กำกับ: หลิวเจิ้นเหว่ย (ชาวฮ่องกง), จูรุ่ยปิน
เขียนบท: ไป๋อี้ชง
แนวละคร: แฟนตาซี, คอมเมดี้, โรแมนติก
จำนวนตอน: 54
ออกอากาศ: จีน - 28 กันยายน 2560 ทางไซต์วิดีโอ อ้ายฉีอี้ (iQIYI), เล่อซื่อ (LeTV), เถิงซวิ่น (Tencent Video), หมางกั่ว (Mango TV)
ไทย - ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 15.30 น. (เดิมออกอากาศทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 10.00 - 11.00 น.) ทางเวิร์คพอยท์ทีวี (หมายเลข 23) ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2561- 2 พฤษภาคม 2561
เขียนบท: ไป๋อี้ชง
แนวละคร: แฟนตาซี, คอมเมดี้, โรแมนติก
จำนวนตอน: 54
ออกอากาศ: จีน - 28 กันยายน 2560 ทางไซต์วิดีโอ อ้ายฉีอี้ (iQIYI), เล่อซื่อ (LeTV), เถิงซวิ่น (Tencent Video), หมางกั่ว (Mango TV)
ไทย - ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 15.30 น. (เดิมออกอากาศทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 10.00 - 11.00 น.) ทางเวิร์คพอยท์ทีวี (หมายเลข 23) ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2561- 2 พฤษภาคม 2561
เรื่องย่อ
ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่างๆ
วานรหกหูเที่ยวแอบอ้างว่าตนเองเป็นมหาเทพ (หงอคง) และก่อเรื่องจนมีอริมากมาย พอหนีคนไล่ล่าแล้วบังเอิญเจอชิงเสียอีกครั้ง เขาก็ใช้ชิงเสียเป็นเกราะกำบังเหมือนเดิม หลังช่วยจัดการเหล่าคู่อริของวานรหกหูในร่างหงอคง (เพราะความรำคาญ) แล้ว ชิงเสียก็ขู่วานรหกหูว่าอย่าตามตนมาอีก แต่วานรหกหูจอมกะล่อนและเจ้าชู้กลับเดินตามเธอต้อยๆ โดยอ้างว่าหากไม่ตามมาตนจะรู้สึกเป็นห่วง ชิงเสียจึงถามแกมข่มขู่ว่าใครส่งเขามาและเขาตามเธอมาทำไม วานรหกหูตอบหน้าตาเฉยว่าที่ตามมาเป็นเพราะหลงรักชิงเสียและนั่นก็ทำให้ความดุดันของชิงเสียลดลง หลังพูดกล่อมจนชิงเสียเริ่มเคลิ้มแล้ว วานรหกหูก็จับกระบี่ในมือชิงเสียมาจ่อที่ลำคอพลางบอกให้ชิงเสียฆ่าตนเสียเพื่อที่หัวใจของตนจะได้ไม่เจ็บปวดอีกต่อไป ครั้นพอเห็นว่าชิงเสียเริ่มใจอ่อนเขาจึงโน้มศีรษะลงไปจุมพิตเธอ
แม้จะรู้สึกผิดต่อชิงเสีย แต่วานรหกหูในร่างหงอคงยังไม่วายไปหาความสำราญที่ฉิงอี้โหลว (หอคณิกา) แต่แล้วกลับพบว่าชิงเสียยังไม่ตายแถมเธอยังมาตามหาเขาด้วยความเป็นห่วงในสภาพมีบาดแผลเต็มตัว (เธอเรียกเขาว่า "ซุนหงอคง") เมื่อเห็นว่าคนรักของตนปลอดภัยเธอก็ทั้งดีใจและโล่งใจ แม้จะรู้สึกสงสารและซาบซึ้งใจแต่วานรหกหูกลับทำร้ายจิตใจชิงเสียด้วยการบอกขายเธอให้ฉิงอี้โหลว จากนั้นก็ถามชิงเสียว่าเธอรักและอยากอยู่เคียงข้างตนตลอดไปใช่ไหม เมื่อชิงเสียยอมรับด้วยท่าทีเขินอาย วานรหกหูก็บอกเธอว่าตนเป็นคนมากรักหลายใจและมักทิ้งคนรักของตนไว้ที่นี่ วิธีนี้ทำให้ตนไม่ต้องแต่งงานกับใครและยังมาหาพวกเธอได้ทุกเมื่อ ชิงเสียได้ยินแล้วทั้งแค้นและเสียใจแต่เธอฆ่าเขาไม่ลงจึงได้แต่เดินจากไปทั้งน้ำตา วานรหกหูกลัวว่าชิงเสียจะฆ่าตัวตายเลยรีบตามไป พอเห็นสภาพอันน่าสงสารของเธอแล้วเขาก็แปลงร่างเป็นชายหนุ่มแล้วเข้าไปปลอบใจเธอในฐานะวานรหกหู เขาเล่าเรื่องของตนให้เธอฟังโดยหลอกว่าเป็นเรื่องของหงอคง ซ้ำยังบอกว่าหงอคงชอบเอาชื่อตนไปแอบอ้าง วานรหกหูเห็นชิงเสียยังคงยึดมั่นในรักที่มีให้ตน (หงอคงตัวปลอม) จึงแนะว่าเธอควรโกรธแค้นหรือไม่ก็ฆ่าหงอคงเสีย (นับจากนั้นเป็นต้นมาชิงเสียจึงออกตามล่าหงอคงด้วยความโกรธแค้น) หลังทำให้ชิงเสียหายเศร้าแล้ววานรหกหูก็กลับไปที่ฉิงอี้โหลวโดยไม่รู้ว่าเทพเออร์หลางและเหล่าทหารสวรรค์กำลังจะบุกมาจับเขาเพราะนึกว่าเป็นหงอคงตัวจริง
หลังฉานจื่อโดนหงอคงหลอก พระยูไลจึงลงมาสั่งสอนและเกลี้ยกล่อมหงอคงด้วยตนเองหมายให้กลับตัวกลับใจและยอมรับโทษทัณฑ์ แต่หงอคงนอกจากจะไม่สำนึกแล้วยังแผลงฤทธิ์ใส่พระยูไลอีกด้วย พระยูไลให้เวลาหงอคงหนึ่งวัน โดยบอกว่าหากหงอคงยังไม่สำนึกผิดพระองค์จะสู้กับหงอคง หากหงอคงเป็นฝ่ายชนะจะได้ขึ้นมาแทนที่องค์เง็กเซียน แต่ถ้าเขาเป็นฝ่ายแพ้...หงอคงชิงพูดว่าหากตนแพ้จะขอตายโดยไม่ได้ไปผุดไปเกิด พระยูไลเห็นว่าหงอคงหมดทางเยียวยาจึงนัดประลองในวันรุ่งขึ้น
จื่อเสียนำกระบี่จื่อชิงไปอวดหงอคงที่เขาฮัวกั่ว หงอคงแย่งกระบี่ไปดูพลางบ่นว่าพวกตนเสียแรงไปตั้งมากเพียงเพื่อของเด็กเล่นเพียงอันเดียว จื่อเสียพยายามแย่งคืนและแย้งว่านี่คือกระบี่ที่จะช่วยให้เธอเจอรักแท้ หงอคงไม่ยอมคืนให้และแย้งว่าดูยังไงก็แค่กระบี่ธรรมดา คงเป็นเรื่องเล่าที่เอาไว้หลอกผู้หญิงช่างฝันอย่างเธอมากกว่า จื่อเสียกล่าวว่า "คนที่สามารถชักกระบี่จื่อชิงออกจากฝัก...." เธอพูดยังไม่ทันจบหงอคงก็ชักกระบี่ออกมากวัดแกว่งเล่น จื่อเสียเห็นดังนั้นก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนพูดต่อเหมือนตกอยู่ในภวังค์ว่า "...คือ คน-รัก-ของข้า" (เธอเห็นภาพหงอคงสวมชุดเกราะสีทอง ซึ่งเป็นภาพวีรบุรุษในฝันของเธอ) หงอคงคืนกระบี่ให้จื่อเสียและสัญญาว่าหากตนจัดการเรื่องยุ่งๆ เสร็จแล้วจะช่วยเธอตามหารักแท้ จื่อเสียจะบอกว่าจริงๆ แล้วเขาคือรักแท้ของเธอ แต่ยังไม่ทันได้พูดหงอคงก็ชิงตัดบทโดยบอกให้เธอรอและเดินจากไป จื่อเสียจึงบอกด้วยความดีใจว่าเธอจะไปรอเขาที่ทะเลสาบชิงหมิง
หงอคงสวมชุดเกราะสีทองแล้วขี่เมฆขึ้นไปประลองกับพระยูไลโดยมั่นใจว่าตนจะเป็นฝ่ายชนะ แต่สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ยับเยิน พระยูไลคิดที่จะสะกดหงอคงเอาไว้ใต้ภูเขาเบญจคีรี (หรือใต้ฝ่ามือของพระองค์) แต่ฉานจื่อเข้ามาขวางและขอร้องให้ละเว้นหงอคง พระยูไลจึงบอกให้ฉานจื่อพาหงอคงไปรับโทษจากองค์เง็กเซียนแทน องค์เง็กเซียนรู้สึกผิดหวังที่กำจัดหงอคงไม่สำเร็จจึงตำหนิฉานจื่อ ฉานจื่อขอให้พระองค์ทรงให้โอกาสหงอคงและตนอีกครั้ง โดยบอกว่าเป็นความผิดของตนที่ไม่สามารถสั่งสอนหงอคงให้เดินบนทางที่ถูกที่ควรได้ เขาทูลองค์เง็กเซียนว่าตอนนี้โลกมนุษย์ถูกเหล่ามารและปีศาจคุกคาม ตนจึงอยากไปเกิดเป็นคนธรรมดาแล้วเดินทางไปยังชมพูทวีปเพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎก องค์เง็กเซียนไม่เชื่อว่าฉานจื่อจะเดินทางไปชมพูทวีปในฐานะคนธรรมดาได้สำเร็จ พระองค์เห็นว่าฉานจื่อทั้งซื่อและอ่อนหัดเลยเกรงว่าจะมีชีวิตรอดบนโลกมนุษย์ได้ไม่นาน ฉานจื่อกอดหงอคง (ซึ่งโดนมัด) พลางกล่าวว่าตนไม่กลัวตายเพราะมีหงอคงคอยปกป้อง การเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกเต็มไปด้วยอุปสรรคและความยากลำบากนานัปการ ตนเชื่อว่าจะใช้โอกาสนั้นสั่งสอนกล่อมเกลาจิตใจหงอคงให้หันมาฝักใฝ่ในทางธรรมได้ เมื่อเหล่าเทพต่างเห็นด้วย องค์เง็กเซียนจึงให้โอกาสทั้งคู่ได้ลงไปเกิดเป็นมนุษย์
แต่แล้วก็เกิดเรื่องวุ่นๆ ขึ้นจนได้ เมื่อองค์เง็กเซียนดันเขียนบันทึกสวรรค์ผิดพลาด ทำให้หงอคงต้องตายโดยไม่ได้ไปผุดไปเกิด (ดังที่ลั่นวาจากับพระยูไล) เป็นเวลานานถึง 500 ปี พอรู้ว่าทหารสวรรค์จับวานรหกหูมารับโทษบนสวรรค์เพราะนึกว่าเป็นหงอคงตัวจริง (ถึงกระนั้นเขาก็มีโทษประหารเพราะแอบอ้างเป็นหงอคงและก่อเรื่องเอาไว้มากมาย) องค์เง็กเซียนเลยรีบไปดูให้เห็นกับตาว่าหน้าตาเหมือนหงอคงมากแค่ไหน ครั้นเห็นว่าวานรหกหูปลอมตัวเก่ง พระองค์เลยแอบช่วยชีวิตเขาอย่างลับๆ หมายส่งเขาไปเป็นศิษย์ของฉานจื่อแทนหงอคงที่เกิดช้ากว่ากำหนดถึง 500 ปี
ละคร "ไซอิ๋ว อภินิหารลิงเทวดา" (A Chinese Odyssey: Love of Eternity) ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ฮ่องกงเรื่อง "ไซอิ๋ว 95 เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน" (A Chinese Odyssey) ภาค 1 และ 2 ที่นำแสดงโดย "โจวซิงฉือ" เนื้อหากล่าวถึงสัจธรรม "ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์" โดยนำเสนอผ่านประสบการณ์ความรักและการพลัดพรากของ "จื้อจุนเป่า" (หรือ "ซุนหงอคง" ที่กลับชาติไปเกิดเป็นมนุษย์) เมื่อซุนหงอคงตระหนักถึงความทุกข์อันแสนสาหัสที่เกิดจากความรักเลยอยากหลุดพ้นจากความทุกข์และวัฏสงสาร เขาจึงยอมสวมรัดเกล้า (มงคล) แล้วติดตาม "พระถังซำจั๋ง" ไปยังชมพูทวีปเพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎก
ละครเริ่มต้นด้วยฉากจูบ...เอ้ยฉากจบในตำนานของเวอร์ชั่นภาพยนตร์... เมื่อคณะของ "ถังเซิง" (พระถัง) ผ่านมาเห็นชาวบ้านจับกลุ่มมุงดู "จื้อจุนเป่า" กับ "จื่อเสีย" ยืนจ้องหน้ากันบนกำแพงเมือง ถังเซิงจึงบอกให้ "ซุนอู้คง" (หรือ "ซุนหงอคง" ตามสำเนียงฮกเกี้ยน) ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น (เพื่อป้องกันการสับสนจึงใช้ชื่อ "หงอคง" ตามที่ทุกคนคุ้นเคย) เมื่อหงอคงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ได้ยินชาวบ้านพูดว่าสองหนุ่มสาวยืนอยู่บนนั้นมาสามวันแล้ว ในที่สุดจุนเป่าก็เปิดปากพูดว่า ครั้งหนึ่งตนเคยพบรักแท้แต่กลับมองไม่เห็นค่า ครั้นสูญเสียมันไปแล้วตนจึงได้แต่เสียใจชั่วนิรันดร์ ตนเชื่อว่าไม่มีความทุกข์ใดในโลกที่หนักหนาสาหัสกว่านี้อีกแล้ว หากสวรรค์มอบโอกาสให้ตนอีกครั้ง ตนอยากบอกนางสามคำว่า "ข้ารักเจ้า" และถ้าตนกำหนดระยะเวลาให้รักแท้ได้ ตนปรารถนาให้รักนี้ยืนยาวเป็นหมื่นปี พูดจบเขาก็จุมพิตและสวมกอดจื่อเสีย... เมื่อทุกอย่างจบลงด้วยดี หงอคงจึงเดินจากไป แต่ไม่วายหันกลับไปมองทั้งคู่อีกครั้ง
ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่างๆ
เหล่าเทพต่างพากันมาร่วมอวยพรและเฉลิมฉลองงานวันเกิดของ "เง็กเซียนฮ่องเต้" รวมทั้ง "ไท่ไป๋ซิงจวิน" (เทพประจำดาวศุกร์ของลัทธิเต๋า), "ผูถีเหลาจู่" (พระโพธิ), "เทพเออร์หลาง" (หรือ "เทพสามตา" เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งสวรรค์ มีเห่าฟ้า (สุนัขสวรรค์) เป็นสัตว์เลี้ยงคู่กาย) และ "ฉางเอ๋อร์" (เทพธิดาแห่งดวงจันทร์) ฉางเอ๋อร์รู้ว่าองค์เง็กเซียนรอชิมสุราทิพย์รสเลิศของตนจึงขอชมกระบี่จื่อชิงที่พระองค์เคยครอบครองก่อนเป็นเทพเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ซึ่งองค์เง็กเซียนก็ยอมตกลงแต่โดยดี แต่ยังไม่ทันได้ชมซุนหงอคงซึ่งมีตำแหน่งเป็นเทพเลี้ยงม้า*ก็เข้ามาขัดจังหวะในสภาพเมาปลิ้นหลังแอบดื่มสุราทิพย์ของฉางเอ๋อร์จนหมดเกลี้ยง องค์เง็กเซียนจึงสั่งให้ทหารสวรรค์จับหงอคงโทษฐานที่บังอาจเข้ามาป่วนงานเลี้ยง หงอคงจึงต่อสู้กับเหล่าทหารสวรรค์ด้วยมือเปล่า (ขนาดเมาและไม่ใช้อาวุธเหล่าทหารสวรรค์ยังเอาไม่อยู่)
*ตำแหน่ง "เทพเลี้ยงม้า" หรือ "ปี้หม่าเวิน" เป็นเทพชั้นต่ำสุดบนสวรรค์ หงอคงได้ตำแหน่งนี้ตอนขึ้นมาอาละวาดบนสวรรค์ครั้งแรก ละครเรื่องนี้ระบุว่าองค์เง็กเซียนเผลอมอบตำแหน่งนี้ให้หงอคงตอนเมา แต่ในนิยายกล่าวว่าหงอคงโดนหลอกว่าจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทพชั้นสูง พอรู้ภายหลังว่าเทพเลี้ยงม้าเป็นตำแหน่งชั้นต่ำสุด เขาจึงโกรธมาก
หลังปราบทหารสวรรค์จนหมอบราบคาบแล้ว หงอคงก็บอกองค์เง็กเซียนว่าตนไม่อยากเป็นเทพเลี้ยงม้าอีกต่อไปแล้ว เขาถอดชุดเทพเลี้ยงม้าออกแล้วเปลี่ยนเป็นชุดเกราะทอง โดยมีกระบองวิเศษ (กระบองทองสารพัดนึก) เป็นอาวุธคู่กาย จากนั้นก็อาละวาดแผลงฤทธิ์จนแดนสวรรค์ปั่นป่วน แม้แต่เทพเออร์หลางยังไม่อาจเอาชนะได้ หงอคงยังเหิมเกริมถึงขั้นตั้งตนเป็น "มหาเทพ" (ฉีเทียนต้าเซิ่น - ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งบนสวรรค์และบนดิน) ทำให้องค์เง็กเซียนโกรธมาก หลังโดนองค์เง็กเซียนดูถูกเหยียดหยาม (ว่าขนดกและต่อให้โกนขนออกจนหมดก็ไม่หล่อเท่าพระองค์) ทั้งยังสั่งให้ทหารสวรรค์จับเขาโทษฐานที่ละเมิดกฏสวรรค์ หงอคงจึงข่มขู่องค์เง็กเซียนด้วยความโกรธ เทพเออร์หลางเห็นดังนั้นจึงไม่กล้านำกำลังบุกเข้าไปจับหงอคงเพราะเกรงว่าองค์เง็กเซียนจะเป็นอันตราย องค์เง็กเซียนเห็นแก้วสุราวางอยู่ใกล้ๆ เลยสาดสุราใส่หน้าหงอคงแบบกล้าๆ กลัวๆ และนั่นก็ยิ่งทำให้หงอคงโมโหหนักขึ้น เขาจึงง้างหมัดหมายชกหน้าองค์เง็กเซียนเพื่อเป็นการสั่งสอน แต่แล้วอยู่ๆ เขาก็เมาหลับและกลิ้งตกสวรรค์ไปเองซะงั้น (ขณะตกสวรรค์ชุดเกราะทองของเขาค่อยๆ หลุดออกทีละชิ้น)
ณ เทือกเขาคุนหลุน นางฟ้า "จื่อเสีย" พยายามปีนขึ้นยอดเขาสูงชันด้วยความยากลำบากและไม่ใช้พลังเทพ หมายรองน้ำจากฝนสายรุ้ง (เกิดจากเมฆสายรุ้งเคลื่อนผ่านต้นไม้บนยอดเขาสูง ทำให้ต้นไม้ทั้งต้นถูกน้ำแข็งปกคลุม แต่ไม่นานน้ำแข็งที่ว่าก็จะละลายกลายเป็นฝนสายรุ้ง) ขณะรองน้ำใส่ขวด อยู่ๆ หงอคงซึ่งลอยละลิ่วลงมาจากสวรรค์ก็ตกลงมาชนมือจื่อเสีย ทำให้จื่อเสียเสียหลักล้มลงพร้อมขวดน้ำ ถึงกระนั้นหงอคงก็ยังคงหลับใหลไม่ได้สติ หลังสร่างเมาและฟื้นคืนสติวันรุ่งขึ้น หงอคงรู้สึกคอแห้งเลยคว้าน้ำค้างที่จื่อเสียอุตส่าห์รองไว้ตั้งแต่เช้า (จากต้นไม้ต้นเดิม) มาดื่มจนหมดสิ้น จื่อเสียเห็นดังนั้นก็ยิ่งโกรธเพราะเขาทำให้เธอเสียแรงเปล่าถึงสองครั้งสองครา หงอคงไม่รู้ว่าตนทำอะไรผิดจึงขอให้จื่อเสียช่วยอธิบาย จื่อเสียกล่าวว่าเขาทำลายภารกิจของเธอ เธออุตส่าห์หาวิธีเก็บน้ำที่สาดออกไปแล้วกลับคืนมา แต่เมื่อวานเขากลับทำหกหมด วันนี้เธอเลยขึ้นมาเก็บใหม่แต่เขาดันดื่มกินจนหมดอีก พอรู้ว่าทำผิดต่อจื่อเสียหงอคงจึงถามว่าตนจะชดใช้ยังไงได้บ้าง จื่อเสียโวยว่าการเก็บน้ำที่สาดออกไปแล้วกลับคืนไม่ใช่เรื่องง่าย เขาทำให้เธอล้มเหลวตั้งแต่ต้นแล้วจะทำภารกิจสุดหินสามอย่างให้สำเร็จลุล่วงได้อย่างไร เช่นนี้แล้วเธอคงหมดหวังที่จะได้ครอบครองกระบี่จื่อชิง หงอคงจึงถามว่าภารกิจสามอย่างของจื่อเสียคืออะไร และบอกเธอว่าไม่มีอะไรที่ตนทำไม่ได้
อีกด้านหนึ่งบนสรวงสรรค์ "ขุนพลเทียนเผิง" (เป็นแม่ทัพสวรรค์ มีหน้าที่ดูแลลำน้ำสวรรค์) ได้ยินว่าฉางเอ๋อร์สนใจชมกระบี่จึงขนกระบี่มาให้เธอชื่นชมหวังเอาใจ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเพราะฉางเอ๋อร์ต้องการเพียงกระบี่จื่อชิงขององค์เง็กเซียนเท่านั้น ฉางเอ๋อร์บอกเทียนเผิงว่าเธอรู้สึกเสียดายที่แผนนำสุราทิพย์ไปแลกกระบี่จื่อชิงล้มเหลว (กระบี่จื่อชิงจะทำให้ผู้ครอบครองรู้ว่ารักแท้ของตนคือใคร) พอรู้ว่าฉางเอ๋อร์อยากมีคู่ เทียนเผิงจึงนำเสนอตัวเองสุดฤทธิ์ แต่ฉางเอ๋อร์ไม่สนใจและกล่าวว่ามีเพียงกระบี่จื่อชิงเท่านั้นที่ยืนยันได้ว่าใครคือคู่แท้ของเธอ เทียนเผิงแย้งว่าในเมื่อไม่มีสุราทิพย์แล้วจะเอาอะไรไปแลกกระบี่จื่อชิง ฉางเอ๋อร์เองก็จนปัญญาเพราะแม้ตนจะเป็นเทพธิดาแต่ไม่อาจย้อนเวลากลับไปแก้ไขความผิดพลาดได้ เทียนเผิงได้ยินคำว่า 'ย้อนเวลา' ก็หูผึ่งและฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง
จื่อเสียบอกหงอคงว่าชายในฝันของเธอคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ เธอฝันหวานว่าสักวันเขาจะขี่เมฆเจ็ดสีและสวมชุดเกราะสีทองมาแต่งงานกับเธอ หงอคงได้ยินดังนั้นจึงบอกว่าตนนี่แหล่ะคือวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่สุดทั้งในโลกและบนสวรรค์ ส่วนชุดเกราะนั้นตนมีมากมายแต่ขี้เกียจใส่ จากนั้นก็ถามว่าภารกิจของเธอคืออะไร จื่อเสียกล่าวว่าหงอคงไม่ใช่วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เพราะไม่รู้วิธีบรรลุภารกิจสุดหินสามอย่าง หงอคงแย้งว่าหากเธอไม่พูดแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตนทำได้หรือไม่ จื่อเสียจึงเล่าว่าตอนที่องค์เง็กเซียนบรรลุและเป็นอมตะได้ใช้กระบี่จื่อชิงตัดรักตัดขาดเยื่อใย หลังจากนั้นกระบี่จื่อชิงก็ล่วงรู้ทุกเรื่องราวความรักของมนุษย์ เทพ และปีศาจ หากตนได้ครอบครองกระบี่จื่อชิงก็จะตามหาวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ (รักแท้) ของตนเจอ แต่การที่จะได้ครอบครองกระบี่จื่อชิงนั้นต้องทำภารกิจสามอย่างให้สำเร็จเสียก่อน
พอรู้ว่าจื่อเสียต้องการทำภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ 3 อย่างให้สำเร็จลุล่วง นั่นคือ การเก็บน้ำที่สาดไปแล้วกลับคืน ทำให้กระจกที่แตกไปแล้วคืนสู่สภาพเดิม และทำให้ร่างไร้วิญญาณฟื้นคืนชีพ (ซึ่งล้วนผิดกฏธรรมชาติและสรรพสิ่ง) หมายครอบครองกระบี่จื่อชิงขององค์เง็กเซียน หงอคงจึงอาสาช่วยเธอทำภารกิจให้สำเร็จเพราะอยากทำให้องค์เง็กเซียนเจ็บใจเล่น จื่อเสียกล่าวแบบปลงๆ ว่าการครอบครองกระบี่จื่อชิงไม่ใช่เรื่องง่าย หงอคงจึงบอกจื่อเสียว่าตนเก็บน้ำที่สาดออกไปแล้วให้เธอได้ หลังจากนั้นก็พาเธอไปที่เขาฮัวกั่วและช่วยเธอทำภารกิจแรกได้สำเร็จ (หงอคงตั้งตนเป็นหัวหน้าฝูงลิงบนเขาฮัวกั่ว ลิงในฝูงนับถือเป็นอ๋อง เจ้าของฉายา "เหม่ย์โหวหวัง" (พญาวานรโสภา) โดยปกครองอยู่ที่ถ้ำม่านน้ำ ส่วนชื่อ "สิงเจ่อ" หรือ "เห้งเจีย" ตามสำเนียงฮกเกี้ยนนั้น พระถังฯ ตั้งให้หลังรับหงอคงเป็นศิษย์ )
ในเวลาเดียวกันนั้น องค์เง็กเซียนได้ส่งไท่ไป๋ซิงจวิน ไปพบ "พระยูไล" เพื่อขอให้ช่วยส่งคนลงไปจับหงอคง ซึ่งก่อเหตุวุ่นวายบนสวรรค์และบังอาจตั้งตนเป็น 'มหาเทพ' (ฉีเทียนต้าเซิ่น) พระยูไลจึงถามเหล่าสาวก ว่าใครจะอาสาเป็นตัวแทนสวรรค์ลงไปปราบหงอคงบนโลกมนุษย์ ในตอนนั้น "จินฉานจื่อ" (สาวกองค์ที่สองของพระยูไล) ซึ่งง่วงหนักมากเกิดนั่งสัปหงกจนล้มหงายเงิบ เขาเลยรีบลุกขึ้นหมายแก้ตัว พระยูไลเห็นดังนั้นจึงส่งฉานจื่อลงไปจับหงอคง
ฉานจื่อมืดแปดด้านเพราะไม่รู้ว่าจะไปตามหาหงอคงที่ไหน ครั้นพอเจอ "วานรหกหู" (ช่องเวิร์คพอยท์เรียกว่า "ลิงหูทิพย์") ที่เพิ่งถูกโยนออกจากโรงเตี๊ยมเพราะไม่มีเงินจ่าย (เหล่าเสี่ยวเอ้อบ่นว่าถ้าเป็น มหาเทพ (หงอคง) ก็ว่าไปอย่าง) ฉานจื่อเลยเข้าไปถามหา 'มหาเทพ' (หงอคง) โดยนำภาพวาดหงอคงไปให้ดูด้วย วานรหกหูอดอิจฉาไม่ได้เมื่อรู้ว่าวานรหินที่เกิดจากศิลาวิเศษบนเขาฮัวกั่วอย่างซุนหงอคงได้ดีเกินหน้าตน เมื่อได้ยินวานรหกหูพูดถึงเขาฮัวกั่ว ฉานจื่อก็นึกขึ้นได้ว่าตนควรไปตามหาหงอคงที่นั่น ขณะที่วานรหกหูก็ได้ไอเดียเด็ดเช่นกัน เขาเห็นว่าหงอคงมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือเลยแปลงกายเป็นหงอคงแล้วแอบอ้างกินฟรีที่โรงเตี๊ยมแต่ดันเผลอแจกลายเซ็นตัวเอง หลังรู้ตัวว่าโดนหลอกเหล่าเสี่ยวเอ้อจึงตามไปเอาเรื่องวานรหกหู
นางฟ้า "ชิงเสีย" (พี่สาวฝาแฝดของจื่อเสีย) รู้สึกโกรธเมื่อรู้ว่าจื่อเสียแอบหนีเที่ยวตามลำพังทั้งที่พวกตนลงมาบำเพ็ญตน ณ เขาคุนหลุนด้วยกัน เธอจึงออกตามหาจื่อเสีย บังเอิญว่าตอนนั้นวานรหกหูในร่างหงอคงกำลังวิ่งหนีบาทาของเหล่าเสี่ยวเอ้อ ครั้นพอเจอชิงเสียเขาก็จับมือเธอ (ซึ่งถือกระบี่อยู่) มาจ่อคอตนแล้วหลอกเหล่าเสี่ยวเอ้อว่าตนคือ มหาเทพ (ฉีเทียนต้าเซิ่น) ตัวจริง แต่จำเป็นต้องใช้ชื่อปลอมเพราะดันล่วงเกินชิงเสีย เขายังขู่เหล่าเสี่ยวเอ้อว่าชิงเสียมาจากแดนตะวันตก ทั้งยังเหน็ดเหนี่อยและกำลังหลงทางเลยอารมณ์ไม่ดี หากเข้ามาจับตนตอนนี้มีหวังไม่รอดแน่ เหล่าเสี่ยวเอ้อได้ยินดังนั้นจึงพากันวิ่งหนีไป ชิงเสียเห็นว่าวานรหกหูล่วงรู้ข้อมูลตน (เธอเพิ่งมาจากเขาคุนหลุนซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกและกำลังหลงทางจริงๆ) เลยสงสัยว่าตนอาจถูกสะกดรอยตาม เมื่อถูกชิงเสียคาดคั้นและข่มขู่ วานรหกหูเลยบอกว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญแล้วเหาะหนีไป
ณ ถ้ำม่านน้ำ จื่อเสียดีใจมากที่หงอคงช่วยให้ภารกิจแรกของเธอสำเร็จลุล่วง ถึงกระนั้นเธอก็อดเป็นกังวลไม่ได้เพราะยังเหลืออีกสองภารกิจซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องยากทั้งยังไม่อาจใช้พลังเทพได้ ผิดกับหงอคงที่ไม่มีทีท่าเป็นกังวลเลยสักนิดแม้จะยังคิดหาวิธีไม่ออก เขาหยิบกระจกออกมาโยนทิ้งแบบชิลๆ พลางบอกว่าต้องทำให้กระจกแตกเสียก่อนถึงจะเริ่มภารกิจที่สองได้ เหล่าสมุนลิงได้ยินเสียงกระจกแตกเลยรีบเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วงและตกใจ เพราะกลัวว่าจื่อเสียจะหลอกพาอ๋องของพวกตนไปอีก (คราวก่อนไท่ไป๋ซิงจวินนำตัวหงอคงขึ้นไปเป็นเทพเลี้ยงม้าบนสวรรค์ ทำให้ฝูงลิงแตกกระเจิงเพราะขาดผู้นำ) จื่อเสียยืนยันกับสมุนลิงว่าตนแค่มาทำธุระ ไม่ได้มาล่อลวงอ๋องของทุกคน (สมุนลิงเรียกหงอคงว่า "ต้าหวัง") เหล่าสมุนลิงได้ยินดังนั้นจึงคลายความกังวล แต่หงอคงแอบเสียหน้า (ที่จื่อเสียรู้ว่าตนเคยโดนสวรรค์หลอก) เขาจึงตัดบทด้วยการบอกให้จื่อเสียสนใจแต่เรื่องของตนเอง (คืนสภาพเดิมให้กระจกที่แตกไปแล้ว)
วานรหกหูเที่ยวแอบอ้างว่าตนเองเป็นมหาเทพ (หงอคง) และก่อเรื่องจนมีอริมากมาย พอหนีคนไล่ล่าแล้วบังเอิญเจอชิงเสียอีกครั้ง เขาก็ใช้ชิงเสียเป็นเกราะกำบังเหมือนเดิม หลังช่วยจัดการเหล่าคู่อริของวานรหกหูในร่างหงอคง (เพราะความรำคาญ) แล้ว ชิงเสียก็ขู่วานรหกหูว่าอย่าตามตนมาอีก แต่วานรหกหูจอมกะล่อนและเจ้าชู้กลับเดินตามเธอต้อยๆ โดยอ้างว่าหากไม่ตามมาตนจะรู้สึกเป็นห่วง ชิงเสียจึงถามแกมข่มขู่ว่าใครส่งเขามาและเขาตามเธอมาทำไม วานรหกหูตอบหน้าตาเฉยว่าที่ตามมาเป็นเพราะหลงรักชิงเสียและนั่นก็ทำให้ความดุดันของชิงเสียลดลง หลังพูดกล่อมจนชิงเสียเริ่มเคลิ้มแล้ว วานรหกหูก็จับกระบี่ในมือชิงเสียมาจ่อที่ลำคอพลางบอกให้ชิงเสียฆ่าตนเสียเพื่อที่หัวใจของตนจะได้ไม่เจ็บปวดอีกต่อไป ครั้นพอเห็นว่าชิงเสียเริ่มใจอ่อนเขาจึงโน้มศีรษะลงไปจุมพิตเธอ
หลังประสานรอยแตกของกระจกตามที่ท่านปู่ลิงแนะนำไม่สำเร็จ ทั้งหงอคงและจื่อเสียต่างพากันผิดหวัง ถึงกระนั้นจื่อเสียก็ยังไม่ถอดใจและเป็นฝ่ายปลอบใจหงอคงซึ่งแลดูผิดหวังมากกว่าเธอเสียอีก ทันใดนั้นก็มีสมุนลิงมาตามหงอคงและจะรายงานเรื่องที่พวกตนจับใครบางคนที่ลงมาจากสวรรค์ได้ (ฉานจื่อมาหาหงอคงที่เขาฮัวกั่วเลยถูกสมุนลิงของหงอคงจับตัวไว้) แต่หงอคงห้ามไม่ให้ลูกสมุนพูดต่อหน้าจื่อเสียและขอตัวไปสะสางปัญหาก่อน เมื่อสมุนลิงบอกว่าพวกตนจับเทพที่ขี่เมฆลงมาจากสวรรค์ได้ หงอคงก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงจับได้อย่างง่ายดาย สมุนลิงกล่าวว่าถึงเทพองค์นี้จะอ่อนหัดแต่กลับทำให้พวกตนปวดประสาทไปตามๆ กัน แม้เขาจะไม่ใช้พลังเทพตอบโต้แต่ก็จ้อแบบนอนสต็อป พวกตนถามคำถามเดียวแต่เขาถามกลับเป็นชุด เมื่อเห็นว่าท่านปู่ลิง (ซึ่งฟังฉานจื่อพูดจนกระอักเลือด) ยังเอาไม่อยู่ หงอคงเลยต้องออกโรงเอง
ครั้นได้ยินฉานจื่อพูดเจื้อยแจ้วเองกับหู หงอคงเลยไล่ฉานจื่อกลับสวรรค์ด้วยความรำคาญ พอรู้ว่าลิงที่อยู่ตรงหน้าคือมหาเทพ (หงอคง) ที่ตนตามหา ฉานจื่อก็รู้สึกดีใจและยังไม่ยอมกลับโดยให้เหตุผลว่าสวรรค์ส่งตนมาเจรจากับหงอคง หงอคงรู้ว่าฉานจื่อลงมาจับตนตามบัญชาสวรรค์จึงยืนกรานว่าตนจะไม่ไปไหนเว้นเสียแต่ฉานจื่อจะปราบตนได้ ฉานจื่อไม่ชอบความรุนแรงและการแก้แค้นกันไปมาจึงเทศนายกใหญ่ หลังจากนั้นก็หว่านล้อมให้หงอคงยอมกลับสวรรค์เพื่อไปพบพระยูไลกับตน หงอคงได้ยินดังนั้นก็เริ่มหมดความอดทนจึงตะคอกใส่ฉานจื่อ ทำให้โดนฉานจื่อตำหนิซ้ำว่าเป็นลิงอารมณ์ร้อน หงอคงทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงบอกว่าถ้าฉานจื่อไม่ไป งั้นตนไปเอง ฉานจื่อรู้สึกหิวเลยร้องขออาหารจากหงอคง หงอคงเห็นว่าฉานจื่อเซ้าซี้ไม่เลิกจึงขู่ว่าจะฆ่าทิ้งหากยังไม่เลิกยุ่งกับตน ฉานจื่อจึงใช้ลูกอ้อนโดยบอกว่าหากฆ่าตนแล้วหงอคงยอมไปพบองค์เง็กเซียนตนก็ยินดีตาย ดังนั้นตนจะไม่ไปไหนจนกว่าหงอคงจะฆ่าตน หงอคงเจอมุกนี้เข้าก็ถึงกับไปไม่เป็น
หลังหมดปัญญารับมือฉานจื่อ หงอคงจึงคิดพาจื่อเสียหนีไปจากเขาฮัวกั่วในวันรุ่งขึ้น แต่พอเห็นว่ากระจกเริ่มประสานเข้าด้วยกันเขาก็เปลี่ยนใจ เขาสงสัยว่าฉานจื่ออาจมีพลังพิเศษบางอย่างเลยอยากลองพิสูจน์ดู หลังฉานจื่อพูดกับกระจกแบบนอนสต็อปติดต่อกันสามวันสามคืน กระจกที่แตกร้าวก็ประสานกลับเป็นเนื้อเดียวกันอีกครั้ง หงอคงจึงคุกเข่าคารวะฉานจื่อด้วยความชื่นชม ฉานจื่อจะหว่านล้อมหงอคงให้ยอมไปรับโทษบนสวรรค์กับตน แต่หงอคงชิงตัดบทว่าหากตนจัดการธุระที่นี่เสร็จแล้วจะยอมไปสวรรค์แต่โดยดี เขาบอกให้ฉานจื่อกลับสวรรค์ไปก่อนส่วนตนจะตามไปภายหลัง ฉานจื่อเชื่อใจหงอคงจึงยอมกลับไปรอบนสรรค์โดยหารู้ไม่ว่าโดนหงอคงหลอก
ครั้นได้ยินฉานจื่อพูดเจื้อยแจ้วเองกับหู หงอคงเลยไล่ฉานจื่อกลับสวรรค์ด้วยความรำคาญ พอรู้ว่าลิงที่อยู่ตรงหน้าคือมหาเทพ (หงอคง) ที่ตนตามหา ฉานจื่อก็รู้สึกดีใจและยังไม่ยอมกลับโดยให้เหตุผลว่าสวรรค์ส่งตนมาเจรจากับหงอคง หงอคงรู้ว่าฉานจื่อลงมาจับตนตามบัญชาสวรรค์จึงยืนกรานว่าตนจะไม่ไปไหนเว้นเสียแต่ฉานจื่อจะปราบตนได้ ฉานจื่อไม่ชอบความรุนแรงและการแก้แค้นกันไปมาจึงเทศนายกใหญ่ หลังจากนั้นก็หว่านล้อมให้หงอคงยอมกลับสวรรค์เพื่อไปพบพระยูไลกับตน หงอคงได้ยินดังนั้นก็เริ่มหมดความอดทนจึงตะคอกใส่ฉานจื่อ ทำให้โดนฉานจื่อตำหนิซ้ำว่าเป็นลิงอารมณ์ร้อน หงอคงทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงบอกว่าถ้าฉานจื่อไม่ไป งั้นตนไปเอง ฉานจื่อรู้สึกหิวเลยร้องขออาหารจากหงอคง หงอคงเห็นว่าฉานจื่อเซ้าซี้ไม่เลิกจึงขู่ว่าจะฆ่าทิ้งหากยังไม่เลิกยุ่งกับตน ฉานจื่อจึงใช้ลูกอ้อนโดยบอกว่าหากฆ่าตนแล้วหงอคงยอมไปพบองค์เง็กเซียนตนก็ยินดีตาย ดังนั้นตนจะไม่ไปไหนจนกว่าหงอคงจะฆ่าตน หงอคงเจอมุกนี้เข้าก็ถึงกับไปไม่เป็น
หลังหมดปัญญารับมือฉานจื่อ หงอคงจึงคิดพาจื่อเสียหนีไปจากเขาฮัวกั่วในวันรุ่งขึ้น แต่พอเห็นว่ากระจกเริ่มประสานเข้าด้วยกันเขาก็เปลี่ยนใจ เขาสงสัยว่าฉานจื่ออาจมีพลังพิเศษบางอย่างเลยอยากลองพิสูจน์ดู หลังฉานจื่อพูดกับกระจกแบบนอนสต็อปติดต่อกันสามวันสามคืน กระจกที่แตกร้าวก็ประสานกลับเป็นเนื้อเดียวกันอีกครั้ง หงอคงจึงคุกเข่าคารวะฉานจื่อด้วยความชื่นชม ฉานจื่อจะหว่านล้อมหงอคงให้ยอมไปรับโทษบนสวรรค์กับตน แต่หงอคงชิงตัดบทว่าหากตนจัดการธุระที่นี่เสร็จแล้วจะยอมไปสวรรค์แต่โดยดี เขาบอกให้ฉานจื่อกลับสวรรค์ไปก่อนส่วนตนจะตามไปภายหลัง ฉานจื่อเชื่อใจหงอคงจึงยอมกลับไปรอบนสรรค์โดยหารู้ไม่ว่าโดนหงอคงหลอก
หลังช่วยทำภารกิจที่สองสำเร็จแล้ว หงอคงจึงพาจื่อเสียไปที่หมู่บ้านหลี่เจียเพื่อทำภารกิจสุดท้ายซึ่งก็คือการทำให้ร่างไร้วิญญาณฟื้นคืนชีพ หลังชุบชีวิตลูกชายสกุลหลี่ไม่สำเร็จทั้งคู่ก็ถูกคนสกุลหลี่ขับออกจากบ้าน ขณะเดียวกันฉางเอ๋อร์กับขุนพลเทียนเผิงได้ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อตามหากล่องแสงจันทร์ (กล่องจันทรา) ของ "เจ้าแม่กวนอิม" (ขุนพลเทียนเผิงบอกฉางเอ๋อร์ว่ากล่องแสงจันทร์ช่วยให้ผู้ครอบครองเดินทางข้ามเวลาได้) ระหว่างเข้าพักที่โรงเตี๊ยมฉางเอ๋อร์ได้ยินเหล่าปีศาจคุยกันจึงรู้ว่าจื่อเสียทำภารกิจสำเร็จสองอย่างแล้ว พอรู้ว่าอีกไม่นานจื่อเสียอาจได้ครอบครองกระบี่จื่อชิง ฉางเอ๋อร์เลยอดเป็นกังวลไม่ได้ เพราะตัวเธอเองก็ทำทุกอย่างเพื่อกระบี่จื่อชิงเช่นกัน วันรุ่งขึ้นขุนพลเทียนเผิงพาฉางเอ๋อร์ไปที่สำนักจื่อจู๋หลินเต้าในป่าไผ่ม่วงของเจ้าแม่กวนอิมเพื่อขโมยกล่องแสงจันทร์ เมื่อสาวกน้อยของเจ้าแม่กวนอิมมาพบเข้าจึงเกิดการต่อสู้กัน ขุนพลเทียนเผิงเห็นว่าฉางเอ๋อร์สู้เด็กน้อยไม่ได้จึงเข้ามาช่วย ก่อนพาฉางเอ๋อร์หนีไปพร้อมกล่องแสงจันทร์ เขาบอกให้ฉางเอ๋อร์ใช้กล่องแสงจันทร์ย้อนเวลากลับไปยังงานวันเกิดองค์เง็กเซียน (ก่อนหงอคงจะแอบเดื่มสุราทิพย์และสร้างความปั่นป่วน) แล้วตนจะช่วยปกป้องสุราทิพย์ให้ แต่ฉางเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ขุนพลเทียนเผิงเข้ามายุ่งจึงเดินหนีไป หลังจากนั้นเธอก็ใช้พลังเทพตรวจสอบความเคลื่อนไหวของจื่อเสียหมายยับยั้งไม่ให้จื่อเสียทำภารกิจสำเร็จ
ในที่สุดสาวกน้อยของเจ้าแม่กวนอิมก็ตามมาชิงกล่องแสงจันทร์จากฉางเอ๋อร์ได้สำเร็จ แต่ยังไม่ทันได้นำกลับไปขุนพลเทียนเผิงก็เข้ามาขวางและเผลอซัดพลังใส่จนเด็กน้อยจนลอยละลิ่ว เมื่อจื่อเสียและหงอคงผ่านมาพบเด็กน้อยนั่งพิงต้นไม้ในสภาพเจียนตายก็รีบเข้าไปดูอาการ สาวกน้อยของเจ้าแม่กวนอิมฝากกล่องแสงจันทร์ให้จื่อเสียช่วยเก็บรักษาโดยกำชับว่าอย่าปล่อยให้ตกอยู่ในมือคนถ่อย จากนั้นก็อธิบายให้ฟังว่านี่คือกล่องแสงจันทร์ ยามใดที่ฟ้ามืดมิดแล้วปรากฏแสงจันทราให้ท่องคาถา "โปเย โปโลเย" อานุภาพแห่งจันทราจะช่วยให้เดินทางข้ามเวลาได้ พูดจบเด็กน้อยก็บอกให้จื่อเสียรีบไปเพราะคนถ่อยกำลังมา แต่ทั้งคู่ไม่อาจทิ้งเด็กน้อยให้อยู่ตามลำพังได้ คืนนั้นหงอคงใช้เลือดถ่ายพลังชีวิตให้เด็กน้อยท่ามกลางแสงจันทร์ จื่อเสียเตือนว่าวิธีนี้อาจทำให้เขาเสียชีวิต แต่หงอคงเห็นว่าการช่วยชีวิตเด็กน้อยเป็นเรื่องสำคัญกว่า ถ้าหากตนเป็นอะไรขึ้นมาจื่อเสียสามารถใช้กล่องแสงจันทร์ย้อนเวลากลับไปช่วยตนได้ หลังชุบชีวิตเด็กน้อยได้แล้วหงอคงก็อ่อนแรงล้มลง ถึงกระนั้นเขาก็แจ้งข่าวดีกับจื่อเสียว่าเธอทำภารกิจสุดท้ายสำเร็จแล้ว จื่อเสียไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด เธอยอมทำภารกิจไม่สำเร็จจึงคิดย้อนเวลาเพื่อให้หงอคงมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ขุนพลเทียนเผิงบุกมาชิงกล่องแสงจันทร์เสียก่อน จื่อเสียต้องการช่วยชีวิตหงอคงจึงกำแน่นไม่ยอมปล่อยทำให้เกิดการยื้อยุด ทันใดนั้น เจ้าแม่กวนอิมก็ปรากฏกายขึ้น
เจ้าแม่กวนอิมแจกแจงความผิดของเทียนเผิงกับฉางเอ๋อร์ ก่อนบอกว่าหากเทียนเผิงยอมคืนกล่องแสงจันทร์แต่โดยดี พระองค์จะยกโทษให้ แต่ถ้ายังคงดื้อดึงทั้งคู่จะต้องถูกองค์เง็กเซียนลงโทษสถานหนัก แทนที่จะสำนึกเทียนเผิงกลับฉวยโอกาสแย่งกล่องแสงจันทร์ในมือจื่อเสียมาย้อนเวลากลับไปยังช่วงที่เพิ่งขโมยกล่องแสงจันทร์มาหมาดๆ หมายเตือนฉางเอ๋อร์ว่าสาวกน้อยของเจ้าแม่กวนอิมกำลังตามมาทวงกล่องแสงจันทร์คืน ถึงกระนั้นเด็กน้อยก็ตามมาจนได้ เทียนเผิงรีบเข้าไปสกัดแต่คราวนี้เขาไม่กล้าลงมือรุนแรงเลยถูกเด็กน้อยเล่นงาน ฉางเอ๋อร์วางแผนล่อเด็กน้อยไปทางอื่นจึงบอกเทียนเผิงว่าจะไปรอที่ทะเลสาบเมี่ยวเซียนจากนั้นก็หนีไป สาวกน้อยของเจ้าแม่กวนอิมเห็นดังนั้นจึงเหาะตามฉางเอ๋อร์ไปติดๆ (แต่กล่องแสงจันทร์อยู่ที่เทียนเผิง)
จื่อเสียและหงอคงเดินเข้าไปในป่าแบบเซ็งๆ หลังชุบชีวิตคนและปลาไม่สำเร็จ (ทั้งคู่อยู่ในโหมดย้อนเวลาเลยเดินกลับมาที่เดิมอีกครั้ง) ครั้นพอเห็นเทียนเผิงนั่งพิงต้นไม้ในสภาพเจียนตายจื่อเสียก็รู้สึกตื่นเต้นเพราะจะได้ลองชุบชีวิตดูอีกครั้ง หงอคงเห็นจื่อเสียดีใจที่พบคนใกล้ตายจึงเหน็บว่าเธอเลือดเย็นราวกับเป็นยมทูต ที่แท้เทียนเผิงยังมีชีวิตอยู่จื่อเสียเลยไม่อาจทำภารกิจชุบชีวิตได้ ถึงกระนั้นเธอก็ไม่อาจนิ่งดูดายจึงคิดช่วยเหลือ ทันใดนั้นเทียนเผิงก็รู้สึกตัว เขาบอกจื่อเสียว่าตนกำลังจะตาย หากตนตายแล้วเธอจะมีโอกาสทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วง จื่อเสียนึกว่าเทียนเผิงรู้วิธีชุบชีวิตจึงถามว่าเธอต้องทำอย่างไรบ้าง เทียนเผิงหลอกให้จื่อเสียไปหาฉางเอ๋อร์ที่ทะเลสาบเมี่ยวเซียนโดยบอกว่าฉางเอ๋อร์ช่วยเธอได้ (เขาต้องการให้จื่อเสียพาฉางเอ๋อร์มาหาตน) จื่อเสียฝากหงอคงดูแลเทียนเผิงจากนั้นก็รีบไปหาฉางเอ๋อร์ที่ทะเลสาบเมี่ยวเซียนทันที หงอคงเห็นจื่อเสียหายไปนานเลยเกรงว่าจะช่วยเทียนเผิงไม่ทัน เขาจึงใช้เลือดถ่ายพลังชีวิตให้เทียนเผิงจนอ่อนแรงล้มลงและหมดสติในที่สุด
จื่อเสียเชื่อสนิทใจว่าฉางเอ๋อร์ช่วยชุบชีวิตเทียนเผิงได้จริงจึงรีบพาเธอไปพบเทียนเผิง ครั้นไปถึงก็พบว่าเทียนเผิงฟื้นจากความตายแล้วแต่หงอคงกำลังจะตาย (เธอร้องเรียกหงอคงว่า "ต้าเซิ่น" เพราะเขาตั้งตนเป็นมหาเทพ หรือ "ฉีเทียนต้าเซิ่น") ฉางเอ๋อร์แอบผิดหวังเมื่อรู้ว่าจื่อเสียทำภารกิจสามอย่างสำเร็จลุล่วง เมื่อเทียนเผิงคืนกล่องแสงจันทร์ให้ ฉางเอ๋อร์ก็ชั่งใจว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี จื่อเสียอ้อนวอนฉางเอ๋อร์ให้ช่วยชีวิตหงอคงแต่ฉางเอ๋อร์ยังคงนิ่งเงียบ ทันใดนั้นเจ้าแม่กวนอิมก็ปรากฏกายขึ้น พระองค์พูดเหมือนตอนที่ปรากฏกายคราวก่อน โดยบอกว่าจะไม่เอาเรื่องหากฉางเอ๋อร์และเทียนเผิงยอมคืนกล่องแสงจันทร์แต่โดยดี เมื่อฉางเอ๋อร์ยืนกรานว่าจะคืนให้ภายหลัง เจ้าแม่กวนอิมเลยจำเป็นต้องใช้กำลัง เทียนเผิงเห็นท่าไม่ดีเลยรีบพาฉางเอ๋อร์หนีไปโดยไม่รู้ว่าฉางเอ๋อร์ทำกล่องแสงจันทร์หล่นหาย หลังเจ้าแม่กวนอิมโปรยน้ำทิพย์ใส่หงอคง เขาก็ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้ภารกิจสามอย่างของจื่อเสียสำเร็จลุล่วง แถมเธอยังเก็บกล่องแสงจันทร์ได้อีกต่างหาก (แต่คราวนี้เธอไม่รู้ว่ากล่องดังกล่าวคืออะไร) หลังช่วยจื่อเสียตามสัญญาแล้วหงอคงจึงบอกลาเธอและเดินทางกลับเขาฮัวกั่ว ส่วนจื่อเสียรีบไปเอากระบี่จื่อชิงตามที่ตั้งใจไว้
หลังก่อเรื่องจนเหล่าปีศาจยกพวกมาตามล้างแค้น หงอคงตัวปลอมอย่างวานรหกหูก็หลอกให้ชิงเสีย ออกหน้ารับมือแทนตน (ชิงเสียหลงคารมและตกหลุมรักเขาจนหน้ามือตามัว) เหล่าปีศาจเห็นว่าพวกตนสู้ชิงเสียไม่ได้เลยใช้เชือกปราบเซียนมัดและจับตัวเธอไว้ วานรหกหูเห็นดังนั้นจึงรีบเผ่น หลังจากนั้นชิงเสียก็ถูกโยนลงจากเขา... ในที่สุดจื่อเสียก็ได้ครอบครองกระบี่จื่อชิงสมใจทำให้รู้ว่ารักแท้ของเธอคือคนที่สามารถดึงกระบี่จื่อชิงออกจากฝักได้ เธอจึงพากระบี่จื่อชิงไปตามหารักแท้
ในที่สุดสาวกน้อยของเจ้าแม่กวนอิมก็ตามมาชิงกล่องแสงจันทร์จากฉางเอ๋อร์ได้สำเร็จ แต่ยังไม่ทันได้นำกลับไปขุนพลเทียนเผิงก็เข้ามาขวางและเผลอซัดพลังใส่จนเด็กน้อยจนลอยละลิ่ว เมื่อจื่อเสียและหงอคงผ่านมาพบเด็กน้อยนั่งพิงต้นไม้ในสภาพเจียนตายก็รีบเข้าไปดูอาการ สาวกน้อยของเจ้าแม่กวนอิมฝากกล่องแสงจันทร์ให้จื่อเสียช่วยเก็บรักษาโดยกำชับว่าอย่าปล่อยให้ตกอยู่ในมือคนถ่อย จากนั้นก็อธิบายให้ฟังว่านี่คือกล่องแสงจันทร์ ยามใดที่ฟ้ามืดมิดแล้วปรากฏแสงจันทราให้ท่องคาถา "โปเย โปโลเย" อานุภาพแห่งจันทราจะช่วยให้เดินทางข้ามเวลาได้ พูดจบเด็กน้อยก็บอกให้จื่อเสียรีบไปเพราะคนถ่อยกำลังมา แต่ทั้งคู่ไม่อาจทิ้งเด็กน้อยให้อยู่ตามลำพังได้ คืนนั้นหงอคงใช้เลือดถ่ายพลังชีวิตให้เด็กน้อยท่ามกลางแสงจันทร์ จื่อเสียเตือนว่าวิธีนี้อาจทำให้เขาเสียชีวิต แต่หงอคงเห็นว่าการช่วยชีวิตเด็กน้อยเป็นเรื่องสำคัญกว่า ถ้าหากตนเป็นอะไรขึ้นมาจื่อเสียสามารถใช้กล่องแสงจันทร์ย้อนเวลากลับไปช่วยตนได้ หลังชุบชีวิตเด็กน้อยได้แล้วหงอคงก็อ่อนแรงล้มลง ถึงกระนั้นเขาก็แจ้งข่าวดีกับจื่อเสียว่าเธอทำภารกิจสุดท้ายสำเร็จแล้ว จื่อเสียไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด เธอยอมทำภารกิจไม่สำเร็จจึงคิดย้อนเวลาเพื่อให้หงอคงมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ขุนพลเทียนเผิงบุกมาชิงกล่องแสงจันทร์เสียก่อน จื่อเสียต้องการช่วยชีวิตหงอคงจึงกำแน่นไม่ยอมปล่อยทำให้เกิดการยื้อยุด ทันใดนั้น เจ้าแม่กวนอิมก็ปรากฏกายขึ้น
เจ้าแม่กวนอิมแจกแจงความผิดของเทียนเผิงกับฉางเอ๋อร์ ก่อนบอกว่าหากเทียนเผิงยอมคืนกล่องแสงจันทร์แต่โดยดี พระองค์จะยกโทษให้ แต่ถ้ายังคงดื้อดึงทั้งคู่จะต้องถูกองค์เง็กเซียนลงโทษสถานหนัก แทนที่จะสำนึกเทียนเผิงกลับฉวยโอกาสแย่งกล่องแสงจันทร์ในมือจื่อเสียมาย้อนเวลากลับไปยังช่วงที่เพิ่งขโมยกล่องแสงจันทร์มาหมาดๆ หมายเตือนฉางเอ๋อร์ว่าสาวกน้อยของเจ้าแม่กวนอิมกำลังตามมาทวงกล่องแสงจันทร์คืน ถึงกระนั้นเด็กน้อยก็ตามมาจนได้ เทียนเผิงรีบเข้าไปสกัดแต่คราวนี้เขาไม่กล้าลงมือรุนแรงเลยถูกเด็กน้อยเล่นงาน ฉางเอ๋อร์วางแผนล่อเด็กน้อยไปทางอื่นจึงบอกเทียนเผิงว่าจะไปรอที่ทะเลสาบเมี่ยวเซียนจากนั้นก็หนีไป สาวกน้อยของเจ้าแม่กวนอิมเห็นดังนั้นจึงเหาะตามฉางเอ๋อร์ไปติดๆ (แต่กล่องแสงจันทร์อยู่ที่เทียนเผิง)
จื่อเสียและหงอคงเดินเข้าไปในป่าแบบเซ็งๆ หลังชุบชีวิตคนและปลาไม่สำเร็จ (ทั้งคู่อยู่ในโหมดย้อนเวลาเลยเดินกลับมาที่เดิมอีกครั้ง) ครั้นพอเห็นเทียนเผิงนั่งพิงต้นไม้ในสภาพเจียนตายจื่อเสียก็รู้สึกตื่นเต้นเพราะจะได้ลองชุบชีวิตดูอีกครั้ง หงอคงเห็นจื่อเสียดีใจที่พบคนใกล้ตายจึงเหน็บว่าเธอเลือดเย็นราวกับเป็นยมทูต ที่แท้เทียนเผิงยังมีชีวิตอยู่จื่อเสียเลยไม่อาจทำภารกิจชุบชีวิตได้ ถึงกระนั้นเธอก็ไม่อาจนิ่งดูดายจึงคิดช่วยเหลือ ทันใดนั้นเทียนเผิงก็รู้สึกตัว เขาบอกจื่อเสียว่าตนกำลังจะตาย หากตนตายแล้วเธอจะมีโอกาสทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วง จื่อเสียนึกว่าเทียนเผิงรู้วิธีชุบชีวิตจึงถามว่าเธอต้องทำอย่างไรบ้าง เทียนเผิงหลอกให้จื่อเสียไปหาฉางเอ๋อร์ที่ทะเลสาบเมี่ยวเซียนโดยบอกว่าฉางเอ๋อร์ช่วยเธอได้ (เขาต้องการให้จื่อเสียพาฉางเอ๋อร์มาหาตน) จื่อเสียฝากหงอคงดูแลเทียนเผิงจากนั้นก็รีบไปหาฉางเอ๋อร์ที่ทะเลสาบเมี่ยวเซียนทันที หงอคงเห็นจื่อเสียหายไปนานเลยเกรงว่าจะช่วยเทียนเผิงไม่ทัน เขาจึงใช้เลือดถ่ายพลังชีวิตให้เทียนเผิงจนอ่อนแรงล้มลงและหมดสติในที่สุด
จื่อเสียเชื่อสนิทใจว่าฉางเอ๋อร์ช่วยชุบชีวิตเทียนเผิงได้จริงจึงรีบพาเธอไปพบเทียนเผิง ครั้นไปถึงก็พบว่าเทียนเผิงฟื้นจากความตายแล้วแต่หงอคงกำลังจะตาย (เธอร้องเรียกหงอคงว่า "ต้าเซิ่น" เพราะเขาตั้งตนเป็นมหาเทพ หรือ "ฉีเทียนต้าเซิ่น") ฉางเอ๋อร์แอบผิดหวังเมื่อรู้ว่าจื่อเสียทำภารกิจสามอย่างสำเร็จลุล่วง เมื่อเทียนเผิงคืนกล่องแสงจันทร์ให้ ฉางเอ๋อร์ก็ชั่งใจว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี จื่อเสียอ้อนวอนฉางเอ๋อร์ให้ช่วยชีวิตหงอคงแต่ฉางเอ๋อร์ยังคงนิ่งเงียบ ทันใดนั้นเจ้าแม่กวนอิมก็ปรากฏกายขึ้น พระองค์พูดเหมือนตอนที่ปรากฏกายคราวก่อน โดยบอกว่าจะไม่เอาเรื่องหากฉางเอ๋อร์และเทียนเผิงยอมคืนกล่องแสงจันทร์แต่โดยดี เมื่อฉางเอ๋อร์ยืนกรานว่าจะคืนให้ภายหลัง เจ้าแม่กวนอิมเลยจำเป็นต้องใช้กำลัง เทียนเผิงเห็นท่าไม่ดีเลยรีบพาฉางเอ๋อร์หนีไปโดยไม่รู้ว่าฉางเอ๋อร์ทำกล่องแสงจันทร์หล่นหาย หลังเจ้าแม่กวนอิมโปรยน้ำทิพย์ใส่หงอคง เขาก็ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้ภารกิจสามอย่างของจื่อเสียสำเร็จลุล่วง แถมเธอยังเก็บกล่องแสงจันทร์ได้อีกต่างหาก (แต่คราวนี้เธอไม่รู้ว่ากล่องดังกล่าวคืออะไร) หลังช่วยจื่อเสียตามสัญญาแล้วหงอคงจึงบอกลาเธอและเดินทางกลับเขาฮัวกั่ว ส่วนจื่อเสียรีบไปเอากระบี่จื่อชิงตามที่ตั้งใจไว้
หลังก่อเรื่องจนเหล่าปีศาจยกพวกมาตามล้างแค้น หงอคงตัวปลอมอย่างวานรหกหูก็หลอกให้ชิงเสีย ออกหน้ารับมือแทนตน (ชิงเสียหลงคารมและตกหลุมรักเขาจนหน้ามือตามัว) เหล่าปีศาจเห็นว่าพวกตนสู้ชิงเสียไม่ได้เลยใช้เชือกปราบเซียนมัดและจับตัวเธอไว้ วานรหกหูเห็นดังนั้นจึงรีบเผ่น หลังจากนั้นชิงเสียก็ถูกโยนลงจากเขา... ในที่สุดจื่อเสียก็ได้ครอบครองกระบี่จื่อชิงสมใจทำให้รู้ว่ารักแท้ของเธอคือคนที่สามารถดึงกระบี่จื่อชิงออกจากฝักได้ เธอจึงพากระบี่จื่อชิงไปตามหารักแท้
แม้จะรู้สึกผิดต่อชิงเสีย แต่วานรหกหูในร่างหงอคงยังไม่วายไปหาความสำราญที่ฉิงอี้โหลว (หอคณิกา) แต่แล้วกลับพบว่าชิงเสียยังไม่ตายแถมเธอยังมาตามหาเขาด้วยความเป็นห่วงในสภาพมีบาดแผลเต็มตัว (เธอเรียกเขาว่า "ซุนหงอคง") เมื่อเห็นว่าคนรักของตนปลอดภัยเธอก็ทั้งดีใจและโล่งใจ แม้จะรู้สึกสงสารและซาบซึ้งใจแต่วานรหกหูกลับทำร้ายจิตใจชิงเสียด้วยการบอกขายเธอให้ฉิงอี้โหลว จากนั้นก็ถามชิงเสียว่าเธอรักและอยากอยู่เคียงข้างตนตลอดไปใช่ไหม เมื่อชิงเสียยอมรับด้วยท่าทีเขินอาย วานรหกหูก็บอกเธอว่าตนเป็นคนมากรักหลายใจและมักทิ้งคนรักของตนไว้ที่นี่ วิธีนี้ทำให้ตนไม่ต้องแต่งงานกับใครและยังมาหาพวกเธอได้ทุกเมื่อ ชิงเสียได้ยินแล้วทั้งแค้นและเสียใจแต่เธอฆ่าเขาไม่ลงจึงได้แต่เดินจากไปทั้งน้ำตา วานรหกหูกลัวว่าชิงเสียจะฆ่าตัวตายเลยรีบตามไป พอเห็นสภาพอันน่าสงสารของเธอแล้วเขาก็แปลงร่างเป็นชายหนุ่มแล้วเข้าไปปลอบใจเธอในฐานะวานรหกหู เขาเล่าเรื่องของตนให้เธอฟังโดยหลอกว่าเป็นเรื่องของหงอคง ซ้ำยังบอกว่าหงอคงชอบเอาชื่อตนไปแอบอ้าง วานรหกหูเห็นชิงเสียยังคงยึดมั่นในรักที่มีให้ตน (หงอคงตัวปลอม) จึงแนะว่าเธอควรโกรธแค้นหรือไม่ก็ฆ่าหงอคงเสีย (นับจากนั้นเป็นต้นมาชิงเสียจึงออกตามล่าหงอคงด้วยความโกรธแค้น) หลังทำให้ชิงเสียหายเศร้าแล้ววานรหกหูก็กลับไปที่ฉิงอี้โหลวโดยไม่รู้ว่าเทพเออร์หลางและเหล่าทหารสวรรค์กำลังจะบุกมาจับเขาเพราะนึกว่าเป็นหงอคงตัวจริง
หลังฉานจื่อโดนหงอคงหลอก พระยูไลจึงลงมาสั่งสอนและเกลี้ยกล่อมหงอคงด้วยตนเองหมายให้กลับตัวกลับใจและยอมรับโทษทัณฑ์ แต่หงอคงนอกจากจะไม่สำนึกแล้วยังแผลงฤทธิ์ใส่พระยูไลอีกด้วย พระยูไลให้เวลาหงอคงหนึ่งวัน โดยบอกว่าหากหงอคงยังไม่สำนึกผิดพระองค์จะสู้กับหงอคง หากหงอคงเป็นฝ่ายชนะจะได้ขึ้นมาแทนที่องค์เง็กเซียน แต่ถ้าเขาเป็นฝ่ายแพ้...หงอคงชิงพูดว่าหากตนแพ้จะขอตายโดยไม่ได้ไปผุดไปเกิด พระยูไลเห็นว่าหงอคงหมดทางเยียวยาจึงนัดประลองในวันรุ่งขึ้น
จื่อเสียนำกระบี่จื่อชิงไปอวดหงอคงที่เขาฮัวกั่ว หงอคงแย่งกระบี่ไปดูพลางบ่นว่าพวกตนเสียแรงไปตั้งมากเพียงเพื่อของเด็กเล่นเพียงอันเดียว จื่อเสียพยายามแย่งคืนและแย้งว่านี่คือกระบี่ที่จะช่วยให้เธอเจอรักแท้ หงอคงไม่ยอมคืนให้และแย้งว่าดูยังไงก็แค่กระบี่ธรรมดา คงเป็นเรื่องเล่าที่เอาไว้หลอกผู้หญิงช่างฝันอย่างเธอมากกว่า จื่อเสียกล่าวว่า "คนที่สามารถชักกระบี่จื่อชิงออกจากฝัก...." เธอพูดยังไม่ทันจบหงอคงก็ชักกระบี่ออกมากวัดแกว่งเล่น จื่อเสียเห็นดังนั้นก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนพูดต่อเหมือนตกอยู่ในภวังค์ว่า "...คือ คน-รัก-ของข้า" (เธอเห็นภาพหงอคงสวมชุดเกราะสีทอง ซึ่งเป็นภาพวีรบุรุษในฝันของเธอ) หงอคงคืนกระบี่ให้จื่อเสียและสัญญาว่าหากตนจัดการเรื่องยุ่งๆ เสร็จแล้วจะช่วยเธอตามหารักแท้ จื่อเสียจะบอกว่าจริงๆ แล้วเขาคือรักแท้ของเธอ แต่ยังไม่ทันได้พูดหงอคงก็ชิงตัดบทโดยบอกให้เธอรอและเดินจากไป จื่อเสียจึงบอกด้วยความดีใจว่าเธอจะไปรอเขาที่ทะเลสาบชิงหมิง
หงอคงสวมชุดเกราะสีทองแล้วขี่เมฆขึ้นไปประลองกับพระยูไลโดยมั่นใจว่าตนจะเป็นฝ่ายชนะ แต่สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ยับเยิน พระยูไลคิดที่จะสะกดหงอคงเอาไว้ใต้ภูเขาเบญจคีรี (หรือใต้ฝ่ามือของพระองค์) แต่ฉานจื่อเข้ามาขวางและขอร้องให้ละเว้นหงอคง พระยูไลจึงบอกให้ฉานจื่อพาหงอคงไปรับโทษจากองค์เง็กเซียนแทน องค์เง็กเซียนรู้สึกผิดหวังที่กำจัดหงอคงไม่สำเร็จจึงตำหนิฉานจื่อ ฉานจื่อขอให้พระองค์ทรงให้โอกาสหงอคงและตนอีกครั้ง โดยบอกว่าเป็นความผิดของตนที่ไม่สามารถสั่งสอนหงอคงให้เดินบนทางที่ถูกที่ควรได้ เขาทูลองค์เง็กเซียนว่าตอนนี้โลกมนุษย์ถูกเหล่ามารและปีศาจคุกคาม ตนจึงอยากไปเกิดเป็นคนธรรมดาแล้วเดินทางไปยังชมพูทวีปเพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎก องค์เง็กเซียนไม่เชื่อว่าฉานจื่อจะเดินทางไปชมพูทวีปในฐานะคนธรรมดาได้สำเร็จ พระองค์เห็นว่าฉานจื่อทั้งซื่อและอ่อนหัดเลยเกรงว่าจะมีชีวิตรอดบนโลกมนุษย์ได้ไม่นาน ฉานจื่อกอดหงอคง (ซึ่งโดนมัด) พลางกล่าวว่าตนไม่กลัวตายเพราะมีหงอคงคอยปกป้อง การเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกเต็มไปด้วยอุปสรรคและความยากลำบากนานัปการ ตนเชื่อว่าจะใช้โอกาสนั้นสั่งสอนกล่อมเกลาจิตใจหงอคงให้หันมาฝักใฝ่ในทางธรรมได้ เมื่อเหล่าเทพต่างเห็นด้วย องค์เง็กเซียนจึงให้โอกาสทั้งคู่ได้ลงไปเกิดเป็นมนุษย์
แต่แล้วก็เกิดเรื่องวุ่นๆ ขึ้นจนได้ เมื่อองค์เง็กเซียนดันเขียนบันทึกสวรรค์ผิดพลาด ทำให้หงอคงต้องตายโดยไม่ได้ไปผุดไปเกิด (ดังที่ลั่นวาจากับพระยูไล) เป็นเวลานานถึง 500 ปี พอรู้ว่าทหารสวรรค์จับวานรหกหูมารับโทษบนสวรรค์เพราะนึกว่าเป็นหงอคงตัวจริง (ถึงกระนั้นเขาก็มีโทษประหารเพราะแอบอ้างเป็นหงอคงและก่อเรื่องเอาไว้มากมาย) องค์เง็กเซียนเลยรีบไปดูให้เห็นกับตาว่าหน้าตาเหมือนหงอคงมากแค่ไหน ครั้นเห็นว่าวานรหกหูปลอมตัวเก่ง พระองค์เลยแอบช่วยชีวิตเขาอย่างลับๆ หมายส่งเขาไปเป็นศิษย์ของฉานจื่อแทนหงอคงที่เกิดช้ากว่ากำหนดถึง 500 ปี
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวสุดป่วน จื่อเสียจะทำอย่างไรเมื่อรักแท้ของเธอหายตัวไปแต่กลับมีลิงจอมกะล่อนสวมรอยเป็นหงอคงแทน สุดท้ายแล้วเธอจะตามหารักแท้เจอหรือไม่ ชะตากรรมของหงอคงซึ่งถูกวานรหกหูนำชื่อเสียงไปแอบอ้างจนด่างพร้อยและมีศัตรูมากมายจะเป็นเช่นไร ติดตามชมได้ใน "ไซอิ๋ว อภินิหารลิงเทวดา (A Chinese Odyssey: Love of Eternity)" ทางช่องเวิร์คพอยท์ทีวี
รายชื่อนักแสดง
นักแสดงนำ
หวงจื่อเทา
รับบท จื้อจุนเป่า / ซุนอู้คง [ซุนหงอคง]
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน - อดีตสมาชิกวง EXO)
อิ่นเจิ้ง
รับบท ถังเซิง (พระถัง) / จินฉานจื่อ
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
หลิวเทียนจั่ว
รับบท จูปา / ขุนพลเทียนเผิง / จูปาเจี้ย [ตือโป๊ยก่าย]
(นักแสดง ชาวจีน)
จ้าวอี้
รับบท จื่อเสีย
(นักแสดง ชาวจีน)
ตู้รั่วซี
รับบท ชุนซานสือเหนียง (ปีศาจแมงมุม)
อื่นๆ
รับบท ลิ่วเอ่อมี๋โหว (วานรหกหู - ซุนหงอคงตัวปลอม)
(นักแสดง ชาวจีน)
เย่หลิว
รับบท หลิวซา / ซาเซิง (พระซา)
(นักแสดง ชาวจีน)
หยางจวินเฉิง
รับบท หนิวโม๋หวัง (จอมปีศาจวัวกระทิง)
(นักแสดง ชาวจีน)
อู๋ต้าเหวย
รับบท ผูถีเหลาจู่ (พระโพธิ)
(นักแสดง / นักร้อง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวจีน)
(นักแสดง ชาวจีน)
รับบท ฉางเอ๋อร์
(นักแสดง / นางแบบ ชาวจีน)
ฟางอันน่า
รับบท หนิวเซียงเซียง
(นักแสดง ชาวจีน)
คลิปเบื้องหลังละคร
ดูละครย้อนหลังจาก youtube/WorkpointOfficial
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา