กำกับ: เคอเจิ้งหมิง
เขียนบท: เหราจวิ้น, เจียงไหล, เฉินอีนั่ว
แนวละคร: โรแมนติก, ดราม่า
จำนวนตอน: 53 (ทีวี), 56 (ดีวีดี)
ออกอากาศ: จีน - 11 กันยายน 2560 ทางหูหนานทีวี
ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 22.10-23.00 น. ทาง MCOT HD (หมายเลข 30) ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2561- 23 กุมภาพันธ์ 2562
เขียนบท: เหราจวิ้น, เจียงไหล, เฉินอีนั่ว
แนวละคร: โรแมนติก, ดราม่า
จำนวนตอน: 53 (ทีวี), 56 (ดีวีดี)
ออกอากาศ: จีน - 11 กันยายน 2560 ทางหูหนานทีวี
ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 22.10-23.00 น. ทาง MCOT HD (หมายเลข 30) ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2561- 23 กุมภาพันธ์ 2562
เรื่องย่อ
ละคร "หนุ่มหน้าใส หัวใจนักปรุง" (Delicious Destiny) นำเสนอเรื่องราวความรักระหว่าง "หลี่อวี่เจ๋อ" เชฟอาหารตะวันตกชื่อดังที่จบหลักสูตรการทำอาหารจากสถาบัน "เลอ กอร์ดอง เบลอ" ประเทศฝรั่งเศส กับ "ซ่งเจียหมิง" หนึ่งในทีมผลิตรายการอาหารทางทีวีที่มีประสาทรับรสดีเยี่ยม
เนื้อหาตอนที่ 1
เช้าตรู่วันหนึ่ง ณ เมืองเซี่ยงไฮ้... "ซ่งเจียหมิง" เผลองีบหลับและฝันถึงเหตุการณ์ตอนที่แม่ทิ้งเธอไป "เสี่ยวลี่" (ลูกสาว "หลูเผิงเฟย") ได้ยินเจียหมิงละเมอเรียกแม่ก่อนสะดุ้งตื่นจึงถามว่าฝันถึงแม่อีกแล้วหรือ เจียหมิงกลัวพ่อได้ยินเลยรีบจุ๊ปาก จากนั้นก็ไปช่วย "ซ่งเต๋อจง" ผู้เป็นพ่อ ดูแลและรับออเดอร์ลูกค้าอย่างกุลีกุจอ (พ่อของเธอเปิดร้านขายอาหารจีนประเภท ก๋วยเตี๋ยว ติ่มซำ ฯลฯ โดยมีเผิงเฟยเป็นผู้ช่วย) ทันใดนั้น "ไป๋หยาง" เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องของเธอก็โทรฯ มาตามด้วยน้ำเสียงร้อนรน โดยบอกว่านักแสดงที่ชื่อ "ลู่ซี" ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการยืนกรานว่าจะไม่ชิมอาหารประเภทหม้อไฟตามคลิปที่เจียหมิงสาธิตให้ดู (ลู่ซีอ้างว่าอาหารดังกล่าวมีเกลือเยอะ หากทานเข้าไปจะทำให้ใบหน้าเธอบวม) แต่เจียหมิงมั่นใจว่าตนเอาอยู่จึงบอกให้ไป๋หยางใจเย็นๆ
ขณะที่เจียหมิงกำลังจะออกไปทำงาน อยู่ๆ ก็มีคนขับรถเฉี่ยวชนรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของเธอที่จอดอยู่หน้าร้านจนกระจกมองหลังหักกระเด็นต่อหน้าต่อตา เจียหมิงโกรธมากที่คนขับรถคันดังกล่าวชนแล้วหนีจึงรีบซิ่งรถตามไปพลางตะโกนบอกคู่กรณีให้หยุดรถ แต่รถคันดังกล่าวดันเลี้ยวขวากระทันหันบนถนนแคบๆ เธอเลี้ยวตามไม่ทันเพราะมีรถวิ่งสวนทางมา มิหนำซ้ำตรงหน้ายังมีรถขนของจอดขวางอยู่ เธอเลยขับรถพุ่งชนลังที่ถูกนำมาวางกองบนถนน แถมลวดเย็บลังยังเกี่ยวเสื้อเธอขาดอีกด้วย หลังไล่ตามไม่ทันเธอเลยได้แต่จำทะเบียนรถ "8848" ของคู่กรณีเอาไว้
เมื่อลู่ซียืนกรานว่าจะไม่ถ่ายหากทีมงานบีบให้เธอชิมอาหาร "จ้าวหาน" จึงขอให้ลู่ซีรับผิดชอบบทบาทการเป็นผู้ดำเนินรายการ โดยบอกอย่างใจเย็นว่าพวกตนร่วมงานกันมาระยะหนึ่งแล้ว ตนจึงไม่อยากเปลี่ยนตัวผู้ดำเนินรายการกลางคัน ลู่ซีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจ เธอแย้งว่าตนอุตส่าห์ให้เกียรติมาร่วมงานกับรายการเรตติ้งต่ำของจ้าวหาน แต่ถ้าจ้าวหานไม่อยากได้รับเกียรตินี้ก็อย่ามาง้อตนในภายหลัง ลู่ซีกำลังจะกลับแต่เจียหมิงมาถึงพร้อมกาแฟดำพอดี เจียหมิงบอกลู่ซีว่ากาแฟดำช่วยขับพิษและลดอาการบวมน้ำบนใบหน้าได้ (จึงชิมอาหารที่มีเกลือได้โดยไม่ต้องกลัวหน้าบวม) ดังนั้น ไม่ว่าถ่ายมุมไหนลู่ซีก็จะสวยเสมอ เจียหมิงแกล้งอวยว่าลู่ซีกำลังเป็นที่กล่าวถึงในโลกโซเชียล จากนั้นก็นำโพสต์และคอมเมนต์ที่ตนเมคขึ้น (พร้อมปั่นยอดวิว) มาหลอกลู่ซีว่าแฟนๆ ชื่นชอบบทบาทการเป็นนักชิมอาหารของเธอ ลู่ซีเห็นดังนั้นจึงยอมทำตามสคริปต์แต่โดยดี จ้าวหานเห็นเสื้อเจียหมิงมีรอยขาดจึงนำเสื้อนอกมาคลุมให้และกล่าวชมวิธีแก้ปัญหาของเธอ
ในเวลาเดียวกันนั้น "หลี่อวี่เจ๋อ" (หรือ "เชฟหลี่") หัวหน้าเชฟและเจ้าของภัตตาคารอาหารตะวันตกสุดหรูที่มีชื่อว่า "อ้ายหลู" (Alain) ซึ่งถูกพนักงานเรียกลับหลังว่า "ปีศาจน้ำแข็ง" เพิ่งเดินทางมาถึงที่ร้าน ทันทีที่มาถึงเขาก็ตรงไปยังห้องครัวเพื่อทดสอบฝีมือปรุงอาหารของเหล่าเชฟ ก่อนลองชิมฝีมือของแต่ละคน จากนั้นก็ติชมและให้คำแนะนำ ครั้นพบว่าวัตถุดิบที่จะนำมาประกอบอาหารไม่ได้มาตรฐานตามที่ต้องการ เขาจึงสั่งให้ "อาชง" เปลี่ยนไปซื้อเจ้าใหม่ที่คุณภาพดีกว่าโดยไม่เกี่ยงเรื่องราคา
"หลี่เจี้ยนกั๋ว" (หรือ "ประธานหลี่" พ่อของอวี่เจ๋อ) เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ เพิ่งมาถึงที่ทำงานได้ไม่ทันไรก็ถูกเหล่าผู้ถือหุ้นรุมถามถึงข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดว่าโครงการก่อสร้างของบริษัทมีปัญหาเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย ประธานหลี่ปฏิเสธและพยายามอธิบายแต่ "เยี่ยอี่หลาน" อาสารับมือผู้ถือหุ้นและลบข่าวลือที่ปรากฏบนสื่อต่างๆ เอง หลังเคลียร์ข่าวลือเรียบร้อยแล้ว ประธานหลี่ก็กล่าวชมอี่หลานที่จัดการปัญหาต่างๆ ได้อย่างสุขุมและรวดเร็ว แต่เขาอดเสียดายไม่ได้ที่ลูกชายหลงใหลการทำอาหารมากกว่าการสืบทอดธุรกิจของครอบครัว ทันใดนั้นก็มีคนโทรฯ มารายงานอี่หลานว่าเกิดปัญหาขึ้นที่ไซต์งาน อี่หลานจึงโทรฯ บอกอวี่เจ๋อ หลังวางสายอวี่เจ๋อก็บอกให้อาชงนำเงินสดทั้งหมดในร้านมาให้ตน
ไป๋หยางแจ้งเจียหมิงว่าบริษัทจะให้รถตู้นำเทปทั้งหมดไปส่งที่สถานี เพื่อจะได้ตัดต่อเสร็จทันออกอากาศคืนนี้ และย้ำว่าเธอต้องไปให้ทัน เจียหมิงบอกให้ไป๋หยางวางใจเพราะตนนำส่งเทปบ่อยและยังมีเวลาเหลืออีกตั้งครึ่งชัวโมง (เธอกำลังอยู่บนท้องถนนที่รถติดหนักมาก) ครั้นเหลือบเห็นรถหมายเลขทะเบียน "8848" ของคู่กรณีอยู่ทางด้านหน้า เธอจึงรีบวางสายก่อนขี่สกู๊ตเตอร์ลัดเลาะไปจอดขวางหน้ารถคันดังกล่าวทันที ปรากฏว่าคู่กรณีของเธอคืออวี่เจ๋อ เขาไม่รู้ว่าตนทำรถสกู๊ตเตอร์ของเจียหมิงเสียหายตอนไหนจึงสงสัยว่าเธอเป็นพวกสิบแปดมงกุฏที่มารีดไถเงิน ถึงกระนั้นเขาก็ควักเงินให้เธอจำนวนหนึ่งหมายสิ้นเรื่องสิ้นราว แต่เจียหมิงอยากได้ยินคำขอโทษจากปากเขาก่อนจึงไม่ยอมรับเงิน
ไป๋หยางแจ้งเจียหมิงว่าบริษัทจะให้รถตู้นำเทปทั้งหมดไปส่งที่สถานี เพื่อจะได้ตัดต่อเสร็จทันออกอากาศคืนนี้ และย้ำว่าเธอต้องไปให้ทัน เจียหมิงบอกให้ไป๋หยางวางใจเพราะตนนำส่งเทปบ่อยและยังมีเวลาเหลืออีกตั้งครึ่งชัวโมง (เธอกำลังอยู่บนท้องถนนที่รถติดหนักมาก) ครั้นเหลือบเห็นรถหมายเลขทะเบียน "8848" ของคู่กรณีอยู่ทางด้านหน้า เธอจึงรีบวางสายก่อนขี่สกู๊ตเตอร์ลัดเลาะไปจอดขวางหน้ารถคันดังกล่าวทันที ปรากฏว่าคู่กรณีของเธอคืออวี่เจ๋อ เขาไม่รู้ว่าตนทำรถสกู๊ตเตอร์ของเจียหมิงเสียหายตอนไหนจึงสงสัยว่าเธอเป็นพวกสิบแปดมงกุฏที่มารีดไถเงิน ถึงกระนั้นเขาก็ควักเงินให้เธอจำนวนหนึ่งหมายสิ้นเรื่องสิ้นราว แต่เจียหมิงอยากได้ยินคำขอโทษจากปากเขาก่อนจึงไม่ยอมรับเงิน
อวี่เจ๋อตัดบทด้วยการบอกว่าตนมีธุระสำคัญต้องรีบไปจัดการและจะเดินกลับไปขึ้นรถ แต่เจียหมิงขวางไว้เพราะยังเคลียร์กันไม่จบ อวี่เจ๋อจึงเหน็บว่าเป็นสิบแปดมงกุฏที่ถูกคนตราหน้าว่าขยะสังคมยังไม่พอ ดันมาขวางทางคนอื่นเหมือนหมาข้างถนนอีก เจียหมิงโกรธมากที่เขาเปรียบเธอเหมือนหมา จึงประณามว่าเขาไม่มีเหตุผล อวี่เจ๋อย้ำว่าตนมีเรื่องเร่งด่วนจึงไม่มีเวลาต่อปากต่อคำกับเธอจริงๆ และขอให้เธอหลีกทาง ครั้นเห็นเขาบังอาจแตะต้องน้อง "เหมาเหมา" (อวี่เจ๋อจะเข็นรถสกู๊ตเตอร์ของเธอให้พ้นทาง) เจียหมิงจึง 'กัด' แขนเขาด้วยความโกรธ ก่อนขี่สกู๊ตเตอร์หนีไปโดยไม่รับเงินค่าเสียหาย ครั้นเห็นว่ารถติดหนักโดยไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อน อวี่เจ๋อจึงตัดสินใจทิ้งรถแล้วคว้าถุงกระดาษใส่เงินวิ่งไปตามถนน เจียหมิงเห็นอวี่เจ๋อวิ่งแซงหน้าเธอไปถึงได้รู้ว่าเขากำลังรีบจริงๆ เธอเห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่อาจทนนิ่งดูดายจึงอาสาพาเขาไปส่งที่ไซต์งานก่อสร้าง
ปรากฏว่า "เสี่ยวจ้าว" ช่างสำรวจประจำไซต์งาน ซึ่งถูกประธานหลี่ไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรมมาหมาดๆ ขู่ว่าจะกระโดดตึกหากประธานหลี่ไม่ยอมมาพบตนที่นี่ ครั้นประธานหลี่เดินทางมาถึงเขากลับยิ่งโกรธแค้นจึงลากประธานหลี่ขึ้นไปเป็นตัวประกันบนตึกที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และขอให้ประธานหลี่ชี้แจงเหตุผลที่ไล่ตนออก (หัวหน้าเสี่ยวจ้าวทำงานผิดพลาด แต่เสี่ยวจ้าวกลับถูกประธานหลี่ไล่ออกด้วย) อี่หลานไม่กล้าแจ้งตำรวจเพราะกลัวเสี่ยวจ้าวคลั่งหนักกว่าเดิม เธอเลยคิดว่าถ้าเขาได้รับเงินชดเชยการเลิกจ้างสถานการณ์อาจดีขึ้น (และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เธอโทรฯ หาอวี่เจ๋อ) ครั้นได้ยินอี่หลานเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้อวี่เจ๋อฟัง เจียหมิงจึงเดาว่าประธานหลี่คิดเลิกจ้างพนักงานโดยไม่จ่ายค่าชดเชยจึงหาเรื่องไล่ออก และเหน็บว่าถ้าอุทิศตนให้บริษัทแล้วโดนไล่ออกแบบไร้เหตุผลเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็สติแตกทั้งนั้น
อี่หลานสงสัยว่าเจียหมิงเป็นใครถึงได้บังอาจวิพากษ์วิจารณ์บริษัทของตน เจียหมิงประกาศว่าตนชื่อ "ซ่งเจียหมิง" อวี่เจ๋อตัดบทว่าสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการทำให้เสี่ยวจ้าวอารมณ์เย็นลง เขายังบอกอี่หลานด้วยว่าตนนำเงินมาแล้ว หากพ่อไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยให้เสี่ยวจ้าว ตนจะจ่ายแทนเอง เมื่ออวี่เจ๋อกับอี่หลานขึ้นไปบนตึกก็พบว่าเสี่ยวจ้าวยังคงคลุ้มคลั่งและไม่ไว้ใจใครเลย (เสี่ยวจ้าวต้องการให้ผู้หญิงเป็นคนส่งมอบเงินชดเชย) เขาใช้แขนข้างหนึ่งล็อคคอประธานหลี่เอาไว้ ส่วนอีกข้างถือมีดข่มขู่ แถมทั้งคู่ยังยืนหมิ่นเหม่ริมขอบอาคารซึ่งยังไม่ได้ก่อผนังอีกต่างหาก เขาตะโกนห้ามไม่ใครเข้ามาใกล้ ก่อนตัดพ้อว่าตนทุ่มเทแรงกายให้ไซต์งานแห่งนี้มานานหลายเดือนโดยไม่เคยหยุดพักแต่ประธานหลี่กลับไล่ตนออก เขาจึงขอให้ประธานหลี่ชี้แจงว่าตนทำอะไรผิด
อวี่เจ๋อบอกให้เสี่ยวจ้าวใจเย็นๆ จากนั้นก็ชูถุงเงินให้ดูและพยายามเดินเข้าไปหา เสี่ยวจ้าวรู้สึกหวาดระแวงจึงร้องห้ามว่าอย่าเข้ามา ซ้ำยังเตะอุปกรณ์ก่อสร้างวางที่อยู่ตรงหน้าหมายขู่ให้ทุกคนถอยไป และนั่นก็ทำให้อี่หลานโดนบางอย่างบาดข้อเท้าจนเป็นแผล เจียหมิงเห็นดังนั้นจึงเข้ามาช่วยเจรจา เธอได้ยินเสี่ยวจ้าวพูดสำเนียงหนิงโปจึงบอกว่าพวกตนเป็นคนบ้านเดียวกัน จากนั้นก็หยิบถุงใส่เงินขึ้นมา อวี่เจ๋อเห็นว่าสถานการณ์ค่อนข้างสุ่มเสี่ยงจึงแย้งว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจียหมิง เจียหมิงแย้งกลับว่าเธอชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และชี้ว่าเสี่ยวจ้าวต้องการให้ผู้หญิงเป็นคนส่งมอบเงิน ที่นี่มีผู้หญิงแค่สองคน ในเมื่อคนหนึ่งบาดเจ็บ นอกจากเธอแล้วยังมีใครให้เลือกอีก
เสี่ยวจ้าวเริ่มรู้สึกอ่อนล้าและเครียดหนักขึ้นจึงเร่งให้รีบส่งเงินมามิเช่นนั้นจะกระโดดตึกพร้อมประธานหลี่ อวี่เจ๋อไม่มีทางเลือกจึงยอมให้เจียหมิงถือถุงเดินเข้าไปหาเสี่ยวจ้าว ครั้นเสี่ยวจ้าวยื่นมือข้างที่ถือมีดมารับถุงเงิน เจียหมิงกลับรั้งถุงเงินเอาไว้พลางพูดเกลี้ยกล่อมให้เขาขยับเข้ามาทางด้านใน โดยบอกว่าจะพาไปกินบัวลอยหนิงโป (บัวลอยไส้งาดำผสมน้ำมันหมู - หนึ่งในอาหารขึ้นชื่อของหนิงโป) ประธานหลี่เห็นเสี่ยวจ้าวเริ่มสงบลงหลังเจียหมิงพูดเกลี้ยกล่อมจึงฉวยโอกาสสะบัดตัวหนี เจียหมิงรีบผลักเสี่ยวจ้าวเข้าไปทางด้านในจนตัวเองเกือบหงายหลังตกตึก โชคดีที่อวี่เจ๋อวิ่งมาคว้าแขนเธอเอาไว้ได้ทัน หลังสถานการณ์คลี่คลายประธานหลี่บอกให้อี่หลานแจ้ง (โกหก) สื่อต่างๆ ว่าเหตุการณ์ในวันนี้ไม่เกี่ยวกับบริษัทแต่เป็นปัญหาส่วนตัวของเสี่ยวจ้าว จากนั้นก็ขอตัวไปกำชับฝ่ายโครงการ (ให้พูดแบบเดียวกัน) เจียหมิงได้ยินดังนั้นจึงแอบเหน็บประธานหลี่ อวี่เจ๋อ และอี่หลานว่าเป็นพวกนักธุรกิจใจยักษ์ใจมาร
อวี่เจ๋อประคองอี่หลานไปส่งที่รถตู้ โดยบอกว่าจะขับรถเธอกลับไปก่อน แล้วค่อยไปรับเธอที่โรงพยาบาล หลังส่งอี่หลานแล้วเขาก็เดินไปขวางหน้ารถสกู๊ตเตอร์ของเจียหมิง เจียหมิงจึงเอาคืนด้วยคำพูดที่เขาเหน็บแนมเธอก่อนหน้านี้ (เป็นสิบแปดมงกุฏที่ถูกตราหน้าว่าขยะสังคมยังไม่พอ ดันมาขวางทางคนอื่นเหมือนหมาข้างถนนอีก) อวี่เจ๋อชี้ว่าตนก็แค่อยากขอบคุณ เจียหมิงอ้างคำสอนของพ่อโดยบอกว่า... ทุกครั้งที่ช่วยเหลือผู้อื่นก็จะมีมิตรเพิ่ม แต่ไม่วายเหน็บว่าเรื่องแบบนี้คนใจจืดใจดำอย่างอวี่เจ๋อไม่มีวันเข้าใจ ครั้นไป๋หยางโทรฯ มาเร่งให้รีบส่งเทปก่อนที่รถตู้ส่งของจะออกไปเสียก่อน เจียหมิงจึงขอเวลาอีก 10 นาที ปรากฏว่าสกูตเตอร์เจ้ากรรมดันสตาร์ทไม่ติด อวี่เจ๋อเห็นว่าเจียหมิงมีธุระด่วนจึงอาสาพาไปส่ง
ในเวลาเดียวกันนั้น จ้าวหานกำลังนั่งดูคลิปเหตุการณ์ที่ไซต์งานในวันนี้ (ซึ่งรวมถึงตอนที่ประธานหลี่บอกให้อี่หลานโบ้ยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาส่วนตัวของเสี่ยวจ้าว) จากนั้นก็กดปุ่มส่งคลิปพร้อมข้อความ "กลุ่มบริษัทสกุลหลี่หน้าเลือด!" หลังส่งข้อความเขามีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยมั่นใจนัก แต่หลังจากเห็นรูปครอบครัวภาพความทรงจำที่แสนเจ็บปวดในวัยเด็กก็ผุดขึ้นมา (พ่อผู้ล่วงลับของเขากับประธานหลี่เคยเป็นเพื่อนรักกัน) เขาเคียดแค้นประธานหลี่ที่หักหลังพ่อของตน เลยหมายมั่นว่าจะทำทุกวิถีทางให้ประธานหลี่ชดใช้ทุกความเจ็บปวดที่ครอบครัวตนได้รับ และจะทวงคืนทุกสิ่งที่ประธานหลี่แย่งชิงไปจากครอบครัวตน
ในที่สุด อวี่เจ๋อก็พาเจียหมิงไปส่งเทปรายการให้รถตู้ทัน แต่เนื่องจากเขาพาเธอลัดเลาะไปตามถนนแคบๆ และขับฝ่าลังสิ่งของจึงทำให้สีรถหรูถลอกเป็นแนวยาว เจียหมิงกัดฟันพูดว่าจะจ่ายค่าซ่อมสีให้ แต่อวี่เจ๋อกลัวเธอหมดตัวเลยบอกว่าไม่จำเป็น
ผอ.โจวเรียกเจียหมิงกับจ้าวหานไปพบเพื่อแจ้งว่ารายการ "เหม่ยเว่ยอีเค่อ" (แปลตรงๆ ได้ว่า "ช่วงเวลาที่แสนอร่อย" และยังเป็นชื่อเรื่องด้วย) ที่ทั้งคู่รับผิดชอบจะออกอากาศคืนนี้เป็นตอนสุดท้าย โดยให้เหตุผลว่าเรตติ้งคนดูตกต่ำอย่างต่อเนื่อง จ้าวหานแย้งว่าความจริงแล้วรายการของพวกตนมีชื่อเสียงในทางที่ดีเพียงแต่มีงบจำกัดเลยไม่สามารถเชิญคนดังมาร่วมรายการได้ ผอ.โจวชี้ว่าเพราะไม่มีคนดังเลยไม่มีอะไรเป็นกระแสให้คนดูวิพากษ์วิจารณ์เพราะอย่างนี้เรตติ้งถึงต่ำ บริษัทไม่สนว่าชื่อเสียงของรายการเป็นอย่างไรแต่จะประเมินจากเรตติ้งคนดูหรือตัวเลขเท่านั้น เขาเสนอให้จ้าวหานทำรายการใหม่ ส่วนเจียหมิงต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้าน เพราะเธอเป็นเพียงพนักงานสัญญาจ้าง (ถูกจ้างให้มาทำรายการดังกล่าว) เมื่อรายการถูกยกเลิกสัญญาว่าจ้างจึงเป็นอันสิ้นสุด
จ้าวหานไม่เห็นด้วยกับการฉีกสัญญาว่าจ้างเจียหมิง เขาพยายามปกป้องเธอโดยชี้ว่าเธอเป็นคนคิดรูปแบบรายการ "เหม่ยเว่ยอีเค่อ" มาตั้งแต่ต้น ถึงเรตติ้งจะต่ำแต่อย่างน้อยเธอก็ได้สร้างสรรค์รายการรูปแบบใหม่ ครั้นเห็นรายงานข่าวที่ระบุว่ามีเชฟชาวจีนชื่อ "หลี่อวี่เจ๋อ" คว้ารางวัลเหรียญทองในการแข่งขันสุดยอดเชฟอาหารตะวันตกทางทีวี (อวี่เจ๋อเป็นเชฟชาวจีนคนแรกที่คว้าเหรียญทองดังกล่าว) เจียหมิงจึงเสนอให้เชิญเชฟหลี่อวี่เจ๋อมาออกรายการโดยรับรองว่าเรตติ้งต้องพุ่งแน่ ผอ.โจวเห็นว่าเชฟหลี่กำลังดังเลยให้โอกาสเจียหมิงอีกครั้ง โดยบอกว่าถ้าเจียหมิงเชิญเชฟหลี่มาออกรายการได้สำเร็จ ตนจะยอมให้เจียหมิงทำรายการต่อ จ้าวหานแนะให้เจียหมิงเชิญคนอื่นเพราะรู้ดีว่าอวี่เจ๋อไม่มีทางมาแน่ แต่เจียหมิงไม่ยอมแพ้และหมายมั่นว่าจะต้องเชิญเชฟหลี่มาร่วมรายการให้ได้
หลังจากนั้นเจียหมิงก็ประชุมกับทีมงาน ไป๋หยางให้ข้อมูลว่าหลี่อวี่เจ๋อเข้าถึงยากมากเพราะภัตตาคารของเขาฮอตสุดๆ ในตอนนี้ ร้านของเขาจะเสิร์ฟแต่อาหารรสเลิศ เลือกใช้วัตถุดิบชั้นดี และรับลูกค้าจำนวนจำกัดทุกวัน ถึงกระนั้นเจียหมิงก็ยังมองในแง่ดีเพราะนั่นหมายความว่ายังไม่เคยมีใครเชิญเขาไปออกรายการได้ เธอขอให้ทุกคนช่วยกันหาข้อมูลของอวี่เจ๋อมาให้ตนมากที่สุดไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม หลังจบการประชุมเจียหมิงได้รับแจ้งว่ามีป้าคนหนึ่งมารอเธอทางด้านล่างนานแล้ว พอรู้ว่าป้าคนดังกล่าวมาหาหลังได้ดูรายการของเธอ เจียหมิงจึงรีบวิ่งลงไปยังชั้นล่างเพราะนึกว่าแม่มาหา แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าคนที่มาหาเป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอบอกเจียหมิงว่าก่อนหน้านี้ร้านของตนเกือบไปไม่รอด ครั้นได้ออกรายการของเจียหมิงแล้วกิจการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงตั้งใจนำบัวลอยหนิงโปที่ปั้นเองกับมือมาฝากเจียหมิงเพื่อเป็นการขอบคุณ
เจียหมิงเห็นข่าวไซต์งานก่อสร้างสกุลหลี่ทางทีวี (นักข่าวรายงานว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่ไซต์งาน โดยผู้บาดเจ็บถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง) เลยนึกขึ้นได้ว่าเธอรับปากเสี่ยวจ้าวว่าจะเลี้ยงบัวลอยหนิงโป เธอจึงนำบัวลอยที่เพิ่งได้มาไปเยี่ยมเสี่ยวจ้าวที่โรงพยาบาล พอไปถึงก็พบว่าอวี่เจ๋อนำเงินสดเต็มถุง (เงินชดเชยการเลิกจ้าง) พร้อมเช็คอีกหนึ่งใบมามอบให้เสี่ยวจ้าว จากนั้นก็บอกให้เสี่ยวจ้าวลงนามในสัญญา และเตือนว่าอย่าก่อเรื่องอีกเพราะตนต้องการให้เรื่องนี้จบแบบเงียบๆ เสี่ยวจ้าวจะเซ็นชื่อแต่เจียหมิงเข้ามาขวางและห้ามเอาไว้ ก่อนชี้ว่าเสี่ยวจ้าวโดนไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรม บริษัทจึงเอาเงินก้อนโตมาฟาดหัวเพื่อปิดปากเขา
อวี่เจ๋อยืนยันคำเดิมว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจียหมิง เจียหมิงแย้งกลับว่าตนเห็นเขาหักหาญน้ำใจคนอื่นเพราะถือว่าตัวเองร่ำรวยแล้วอดรนทนไม่ได้ อวี่เจ๋อตัดบทด้วยการบอกให้เสี่ยวจ้าวเซ็นชื่อ เพื่อที่เรื่องนี้จะได้เข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้องเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ครั้นเห็นเสี่ยวจ้าวยอมเซ็นชื่อแต่โดยดี เจียหมิงก็รู้สึกโกรธและผิดหวัง เสี่ยวจ้าวจะอธิบายแต่เจียหมิงแย้งว่าเธอเห็นทุกอย่างแจ่มแจ้งแล้ว พูดจบเธอก็เดินออกจากห้องพร้อมบัวลอยหนิงโปที่สู้อุตส่าห์ตั้งใจนำมาฝาก อวี่เจ๋อรีบตามออกไปและเตือนว่าบางครั้งสิ่งที่เธอเห็นเองกับตาอาจเป็นความจริงเพียงด้านเดียว พูดจบเขาก็ยื่นนามบัตรให้เจียหมิงพลางบอกว่าถ้าสกู๊ตเตอร์ของเธอซ่อมเสร็จแล้วให้มารับค่าซ่อมที่ตน เจียหมิงฉีกนามบัตรทันควันเพราะไม่ต้องการข้องแวะกับเขาอีก ก่อนทิ้งท้ายว่าในโลกนี้ใช่ว่าเงินจะแก้ปัญหาได้ทุกสิ่ง
คืนนั้นอวี่เจ๋อเลี้ยงปลอบขวัญอี่หลานโดยมีจ้าวหานมาร่วมสังสรรค์ด้วย ทั้งสามคนเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เด็ก แต่ภายหลังครอบครัวอี่หลานย้ายไปตั้งรกรากที่อเมริกาและเพิ่งย้ายกลับประเทศจีนได้ไม่นาน ส่วนอวี่เจ๋อเพิ่งกลับจากฝรั่งเศส มีเพียงจ้าวหานที่ปักหลังอยู่โยงในเซี่ยงไฮ้โดยไม่ได้ไปไหน ครั้นสบโอกาสจ้าวหานก็เลียบๆ เคียงๆ ถามอวี่เจ๋อว่าสนใจไปออกรายการอาหารของบริษัทตนไหม อวี่เจ๋อปฏิเสธโดยบอกว่าตนไม่เคยคิดออกสื่อ อี่หลานได้ยินดังนั้นจึงขอร้องสองหนุ่มว่าอย่าพูดเรื่องงาน เมื่ออี่หลานขอตัวไปห้องน้ำ สองหนุ่มต่างรีบลุกขึ้นและยื่นมือให้อี่หลานจับเพราะเห็นว่าขาเธอบาดเจ็บ แต่อี่หลานจับมืออวี่เจ๋อโดยไม่สนใจจ้าวหาน จ้าวหานถึงกับหน้าจ๋อยและได้แต่มองดูอวี่เจ๋อเดินไปส่งอี่หลานที่ห้องน้ำ (อี่หลานสนใจแต่อวี่เจ๋อทำให้จ้าวหานรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน) เขาเก็บความเคียดแค้นเอาไว้ในใจและหมายมั่นว่าสักวันจะทวงทุกสิ่งที่เป็นของตนกลับคืน จ้าวหานขอตัวกลับก่อนโดยบอกอวี่เจ๋อ (ซึ่งกำลังยืนรออี่หลานหน้าห้องน้ำ) ว่าตนต้องไปเยี่ยมแม่ จากนั้นก็ฝากรองเท้าส้นแบนและความห่วงใยให้อี่หลาน (เขาไม่ต้องการให้อี่หลานรู้ว่าตนเป็นคนซื้อรองเท้ามาฝาก) ขณะเดินออกจากร้านเขาเห็นอี่หลานมีความสุขเมื่ออวี่เจ๋อมอบและสวมรองเท้าคู่ใหม่ให้ จึงได้แต่ยืนมองด้วยหัวใจที่บอบช้ำ
เมื่อเจียหมิงกลับถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเธอกำลังหาคู่ให้ แต่เจียหมิงไม่สนใจและอยากหาคู่ให้พ่อมากกว่า ซึ่งพ่อของเธอก็ปฏิเสธเช่นกัน เธอเห็นพ่ออารมณ์ดีเลยคิดที่จะถามถึงแม่ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพ่อก็ตัดบททันควันและห้ามไม่ให้เธอพูดถึงแม่เหมือนเช่นเคย หลังโดนพ่อไล่ไปนอนเจียหมิงซึ่งยังคงโหยหาและเฝ้ารอแม่จึงได้แต่นั่งมองสมุดวาดภาพพลางนึกถึงช่วงเวลาที่เคยอยู่กับแม่อย่างมีความสุข (แม่ของเธอเขียนข้อความลงบนปกสมุดภาพว่าจะรักเธอตลอดไป) เธอเลยไม่เข้าใจและสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ แม่ถึงทิ้งเธอกับพ่อไป ถึงกระนั้นเธอก็ยังหวังว่าสักวันแม่จะมาหาหากเห็นเธอออกทีวี
วันรุ่งขึ้นจ้าวหานเห็นเจียหมิงกำลังมืดแปดด้านเลยบอกว่าความจริงแล้วตนรู้จักหลี่อวี่เจ๋อและลองชวนเขามาออกรายการแล้ว เจียหมิงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแป้น แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อรู้ว่าอวี่เจ๋อปฏิเสธ จ้าวหานเสนอให้ช่วยกันคิดหาวิธีใหม่ในการรักษารายการเอาไว้ แต่เจียหมิงยังไม่ยอมถอดใจเพราะเธออยากไปพบอวี่เจ๋อด้วยตัวเองก่อน จ้าวหานชื่นชมเจียหมิงที่มีความมุ่งมั่นแต่ไม่วายเตือนเธอว่าอย่าโลกสวยหรือมัวรอให้ถึงทางตัน เจียหมิงแย้งว่าถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ เธอมีคติประจำใจว่าเมื่อสวรรค์ปิดประตูก็มักจะเปิดหน้าต่างเอาไว้ให้เรา และในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
เมื่อเจียหมิงยืนกรานว่าจะไปพบและเชิญอวี่เจ๋อด้วยตนเอง จ้าวหานจึงมอบแฟ้มข้อมูลของอวี่เจ๋อให้เจียหมิง ครั้นเปิดแฟ้มแล้วเห็นรูปอวี่เจ๋อ เจียหมิงก็ถึงกับช็อค เธอนึกไม่ถึงว่าความอยู่รอดของรายการและหน้าที่การงานของเธอจะขึ้นอยู่กับหนุ่มหน้าตายที่เป็นเจ้าของรถทะเบียน "8848" แถมเธอยังสร้างวีรกรรมกับเขาไว้เยอะ ครั้นจ้าวหานยืนยันว่าผู้ชายในรูปคือหลี่อวี่เจ๋อ เจียหมิงก็แหงนหน้ามองเพดาน (สวรรค์) พลางถามกึ่งตัดพ้อว่าสิ่งที่สวรรค์เปิดให้ตนไม่ใช่หน้าต่างกันขโมยใช่ไหม
ถึงกระนั้นเจียหมิงก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอจึงบากหน้าไปหาอวี่เจ๋อที่ภัตตาคาร "อ้ายหลู" (Alain) โดยสั่งอาหารมาทานแล้วนั่งรออยู่ในร้านทั้งวัน อาชงเห็นดังนั้นจึงบอกเธอว่าถึงสั่งอาหารรอต่อไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีประโยชน์เพราะหัวหน้าเชฟไม่เคยให้สื่อเข้าพบหรือสัมภาษณ์ เจียหมิงจึงขอให้อาชงช่วยนำนามบัตรของเธอไปให้อวี่เจ๋อ ทั้งยังฝากขอโทษโดยบอกว่าเธอยินดีชดใช้ความผิดที่ได้ทำไป จะให้เป็นทาสก็ยอม ครั้นเห็นนามบัตรแล้วรู้ว่าคนที่พยายามเชิญตนไปออกรายการคือเจียหมิง อวี่เจ๋อจึงเปรยว่า หากเป็นเธอ...ตนก็ยิ่งไม่อยากเจอ
ปรากฏว่า "เสี่ยวจ้าว" ช่างสำรวจประจำไซต์งาน ซึ่งถูกประธานหลี่ไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรมมาหมาดๆ ขู่ว่าจะกระโดดตึกหากประธานหลี่ไม่ยอมมาพบตนที่นี่ ครั้นประธานหลี่เดินทางมาถึงเขากลับยิ่งโกรธแค้นจึงลากประธานหลี่ขึ้นไปเป็นตัวประกันบนตึกที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และขอให้ประธานหลี่ชี้แจงเหตุผลที่ไล่ตนออก (หัวหน้าเสี่ยวจ้าวทำงานผิดพลาด แต่เสี่ยวจ้าวกลับถูกประธานหลี่ไล่ออกด้วย) อี่หลานไม่กล้าแจ้งตำรวจเพราะกลัวเสี่ยวจ้าวคลั่งหนักกว่าเดิม เธอเลยคิดว่าถ้าเขาได้รับเงินชดเชยการเลิกจ้างสถานการณ์อาจดีขึ้น (และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เธอโทรฯ หาอวี่เจ๋อ) ครั้นได้ยินอี่หลานเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้อวี่เจ๋อฟัง เจียหมิงจึงเดาว่าประธานหลี่คิดเลิกจ้างพนักงานโดยไม่จ่ายค่าชดเชยจึงหาเรื่องไล่ออก และเหน็บว่าถ้าอุทิศตนให้บริษัทแล้วโดนไล่ออกแบบไร้เหตุผลเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็สติแตกทั้งนั้น
อี่หลานสงสัยว่าเจียหมิงเป็นใครถึงได้บังอาจวิพากษ์วิจารณ์บริษัทของตน เจียหมิงประกาศว่าตนชื่อ "ซ่งเจียหมิง" อวี่เจ๋อตัดบทว่าสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการทำให้เสี่ยวจ้าวอารมณ์เย็นลง เขายังบอกอี่หลานด้วยว่าตนนำเงินมาแล้ว หากพ่อไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยให้เสี่ยวจ้าว ตนจะจ่ายแทนเอง เมื่ออวี่เจ๋อกับอี่หลานขึ้นไปบนตึกก็พบว่าเสี่ยวจ้าวยังคงคลุ้มคลั่งและไม่ไว้ใจใครเลย (เสี่ยวจ้าวต้องการให้ผู้หญิงเป็นคนส่งมอบเงินชดเชย) เขาใช้แขนข้างหนึ่งล็อคคอประธานหลี่เอาไว้ ส่วนอีกข้างถือมีดข่มขู่ แถมทั้งคู่ยังยืนหมิ่นเหม่ริมขอบอาคารซึ่งยังไม่ได้ก่อผนังอีกต่างหาก เขาตะโกนห้ามไม่ใครเข้ามาใกล้ ก่อนตัดพ้อว่าตนทุ่มเทแรงกายให้ไซต์งานแห่งนี้มานานหลายเดือนโดยไม่เคยหยุดพักแต่ประธานหลี่กลับไล่ตนออก เขาจึงขอให้ประธานหลี่ชี้แจงว่าตนทำอะไรผิด
อวี่เจ๋อบอกให้เสี่ยวจ้าวใจเย็นๆ จากนั้นก็ชูถุงเงินให้ดูและพยายามเดินเข้าไปหา เสี่ยวจ้าวรู้สึกหวาดระแวงจึงร้องห้ามว่าอย่าเข้ามา ซ้ำยังเตะอุปกรณ์ก่อสร้างวางที่อยู่ตรงหน้าหมายขู่ให้ทุกคนถอยไป และนั่นก็ทำให้อี่หลานโดนบางอย่างบาดข้อเท้าจนเป็นแผล เจียหมิงเห็นดังนั้นจึงเข้ามาช่วยเจรจา เธอได้ยินเสี่ยวจ้าวพูดสำเนียงหนิงโปจึงบอกว่าพวกตนเป็นคนบ้านเดียวกัน จากนั้นก็หยิบถุงใส่เงินขึ้นมา อวี่เจ๋อเห็นว่าสถานการณ์ค่อนข้างสุ่มเสี่ยงจึงแย้งว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจียหมิง เจียหมิงแย้งกลับว่าเธอชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และชี้ว่าเสี่ยวจ้าวต้องการให้ผู้หญิงเป็นคนส่งมอบเงิน ที่นี่มีผู้หญิงแค่สองคน ในเมื่อคนหนึ่งบาดเจ็บ นอกจากเธอแล้วยังมีใครให้เลือกอีก
เสี่ยวจ้าวเริ่มรู้สึกอ่อนล้าและเครียดหนักขึ้นจึงเร่งให้รีบส่งเงินมามิเช่นนั้นจะกระโดดตึกพร้อมประธานหลี่ อวี่เจ๋อไม่มีทางเลือกจึงยอมให้เจียหมิงถือถุงเดินเข้าไปหาเสี่ยวจ้าว ครั้นเสี่ยวจ้าวยื่นมือข้างที่ถือมีดมารับถุงเงิน เจียหมิงกลับรั้งถุงเงินเอาไว้พลางพูดเกลี้ยกล่อมให้เขาขยับเข้ามาทางด้านใน โดยบอกว่าจะพาไปกินบัวลอยหนิงโป (บัวลอยไส้งาดำผสมน้ำมันหมู - หนึ่งในอาหารขึ้นชื่อของหนิงโป) ประธานหลี่เห็นเสี่ยวจ้าวเริ่มสงบลงหลังเจียหมิงพูดเกลี้ยกล่อมจึงฉวยโอกาสสะบัดตัวหนี เจียหมิงรีบผลักเสี่ยวจ้าวเข้าไปทางด้านในจนตัวเองเกือบหงายหลังตกตึก โชคดีที่อวี่เจ๋อวิ่งมาคว้าแขนเธอเอาไว้ได้ทัน หลังสถานการณ์คลี่คลายประธานหลี่บอกให้อี่หลานแจ้ง (โกหก) สื่อต่างๆ ว่าเหตุการณ์ในวันนี้ไม่เกี่ยวกับบริษัทแต่เป็นปัญหาส่วนตัวของเสี่ยวจ้าว จากนั้นก็ขอตัวไปกำชับฝ่ายโครงการ (ให้พูดแบบเดียวกัน) เจียหมิงได้ยินดังนั้นจึงแอบเหน็บประธานหลี่ อวี่เจ๋อ และอี่หลานว่าเป็นพวกนักธุรกิจใจยักษ์ใจมาร
อวี่เจ๋อประคองอี่หลานไปส่งที่รถตู้ โดยบอกว่าจะขับรถเธอกลับไปก่อน แล้วค่อยไปรับเธอที่โรงพยาบาล หลังส่งอี่หลานแล้วเขาก็เดินไปขวางหน้ารถสกู๊ตเตอร์ของเจียหมิง เจียหมิงจึงเอาคืนด้วยคำพูดที่เขาเหน็บแนมเธอก่อนหน้านี้ (เป็นสิบแปดมงกุฏที่ถูกตราหน้าว่าขยะสังคมยังไม่พอ ดันมาขวางทางคนอื่นเหมือนหมาข้างถนนอีก) อวี่เจ๋อชี้ว่าตนก็แค่อยากขอบคุณ เจียหมิงอ้างคำสอนของพ่อโดยบอกว่า... ทุกครั้งที่ช่วยเหลือผู้อื่นก็จะมีมิตรเพิ่ม แต่ไม่วายเหน็บว่าเรื่องแบบนี้คนใจจืดใจดำอย่างอวี่เจ๋อไม่มีวันเข้าใจ ครั้นไป๋หยางโทรฯ มาเร่งให้รีบส่งเทปก่อนที่รถตู้ส่งของจะออกไปเสียก่อน เจียหมิงจึงขอเวลาอีก 10 นาที ปรากฏว่าสกูตเตอร์เจ้ากรรมดันสตาร์ทไม่ติด อวี่เจ๋อเห็นว่าเจียหมิงมีธุระด่วนจึงอาสาพาไปส่ง
ในเวลาเดียวกันนั้น จ้าวหานกำลังนั่งดูคลิปเหตุการณ์ที่ไซต์งานในวันนี้ (ซึ่งรวมถึงตอนที่ประธานหลี่บอกให้อี่หลานโบ้ยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาส่วนตัวของเสี่ยวจ้าว) จากนั้นก็กดปุ่มส่งคลิปพร้อมข้อความ "กลุ่มบริษัทสกุลหลี่หน้าเลือด!" หลังส่งข้อความเขามีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยมั่นใจนัก แต่หลังจากเห็นรูปครอบครัวภาพความทรงจำที่แสนเจ็บปวดในวัยเด็กก็ผุดขึ้นมา (พ่อผู้ล่วงลับของเขากับประธานหลี่เคยเป็นเพื่อนรักกัน) เขาเคียดแค้นประธานหลี่ที่หักหลังพ่อของตน เลยหมายมั่นว่าจะทำทุกวิถีทางให้ประธานหลี่ชดใช้ทุกความเจ็บปวดที่ครอบครัวตนได้รับ และจะทวงคืนทุกสิ่งที่ประธานหลี่แย่งชิงไปจากครอบครัวตน
ในที่สุด อวี่เจ๋อก็พาเจียหมิงไปส่งเทปรายการให้รถตู้ทัน แต่เนื่องจากเขาพาเธอลัดเลาะไปตามถนนแคบๆ และขับฝ่าลังสิ่งของจึงทำให้สีรถหรูถลอกเป็นแนวยาว เจียหมิงกัดฟันพูดว่าจะจ่ายค่าซ่อมสีให้ แต่อวี่เจ๋อกลัวเธอหมดตัวเลยบอกว่าไม่จำเป็น
ผอ.โจวเรียกเจียหมิงกับจ้าวหานไปพบเพื่อแจ้งว่ารายการ "เหม่ยเว่ยอีเค่อ" (แปลตรงๆ ได้ว่า "ช่วงเวลาที่แสนอร่อย" และยังเป็นชื่อเรื่องด้วย) ที่ทั้งคู่รับผิดชอบจะออกอากาศคืนนี้เป็นตอนสุดท้าย โดยให้เหตุผลว่าเรตติ้งคนดูตกต่ำอย่างต่อเนื่อง จ้าวหานแย้งว่าความจริงแล้วรายการของพวกตนมีชื่อเสียงในทางที่ดีเพียงแต่มีงบจำกัดเลยไม่สามารถเชิญคนดังมาร่วมรายการได้ ผอ.โจวชี้ว่าเพราะไม่มีคนดังเลยไม่มีอะไรเป็นกระแสให้คนดูวิพากษ์วิจารณ์เพราะอย่างนี้เรตติ้งถึงต่ำ บริษัทไม่สนว่าชื่อเสียงของรายการเป็นอย่างไรแต่จะประเมินจากเรตติ้งคนดูหรือตัวเลขเท่านั้น เขาเสนอให้จ้าวหานทำรายการใหม่ ส่วนเจียหมิงต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้าน เพราะเธอเป็นเพียงพนักงานสัญญาจ้าง (ถูกจ้างให้มาทำรายการดังกล่าว) เมื่อรายการถูกยกเลิกสัญญาว่าจ้างจึงเป็นอันสิ้นสุด
จ้าวหานไม่เห็นด้วยกับการฉีกสัญญาว่าจ้างเจียหมิง เขาพยายามปกป้องเธอโดยชี้ว่าเธอเป็นคนคิดรูปแบบรายการ "เหม่ยเว่ยอีเค่อ" มาตั้งแต่ต้น ถึงเรตติ้งจะต่ำแต่อย่างน้อยเธอก็ได้สร้างสรรค์รายการรูปแบบใหม่ ครั้นเห็นรายงานข่าวที่ระบุว่ามีเชฟชาวจีนชื่อ "หลี่อวี่เจ๋อ" คว้ารางวัลเหรียญทองในการแข่งขันสุดยอดเชฟอาหารตะวันตกทางทีวี (อวี่เจ๋อเป็นเชฟชาวจีนคนแรกที่คว้าเหรียญทองดังกล่าว) เจียหมิงจึงเสนอให้เชิญเชฟหลี่อวี่เจ๋อมาออกรายการโดยรับรองว่าเรตติ้งต้องพุ่งแน่ ผอ.โจวเห็นว่าเชฟหลี่กำลังดังเลยให้โอกาสเจียหมิงอีกครั้ง โดยบอกว่าถ้าเจียหมิงเชิญเชฟหลี่มาออกรายการได้สำเร็จ ตนจะยอมให้เจียหมิงทำรายการต่อ จ้าวหานแนะให้เจียหมิงเชิญคนอื่นเพราะรู้ดีว่าอวี่เจ๋อไม่มีทางมาแน่ แต่เจียหมิงไม่ยอมแพ้และหมายมั่นว่าจะต้องเชิญเชฟหลี่มาร่วมรายการให้ได้
หลังจากนั้นเจียหมิงก็ประชุมกับทีมงาน ไป๋หยางให้ข้อมูลว่าหลี่อวี่เจ๋อเข้าถึงยากมากเพราะภัตตาคารของเขาฮอตสุดๆ ในตอนนี้ ร้านของเขาจะเสิร์ฟแต่อาหารรสเลิศ เลือกใช้วัตถุดิบชั้นดี และรับลูกค้าจำนวนจำกัดทุกวัน ถึงกระนั้นเจียหมิงก็ยังมองในแง่ดีเพราะนั่นหมายความว่ายังไม่เคยมีใครเชิญเขาไปออกรายการได้ เธอขอให้ทุกคนช่วยกันหาข้อมูลของอวี่เจ๋อมาให้ตนมากที่สุดไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม หลังจบการประชุมเจียหมิงได้รับแจ้งว่ามีป้าคนหนึ่งมารอเธอทางด้านล่างนานแล้ว พอรู้ว่าป้าคนดังกล่าวมาหาหลังได้ดูรายการของเธอ เจียหมิงจึงรีบวิ่งลงไปยังชั้นล่างเพราะนึกว่าแม่มาหา แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าคนที่มาหาเป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอบอกเจียหมิงว่าก่อนหน้านี้ร้านของตนเกือบไปไม่รอด ครั้นได้ออกรายการของเจียหมิงแล้วกิจการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงตั้งใจนำบัวลอยหนิงโปที่ปั้นเองกับมือมาฝากเจียหมิงเพื่อเป็นการขอบคุณ
เจียหมิงเห็นข่าวไซต์งานก่อสร้างสกุลหลี่ทางทีวี (นักข่าวรายงานว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่ไซต์งาน โดยผู้บาดเจ็บถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง) เลยนึกขึ้นได้ว่าเธอรับปากเสี่ยวจ้าวว่าจะเลี้ยงบัวลอยหนิงโป เธอจึงนำบัวลอยที่เพิ่งได้มาไปเยี่ยมเสี่ยวจ้าวที่โรงพยาบาล พอไปถึงก็พบว่าอวี่เจ๋อนำเงินสดเต็มถุง (เงินชดเชยการเลิกจ้าง) พร้อมเช็คอีกหนึ่งใบมามอบให้เสี่ยวจ้าว จากนั้นก็บอกให้เสี่ยวจ้าวลงนามในสัญญา และเตือนว่าอย่าก่อเรื่องอีกเพราะตนต้องการให้เรื่องนี้จบแบบเงียบๆ เสี่ยวจ้าวจะเซ็นชื่อแต่เจียหมิงเข้ามาขวางและห้ามเอาไว้ ก่อนชี้ว่าเสี่ยวจ้าวโดนไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรม บริษัทจึงเอาเงินก้อนโตมาฟาดหัวเพื่อปิดปากเขา
อวี่เจ๋อยืนยันคำเดิมว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจียหมิง เจียหมิงแย้งกลับว่าตนเห็นเขาหักหาญน้ำใจคนอื่นเพราะถือว่าตัวเองร่ำรวยแล้วอดรนทนไม่ได้ อวี่เจ๋อตัดบทด้วยการบอกให้เสี่ยวจ้าวเซ็นชื่อ เพื่อที่เรื่องนี้จะได้เข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้องเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ครั้นเห็นเสี่ยวจ้าวยอมเซ็นชื่อแต่โดยดี เจียหมิงก็รู้สึกโกรธและผิดหวัง เสี่ยวจ้าวจะอธิบายแต่เจียหมิงแย้งว่าเธอเห็นทุกอย่างแจ่มแจ้งแล้ว พูดจบเธอก็เดินออกจากห้องพร้อมบัวลอยหนิงโปที่สู้อุตส่าห์ตั้งใจนำมาฝาก อวี่เจ๋อรีบตามออกไปและเตือนว่าบางครั้งสิ่งที่เธอเห็นเองกับตาอาจเป็นความจริงเพียงด้านเดียว พูดจบเขาก็ยื่นนามบัตรให้เจียหมิงพลางบอกว่าถ้าสกู๊ตเตอร์ของเธอซ่อมเสร็จแล้วให้มารับค่าซ่อมที่ตน เจียหมิงฉีกนามบัตรทันควันเพราะไม่ต้องการข้องแวะกับเขาอีก ก่อนทิ้งท้ายว่าในโลกนี้ใช่ว่าเงินจะแก้ปัญหาได้ทุกสิ่ง
คืนนั้นอวี่เจ๋อเลี้ยงปลอบขวัญอี่หลานโดยมีจ้าวหานมาร่วมสังสรรค์ด้วย ทั้งสามคนเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เด็ก แต่ภายหลังครอบครัวอี่หลานย้ายไปตั้งรกรากที่อเมริกาและเพิ่งย้ายกลับประเทศจีนได้ไม่นาน ส่วนอวี่เจ๋อเพิ่งกลับจากฝรั่งเศส มีเพียงจ้าวหานที่ปักหลังอยู่โยงในเซี่ยงไฮ้โดยไม่ได้ไปไหน ครั้นสบโอกาสจ้าวหานก็เลียบๆ เคียงๆ ถามอวี่เจ๋อว่าสนใจไปออกรายการอาหารของบริษัทตนไหม อวี่เจ๋อปฏิเสธโดยบอกว่าตนไม่เคยคิดออกสื่อ อี่หลานได้ยินดังนั้นจึงขอร้องสองหนุ่มว่าอย่าพูดเรื่องงาน เมื่ออี่หลานขอตัวไปห้องน้ำ สองหนุ่มต่างรีบลุกขึ้นและยื่นมือให้อี่หลานจับเพราะเห็นว่าขาเธอบาดเจ็บ แต่อี่หลานจับมืออวี่เจ๋อโดยไม่สนใจจ้าวหาน จ้าวหานถึงกับหน้าจ๋อยและได้แต่มองดูอวี่เจ๋อเดินไปส่งอี่หลานที่ห้องน้ำ (อี่หลานสนใจแต่อวี่เจ๋อทำให้จ้าวหานรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน) เขาเก็บความเคียดแค้นเอาไว้ในใจและหมายมั่นว่าสักวันจะทวงทุกสิ่งที่เป็นของตนกลับคืน จ้าวหานขอตัวกลับก่อนโดยบอกอวี่เจ๋อ (ซึ่งกำลังยืนรออี่หลานหน้าห้องน้ำ) ว่าตนต้องไปเยี่ยมแม่ จากนั้นก็ฝากรองเท้าส้นแบนและความห่วงใยให้อี่หลาน (เขาไม่ต้องการให้อี่หลานรู้ว่าตนเป็นคนซื้อรองเท้ามาฝาก) ขณะเดินออกจากร้านเขาเห็นอี่หลานมีความสุขเมื่ออวี่เจ๋อมอบและสวมรองเท้าคู่ใหม่ให้ จึงได้แต่ยืนมองด้วยหัวใจที่บอบช้ำ
เมื่อเจียหมิงกลับถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเธอกำลังหาคู่ให้ แต่เจียหมิงไม่สนใจและอยากหาคู่ให้พ่อมากกว่า ซึ่งพ่อของเธอก็ปฏิเสธเช่นกัน เธอเห็นพ่ออารมณ์ดีเลยคิดที่จะถามถึงแม่ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพ่อก็ตัดบททันควันและห้ามไม่ให้เธอพูดถึงแม่เหมือนเช่นเคย หลังโดนพ่อไล่ไปนอนเจียหมิงซึ่งยังคงโหยหาและเฝ้ารอแม่จึงได้แต่นั่งมองสมุดวาดภาพพลางนึกถึงช่วงเวลาที่เคยอยู่กับแม่อย่างมีความสุข (แม่ของเธอเขียนข้อความลงบนปกสมุดภาพว่าจะรักเธอตลอดไป) เธอเลยไม่เข้าใจและสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ แม่ถึงทิ้งเธอกับพ่อไป ถึงกระนั้นเธอก็ยังหวังว่าสักวันแม่จะมาหาหากเห็นเธอออกทีวี
วันรุ่งขึ้นจ้าวหานเห็นเจียหมิงกำลังมืดแปดด้านเลยบอกว่าความจริงแล้วตนรู้จักหลี่อวี่เจ๋อและลองชวนเขามาออกรายการแล้ว เจียหมิงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแป้น แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อรู้ว่าอวี่เจ๋อปฏิเสธ จ้าวหานเสนอให้ช่วยกันคิดหาวิธีใหม่ในการรักษารายการเอาไว้ แต่เจียหมิงยังไม่ยอมถอดใจเพราะเธออยากไปพบอวี่เจ๋อด้วยตัวเองก่อน จ้าวหานชื่นชมเจียหมิงที่มีความมุ่งมั่นแต่ไม่วายเตือนเธอว่าอย่าโลกสวยหรือมัวรอให้ถึงทางตัน เจียหมิงแย้งว่าถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ เธอมีคติประจำใจว่าเมื่อสวรรค์ปิดประตูก็มักจะเปิดหน้าต่างเอาไว้ให้เรา และในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
เมื่อเจียหมิงยืนกรานว่าจะไปพบและเชิญอวี่เจ๋อด้วยตนเอง จ้าวหานจึงมอบแฟ้มข้อมูลของอวี่เจ๋อให้เจียหมิง ครั้นเปิดแฟ้มแล้วเห็นรูปอวี่เจ๋อ เจียหมิงก็ถึงกับช็อค เธอนึกไม่ถึงว่าความอยู่รอดของรายการและหน้าที่การงานของเธอจะขึ้นอยู่กับหนุ่มหน้าตายที่เป็นเจ้าของรถทะเบียน "8848" แถมเธอยังสร้างวีรกรรมกับเขาไว้เยอะ ครั้นจ้าวหานยืนยันว่าผู้ชายในรูปคือหลี่อวี่เจ๋อ เจียหมิงก็แหงนหน้ามองเพดาน (สวรรค์) พลางถามกึ่งตัดพ้อว่าสิ่งที่สวรรค์เปิดให้ตนไม่ใช่หน้าต่างกันขโมยใช่ไหม
ถึงกระนั้นเจียหมิงก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอจึงบากหน้าไปหาอวี่เจ๋อที่ภัตตาคาร "อ้ายหลู" (Alain) โดยสั่งอาหารมาทานแล้วนั่งรออยู่ในร้านทั้งวัน อาชงเห็นดังนั้นจึงบอกเธอว่าถึงสั่งอาหารรอต่อไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีประโยชน์เพราะหัวหน้าเชฟไม่เคยให้สื่อเข้าพบหรือสัมภาษณ์ เจียหมิงจึงขอให้อาชงช่วยนำนามบัตรของเธอไปให้อวี่เจ๋อ ทั้งยังฝากขอโทษโดยบอกว่าเธอยินดีชดใช้ความผิดที่ได้ทำไป จะให้เป็นทาสก็ยอม ครั้นเห็นนามบัตรแล้วรู้ว่าคนที่พยายามเชิญตนไปออกรายการคือเจียหมิง อวี่เจ๋อจึงเปรยว่า หากเป็นเธอ...ตนก็ยิ่งไม่อยากเจอ
*** จบตอนที่หนึ่ง ***
รายชื่อนักแสดง
นักแสดงนำ
พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล (ไมค์)
รับบท หลี่อวี่เจ๋อ
(นักแสดง / นักร้อง ชาวไทย)
เหมาเสี่ยวถง
รับบท ซ่งเจียหมิง
(นักแสดง ชาวจีน)
จางอวี่เจี้ยน
รับบท จ้าวหาน
(นักแสดง ชาวจีน)
เฉินซินอวี่
รับบท เยี่ยอี่หลาน
อื่นๆ
เถียนอวี่
รับบท ซ่งเต๋อจง
(นักแสดง ชาวจีน)
เยวี่ยนฉงตาน
รับบท อู๋ซู่ผิง
(นักแสดง ชาวฮ่องกง)
เจี่ยงข่าย
รับบท หลี่เจี้ยนกั๋ว
(นักแสดง ชาวจีน)
สวี่หรงเจิน
รับบท จางเชี่ยนหลาน
(นักแสดง ชาวจีน)
หยางเสวี่ย
รับบท เฉินลี่หัว / เฉินหนาน
(นักแสดง ชาวจีน)
หวงเจี้ยนฉวิน
รับบท เยี่ยฉางไห่
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)
พานหง
รับบท เจียงซิ่วอวิ๋น
(นักแสดง ชาวจีน)
เหยียนซู่
รับบท คุนจิน
(นักแสดง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวจีน)
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
น่าสนุกดีติดแต่ว่าพระเอกเป็นคนไทย
ตอบลบ