กำกับ: เฉิงจื้อเชา
เขียนบท: จู้หมิง
แนวละคร: วัยรุ่น, กีฬา, โรแมนติก
จำนวนตอน: 32
ออกอากาศ: จีน - 7 กรกฎาคม 2558 - 26 สิงหาคม 2558 ทางหูหนานทีวี
ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 16.30 -18.00 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่ (หมายเลข 13) ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2561 - 12 สิงหาคม 2561
เรื่องย่อ
ละคร "สาวน้อยจ้าวพายุ (The Whirlwind Girl)" ดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง "旋风少女" (Tornado Girl) ของ "หมิงเสี่ยวซี" เนื้อหาในนิยายกล่าวถึงกีฬา "เทควันโด" แต่เวอร์ชั่นละครทีวีเปลี่ยนเป็น "หยวนอู่เต้า" ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ถูกสมมุติขึ้น เพื่อให้สามารถออกแบบกระบวนท่าและใช้เทคนิค/เอฟเฟคในการถ่ายทำได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องยึดโยงกับกฏกติกาสากลและความถูกต้องสมจริง (ลักษณะท่าทางการต่อสู้และแข่งขันในละครจึงไม่ใช่กีฬาเทควันโดและไม่มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด แต่เป็นการผสมผสานระหว่างเทควันโด คาราเต้ คิกบ็อกซิ่ง กังฟู ยิมนาสติก บวกกำลังภายในอีกนิดหน่อยเพื่อเพิ่มความดุเดือดและน่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยเหตุนี้ในเวอร์ชั่นภาษาจีนจึงขึ้นข้อความเตือนว่า "ใช้เทคนิคพิเศษในการถ่ายทำ ห้ามเลียนแบบ")
เนื้อหาในภาคแรกกล่าวถึงเรื่องราวของเด็กสาวที่มีชื่อว่า "ชีไป๋เฉ่า" ซึ่งชื่นชอบกีฬาหยวนอู่เต้ามาตั้งแต่เด็กๆ หลังพ่อแม่เสียชีวิตขณะอายุได้ 6 ขวบ ไป๋เฉ่าจึงอยู่ในความดูแลของ "ฉวี่เซี่ยงหนาน" ผู้เป็นอาจารย์และอดีตแชมป์โลกหยวนอู่เต้าซึ่งถูกคู่แข่งใส่ร้ายจนชื่อเสียงป่นปี้อนาคตดับวูบ ไป๋เฉ่าเด็กสาวผู้สัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม จึงหมายมั่นว่าจะต้องเป็นนักกีฬาหยวนอู่เต้าระดับแถวหน้า หมายกอบกู้ชื่อเสียงและช่วยทวงความเป็นธรรมให้ผู้เป็นอาจารย์ เธอค่อยๆ พิสูจน์ตัวเองโดยเริ่มต้นจากการทำงานในตำแหน่งต่ำต้อย ก่อนได้รับโอกาสในการฝึกฝนและลงแข่งขัน จนกลายเป็นนักกีฬาหยวนอู่เต้าระดับแนวหน้าในที่สุด
ละครเริ่มต้นด้วยการเปิดตัวพระเอก เขาแนะนำตัวและกล่าวกับคนดูว่า ตนชื่อ "รั่วไป๋" เป็นศิษย์อาวุโสที่สุดของโรงฝึก "ซงไป่" ชื่นชอบกีฬาหยวนอู่เต้าเพราะทำให้ตนได้ปลดปล่อยพลังที่ทำให้เลือดพลุ่งพล่าน ตนไม่ชอบคนขี้แพ้ที่ยอมถอดใจง่ายๆ คนเราควรใช้ชีวิตอย่างมุ่งมั่นแทนที่จะอยู่อย่างไขว้เขว... (ภาพตัดกลับไปในวันที่ "อวี้ชูหยวน" ถอนตัวจากวงการหยวนอู่เต้าโดยไม่บอกเหตุผล รั่วไป๋ถามด้วยความผิดหวังว่าเป็นเพราะอะไร ชูหยวนกล่าเพียงว่าตนขอโทษแล้วเดินจากไป รั่วไป๋จึงได้แต่ตะโกนไล่หลังว่าสักวันชูหยวนจะต้องเสียใจ) รั่วไป๋ยังบอกคนดูด้วยว่าการแข่งขันในช่วงฤดูร้อนปีนี้ ไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไรตนจะมุ่งมั่นตั้งใจให้ถึงที่สุด
ขณะที่การแข่งขันรอบรองชนะเลิศของศึกชิงแชมป์ประจำปีครั้งที่ 23 ระหว่างโรงฝึกหยวนอู่เต้าใน "อ้านหยาง" (หาพิกัด "อ้านหยาง" ไม่เจอ แต่อย่างน้อยสถานที่ถ่ายทำน่าจะอยู่ในมณฑลกุ้ยโจว) อันเป็นการดวลกันระหว่างแชมป์เก่า "ฟางถิงอี๋" จากโรงฝึกเสียนอู่ กับนักกีฬาหน้าใหม่ "ชีไป๋เฉ่า" จากโรงฝึกซงไป่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ถิงอี๋เหลือบเห็นยางรัดผมสตรอเบอรี่จึงถามด้วยความไม่พอใจว่าทำไมยางเส้นดังกล่าวถึงมาอยู่บนหัวของไป๋เฉ่า เมื่อไป๋เฉ่าตอบตามตรงว่าชูหยวนให้ตนมา ถิงอี๋ก็รู้สึกโกรธ เธอบอกไป๋เฉ่าว่ายางเส้นนั้นเป็นของตนจากนั้นก็เริ่มต้นแข่งขันด้วยความโกรธแค้น หลังโดนถีบเข้าที่ปลายคาง ไป๋เฉ่าก็หงายหลังลงไปกองกับพื้น ถิงอี๋เดินหน้าเข้าหาไป๋เฉ่าพลางเตะและถีบแบบไม่ยั้ง ทั้งยังอ่านเกมออกจึงชิงปัดป้องก่อนที่ไป๋เฉ่าจะออกอาวุธ (ผิดกับไป๋เฉ่าที่ยังอ่านทางคู่ต่อสู้ไม่เป็น) ทำให้ไป๋เฉ่าตกเป็นเป้านิ่งและยังเก็บคะแนนไม่ได้สักแต้ม (ขณะที่ถิงอี๋กวาดไปแล้ว 7 คะแนน) ถึงกระนั้นไป๋เฉ่าก็ยังไม่ยอมแพ้และพยายามหันมาเป็นฝ่ายรุกบ้าง
รั่วไป๋กล่าวกับศิษย์น้อง "หูอี้เฟิง" ว่าสิ่งหนึ่งที่ไป๋เฉ่าเหนือกว่าถิงอี๋มากคือ 'ความอึด' จากนั้นก็เปรียบว่าถิงอี๋เหมือนดอกไม้ในเรือนกระจก ส่วนไป๋เฉ่าเป็นดอกหญ้าป่าที่ทนทานทุกสภาวะ เมื่อไป๋เฉ่าหาจังหวะเตะถิงอี๋ได้สำเร็จทำให้ตีไข่แตก (ได้ 1 คะแนน) รั่วไป๋ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ หลังโดนเตะเข้าอย่างจังถิงอี๋ยิ่งรู้สึกแค้น เธอจึงวิ่งเข้าหาไป๋เฉ่าและออกอาวุธอย่างไม่ปราณี หลังโดนเตะก้านคอแบบเต็มๆ ไป๋เฉ่าก็ร่วงลงไปกองกับพื้นเป็นครั้งที่สอง เมื่อกรรมการนับสามไป๋เฉ่าก็พยุงกายลุกขึ้นในสภาพมีเลือดออกปาก ทั้งรั่วไป๋และ "ฟางถิงฮ่าว" (จากโรงฝึกเสียนอู่ เป็นพี่ชายของถิงอี๋) เห็นดังนั้นจึงต่างนั่งไม่ติด ไป๋เฉ่าบอกตัวเองให้เข้มแข็งและลุกขึ้นสู้ "ฟ่านเสี่ยวอิ๋ง" (เพื่อนสนิทของไป๋เฉ่า) เห็นสภาพไป๋เฉ่าแล้วถึงกับร่ำไห้ด้วยความสงสารและบอกให้ไป๋เฉ่ายอมแพ้ แต่ไป๋เฉ่าบอกกรรมการว่าตนยังไหวการต่อสู้จึงดำเนินต่อไป ถิงอี๋เห็นว่าไป๋เฉ่าอึดกว่าที่คิดจึงเตะใส่แบบไม่ยั้ง เมื่อชูหยวนเข้ามาชมการแข่งขันแล้วเห็นไป๋เฉ่าโดนไล่เตะจนสะบักสะบอมก็รู้สึกเป็นห่วง หลังโดนถิงอี๋กระโดดเตะศีรษะ ไป๋เฉ่าก็หมุนคว้างกลางอากาศก่อนร่วงลงไปนอนหมดสติบนพื้น สามหนุ่ม ถิงฮ่าว รั่วไป๋ และชูหยวน ต่างพร้อมใจกันวิ่งเข้าไปดูอาการไป๋เฉ่า แต่รั่วไป๋ถึงตัวไป๋เฉ่าก่อน ถิงฮ่าวกับชูหยวนจึงได้แต่หยุดดูอยู่ห่างๆ
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน
ไป๋เฉ่าขี่จักรยานผ่านเด็กหนุ่มสาวที่กำลังฝึกซ้อมหยวนอู่เต้า พลางบอกคนดูว่าที่นี่คือ "อ้านหยาง" บ้านเกิดของเธอ แม้จะหาพิกัดบนแผนที่ได้ยากแต่ที่นี่ก็เป็นต้นกำเนิดกีฬาหยวนอู่เต้า เสี่ยวอิ๋งรีบปั่นจักรยานไล่หลังหมายชวนไป๋เฉ่าไปที่ร้านบะหมี่กับตน โดยบอกว่ากำลังจะมีการถ่ายทอดสดหยวนอู่เต้าเยาวชนชิงแชมป์โลก เธอกล่าวอย่างตื่นเต้นว่าวันนี้เทพหยวนอู่เต้าอย่างฟางถิงฮ่าวจะลงแข่ง ไม่แน่ว่าเขาอาจเป็นฝ่ายชนะและคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ ดังนั้นหากพวกตนไปช้าจะไม่มีที่นั่ง ไป๋เฉ่ากล่าวว่าตนไปด้วยไม่ได้เพราะต้องทำงาน ช่วงนี้อาจารย์ของตนสุขภาพย่ำแย่ลงทุกวัน ตนเลยจำเป็นต้องหาเงินเพิ่มเพื่อนำไปซื้อยา เสี่ยวอิ๋งเห็นว่าไป๋เฉ่าทำทุกอย่างเพื่ออาจารย์มาโดยตลอดจึงอดแย้งไม่ได้ว่าเขาไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเธอสักหน่อย ไป๋เฉ่าจึงตัดบทด้วยการขอตัวไปทำงานทันที
เนื้อหาในภาคแรกกล่าวถึงเรื่องราวของเด็กสาวที่มีชื่อว่า "ชีไป๋เฉ่า" ซึ่งชื่นชอบกีฬาหยวนอู่เต้ามาตั้งแต่เด็กๆ หลังพ่อแม่เสียชีวิตขณะอายุได้ 6 ขวบ ไป๋เฉ่าจึงอยู่ในความดูแลของ "ฉวี่เซี่ยงหนาน" ผู้เป็นอาจารย์และอดีตแชมป์โลกหยวนอู่เต้าซึ่งถูกคู่แข่งใส่ร้ายจนชื่อเสียงป่นปี้อนาคตดับวูบ ไป๋เฉ่าเด็กสาวผู้สัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม จึงหมายมั่นว่าจะต้องเป็นนักกีฬาหยวนอู่เต้าระดับแถวหน้า หมายกอบกู้ชื่อเสียงและช่วยทวงความเป็นธรรมให้ผู้เป็นอาจารย์ เธอค่อยๆ พิสูจน์ตัวเองโดยเริ่มต้นจากการทำงานในตำแหน่งต่ำต้อย ก่อนได้รับโอกาสในการฝึกฝนและลงแข่งขัน จนกลายเป็นนักกีฬาหยวนอู่เต้าระดับแนวหน้าในที่สุด
ละครเริ่มต้นด้วยการเปิดตัวพระเอก เขาแนะนำตัวและกล่าวกับคนดูว่า ตนชื่อ "รั่วไป๋" เป็นศิษย์อาวุโสที่สุดของโรงฝึก "ซงไป่" ชื่นชอบกีฬาหยวนอู่เต้าเพราะทำให้ตนได้ปลดปล่อยพลังที่ทำให้เลือดพลุ่งพล่าน ตนไม่ชอบคนขี้แพ้ที่ยอมถอดใจง่ายๆ คนเราควรใช้ชีวิตอย่างมุ่งมั่นแทนที่จะอยู่อย่างไขว้เขว... (ภาพตัดกลับไปในวันที่ "อวี้ชูหยวน" ถอนตัวจากวงการหยวนอู่เต้าโดยไม่บอกเหตุผล รั่วไป๋ถามด้วยความผิดหวังว่าเป็นเพราะอะไร ชูหยวนกล่าเพียงว่าตนขอโทษแล้วเดินจากไป รั่วไป๋จึงได้แต่ตะโกนไล่หลังว่าสักวันชูหยวนจะต้องเสียใจ) รั่วไป๋ยังบอกคนดูด้วยว่าการแข่งขันในช่วงฤดูร้อนปีนี้ ไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไรตนจะมุ่งมั่นตั้งใจให้ถึงที่สุด
ขณะที่การแข่งขันรอบรองชนะเลิศของศึกชิงแชมป์ประจำปีครั้งที่ 23 ระหว่างโรงฝึกหยวนอู่เต้าใน "อ้านหยาง" (หาพิกัด "อ้านหยาง" ไม่เจอ แต่อย่างน้อยสถานที่ถ่ายทำน่าจะอยู่ในมณฑลกุ้ยโจว) อันเป็นการดวลกันระหว่างแชมป์เก่า "ฟางถิงอี๋" จากโรงฝึกเสียนอู่ กับนักกีฬาหน้าใหม่ "ชีไป๋เฉ่า" จากโรงฝึกซงไป่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ถิงอี๋เหลือบเห็นยางรัดผมสตรอเบอรี่จึงถามด้วยความไม่พอใจว่าทำไมยางเส้นดังกล่าวถึงมาอยู่บนหัวของไป๋เฉ่า เมื่อไป๋เฉ่าตอบตามตรงว่าชูหยวนให้ตนมา ถิงอี๋ก็รู้สึกโกรธ เธอบอกไป๋เฉ่าว่ายางเส้นนั้นเป็นของตนจากนั้นก็เริ่มต้นแข่งขันด้วยความโกรธแค้น หลังโดนถีบเข้าที่ปลายคาง ไป๋เฉ่าก็หงายหลังลงไปกองกับพื้น ถิงอี๋เดินหน้าเข้าหาไป๋เฉ่าพลางเตะและถีบแบบไม่ยั้ง ทั้งยังอ่านเกมออกจึงชิงปัดป้องก่อนที่ไป๋เฉ่าจะออกอาวุธ (ผิดกับไป๋เฉ่าที่ยังอ่านทางคู่ต่อสู้ไม่เป็น) ทำให้ไป๋เฉ่าตกเป็นเป้านิ่งและยังเก็บคะแนนไม่ได้สักแต้ม (ขณะที่ถิงอี๋กวาดไปแล้ว 7 คะแนน) ถึงกระนั้นไป๋เฉ่าก็ยังไม่ยอมแพ้และพยายามหันมาเป็นฝ่ายรุกบ้าง
รั่วไป๋กล่าวกับศิษย์น้อง "หูอี้เฟิง" ว่าสิ่งหนึ่งที่ไป๋เฉ่าเหนือกว่าถิงอี๋มากคือ 'ความอึด' จากนั้นก็เปรียบว่าถิงอี๋เหมือนดอกไม้ในเรือนกระจก ส่วนไป๋เฉ่าเป็นดอกหญ้าป่าที่ทนทานทุกสภาวะ เมื่อไป๋เฉ่าหาจังหวะเตะถิงอี๋ได้สำเร็จทำให้ตีไข่แตก (ได้ 1 คะแนน) รั่วไป๋ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ หลังโดนเตะเข้าอย่างจังถิงอี๋ยิ่งรู้สึกแค้น เธอจึงวิ่งเข้าหาไป๋เฉ่าและออกอาวุธอย่างไม่ปราณี หลังโดนเตะก้านคอแบบเต็มๆ ไป๋เฉ่าก็ร่วงลงไปกองกับพื้นเป็นครั้งที่สอง เมื่อกรรมการนับสามไป๋เฉ่าก็พยุงกายลุกขึ้นในสภาพมีเลือดออกปาก ทั้งรั่วไป๋และ "ฟางถิงฮ่าว" (จากโรงฝึกเสียนอู่ เป็นพี่ชายของถิงอี๋) เห็นดังนั้นจึงต่างนั่งไม่ติด ไป๋เฉ่าบอกตัวเองให้เข้มแข็งและลุกขึ้นสู้ "ฟ่านเสี่ยวอิ๋ง" (เพื่อนสนิทของไป๋เฉ่า) เห็นสภาพไป๋เฉ่าแล้วถึงกับร่ำไห้ด้วยความสงสารและบอกให้ไป๋เฉ่ายอมแพ้ แต่ไป๋เฉ่าบอกกรรมการว่าตนยังไหวการต่อสู้จึงดำเนินต่อไป ถิงอี๋เห็นว่าไป๋เฉ่าอึดกว่าที่คิดจึงเตะใส่แบบไม่ยั้ง เมื่อชูหยวนเข้ามาชมการแข่งขันแล้วเห็นไป๋เฉ่าโดนไล่เตะจนสะบักสะบอมก็รู้สึกเป็นห่วง หลังโดนถิงอี๋กระโดดเตะศีรษะ ไป๋เฉ่าก็หมุนคว้างกลางอากาศก่อนร่วงลงไปนอนหมดสติบนพื้น สามหนุ่ม ถิงฮ่าว รั่วไป๋ และชูหยวน ต่างพร้อมใจกันวิ่งเข้าไปดูอาการไป๋เฉ่า แต่รั่วไป๋ถึงตัวไป๋เฉ่าก่อน ถิงฮ่าวกับชูหยวนจึงได้แต่หยุดดูอยู่ห่างๆ
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน
ไป๋เฉ่าขี่จักรยานผ่านเด็กหนุ่มสาวที่กำลังฝึกซ้อมหยวนอู่เต้า พลางบอกคนดูว่าที่นี่คือ "อ้านหยาง" บ้านเกิดของเธอ แม้จะหาพิกัดบนแผนที่ได้ยากแต่ที่นี่ก็เป็นต้นกำเนิดกีฬาหยวนอู่เต้า เสี่ยวอิ๋งรีบปั่นจักรยานไล่หลังหมายชวนไป๋เฉ่าไปที่ร้านบะหมี่กับตน โดยบอกว่ากำลังจะมีการถ่ายทอดสดหยวนอู่เต้าเยาวชนชิงแชมป์โลก เธอกล่าวอย่างตื่นเต้นว่าวันนี้เทพหยวนอู่เต้าอย่างฟางถิงฮ่าวจะลงแข่ง ไม่แน่ว่าเขาอาจเป็นฝ่ายชนะและคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ ดังนั้นหากพวกตนไปช้าจะไม่มีที่นั่ง ไป๋เฉ่ากล่าวว่าตนไปด้วยไม่ได้เพราะต้องทำงาน ช่วงนี้อาจารย์ของตนสุขภาพย่ำแย่ลงทุกวัน ตนเลยจำเป็นต้องหาเงินเพิ่มเพื่อนำไปซื้อยา เสี่ยวอิ๋งเห็นว่าไป๋เฉ่าทำทุกอย่างเพื่ออาจารย์มาโดยตลอดจึงอดแย้งไม่ได้ว่าเขาไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเธอสักหน่อย ไป๋เฉ่าจึงตัดบทด้วยการขอตัวไปทำงานทันที
ปรากฏว่าร้านขายของชำที่ไป๋เฉ่าไปทำงานพาร์ทไทม์ก็เปิดดูการถ่ายทอดสดจากกรุงโซลด้วยเช่นกัน โดยเป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระหว่างฟางถิงฮ่าวจากประเทศจีน กับ "มิน ซึงโฮ" แชมป์สองสมัยจากโรงฝึก "ชางแฮ" แห่งเกาหลีใต้ หลังขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในที่สุดถิงฮ่าวก็เป็นฝ่ายชนะน็อค ระหว่างการสัมภาษณ์นักข่าวสาวตั้งข้อสังเกตว่าแม้อ้านหยางจะเป็นถิ่นกำเนิดของกีฬาหยวนอู่เต้า แต่ในรอบสิบปีที่ผ่านมาไม่เคยมีนักกีฬาจากอ้านหยางคว้าแชมป์มาครองได้สักคน เธอจึงถามความรู้สึกของถิงฮ่าวในฐานะที่เขาคว้าแชมป์มาครองในนามชาวอ้านหยางได้สำเร็จ ถิงฮ่าวกล่าวตามตรงว่าตนไม่ได้รู้สึกอะไรกับชัยชนะในครั้งนี้เพราะทุกสิ่งเป็นไปตามที่ตนคาด เมื่อถูกถามว่าเป้าหมายต่อไปคือการคว้าแชมป์รายการใด ถิงฮ่าวตอบว่าสำหรับตนแล้วการคว้าแชมป์ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เขาแย่งไมค์นักข่าวมาถือจากนั้นก็มองและชี้ไปที่กล้องพลางกล่าวอย่างหมายมั่นว่า ที่ตนต้องการในตอนนี้ก็แค่เอาชนะใครคนหนึ่ง ชูหยวนซึ่งนั่งชมการถ่ายทอดสดได้ยินดังนั้นจึงวางแก้วชาสมุนไพรแล้วลุกไปสูดอากาศที่หน้าต่าง หลังจากนั้นเขาก็สวมชุดหยวนอู่เต้า (สายดำ) แล้วยืนมองตัวเองในกระจก ก่อนรำลึกถึงความหลังด้วยการไล่ดูภาพถ่ายเก่าๆ สมัยยังเป็นนักกีฬา ที่แท้ชูหยวนเคยเป็นนักกีฬาหยวนอู่เต้าที่เก่งขั้นเทพ ทั้งยังเคยเป็นเพื่อนสนิทของถิงฮ่าวกับรั่วไป๋อีกด้วย
และแล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นในขณะที่ "คิม อีซาน" แห่งโรงฝึกชางแฮของเกาหลีใต้ กำลังจะมอบเหรียญทองและถ้วยรางวัลชนะเลิศให้แก่ถิงฮ่าว เมื่ออยู่ๆ เด็กสาวจากแดนโสม "คิม มินจู" (ลูกสาวคิม อีซาน) ได้ออกมาคัดค้านการมอบรางวัลโดยประกาศผ่านไมค์ว่าเธอไม่ยอมรับผลการตัดสิน เพราะสงสัยว่าชาวอ้านหยางอย่างถิงฮ่าวอาจใช้สารกระตุ้นเหมือนเมื่อสิบปีก่อน (ไป๋เฉ่าได้ยินแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ส่วนชาวอ้านหยางที่เฝ้าหน้าจอรอดูถิงฮ่าวรับรางวัลต่างพากันไม่พอใจ) เมื่อถูกพ่อห้ามปรามมินจูจึงเตือนว่าเมื่อสิบปีก่อนชาวอ้านหยาง "ฉวี่เซี่ยงหนาน" เคยใช้สารกระตุ้นและปล้นชัยชนะไปจากพ่อ ทั้งยังทำให้พ่อเอ็นฉีกอีกด้วย (เซี่ยงหนานซึ่งกลายเป็นคนติดเหล้า เป็นอีกคนที่นั่งชมการถ่ายทอดสดจึงได้ยินมินจูพูดพาดพิงถึงตน)
พ่อมินจูแย้งว่าการแข่งขันวันนี้กับเมื่อสิบปีที่แล้วไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่มินจูมั่นใจว่าประวัติศาสตร์จะต้องซ้ำรอยอย่างแน่นอน เธอไม่เชื่อว่าหลังชวดแชมป์มาตลอดสิบปี อยู่ๆ ชาวอ้านหยางอย่างถิงฮ่าวจะมีฝีมือถึงขั้นโค่นแชมป์สองสมัยอย่างศิษย์พี่ซึงโฮ จึงขอให้ตรวจสอบดูอีกครั้งว่าถิงฮ่าวใช้สารกระตุ้นหรือไม่ เพื่อให้การตัดสินเป็นไปอย่างยุติธรรมที่สุดและไม่ให้พวกไร้ฝีมือฉวยโอกาสปล้นชัยชนะไปอีก ถิงฮ่าวกล่าวว่าตนเข้าใจรู้สึกของมินจู แต่การแพ้แล้วพาลโดยนำเรื่องเมื่อสิบปีก่อนมากล่าวหากันลอยๆ แบบนี้เท่ากับไม่ให้เกียรตินักกีฬาคู่แข่งอย่างตน หรือนี่คือสปิริตของกีฬาหยวนอู่เต้าในมุมมองของพวกเธอ ถิงฮ่าวเห็นว่าตำแหน่งแชมป์ที่แปดเปื้อนแบบนี้ไม่มีค่าพอจึงปฏิเสธที่จะรับรางวัลแล้วเดินออกจากสนามไป
ชาวอ้านหยางที่ได้ชมการถ่ายทดสดต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างโกรธแค้นเซี่ยงหนานที่ทำให้ชาวอ้านหยางเสียชื่อ และทำให้ถิงฮ่าวเสียโอกาสในการคว้าแชมป์ ความเคียดแค้นชิงชังดังกล่าวได้ลามมาถึง "ฉวี่กวงหย่า" (ลูกสาวเซี่ยงหนาน และศิษย์โรงฝึกเฉวียนเซิ่ง) หลังได้ยินเพื่อนที่โรงเรียนประณามพ่อ ซ้ำยังหันมามองด้วยสายตาเอาเรื่อง กวงหย่าจึงปฏิเสธว่าเซี่ยงหนานไม่ใช่พ่อตน ไป๋เฉ่าเห็นกวงหย่ากำลังถูกเพื่อนนักเรียนต่อว่าจึงรีบเข้าไปปกป้อง เมื่อ "อู๋ซิ่วต๋า" (จากโรงฝึกซงไป่) เห็นรุ่นน้องกำลังวีนใส่เพื่อนนักเรียนจึงรีบเข้าไปห้ามปราม รุ่นน้องจึงฟ้องว่ากวงหย่าเป็นลูกสาวเซี่ยงหนาน จากนั้นก็ตราหน้าว่าครอบครัวเธอทำให้ชาวอ้านหยางอับอายขายหน้าไปทั่วโลก ซิ่วต๋าบอกรุ่นน้องให้เลิกโวยวายเพราะต่อให้ไม่เกิดเรื่องน่าอายในวันนี้ ครอบครัวของกวงหย่าก็ยังคงเป็นความอัปยศของอ้านหยางอยู่ดี เขาหันไปมองกวงหย่าพลางกล่าวอย่างหัวเสียว่า ตนไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมถึงยังมีโรงฝึกกล้ารับเธอเป็นศิษย์อยู่อีก
ไป๋เฉ่าเห็นกวงหย่าโดนชี้หน้าก็รู้สึกโกรธ ซิ่วต๋าเห็นไป๋เฉ่าออกโรงปกป้องกวงหย่าจึงสงสัยว่าเธอเป็นใคร กล้าดียังไงถึงได้เข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น ไป๋เฉ่าแนะนำชื่อแซ่แล้วบอกว่าตนมาจากโรงฝึกเฉวียนเซิ่ง จากนั้นก็บอกให้ซิ่วต๋าขอโทษกวงหย่า ซิ่วต๋ากล่าวว่าโรงฝึกเฉวียนเซิ่งมีแต่พวกขี้แพ้จึงอย่าริบังอาจมาขวางทางตน เขาจะผลักไป๋เฉ่าให้พ้นทาง ไป๋เฉ่าจึงคว้าข้อมือเขาไว้แล้วบอกให้ขอโทษ แม้จะเป็นผู้ชายอกสามศอกแต่ซิ่วต๋ากลับสู้แรงไป๋เฉ่าไม่ได้ ซิ่วต๋าจึงร้องบอกให้ไป๋เฉ่าปล่อยมือตน ไป๋เฉ่ายืนกรานว่าจะไม่ปล่อยจนกว่าจะได้ยินคำขอโทษ กวงหย่าจึงก้มศีรษะขอโทษทุกคนและกล่าวว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเธอเอง จากนั้นก็ยอมรับว่าเธอเป็นลูกสาวคนขี้แพ้ พูดจบกวงหย่าก็วิ่งหนีไป ไป๋เฉ่าปล่อยแขนซิ่วต๋าแล้วตามไปร้องเรียกกวงหย่าทำให้ซิ่วต๋าเสียหลักล้ม เมื่อไป๋เฉ่าวิ่งกลับมาเอารถจักรยานแล้วเห็นซิ่วต๋านอนกองกับพื้นจึงถามว่าเขาไม่เป็นไรใช่มั้ย ซิ่วต๋ายื่นมือให้ไป๋เฉ่าหมายให้เธอช่วยดึงตนขึ้น แต่ไป๋เฉ่ากลัวตามกวงหย่าไม่ทันจึงปั่นจักรยานออกไปหน้าตาเฉย ซิ่วต๋าเลยทั้งเจ็บแค้นและรู้สึกเสียหน้า
ไป๋เฉ่ารีบปั่นจักรยานตามกวงหย่าและขอให้เธอรอก่อน กวงหย่าโวยลั่นว่าตนไม่ใช่ลูกฉวี่เซี่ยงหนาน แล้วจะเรียกตนเพื่ออะไร ไป๋เฉ่ายื่นซองใส่เงินให้กวงหย่าโดยบอกว่าเป็นเงินเบี้ยเลี้ยงที่อาจารย์ (เซี่ยงหนาน) ฝากมาให้ กวงหย่าปาซองเงินทิ้งแล้วกล่าวว่าตนตัดขาดจากอาจารย์ของไป๋เฉ่ามานานแล้ว ไป๋เฉ่าจะตามติดตนแจเพื่ออะไรอีก เธอยังร่ำไห้พลางบอกด้วยว่าไป๋เฉ่าอยากเป็นศิษย์หรือเป็นลูกสาวของเขาก็เชิญ เพราะไม่เกี่ยวอะไรกับตน และอย่ามาให้ตนเห็นหน้าอีก พูดจบกวงหย่าก็วิ่งหนีไป
ณ โรงฝึกเฉวียนเซิ่ง เซี่ยงหนานยังคงนั่งดื่มเหล้าและเบียร์ด้วยหัวใจที่บอบช้ำหลังได้ชมการถ่ายทอดสด ปรากฏว่าในตอนนั้นเหล่าผู้ปกครองต่างพากันมาตามลูกของตนกลับบ้าน เพราะไม่ต้องการให้มาเป็นศิษย์ของโรงฝึกเฉวียนเซิ่ง (ซึ่งเซี่ยงหนานเคยเป็นผู้ฝึกสอน และยังคงอาศัยอยู่ที่นี่) แต่เด็กๆ อยากเรียนหยวนอู่เต้าเลยพากันร้องระงม เซี่ยงหนานเห็นดังนั้นเลยเดินออกมาดู เมื่อเด็กๆ เห็นเซี่ยงหนานก็พากันขว้างปาก้อนหินใส่ด้วยความโกรธแค้น ไป๋เฉ่ามาเห็นเข้าพอดีจึงรีบห้ามปราม เด็กๆ แย้งว่าเซี่ยงหนานทำให้ถิงฮ่าวอดเป็นแชมป์ จากนั้นก็พากันขว้างปาก้อนหินต่อ ไป๋เฉ่าเลยรีบเอาตัวบังหินให้อาจารย์ หลังทำกระจกแตกและข้าวของเสียหายแล้ว เด็กๆ จึงรีบแยกย้ายกลับบ้าน
ไป๋เฉ่ารีบสำรวจร่างกายอาจารย์ด้วยความเป็นห่วงและปลอบว่าอย่าไปฟังเรื่องเหลวไหลไร้สาระ เพราะสิ่งที่เกิดกับถิงฮ่าวไม่เกี่ยวกับอาจารย์เลยสักนิด เธอช่วยเก็บเศษกระจกที่แตกกระจายเกลื่อนพื้นก่อนลงมือทำอาหารบำรุงสุขภาพให้อาจารย์ทานทั้งที่ทำกับข้าวไม่เป็น เซี่ยงหนานเห็นกับข้าวฝีมือไป๋เฉ่าแล้วถึงกับอึ้ง เมื่อลองชิมดูแล้วยิ่งพูดไม่ออกเพราะรสชาติเค็มปี๋จนต้องคายทิ้ง เมื่อถึงเวลากลางคืนไป๋เฉ่านำขวดพลาสติกมาซ้อมเตะและบริหารร่างกายด้วยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อตามลำพัง (กับตุ๊กตาตัวโปรดชื่อ "เสี่ยวเฉ่า") ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไป๋เฉ่าไม่เคยเข้าร่วมการฝึกซ้อมกับทางโรงฝึกในฐานะศิษย์ (แต่เซี่ยงหนานเคยสอนให้เธอเป็นการส่วนตัวก่อนเกิดเรื่อง ซึ่งตอนนั้นเธอยังเด็ก) เธอจึงได้แต่เตรียมความพร้อมให้ร่างกายเพื่อรอโอกาสที่จะได้ฝึกฝน โดยหวังว่าสักวันจะเป็นยอดนักกีฬาหยวนอู่เต้าเหมือนอาจารย์
ณ โรงฝึกเฉวียนเซิ่ง ศิษย์สาวสามคนฟ้องครูฝึก "เจิ้งเยวียนไห่" ว่ามีเด็กใหม่ถูกพ่อแม่ลากตัวกลับบ้านเพราะเซี่ยงหนานอีกห้าคนแล้ว พวกเธอรู้สึกเป็นกังวลเพราะการแข่งขันระหว่างโรงฝึกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า แต่พวกตนยังมีคนไม่มากพอแม้กระทั่งทำทีมเชียร์ด้วยซ้ำ อาจารย์เจิ้งกล่าวอย่างไม่แยแสว่าเด็กพวกนั้นฝีมือแค่พอไปวัดไปวา ศิษย์คนหนึ่งยุให้อาจารย์เจิ้งไล่เซี่ยงหนานออกจากโรงฝึกโดยบอกว่าเขาเป็นแค่ยามเฝ้าประตู (ที่พักของเขาอยู่บริเวณประตูใหญ่) แต่กลับทำให้พวกตนไม่อาจเดินเชิดหน้าได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ศิษย์อีกคนโวยว่าเวลาไปโรงเรียนพวกตนรู้สึกอับอายขายหน้าศิษย์ของโรงฝึกอื่น ซ้ำยังโดนเยาะเย้ยถากถางเป็นประจำ อาจารย์เจิ้งจึงกล่าวว่าอย่าหาข้ออ้างมาแก้ตัวและอย่าดีแต่โทษคนอื่น เพราะถ้าหากสามสาวมีฝีมือจริง เวลาคนอื่นกล่าวถึงโรงฝึกเฉวียนเซิ่งคงพูดถึงพวกเธอแทนที่จะพูดถึงเซี่ยงหนาน
เมื่อถูกลูกศิษย์ตัดพ้อ อาจารย์เจิ้งจึงกล่าวว่าเซี่ยงหนานเป็นศิษย์พี่ตน ตนจึงไม่อาจลบหลู่เขา ศิษย์คนหนึ่งชักเริ่มเห็นด้วย เธอกล่าวว่าอาจารย์เจิ้งเป็นคนจิตใจดี และการเลี้ยงคนเพิ่มอีกปากไม่ถึงกับทำให้โรงฝึกของพวกตนล่มจม ศิษย์ที่เหลือแย้งว่าไม่ใช่แค่ปากเดียวแต่ยังมีลูกศิษย์ของเซี่ยงหนานอย่างไป๋เฉ่ากับลูกสาวของเขาด้วย กวงหย่าซึ่งกำลังฝึกซ้อมอยู่ได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าเศร้า ครั้นได้ยินหนึ่งในสามสาวแก้ตัวแทนว่าเธอตัดขาดจากเซี่ยงหนานแล้วและอยู่ในความดูแลของอาจารย์เจิ้ง กวงหย่าก็รู้สึกดีขึ้น
ไป๋เฉ่าถือตระกร้าผ้าตามเก็บชุดหยวนอู่เต้าที่เหล่าศิษย์ใส่แล้วเพื่อนำไปซัก และได้ยินคนนินทาอย่างเหยียดหยามว่าเธอเป็นศิษย์คนขี้แพ้จึงไม่มีสิทธิฝึกซ้อมร่วมกับพวกตน ทั้งยังเป็นเพียงสาวใช้ประจำโรงฝึกที่ติดตามอาจารย์มากินอยู่ฟรีที่นี่ กวงหย่าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกอึดอัดแต่แกล้งทำเป็นพยักหน้าเออออ เมื่อคนอื่นออกไปแล้วไป๋เฉ่าก็บอกให้กวงหย่าหาเวลาไปเยี่ยมอาจารย์ (เซี่ยงหนาน) บ้าง เพราะตอนนี้อาจารย์ปวดขามาก กวงหย่าปฏิเสธโดยบอกว่าไม่เกี่ยวกับตน ไป๋เฉ่าจึงเตือนว่ากวงหย่าโทษอาจารย์มานานหลายปี แต่เขาเป็นญาติเพียงคนเดียวของเธอ กวงหย่ากล่าวว่าหากเขาไม่ลวงโลกเพื่อให้ได้เป็นแชมป์แม่ของตนคงไม่ตาย ตนไม่มีวันให้อภัยเขาเด็ดขาด กวงหย่าเตือนไป๋เฉ่าด้วยความหวังดีว่า เธอเองก็ควรเลิกติดตามเขาเช่นกัน มิเช่นนั้นเธอจะไม่มีทางได้เป็นศิษย์ของโรงฝึกหยวนอู่เต้าอย่างเต็มตัว เมื่อกวงหย่าเดินหนีไปแล้ว ไป๋เฉ่าได้แต่มองตามพลางรำพึงรำพันด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่าแม้ตนอยากเป็นศิษย์ของโรงฝึกใจจะขาด แต่สำหรับตนแล้วไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับอาจารย์
หลังตรวจซ้ำแล้วไม่พบว่ามีการใช้สารกระตุ้นระหว่างแข่งขัน คิมอีซานจึงจัดงานแถลงข่าวเพื่อขอโทษถิงฮ่าวอย่างเป็นทางการในนามทุกภาคส่วน พร้อมมอบเหรียญและโล่รางวัลชนะเลิศให้ถิงฮ่าวอย่างสมเกียรติ
ไป๋เฉ่าซึ่งกำลังนั่งทำงานเห็นอาจารย์เจิ้งเตรียมพาศิษย์ของตน (ศิษย์โรงฝึกเฉวียนเซิ่ง) ไปร่วมพิธีเปิดศึกชิงแชมป์ระหว่างโรงฝึกหยวนอู่เต้าในอ้านหยาง (เป็นการแข่งขันประจำปีครั้งที่ 23) จึงเดินออกมาดู เมื่อเห็นศิษย์ผู้ชาย 4 คนช่วยกันแบกถุงกระสอบขนาดใหญ่ 2 ถุงมาวางตั้งตรงหน้าพลางบ่นว่าถุงอะไรทำไมหนักจัง อาจารย์เจิ้งจึงเตือนให้วางอย่างระวังเพราะของที่อยู่ข้างในเป็นอาวุธเด็ดของตน ตนจะใช้มันสร้างความประทับใจให้คนดู ศิษย์หญิงคนหนึ่งเห็นว่าโรงฝึกของพวกตนมีคนน้อยมากเมื่อเทียบกับโรงฝึกอื่นๆ ซึ่งมีคนเกินร้อย ดังนั้นพวกตนคงไม่มีทางชนะแน่ เมื่อลูกศิษย์เสนอให้เกณฑ์คนมาเพิ่มจะได้แลดูคึกคักและเข้มแข็งกว่านี้ อาจารย์เจิ้งจึงบอกให้ทุกคนหุบปาก
เขาหันไปเห็นไป๋เฉ่าออกมายืนดูพวกตนจึงคิดที่จะให้ไป๋เฉ่ามาช่วยขนของ (เขารู้ว่าเธอแรงเยอะ) โดยอ้างว่าจะพาไปเปิดหูเปิดตา ไป๋เฉ่าดีใจมากจึงถามว่าเธอสวมชุดฟอร์ม (ชุดหยวนอู่เต้าประจำโรงฝึก) เหมือนทุกคนได้แล้วใช่ไหม ศิษย์หญิงคนหนึ่งจึงย้อนถามว่าไป๋เฉ่ามีสิทธิอะไร ไป๋เฉ่าเลยเป็นได้เพียงเด็กยกของและต้องแบกถุงกระสอบขนาดใหญ่ 2 ถุงเดินตามทุกคนเข้าไปในงาน เมื่อเห็นโรงฝึกต่างๆ กำลังโชว์ลีลาหยวนอู่เต้าอยู่บนเวที ไป๋เฉ่าก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจ อยู่ๆ อาจารย์เจิ้งก็บอกให้ไป๋เฉ่าวางถุงไว้ ทั้งยังอนุญาตให้เธอไปเดินเที่ยวชมงาน หลังไป๋เฉ่าไปแล้วอาจารย์เจิ้งจึงบอกให้ลูกศิษย์ช่วยกันแบกถุงแล้วตามตนเข้าไปข้างในตึก
เมื่อไป๋เฉ่าเดินไปดูเวทีแสดงของโรงฝึกซงไป่ก็เห็นรั่วไป๋กำลังโชว์ลีลาขั้นเทพบนเวที เสี่ยวอิ๋ง (ศิษย์โรงฝึกซงไป่) หันมาเห็นไป๋เฉ่าจึงรีบวิ่งไปหาด้วยความดีใจ ไป๋เฉ่านึกไม่ถึงว่าพิธีเปิดจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เสี่ยวอิ๋งกล่าวว่าหยวนอู่เต้าเป็นจิตวิญญาณของอ้านหยาง การแข่งขันหยวนอู่เต้าจึงสำคัญที่สุดสำหรับที่นี่ และพิธีเปิดการแข่งขันก็เป็นช่วงเวลาดีที่สุดในการเปิดรับศิษย์ใหม่จึงต้องจัดใหญจัดเต็ม เสี่ยวอิ๋งเห็นว่านี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋เฉ่าได้มาร่วมพิธีเปิดการแข่งขันฯ กับโรงฝึก จึงรู้สึกดีใจที่ไป๋เฉ่าจะได้ร่วมลงแข่งในปีนี้ ไป๋เฉ่าหน้าจ๋อยขณะกล่าวว่าครูฝึกแค่พาตนมาเปิดประสบการณ์ ตนไม่มีสิทธิสวมชุดฟอรม์ของโรงฝึกเลยด้วยซ้ำ ถึงกระนั้นเสี่ยวอิ๋งก็ยังคงดีใจที่ไป๋เฉ่ายอมพาตัวเองออกจากห้องอาจารย์ (เซี่ยงหนาน) พูดจบเสี่ยวอิ๋งก็หันไปกรี๊ดศิษย์พี่รั่วไป๋ซึ่งยังคงโชว์พลังเตะพิฆาตอยู่บนเวที (เธอไม่เพียงเป็นศิษย์น้องของรั่วไป๋ แต่ยังเป็นติ่งของเขาด้วย) ไป๋เฉ่าเห็นฝีมือรั่วไป๋ก็รู้สึกทึ่งและประทับใจเช่นกัน
ขณะที่รั่วไป๋กำลังจะโชว์ท่ายาก (เตะสูงมาก) โดยมีอี้เฟิงช่วยซัพพอร์ต เขาหันไปเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังเล่นซนจนลูกบอลขนาดใหญ่ที่ภายในบรรจุกระดาษสีกำลังจะร่วงลงมาทับ จึงเปลี่ยนเป้าจากแผ่นไม้ (ที่มีคนต่อตัวถืออยู่) เป็นลูกบอลยักษ์เพื่อไม่ให้เด็กน้อยได้รับบาดเจ็บ ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงพากันปรบมือให้ เหล่าศิษย์น้องของรั่วไป๋ต่างกรูเข้าไปหาเขาด้วยความชื่นชม เสี่ยวอิ๋งเห็นดังนั้นจึงถือโอกาสวิ่งเข้าไปเกาะแขนรั่วไป๋แล้วซบไหล่ด้วยสีหน้าสุดฟิน ขณะที่ไป๋เฉ่าได้แต่ยืนปรบมืออยู่ห่างๆ อย่างชื่นชม
อาจารย์เจิ้งเห็นแผ่นไม้ที่ติดกาวไว้หลุดออกจากกันจึงบอกให้ลูกศิษย์ช่วยกันติดกาวใหม่ก่อนนำขึ้นไปแสดงบนเวทีเพื่อตบตาและสร้างความประทับใจให้คนดู เมื่อไป๋เฉ่ามาเห็นเข้าก็รู้สึกผิดหวัง อาจารย์เจิ้งบอกให้ลูกศิษย์รีบเก็บแผ่นไม้และเรียกไป๋เฉ่ามาตกลงกันตามลำพัง เขากล่าวว่าไป๋เฉ่าอยู่ที่โรงฝึกเฉวียนเซิ่งมานานหลายปีแล้วแต่ไม่เคยลงแข่งหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมใดๆ ของทางโรงฝึกเลย จากนั้นก็ถามว่าเธออยากขึ้นไปยืนบนแท่นรับรางวัลเพื่อตัวเองและพ่อแม่ที่ตายไปแล้วไหม เมื่อไป๋เฉ่าตอบตามตรงว่าเธอเองก็อยากเป็นนักกีฬาหยวนอู่เต้าที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน อาจารย์เจิ้งจึงนำใบสมัครเข้าแข่งขัน (ระหว่างโรงฝึก) มาล่อหมายปิดปากไป๋เฉ่า แต่มีข้อแม้ว่าไป๋เฉ่าจะต้องใส่ชื่อตนในช่องครูฝึก เพราะเธอไม่จำเป็นต้องเป็นศิษย์ของคนหมดอนาคตอย่างฉวี่เซี่ยงหนานอีกต่อไป ไป๋เฉ่าแย้งว่าอาจารย์ตนไม่ใช่คนหมดอนาคต อาจารย์เจิ้งชี้ว่าต่อให้ไป๋เฉ่าติดตามเซี่ยงหนานตลอดชีวิต เธอก็จะไม่มีวันได้ลงแข่งแม้แต่นัดเดียว ผิดกับตนที่ช่วยให้ไป๋เฉ่าลงแข่งในรายการต่างๆ ได้
ไป๋เฉ่าขอบคุณอาจารย์เจิ้งและกล่าวว่าอาจารย์ของเธอรับอุปการะและดูแลเธอมาตั้งแต่เธอยังเด็ก เธอจึงไม่คิดทอดทิ้งอาจารย์เพียงเพื่อให้ได้โอกาสในการลงแข่ง เธอยังบอกด้วยว่าคนเราควรใช้ความสามารถของตนเองในการเอาชนะอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้า การหลอกลวงคนอื่นไม่ใช่หนทางในการแก้ไขปัญหา และไม่ช่วยให้โรงฝึกรุ่งโรจน์หรือร่ำรวยแต่อย่างใด ดังนั้น อาจารย์เจิ้งจึงไม่ควรใช้แผ่นไม้ปลอมตบตาชาวอ้านหยางขณะขึ้นแสดงความสามารถบนเวที เพราะนั่นคือการทำให้โรงฝึกของพวกตนอับอายขายหน้าอย่างแท้จริง เมื่อถูกศิษย์อาจารย์เจิ้งต่อว่า ไป๋เฉ่าจึงชี้ว่าตนก็แค่ขอร้องว่าอย่าหลอกลวงคนอื่น หลังถูกศิษย์คนหนึ่งกล่าวหาว่าใส่ร้ายอาจารย์เจิ้งโดยไม่มีหลักฐาน ไป๋เฉ่าจึงบอกว่าตนเห็นทุกคนช่วยกันติดกาวที่ไม้เองกับตา อาจารย์เจิ้งเห็นลูกศิษย์แผดเสียงใส่ไป๋เฉ่าราวกับจะประกาศโลกรู้จึงรีบเตือนให้พูดเบาๆ จากนั้นก็บอกไป๋เฉ่าว่าสิ่งที่ตนทำเป็นแค่การแสดง ผิดกับอาจารย์ของเธอที่ใช้สารกระตุ้นในการแข่งขันระดับโลก ดังนั้นเธอควรปิดปากเสีย
ในที่สุดอาจารย์เจิ้งก็นำแผ่นไม้ปลอมขึ้นไปโชว์พลังแขนและขาบนเวทีท่ามกลางเสียงปรบมืออย่างชื่นชม (รั่วไป๋และบรรดาศิษย์สำนักซงไป่มายืนดูการแสดงของอาจารย์เจิ้งด้วย) ขณะที่อาจารย์เจิ้งกำลังจะลงจากเวที นักข่าวคนหนึ่งได้ออกมาแฉว่าโรงฝึกเฉวียนเซิ่งอดีตเคยเป็นเช่นไร ปัจจุบันยังคงเป็นเช่นนั้น เมื่อหลายปีก่อนฉวี่เซี่ยงหนานทำให้ชาวอ้านหยางอับอายขายหน้าไปทั่วโลก มาวันนี้เจิ้งเยวียนไห่ครูฝึกของโรงฝึกเฉวียนเซิ่งได้นำแผ่นไม้ปลอมมาตบตาคนดู เขาชี้ว่าแผ่นไม้ที่แลดูหนาแท้จริงแล้วถูกติดกาวเข้าด้วยกัน ต่อให้เป็นมือใหม่ก็ใช้แขนฟันหรือเตะจนไม้หักแบบอาจารย์เจิ้งได้ไม่ยาก เมื่ออาจารย์เจิ้งไม่ยอมรับ นักข่าวคนเดิมจึงนำคลิปแอบถ่ายมาแฉต่อหน้าทุกคน (เป็นคลิปตอนที่ไป๋เฉ่าขอร้องอาจารย์เจิ้งว่าอย่านำแผ่นไม้ติดกาวมาตบตาคนดู)
แม้จำนนต่อหลักฐานแต่อาจารย์เจิ้งยังแถต่อโดยบอกว่าผู้หญิงที่อยู่ในคลิป (ไป๋เฉ่า) ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงฝึกตน เขาชี้ไปที่ไป๋เฉ่าแล้วคาดคั้นให้เธอบอกต่อหน้าทุกคนว่าสิ่งที่เห็นในคลิปไม่ใช่เรื่องจริง แม้จะถูกอาจารย์เจิ้งและเหล่าศิษย์กดดันอย่างหนักแต่ไป๋เฉ่าไม่อยากมีส่วนร่วมในการโกหกหลอกลวงจึงได้แต่ปิดปากเงียบ ทันใดนั้น นักข่าวอีกคนก็ชูแผ่นไม้ที่มีคราบกาวติดอยู่ให้ทุกคนดู ก่อนประณามโรงฝึกเฉวียนเซิ่งว่ามีแต่พวกลวงโลกและด้อยฝีมือ โรงฝึกเช่นนี้ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน และควรเพิกถอนสิทธิในการรับศิษย์ใหม่ (ไม่ให้เปิดสอนอีก) เพราะมีแต่จะนำความอับอายมาสู่อ้านหยาง หลังจากนั้นนักข่าวและคนดูก็รุมประณามโรงฝึกเฉวียนเซิ่ง
เมื่อกลับมาถึงโรงฝึกอาจารย์เจิ้งก็โยนความผิดทั้งหมดให้ไป๋เฉ่า เขากล่าวว่าเธอกับเซี่ยงหนานเป็นตัวซวยและขับเธอออกจากโรงฝึกทันที ไป๋เฉ่าถามว่าตนทำผิดอะไร อาจารย์เจิ้งชี้ว่าไป๋เฉ่าพูดเรื่องแผ่นไม้ถูกติดกาวนักข่าวเลยถ่ายคลิปเอาไว้เป็นหลักฐาน แล้วตอนที่ตนบอกให้ไป๋เฉ่าปฏิเสธว่าไม่ใช่เรื่องจริง ไป๋เฉ่ากลับไม่ยอมพูดอะไรสักคำทำให้ทุกคนที่โรงฝึกอับอายขายหน้า ตอนนี้ทุกคนที่อ้านหยางกำลังหัวเราะเยาะพวกตน และถ้าหากทางสมาคมฯ (หยวนอู่เต้า) ตัดสิทธิการแข่งขันของพวกตนจริงๆ เธอจะยังมีหน้ามาถามว่าตนเองทำอะไรผิดอีกไหม
ไป๋เฉ่ายืนยันว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิดและไม่ได้เป็นคนแฉแต่นักข่าวแอบถ่ายคลิปเอง ต่อให้นักข่าวไม่ถ่ายคลิปพวกตนก็ผิดที่ติดกาวบนแผ่นไม้นั่นอยู่ดี เธอชี้ว่าจิตวิญญาณของหยวนอู่เต้าคือการรู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดีและเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง อาจารย์เจิ้งแย้งว่าตนเองก็ไม่อยากหลอกลวงใครแต่ที่ทำลงไปก็เพื่อโรงฝึก เมื่อก่อนโรงฝึกของพวกตนเคยมีชื่อเสียงและเฟื่องฟูมาก แต่หลังจากอาจารย์ของไป๋เฉ่าใช้สารกระตุ้นขณะแข่งขัน โรงฝึกของพวกตนก็กลายเป็นขยะของวงการ ลูกศิษย์ลูกหาแห่ลาออกจนแทบไม่เหลือเพราะโรงฝึกโดนวิจารณ์ยับ ตนเป็นคนเดียวที่รับเละและต้องกอบกู้สถานการณ์ ไหนจะต้องเผชิญกับภาวะขาดทุนทุกปี ทั้งยังถูกหัวเราะเยาะ และโดนดูถูกเหยียดหยาม ตนรู้สึกอย่างไรใครเลยจะรู้บ้าง ใช่ว่าตนไม่อยากตรงไปตรงมาแต่พระเจ้าไม่เคยเปิดโอกาสให้ตน และตอนนี้โรงฝึกเฉวียนเซิ่งใกล้ปิดตัวเต็มทีแล้ว
อาจารย์เจิ้งกล่าวว่าตนไม่อาจขับไล่อาจารย์ของไป๋เฉ่า แต่ไป๋เฉ่าต้องไปจากที่นี่...เดี๋ยวนี้! ไป๋เฉ่าร่ำไห้พลางบอกว่าเธอจะไม่ไปไหนเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด เธอเข้าใจดีว่าโรงฝึกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ แต่การโกหกหลอกลวงคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำอยู่ดี ไม่ว่ายากเย็นแค่ไหนหากพวกตนยืนหยัดต่อสู้จะต้องผ่านพ้นเรื่องราวร้ายๆ ไปได้อย่างแน่นอน เธออาสาออกไปทำงานหาเงินมาช่วยโรงฝึกอีกแรง หรือจะให้เธอบากหน้าไปขอโทษนักข่าวเพื่อให้โรงฝึกได้เข้าร่วมการแข่งขันต่อไปเธอก็ยินดีทำทั้งนั้น ขอเพียงแค่อย่าไล่เธอไปจากที่นี่
หลังทนฟังอยู่นาน ในที่สุดเซี่ยงหนานก็เดินมาบอกให้ไป๋เฉ่าไปเสีย อย่าทู่ซี้อยู่ที่นี่อีกต่อไปเลย ยิ่งไปไกลเท่าไหร่ยิ่งดี ตนไม่อยากเห็นหน้าไป๋เฉ่าอีก สิบปีที่ตนเลี้ยงดูเธอมานับว่ามากพอแล้ว ไป๋เฉ่าร่ำไห้พลางคุกเข่าต่อหน้าอาจารย์ ก่อนขอให้อาจารย์ลงโทษหากคิดว่าเธอทำผิด แต่อย่าไล่เธอไปจากที่นี่เพราะที่นี่คือบ้านของเธอ เซี่ยงหนานกล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ขืนยังอยู่กับตนต่อไป ชีวิตไป๋เฉ่าจะพังและไร้ซึ่งอนาคต ไป๋เฉ่าไม่อาจทอดทิ้งอาจารย์และขอร้องอาจารย์ว่าอย่าทิ้งตน เพราะอาจารย์คือครอบครัวที่เหลืออยู่ของตน เซี่ยงหนานนิ่งไปชั่วขณะหลังไป๋เฉ่าคว้าแขนเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แต่เขาจำเป็นต้องตัดใจจึงสะบัดมือไป๋เฉ่าออก พลางบอกว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของตน ทำไมตนจะทิ้งไม่ได้ พูดจบเขาก็ตวาดไล่แล้วเดินจากไปด้วยแววตาที่ปวดร้าว
อาจารย์เจิ้งบอกให้เหล่าศิษย์ช่วยกันโยนไป๋เฉ่าออกจากโรงฝึก กวงหย่าเห็นไป๋เฉ่าถูกลากออกจากโรงฝึกอย่างน่าเวทนาแต่ก็ทำได้เพียงแอบสงสารและเป็นห่วง หลังถูกโยนออกนอกประตูใหญ่ไป๋เฉ่ารีบลุกขึ้นแล้ววิ่งกลับไปอีกครั้งแต่ไม่ทันเพราะประตูถูกปิดล็อคเสียก่อน ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ยอมไปไหนและยังคงคุกเข่าที่หน้าประตูท่ามกลางสายฝนอันเหน็บหนาวในยามค่ำคืน (เซี่ยงหนานเฝ้ามองเธอจากในห้องด้วยความเป็นห่วง) กวงหย่าเก็บข้าวของส่วนตัวของไป๋เฉ่าแล้วนำออกไปมอบให้ พร้อมทั้งบอกไป๋เฉ่าว่าอย่าได้คิดกลับมาที่นี่อีกเพราะอาจารย์เจิ้งไม่มีวันเปลี่ยนใจ ไม่ว่าเธอจะทำตัวน่าสงสารแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ทางที่ดีเธอควรออกไปหาที่อยู่ใหม่ ไป๋เฉ่ายืนกรานว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงพากันโทษตน กวงหย่าย้ำว่าทั้งหมดเป็นความผิดของไป๋เฉ่าที่ทำให้อาจารย์เจิ้งและพวกตนอับอายขายหน้า มิเช่นนั้นจะโทษว่าเป็นความผิดของอาจารย์เจิ้งที่ช่วยดูแลและให้ที่กินที่อยู่เธองั้นหรือ ดังนั้นจงคิดดูให้ดีว่าเป็นความผิดเธอหรือไม่ พูดจบกวงหย่าก็โยนถุงใส่ของให้ไป๋เฉ่าแล้วกลับเข้าโรงฝึกทันที ไป๋เฉ่าได้แต่มองตามพลางรำพึงรำพันด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ความจริงแล้วตนก็เหมือนกวงหย่า ตนอยากเป็นศิษย์ตัวจริงของโรงฝึกใจจะขาด แต่สำหรับตนแล้วไม่มีอะไรสำคัญเท่าอาจารย์ (เซี่ยงหนาน) เลย (ไป๋เฉ่าเคยพูดประโยคนี้ลับหลังกวงหย่ามาแล้วครั้งหนึ่ง)
เซี่ยงหนานทำใจแข็งขณะยืนมองไป๋เฉ่านั่งตากฝน เขาหวนนึกถึงวันที่ช่วยไป๋เฉ่าออกจากกองเพลิงแล้วพาไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน ในตอนนั้นภรรยาเขายังมีชีวิตอยู่และเธอก็ช่วยดูแลไป๋เฉ่าเสมือนเป็นลูกสาวอีกคน เขานึกขึ้นได้จึงกดโทรศัพท์หาเสี่ยวอิ๋ง เมื่อเห็นว่าฝนยังตกไม่หยุดซ้ำยังมีฟ้าร้องฟ้าแลบเซี่ยงหนานจึงรีบคว้าร่มอย่างลืมตัวแต่สุดท้ายก็บอกตัวเองให้ใจแข็ง เมื่อเสี่ยวอิ๋งมาถึงก็พยายามฉุดไป๋เฉ่าให้ลุกขึ้นแต่ไป๋เฉ่ายังคงแข็งขืน (เสี่ยวอิ๋งสู้แรงไป๋เฉ่าไม่ไหว) ครั้นเห็นเพื่อนถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพอันน่าเวทนาตามลำพัง เสี่ยวอิ๋งจึงโวยลั่นว่าโรงฝึกเฉวียนเซิ่งมีแต่คนใจจืดใจดำ ไม่เห็นมีใครช่วยปกป้องหรือขอร้องแทนไป๋เฉ่าเลยสักคนทั้งที่ไป๋เฉ่าอยู่ที่นี่มาเป็นสิบปี ไป๋เฉ่าเริ่มมีอาการไอแต่ยังคงบอกว่าตนไม่เป็นไร เสี่ยวอิ๋งจึงพยายามชวนไป๋เฉ่ากลับบ้านโดยบอกว่าแม้เฉวียนเซิ่งไม่ต้องการไป๋เฉ่า แต่ซงไป่ไม่รังเกียจไป๋เฉ่าแน่นอน ไป๋เฉ่ายืนกรานว่าตนเป็นศิษย์อาจารย์และศิษย์ของโรงฝึกเฉวียนเซิ่ง เสี่ยวอิ๋งแย้งว่าเฉวียนเซิ่งเขี่ยไป๋เฉ่าทิ้งแล้ว ถ้าไม่กลับบ้านกับตนแล้วจะนอนข้างถนนหรือยังไง
เมื่อเห็นว่าไป๋เฉ่ายังคงดื้อดึง เสี่ยวอิ๋งจึงทิ้งร่มแล้วถอดเสื้อคลุมฝนออก จากนั้นก็นั่งตากฝนเป็นเพื่อนไป๋เฉ่า ไป๋เฉ่าพยายามห้ามปรามแต่เสี่ยวอิ๋งไม่ฟัง เมื่อไป๋เฉ่าออกตัวว่าตนไม่มีค่าพอให้เสี่ยวอิ๋งทำเช่นนี้ เสี่ยวอิ๋งจึงร่ำไห้พลางชี้ว่า ตนไม่รู้ว่าไป๋เฉ่าเห็นตนเป็นเพื่อนรักหรือไม่ แต่ไป๋เฉ่าเป็นเพื่อนรักของตนเสมอ ที่ผ่านมาเวลาตนเดือดร้อนไป๋เฉ่ามักเป็นคนแรกที่ยื่นมือเข้ามาช่วย เมื่อไป๋เฉ่ายอมรับว่าเสี่ยวอิ๋งเองก็เป็นเพื่อนรักของตนเช่นกัน เสี่ยวอิ๋งจึงถามว่าแล้วทำไมไป๋เฉ่าถึงยังคงยืนกรานว่าจะนั่งคุกเข่าอยู่ที่นี่แทนที่จะกลับบ้านกับตน ไป๋เฉ่าทนเห็นเพื่อนรักนั่งคุกเข่าตากฝนเคียงข้างได้ลงคองั้นหรือ ปรากฏว่าเสี่ยวอิ๋งเองก็ใจเด็ดไม่แพ้กัน เธอยืนกรานว่าจะอยู่เป็นเพื่อนไป๋เฉ่าไม่ว่าคืนนี้ไป๋เฉ่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ไป๋เฉ่าเห็นเสี่ยวอิ๋งตัวสั่นด้วยความหนาวเหน็บจึงยอมกลับบ้านกับเสี่ยวอิ๋งแต่โดยดี เซี่ยงหนานเห็นดังนั้นก็รู้สึกโล่งใจ เขาภาวนาให้ไป๋เฉ่าไปจากตนให้ไกลที่สุด เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่จะทำให้ไป๋เฉ่าโบยบินได้อย่างอิสระและได้เรียนหยวนอู่เต้า
* เนื้อหาโดย luvasianseries
พ่อมินจูแย้งว่าการแข่งขันวันนี้กับเมื่อสิบปีที่แล้วไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่มินจูมั่นใจว่าประวัติศาสตร์จะต้องซ้ำรอยอย่างแน่นอน เธอไม่เชื่อว่าหลังชวดแชมป์มาตลอดสิบปี อยู่ๆ ชาวอ้านหยางอย่างถิงฮ่าวจะมีฝีมือถึงขั้นโค่นแชมป์สองสมัยอย่างศิษย์พี่ซึงโฮ จึงขอให้ตรวจสอบดูอีกครั้งว่าถิงฮ่าวใช้สารกระตุ้นหรือไม่ เพื่อให้การตัดสินเป็นไปอย่างยุติธรรมที่สุดและไม่ให้พวกไร้ฝีมือฉวยโอกาสปล้นชัยชนะไปอีก ถิงฮ่าวกล่าวว่าตนเข้าใจรู้สึกของมินจู แต่การแพ้แล้วพาลโดยนำเรื่องเมื่อสิบปีก่อนมากล่าวหากันลอยๆ แบบนี้เท่ากับไม่ให้เกียรตินักกีฬาคู่แข่งอย่างตน หรือนี่คือสปิริตของกีฬาหยวนอู่เต้าในมุมมองของพวกเธอ ถิงฮ่าวเห็นว่าตำแหน่งแชมป์ที่แปดเปื้อนแบบนี้ไม่มีค่าพอจึงปฏิเสธที่จะรับรางวัลแล้วเดินออกจากสนามไป
ชาวอ้านหยางที่ได้ชมการถ่ายทดสดต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างโกรธแค้นเซี่ยงหนานที่ทำให้ชาวอ้านหยางเสียชื่อ และทำให้ถิงฮ่าวเสียโอกาสในการคว้าแชมป์ ความเคียดแค้นชิงชังดังกล่าวได้ลามมาถึง "ฉวี่กวงหย่า" (ลูกสาวเซี่ยงหนาน และศิษย์โรงฝึกเฉวียนเซิ่ง) หลังได้ยินเพื่อนที่โรงเรียนประณามพ่อ ซ้ำยังหันมามองด้วยสายตาเอาเรื่อง กวงหย่าจึงปฏิเสธว่าเซี่ยงหนานไม่ใช่พ่อตน ไป๋เฉ่าเห็นกวงหย่ากำลังถูกเพื่อนนักเรียนต่อว่าจึงรีบเข้าไปปกป้อง เมื่อ "อู๋ซิ่วต๋า" (จากโรงฝึกซงไป่) เห็นรุ่นน้องกำลังวีนใส่เพื่อนนักเรียนจึงรีบเข้าไปห้ามปราม รุ่นน้องจึงฟ้องว่ากวงหย่าเป็นลูกสาวเซี่ยงหนาน จากนั้นก็ตราหน้าว่าครอบครัวเธอทำให้ชาวอ้านหยางอับอายขายหน้าไปทั่วโลก ซิ่วต๋าบอกรุ่นน้องให้เลิกโวยวายเพราะต่อให้ไม่เกิดเรื่องน่าอายในวันนี้ ครอบครัวของกวงหย่าก็ยังคงเป็นความอัปยศของอ้านหยางอยู่ดี เขาหันไปมองกวงหย่าพลางกล่าวอย่างหัวเสียว่า ตนไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมถึงยังมีโรงฝึกกล้ารับเธอเป็นศิษย์อยู่อีก
ไป๋เฉ่าเห็นกวงหย่าโดนชี้หน้าก็รู้สึกโกรธ ซิ่วต๋าเห็นไป๋เฉ่าออกโรงปกป้องกวงหย่าจึงสงสัยว่าเธอเป็นใคร กล้าดียังไงถึงได้เข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น ไป๋เฉ่าแนะนำชื่อแซ่แล้วบอกว่าตนมาจากโรงฝึกเฉวียนเซิ่ง จากนั้นก็บอกให้ซิ่วต๋าขอโทษกวงหย่า ซิ่วต๋ากล่าวว่าโรงฝึกเฉวียนเซิ่งมีแต่พวกขี้แพ้จึงอย่าริบังอาจมาขวางทางตน เขาจะผลักไป๋เฉ่าให้พ้นทาง ไป๋เฉ่าจึงคว้าข้อมือเขาไว้แล้วบอกให้ขอโทษ แม้จะเป็นผู้ชายอกสามศอกแต่ซิ่วต๋ากลับสู้แรงไป๋เฉ่าไม่ได้ ซิ่วต๋าจึงร้องบอกให้ไป๋เฉ่าปล่อยมือตน ไป๋เฉ่ายืนกรานว่าจะไม่ปล่อยจนกว่าจะได้ยินคำขอโทษ กวงหย่าจึงก้มศีรษะขอโทษทุกคนและกล่าวว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเธอเอง จากนั้นก็ยอมรับว่าเธอเป็นลูกสาวคนขี้แพ้ พูดจบกวงหย่าก็วิ่งหนีไป ไป๋เฉ่าปล่อยแขนซิ่วต๋าแล้วตามไปร้องเรียกกวงหย่าทำให้ซิ่วต๋าเสียหลักล้ม เมื่อไป๋เฉ่าวิ่งกลับมาเอารถจักรยานแล้วเห็นซิ่วต๋านอนกองกับพื้นจึงถามว่าเขาไม่เป็นไรใช่มั้ย ซิ่วต๋ายื่นมือให้ไป๋เฉ่าหมายให้เธอช่วยดึงตนขึ้น แต่ไป๋เฉ่ากลัวตามกวงหย่าไม่ทันจึงปั่นจักรยานออกไปหน้าตาเฉย ซิ่วต๋าเลยทั้งเจ็บแค้นและรู้สึกเสียหน้า
ไป๋เฉ่ารีบปั่นจักรยานตามกวงหย่าและขอให้เธอรอก่อน กวงหย่าโวยลั่นว่าตนไม่ใช่ลูกฉวี่เซี่ยงหนาน แล้วจะเรียกตนเพื่ออะไร ไป๋เฉ่ายื่นซองใส่เงินให้กวงหย่าโดยบอกว่าเป็นเงินเบี้ยเลี้ยงที่อาจารย์ (เซี่ยงหนาน) ฝากมาให้ กวงหย่าปาซองเงินทิ้งแล้วกล่าวว่าตนตัดขาดจากอาจารย์ของไป๋เฉ่ามานานแล้ว ไป๋เฉ่าจะตามติดตนแจเพื่ออะไรอีก เธอยังร่ำไห้พลางบอกด้วยว่าไป๋เฉ่าอยากเป็นศิษย์หรือเป็นลูกสาวของเขาก็เชิญ เพราะไม่เกี่ยวอะไรกับตน และอย่ามาให้ตนเห็นหน้าอีก พูดจบกวงหย่าก็วิ่งหนีไป
ณ โรงฝึกเฉวียนเซิ่ง เซี่ยงหนานยังคงนั่งดื่มเหล้าและเบียร์ด้วยหัวใจที่บอบช้ำหลังได้ชมการถ่ายทอดสด ปรากฏว่าในตอนนั้นเหล่าผู้ปกครองต่างพากันมาตามลูกของตนกลับบ้าน เพราะไม่ต้องการให้มาเป็นศิษย์ของโรงฝึกเฉวียนเซิ่ง (ซึ่งเซี่ยงหนานเคยเป็นผู้ฝึกสอน และยังคงอาศัยอยู่ที่นี่) แต่เด็กๆ อยากเรียนหยวนอู่เต้าเลยพากันร้องระงม เซี่ยงหนานเห็นดังนั้นเลยเดินออกมาดู เมื่อเด็กๆ เห็นเซี่ยงหนานก็พากันขว้างปาก้อนหินใส่ด้วยความโกรธแค้น ไป๋เฉ่ามาเห็นเข้าพอดีจึงรีบห้ามปราม เด็กๆ แย้งว่าเซี่ยงหนานทำให้ถิงฮ่าวอดเป็นแชมป์ จากนั้นก็พากันขว้างปาก้อนหินต่อ ไป๋เฉ่าเลยรีบเอาตัวบังหินให้อาจารย์ หลังทำกระจกแตกและข้าวของเสียหายแล้ว เด็กๆ จึงรีบแยกย้ายกลับบ้าน
ไป๋เฉ่ารีบสำรวจร่างกายอาจารย์ด้วยความเป็นห่วงและปลอบว่าอย่าไปฟังเรื่องเหลวไหลไร้สาระ เพราะสิ่งที่เกิดกับถิงฮ่าวไม่เกี่ยวกับอาจารย์เลยสักนิด เธอช่วยเก็บเศษกระจกที่แตกกระจายเกลื่อนพื้นก่อนลงมือทำอาหารบำรุงสุขภาพให้อาจารย์ทานทั้งที่ทำกับข้าวไม่เป็น เซี่ยงหนานเห็นกับข้าวฝีมือไป๋เฉ่าแล้วถึงกับอึ้ง เมื่อลองชิมดูแล้วยิ่งพูดไม่ออกเพราะรสชาติเค็มปี๋จนต้องคายทิ้ง เมื่อถึงเวลากลางคืนไป๋เฉ่านำขวดพลาสติกมาซ้อมเตะและบริหารร่างกายด้วยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อตามลำพัง (กับตุ๊กตาตัวโปรดชื่อ "เสี่ยวเฉ่า") ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไป๋เฉ่าไม่เคยเข้าร่วมการฝึกซ้อมกับทางโรงฝึกในฐานะศิษย์ (แต่เซี่ยงหนานเคยสอนให้เธอเป็นการส่วนตัวก่อนเกิดเรื่อง ซึ่งตอนนั้นเธอยังเด็ก) เธอจึงได้แต่เตรียมความพร้อมให้ร่างกายเพื่อรอโอกาสที่จะได้ฝึกฝน โดยหวังว่าสักวันจะเป็นยอดนักกีฬาหยวนอู่เต้าเหมือนอาจารย์
ณ โรงฝึกเฉวียนเซิ่ง ศิษย์สาวสามคนฟ้องครูฝึก "เจิ้งเยวียนไห่" ว่ามีเด็กใหม่ถูกพ่อแม่ลากตัวกลับบ้านเพราะเซี่ยงหนานอีกห้าคนแล้ว พวกเธอรู้สึกเป็นกังวลเพราะการแข่งขันระหว่างโรงฝึกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า แต่พวกตนยังมีคนไม่มากพอแม้กระทั่งทำทีมเชียร์ด้วยซ้ำ อาจารย์เจิ้งกล่าวอย่างไม่แยแสว่าเด็กพวกนั้นฝีมือแค่พอไปวัดไปวา ศิษย์คนหนึ่งยุให้อาจารย์เจิ้งไล่เซี่ยงหนานออกจากโรงฝึกโดยบอกว่าเขาเป็นแค่ยามเฝ้าประตู (ที่พักของเขาอยู่บริเวณประตูใหญ่) แต่กลับทำให้พวกตนไม่อาจเดินเชิดหน้าได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ศิษย์อีกคนโวยว่าเวลาไปโรงเรียนพวกตนรู้สึกอับอายขายหน้าศิษย์ของโรงฝึกอื่น ซ้ำยังโดนเยาะเย้ยถากถางเป็นประจำ อาจารย์เจิ้งจึงกล่าวว่าอย่าหาข้ออ้างมาแก้ตัวและอย่าดีแต่โทษคนอื่น เพราะถ้าหากสามสาวมีฝีมือจริง เวลาคนอื่นกล่าวถึงโรงฝึกเฉวียนเซิ่งคงพูดถึงพวกเธอแทนที่จะพูดถึงเซี่ยงหนาน
เมื่อถูกลูกศิษย์ตัดพ้อ อาจารย์เจิ้งจึงกล่าวว่าเซี่ยงหนานเป็นศิษย์พี่ตน ตนจึงไม่อาจลบหลู่เขา ศิษย์คนหนึ่งชักเริ่มเห็นด้วย เธอกล่าวว่าอาจารย์เจิ้งเป็นคนจิตใจดี และการเลี้ยงคนเพิ่มอีกปากไม่ถึงกับทำให้โรงฝึกของพวกตนล่มจม ศิษย์ที่เหลือแย้งว่าไม่ใช่แค่ปากเดียวแต่ยังมีลูกศิษย์ของเซี่ยงหนานอย่างไป๋เฉ่ากับลูกสาวของเขาด้วย กวงหย่าซึ่งกำลังฝึกซ้อมอยู่ได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าเศร้า ครั้นได้ยินหนึ่งในสามสาวแก้ตัวแทนว่าเธอตัดขาดจากเซี่ยงหนานแล้วและอยู่ในความดูแลของอาจารย์เจิ้ง กวงหย่าก็รู้สึกดีขึ้น
ไป๋เฉ่าถือตระกร้าผ้าตามเก็บชุดหยวนอู่เต้าที่เหล่าศิษย์ใส่แล้วเพื่อนำไปซัก และได้ยินคนนินทาอย่างเหยียดหยามว่าเธอเป็นศิษย์คนขี้แพ้จึงไม่มีสิทธิฝึกซ้อมร่วมกับพวกตน ทั้งยังเป็นเพียงสาวใช้ประจำโรงฝึกที่ติดตามอาจารย์มากินอยู่ฟรีที่นี่ กวงหย่าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกอึดอัดแต่แกล้งทำเป็นพยักหน้าเออออ เมื่อคนอื่นออกไปแล้วไป๋เฉ่าก็บอกให้กวงหย่าหาเวลาไปเยี่ยมอาจารย์ (เซี่ยงหนาน) บ้าง เพราะตอนนี้อาจารย์ปวดขามาก กวงหย่าปฏิเสธโดยบอกว่าไม่เกี่ยวกับตน ไป๋เฉ่าจึงเตือนว่ากวงหย่าโทษอาจารย์มานานหลายปี แต่เขาเป็นญาติเพียงคนเดียวของเธอ กวงหย่ากล่าวว่าหากเขาไม่ลวงโลกเพื่อให้ได้เป็นแชมป์แม่ของตนคงไม่ตาย ตนไม่มีวันให้อภัยเขาเด็ดขาด กวงหย่าเตือนไป๋เฉ่าด้วยความหวังดีว่า เธอเองก็ควรเลิกติดตามเขาเช่นกัน มิเช่นนั้นเธอจะไม่มีทางได้เป็นศิษย์ของโรงฝึกหยวนอู่เต้าอย่างเต็มตัว เมื่อกวงหย่าเดินหนีไปแล้ว ไป๋เฉ่าได้แต่มองตามพลางรำพึงรำพันด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่าแม้ตนอยากเป็นศิษย์ของโรงฝึกใจจะขาด แต่สำหรับตนแล้วไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับอาจารย์
หลังตรวจซ้ำแล้วไม่พบว่ามีการใช้สารกระตุ้นระหว่างแข่งขัน คิมอีซานจึงจัดงานแถลงข่าวเพื่อขอโทษถิงฮ่าวอย่างเป็นทางการในนามทุกภาคส่วน พร้อมมอบเหรียญและโล่รางวัลชนะเลิศให้ถิงฮ่าวอย่างสมเกียรติ
ไป๋เฉ่าซึ่งกำลังนั่งทำงานเห็นอาจารย์เจิ้งเตรียมพาศิษย์ของตน (ศิษย์โรงฝึกเฉวียนเซิ่ง) ไปร่วมพิธีเปิดศึกชิงแชมป์ระหว่างโรงฝึกหยวนอู่เต้าในอ้านหยาง (เป็นการแข่งขันประจำปีครั้งที่ 23) จึงเดินออกมาดู เมื่อเห็นศิษย์ผู้ชาย 4 คนช่วยกันแบกถุงกระสอบขนาดใหญ่ 2 ถุงมาวางตั้งตรงหน้าพลางบ่นว่าถุงอะไรทำไมหนักจัง อาจารย์เจิ้งจึงเตือนให้วางอย่างระวังเพราะของที่อยู่ข้างในเป็นอาวุธเด็ดของตน ตนจะใช้มันสร้างความประทับใจให้คนดู ศิษย์หญิงคนหนึ่งเห็นว่าโรงฝึกของพวกตนมีคนน้อยมากเมื่อเทียบกับโรงฝึกอื่นๆ ซึ่งมีคนเกินร้อย ดังนั้นพวกตนคงไม่มีทางชนะแน่ เมื่อลูกศิษย์เสนอให้เกณฑ์คนมาเพิ่มจะได้แลดูคึกคักและเข้มแข็งกว่านี้ อาจารย์เจิ้งจึงบอกให้ทุกคนหุบปาก
เขาหันไปเห็นไป๋เฉ่าออกมายืนดูพวกตนจึงคิดที่จะให้ไป๋เฉ่ามาช่วยขนของ (เขารู้ว่าเธอแรงเยอะ) โดยอ้างว่าจะพาไปเปิดหูเปิดตา ไป๋เฉ่าดีใจมากจึงถามว่าเธอสวมชุดฟอร์ม (ชุดหยวนอู่เต้าประจำโรงฝึก) เหมือนทุกคนได้แล้วใช่ไหม ศิษย์หญิงคนหนึ่งจึงย้อนถามว่าไป๋เฉ่ามีสิทธิอะไร ไป๋เฉ่าเลยเป็นได้เพียงเด็กยกของและต้องแบกถุงกระสอบขนาดใหญ่ 2 ถุงเดินตามทุกคนเข้าไปในงาน เมื่อเห็นโรงฝึกต่างๆ กำลังโชว์ลีลาหยวนอู่เต้าอยู่บนเวที ไป๋เฉ่าก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจ อยู่ๆ อาจารย์เจิ้งก็บอกให้ไป๋เฉ่าวางถุงไว้ ทั้งยังอนุญาตให้เธอไปเดินเที่ยวชมงาน หลังไป๋เฉ่าไปแล้วอาจารย์เจิ้งจึงบอกให้ลูกศิษย์ช่วยกันแบกถุงแล้วตามตนเข้าไปข้างในตึก
ขณะที่รั่วไป๋กำลังจะโชว์ท่ายาก (เตะสูงมาก) โดยมีอี้เฟิงช่วยซัพพอร์ต เขาหันไปเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังเล่นซนจนลูกบอลขนาดใหญ่ที่ภายในบรรจุกระดาษสีกำลังจะร่วงลงมาทับ จึงเปลี่ยนเป้าจากแผ่นไม้ (ที่มีคนต่อตัวถืออยู่) เป็นลูกบอลยักษ์เพื่อไม่ให้เด็กน้อยได้รับบาดเจ็บ ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงพากันปรบมือให้ เหล่าศิษย์น้องของรั่วไป๋ต่างกรูเข้าไปหาเขาด้วยความชื่นชม เสี่ยวอิ๋งเห็นดังนั้นจึงถือโอกาสวิ่งเข้าไปเกาะแขนรั่วไป๋แล้วซบไหล่ด้วยสีหน้าสุดฟิน ขณะที่ไป๋เฉ่าได้แต่ยืนปรบมืออยู่ห่างๆ อย่างชื่นชม
อาจารย์เจิ้งเห็นแผ่นไม้ที่ติดกาวไว้หลุดออกจากกันจึงบอกให้ลูกศิษย์ช่วยกันติดกาวใหม่ก่อนนำขึ้นไปแสดงบนเวทีเพื่อตบตาและสร้างความประทับใจให้คนดู เมื่อไป๋เฉ่ามาเห็นเข้าก็รู้สึกผิดหวัง อาจารย์เจิ้งบอกให้ลูกศิษย์รีบเก็บแผ่นไม้และเรียกไป๋เฉ่ามาตกลงกันตามลำพัง เขากล่าวว่าไป๋เฉ่าอยู่ที่โรงฝึกเฉวียนเซิ่งมานานหลายปีแล้วแต่ไม่เคยลงแข่งหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมใดๆ ของทางโรงฝึกเลย จากนั้นก็ถามว่าเธออยากขึ้นไปยืนบนแท่นรับรางวัลเพื่อตัวเองและพ่อแม่ที่ตายไปแล้วไหม เมื่อไป๋เฉ่าตอบตามตรงว่าเธอเองก็อยากเป็นนักกีฬาหยวนอู่เต้าที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน อาจารย์เจิ้งจึงนำใบสมัครเข้าแข่งขัน (ระหว่างโรงฝึก) มาล่อหมายปิดปากไป๋เฉ่า แต่มีข้อแม้ว่าไป๋เฉ่าจะต้องใส่ชื่อตนในช่องครูฝึก เพราะเธอไม่จำเป็นต้องเป็นศิษย์ของคนหมดอนาคตอย่างฉวี่เซี่ยงหนานอีกต่อไป ไป๋เฉ่าแย้งว่าอาจารย์ตนไม่ใช่คนหมดอนาคต อาจารย์เจิ้งชี้ว่าต่อให้ไป๋เฉ่าติดตามเซี่ยงหนานตลอดชีวิต เธอก็จะไม่มีวันได้ลงแข่งแม้แต่นัดเดียว ผิดกับตนที่ช่วยให้ไป๋เฉ่าลงแข่งในรายการต่างๆ ได้
ไป๋เฉ่าขอบคุณอาจารย์เจิ้งและกล่าวว่าอาจารย์ของเธอรับอุปการะและดูแลเธอมาตั้งแต่เธอยังเด็ก เธอจึงไม่คิดทอดทิ้งอาจารย์เพียงเพื่อให้ได้โอกาสในการลงแข่ง เธอยังบอกด้วยว่าคนเราควรใช้ความสามารถของตนเองในการเอาชนะอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้า การหลอกลวงคนอื่นไม่ใช่หนทางในการแก้ไขปัญหา และไม่ช่วยให้โรงฝึกรุ่งโรจน์หรือร่ำรวยแต่อย่างใด ดังนั้น อาจารย์เจิ้งจึงไม่ควรใช้แผ่นไม้ปลอมตบตาชาวอ้านหยางขณะขึ้นแสดงความสามารถบนเวที เพราะนั่นคือการทำให้โรงฝึกของพวกตนอับอายขายหน้าอย่างแท้จริง เมื่อถูกศิษย์อาจารย์เจิ้งต่อว่า ไป๋เฉ่าจึงชี้ว่าตนก็แค่ขอร้องว่าอย่าหลอกลวงคนอื่น หลังถูกศิษย์คนหนึ่งกล่าวหาว่าใส่ร้ายอาจารย์เจิ้งโดยไม่มีหลักฐาน ไป๋เฉ่าจึงบอกว่าตนเห็นทุกคนช่วยกันติดกาวที่ไม้เองกับตา อาจารย์เจิ้งเห็นลูกศิษย์แผดเสียงใส่ไป๋เฉ่าราวกับจะประกาศโลกรู้จึงรีบเตือนให้พูดเบาๆ จากนั้นก็บอกไป๋เฉ่าว่าสิ่งที่ตนทำเป็นแค่การแสดง ผิดกับอาจารย์ของเธอที่ใช้สารกระตุ้นในการแข่งขันระดับโลก ดังนั้นเธอควรปิดปากเสีย
ในที่สุดอาจารย์เจิ้งก็นำแผ่นไม้ปลอมขึ้นไปโชว์พลังแขนและขาบนเวทีท่ามกลางเสียงปรบมืออย่างชื่นชม (รั่วไป๋และบรรดาศิษย์สำนักซงไป่มายืนดูการแสดงของอาจารย์เจิ้งด้วย) ขณะที่อาจารย์เจิ้งกำลังจะลงจากเวที นักข่าวคนหนึ่งได้ออกมาแฉว่าโรงฝึกเฉวียนเซิ่งอดีตเคยเป็นเช่นไร ปัจจุบันยังคงเป็นเช่นนั้น เมื่อหลายปีก่อนฉวี่เซี่ยงหนานทำให้ชาวอ้านหยางอับอายขายหน้าไปทั่วโลก มาวันนี้เจิ้งเยวียนไห่ครูฝึกของโรงฝึกเฉวียนเซิ่งได้นำแผ่นไม้ปลอมมาตบตาคนดู เขาชี้ว่าแผ่นไม้ที่แลดูหนาแท้จริงแล้วถูกติดกาวเข้าด้วยกัน ต่อให้เป็นมือใหม่ก็ใช้แขนฟันหรือเตะจนไม้หักแบบอาจารย์เจิ้งได้ไม่ยาก เมื่ออาจารย์เจิ้งไม่ยอมรับ นักข่าวคนเดิมจึงนำคลิปแอบถ่ายมาแฉต่อหน้าทุกคน (เป็นคลิปตอนที่ไป๋เฉ่าขอร้องอาจารย์เจิ้งว่าอย่านำแผ่นไม้ติดกาวมาตบตาคนดู)
แม้จำนนต่อหลักฐานแต่อาจารย์เจิ้งยังแถต่อโดยบอกว่าผู้หญิงที่อยู่ในคลิป (ไป๋เฉ่า) ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงฝึกตน เขาชี้ไปที่ไป๋เฉ่าแล้วคาดคั้นให้เธอบอกต่อหน้าทุกคนว่าสิ่งที่เห็นในคลิปไม่ใช่เรื่องจริง แม้จะถูกอาจารย์เจิ้งและเหล่าศิษย์กดดันอย่างหนักแต่ไป๋เฉ่าไม่อยากมีส่วนร่วมในการโกหกหลอกลวงจึงได้แต่ปิดปากเงียบ ทันใดนั้น นักข่าวอีกคนก็ชูแผ่นไม้ที่มีคราบกาวติดอยู่ให้ทุกคนดู ก่อนประณามโรงฝึกเฉวียนเซิ่งว่ามีแต่พวกลวงโลกและด้อยฝีมือ โรงฝึกเช่นนี้ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน และควรเพิกถอนสิทธิในการรับศิษย์ใหม่ (ไม่ให้เปิดสอนอีก) เพราะมีแต่จะนำความอับอายมาสู่อ้านหยาง หลังจากนั้นนักข่าวและคนดูก็รุมประณามโรงฝึกเฉวียนเซิ่ง
เมื่อกลับมาถึงโรงฝึกอาจารย์เจิ้งก็โยนความผิดทั้งหมดให้ไป๋เฉ่า เขากล่าวว่าเธอกับเซี่ยงหนานเป็นตัวซวยและขับเธอออกจากโรงฝึกทันที ไป๋เฉ่าถามว่าตนทำผิดอะไร อาจารย์เจิ้งชี้ว่าไป๋เฉ่าพูดเรื่องแผ่นไม้ถูกติดกาวนักข่าวเลยถ่ายคลิปเอาไว้เป็นหลักฐาน แล้วตอนที่ตนบอกให้ไป๋เฉ่าปฏิเสธว่าไม่ใช่เรื่องจริง ไป๋เฉ่ากลับไม่ยอมพูดอะไรสักคำทำให้ทุกคนที่โรงฝึกอับอายขายหน้า ตอนนี้ทุกคนที่อ้านหยางกำลังหัวเราะเยาะพวกตน และถ้าหากทางสมาคมฯ (หยวนอู่เต้า) ตัดสิทธิการแข่งขันของพวกตนจริงๆ เธอจะยังมีหน้ามาถามว่าตนเองทำอะไรผิดอีกไหม
ไป๋เฉ่ายืนยันว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิดและไม่ได้เป็นคนแฉแต่นักข่าวแอบถ่ายคลิปเอง ต่อให้นักข่าวไม่ถ่ายคลิปพวกตนก็ผิดที่ติดกาวบนแผ่นไม้นั่นอยู่ดี เธอชี้ว่าจิตวิญญาณของหยวนอู่เต้าคือการรู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดีและเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง อาจารย์เจิ้งแย้งว่าตนเองก็ไม่อยากหลอกลวงใครแต่ที่ทำลงไปก็เพื่อโรงฝึก เมื่อก่อนโรงฝึกของพวกตนเคยมีชื่อเสียงและเฟื่องฟูมาก แต่หลังจากอาจารย์ของไป๋เฉ่าใช้สารกระตุ้นขณะแข่งขัน โรงฝึกของพวกตนก็กลายเป็นขยะของวงการ ลูกศิษย์ลูกหาแห่ลาออกจนแทบไม่เหลือเพราะโรงฝึกโดนวิจารณ์ยับ ตนเป็นคนเดียวที่รับเละและต้องกอบกู้สถานการณ์ ไหนจะต้องเผชิญกับภาวะขาดทุนทุกปี ทั้งยังถูกหัวเราะเยาะ และโดนดูถูกเหยียดหยาม ตนรู้สึกอย่างไรใครเลยจะรู้บ้าง ใช่ว่าตนไม่อยากตรงไปตรงมาแต่พระเจ้าไม่เคยเปิดโอกาสให้ตน และตอนนี้โรงฝึกเฉวียนเซิ่งใกล้ปิดตัวเต็มทีแล้ว
อาจารย์เจิ้งกล่าวว่าตนไม่อาจขับไล่อาจารย์ของไป๋เฉ่า แต่ไป๋เฉ่าต้องไปจากที่นี่...เดี๋ยวนี้! ไป๋เฉ่าร่ำไห้พลางบอกว่าเธอจะไม่ไปไหนเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด เธอเข้าใจดีว่าโรงฝึกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ แต่การโกหกหลอกลวงคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำอยู่ดี ไม่ว่ายากเย็นแค่ไหนหากพวกตนยืนหยัดต่อสู้จะต้องผ่านพ้นเรื่องราวร้ายๆ ไปได้อย่างแน่นอน เธออาสาออกไปทำงานหาเงินมาช่วยโรงฝึกอีกแรง หรือจะให้เธอบากหน้าไปขอโทษนักข่าวเพื่อให้โรงฝึกได้เข้าร่วมการแข่งขันต่อไปเธอก็ยินดีทำทั้งนั้น ขอเพียงแค่อย่าไล่เธอไปจากที่นี่
หลังทนฟังอยู่นาน ในที่สุดเซี่ยงหนานก็เดินมาบอกให้ไป๋เฉ่าไปเสีย อย่าทู่ซี้อยู่ที่นี่อีกต่อไปเลย ยิ่งไปไกลเท่าไหร่ยิ่งดี ตนไม่อยากเห็นหน้าไป๋เฉ่าอีก สิบปีที่ตนเลี้ยงดูเธอมานับว่ามากพอแล้ว ไป๋เฉ่าร่ำไห้พลางคุกเข่าต่อหน้าอาจารย์ ก่อนขอให้อาจารย์ลงโทษหากคิดว่าเธอทำผิด แต่อย่าไล่เธอไปจากที่นี่เพราะที่นี่คือบ้านของเธอ เซี่ยงหนานกล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ขืนยังอยู่กับตนต่อไป ชีวิตไป๋เฉ่าจะพังและไร้ซึ่งอนาคต ไป๋เฉ่าไม่อาจทอดทิ้งอาจารย์และขอร้องอาจารย์ว่าอย่าทิ้งตน เพราะอาจารย์คือครอบครัวที่เหลืออยู่ของตน เซี่ยงหนานนิ่งไปชั่วขณะหลังไป๋เฉ่าคว้าแขนเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แต่เขาจำเป็นต้องตัดใจจึงสะบัดมือไป๋เฉ่าออก พลางบอกว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของตน ทำไมตนจะทิ้งไม่ได้ พูดจบเขาก็ตวาดไล่แล้วเดินจากไปด้วยแววตาที่ปวดร้าว
อาจารย์เจิ้งบอกให้เหล่าศิษย์ช่วยกันโยนไป๋เฉ่าออกจากโรงฝึก กวงหย่าเห็นไป๋เฉ่าถูกลากออกจากโรงฝึกอย่างน่าเวทนาแต่ก็ทำได้เพียงแอบสงสารและเป็นห่วง หลังถูกโยนออกนอกประตูใหญ่ไป๋เฉ่ารีบลุกขึ้นแล้ววิ่งกลับไปอีกครั้งแต่ไม่ทันเพราะประตูถูกปิดล็อคเสียก่อน ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ยอมไปไหนและยังคงคุกเข่าที่หน้าประตูท่ามกลางสายฝนอันเหน็บหนาวในยามค่ำคืน (เซี่ยงหนานเฝ้ามองเธอจากในห้องด้วยความเป็นห่วง) กวงหย่าเก็บข้าวของส่วนตัวของไป๋เฉ่าแล้วนำออกไปมอบให้ พร้อมทั้งบอกไป๋เฉ่าว่าอย่าได้คิดกลับมาที่นี่อีกเพราะอาจารย์เจิ้งไม่มีวันเปลี่ยนใจ ไม่ว่าเธอจะทำตัวน่าสงสารแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ทางที่ดีเธอควรออกไปหาที่อยู่ใหม่ ไป๋เฉ่ายืนกรานว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงพากันโทษตน กวงหย่าย้ำว่าทั้งหมดเป็นความผิดของไป๋เฉ่าที่ทำให้อาจารย์เจิ้งและพวกตนอับอายขายหน้า มิเช่นนั้นจะโทษว่าเป็นความผิดของอาจารย์เจิ้งที่ช่วยดูแลและให้ที่กินที่อยู่เธองั้นหรือ ดังนั้นจงคิดดูให้ดีว่าเป็นความผิดเธอหรือไม่ พูดจบกวงหย่าก็โยนถุงใส่ของให้ไป๋เฉ่าแล้วกลับเข้าโรงฝึกทันที ไป๋เฉ่าได้แต่มองตามพลางรำพึงรำพันด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ความจริงแล้วตนก็เหมือนกวงหย่า ตนอยากเป็นศิษย์ตัวจริงของโรงฝึกใจจะขาด แต่สำหรับตนแล้วไม่มีอะไรสำคัญเท่าอาจารย์ (เซี่ยงหนาน) เลย (ไป๋เฉ่าเคยพูดประโยคนี้ลับหลังกวงหย่ามาแล้วครั้งหนึ่ง)
เซี่ยงหนานทำใจแข็งขณะยืนมองไป๋เฉ่านั่งตากฝน เขาหวนนึกถึงวันที่ช่วยไป๋เฉ่าออกจากกองเพลิงแล้วพาไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน ในตอนนั้นภรรยาเขายังมีชีวิตอยู่และเธอก็ช่วยดูแลไป๋เฉ่าเสมือนเป็นลูกสาวอีกคน เขานึกขึ้นได้จึงกดโทรศัพท์หาเสี่ยวอิ๋ง เมื่อเห็นว่าฝนยังตกไม่หยุดซ้ำยังมีฟ้าร้องฟ้าแลบเซี่ยงหนานจึงรีบคว้าร่มอย่างลืมตัวแต่สุดท้ายก็บอกตัวเองให้ใจแข็ง เมื่อเสี่ยวอิ๋งมาถึงก็พยายามฉุดไป๋เฉ่าให้ลุกขึ้นแต่ไป๋เฉ่ายังคงแข็งขืน (เสี่ยวอิ๋งสู้แรงไป๋เฉ่าไม่ไหว) ครั้นเห็นเพื่อนถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพอันน่าเวทนาตามลำพัง เสี่ยวอิ๋งจึงโวยลั่นว่าโรงฝึกเฉวียนเซิ่งมีแต่คนใจจืดใจดำ ไม่เห็นมีใครช่วยปกป้องหรือขอร้องแทนไป๋เฉ่าเลยสักคนทั้งที่ไป๋เฉ่าอยู่ที่นี่มาเป็นสิบปี ไป๋เฉ่าเริ่มมีอาการไอแต่ยังคงบอกว่าตนไม่เป็นไร เสี่ยวอิ๋งจึงพยายามชวนไป๋เฉ่ากลับบ้านโดยบอกว่าแม้เฉวียนเซิ่งไม่ต้องการไป๋เฉ่า แต่ซงไป่ไม่รังเกียจไป๋เฉ่าแน่นอน ไป๋เฉ่ายืนกรานว่าตนเป็นศิษย์อาจารย์และศิษย์ของโรงฝึกเฉวียนเซิ่ง เสี่ยวอิ๋งแย้งว่าเฉวียนเซิ่งเขี่ยไป๋เฉ่าทิ้งแล้ว ถ้าไม่กลับบ้านกับตนแล้วจะนอนข้างถนนหรือยังไง
เมื่อเห็นว่าไป๋เฉ่ายังคงดื้อดึง เสี่ยวอิ๋งจึงทิ้งร่มแล้วถอดเสื้อคลุมฝนออก จากนั้นก็นั่งตากฝนเป็นเพื่อนไป๋เฉ่า ไป๋เฉ่าพยายามห้ามปรามแต่เสี่ยวอิ๋งไม่ฟัง เมื่อไป๋เฉ่าออกตัวว่าตนไม่มีค่าพอให้เสี่ยวอิ๋งทำเช่นนี้ เสี่ยวอิ๋งจึงร่ำไห้พลางชี้ว่า ตนไม่รู้ว่าไป๋เฉ่าเห็นตนเป็นเพื่อนรักหรือไม่ แต่ไป๋เฉ่าเป็นเพื่อนรักของตนเสมอ ที่ผ่านมาเวลาตนเดือดร้อนไป๋เฉ่ามักเป็นคนแรกที่ยื่นมือเข้ามาช่วย เมื่อไป๋เฉ่ายอมรับว่าเสี่ยวอิ๋งเองก็เป็นเพื่อนรักของตนเช่นกัน เสี่ยวอิ๋งจึงถามว่าแล้วทำไมไป๋เฉ่าถึงยังคงยืนกรานว่าจะนั่งคุกเข่าอยู่ที่นี่แทนที่จะกลับบ้านกับตน ไป๋เฉ่าทนเห็นเพื่อนรักนั่งคุกเข่าตากฝนเคียงข้างได้ลงคองั้นหรือ ปรากฏว่าเสี่ยวอิ๋งเองก็ใจเด็ดไม่แพ้กัน เธอยืนกรานว่าจะอยู่เป็นเพื่อนไป๋เฉ่าไม่ว่าคืนนี้ไป๋เฉ่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ไป๋เฉ่าเห็นเสี่ยวอิ๋งตัวสั่นด้วยความหนาวเหน็บจึงยอมกลับบ้านกับเสี่ยวอิ๋งแต่โดยดี เซี่ยงหนานเห็นดังนั้นก็รู้สึกโล่งใจ เขาภาวนาให้ไป๋เฉ่าไปจากตนให้ไกลที่สุด เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่จะทำให้ไป๋เฉ่าโบยบินได้อย่างอิสระและได้เรียนหยวนอู่เต้า
ที่แท้เสี่ยวอิ๋งมาจากครอบครัวที่อบอุ่น มีฐานะ และอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่โต แถมพ่อแม่ของเธอยังรักและเอ็นดูไป๋เฉ่าจึงต้อนรับไป๋เฉ่าอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง ระหว่างร่วมโต๊ะทานข้าวแม่เสี่ยวอิ๋งเห็นว่าไป๋เฉ่าเกรงใจพวกตนจึงบอกให้ทำตัวตามสบายเพราะนับจากนี้ที่นี่คือบ้านของเธอ เมื่อได้ยินแม่บอกว่าพรุ่งนี้จะพาไป๋เฉ่าไปซื้อเสื้อผ้าและจะจับแต่งตัวให้สวยเริ่ด เสี่ยวอิ๋งจึงแกล้งโวยว่าแม่ลำเอียง ไป๋เฉ่าเห็นสองแม่ลูกแซวกันไปมาอย่างสนิทสนมก็เริ่มยิ้มออก หลังจากนั้น เสี่ยวอิ๋งก็พาไป๋เฉ่าไปดูห้องนอน (ที่จัดเตรียมของทุกอย่างไว้ให้ไป๋เฉ่าเรียบร้อยแล้ว) ด้วยความตื่นเต้น ทำให้ไป๋เฉ่ารู้สึกซาบซึ้งใจ เสี่ยวอิ๋งดีใจมากที่ไป๋เฉ่ามาอยู่ด้วย เธอฝันมาโดยตลอดว่าอยากมีพี่สาวจะได้เล่นและทำทุกอย่างด้วยกัน เธอวางแผนไว้หมดแล้วว่าสุดสัปดาห์นี้จะทำอะไรบ้าง ไป๋เฉ่าเห็นเสี่ยวอิ๋งพูดถึงแต่เรื่องช้อปปิ้ง ดูหนัง ดื่มชา แต่ไม่มีแผนฝึกซ้อม จึงถามว่าวันเสาร์-อาทิตย์ไม่ไปฝึกหยวนอู่เต้าหรือ เสี่ยวอิ๋งกล่าวว่าตนไม่มีพรสวรรค์และไม่สนใจหยวนอู่เต้า ที่สมัครเรียนกับโรงฝึกซงไป่เพราะอยากอยู่ใกล้ขวัญใจตนเท่านั้น พูดจบเสี่ยวอิ๋งก็ร้องลั่นเพราะเกือบลืมเรื่องสำคัญบางอย่าง เธอจึงลากไป๋เฉ่าออกจากห้องทันที
ไป๋เฉ่าเห็นว่าเสี่ยวอิ๋งลากตนมาในที่ลับตา ซ้ำยังทำตัวลับๆ ล่อๆ จึงสงสัยว่าพวกตนมาทำอะไรที่นี่กันแน่ เสี่ยวอิ๋งจุ๊ปากบอกให้เงียบๆ จากนั้นก็เอาความเป็นเพื่อนมาอ้างพลางบอกให้ไป๋เฉ่าคอยช่วยตน ไป๋เฉ่าสงสัยว่าจะให้ตนช่วยอะไร เสี่ยวอิ๋งจึงบอกให้ไป๋เฉ่าคอยดูต้นทางโดยบอกเพียงว่าหากตนถูกจับได้มีหวังเป็นเรื่องแน่ ที่แท้เสี่ยวอิ๋งมาแอบดูรั่วไป๋อาบน้ำอีกตามเคย (รั่วไป๋กำลังอาบน้ำกับอี้เฟิง) ขณะอาบน้ำอี้เฟิงตั้งข้อสังเกตว่าหลังถิงฮ่าวคว้าแชมป์คราวนี้คงกลับมาท้าศิษย์พี่ชูหยวนที่นี่อีกแน่ จากนั้นก็เปรยว่าความสัมพันธ์ระหว่างถิงฮ่าว ชูหยวน และรั่วไป๋ ช่างซับซ้อนเกินบรรยาย เมื่อไป๋เฉ่าชะเง้อมองแล้วพบว่าเสี่ยวอิ๋งกำลังแอบดูหนุ่มๆ อาบน้ำ เธอจึงรีบหลบด้วยความตกใจ ผิดกับเสี่ยวอิ๋งที่เกาะเสามองกล้ามเนื้อแน่นๆ ของรั่วไป๋ด้วยสีหน้าสุดฟิน หลังฟินหนักจนเสียหลักล้มกระแทกเสาเสียงดัง รั่วไป๋กับอี้เฟิงจึงรีบสวมเสื้อผ้าแล้ววิ่งออกไปดูแต่เสี่ยวอิ๋งคุ้นเคยกับสถานที่จึงหาที่หลบทัน กว่าจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นไป๋เฉ่าก็ถูกสองหนุ่มจับได้เสียแล้ว
อี้เฟิงแซวว่ามาแอบดูคนหล่ออาบน้ำไม่กลัวตาเป็นกุ้งยิงหรือ พูดจบเขาก็หันไปเห็นเสี่ยวอิ๋งแอบอยู่ไม่ไกลนักจึงลากตัวเธอออกมา พลางบ่นอย่างเอือมระอาว่าเป็นเธออีกแล้วหรือ นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เสี่ยวอิ๋งไม่กล้าสู้หน้ารั่วไป๋จึงหลับหูหลับตาตีอี้เฟิงแบบรัวๆ เพื่อให้เขาปล่อยมือจากเธอ จากนั้นก็ฉวยโอกาสวิ่งหนีไป อี้เฟิงจึงรีบวิ่งตาม รั่วไป๋เดินเข้าไปหาไป๋เฉ่าซึ่งพยายามหันหลังให้และเอามือบังหน้าด้วยความอับอาย เขาเห็นว่าเธอไม่ใช่ศิษย์ของโรงฝึกตนจึงถามว่าเธอชื่ออะไร ไป๋เฉ่าเห็นว่าปิดหน้าไปก็ไม่มีประโยชน์จึงเอามือออกพลางก้มหน้าตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำว่าตนชื่อชีไป๋เฉ่า รั่วไป๋จำได้ว่าไป๋เฉ่าคือเด็กผู้หญิงที่อาจารย์เจิ้งคาดคั้นให้บอกทุกคนว่าสิ่งที่นักข่าวกล่าวหาตนไม่เป็นความจริง ไป๋เฉ่าพยายามหันหลังให้รั่วไป๋แต่รั่วไป๋ยังคงเดินตามไปมองหน้าเธอ เขากล่าวว่าหากเธอมาที่นี่ในฐานะผู้มาเยือนก็อย่าเที่ยวเดินเพ่นพ่านไปทั่ว ไป๋เฉ่ารับทราบและกล่าวขอโทษ จากนั้นก็วิ่งหนีไป
*** จบตอนที่หนึ่ง ***
* เนื้อหาโดย luvasianseries
รายชื่อนักแสดง
หูปิงชิง
รับบท ชีไป๋เฉ่า
(นักแสดง ชาวจีน)
หยางหยาง
รับบท รั่วไป๋
(นักแสดง ชาวจีน)
เฉินเสียง
รับบท ฟางถิงฮ่าว
(นักแสดง / นักร้อง / นักแต่งเพลง ชาวจีน)
ไป๋จิ้งถิง
รับบท อวี้ชูหยวน
(นักแสดง ชาวจีน)
อู๋เหล่ย
รับบท หูอี้เฟิง
(นักแสดง ชาวจีน)
ถานซงอวิ้น
รับบท ฟ่านเสี่ยวอิ๋ง
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
จ้าวหยวนหย้วน
รับบท ฟางถิงอี๋
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
อวี่ถิงเอ๋อร์
รับบท ฉวี่กวงหย่า
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
เจี่ยงอีอี
รับบท คิม มินจู
(นักแสดง ชาวจีน)
จางเสวี่ยอิ๋ง
รับบท ลี อึนซู
(นักแสดง ชาวจีน)
คลิปเบื้องหลัง
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา