยอนตอบว่าตนพูดสิ่งที่ควรพูดไปหมดแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่เสวนากับคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวและไม่เข้าใจสิ่งที่ตนพูด ซึงจูสงสัยว่าฮยอนรู้จุดเกิดเหตุได้อย่างไร แล้วทำไมแค่เห็นภาพเขาก็รู้รายละเอียดคดีฆาตกรรมที่บังแบดงมากมายนัก คดีที่เพิ่งเกิดขึ้นวันนี้ก็เช่นกันเขาสำรวจสถานที่เกิดเหตุแค่ไม่กี่นาทีแต่กลับวิเคราะห์รายละเอียดต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้ง ฮยอนชี้ว่าคนบางคนมีความสามารถในการประมวลผลเหนือเกณฑ์มาตรฐาน แต่ก็มีคนบางพวก... (เขาหันไปมองมยองอู) ที่ความสามารถต่ำกว่าเกณฑ์ มยองอูได้ยินแล้วเหมือนโดนตีแสกหน้า ฮยอนจึงกล่าวชมกึ่งเหน็บว่าอย่างน้อยๆ มยองอูก็เริ่มเข้าใจสิ่งที่ตนพูดแล้ว
หลังตรวจสอบข้อมูลของฮยอนแล้วอึนบกก็เข้ามาบอกมยองอูว่าทุกสิ่งที่ฮยอนพูดเป็นเรื่องจริง ชื่ออเมริกันของเขาคือ "เดวิด ลี" เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่วิทยาลัยจอห์น เจย์ (John Jay College of Criminal Justice) ในกรุงนิวยอร์ก ช่วงเวลาที่เดินทางมาเกาหลีก็ตรงตามที่เขาพูดทุกอย่าง ตอนที่เกิดเหตุฆาตกรรมเขายังคงอยู่บนเครื่องบิน ดังนั้น เขาจึงไม่ใช่คนร้าย ฮยอนได้ทีเลยถามหาหลักฐานที่ทำให้ตนกลายเป็นผู้ต้องสงสัยและถูกจับตัวมาที่นี่ เขาชี้ว่าทีมสอบสวนไม่มีสิทธิควบคุมตน เมื่อถูกจีอันรั้งตัวไว้เขาก็กล่าวหาทีมสอบสวนฯ ว่าเร่งจับกุมตนโดยไม่มีเหตุอันควร ซ้ำยังเป็นการจับผิดตัว ที่สำคัญกุญแจมือยังทำให้แขนของตนเป็นรอยอีกด้วย เมื่อฮยอนขู่ว่าจะฟ้อง จีอันก็อ้างว่าตนกล่าวขอโทษตั้งแต่ตอนใส่กุญแจมือแล้ว อึนบกสงสัยว่าฮยอนรู้เรื่องคดีฆาตกรรมที่ย่านโทฮวาทงได้อย่างไรหากไม่ได้ดักฟังหรือแฮกเข้าไปในระบบของพวกตน ฮยอนบอกเพียงว่าสถานที่เกิดเหตุคดีฆาตกรรมที่บังแบดงบอกตน
หลังตรวจสอบข้อมูลของฮยอนแล้วอึนบกก็เข้ามาบอกมยองอูว่าทุกสิ่งที่ฮยอนพูดเป็นเรื่องจริง ชื่ออเมริกันของเขาคือ "เดวิด ลี" เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่วิทยาลัยจอห์น เจย์ (John Jay College of Criminal Justice) ในกรุงนิวยอร์ก ช่วงเวลาที่เดินทางมาเกาหลีก็ตรงตามที่เขาพูดทุกอย่าง ตอนที่เกิดเหตุฆาตกรรมเขายังคงอยู่บนเครื่องบิน ดังนั้น เขาจึงไม่ใช่คนร้าย ฮยอนได้ทีเลยถามหาหลักฐานที่ทำให้ตนกลายเป็นผู้ต้องสงสัยและถูกจับตัวมาที่นี่ เขาชี้ว่าทีมสอบสวนไม่มีสิทธิควบคุมตน เมื่อถูกจีอันรั้งตัวไว้เขาก็กล่าวหาทีมสอบสวนฯ ว่าเร่งจับกุมตนโดยไม่มีเหตุอันควร ซ้ำยังเป็นการจับผิดตัว ที่สำคัญกุญแจมือยังทำให้แขนของตนเป็นรอยอีกด้วย เมื่อฮยอนขู่ว่าจะฟ้อง จีอันก็อ้างว่าตนกล่าวขอโทษตั้งแต่ตอนใส่กุญแจมือแล้ว อึนบกสงสัยว่าฮยอนรู้เรื่องคดีฆาตกรรมที่ย่านโทฮวาทงได้อย่างไรหากไม่ได้ดักฟังหรือแฮกเข้าไปในระบบของพวกตน ฮยอนบอกเพียงว่าสถานที่เกิดเหตุคดีฆาตกรรมที่บังแบดงบอกตน
จีอันอยากสอบถามฮยอนเรื่องรายละเอียดในที่เกิดเหตุมากกว่านี้จึงตื๊อให้เขาอยู่ต่อในฐานะพยาน แต่ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผน "ฮยอน จีซู" ชี้ว่าจีอันไม่มีสิทธิทำเช่นนั้น แถมยังออกหน้ารับรองตัวตนและที่อยู่ของฮยอนอีกด้วย อึนฮยอกเห็นลูกทีมอยู่กันพร้อมหน้าเลยคิดใช้โอกาสนี้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการในฐานะหัวหน้าทีมอีกครั้ง แต่เขายังไม่ทันได้แนะนำตัวจีอันก็ขอตัวและรีบตามฮยอนเข้าไปในลิฟต์ ขณะที่คนอื่นๆ พากันแยกย้ายไปทำงาน จีอันสงสัยว่าฮยอนกลับมาเกาหลีด้วยเหตุผลใดกันแน่ และไปสถานที่เกิดเหตุทำไม ฮยอนขอให้จีอันตอบมาก่อนว่ารู้จักตนได้อย่างไร เขาหันไปจ้องหน้าเธอพลางบอกว่ารู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก จีอันจึงเหน็บว่าเขาเพิ่งพูดเรื่องประสิทธิภาพในการประมวลผลของสมองแต่กลับมีความทรงจำที่แย่มาก ฮยอนแย้งว่าบางทีเธออาจไม่สำคัญพอให้จดจำหรือไม่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องจดจำเธอ
หลังออกจากลิฟต์ฮยอนก็นึกถึงคำถามเมื่อสักครู่ของจีอัน เขาเล่าให้คนดูฟังว่าทำไมตนเองถึงกลับมาเกาหลี โดยบอกว่าเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากอีเมล์ที่มีคนส่งมาให้ อีเมล์ดังกล่าวนอกจากจะมีไฟล์ข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมหญิงสาวที่บังแบดงแล้ว ยังมีภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุ (บ้านเหยื่อสาว) หลากหลายมุม หนึ่งในนั้นเผยให้เห็นภาพวาดชายสองหัวประดับอยู่ภายในห้องของเหยื่อ เขารู้สึกได้ว่าภาพดังกล่าวเกี่ยวข้องกับความทรงจำที่หายไปของตน เมื่อพยายามรื้อฟื้นความทรงจำเขาก็จำได้เพียงว่าตอนเด็กๆ เขากับน้องชายชอบวาดรูป และภาพดังกล่าวถูกวาดขึ้นในช่วงที่เขาสูญเสียพ่อและน้องชาย หลังพบว่ามีใครบางคนส่งอีเมล์ปริศนามาท้าทาย ฮยอนก็รีบจองตั๋วเครื่องบินโดยมีปลายทางที่เกาหลีและนัดพบคณะบดีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทันที
เมื่อมาถึงสนามบิน (เกาหลี) แล้วเห็นตัวเลข เครื่องหมาย และสัญลักษณ์ต่างๆ สมองของฮยอนก็แปลงความหมายเป็นสัญญาณเซมมาฟอร์ (การสื่อสารระยะไกลด้วยการโบกธง ฯลฯ) เขาพบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุฆาตกรรมหญิงสาวย่านบังแบดงทิ้งเบาะแสเป็นรหัสลับ (เซมมาฟอร์) เอาไว้ให้ (เขาเห็นรหัสในภาพถ่ายที่ถูกส่งมาทางอีเมล์) เมื่อถอดรหัสดู (เติมขีดที่หายไป ขีดที่ขาดหายคือสัญญาณเซมมาฟอร์) ก็พบว่าเป็นค่าพิกัดละติจูดและลองจิจูดของสถานที่แห่งหนึ่ง เขาจึงนำพิกัดดังกล่าวไปป้อนในแอพแผนที่และพบว่าเป็นสถานที่ๆ เหยื่อรายที่สองถูกฆาตกรรม (ย่านโทฮวาทงในเขตมาโป) นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมเขาถึงได้ไปปรากฏตัวในที่เกิดเหตุ
เขาสงสัยว่าใครกันแน่ที่เป็นคนส่งข้อมูลพวกนี้มาให้ตน ทั้งยังอดสงสัยไม่ได้ว่า "คนๆ นั้น" และ "เจ้าเด็กนั่น" อาจยังมีชีวิตอยู่ เพราะต้องการไขปริศนาและตามหาคนเขาจึงเดินทางมาเกาหลี โดยกลับไปตั้งหลักที่บ้านหลังเก่าของครอบครัวซึ่งเขาเคยอาศัยอยู่กับพ่อและน้องชายเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เมื่อเข้าไปในบ้าน (ข้าวของทุกชิ้นยังถูกจัดวางที่เดิม) เขาก็หวนนึกถึงภาพความทรงจำเก่าๆ รวมทั้งภาพตอนที่พบศพพ่อนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่บนพื้นห้องครัว บ้านหลังนี้จึงเป็นสถานที่ๆ เขาเติบโต เป็นที่ๆ เขาอาศัยอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต และเป็นที่ๆ หล่อหลอมจิตวิญญาณของเขา... ณ ที่นี้เรื่องราวของเขาจะเดินหน้าต่ออีกครั้ง
ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539)
หลังเพิ่งขนของย้ายเข้าบ้านใหม่ "ลี จุงมิน" (พ่อของฮยอน) เห็นฮยอนง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่างใต้ต้นไม้ใหญ่จึงมาตามเขาไปช่วยงาน โดยพูดทีเล่นทีจริงว่าข้าวของกองเต็มบ้านแต่เขากลับหนีออกมาเล่นข้างนอกคนเดียวอย่างนี้ได้ไง ฮยอนย้อนว่าที่ผ่านมาคนที่ชอบอู้งานคือพ่อไม่ใช่ตน "ลี มิน" (น้องชายของฮยอน) หาสมุดวาดภาพและดินสอสีไม่เจอเลยออกมาร้องโวยวายและเร่งให้ฮยอนช่วยหา ฮยอนจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน จุงมินสงสัยว่าฮยอนฝังอะไรไว้ใต้ต้นไม้ พอคุ้ยดินและเศษวัชพืชออกแล้วพบอุ้งเท้าสัตว์ เขาก็ครุ่นคิดด้วยสีหน้าวิตกกังวล หลังกลบดินดังเดิมแล้วพบว่าฮยอนยืนอยู่ทางด้านหลังเขาก็ถึงกับสะดุ้ง ฮยอนจึงรีบอธิบายว่าตนเจอสุนัขตัวนี้ตอนที่มันตายแล้ว
หลังออกจากลิฟต์ฮยอนก็นึกถึงคำถามเมื่อสักครู่ของจีอัน เขาเล่าให้คนดูฟังว่าทำไมตนเองถึงกลับมาเกาหลี โดยบอกว่าเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากอีเมล์ที่มีคนส่งมาให้ อีเมล์ดังกล่าวนอกจากจะมีไฟล์ข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมหญิงสาวที่บังแบดงแล้ว ยังมีภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุ (บ้านเหยื่อสาว) หลากหลายมุม หนึ่งในนั้นเผยให้เห็นภาพวาดชายสองหัวประดับอยู่ภายในห้องของเหยื่อ เขารู้สึกได้ว่าภาพดังกล่าวเกี่ยวข้องกับความทรงจำที่หายไปของตน เมื่อพยายามรื้อฟื้นความทรงจำเขาก็จำได้เพียงว่าตอนเด็กๆ เขากับน้องชายชอบวาดรูป และภาพดังกล่าวถูกวาดขึ้นในช่วงที่เขาสูญเสียพ่อและน้องชาย หลังพบว่ามีใครบางคนส่งอีเมล์ปริศนามาท้าทาย ฮยอนก็รีบจองตั๋วเครื่องบินโดยมีปลายทางที่เกาหลีและนัดพบคณะบดีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทันที
เมื่อมาถึงสนามบิน (เกาหลี) แล้วเห็นตัวเลข เครื่องหมาย และสัญลักษณ์ต่างๆ สมองของฮยอนก็แปลงความหมายเป็นสัญญาณเซมมาฟอร์ (การสื่อสารระยะไกลด้วยการโบกธง ฯลฯ) เขาพบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุฆาตกรรมหญิงสาวย่านบังแบดงทิ้งเบาะแสเป็นรหัสลับ (เซมมาฟอร์) เอาไว้ให้ (เขาเห็นรหัสในภาพถ่ายที่ถูกส่งมาทางอีเมล์) เมื่อถอดรหัสดู (เติมขีดที่หายไป ขีดที่ขาดหายคือสัญญาณเซมมาฟอร์) ก็พบว่าเป็นค่าพิกัดละติจูดและลองจิจูดของสถานที่แห่งหนึ่ง เขาจึงนำพิกัดดังกล่าวไปป้อนในแอพแผนที่และพบว่าเป็นสถานที่ๆ เหยื่อรายที่สองถูกฆาตกรรม (ย่านโทฮวาทงในเขตมาโป) นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมเขาถึงได้ไปปรากฏตัวในที่เกิดเหตุ
เขาสงสัยว่าใครกันแน่ที่เป็นคนส่งข้อมูลพวกนี้มาให้ตน ทั้งยังอดสงสัยไม่ได้ว่า "คนๆ นั้น" และ "เจ้าเด็กนั่น" อาจยังมีชีวิตอยู่ เพราะต้องการไขปริศนาและตามหาคนเขาจึงเดินทางมาเกาหลี โดยกลับไปตั้งหลักที่บ้านหลังเก่าของครอบครัวซึ่งเขาเคยอาศัยอยู่กับพ่อและน้องชายเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เมื่อเข้าไปในบ้าน (ข้าวของทุกชิ้นยังถูกจัดวางที่เดิม) เขาก็หวนนึกถึงภาพความทรงจำเก่าๆ รวมทั้งภาพตอนที่พบศพพ่อนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่บนพื้นห้องครัว บ้านหลังนี้จึงเป็นสถานที่ๆ เขาเติบโต เป็นที่ๆ เขาอาศัยอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต และเป็นที่ๆ หล่อหลอมจิตวิญญาณของเขา... ณ ที่นี้เรื่องราวของเขาจะเดินหน้าต่ออีกครั้ง
ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539)
หลังเพิ่งขนของย้ายเข้าบ้านใหม่ "ลี จุงมิน" (พ่อของฮยอน) เห็นฮยอนง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่างใต้ต้นไม้ใหญ่จึงมาตามเขาไปช่วยงาน โดยพูดทีเล่นทีจริงว่าข้าวของกองเต็มบ้านแต่เขากลับหนีออกมาเล่นข้างนอกคนเดียวอย่างนี้ได้ไง ฮยอนย้อนว่าที่ผ่านมาคนที่ชอบอู้งานคือพ่อไม่ใช่ตน "ลี มิน" (น้องชายของฮยอน) หาสมุดวาดภาพและดินสอสีไม่เจอเลยออกมาร้องโวยวายและเร่งให้ฮยอนช่วยหา ฮยอนจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน จุงมินสงสัยว่าฮยอนฝังอะไรไว้ใต้ต้นไม้ พอคุ้ยดินและเศษวัชพืชออกแล้วพบอุ้งเท้าสัตว์ เขาก็ครุ่นคิดด้วยสีหน้าวิตกกังวล หลังกลบดินดังเดิมแล้วพบว่าฮยอนยืนอยู่ทางด้านหลังเขาก็ถึงกับสะดุ้ง ฮยอนจึงรีบอธิบายว่าตนเจอสุนัขตัวนี้ตอนที่มันตายแล้ว
จุงมินเดินเข้าไปในเรือนจำด้วยสีหน้าครุ่นคิด ในเวลาเดียวกันนั้น นักโทษหนุ่ม "ลี จุนยอง" (รับบทโดย D.O. แห่งวง EXO) ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวมายังห้องๆ หนึ่งเพื่อรอการสอบสวน จุนยองขอให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวช่วยเปิดหน้าต่างให้โดยบอกว่าตนเป็นคนไวต่อกลิ่นและแนะนำให้เจ้าหน้าที่เปลี่ยนอาฟเตอร์เชฟยี่ห้อใหม่ เมื่อจุงมินมาถึงก็พบเจ้าหน้าที่นอนกองอยู่กับพื้นในสภาพถูกใส่กุญแจมือไพล่หลัง ขณะที่จุนยองกำลังเปิดหน้าต่างห้อง หลังไขกุญแจมือให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวแล้วจุงมินก็ขอคุยกับจุนยองตามลำพัง
จุงมินบันทึก (เทป) คำให้การของจุนยองในขณะที่เขาเล่าเรื่องความรุนแรงภายในบ้าน โดยบอกว่าตนมักถูกแม่เฆี่ยนตีอย่างไม่มีเหตุผลเป็นประจำ แต่จุงมินฟังได้ไม่นานก็หยุดเทปทันที เพราะสัปดาห์ก่อนๆ จุนยองก็เล่าเรื่องปู่กับลุง ทั้งที่ความจริงแล้วจุนยองไม่มีทั้งปู่ ลุง และแม่ จุงมินเก็บอุปกรณ์บันทึกเทปใส่กระเป๋าพลางกล่าวอย่างใจเย็นว่าคงมีสักวันที่จุนยองจะยอมพูดความจริง จุนยองสงสัยว่าจุงมินอยากได้ยินอะไรจากปากตน เขากล่าวว่าตนไม่มีเรื่องอะไรให้เล่ามากนัก เพราะตนเป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่งที่ข้องใจว่าทำไมคนบางคนถึงทำร้ายผู้อื่น และทำไมคนเราถึงทำร้ายผู้อื่นไม่ได้ หลังพูดจบแล้วจุนยองก็ยิ้มและมองหน้าจุงมินอย่างมีเลศนัย
ระหว่างเดินกลับบ้านอย่างครุ่นคิด เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายได้เข้ามาทักทายจุงมินในฐานะที่เคยเข้าฟังการบรรยายของเขา ทั้งคู่รู้ว่าเขาเพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้จึงเตือนให้ระวังโดนขโมยสุนัขเพราะช่วงนี้มักมีคนแจ้งความเรื่องสุนัขหายและถูกทารุณกรรม จุงมินได้ยินดังนั้นก็ยิ่งเป็นกังวลเรื่องฮยอนจนถึงขั้นเก็บไปฝันขณะเผลอหลับบนโต๊ะทำงาน (เขามักทำงานโต้รุ่งเสมอ) ครั้นพอสะดุ้งตื่นเขาก็ได้ยินเสียงฮยอนถามว่าฝันร้ายหรือ จุงมินเห็นฮยอนถือแก้วกาแฟมายืนตรงหน้าในระยะประชิดก็ถึงกับผงะและอึ้งไปชั่วครู่ เขาเห็นฮยอนมองรูปเหล่าอาชญากรบนโต๊ะเลยรีบเก็บ เพราะความรีบร้อนเขาเลยทำรูปคนร้ายสามสี่คนตกลงบนพื้นโดยไม่รู้ตัว ฮยอนจึงช่วยเก็บรูปให้ ปรากฏว่าหนึ่งในนั้นคือรูปของจุนยอง
ฮยอนมองรูปจุนยองและอาชญากรคนอื่นๆ ที่พ่อกำลังทำวิจัย พลางเปรยว่าพวกเขาก็เหมือนคนปกติธรรมดา จุงมินบอกฮยอนว่าปีศาจร้ายมักซ่อนอยู่ในตัวคนธรรมดาทั่วไป คนที่โหดร้ายที่สุดอาจมีรูปร่างหน้าตาดุจเทพบุตร (ภาพตัดไปที่จุนยองซึ่งถูกสวมกุญแจมือ และกำลังเดินยิ้ม) ด้วยเหตุนี้ฮยอนถึงต้องคอยระวังคนแปลกหน้า เมื่อถูกพ่อร้องขอให้ทำตัวเหมือนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ฮยอนจึงประชดด้วยการชวนพ่อไปเที่ยวสวนสนุกในวันหยุดสุดสัปดาห์ (ทั้งที่รู้ว่าพ่อไม่มีเวลาให้) ทั้งยังบอกด้วยว่าตนจะไม่ช่วยอาบน้ำและใส่เสื้อผ้าให้มิน จะไม่ไปรับส่งมินที่โรงเรียนอนุบาล จะไม่ทำงานบ้าน ไม่ไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส ทุกอย่างจะได้โดนตัด (พ่อเขาขี้ลืม) จากนี้ไปตนจะไม่ชงกาแฟและไม่ตรวจสอบตารางงานให้พ่อ ตนจะทำตัวโง่ๆ แล้วนั่งเล่นหุ่นยนต์ไปวันๆ
จุงมินได้ยินดังนั้นก็แก้เก้อด้วยการชมว่าฮยอนชงกาแฟเก่ง ฮยอนไม่เคลิ้มตามและเตือนพ่อว่าได้เวลาไปทำงานแล้ว จุงมินจะเดินตัวปลิวออกจากบ้าน ฮยอนจึงเตือนว่าเขาลืมเสื้อแจ็คเก็ตและกระเป๋าเอกสาร จุงมินเดินกลับมาเอาเสื้อกับกระเป๋าและกำลังจะออกไปทำงาน แต่แล้วอยู่ๆ ฮยอนก็ถามด้วยความสงสัยว่าทำไมคนบางคนถึงทำร้ายผู้อื่น และทำไมคนเราถึงทำร้ายผู้อื่นไม่ได้ จุงมินฟังแล้วถึงกับหน้าถอดสี เพราะนี่คือสิ่งที่อาชญากรตัวร้ายอย่างจุนยองสงสัยใคร่รู้เช่นกัน
ตัดกลับมาที่ช่วงเวลาปัจจุบัน
ในที่สุด อึนฮยอกก็ได้โอกาสแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับลูกทีม เขาเล่าว่าตนอาสามาร่วมงานกับทีมสืบสวนอาชญากรรมพิเศษเพราะใจล้วนๆ ทั้งที่ความจริงแล้วตนมีคุณสมบัติที่จะเข้าทำงานด้านความมั่นคงและหน่วยข่าวกรองด้วยซ้ำ ปรากฏว่าไม่มีลูกทีมคนใดสนใจฟัง ระหว่างที่อึนฮยอกพร่ำพรรณาถึงเรื่องราวของตน ทุกคนในทีมต่างพากันนึกสงสัยและครุ่นคิดถึงคำพูดของฮยอน อึนฮยอกจึงแก้เก้อด้วยการปรบมือเบาๆ ให้ตัวเองหลังพูดจบ ครั้นพอเขาเอ่ยถึงฮยอนทุกคนก็หูผึ่งและหันมาฟังในบัดดล แต่พออึนฮยอกถามแบบงงๆ ว่าฮยอนเป็นใคร ทุกคนก็ทำหน้าผิดหวังและต่างหันกลับไปทำงานที่โต๊ะของตน ในที่สุดฮยอนก็พบสมุดวาดภาพสมัยที่ตนยังเป็นเด็ก พอเปิดออกดูแล้วพบรูปคนสองหัวเขาเลยนำมาเทียบกับภาพวาดชายสองหัวที่อยู่ในห้องเหยื่อสาว
อึนฮยอกต้องการมีส่วนร่วมและอยากให้ลูกทีมยอมรับจึงชวนคุยเรื่องที่ฮยอนฟันธงว่า คดีฆาตกรรมหญิงสาวที่บังแบดงกับย่านโทฮวาทงเป็นฝีมือคนร้ายคนเดียวกันและมีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายจะใช้เรือยอชท์ มยองอูค้านหัวชนฝาว่าเป็นไปไม่ได้ เขาไม่ (อยากจะ) เชื่อว่าฮยอนจะเก่งขั้นเทพจนสามารถวิเคราห์เรื่องราวจากสถานที่เกิดเหตุได้อย่างละเอียดแม่นยำดุจตาเห็น ถึงแม้ว่าฮยอนจะผ่านการตรวจสอบประวัติและมีผลงานเป็นที่ยอมรับก็ตาม อึนฮยอกเห็นว่าฮยอนเป็นคนมีความสามารถจึงขอให้ทุกคนปล่อยวางเรื่องศักดิ์ศรี จากนั้นก็เสนอให้เชิญฮยอนมาช่วยงานทีมตน จีอันรีบยกมือสนับสนุน แต่มยองอูไม่เห็นด้วยเพราะเขามองฮยอนเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยและไม่เชื่อว่าฮยอนจะยอมร่วมมือกับทีมตน จีอันอาสาไปเกลี้ยกล่อมให้ฮยอนยอมตกลง ซึงจูแย้งว่าฮยอนไม่มีทางรับปากเพราะเธอเป็นคนใส่กุญแจมือเขา อึนบกเสริมว่าฮยอนอาจฟ้องจีอันเรื่องที่เธอทำให้ข้อมือเขามีรอยข่วน จีอันยืนยันว่าตนจัดการได้แน่ เธอชี้ว่าบางทีฮยอนอาจกำลังรอให้พวกตนเอ่ยปากขอความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการ เพราะเขาอุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปดูสถานที่เกิดเหตุด้วยตนเอง ซึงจูถามว่าถ้าฮยอนปฏิเสธเธอจะทำอย่างไร จีอันพูดเต็มปากเต็มคำว่าเธอจะใช้หน้าตาเป็นอาวุธ ทุกคนในทีมฟังแล้วถึงกับอึ้งและรู้สึกสิ้นหวัง จีอันจึงแอบแหน็บทุกคนว่ามีตาหามีแววไม่
ฮยอนเห็นผ้ากันเปื้อนและผ้าคลุมผมที่ตนเคยใช้ตอนเป็นเด็กเลยหยิบขึ้นมาสวมขณะทำความสะอาดบ้าน เมื่อจีอันโทรฯ มาหา เขาก็เดาเจตนาของเธอออก เพราะคาดเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าเธอจะต้องโทรฯ มาขอความช่วยเหลือเรื่องคดี เพียงแต่ไม่นึกว่าจะเร็วอย่างนี้ เมื่อจีอันไม่ยอมรับตามตรงว่าเธอต้องการให้เขาช่วย ฮยอนจึงตัดบทว่าตนกำลังยุ่งและจะวางสาย จีอันแย้งว่าตนไม่ได้บอกว่าจะไม่ขอความช่วยเหลือ ฮยอนอยากรู้ว่าจีอันพบเบาะแสเพิ่มเติมบ้างหรือยัง จีอันยังไม่ทันตอบ เขาก็เดาออกว่าคงมืดแปดด้านตามเดิมไม่อย่างนั้นเธอคงไม่โทรฯ มาขอให้เขาช่วยไขคดี จีอันขอพบเขาเป็นการส่วนตัวเพื่อจะได้หารือกัน แต่ฮยอนปฏิเสธทันควันเพราะไม่อารมณ์อยากพบ เขาแนะให้เธอขอความช่วยเหลืออย่างจริงจังจริงใจเผื่อว่าบางทีเขาอาจเปลี่ยนใจ จีอันเลยจัดให้ตามคำขอแต่ฮยอนยังคงเล่นตัว
ระหว่างนั้นเขาเดินดูรอบๆ ห้องแล้วพบว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงเปรยว่าปริมาณขี้ฝุ่นมีความแตกต่างกัน จีอันได้ยินดังนั้นก็นึกว่าฮยอนแอบบุกรุกเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุอีกแห่ง ฮยอนแย้งว่าตนไม่ได้เป็นฝ่ายบุกรุกแต่คิดว่ามีใครบางคนบุกรุกบ้านตน จีอันขอให้ฮยอนพิจารณาเรื่องที่ตนร้องขอ แต่ฮยอนบอกว่าตนกำลังยุ่งและตัดสายทิ้งทันที เขารำพึงรำพันกับตัวเองว่า...มีผู้มาเยือน จากนั้นก็เดินไปที่ชั้นวางหนังสือแล้วมองหาสมุดบันทึกของพ่อซึ่งความจริงแล้วจะต้องวางอยู่ตรงที่เดิม (เช่นเดียวกับของทุกชิ้นในบ้าน) แต่กลับหาไม่พบ สิ่งที่เขาพบโดยบังเอิญคือกล่องใส่เทปบันทึกเสียงคำให้การของลี จุนยอง
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ขณะที่ฮยอนในวัยเด็กกำลังทำความสะอาดบ้าน (โดยสวมผ้าคลุมผมและผ้ากันเปื้อนผืนเดียวกับที่ฮยอนในปัจจุบันใส่อยู่) เขาพบว่าพ่อลืมกระเป๋าเอกสารอีกตามเคยเลยพยายามโทรฯ ติดต่อแต่พ่อไม่รับสาย ในตอนนั้นจุงมินกำลังคุยกับจีซูที่สำนักงานตำรวจ จีซูเห็นจุงมินหน้านิ่วคิ้วขมวดเลยถามว่าเขามีเรื่องปวดหัวเหมือนตนหรือเปล่า จุงมินพยายามบ่ายเบี่ยงโดยบอกว่าความจริงแล้วตนไม่ได้มีปัญหาอะไรและถามกลับว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ จีซูบอกว่าตนกำลังจะหย่าเพราะมัวแต่บ้างานเลยไม่สามารถเป็นภรรยาที่ดีได้ จุงมินเห็นจีซูทุ่มเทให้กับการทำงานเลยแซวว่าอีกหน่อยเธอคงได้เป็นผู้บัญชาการหญิงคนแรก จีซูอยากรู้ว่าจุงมินไม่สบายใจเรื่องอะไร แต่จุงมินไม่อยากพูดเรื่องส่วนตัวเลยตอบเพียงว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เขาบอกจีซูว่าวันนี้เป็นวันพิจารณาคดีของจุนยอง ตนจะสัมภาษณ์จุนยองที่สำนักงานใหญ่ก่อน จึงอยากให้เธอช่วยเตรียมการและอำนวยความสะดวกให้
ฮยอนนำกระเป๋าเอกสารมาให้พ่อที่สำนักงานตำรวจ เหล่าตำรวจเห็นว่าฮยอนเป็นเด็กฉลาดจึงพากันทดสอบความสามารถด้านการคิดคำนวณ ไม่ว่าจะถามอะไร ยากแค่ไหน ฮยอนก็ตอบได้หมด ทุกคนเลยรู้สึกทึ่ง "ยาง จินซอก" เทก้านไม้ขีดไฟที่อัดแน่นในกระป๋องลงบนโต๊ะแล้วถามฮยอนว่ามีทั้งหมดกี่ก้าน โดยบอกว่าถ้าฮยอนตอบถูกถึงจะได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะตัวจริง ฮยอนตอบทันควันว่า 571 ก้าน จินซอกเลยชวนเพื่อนๆ ที่เป็นตำรวจสายสืบมานั่งนับเพราะอยากรู้ว่าชัวร์หรือมั่วนิ่ม หลังรออยู่นานแต่ยังคงไร้วี่แววของพ่อ ฮยอนจึงออกไปเดินตามหา ในตอนนั้นจุงมินเริ่มรู้สึกอ่อนล้าเลยหยุดพักการสัมภาษณ์จุนยองชั่วคราวและเดินออกจากห้องไป
ฮยอนเห็นจุนยองนั่งอยู่ในห้องตามลำพังเลยถามว่า "ศาสตราจารย์ลี จุงมิน" ไม่อยู่หรือ พอรู้ว่าฮยอนเป็นลูกชายของจุงมิน จุนยองจึงชวนฮยอนมานั่งรอพ่อในห้อง แม้ฮยอนจะจำจุนยองได้ (จากรูปถ่ายอาชญากรบนโต๊ะพ่อ) แต่เขากลับไม่กลัวการเผชิญหน้ากับอาชญากร หากสงสัยมากกว่าว่าจุนยองกลายเป็นคนแบบนี้ได้อย่างไร จุนยองยิ้มพลางถามว่าตนเป็นคนแบบไหน ฮยอนตอบว่าเป็นคนที่ผิดแปลกไปจากคนอื่น จุนยองอธิบายว่า ลูกเป็ดจะคิดว่าสิ่งแรกที่เห็นคือแม่ของพวกมันและพวกมันจะคิดอย่างนั้นจนวันตาย เพราะนั่นคือความทรงจำแรกแห่งชีวิตที่ถูกตราตรึงไว้ในสมองและจิตใต้สำนึก สัตว์ทุกชนิดล้วนมีช่วงเวลาสำคัญอันเป็นระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ ซึ่งเป็นช่วงที่สมองเติบโตและมีพัฒนาการสมบูรณ์ ในช่วงเวลานั้นสิ่งที่เห็น ได้ยิน ได้สัมผัส หรือรับรู้ จะกลายเป็นความทรงจำฝังใจ ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงสมองของลูกเป็ดจะพัฒนาเต็มที่ ส่วนลิงต้องใช้เวลา 1-2 ปี ฮยอนอยากรู้ว่ามนุษย์ใช้เวลากี่ปี จุนยองตอบว่าประมาณ 10-12 ปี ซึ่งก็คือวัยของฮยอน ช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสทองที่จะกำหนดศักยภาพหรือชะตาคนเรา ฮยอนอยากรู้ว่าช่วงเวลาดังกล่าวของจุนยองเป็นอย่างไร แต่จุนยองถามกลับว่าของฮยอนเป็นไงบ้าง เขากล่าวว่า ตนคิดว่าฮยอนเองก็แตกต่างจากคนอื่นซึ่งมันไม่ง่ายเลย จากนั้นก็ถามว่าคนอื่นๆ เข้าใจฮยอนไหม แล้วพ่อล่ะเชื่อใจฮยอนหรือเปล่า เขาอยากรู้และอยากเห็นกับตาว่าโตขึ้นฮยอนจะเป็นคนแบบใด
จีซูเห็นจุงมินนั่งดื่มกาแฟตามลำพังจึงถามหาฮยอน ก่อนกล่าวชมว่าฮยอนเป็นเด็กฉลาดและน่าทึ่ง จากนั้นก็เล่าเรื่องที่ตำรวจสายสืบพากันนั่งนับก้านไม้ขีดเพื่อพิสูจน์ความเป็นอัจฉริยะของฮยอน พอรู้ว่าลูกชายนำของมาให้ตนที่นี่จุงมินก็รู้สึกสังหรณ์ใจ เขาจึงรีบวิ่งไปตามหาฮยอนทันที ในเวลาเดียวกันนั้นจุนยองกำลังสะเดาะกุญแจมือ หลังทำสำเร็จแล้วเขาก็นั่งกอดอกแล้วโน้มตัวเข้าไปหาฮยอนพลางถามว่าอยากให้ตนบอกความลับที่รู้กันแค่สองคนไหม พูดจบเขาก็ยื่นมือที่เพิ่งหลุดพ้นจากพันธนาการให้ฮยอน ครั้นพอฮยอนจับมือตอบจุนยองก็ดึงตัวฮยอนเข้าไปหา เมื่อจุงมินมาถึงหน้าประตูห้องก็เห็นลูกชายตนจับมืออาชญากรอย่างสนิทสนมแถมยังทำท่าจุ๊ปากใส่กัน จุนยองเห็นจุงมินแอบดูหน้าประตูเลยหันไปยิ้มเยาะ จุงมินรีบพาฮยอนออกจากห้อง จุนยองเลยบอกลาฮยอนก่อนให้คำมั่นว่า "แล้วเจอกัน...ตามสัญญา"
หลังลากตัวฮยอนออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยความโกรธ จุงมินก็ฝากฮยอนไว้กับจีซูแล้วเดินกลับไปหาจุนยองโดยไม่พูดไม่จา จินซอกกับเพื่อนตำรวจสายสืบเห็นจีซูกับฮยอนเดินผ่านหน้าห้องเลยรีบออกมาบอกว่าไม้ขีดไฟมี 571 ก้านอย่างที่ฮยอนบอก และยอมรับว่าฮยอนเป็นเด็กอัจฉริยะจริงๆ
จุงมินเก็บของใส่กระเป๋าพลางบอกจุนยองว่าจากนี้ไปพวกตนจะไม่ได้พบกันอีกแล้วเพราะวันนี้เป็นการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย หลังเก็บของเสร็จจุงมินก็ลุกขึ้นและจะเดินออกจากห้อง แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อจุนยองถามว่าเขากลุ้มเรื่องฮยอนมากขนาดนี้เลยหรือ จุนยองเดาว่าที่จุงมินมักมีสีหน้าท่าทางเคร่งเครียดคงเป็นเพราะรู้สึกกลัว ก่อนหน้านี้เขามักสนใจซักถามเกี่ยวกับจุดเปลี่ยนในวัยเด็กของตนมากเป็นพิเศษ แสดงว่าฮยอนคงทำให้เขาเป็นกังวล จุงมินสวนกลับอย่างไม่พอใจว่าอย่าเดาส่งเดชและจะเดินออกจากห้องอีกครั้ง จุนยองเลยพูดแทงใจดำว่าเขาคิดถูกแล้ว แค่เห็นฮยอนครั้งแรกตนก็ดูออกเพราะฮยอนเหมือนตนตอนเด็กๆ มาก จุงมินได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโกรธและไม่อาจทำใจยอมรับ
เมื่อจุนยองกล่าวชมว่าฮยอนเป็นเด็กฉลาด จุงมินก็ระงับอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ เขาทิ้งกระเป๋าแล้วตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของจุนยอง ความจริงแล้วเขาเองก็อยากรู้ว่าจุนยองพูดอะไรกับลูกชายตน จุนยองกล่าวว่าตนบอกสิ่งที่ตนรู้กับฮยอน ฮยอนทั้งฉลาดและแตกต่างจากคนอื่นเช่นเดียวกับตนเลยทำให้พูดคุยกันอย่างถูกคอ จุงมินถามอย่างคาดคั้นว่าจุนยองกับฮยอนสัญญาอะไรกัน จุนยองบอกเพียงว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับจุงมินและนั่นก็ยิ่งทำให้จุงมินโมโห จุนยองกล่าวต่อว่า ตนรู้ว่าจุงมินกำลังคิดเรื่องอะไร สิ่งที่เขาคิดถูกต้องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมุมมองที่มีต่อลูกชายหรือความสงสัยที่อยู่ในใจ จุงมินแย้งว่าตนไม่เคยคิดเรื่องเหล่านี้ จุนยองแย้งกลับว่าตนยังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าความคิดที่ว่าคืออะไร ตนไม่ได้พูดสักคำว่าสิ่งที่จุงมินคิดคือ...ฮยอนคงไม่กลายเป็นปีศาจเหมือนตนใช่ไหม!!! จุงมินได้ยินดังนั้นจึงรัวหมัดใส่จุนยอง จุนยองไม่ตอบโต้ ซ้ำยังยิ้มและหัวเราะอย่างสะใจ
จุงมินบันทึกลงในสมุดว่า ขณะสัมภาษณ์จุนยองสิ่งหนึ่งที่ตนพบคือ ตนไม่ได้เฝ้าดูจุนยองฝ่ายเดียว แต่จุนยองเองก็เฝ้าดูตนเช่นกัน จุนยองรู้สึกได้ถึงความกลัวของตนและบ่มเพาะความระแวงสงสัยเอาไว้ในนั้น... หลังเข้าไปค้นห้องลูกชายทั้งสอง (ฮยอนกับมินนอนห้องเดียวกัน) แล้วพบสมุดวาดภาพที่ภายในเต็มไปด้วยภาพชวนขนลุก จุงมินจึงถามลูกชายคนเล็กว่าสมุดเล่มนี้เป็นของเขาใช่ไหม เมื่อมินพยักหน้ารับ จุงมินจึงถามย้ำว่าฮยอนเป็นคนวาดใช่ไหม มินตอบว่าฮยอนเป็นคนวาดและห้ามไม่ให้พ่อบอกฮยอนว่าตนบอกพ่อเรื่องนี้ เมื่อถูกถามว่าฮยอนน่ากลัวรึเปล่า มินส่ายหน้า และเตือนพ่อว่าอย่าไว้ใจฮยอน
จุงมินเริ่มเห็นชัดว่าฮยอนแตกต่างและทำตัวแปลกแยกจากเด็กคนอื่นๆ แทนที่จะเล่นสนุกกับเครื่องเล่นในสนามเด็กเล่นเหมือนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ฮยอนกลับเลือกที่จะเฝ้าดูคนอื่นเงียบๆ ตามลำพัง เขาจึงไปปรึกษาเพื่อนที่เป็นจิตแพทย์เพราะตอนเด็กๆ คนเป็นโรคจิตมักมีพฤติกรรมฉี่รดที่นอน ลอบวางเพลิง และทารุณสัตว์ จิตแพทย์แย้งว่าการฉี่ราดเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเด็ก เขาชี้ว่าการที่ฮยอนเสียแม่ไปในลักษณะนั้นอาจนำมาซึ่งการสูญเสียความทรงจำและเกิดภาวะวิตกกังวลจากการพลัดพราก ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว จุงมินแย้งว่ามีบางอย่างที่เขาไม่รู้ หมอจึงถามกลับว่าฮยอนมีอาการผิดปกติงั้นหรือ จุงมินพูดไม่ออกและไม่อยากเชื่อว่าในที่สุดตนเองก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความสงสัยที่จุนยองหว่านเอาไว้ในใจเขา
จุงมินเขียนลงในสมุดบันทึกว่าลูกชายตนเป็นเหมือนปีศาจ เมื่อฮยอนมาจัดเก็บโต๊ะทำงานให้พ่อตามปกติและได้เห็นข้อความดังกล่าวก็รู้สึกเจ็บปวดใจ เขานำสมุดบันทึกของพ่อไปจัดเก็บไว้บนชั้นหนังสือตามเดิมและทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ กลางดึกคืนนั้นจุงมินเข้าไปนั่งดูฮยอนนอนหลับ เขาจับมือฮยอนพลางนึกถึงคำพูดของจุนยอง ก่อนหน้านั้นจุนยองบอกเขาว่าฮยอนเป็นปีศาจเหมือนตน ตนจะแหกคุกและจะไปหาฮยอน จุนยองยังบอกจุงมินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า "แล้วพบกัน" หลังนึกถึงคำพูดของจุนยองแล้ว จุงมินก็ยิ่งเป็นกังวล เขาจึงตัดสินใจว่าจะปกป้องฮยอนทุกวิถีทาง
วันต่อมา จุงมินเรียกฮยอนมาพบในห้องลับแล้วบอกว่าจากนี้ไปฮยอนจะต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องนี้ เพื่อที่คนอื่นๆ จะได้คิดว่าฮยอนไปเรียนหนังสือเมืองนอก "นี่เป็นทางออกเดียวที่พ่อคิดได้ในตอนนี้ เพื่อปกป้องลูกจากโลก และปกป้องโลกจากลู..." ถึงแม้จุงมินจะไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ แต่ฮยอนก็รู้ว่าพ่อหมายถึงตน จุงมินบอกฮยอนว่าตนจะเป็นคนสอนหนังสือให้เอง โดยฮยอนจะต้องเริ่มต้นเรียนใหม่ว่าโลกนี้เป็นอย่างไร และคนปกติธรรมดาเขาใช้ชีวิตกันยังไง ฮยอนได้ยินแล้วน้ำตาซึม เขามองหน้าพ่อด้วยแววตาปวดร้าว จากนั้นก็นึกถึงคำพูดของจุนยองที่บอกว่า "พ่อนายเชื่อใจนายมั๊ย"
ในตอนนั้นจุนยองยังบอกฮยอนด้วยว่า โลกนี้มีคนบางกลุ่มที่หน้าตาดีมาตั้งแต่เกิด แต่ก็มีบางคนถูกชมว่าหน้าตาดีเพราะคนอื่นมองว่าพวกเขาหน้าตาดี คนบางคนอาจเกิดมาโง่ แต่ก็มีบางคนกลายเป็นคนโง่เพราะคนอื่นพากันเรียกเขาว่าไอ้โง่ เช่นเดียวกัน...คนบางคนเกิดมาเพื่อเป็นปีศาจ แต่บางคนถูกคนอื่นตราหน้าและเรียกว่าปีศาจ พวกเขาเลยกลายเป็นปีศาจ พูดจบจุนยองก็ถามฮยอนว่า "พ่อนายเรียกนายว่าอะไร... พ่อนายมองนายยังไง" หลังนึกถึงคำพูดของจุนยองแล้ว ฮยอนก็มองหน้าพ่อด้วยน้ำตาคลอเบ้า
* เนื้อหาโดย luvasianseries
รายชื่อนักแสดง
นักแสดงนำ
รับบท ลี ฮยอน
"ลี ฮยอน" หรือชื่ออเมริกัน "เดวิด ลี" เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่วิทยาลัยจอห์น เจย์ (John Jay College of Criminal Justice) ในกรุงนิวยอร์ก (วิทยาลัยชื่อดังที่เปิดสอนด้านกระบวนการยุติธรรมทางอาญา นิติวิทยาศาสตร์ และนิติจิตวิทยา เป็นต้น) โดยทำหน้าที่บรรยายเรื่องกระบวนการยุติธรรมทางอาญาและเป็นที่ปรึกษาให้แก่ตำรวจนิวยอร์ก หลังกลับมาที่กรุงโซล เขาได้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้กับทีมสืบสวนอาชญากรรมพิเศษ และมีวิธีการทำงานอันน่าทึ่งประหนึ่งดัง "เชอร์ล็อก โฮล์มส์" แค่เพียงปรายตามองเขาก็สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมผู้คน ทั้งยังวิเคราะห์สถานที่เกิดเหตุุอาชญากรรมได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาเป็นคนปากร้าย ไม่สนว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับตนเอง คำว่าเพื่อน แฟน หรือมิตรภาพ ไม่เคยอยู่ในหัว เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูดีมีเสน่ห์ แต่รักสันโดษและชอบวางมาด ซ้ำยังถูกพ่อบังเกิดเกล้าตราหน้าว่าเป็น "บุคคลอันตราย"
เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก "ลี จุงมิน" พ่อของเขา (ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาอาชญากร) วิเคราะห์เอาไว้ว่าเขามีความเป็นไปได้ที่กลายเป็น "ปีศาจร้าย" หรือ "ฆาตกร" ในอนาคต วันหนึ่งเขาได้รู้จักฆาตกรที่ชื่อ "ลี จุนยอง" และต้องเสียพ่อกับน้องชายเพราะฆาตกรคนดังกล่าว หลังจากนั้นความทรงจำในวัยเด็กของเขาก็เลือนลาง
จาง นารา
รับบท ชา จีอัน
"ชา จีอัน" จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยตำรวจแห่งชาติเกาหลี ปัจจุบันเป็นตำรวจประจำทีมสืบสวนอาชญากรรมพิเศษ เธอแตกต่างจากตำรวจสายสืบทั่วไปเพราะแต่งตัวดีและหน้าตาน่ารัก ทั้งยังพร้อมที่จะใช้รูปร่างหน้าตาเป็นกุญแจนำทางในการไขคดี ถึงกระนั้นสาวแกร่งอย่างเธอก็พร้อมที่จะใช้กำลังเมื่อถึงคราวจำเป็น เธอสะกดรอยตามและคอยจับตาดู "ลี ฮยอน" มานาน ในตอนแรกเธอรู้สึกเห็นใจเขา ต่อมาเธอเห็นเขาเป็นผู้ต้องสงสัย ผู้สมรู้ร่วมคิด หรือไม่ก็พยานปากเอก สมัยยังเป็นเด็กเธอรู้จักฮยอนโดยบังเอิญและพบว่าเขามีบางอย่างคล้ายเธอ ขณะเดียวกันก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาเป็นคนแปลกๆ จีอันมุ่งมั่นตั้งใจเรียนจนจบการศึกษาด้วยดีกรีเกียรตินิยมหมายให้ตนถูกส่งตัวไปยังสำนักงานใหญ่ เพื่อจะได้ค้นหาแฟ้มลับเกี่ยวกับคดีของ "ลี จุนยอง" เธอเชื่อว่าหากได้ร่วมงานกับฮยอนแล้วจะสามารถจับจุนยองได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงพยายามเข้าหาและตีสนิทกับเขา
อื่นๆ
ชเว วอนยอง
รับบท ลี จุนยอง (หมอและนักนิติวิทยาศาสตร์ / ฆาตกร)
ปาร์ค โบกอม
รับบท ชอง ซอนโฮ (ทนายความ) / ลี มิน
ลี ชอนฮี
รับบท คัง อึนฮยอก (หัวหน้าทีมสืบสวนอาชญากรรมพิเศษ)
มิน ซองอุก
รับบท ซน มยองอู (ตำรวจสืบสวน)
คิม แจยอง
รับบท มิน ซึงจู (ตำรวจสืบสวนน้องใหม่)
ซน ซึงวอน
รับบท ชเว อึนบก (ตำรวจวิทยาศาสตร์สาขาฟิสิกส์)
นัม คยองอึบ
รับบท คัง ซอกจู (รองผู้บัญชาการตำรวจ / พ่อของอึนฮยอก)
ชิน ดงมี
รับบท ฮา อึนจอง (น้าของจีอัน)
นักแสดงรับเชิญ
ชอน ควางรยอล
รับบท ลี จุงมิน (นักจิตวิทยาอาชญากร / พ่อลีฮยอนและลีมิน)
รวมคลิปตัวอย่าง
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา