กำกับ: หลี่ฮุ่ยจู (ชาวฮ่องกง)
เขียนบท: เฉิงถิงอวี้
แนวละคร: โรแมนติก, ย้อนยุค
จำนวนตอน: 54
ออกอากาศ: จีน - 11 พฤศจิกายน 2559 ทางดราก้อนทีวี, ปักกิ่งทีวี
ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.15-21.10 น. ทางไทยพีบีเอส (หมายเลข 3) ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2562 - 3 สิงหาคม 2562
ละคร "วีรสตรีนักสู้กู้แผ่นดิน" (The Princess Weiyoung) ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง "The Poisonous Daughter" (庶女有毒) ของ "ฉินเจี่ยน" เนื้อหาในละครกล่าวถึงเหตุการณ์สมัย "ราชวงศ์เหนือใต้" ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นยุคแห่งสงครามกลางเมือง และยุคที่เต็มไปด้วยเหตุวุ่นวายทางการเมือง โดยเรื่องราวเกิดขึ้นในยุคต้นของราชวงศ์เหนือ หลังราชวงศ์ "เป่ยเว่ย" (เว่ยเหนือ - สถาปนาโดยชนเผ่าเซียนเป่ย) โค่นล้มราชวงศ์ "เป่ยเหลียง" (เหลียงเหนือ - สถาปนาโดยชนเผ่าซงหนู) แล้วรวมแผ่นดินทางตอนเหนือเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ
เนื้อหากล่าวถึงเรื่องราวของ "เฝิงซินเอ๋อร์" องค์หญิงแห่งราชวงศ์เป่ยเหลียงที่ล่มสลาย ซึ่งชีวิตต้องพลิกผันในชั่วข้ามคืนหลังขุนพลสกุล "ชื่ออวิ๋น" แห่งราชวงศ์เป่ยเว่ย จัดฉากใส่ร้ายบิดาของเธอ (ซึ่งมีสถานะเป็นตัวประกัน) ว่าก่อกบฎ ก่อนลงมือกวาดล้างสมาชิกราชวงศ์เป่ยเหลียงหมายยึดครองเหมืองแร่เหล็กที่ตั้งอยู่ในดินแดนเป่ยเหลียงมาเป็นของตน ซินเอ๋อร์รอดชีวิตมาได้เพราะไทเฮาและคนสนิทใช้ชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อปกป้องเธอ ทั้งยังขอให้เธอรักษาเนื้อรักษาตัวและมีชีวิตอยู่ต่อไป ในเวลาต่อมา "หลี่เว่ยยาง" (ลูกสาวเสนาบดีเป่ยเว่ย) ได้สละชีวิตของตนเพื่อปกป้องซินเอ๋อร์จากนักฆ่าที่คนสกุลชื่ออวิ๋นส่งมา (ภรรยาเอกของท่านเสนาฯ ซึ่งเป็นคนสกุลชื่ออวิ๋น ไม่พอใจที่หลี่เว่ยยางซึ่งเกิดจากสาวใช้กำลังจะถูกรับตัวมาอยู่ในจวน) ซินเอ๋อร์จึงสวมรอยเป็นเว่ยยางแล้วเข้าไปอยู่ในจวนเสนาฯ หมายแก้แค้นให้เว่ยยาง ตลอดจนเอาคืนศัตรูที่เข่นฆ่าและโค่นล้มราชวงศ์เป่ยเหลียง
เนื้อหากล่าวถึงเรื่องราวของ "เฝิงซินเอ๋อร์" องค์หญิงแห่งราชวงศ์เป่ยเหลียงที่ล่มสลาย ซึ่งชีวิตต้องพลิกผันในชั่วข้ามคืนหลังขุนพลสกุล "ชื่ออวิ๋น" แห่งราชวงศ์เป่ยเว่ย จัดฉากใส่ร้ายบิดาของเธอ (ซึ่งมีสถานะเป็นตัวประกัน) ว่าก่อกบฎ ก่อนลงมือกวาดล้างสมาชิกราชวงศ์เป่ยเหลียงหมายยึดครองเหมืองแร่เหล็กที่ตั้งอยู่ในดินแดนเป่ยเหลียงมาเป็นของตน ซินเอ๋อร์รอดชีวิตมาได้เพราะไทเฮาและคนสนิทใช้ชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อปกป้องเธอ ทั้งยังขอให้เธอรักษาเนื้อรักษาตัวและมีชีวิตอยู่ต่อไป ในเวลาต่อมา "หลี่เว่ยยาง" (ลูกสาวเสนาบดีเป่ยเว่ย) ได้สละชีวิตของตนเพื่อปกป้องซินเอ๋อร์จากนักฆ่าที่คนสกุลชื่ออวิ๋นส่งมา (ภรรยาเอกของท่านเสนาฯ ซึ่งเป็นคนสกุลชื่ออวิ๋น ไม่พอใจที่หลี่เว่ยยางซึ่งเกิดจากสาวใช้กำลังจะถูกรับตัวมาอยู่ในจวน) ซินเอ๋อร์จึงสวมรอยเป็นเว่ยยางแล้วเข้าไปอยู่ในจวนเสนาฯ หมายแก้แค้นให้เว่ยยาง ตลอดจนเอาคืนศัตรูที่เข่นฆ่าและโค่นล้มราชวงศ์เป่ยเหลียง
เนื้อหาตอนที่ 1
ละครเปิดฉากขึ้นในวันที่องค์หญิงน้อยแห่งราชวงศ์เป่ยเหลียงถือกำเนิด ซึ่งบังเกิดเหตุการณ์อันน่ามหัศจรรย์เพราะทันทีที่องค์หญิงน้อยออกมาลืมตาดูโลก หิมะที่ตกหนักต่อเนื่องมานานถึงสามวันก็หยุดตกในบัดดล แถมท้องฟ้าที่เคยมืดครึ้มมัวหม่นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสดใสหลังดวงอาทิตย์ทอแสงเจิดจ้า หลวงจีนอาวุโสจากวัดฮู่กั๋วเห็นดังนั้นจึงทูล "เป่ยเหลียงอ๋อง" (เป่ยเหลียงเรียกเจ้าครองแคว้นว่า "อ๋อง") กับ "ไทเฮา" (พระมารดาเป่ยเหลียงอ๋อง) ว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวนับเป็นนิมิตหมายอันดี
นอกจากนี้ องค์หญิงน้อยยังมีดวงตาแบบที่เรียกว่า "หลงเฟิ่ง" (ตามังกรและนกเฟิ่งหวง) ซึ่งน้อยคนนักจะเกิดมาพร้อมดวงตาแบบนี้ เป็นลักษณะดวงตาของผู้ที่เปี่ยมไปด้วยบุญวาสนา บารมี ถึงกระนั้นก็ไม่อาจฟันธงได้เต็มปากว่าองค์หญิงจะมีชะตาชีวิตที่ดี เนื่องจากเฟิ่งหวง (นกฟีนิกซ์/หงส์จีน) เป็นนกอมตะที่ฟื้นคืนชีพจากกองเถ้าถ่าน (หลังถูกไฟแผดเผาจนกลายเป็นเถ้า) มันจึงไม่อาจเกิดใหม่หากไม่ตายเสียก่อน ถ้าหากองค์หญิงน้อยแคล้วคลาดจากภัยพาลจะเป็นดั่งนกเฟิ่งหวงที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พูดจบหลวงจีนคนดังกล่าวก็หันหลังเดินจากไปพลางกล่าวว่า ทุกสรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยง มีเกิดย่อมมีดับ เมื่อใดที่หลุดพ้นจากการเกิดดับจึงจะพานพบความสุขที่แท้จริง
หมายเหตุ: ผู้ที่มีตา "หลงเฟิ่ง" (หลง คือ มังกร / เฟิ่ง คือ นกเฟิ่งหวง) ตาข้างหนึ่งจะมีชั้นเดียว ส่วนอีกข้างมีสองชั้น โดยตาทั้งสองข้างจะมีขนาดและลักษณะไม่เหมือนกัน
หมายเหตุ: ผู้ที่มีตา "หลงเฟิ่ง" (หลง คือ มังกร / เฟิ่ง คือ นกเฟิ่งหวง) ตาข้างหนึ่งจะมีชั้นเดียว ส่วนอีกข้างมีสองชั้น โดยตาทั้งสองข้างจะมีขนาดและลักษณะไม่เหมือนกัน
หลังจากนั้นไม่นาน ทหารเป่ยเว่ยก็บุกมาเชิญ (คุมตัว) เป่ยเหลียงอ๋องไปที่เมืองผิงเฉิง (เมืองหลวงของอาณาจักรเป่ยเว่ย) เพื่อแสดงความสวามิภักดิ์ต่อฮ่องเต้ของพวกตน เป่ยเหลียงอ๋องจึงส่งองค์หญิงน้อยให้พระมารดาพลางกล่าวว่า เพื่อไม่ให้ราษฎรเดือดร้อนทุกข์ยากจากภัยสงคราม ตนยินดีสวามิภักดิ์ต่อต้าเว่ย (ในตอนนั้นเป่ยเว่ย (หรือต้าเว่ย) ยึดครองเมืองหลวงของเป่ยเหลียงได้แล้ว) หลังกราบลาพระมารดาแล้วพระองค์ก็เสด็จไปเป็นตัวประกันที่เป่ยเว่ยทันที ไทเฮาใจแทบสลายแต่ทำได้เพียงอุ้มองค์หญิงน้อยไว้แนบอกพลางมองตามพระโอรสด้วยน้ำตาคลอเบ้า ขณะที่องค์หญิงยกมือน้อยๆ ไขว่คว้าอากาศราวกับพยายามฉุดรั้งพระบิดา (บนตัวองค์หญิงน้อยมีหยกล้ำค่าที่ไทเฮามอบให้เป็นของขวัญ)
เพียงชั่วพริบตาองค์หญิงน้อย "เฝิงซินเอ๋อร์" ก็เติบใหญ่เป็นหญิงงามที่สดใสร่าเริงและแสนซุกซน ในยามนี้อาณาจักรเป่ยเหลียงได้กลายเป็นมณฑลในอาณัติของเป่ยเว่ยโดยถูกเรียกว่า "เหลียงโจว" ส่วนบิดาซินเอ๋อร์แม้มีสถานะเป็นตัวประกัน แต่ "ทั่วป๋าเทา" (ไท่อู่ตี้ - ฮ่องเต้องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์เป่ยเว่ย) ยังให้เกียรติและแต่งตั้งเขาเป็น "เหอซีหวัง" หรือ "เหอซีอ๋อง" (อ๋องแห่งเหอซี) ถึงกระนั้นก็ต่ำกว่าตำแหน่งเดิมที่เคยเป็นถึง "เป่ยเหลียงอ๋อง" (เจ้าครองแคว้นเป่ยเหลียง) ด้วยเหตุนี้ องค์หญิงซินเอ๋อร์จึงพลอยถูกลดชั้นจาก "เป่ยเหลียงกงจู่" (องค์หญิงแห่งแคว้นเป่ยเหลียง) เป็น "เหอซีหวังกงจู่" เช่นเดียวกับย่าของเธอที่ถูกลดชั้นจาก "เป่ยเหลียงหวงไท่โฮ่ว" (เป่ยเหลียงฮองไทเฮา) เป็น "เหอซีหวังไท่โฮ่ว" (ซินเอ๋อร์เรียกไทเฮาว่า "จู๋หมู่" ซึ่งแปลว่า "ย่า" ส่วนคนอื่นๆ เรียกไทเฮาว่า "หวังไท่โฮ่ว")
เนื่องจากปีนี้ฮ่องเต้เป่ยเว่ยอนุญาติให้เหอซีอ๋อง (ซึ่งตกเป็นตัวประกันในเมืองผิงเฉิง) เดินทางมาร่วมอวยพรวันเกิดมารดาที่เหลียงโจว (หลังไม่ได้กลับมานานสิบกว่าปี) ซินเอ๋อร์รู้สึกตื่นเต้นดีใจเลยเตรียมฉลองทั้งสองวาระอย่างยิ่งใหญ่ เธอปลอมตัวเป็นชายแล้วออกจากจวนเหอซีอ๋องทางช่องหมาลอด โดยมีคนสนิทและองครักษ์หญิง "จวินเถา" ตามไปคุ้มกันโดยปลอมตัวเป็นชายเช่นกัน ครั้นเห็นว่าทางด้านนอกมีทหารเป่ยเว่ยมากผิดปกติ ซินเอ๋อร์จึงเดาว่าพวกเขาคงรู้ว่าบิดาเธอจะมาร่วมอวยพรวันเกิดท่านย่าเลยมาคอยคุ้มกัน
* จวนเหอซีอ๋อง คือ อดีตวังของราชวงศ์เป่ยเหลียง ปัจจุบันมีทหารเป่ยเว่ยรักษาการอยู่
* จวนเหอซีอ๋อง คือ อดีตวังของราชวงศ์เป่ยเหลียง ปัจจุบันมีทหารเป่ยเว่ยรักษาการอยู่
ณ จวนเสนาฯ "ชื่ออวิ๋นโหรว" (ภรรยาเอกของเสนาบดีเป่ยเว่ย "หลี่เซียวหราน") นั่งดื่มน้ำชากับ "หลี่ฉางเล่อ" ผู้เป็นบุตรี พลางเปรยว่า "ฮ่องเต้อาจครองใต้หล้า แต่ใครๆ ต่างรู้ว่าแม่ทัพพิชิตใต้หล้าให้พระองค์ ใต้หล้าอาจถูกปกครองโดยฮ่องเต้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าใต้หล้านี้ก็เป็นของแม่ทัพเช่นกัน" จากนั้นก็ถามฉางเล่อว่าหากเป็นแม่ทัพอยาก 'ประจำการ' หรือ 'ปกครอง' เหลียงโจว ครั้นเห็นว่าฉางเล่อไม่เข้าใจ ชื่ออวิ๋นโหรวจึงอธิบายว่าหากประจำการในเหลียงโจวจะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดซื่อตรงโดยไม่อาจมีนอกมีใน (แสวงหาผลประโยชน์) เพราะคนสนิทของฮ่องเต้คอยจับตาดูทุกฝีก้าว แต่ถ้าได้ปกครองเหลียงโจวขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในดินแดนดังกล่าวจะตกเป็นของตระกูลชื่ออวิ๋น เมื่อเห็นฉางเล่อทำหน้างง ชื่ออวิ๋นโหรวจึงบอกว่า "ชื่ออวิ๋นหนาน" (หลานชื่ออวิ๋นโหรว เป็นแม่ทัพเป่ยเว่ย) พบเหมืองแร่เหล็กในเหลียงโจว หากพวกตนยึดครองเหมืองนี้ ไม่ช้าก็เร็วกองทัพสกุลชื่ออวิ๋นจะกุมอำนาจทางการทหาร
ฉางเล่อได้ยินดังนั้นจึงตอบว่า หากเป็นแม่ทัพเธอจะยึดครองเหลียงโจวเพื่อสร้างชื่อเสียงให้สกุลหลี่ ชื่ออวิ๋นโหรวชี้ว่า "หลี่หมิ่นเฟิง" (พี่ชายฉางเล่อ) ก็คิดแบบนั้นเช่นกัน เพียงแต่เหลียงโจวมีฮ่องเต้คอยปกป้อง ซ้ำยังมีผู้ว่าการคอยสอดส่องดูแล ถึงกระนั้นโอกาสของพวกตนก็มาถึงแล้ว เพราะเหอซีอ๋องได้รับอนุญาติให้กลับไปร่วมอวยพรวันเกิดมารดาที่เหลียงโจว หากเขาใช้โอกาสนี้ติดต่อไพร่พลแล้วก่อกบฏ ชื่ออวิ๋นหนานจะมีความดีความชอบและกลายเป็นวีรบุรุษผู้ปราบกบฏทันที ด้วยนิสัยของฮ่องเต้แล้วพระองค์จะต้องมอบหมายให้ชื่ออวิ๋นหนานเข้าควบคุมสถานการณ์ในเหลียงโจวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นอีกแน่ (ในเวลาเดียวกันนั้น สมุนของชื่ออวิ๋นหนานได้เข้าไปสังหารเถ้าแก่ร้านขายโคมโดยใช้มีดสั้นที่มีสัญลักษณ์ของสกุลชื่ออวิ๋นเป็นอาวุธ) ฉางเล่อสงสัยว่าพวกตนจะทำให้ฮ่องเต้เชื่อว่าเหอซีอ๋องและคนของเขาร่วมกันก่อกบฏได้อย่างไร ชื่ออวิ๋นโหรวกล่าวว่าเรื่องนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ของหลี่หมิ่นเฟิง ซึ่งแผนเด็ดของเขามีเพียงแปดคำคือ "อู๋จงเซิงโหย่ว หมานเทียนกั้วไห่" (无中生有,瞒天过海)
หมายเหตุ: "อู๋จงเซิงโหย่ว หมานเทียนกั้วไห่" เป็นส่วนหนึ่งใน "กลศึกสามก๊ก" โดย "อู๋จงเซิงโหย่ว" (无中生有) เป็นกลยุทธ์ที่ 7 ของ "กลยุทธ์เผชิญศึก" แปลว่า "มี" ใน "ไม่มี" หมายถึงการใช้ภาพลวงหลอกล่อศัตรูให้หลงเชื่อ เรียกได้ว่าในจริงมีเท็จ ในเท็จมีจริง หลักการคือทำในสิ่งที่ศัตรูไม่คาดคิด เพื่อพิชิตซึ่งชัยชนะ ส่วน "หมานเทียนกั้วไห่" (瞒天过海) เป็นกลยุทธ์ที่ 1 ของ "กลยุทธ์ชนะศึก" แปลว่า ปิดฟ้าข้ามทะเล หมายถึงการหลอกให้ศัตรู (ที่เข้มแข็งหรือเหนือกว่า) ชะล่าใจและตายใจ ก่อนบุกเข้าโจมตีโดยที่ศัตรูไม่ทันรู้ตัว
หลังสังหารเถ้าแก่ร้านขายโคมแล้ว สมุนของชื่ออวิ๋นหนานก็โรยสารบางอย่างลงบนโคมแล้วสวมรอยเป็นพนักงานร้าน เมื่อซินเอ๋อร์ในคราบ 'นายน้อย' ไปรับโคมลอยที่สั่งไว้ ชายคนดังกล่าวจึงให้ลูกน้องขนโคมที่ตนโรยสารไว้ขึ้นเทียมเกวียน บังเอิญว่าเกวียนเล่มหนึ่งดันจอดอยู่ใกล้ร้านตีเหล็กทำให้โคมโดนไอความร้อน โคมลูกหนึ่งถูกสะเก็ดไฟจากเตาปลิวใส่จนลุกไหม้จึงพาโคมลูกอื่นๆ ที่อยู่ติดกันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ซินเอ๋อร์กับจวินเถาเลยช่วยกันตามเก็บ เนื่องจากวิชาตัวเบาของซินเอ๋อร์ยังอ่อนด้อยดุจแมวสามขาเลยตามเก็บได้แค่สองในสามลูก เธอพยายามตามเก็บลูกที่เหลือแต่โคมอยู่สูงเกินเอื้อมถึง เธอเลยพยายามดันตัวให้ลอยสูงขึ้นแต่ลอยขึ้นได้ไม่นานก็ร่วงลงมาเสียก่อน ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ยอมแพ้และพยายามถีบตัวขึ้นไปใหม่ เธอจึงอยู่ในสภาพลอยขึ้นๆ ลงๆ เหนือหลังคาผ้าของร้านบะหมี่
บังเอิญว่าในตอนนั้น "ทั่วป๋าจวิ้น" (ตำแหน่ง "เกาหยางอ๋อง" แห่งราชวงศ์เป่ยเว่ย เป็นโอรสขององค์รัชทายาทผู้ล่วงลับและเป็นหลานคนโปรดของฮ่องเต้) กำลังนั่งทานบะหมี่ (ด้วยตะเกียบเงินที่พกมาเอง) อยู่ใต้หลังคาดังกล่าวพอดี ครั้นซินเอ๋อร์ร่วงทะลุหลังคาผ้าลงมาถึงสองครั้งสองครา เขาก็ยกแขนรับตัวเธอเอาไว้ทั้งสองครั้ง (ให้เธอเหยียบแขนแล้วช่วยดันเธอขึ้นไปใหม่) แต่ยังคงง่วนอยู่กับการกินบะหมี่ต่อไป ครั้นทั่วป๋าจวิ้นกินจนหมดถ้วยซินเอ๋อร์ก็ร่วงลงมาเหยียบถ้วยบะหมี่แตกก่อนลอยกลับขึ้นไปใหม่ ทั่วป๋าจวิ้นจึงวางเงินค่าบะหมี่ไว้บนโต๊ะจากนั้นก็เหิน (ผ่านรูหลังคาผ้าที่ขาด) ขึ้นไปช่วยซินเอ๋อร์เก็บโคมลูกสุดท้ายและประคองเธอลงมาอย่างปลอดภัยท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้ที่มามุงดู
ครั้นเห็นว่าเท้าแตะพื้นแล้วแต่เขายังไม่ยอมปล่อยมือจากเอวเธอ (เขามัวแต่ยิ้มรับเสียงปรบมือ) ซินเอ๋อร์ (ซึ่งปลอมเป็นชาย) เลยถองไปที่หน้าอกเขาเต็มแรง ทั่วป๋าจวิ้นโวยลั่นว่าทำร้ายตนทำไม ซินเอ๋อร์โวยกลับด้วยความโกรธที่เขาบังอาจแตะเนื้อต้องตัวเธอ ทั่วป๋าจวิ้นประณามซินเอ๋อร์ว่าไร้เหตุผลสิ้นดีและชี้ว่าหากตนไม่ช่วยเอาไว้ป่านนี้เธอคงลอยขึ้นไปบนฟ้า เขาเห็นว่าเธอหวงเนื้อหวงตัวเลยสงสัยว่าเธอเป็นผู้หญิงจึงคิดที่จะพิสูจน์ จวินเถาเห็นแต่ไกลว่าซินเอ๋อร์กำลังจะถูกชายหนุ่มล่วงเกินจึงร้องห้ามพลางชูดาบวิ่งตรงเข้ามาหาทั่วป๋าจวิ้น แต่ "เฉิงเต๋อ" (องครักษ์และคนสนิทของทั่วป๋าจวิ้น) เข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อน ทั้งคู่จึงต่อสู้กันอุตลุด
ทั่วป๋าจวิ้นหันไปมองจวินเถา (ซึ่งกำลังต่อสู้กับเฉิงเต๋อ) แบบงงๆ พลางบ่นว่าทำไมคนที่นี่ (เหลียงโจว) ถึงมีนิสัยแปลกประหลาดนัก ตนอุตส่าห์ยื่นมือช่วยแต่กลับไม่ขอบคุณ ซ้ำยังทำร้ายและเรียกพวกมาช่วย จากนั้นก็หันมาถามซินเอ๋อร์ว่านี่มันเป็นธรรมเนียมแบบไหนกัน ซินเอ๋อร์แย้งว่าเธอไม่เคยขอให้เขาช่วย ก่อนชี้ว่าเรื่องของเธอๆ จัดการเองได้ ใครใช้ให้เขาเข้ามายุ่งวุ่นวาย ทั่วป๋าจวิ้นแย้งพลางทำท่าประกอบว่าตนก็แค่โอบเอวทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ซินเอ๋อร์รีบเบี่ยงตัวหลบพลางเตือนว่าอย่าทำเช่นนี้อีก ทั้งคู่มีปากเสียงกันครู่หนึ่ง เฉิงเต๋อก็ร้องเตือนทั่วป๋าจวิ้น (พลางฟาดฟันกับจวินเถา) ว่ามารดาเขาเร่งให้รีบเดินทางกลับจวน ทั่วป๋าจวิ้นจึงบอกซินเอ๋อร์ว่าวันนี้ตนจะไม่ติดใจเอาความ จากนั้นก็บอกให้เฉิงเต๋อเลิกทำเรื่องไร้สาระและชวนออกเดินทาง ถึงกระนั้นก็ไม่วายเหน็บซินเอ๋อร์ว่า...ผู้ชายอะไรทาแป้งผัดหน้า! และทำท่าขนลุกขณะเดินจากไป
ชื่ออวิ๋นหนานซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งเป่ยเว่ยเตรียมยกกำลังไปปราบกบฏตามแผนการที่วางไว้ ก่อนออกเดินทางเขาประกาศกับเหล่าทหารของสกุลชื่ออวิ๋นว่า "เศษเดนเป่ยเหลียงคิดก่อกบฏ จงกวาดล้างให้สิ้นซาก อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว" ส่วนทางด้านหลี่หมิ่นเฟิงซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นคนพา (คุมตัว) เหอซีอ๋องกลับมาเยี่ยมมารดาที่เหลียงโจว เพิ่งเดินทางมาถึงจวนเหอซีอ๋อง เหอซีอ๋องเห็นป้ายจวนแล้วได้แต่ทอดถอนใจ (เมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นวังของเขา) หลี่หมิ่นเฟิงเห็นดังนั้นจึงเหน็บว่า อดีตเจ้าครองแคว้นเป่ยเหลียงอย่างเหอซีอ๋องคงรู้สึกเศร้าใจไม่น้อย เมื่อก่อนเคยปกครองดินแดนแห่งนี้ด้วยความภาคภูมิใจ แต่สุดท้ายกลับต้องยอมจำนนแก่ทหารม้าอันเกรียงไกรของเป่ยเว่ย เหอซีอ๋องชี้ว่าตนไม่ได้ยอมจำนนเพราะรักตัวกลัวตาย แต่ทำเพื่อปกป้องราษฎรนับพันนับหมื่นจึงไม่รู้สึกเสียดายที่ตัดสินใจเช่นนั้น พูดจบเขาก็ถามหลี่หมิ่นเฟิงว่าเหตุใดจึงรู้สึกเสียดายแทนตน "ใต้เท้าหม่า" (ผู้ว่าการเมืองจางเย่ของเหลียงโจว) ซึ่งมารอต้อนรับเหอซีอ๋อง เห็นทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันเขม็งจึงตัดบทด้วยการเข้ามาแนะนำตัวและเชิญเหอซีอ๋องเข้าจวนอย่างนอบน้อม
หลังพบหน้ามารดาเป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปี เหอซีอ๋องก็รีบเข้าไปหาและก้มกราบ ครั้นเห็นว่าซินเอ๋อร์โตเป็นสาวแล้วเขาก็รู้สึกตกใจ ไทเฮาไม่เคยนึกฝันว่าจะมีวันนี้ วันที่พวกตนได้อยู่พร้อมหน้า จึงเปรยว่าต่อให้ต้องตายเดี๋ยวนี้เธอก็ตายตาหลับ ขณะจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดมารดาในยามค่ำคืน เหอซีอ๋องดื่มขอบคุณหลี่หมิ่นเฟิงที่เดินทางมาส่งตนถึงที่นี่ หลี่หมิ่นเฟิงออกตัวว่าตนแค่ทำตามหน้าที่ไม่จำเป็นต้องมากพิธี ในเวลาเดียวกันนั้นชื่ออวิ๋นหนานได้เคลื่อนทัพสกุลชื่ออวิ๋นมาที่หน้าจวนดังกล่าว ขณะที่เหล่าพลธนูเข้าประจำตำแหน่งแล้วเล็งธนูขึ้นไปบนฟ้าทันที
ซินเอ๋อร์พาไทเฮาออกมาทางด้านนอกหมายอวดโคมลอยที่เธอเตรียมไว้ให้ หลังปล่อยโคมแล้วซินเอ๋อร์ก็คุกเข่าอวยพรวันเกิดไทเฮาให้มีอายุยืนยาว ครั้นได้ยินว่าซินเอ๋อร์ปล่อยโคมลอยอวยพรวันเกิดไทเฮา เหอซีอ๋องจึงชวนผู้ที่มาร่วมดื่มอวยพรออกไปดู เมื่อโคมลอยมาอยู่เหนือจุดที่เหอซีอ๋องและแขกเหรื่อยืนดูอยู่ ชื่ออวิ๋นหนานก็สั่งให้พลธนูยิงโคมบนท้องฟ้าทันที เมื่อโคมตกลงมาทางด้านล่างควันพิษก็ฟุ้งกระจาย หลี่หมิ่นเฟิงสบโอกาสจึงใส่ร้ายเหอซีอ๋องว่าคิดลอบสังหารพวกตน (ใต้เท้าหม่าเห็นท่าไม่ดีเลยแอบชิ่งหลบ) หลังจากนั้นคนของชื่ออวิ๋นหนานซึ่งสวมรอยเป็นหทารเป่ยเหลียงก็พากันวิ่งกรูเข้าไปในจวน พลางร้องตะโกนให้ปล่อยตัวเป่ยเหลียงอ๋องและคืนแผ่นดินให้พวกตน จากนั้นก็บุกเข้าไปสังหารเหล่าทหารเป่ยเว่ยและเจ้าหน้าที่ๆ ประจำอยู่ในจวน เหอซีอ๋องเห็นดังนั้นก็รู้สึกตกใจ หลี่หมิ่นเฟิงประกาศว่าเหอซีอ๋องเป็นกบฏจากนั้นก็ชักดาบออกมาจ่อคอเหอซีอ๋องทันที หลังทุกอย่างเป็นไปตามแผนชื่ออวิ๋นหนานจึงสั่งให้ทหารสกุลชื่ออวิ๋นเข้าไปกวาดล้างพวกกบฏและสมาชิกราชวงศ์เป่ยเหลียงให้สิ้นซาก
จวินเถากับ "ลุงหมิง" (อดีตราชองครักษ์เป่ยเหลียงและพ่อจวินเถา) จะพาซินเอ๋อร์กับไทเฮาหลบหนี แต่ซินเอ๋อร์เป็นห่วงบิดาและไม่เชื่อว่าบิดาคิดก่อกบฏเลยไม่ยอมหนีเอาตัวรอด เหอซีอ๋องถูกทหารคุมตัวเข้ามาในห้องที่จัดงานเลี้ยงเมื่อครู่ (อดีตท้องพระโรงของราชวงศ์เป่ยเหลียง) ชื่ออวิ๋นหนานซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้สั่งให้เหอซีอ๋องคุกเข่าต่อหน้าตน ครั้นเหอซีอ๋องไม่ยอมทำตาม หลี่หมิ่นเฟิงจึงเตะขาเหอซีอ๋องแล้วกดตัวให้คุกเข่า ซินเอ๋อร์ซึ่งแอบดูอยู่ข้างนอกเห็นบิดาโดนลบหลู่แล้วอดรนทนไม่ไหวจึงคิดที่จะออกไปช่วยแต่ไทเฮาห้ามไว้เพราะขืนออกไปมีแต่จะตายเปล่า เหอซีอ๋องเตือนว่าฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งตนเป็นเหอซีอ๋อง คนที่เป็นเพียงแม่ทัพอย่างชื่ออวิ๋นหนานจึงไม่อาจสังหารตนได้ตามใจชอบ แต่ชื่ออวิ๋นหนานไม่สนใจ เขาประกาศว่าเหอซีอ๋องคิดก่อกบฏและฆ่าตัวตายหลังถูกตนเปิดโปง จากนั้นก็ลงมือสังหารเหอซีอ๋องทันที ก่อนสิ้นใจเหอซีอ๋องหันไปเห็นซินเอ๋อร์กับไทเฮาเลยพยายามบอกให้ทั้งคู่รีบหนีไป ไทเฮาจึงรีบพาซินเอ๋อร์ออกจากจวนโดยมีจวินเถากับลุงหมิงและเหล่าองครักษ์จำนวนหนึ่งคอยคุ้มกัน
หลังจากนั้นชื่ออวิ๋นหนานก็ยึดทรัพย์สมบัติทั้งหมดในจวนเหอซีอ๋อง (สมบัติราชวงศ์เป่ยเหลียง) มาเป็นของตน เมื่อหลี่หมิ่นเฟิงถามหาองค์หญิงเป่ยเหลียง ชื่ออวิ๋นหนานก็ชี้ว่าตนไม่แกว่งดาบใส่อิสตรี หลี่หมิ่นเฟิงชี้ว่าองค์หญิงมีหยกคู่กายที่ตกทอดมาจากฮองเฮาเว่ยจื่อฟูแห่งราชวงศ์ฮั่น ก่อนมาที่นี่แม่กำชับตนว่าต้องหาให้เจอเพราะเธอเชื่อว่านอกจากฉางเล่อแล้วไม่มีใครคู่ควรกับหยกชิ้นนี้ ชื่ออวิ๋นหนานได้ยินดังนั้นจึงโวยลั่นว่าหยกนั่นก็แค่เครื่องประดับไม่ใช่เรื่องใหญ่ (พวกตนกำลังทำงานใหญ่จึงไม่ใช่เวลาที่จะมาถามหาหยก) พูดจบเขาก็สั่งให้ทหารสกุลชื่ออวิ๋นฆ่าล้างราชวงศ์เป่ยเหลียง หลี่หมิ่นเฟิงจึงนำกำลังหทารตามไล่ล่า ใต้เท้าหม่าแอบฟังอยู่ทางด้านนอกเลยล่วงรู้เบื้องลึกเบื้องหลังทั้งหมด
ไทเฮาชรามากแล้วเลยวิ่งหนีต่อไปไม่ไหว เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงเลยบอกให้ซินเอ๋อร์รีบหนีไป โดยบอกว่าซินเอ๋อร์เป็นทายาทเพียงคนเดียวของราชวงศ์เป่ยเหลียง ดังนั้น หน้าที่ของเธอคือต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีและมีชีวิตอยู่ต่อไป ครั้นเห็นว่าซินเอ๋อร์ไม่ยอมทิ้งตน ไทเฮาจึงสั่งให้จวินเถากับลุงหมิงปกป้องซินเอ๋อร์และรีบพาเธอไปจากที่นี่ จากนั้นก็ขอให้ซินเอ๋อร์รับปากว่า "ไม่ว่าจะเผชิญปัญหาหรืออุปสรรคอะไรก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป" ไทเฮามองดูซินเอ๋อร์ที่พยายามดิ้นรนแข็งขืนเพราะไม่อยากทิ้งตนไว้เบื้องหลังพลางนึกถึงคำทำนายของหลวงจีน ที่บอกว่าซินเอ๋อร์เกิดมาพร้อมดวงตาหลงเฟิ่ง (ตามังกรและนกเฟิ่งหวง) ซึ่งเป็นลักษณะดวงตาของผู้ที่เปี่ยมไปด้วยบุญวาสนา บารมี ถึงกระนั้นก็ไม่อาจฟันธงได้ว่าเธอจะมีชะตาชีวิตที่ดี ครั้นได้ยินเสียงฝีเท้าม้า ไทเฮาจึงปาดน้ำตาแล้วออกไปเผชิญหน้าหลี่หมิ่นเฟิง จากนั้นก็ยืนรอรับความตายอย่างกล้าหาญ ครั้นเห็นไทเฮาถูกสังหารต่อหน้าต่อตาอีกคน ซินเอ๋อร์ก็ร่ำไห้ด้วยหัวใจที่แตกสลาย
หลังสังหารไทเฮาแล้ว หลี่หมิ่นเฟิงก็สั่งให้ทหารตามไล่ล่าองค์หญิงราชวงศ์เป่ยเหลียงและพวก หลังจากนั้นเหล่าองครักษ์ที่คอยคุ้มกันซินเอ๋อร์ก็ถูกพลธนูเป่ยเว่ยสังหารจนเสียชีวิตแทบทั้งหมด คงมีเพียงจวินเถากับลุงหมิงที่ยังเหลือรอด ซินเอ๋อร์ซึ่งได้รับบาดเจ็บ (ถูกธนูยิงเฉียดแขน) ไม่อยากเป็นตัวถ่วงจวินเถากับลุงหมิง (ซึ่งปกป้องเธอจนได้รับบาดเจ็บที่แขนเช่นกัน) จึงบอกให้สองพ่อลูกรีบหนีไป แต่ลุงหมิงยืนกรานว่าตนเป็นราชองครักษ์ มีหน้าที่ปกป้ององค์หญิง ตนไม่มีวันทิ้งองค์หญิงแล้วหนีเอาตัวรอดแน่ ซินเอ๋อร์แย้งว่าเป่ยเหลียงล่มสลายแล้วจึงไม่มีองค์หญิงอีกต่อไป จวินเถาเห็นว่าสถานการณ์คับขันเลยไม่อยากโต้แย้งให้เสียเวลา เธอคว้าเสื้อคลุมของซินเอ๋อร์มาสวมและแย่งหยกราชวงศ์มาพกติดตัวหมายสวมรอยเป็นองค์หญิงเป่ยเหลียง ซินเอ๋อร์เห็นดังนั้นก็รู้สึกตกใจ จวินเถาขอให้ซินเอ๋อร์จดจำคำสั่งเสียของไทเฮา จากนั้นก็ออกไปหลอกล่อหลี่หมิ่นเฟิงด้วยกันกับพ่อหมายเปิดทางให้ซินเอ๋อร์หลบหนี หลี่หมิ่นเฟิงเห็นจวินเถาก็เข้าใจว่าเธอคือองค์หญิงเป่ยเหลียงจึงสั่งให้ทหารตามจับกุมเธอ ซินเอ๋อร์ซึ่งยังคงหลบอยู่ในป่าเห็นหลี่หมิ่นเฟิงนำกำลังทหารไล่ล่าคนสนิทของตนจึงจ้องมองเขาด้วยสายตาเคียดแค้น
ลุงหมิงพาจวินเถาวิ่งหนีออกจากป่าโดยใช้เส้นทางเลียบแม่น้ำ ด้วยความที่ทหารสกุลชื่ออวิ๋นที่ไล่หลังมาทั้งแข็งแกร่งและมีจำนวนมาก ซ้ำยังมีนักฆ่าสกุลชื่ออวิ๋นดักจู่โจมทางด้านหน้าอีกจำนวนหนึ่ง สองพ่อลูกซึ่งต่างก็บาดเจ็บจึงทำได้เพียงสู้ตาย ครั้นเห็นหยกห้อยอยู่ที่เอวของจวินเถา หลี่หมิ่นเฟิงก็ถึงกับตาโตและยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาขอให้องค์หญิงเป่ยเหลียง (จวินเถา) มอบหยกให้ตนแต่โดยดี แล้วตนจะช่วยให้เธอตายแบบไม่ทรมาน ครั้นจวินเถาบอกให้เข้ามาเอาเอง หลี่หมิ่นเฟิงจึงสั่งให้เหล่านักฆ่าสังหารเธอ หลังจากนั้นสองนักฆ่าก็รุมแทงและใช้เชือกรัดคอลุงหมิง ก่อนโยนร่างลุงหมิงลงไปในแม่น้ำ จวินเถา (ซึ่งกำลังต่อสู้กับนักฆ่า) เห็นดังนั้นก็เสียสมาธิ หลี่หมิ่นเฟิงจึงสบโอกาสเล่นงานเธอจากทางด้านหลัง จากนั้นก็แทงเธออีกหลายครั้งก่อนชิงหยก สุดท้ายก็แทงเข้าที่อกก่อนถีบเธอตกน้ำตามลุงหมิงไปอีกคน (ส่วนซินเอ๋อร์แม้จะรอดพ้นเงื้อมือหลี่หมิ่นเฟิง แต่สุดท้ายเธอก็หมดสติเพราะฤทธิ์บาดแผลทำให้กลิ้งตกเขา)
ใต้เท้าหม่ารู้ว่าตนไม่รอดแน่จึงแอบเขียนฎีกาลับถึงฮ่องเต้โดยรายงานพฤติกรรมชั่วทั้งหมดของชื่ออวิ๋นหนาน นับตั้งแต่การจัดฉากใส่ร้ายและก่อโศกนาฏกรรมในจวนเหอซีอ๋อง การใช้อำนาจบาตรใหญ่ยึดที่ทำกิน ขูดรีดราษฎร (เหลียงโจว) และการพบเหมืองแร่เหล็กในเหลียงโจวแต่ไม่ยอมแจ้งทางการ เขายังรายงานด้วยว่าเดิมทีตนกับเหอซีอ๋องคิดที่จะเปิดโปงแผนชั่วของชื่ออวิ๋นหนานและพวก แต่ข่าวดันรั่วไปถึงหูชื่ออวิ๋นหนานเสียก่อน ชื่ออวิ๋นหนานจึงชิงลงมือกับเหอซีอ๋องและในไม่ช้าเขาคงโดนฆ่าปิดปากเช่นกัน เขาจึงอยากวิงวอนฮ่องเต้ให้ช่วยคืนความเป็นธรรมแก่ผู้ที่ถูกใส่ร้ายว่าเป็นกบฏและโปรดประหารกบฏตัวจริง ทันทีที่เขียนฎีกาเสร็จชื่ออวิ๋นหนานก็บุกเข้ามาในห้อง ใต้เท้าหม่าหวังว่าฮ่องเต้จะได้เห็นฎีกาของตนเข้าสักวันจึงรีบซ่อนฎีกาไว้ในโถใส่พู่กันก่อนโดนสังหาร ครั้นลงมือสังหารใต้เท้าหม่าแล้ว ชื่ออวิ๋นหนานก็ประกาศว่าใต้เท้าหม่าถูกเหอซีอ๋องสังหารขณะพยายามเข้าระงับเหตุ (กบฏ)
ชาวเหลียงโจวจำนวนมาก (เดิมคือราษฎรเป่ยเหลียง) ต่างพากันอพยพหนีตาย โดยมุ่งหน้ามาขอพึ่งใบบุญในดินแดนเป่ยเว่ย แต่ "ทั่วป๋าอวี๋" (ตำแหน่ง "หนานอันอ๋อง" เป็นโอรสของฮ่องเต้ทั่วป๋าเทา และเป็นอาของ "ทั่วป๋าจวิ้น") ไม่ยอมเปิดประตูเมือง เมื่อทั่วป๋าจวิ้นกับเฉิงเต๋อเดินทางมาถึงบริเวณดังกล่าวจึงเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี (ทั่วป๋าอวี๋เห็นแต่แรกแล้วว่าทั่วป๋าจวิ้นอยู่ที่หน้าประตูเมือง เพราะองครักษ์คนสนิท "เฉิงอัน" บอก) เฉิงเต๋อบอกทั่วป๋าจวิ้นว่าแม่ทัพชื่ออวิ๋น (ชื่ออวิ๋นหนาน) ได้รับมอบหมายให้ไปควบคุมสถานการณ์และรักษาความสงบในเหลียงโจว แต่กลับเที่ยวเข่นฆ่าและปล้นสะดมชาวเหลียง เหล่าผู้อพยพจึงพากันหลั่งไหลมาที่นี่ ทั่วป๋าจวิ้นเปรยว่าราษฎรตาดำๆ มักเป็นผู้รับเคราะห์และผลพวงจากสงครามเสมอ เขาสงสัยว่าใครคุมประตูเมืองและทำไมถึงไม่ยอมเปิดประตู เมื่อเฉิงเต๋อเงยหน้าขึ้นไปดูบนป้อมปราการเหนือประตูเมืองก็พบทั่วป๋าอวี๋ยืนคุมเชิงอยู่
ครั้นทั่วป๋าอวี๋ชูป้ายคำสั่งแม่ทัพของตน เหล่าทหารจึงเล็งธนูใส่ผู้อพยพที่ไร้ซึ่งอาวุธ แถมส่วนใหญ่ยังมาเป็นครอบครัว ทั่วป๋าจวิ้นเห็นแล้วอดรนทนไม่ได้จึงถามผู้เป็นอาว่าใยต้องเอาชีวิตผู้บริสุทธิ์ ทั่วป๋าอวี๋แย้งว่าทั้งหมดหาใช่ผู้บริสุทธิ์แต่เป็นกบฏเป่ยเหลียง ทั่วป๋าจวิ้นแย้งกลับว่าพวกเขาเป็นเพียงราษฎรไร้ที่พึ่ง ครั้นถูกถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าในหมู่คนเหล่านี้ไม่มีนักฆ่าหรือสายลับเป่ยเหลียงปะปนอยู่ ทั่วป๋าจวิ้นกล่าวว่าต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังดีกว่าเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์และชี้ว่าในหมู่ผู้อพยพมีเด็กรวมอยู่ด้วย ทั่วป๋าอวี๋กล่าวว่าหากสงสัยมิสู้ฆ่าให้ตายเสียทั้งหมด ดีกว่าเสี่ยงให้คนร้ายแม้เพียงหนึ่งเล็ดลอดเข้ามาในเมือง เขายกป้ายคำสั่งให้ทั่วป๋าจวิ้นดูชัดๆ พลางชี้ว่าอำนาจอยู่ในมือตนใครหน้าไหนจะกล้าฝ่าฝืน พูดจบทั่วป๋าอวี๋ก็ชูป้ายแล้วสั่งให้เหล่าทหารฆ่าผู้อพยพทั้งหมดทันที ทั่วป๋าจวิ้นได้ยินดังนั้นจึงชิงป้ายคำสั่งจากมือทั่วป๋าอวี๋ ทั่วป๋าอวี๋จะฆ่าคนให้ได้เลยเล็งธนูใส่ผู้อพยพ ทั่วป๋าจวิ้นรีบชูป้ายคำสั่งแล้วประกาศให้ทั่วป๋าอวี๋รวมทั้งเหล่าทหารฟังคำสั่งตน ทั่วป๋าอวี๋ถามทั่วป๋าจวิ้นว่าคิดแข็งข้อกับตนจริงๆ หรือ ทั่วป๋าจวิ้นกล่าวขอโทษและชี้ว่าตนทำเช่นนี้เพราะไม่มีทางเลือกอื่น ไว้วันหน้าตนจะไปขอขมาอย่างเป็นทางการ พูดจบเขาก็สั่งให้ทหารเปิดประตูเมือง หลังถูกหลานชายหักหน้า ทั่วป๋าอวี๋ทำได้เพียงยืนมองเหล่าผู้อพยพวิ่งกรูเข้ามาในเมืองด้วยความแค้นใจ
* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่
ครั้นทั่วป๋าอวี๋ชูป้ายคำสั่งแม่ทัพของตน เหล่าทหารจึงเล็งธนูใส่ผู้อพยพที่ไร้ซึ่งอาวุธ แถมส่วนใหญ่ยังมาเป็นครอบครัว ทั่วป๋าจวิ้นเห็นแล้วอดรนทนไม่ได้จึงถามผู้เป็นอาว่าใยต้องเอาชีวิตผู้บริสุทธิ์ ทั่วป๋าอวี๋แย้งว่าทั้งหมดหาใช่ผู้บริสุทธิ์แต่เป็นกบฏเป่ยเหลียง ทั่วป๋าจวิ้นแย้งกลับว่าพวกเขาเป็นเพียงราษฎรไร้ที่พึ่ง ครั้นถูกถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าในหมู่คนเหล่านี้ไม่มีนักฆ่าหรือสายลับเป่ยเหลียงปะปนอยู่ ทั่วป๋าจวิ้นกล่าวว่าต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังดีกว่าเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์และชี้ว่าในหมู่ผู้อพยพมีเด็กรวมอยู่ด้วย ทั่วป๋าอวี๋กล่าวว่าหากสงสัยมิสู้ฆ่าให้ตายเสียทั้งหมด ดีกว่าเสี่ยงให้คนร้ายแม้เพียงหนึ่งเล็ดลอดเข้ามาในเมือง เขายกป้ายคำสั่งให้ทั่วป๋าจวิ้นดูชัดๆ พลางชี้ว่าอำนาจอยู่ในมือตนใครหน้าไหนจะกล้าฝ่าฝืน พูดจบทั่วป๋าอวี๋ก็ชูป้ายแล้วสั่งให้เหล่าทหารฆ่าผู้อพยพทั้งหมดทันที ทั่วป๋าจวิ้นได้ยินดังนั้นจึงชิงป้ายคำสั่งจากมือทั่วป๋าอวี๋ ทั่วป๋าอวี๋จะฆ่าคนให้ได้เลยเล็งธนูใส่ผู้อพยพ ทั่วป๋าจวิ้นรีบชูป้ายคำสั่งแล้วประกาศให้ทั่วป๋าอวี๋รวมทั้งเหล่าทหารฟังคำสั่งตน ทั่วป๋าอวี๋ถามทั่วป๋าจวิ้นว่าคิดแข็งข้อกับตนจริงๆ หรือ ทั่วป๋าจวิ้นกล่าวขอโทษและชี้ว่าตนทำเช่นนี้เพราะไม่มีทางเลือกอื่น ไว้วันหน้าตนจะไปขอขมาอย่างเป็นทางการ พูดจบเขาก็สั่งให้ทหารเปิดประตูเมือง หลังถูกหลานชายหักหน้า ทั่วป๋าอวี๋ทำได้เพียงยืนมองเหล่าผู้อพยพวิ่งกรูเข้ามาในเมืองด้วยความแค้นใจ
*** จบตอนที่หนึ่ง ***
* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่
รายชื่อนักแสดง
นักแสดงนำ
ถังเยียน (ทิฟฟานี่ ถัง)
รับบท เฝิงซินเอ๋อร์ / หลี่เว่ยยาง
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน - ภรรยา "หลัวจิ้น")
หลัวจิ้น
รับบท ทั่วป๋าจวิ้น (เกาหยางอ๋อง / ฮ่องเต้ "เหวินเฉิงตี้")
(นักแสดง ชาวจีน - สามี "ถังเยียน")
*** ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 2018 ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ***
อู๋เจี้ยนหาว (แวนเนส วู)
รับบท ทั่วป๋าอวี๋ (หนานอันอ๋อง)
(นักแสดง นักร้อง นักแต่งเพลง ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ - เกิดและเติบโตที่สหรัฐอเมริกา แต่ทำงานและตั้งรกรากที่ไต้หวัน )
เหมาเสี่ยวถง
รับบท หลี่ฉางหรู
(นักแสดง ชาวจีน)
หลี่ซินอ้าย
รับบท หลี่ฉางเล่อ
(นักแสดง ชาวจีน)
หลิวซีหมิง
รับบท ฮ่องเต้ทั่วป๋าเทา (ไท่อู่ตี้)
(นักแสดง / นักร้อง ชาวฮ่องกง)
"ทั่วป๋าเทา" เป็นพระบิดาของ "ทั่วป๋าห่วง" (อดีตองค์รัชทายาท), "ทั่วป๋าอวี๋", "ทั่วป๋าฮั่น", ทั่วป๋าตี๋ และเป็นพระอัยกา (ปู่) ของ "ทั่วป๋าจวิ้น"
ว่านเหม่ยซี
รับบท เฮ่อเหลียนฮองเฮา
(นักแสดง ชาวจีน)
ติงจื่อหลิง
รับบท หลีว์เจาอี๋
(นักแสดง ชาวจีน)
"หลีว์เจาอี๋" เป็นพระสนมคนโปรดของฮ่องเต้ทั่วป๋าเทา
สวี่หรงเจิน
รับบท ไท่จื่อเฟย
(นักแสดง ชาวจีน)
"ไท่จื่อเฟย" เป็นชายา "ทั่วป๋าห่วง" (อดีตองค์รัชทายาท) และพระมารดา "ทั่วป๋าจวิ้น"
จางเทียนหยาง
รับบท ทั่วป๋าฮั่น (ตงผิงอ๋อง)
(นักแสดง ชาวจีน)
เฉินอวี้ฉี
รับบท ทั่วป๋าตี๋ (องค์หญิงซ่างกู)
(นักแสดง ชาวจีน)
โหวรุ่ยเสียง
รับบท จงอ้าย
(นักแสดง ชาวจีน)
รุ่ยเหว่ยหัง
รับบท เฉิงเต๋อ
(นักแสดง ชาวจีน)
จวนเสนาฯ (บ้านสกุลหลี่)
หวังลี่หยวน
รับบท หลีเหล่าฟูเหริน (หลีเล่าฮูหยิน)
(นักแสดง ชาวจีน)
ไป๋ฝาน
รับบท หลี่เซียวหราน
(นักแสดง ชาวจีน)
เถียนลี่
รับบท ชื่ออวิ๋นโหรว
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)
"ชื่ออวิ๋นโหรว" เป็นภรรยาเอกของ "หลี่เซียวหราน" และมารดาของ "หลี่หมิ่นเฟิง" กับ "หลี่ฉางเล่อ"
หูไฉ่หง
รับบท เวินอี๋
(นักแสดง ชาวจีน)
"เวินอี๋" เป็นภรรยารองของ "หลี่เซียวหราน" และมารดาของ "หลี่ฉางหรู" กับ "หลี่ฉางสี่"
หวังหว่านเจวียน
รับบท โจวเสวี่ยเหมย
(นักแสดง ชาวจีน)
"โจวเสวี่ยเหมย" เป็นภรรยาคนที่สามของ "หลี่เซียวหราน" และมารดาบุญธรรมของ "หลี่หมินเต๋อ"
หลิวเจี๋ย
รับบท ชีอี๋เหนียง (แม่เจ็ด)
(นักแสดง ชาวจีน)
"ชีอี๋เหนียง" เป็นภรรยาคนที่เจ็ดของ "หลี่เซียวหราน" และมารดาของ "หลี่เว่ยยาง"
หนานฝูหลง
รับบท หลี่หมิ่นเฟิง
(นักแสดง / นายแบบ ชาวจีน)
เผิงโต้วโต้ว
รับบท หลี่ฉางสี่
(นักแสดง ชาวจีน)
เหลียงเจิ้นหลุน
รับบท หลี่หมินเต๋อ / องค์ชายหยวนเลี่ยแห่งโหรวหร่าน
(นักแสดง ชาวจีน)
มู่เล่อเอิน
รับบท ไป๋จื่อ
(นักแสดง ชาวจีน)
เถียนอี้ซี
รับบท จื่อเยียน
(นักแสดง ชาวจีน)
บ้านสกุลชื่ออวิ๋น
ถังฉวิน
รับบท ชื่ออวิ๋นเหล่าฟูเหริน (ชื่ออวิ๋นเล่าฮูหยิน)
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
จินฮั่น
รับบท ชื่ออวิ๋นหนาน
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
หยางจู่ชิง
รับบท หงหลัว
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
ราชวงศ์เป่ยเหลียง (เหลียงเหนือ)
หลิวเสวี่ยหัว
รับบท ไทเฮา
(นักแสดงฮ่องกง เกิดที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน)
ถานข่าย
รับบท เป่ยเหลียงอ๋อง / เหอซีอ๋อง (ตัวประกันเป่ยเว่ย)
(นักแสดง / ดีไซเนอร์ ชาวจีน)
ซุนเหว่ย
รับบท ลุงหมิง
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
หวังเหยียนจือ
รับบท จวินเถา
(นักแสดง ชาวจีน)
เขตปกครองโหรวหร่าน
หวังเหว่ย
รับบท องค์หญิงอันเล่อ
(นักแสดง ชาวจีน)
หลี่อั๋ง
รับบท เจียวถงหลิ่ง (เป็นแม่ทัพ และเสนาฯ )
(นักแสดง ชาวจีน)
รวมเบื้องหลังจาก China Anhui TV Official
หมายเหตุ:
- อ่านเรื่องย่อแต่ละตอนทางไทยพีบีเอสได้ ที่นี่
- ดูละครย้อนหลัง (ภายใน 30 วันหลังละครออกอากาศ) ทางไทยพีบีเอสได้ ที่นี่
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา