กำกับ: จางจงอี, หูอี้เจวียน
เขียนบท: ตู้เจิ้งเจ๋อ, สวีอวี้ถิง
แนวละคร: โรแมนติก
จำนวนตอน: 19
ออกอากาศ: ไต้หวัน - 21 พฤษภาคม 2549 - 24 กันยายน 2549 ทางซีทีวี
ไทย - ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.20-11.30 น.ทางช่อง 3 แฟมิลี่ (หมายเลข 13) ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 - 27 ธันวาคม 2561 (ออกอากาศครั้งแรก 6 เมษายน 2550 ทางช่อง 3)
เรื่องย่อ
ละคร "ปาฏิหาริย์รักจากดวงดาว" (Silence) นำเสนอเรื่องราวความรักระหว่าง "ชีเหว่ยอี้" นักธุรกิจหนุ่มผู้เพียบพร้อมซึ่งถูกพ่อบงการชีวิตตั้งแต่เล็กจนโตจึงโหยหาชีวิตที่เป็นอิสระและมีความสุข แต่สุดท้ายกลับพบว่าตนเองเป็นโรคร้ายแรงและกำลังจะตายในไม่ช้า กับ "จ้าวเซินเซิน" เด็กสาวในความทรงจำที่สวยงามของเหว่ยอี้ เธอสูญเสียความสามารถในด้านการพูดหลังประสบอุบัติเหตุ และต้องสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก แต่ยังคงมองโลกในแง่ดี สดใสร่าเริง และรักความเป็นธรรม
เกริ่นนำ
ละครเปิดฉากด้วย 'เสียง' ของ "ชีเหว่ยอี้" ที่ถามคนดูว่าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ "ลัคกี้สตาร์" ไหม? (ภาพในละครเผยให้เห็นมือใครคนหนึ่งซึ่งกำลังทำสัญลักษณ์มือ "ลัคกี้สตาร์") เขาอธิบายว่าสัญลักษณ์มือดังกล่าวคือรหัสเชื่อมต่อ หากเราทำสัญลักษณ์มือที่ว่าบนโลกมนุษย์ คนที่รักเราแต่จากเราไปแล้วจะได้ยินเสียงโหยหาอาวรณ์ของเราและจะนำพาความสุขใจมาให้ หลังจากนั้นภาพก็ตัดไปที่ "จ้าวเซินเซิน" ซึ่งเดินตรงไปยังท้องทะเลตามลำพัง เธอเงยหน้ามองฟ้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางบอกคนดูว่า ทุกครั้งที่มองท้องฟ้าเธอจะนึกถึงเด็กชายคนหนึ่งซึ่งเธอไม่มีวันลืม เธอทำสัญลักษณ์มือ "ลัคกี้สตาร์" แล้วชูขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนบอกว่า เด็กคนนั้นก็คือ...'เขา' คนที่มอบ 'ความทรงจำ' ที่สวยงามที่สุดในชีวิตให้กับเธอ
เซินเซินเล่าเรื่องราวของเธอให้คนดูฟัง โดยบอกว่าพ่อของเธอเป็นชาวเกาหลี หลังท่านเสียชีวิต (ตอนที่เธอยังเด็กมาก) แม่ก็พาเธอกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดของแม่โดยหาเลี้ยงชีพด้วยการขายข้าวหน้าเนื้อย่างจานโปรดของพ่อ เธอชอบยืนดูแม่ทำเนื้อย่าง ทั้งยังชอบขอให้แม่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อ ซึ่งแม่จะมีความสุขทุกครั้งเมื่อเล่าถึงช่วงเวลาที่เคยใช้ชีวิตอยู่กับพ่อ และนั่นก็ทำให้เธอพลอยมีความสุขไปด้วย ครอบครัวเธอมีเพื่อนบ้านชื่อ "ลุงจั่ว" เขาเคยร่วมทำธุรกิจกับพ่อจึงมักเป็นห่วงเป็นใยเธอกับแม่เสมอ ทั้งยังคอยดูแลเธอเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่ง แต่ทว่าลุงจั่วกลับชอบทุบตีและมักตะคอกใส่ "จั่วจวิน" (ลูกชาย) เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง (นักแสดงที่สวมบทลุงจั่วเป็นชาวฮ่องกง) เพราะเขาไม่ว่านอนสอนง่ายเหมือนเธอ (ซ้ำยังเถียงคำไม่ตกฟาก) ถึงกระนั้นจั่วจวินก็ไม่เคยรู้สึกรู้สา แถมยังคงมีความสุขดีและชอบเล่นสนุกไปวันๆ ราวกับชีวิตนี้ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร จนกระทั่งวันนั้น... วันที่จั่วจวินพาเธอโดดเรียน
อยู่ๆ ก็มีรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถเมล์คันที่เธอกับจั่วจวินโดยสารมาแบบกระชั้นชิดเป็นเหตุให้รถชนกัน หลังจากนั้นรถเมล์ก็เสียหลักพลิกตะแคงก่อนไถลไปตามถนน ในตอนนั้นเธอตกใจกลัวมากและคิดว่าคงไม่รอดแน่ จั่วจวินรีบอุ้มเธอไปส่งโรงพยาบาล (เป็นโรงพยาบาลเก่าแก่และโรงพยาบาลเดียวในเมืองนั้น) พลางร้องเรียกหมอทั้งที่เขาเองก็เจ็บไม่น้อย เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือแต่กลับไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆ ออกมา (ในตอนนั้นเหว่ยอี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลดังกล่าว จึงเห็นเซินเซินถูกอุ้มเข้ามาโดยมีบาดแผลตามร่างกาย) หลังพยายามรักษาด้วยวิธีการต่างๆ แต่ไม่เป็นผล ในที่สุด "หมอซู" จึงบอกแม่ของเธอว่า เธอคงช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงมีปัญหาเรื่องการพูดชั่วคราว เมื่อลุงจั่วรู้เข้าก็ดุด่า ทุบตี และโทษว่าเป็นความผิดของจั่วจวิน แถมยังบอกให้จั่วจวินดูแลรับผิดชอบเธอชั่วชีวิตหากเธอไม่สามารถพูดได้อีกต่อไป นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นจั่วจวินรู้สึกผิดจนพูดไม่ออก (จั่วจวินยอมให้พ่อลงโทษโดยไม่โต้เถียงสักคำ)
ขณะรักษาตัวในโรงพยาบาล เธอไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองอาจพูดไม่ได้ตลอดชีวิตเลยวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าโรงพยาบาล จากนั้นก็พยายามเปล่งเสียงตะโกนอย่างสุดความสามารถแต่กลับไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา อยู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวและสิ้นหวังเหมือนเป็นมนุษย์ต่างดาวจากนอกโลก เพราะมนุษย์ต่างดาวไม่สามารถสื่อสารกับคนบนโลกได้แต่รู้และเข้าใจว่าคนบนโลกคิดอะไร ด้วยเหตุนี้เธอจึงทิ้งข้อความ (ถึงมนุษย์ต่างดาว) ไว้ในช่องลับภายในสถานที่หลบภัยร้าง (สถานที่หลบระเบิดช่วงสงครามของโรงพยาบาล) ทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้แต่เธอยังคงเฝ้ารอ โดยแอบหวังว่าสักวันจะมีใครสักคนจากนอกโลกโผล่มาที่นี่และไม่ปล่อยให้เธอโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาอีกต่อไป ปรากฏว่าบ่ายวันนั้นเธอได้รับข้อความตอบกลับจากมนุษย์ต่างดาว (เหว่ยอี้) ซึ่งอ้างว่าตนมาจากดาวอังคาร
ละคร "ปาฏิหาริย์รักจากดวงดาว" (Silence) นำเสนอเรื่องราวความรักระหว่าง "ชีเหว่ยอี้" นักธุรกิจหนุ่มผู้เพียบพร้อมซึ่งถูกพ่อบงการชีวิตตั้งแต่เล็กจนโตจึงโหยหาชีวิตที่เป็นอิสระและมีความสุข แต่สุดท้ายกลับพบว่าตนเองเป็นโรคร้ายแรงและกำลังจะตายในไม่ช้า กับ "จ้าวเซินเซิน" เด็กสาวในความทรงจำที่สวยงามของเหว่ยอี้ เธอสูญเสียความสามารถในด้านการพูดหลังประสบอุบัติเหตุ และต้องสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก แต่ยังคงมองโลกในแง่ดี สดใสร่าเริง และรักความเป็นธรรม
เกริ่นนำ
ละครเปิดฉากด้วย 'เสียง' ของ "ชีเหว่ยอี้" ที่ถามคนดูว่าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ "ลัคกี้สตาร์" ไหม? (ภาพในละครเผยให้เห็นมือใครคนหนึ่งซึ่งกำลังทำสัญลักษณ์มือ "ลัคกี้สตาร์") เขาอธิบายว่าสัญลักษณ์มือดังกล่าวคือรหัสเชื่อมต่อ หากเราทำสัญลักษณ์มือที่ว่าบนโลกมนุษย์ คนที่รักเราแต่จากเราไปแล้วจะได้ยินเสียงโหยหาอาวรณ์ของเราและจะนำพาความสุขใจมาให้ หลังจากนั้นภาพก็ตัดไปที่ "จ้าวเซินเซิน" ซึ่งเดินตรงไปยังท้องทะเลตามลำพัง เธอเงยหน้ามองฟ้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางบอกคนดูว่า ทุกครั้งที่มองท้องฟ้าเธอจะนึกถึงเด็กชายคนหนึ่งซึ่งเธอไม่มีวันลืม เธอทำสัญลักษณ์มือ "ลัคกี้สตาร์" แล้วชูขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนบอกว่า เด็กคนนั้นก็คือ...'เขา' คนที่มอบ 'ความทรงจำ' ที่สวยงามที่สุดในชีวิตให้กับเธอ
เซินเซินเล่าเรื่องราวของเธอให้คนดูฟัง โดยบอกว่าพ่อของเธอเป็นชาวเกาหลี หลังท่านเสียชีวิต (ตอนที่เธอยังเด็กมาก) แม่ก็พาเธอกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดของแม่โดยหาเลี้ยงชีพด้วยการขายข้าวหน้าเนื้อย่างจานโปรดของพ่อ เธอชอบยืนดูแม่ทำเนื้อย่าง ทั้งยังชอบขอให้แม่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อ ซึ่งแม่จะมีความสุขทุกครั้งเมื่อเล่าถึงช่วงเวลาที่เคยใช้ชีวิตอยู่กับพ่อ และนั่นก็ทำให้เธอพลอยมีความสุขไปด้วย ครอบครัวเธอมีเพื่อนบ้านชื่อ "ลุงจั่ว" เขาเคยร่วมทำธุรกิจกับพ่อจึงมักเป็นห่วงเป็นใยเธอกับแม่เสมอ ทั้งยังคอยดูแลเธอเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่ง แต่ทว่าลุงจั่วกลับชอบทุบตีและมักตะคอกใส่ "จั่วจวิน" (ลูกชาย) เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง (นักแสดงที่สวมบทลุงจั่วเป็นชาวฮ่องกง) เพราะเขาไม่ว่านอนสอนง่ายเหมือนเธอ (ซ้ำยังเถียงคำไม่ตกฟาก) ถึงกระนั้นจั่วจวินก็ไม่เคยรู้สึกรู้สา แถมยังคงมีความสุขดีและชอบเล่นสนุกไปวันๆ ราวกับชีวิตนี้ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร จนกระทั่งวันนั้น... วันที่จั่วจวินพาเธอโดดเรียน
อยู่ๆ ก็มีรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถเมล์คันที่เธอกับจั่วจวินโดยสารมาแบบกระชั้นชิดเป็นเหตุให้รถชนกัน หลังจากนั้นรถเมล์ก็เสียหลักพลิกตะแคงก่อนไถลไปตามถนน ในตอนนั้นเธอตกใจกลัวมากและคิดว่าคงไม่รอดแน่ จั่วจวินรีบอุ้มเธอไปส่งโรงพยาบาล (เป็นโรงพยาบาลเก่าแก่และโรงพยาบาลเดียวในเมืองนั้น) พลางร้องเรียกหมอทั้งที่เขาเองก็เจ็บไม่น้อย เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือแต่กลับไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆ ออกมา (ในตอนนั้นเหว่ยอี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลดังกล่าว จึงเห็นเซินเซินถูกอุ้มเข้ามาโดยมีบาดแผลตามร่างกาย) หลังพยายามรักษาด้วยวิธีการต่างๆ แต่ไม่เป็นผล ในที่สุด "หมอซู" จึงบอกแม่ของเธอว่า เธอคงช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงมีปัญหาเรื่องการพูดชั่วคราว เมื่อลุงจั่วรู้เข้าก็ดุด่า ทุบตี และโทษว่าเป็นความผิดของจั่วจวิน แถมยังบอกให้จั่วจวินดูแลรับผิดชอบเธอชั่วชีวิตหากเธอไม่สามารถพูดได้อีกต่อไป นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นจั่วจวินรู้สึกผิดจนพูดไม่ออก (จั่วจวินยอมให้พ่อลงโทษโดยไม่โต้เถียงสักคำ)
ขณะรักษาตัวในโรงพยาบาล เธอไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองอาจพูดไม่ได้ตลอดชีวิตเลยวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าโรงพยาบาล จากนั้นก็พยายามเปล่งเสียงตะโกนอย่างสุดความสามารถแต่กลับไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา อยู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวและสิ้นหวังเหมือนเป็นมนุษย์ต่างดาวจากนอกโลก เพราะมนุษย์ต่างดาวไม่สามารถสื่อสารกับคนบนโลกได้แต่รู้และเข้าใจว่าคนบนโลกคิดอะไร ด้วยเหตุนี้เธอจึงทิ้งข้อความ (ถึงมนุษย์ต่างดาว) ไว้ในช่องลับภายในสถานที่หลบภัยร้าง (สถานที่หลบระเบิดช่วงสงครามของโรงพยาบาล) ทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้แต่เธอยังคงเฝ้ารอ โดยแอบหวังว่าสักวันจะมีใครสักคนจากนอกโลกโผล่มาที่นี่และไม่ปล่อยให้เธอโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาอีกต่อไป ปรากฏว่าบ่ายวันนั้นเธอได้รับข้อความตอบกลับจากมนุษย์ต่างดาว (เหว่ยอี้) ซึ่งอ้างว่าตนมาจากดาวอังคาร
ขณะที่เธอจะนำข้อความที่เขียนถึงเพื่อนต่างดาวไปใส่ไว้ในช่องลับ เหว่ยอี้ซึ่งยังคงบาดเจ็บที่ขาก็เดินเข้ามาในที่หลบภัย เธอจึงยื่นข้อความตอบกลับให้ 'มนุษย์ดาวอังคารใส่เฝือก' เองกับมือ ครั้นเห็นว่าเขากลัวแมลงสาบ เธอจึงช่วยจัดการแมลงสาบเจ้ากรรมให้ เขาอ้างว่าแมลงสาบเป็นตัวซวยสำหรับมนุษย์ดาวอังคารจากนั้นก็วิ่งหนีไป ครั้นได้เห็นเพื่อนต่างดาวตัวเป็นๆ เธออดผิดหวังนิดๆ ไม่ได้เพราะเขาผิดจากที่เธอคิดเอาไว้ แถมยังเป็นมนุษย์ดาวอังคารที่กลัวแมลงสาบอีกต่างหาก
หลังจากนั้นเธอบังเอิญพบเขาหลบมายืนพิงต้นไม้ใหญ่ตามลำพัง พลางหลับตาพริ้มขณะสวมหูฟังราวกับเขาเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในโลก นั่นจึงทำให้เธอเข้าใจว่าทำไมเขาถึงบอกว่าตนเองเป็นมนุษย์ดาวอังคาร เพราะเหล่ามนุษย์ต่างดาวที่อยู่บนโลกมนุษย์ล้วนอ้างว้างโดดเดี่ยว เธอยังพบด้วยว่าดาดฟ้าโรงพยาบาลเป็นสถานที่ลับสำหรับการปลีกวิเวกอีกแห่งของมนุษย์ต่างดาว หลังพบกันโดยบังเอิญอีกครั้งบนดาดฟ้าเธอกับเขาก็นั่งทานข้าวกล่องมื้อเย็นด้วยกัน เขาเห็นข้าวหน้าเนื้อย่างที่แม่เธอทำมาให้แล้วอดใจไม่ไหว จึงเอ่ยปากขอแลกข้าวกล่องกับเธอและนั่งทานอย่างเอร็ดอร่อย ขณะเดินกลับห้องผู้ป่วยเขาดันถามเรื่องที่มนุษย์ต่างดาวไม่ควรถาม (ชื่อบนโลกมนุษย์ของเธอ) จากนั้นก็แนะนำตัวว่าตนชื่อ "ชีเหว่ยอี้" เธอจงใจเขียนชื่อเป็นภาษาเกาหลีลงบนสมุดโน้ตแล้วยื่นให้เขาดู เขาเลยเดาว่าเธอเป็นคนเกาหลีและที่เธอไม่พูดเป็นเพราะภาษาจีนกลางไม่แข็งแรง
วันที่สองของการได้รู้จักเพื่อนใหม่ แม่ของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตขณะจะนำข้าวหน้าเนื้อย่างมาส่งให้เธอที่โรงพยาบาล (ก่อนแม่เสียชีวิตลุงจั่วให้คำมั่นว่าจะช่วยดูแลเธอ) หลังได้รับข่าวร้ายเธอรู้สึกเหมือนตัวเองสูญเสียโลกทั้งใบ ถึงพูดได้อีกครั้งจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อแม่ไม่มีวันได้ยินเสียงเธออีกแล้ว ดูเหมือนว่ามนุษย์ดาวอังคารจะเข้าใจความเจ็บปวดของเธอ เขาเลยปลอบใจเธอด้วยการเล่าเรื่องลัคกี้สตาร์ให้ฟัง โดยบอกว่าสำหรับมนุษย์ดาวอังคารแล้วจะอยู่หรือตายไม่แตกต่างกันสักนิด เพราะคนที่จากโลกนี้ไปแล้วจะโบยบินไปยังดินแดน 'แห่งนั้น' เขาทำสัญลักษณ์มือแล้วยกทาบบนท้องฟ้า โดยบอกว่านี่เป็นรหัสลับที่รู้กันในหมู่มนุษย์ดาวอังคารเท่านั้น
เขาเล่าต่อว่าดินแดนแห่งนั้นคือ 'สตาร์' หรือเธอจะเรียกมันว่า 'ลัคกี้สตาร์' ก็ได้ คนที่จากโลกนี้ไปแล้วจะไปอยู่บนลัคกี้สตาร์เหนือฟากฟ้าและจะทอแสงระยิบระยับให้เธอ ไม่แน่ว่าบางทีตอนนี้แม่ของเธออาจอยู่บนนั้น ท่านรู้ว่าเธอไม่ชอบพูดเลยอยู่บนนั้นทุกคืนแล้วพูดคุยกับเธอด้วยการส่องแสงระยิบระยับและยิ้มให้เธอ เขาสอนเธอทำสัญลักษณ์มือลัคกี้สตาร์ (ทำภาษามือที่แปลว่า 'รัก' ทั้งสองมือแล้วนำมาประกบ (เกี่ยว) กันตรงนิ้วกลางกับนิ้วนาง จากนั้นนำนิ้วโป้งของมือซ้ายมาแตะนิ้วก้อยของมือขวา ยืดนิ้วชี้ตรงๆ จะเห็นเป็นสัญลักษณ์รูปดาวห้าแฉก) พลางบอกว่าผู้ที่อยู่บนลัคกี้สตาร์ล้วนเป็นคนดี ที่สำคัญหัวใจของพวกเขาเชื่อมโยงกับหัวใจของเรา เขาดันมือเธอ (ที่ทำสัญลักษณ์ลัคกี้สตาร์อยู่) ให้แนบอก (หัวใจเธอ) ก่อนบอกว่าตราบใดที่เธอรักและโหยหาอาวรณ์คนที่อยู่บนลัคกี้สตาร์ พวกเขาจะอยู่ 'ตรงนี้' ตลอดไป (เหว่ยอี้ชี้ที่มือของเธอซึ่งยังคงวางทาบหัวใจ)
เธอนึกถึงตอนที่แม่เล่าเรื่องพ่อให้ฟังอย่างมีความสุข แม่บอกเธอว่าถึงพ่อจะจากไปแล้ว แต่เนื่องจากแม่กับพ่อรักกันมาก พ่อจึงอยู่ในใจแม่เสมอ เขาเห็นเธอน้ำตาร่วงเลยบอกว่าแม่ของเธอไม่อยากให้เธอขี้แง จากนั้นก็ช่วยซับน้ำตาให้และบอกเธอว่าแม่อยากให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข (เธอเลยรีบปาดน้ำตา) เขาเตือนเธอว่าวันนี้เป็นวันคริสต์มาสอีฟ ครั้นมีเสียงคนร้องเพลงดังแว่วมาตามลม เขาจึงบอกเธอว่าเสียงเพลงดังกล่าวคล้ายล่องลอยมาจากลัคกี้สตาร์ หลังจากนั้นเขาก็พาเธอเดินตามเสียงเพลงไปยังโบสถ์คริสต์เล็กๆ ขณะฟังเพลงจากลัคกี้สตาร์ เธอรู้สึกอบอุ่นและเป็นสุขใจเหมือนมีแม่อยู่เคียงข้าง (เหว่ยอี้จับมือให้กำลังใจเธอด้วย)
วันต่อมาเขาพาเธอไปฟังเพลงโปรดจากหูฟังด้วยกันใต้ต้นไม้ใหญ่ (ทั้งคู่จับมือกันขณะฟังเพลง) โดยบอกว่าเพลงนี้เป็นของมนุษย์ดาวอังคาร (เพลง "Try To Remember" ของวง Brothers Four) จึงมีเพียงมนุษย์ดาวอังคารที่ได้ฟัง หลังจากนั้นเขาก็แอบพาเธอหนีออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปเที่ยวสวนสนุกของมนุษย์ดาวอังคารทั้งที่ขาใส่เฝือก เธอมีความสุขมากที่ได้ผจญภัยในแบบ 'มนุษย์ดาวอังคารโอนลี่' เป็นครั้งแรกในชีวิต เขาเห็นว่าตนพูดอยู่ฝ่ายเดียวเลยเลิกพูดแล้วหันมาเขียนข้อความคุยกับเธอแทน
หลังจากนั้นเขาก็ชวนเธอเขียนข้อความที่อยากบอกกันและกัน โดยให้นำข้อความดังกล่าวไปเก็บซ่อนไว้ในช่องลับ (ภายในสถานที่หลบภัย) ครั้นพวกตนโตขึ้นจึงค่อยกลับมาอ่านและตอบข้อความนี้ เขาเสนอให้กลับมาที่นี่ตอนที่เขาอายุครบ 25 ปี ซึ่งก็คือปี ค.ศ. 2006 ทั้งคู่จึงสัญญาว่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้งใน 'วันคริสต์มาส ปี 2006' (วันนี้เป็นวันคริสต์มาส) อยู่ๆ มนุษย์ดาวอังคารก็ถามว่าเธอชอบเขาไหม เขาเห็นเธอยืนนิ่งเลยบอกให้ตอบวันพรุ่งนี้และเดินจากไป เธอบอกคนดูว่าที่ตนยืนนิ่งไม่ใช่ไม่อยากตอบ เพียงแต่กำลังครุ่นคิดว่ามนุษย์ต่างดาวควรเผยความในใจอย่างไรดี เธอยังไม่ทันได้ตอบเขาก็หนีไปก่อนแล้ว เธอรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ตอบเขา เธออยากบอกว่าเขาเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอ และเธอก็ชอบเขามากในฐานะเพื่อน... เพื่อนที่เป็นมนุษย์ต่างดาวเช่นเดียวกับเธอ
เธอไม่รู้เลยว่าหลังแยกกันคราวนี้จะไม่มีโอกาสตอบคำถามเขาอีก เพราะเขากำลังจะถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอื่น เธอตกใจมากและไม่อาจปล่อยให้เขาจากไปทั้งที่มีเรื่องค้างคาใจแบบนี้ เธอหมายมั่นว่าจะต้องบอกคำตอบที่ติดค้างในใจให้เขารู้ก่อนไปให้ได้เลยขอให้หมอซูช่วย ในที่สุดเขาก็มาพบเธอก่อนไปจริงๆ (ณ สถานที่หลบภัย) แต่เขามีเวลาไม่มากเลยทำได้เพียงจดชื่อและเบอร์โทรศัพท์ลงบนกระดาษอย่างเร่งรีบแล้วจากไปทันที (ขนาดรีบปานนั้นยังโดนพ่อดุ) สุดท้ายเธอก็ไม่มีโอกาสเผยความในใจอยู่ดีและไม่ทันได้บอกลาด้วยซ้ำ เธอรีบตามเขาไปเผื่อว่ายังพอมีหวัง ครั้นเห็นเขานั่งอยู่ในรถที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาล เธอจึงพยายามวิ่งไล่ตามแต่แล้วก็สะดุดล้ม (เมื่อเหว่ยอี้หันกลับไปมองก็เห็นเธอนั่งร่ำไห้) เธออยากบอกคำตอบที่ติดค้างอยู่ในใจ... คำตอบที่เธอไม่มีโอกาสพูด แต่ทำได้เพียงแค่มองดูเขาค่อยๆ ห่างออกไปจนลับตา
ซินเซินยังคงชูแขนที่ทำสัญลักษณ์มือขึ้นไปบนท้องฟ้าพลางกล่าวว่า เธอไม่เคยลืมสัญญาเรื่องคริสต์มาส ปี 2006 และยังคงจดจำสัญลักษณ์มือลัคกี้สตาร์ที่เขาเคยสอน จากนั้นก็เล่าต่อว่า...
หลังจากนั้นไม่นานหมอก็อนุญาตให้เธอออกจากโรงพยาบาล คนโดดเดี่ยวและไร้ที่พึ่งพาอย่างเธอเลยต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านลุงจั่ว เธอคิดถึงเขาคนนั้น... เพื่อนมนุษย์ดาวอังคารที่ชื่อ "ชีเหว่ยอี้" เลยรวบรวมความกล้าแล้วกดโทรศัพท์หาเขา แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ หลุดลอดออกจากปาก (พ่อเหว่ยอี้จะวางสายเพราะเห็นว่าโทรฯ มาแล้วไม่พูด เหว่ยอี้เลยรีบแย่งโทรศัพท์ในมือพ่อมาคุยเอง) ครั้นได้ยินเสียงเขาเธอก็รีบวางสาย เธอไม่รู้ว่าทำไมได้ยินเสียงเขาแล้วกลับยิ่งเป็นทุกข์ เธอรู้สึกว่ามันเป็นฤดูหนาวที่แสนเชื่องช้าและยาวนาน แม้ลุงจั่วกับจั่วจวินจะดูแลเธออย่างดี แต่เวลาไปโรงเรียนเธอมักถูกเพื่อนร่วมชั้นรังแกเนื่องจากเธอพูดหรือร้องให้คนช่วยไม่ได้ เมื่อจั่วจวินมาพบเข้าจึงรีบเข้ามาปกป้อง หลังจากนั้นเขาก็ซื้อนกหวีดมาให้เธอและบอกเธอว่า ตนไม่รู้ว่าชั่วชีวิตยาวนานแค่ไหน แต่จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ขอให้เธอเป่านกหวีดเรียกตน แล้วตนจะรีบมาหาทันที (ลุงจั่วบอกให้จั่วจวินดูแลเธอชั่วชีวิต หากเธอพูดไม่ได้อีกต่อไป)
เซินเซินเล่าว่าเพราะมีจั่วจวินกับลุงจั่วคอยดูแล เธอเลยรู้สึกว่าตนเองมีครอบครัวที่อบอุ่นอีกครั้ง เพื่อให้เธอได้รับการรักษา ลุงจั่วเลยพาเธอกับจั่วจวินย้ายไปอยู่ไทเป เธออยากบอกเรื่องนี้กับเพื่อนมนุษย์ดาวอังคารแต่ดันหากระดาษที่เขาจดเบอร์โทรฯ ให้ไม่เจอ ในที่สุดเธอก็พบว่าตนเพิ่งเสียของสำคัญที่สุดในชีวิตไปอีกหนึ่งอย่าง เธอเสียใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่วิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่ง จนไปถึงต้นไม้ใหญ่ที่เคยฟังเพลงกับเขา เธอพยายามมองหาลัคกี้สตาร์บนฟ้าและร้องเรียกแม่หมายระบายความทุกข์ในใจ แต่ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาจากปากอีกตามเคย
ก่อนเดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไทเป เธอแวะไปที่ร้านเนื้อย่างของแม่เพื่อบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย โดยบอกแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง เธอสัญญาว่าจะไม่สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง จะเป็นคนเข้มแข็งและกล้าหาญกว่าใคร เธอต้องมีชีวิตที่ดีและมีความสุขอย่างแน่นอน ในตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าพ่อของมนุษย์ดาวอังคารกำลังจะส่งเขาไปเรียนต่อที่ลอนดอน และวันที่ต่างคนต่างออกเดินทางเขาก็ผ่านแถวบ้านเธอด้วย ขณะนั่งรถสวนกันเธอกับเขาพลาดโอกาสสุดท้ายที่จะได้ร่ำลาเพราะต่างฝ่ายต่างมองไม่เห็นกัน เธอรู้เพียงว่าตนต้องทิ้งหัวใจที่แตกสลายเอาไว้เบื้องหลังเพื่อจะได้เดินหน้าต่อไปอย่างมีความสุขและสดใสร่าเริง เมื่อคริสต์มาสปี 2006 มาถึงและเมื่อเธอได้พบมนุษย์ดาวอังคารใส่เฝือกที่ขาอีกครั้ง เขาจะได้เห็นผู้หญิงที่มองโลกในแง่ดีและใจกว้างอย่างเธอ
และนั่นก็คือความทรงจำที่สวยงามในวัยเด็ก อันเป็นจุดเริ่มต้นความรักความผูกพันระหว่าง "ชีเหว่ยอี้" กับ "จ้าวเซินเซิน" ส่วนเรื่องราวจะลงเอยอย่างไรติดตามชมได้ใน "ปาฏิหาริย์รักจากดวงดาว (Silence)" ทางช่อง 3 แฟมิลี่
* เนื้อหาโดย luvasianseries / อ่านเรื่องย่อจากช่อง 3 ได้ ที่นี่
รายชื่อนักแสดง
นักแสดงนำ
รับบท ชีเหว่ยอี้
(นักแสดง / นักร้อง ชาวไต้หวัน)
รับบท จ้าวเซินเซิน
(นักแสดง ชาวเกาหลีใต้)
สวี่จื้ออัน (แอนดี้ ฮุย)
รับบท จั่วจวิน
(นักแสดง / นักร้อง ชาวฮ่องกง)
ล่ายหย่าเหยียน (เมแกน ล่าย)
รับบท หมี่เสี่ยวกวง
(นักแสดง / นักร้อง / นางแบบ ชาวไต้หวัน)
ล่ายหย่าเหยียน (เมแกน ล่าย)
รับบท หมี่เสี่ยวกวง
(นักแสดง / นักร้อง / นางแบบ ชาวไต้หวัน)
รับบท หวงจื้อเย่
(นักแสดง / นักร้อง ชาวไต้หวัน)
เฝิงชุ่ยฟาน
รับบท พ่อจั่ว
(นักแสดง / นักเขียนบท / ผู้กำกับ ชาวฮ่องกง)
จิ้นตง
รับบท หูฮั่นซิน
(นักแสดง ชาวจีน)
ซูหย่งคัง
รับบท หมอซู
(นักแสดง / นักร้อง ชาวฮ่องกง)
หลินเหม่ยซิ่ว
รับบท หวงจื้อหลิง
(นักแสดง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวไต้หวัน)
เฉินเพ่ยฉี
รับบท สวีลี่
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)
หลิวรุ่ยฉี
รับบท ว่านเหม่ยหรู
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)
หลิวซ่างเชียน
รับบท ชีเจิ้นหยาง
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา