บทประพันธ์: โกวเล้ง
กำกับ: หูหมิงข่าย (ชาวฮ่องกง)
เขียนบท: เฉินเม่าเสียน
แนวละคร: กำลังภายใน
จำนวนตอน: 36
ออกอากาศ: จีน - 8 กุมภาพันธ์ 2561 ทางเว็บไซต์อ้ายฉีอี้ (iQIYI)
ไทย - ทุกวันเสาร์ เวลา 14.00-16.00 น. ทางช่อง MCOT HD (หมายเลข 30) ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2563 - 29 สิงหาคม 2563
ละคร "เซียนกระบี่เหนือยุทธภพ" (The Lost Swordship) ดัดแปลงจากนิยายกำลังภายในเรื่อง "飘香剑雨" (Piao Xiang Jian Yu / พิรุณกระบี่กระจายหอม) ซึ่งเป็นผลงานยุคแรกเริ่มของนักเขียนชื่อดังชาวฮ่องกง "โกวเล้ง" (กู่หลง) และเป็นเรื่องหนึ่งที่โกวเล้งนิยมชมชอบเป็นพิเศษ หลังชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือเขาจึงรื้อโครงเรื่องเดิม (ซึ่งเป็นเรื่องยาว) โดยตัดทอนเนื้อหาที่ล้าสมัยและยืดเยื้อออก ทั้งยังเขียนเนื้อเรื่องตอนท้ายใหม่จนกระชับรัดกุมตามแบบฉบับวรรณกรรมกำลังภายในโก้วเล้งยุคหลัง (นิยายภาษาไทยชื่อ "กระบี่กระจายหอม" แปลโดย น.นพรัตน์)
เนื้อหาในละครต่างจากนิยายโดยสิ้นเชิง เรื่องราวกล่าวถึงยอดฝีมือหนุ่มนาม "หลี่ว์หนานเหริน" บุตรบุญธรรมและศิษย์เอกของ "ซ่างกวนจินหง" [เซี่ยงกัวกิมฮ้ง] เขามีศิษย์น้องสามคน ได้แก่ "เซวียรั่วปี้" (น้องรองและภรรยา), "หลิงเป่ยซิว" (น้องสาม) และ "โหยวต้าจวิน" (น้องสี่) หลังซ่างกวนจินหงโดนสังหาร หลี่ว์หนานเหรินจึงก่อตั้งนิกายช่วงชิงฟ้าหวังแก้แค้นศัตรูที่ฆ่าอาจารย์ แต่สุดท้ายเขากลับถูกศิษย์น้องหักหลังจนสูญสิ้นทุกสิ่ง รวมทั้งตำแหน่ง "ประมุขนิกายช่วงชิงฟ้า" แม้แต่เซวียรั่วปี้ผู้เป็นภรรยายังถูกนิกายช่วงชิงฟ้าจับตัวไปต่อหน้าต่อตา หมายบีบให้เขายอมมอบเคล็ดวิชาและกระบี่กระจายหอม (กระบี่เพียวเซียง)
* "ซ่างกวนจินหง" [เซี่ยงกัวกิมฮ้ง] เป็นหัวหน้าพรรคเหรียญทอง (ฝ่ายอธรรม) และเจ้าของห่วงหงส์มังกร เป็นตัวละครในนิยายชุด "ฤทธิ์มีดสั้น" ของโกวเล้ง - ในเวอร์ชั่นนิยายซ่างกวนจินหงตายใต้คมมีดบินของลี้คิมฮวง
ครั้นโดนรังควานจนแทบไม่มีที่ยืนในยุทธภพ ยอดฝีมือผู้มีชื่อเสียงเลื่องลืออย่างหลี่ว์หนานเหริน (ซึ่งไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องที่ตนโดนหักหลัง) จึงเปลี่ยนชื่อตนเองใหม่เป็น "อีเฟิง" แล้วท่องไปในยุทธภพเพื่อหาโอกาสแก้แค้นนิกายช่วงชิงฟ้าและช่วยภรรยา นั่นจึงทำให้เขาได้พบและผูกมิตรกับเหล่ายอดฝีมือผู้เลื่องชื่อในยุทธภพ หลังนิกายช่วงชิงฟ้าแผ่ขยายอิทธิพลจนเรืองอำนาจ ยอดฝีมือ "หลี่สวินฮวน" [ลี้คิมฮวง] เจ้าของวิชามีดบินที่ได้รับยกย่องว่าไม่เคยพลาดเป้า จึงก่อตั้งหมู่ตึกจวี้เสียน (จวี้เสียนซานจวง) หมายปกป้องฝ่ายธรรมะและผดุงคุณธรรม ด้วยการระดมเหล่าจอมยุทธมาร่วมต่อกรกับนิกายช่วงชิงฟ้า และอีเฟิงก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่หลี่สวินฮวนหมายตา
* "หลี่สวินฮวน" [ลี้คิมฮวง] เป็นตัวละครในนิยายชุด "ฤทธิ์มีดสั้น" ของโกวเล้ง
** ช่อง MCOT เรียก "หมู่ตึกจวี้เสียน" ว่า "สำนักคุณธรรม"
เพื่อช่วยเซวียรั่วปี้ (ภรรยา) จากนิกายช่วงชิงฟ้า อีเฟิงถึงกับยอมสละแขนข้างหนึ่ง เขานึกไม่ถึงว่าแท้จริงแล้วเซวียรั่วปี้คือประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าและคนทรยศที่สร้างเรื่องหลอกลวงตน หลังหมอ "เหยียนจื่อจ้ง" (หัตถ์อสูรเขียว) ช่วยต่อแขนให้ อีเฟิงจึงเข้าร่วมหมู่ตึกจวี้เสียนหมายโค่นล้มนิกายช่วงชิงฟ้าที่ตนตั้งมากับมือ หลังจากนั้น เขาเริ่มมีใจให้ซุนหมิ่น ทั้งยังเริ่มคบหามิตรสหาย แต่แผนชั่วของตัวการใหญ่ (ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องราวอันเลวร้ายทั้งหมด) ทำให้อีเฟิงต้องสูญเสียมิตรสหายและคนใกล้ชิดมากมาย สุดท้ายแล้วเรื่องราวจะลงเอยอย่างไรติดตามชมได้ใน "เซียนกระบี่เหนือยุทธภพ (The Lost Swordship)" ทางช่อง MCOT HD
เนื้อหาตอนที่หนึ่ง
* ชื่อตัวละครเป็นภาษาจีนกลาง ส่วน [ในวงเล็บ] เป็นภาษาจีนสำเนียงแต้จิ๋ว
* ชื่อตัวละครเป็นภาษาจีนกลาง ส่วน [ในวงเล็บ] เป็นภาษาจีนสำเนียงแต้จิ๋ว
ละครเปิดฉากขึ้นในยามที่ยุทธจักรกำลังสั่นคลอน ฝ่ายธรรมะเสื่อมถอย ฝ่ายอธรรมรุ่งเรือง ในบรรดาสำนักฝ่ายอธรรม "นิกายช่วงชิงฟ้า" (เทียนเจิงเจี้ยว) นับว่าแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเขาได้แผ่ขยายอิทธิพลจนอยู่เหนือสำนักมาตรฐานทั้งปวงในยุทธภพ ทั้งยังบีบให้เหล่าผู้ฝึกยุทธยอมศิโรราบ และคอยตามราวีจอมยุทธฝ่ายธรรมะที่ครอบครอง 'ยอดศาสตรา' ในตำนาน หมายช่วงชิงยอดศาสตราและเคล็ดวิชามาเพิ่มความแข็งแกร่งให้ฝ่ายตน
* ยอดศาสตราในตำนาน เป็นอาวุธที่ปรากฏใน "ตำราสุดยอดศาสตรา" ของ "ไป๋เสี่ยวเซิง" [แป๊ะเฮียวเซ็ง] ซึ่งเป็นตัวละครหนึ่งในนิยายเรื่อง "ฤทธิ์มีดสั้น" ของโกวเล้ง โดยไป๋เสี่ยวเซิงได้รวบรวมข้อมูลและจัดอันดับยอดอาวุธก่อนเผยแพร่ออกไปในยุทธภพ แต่นั่นกลับกลายเป็นการจุดชนวนให้เกิดการเข่นฆ่าและแก่งแย่งชิงดีในหมู่ชาวยุทธ
* ยอดศาสตราในตำนาน เป็นอาวุธที่ปรากฏใน "ตำราสุดยอดศาสตรา" ของ "ไป๋เสี่ยวเซิง" [แป๊ะเฮียวเซ็ง] ซึ่งเป็นตัวละครหนึ่งในนิยายเรื่อง "ฤทธิ์มีดสั้น" ของโกวเล้ง โดยไป๋เสี่ยวเซิงได้รวบรวมข้อมูลและจัดอันดับยอดอาวุธก่อนเผยแพร่ออกไปในยุทธภพ แต่นั่นกลับกลายเป็นการจุดชนวนให้เกิดการเข่นฆ่าและแก่งแย่งชิงดีในหมู่ชาวยุทธ
"ติงโยว" จอมยุทธหนุ่มผู้องอาจ วัย 30 ปี เป็นผู้สืบทอดเพลงทวนป้าหวัง (ทวนในตำนาน) เขาพยายามเร้นกายแต่ไม่วายถูกคนของนิกายช่วงชิงฟ้าตามไล่ล่า แม้มากฝีมือและมียอดทวนเป็นอาวุธคู่กายแต่เขาเพียงลำพังไม่อาจต้านทานศัตรูที่แข็งแกร่งและมีจำนวนมากได้ นับว่ายังโชคดีที่จอมยุทธไร้สังกัดนาม "อีเฟิง" มาช่วยติงโยวต่อกรกับสมุนนิกายช่วงชิงฟ้าได้ทันเวลา (เขาสะกดรอยตามติงโยวตั้งแต่แรก) แม้อีเฟิงจะสะพายกระบี่เล่มหนึ่งไว้ที่หลัง (โดยมีผ้าพันไว้มิดชิด) แต่เขากลับเลือกใช้เคียวคู่สังหารศัตรู สองหนุ่มใช้เวลาเพียงไม่นานก็สังหารสมุนนิกายช่วงชิงฟ้าจนตายเกลื่อน ติงโยวกล่าวขอบคุณอีเฟิงด้วยความซาบซึ้งใจ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อเห็นอีเฟิงขโมยเงินคนตาย แถมเขายังโดนอีเฟิงไถเงินค่าคุ้นครองอีกด้วย ครั้นติงโยวบอกว่าไม่มีเงิน อีเฟิงเลยเดินไปสำรวจทวนของติงโยวใกล้ๆ และทำท่าว่าจะจับ ติงโยวเห็นท่าไม่ดีเลยรีบชักทวนกลับแล้วขอตัวทันที
* "ทวนป้าหวัง" เป็นสุดยอดทวนในยุทธภพ และเป็นชื่อนิยายเรื่องที่ห้าในนิยายชุด "อาวุธทั้งเจ็ด" ของโกวเล้ง (นิยายภาษาไทยชื่อ "ทวนทมิฬ" พระเอกในเรื่องชื่อ "ติงสี่" [เต็งฮี้])
เมื่อติงโยวแวะโรงเตี๊ยมสือหลี่ก็ได้พบอีเฟิงอีกครั้ง อีเฟิงรู้ว่าอาวุธคู่กายของติงโยวคือทวนป้าหวังซึ่งเป็นหนึ่งในยอดศาสตราที่หล่อจากเหล็กเย็นและเป็นสิ่งที่นิกายช่วงชิงฟ้ากำลังหมายตา เขาเห็นว่าติงโยวตกเป็นเป้าของนิกายช่วงชิงฟ้าจึงพยายามกล่อมให้ติงโยวมาร่วมมือกับตน ครั้นรู้ว่าอีเฟิงต้องการโค่นนิกายช่วงชิงฟ้าที่กำลังเรืองอำนาจในยุทธภพ ติงโยวจึงสงสัยว่าอีเฟิงมีความแค้นฝังใจอะไรนักหนาถึงได้อาจหาญเช่นนี้ "อาซาน" (เจ้าของโรงเตี๊ยม) ชี้ว่าประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าชิงภรรยาของอีเฟิงไป ติงโยวได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเห็นใจอีเฟิงแต่เขามองว่าพวกตนเป็นแค่ไม้ซีกจะไปงัดไม้ซุงได้อย่างไร ครั้นถูกประณามว่าเป็นเต่าหัวหด ติงโยวจึงออกตัวว่าตนไม่ได้รักตัวกลัวตายเพียงแต่ไม่มีใครรู้ที่กบดานของประมุขนิกายช่วงชิงฟ้า อีเฟิงแค่นหัวเราะก่อนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่าตนมีวิธีสืบหาเบาะแส และวิธีการที่ว่าก็คือการไปถามพุทธองค์!
หลี่สวินฮวน [ลี้คิมฮวง] หรือ "อาวุโสหลี่" (ประมุขหมู่ตึกจวี้เสียน / อาจารย์ซุนหมิ่น) ตรวจดูผลการทดสอบของจงจิ้ง ซึ่งซุนหมิ่นได้ลงความเห็นเอาไว้ว่า เขามีเพลงหมัดล้ำเลิศ ความอดทนยอดเยี่ยม วิชาตัวเบาเป็นรองเพียงจอมโจรรูปงามฉู่หลิวเซียง [ชอลิ้วเฮียง] แต่ในเรื่องความชาญฉลาดเธอกลับประเมินเขาโดยวาดรูปหมู (หมายถึง โง่เขลา) ซุนหมิ่นชี้ว่าที่ตนทำเช่นนั้นเป็นเพราะจงจิ้งไม่รู้แม้กระทั่งวัตถุประสงค์ของหมู่ตึกจวี้เสียน อาวุโสหลี่จะบอกว่าวัตถุประสงค์ของหมู่ตึกจวี้เสียนคืออะไร แต่จงจิ้งชิงตอบว่าต่อสู้เพื่อความถูกต้องและผดุงคุณธรรม อาวุโสหลี่แย้งว่านั่นเป็นปณิธานของยอดฝีมือฝ่ายธรรมะเมื่อนานมาแล้ว เขาชี้ว่าในยามนี้จอมยุทธฝ่ายธรรมะถูกเข่นฆ่าคนแล้วคนเล่า อิทธิพลของฝ่ายอธรรมแผ่ขยายไปทั่ว แต่เป้าหมายที่แท้จริงของฝ่ายอธรรมคือชิงเคล็ดวิชาและยอดศาสตราของแต่ละสำนัก ซุนหมิ่นกล่าวเสริมว่า อาจารย์ก่อตั้งหมู่ตึกจวี้เสียนหมายปกป้องและรวบรวมเหล่าจอมยุทธที่แตกฉานซ่านเซ็น หวังผนึกกำลังและรอคอยโอกาส
ครั้นจงจิ้งถามว่าจอมยุทธคนแรกที่พวกตนจะตามหาคือใคร อาวุโสหลี่จึงมอบข้อมูลผู้ครอบครองทวนป้าหวังนามติงโยวให้เขา พลางกล่าวว่าทวนป้าหวังเป็นทวนยาวที่มีความโดดเด่นและมีหนึ่งเดียวในยุทธภพ จัดอยู่ในลำดับที่ 20 ของตำราสุดยอดศาสตรา ซุนหมิ่นกล่าวว่าสายของพวกตนพบเบาะแสล่าสุดของติงโยวที่เจียงหนาน* หลังอาวุโสหลี่มอบหมายให้จงจิ้งตามหาและพาติงโยวมาที่หมู่ตึกจวี้เสียน จงจิ้งอดสงสัยไม่ได้ว่างานนี้ตนต้องฉายเดี่ยวหรือ อาวุโสหลี่กล่าวว่าตนกำลังคัดเลือกคน และให้คำมั่นว่าจะไม่ปล่อยให้จงจิ้งต้องต่อสู้เพียงลำพัง จงจิ้งได้ยินดังนั้นก็วางใจ เขาสัญญาว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงและจะไม่ทำให้อาวุโสหลี่ผิดหวังอย่างแน่นอน
* เจียงหนาน [กังหนำ] คือ บริเวณตอนล่างของแม่น้ำแยงซีในปัจจุบัน
อีเฟิงพาติงโยวไปป่วนในบ่อนซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของนิกายช่วงชิงฟ้า (บ่อนดังกล่าวซ่อนตัวอยู่ในวัด) เขาใช้เวลาไม่นานก็สังหารสมุนนิกายช่วงชิงฟ้าได้นับสิบ ผิดกับติงโยวซึ่งเป็นจอมยุทธใจซื่อถือคุณธรรมที่ยังคงต่อสู้อย่างดุเดือดเพราะไม่ยอมใช้อาวุธเข่นฆ่าศัตรู (ติงโยวไม่ฆ่าคนพร่ำเพรื่อและไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน) อีเฟิงไม่ช่วยติงโยวสู้กับสมุนนิกายช่วงชิงฟ้า (ที่เหลือ) เพราะจัดการส่วนของตนเสร็จแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเคยเตือนติงโยวแล้วว่า 'มีเพียงคนตายเท่านั้นที่จะไม่ตอบโต้' และยังบอกด้วยว่าจะไม่ช่วยติงโยว ดังนั้นติงโยวต้องกำจัดศัตรูด้วยตนเอง (อีเฟิงต้องการบีบให้ติงโยวใช้ทวนป้าหวังสังหารสมุนนิกายช่วงชิงฟ้าเลยนั่งกินกล้วยรอ) แต่ทว่าติงโยวเป็นจอมยุทธฝ่ายธรรมะเลยยึดมั่นในหลักการ เขาใช้ทวนที่ซ่อนอยู่ในห่อผ้าปัดป้องและฟาดศัตรูเพราะไม่อยากเอาชีวิต ครั้น "ชื่อหลาง" ปรากฏกายและลงมือกับติงโยวอย่างดุเดือดดุดัน ติงโยวเลยจำต้องนำทวนป้าหวังออกมาป้องกันตัว หลังติงโยวปราบชื่อหลางได้แล้ว อีเฟิงจึงปรี่เข้าไปหาชื่อหลางพลางถามหาประมุขนิกายช่วงชิงฟ้า ชื่อหลางไม่ยอมปริปากจึงถูกอีเฟิงสังหารด้วยเคียวคู่
ขณะเตรียมลุยสถานที่ต่อไป ติงโยวต่อว่าอีเฟิงที่เก็บงำข้อมูลศัตรูเอาไว้โดยไม่ยอมบอกตน (อีเฟิงไม่บอกติงโยวว่าถ้าชื่อหลางบาดเจ็บสาหัส พลังจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ) อีเฟิงแย้งว่าตนเตือนแล้ว (มีเพียงคนตายเท่านั้นที่จะไม่ตอบโต้) แต่ติงโยวมัวยึดมั่นในคุณธรรมจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ติงโยวได้ยินดังนั้นเลยเถียงไม่ออก เขาเห็นว่าอีเฟิงพกกระบี่แต่กลับไม่ยอมใช้จึงรู้สึกแปลกใจ อีเฟิงกล่าวว่ากระบี่เล่มนี้มีอานุภาพมากเกินไป ถึงเวลาเมื่อไหร่ตนต้องนำมันออกมาใช้แน่ เขาเห็นติงโยวหยิบทวนป้าหวังจึงแนะให้เปลี่ยนไปใช้อาวุธที่มีความยาวไม่เกินสองฉื่อ (สองฟุต) แทน ครั้นติงโยยืนกรานว่าตนมีเพียงทวนป้าหวังเป็นอาวุธประจำกาย อีเฟิงจึงได้แต่อวยพรให้เขาโชคดี
ณ หมู่ตึกจวี้เสียน ซุนหมิ่นนำพลองมังกร (คั่งหลงเจี่ยน) ของบิดาผู้ล่วงลับมาเช็ดด้วยสีหน้าสุดอาลัย หลังตั้งเครื่องเซ่นไหว้และเทสุราหน้าป้ายวิญญาณแล้ว อาวุโสหลี่จึงดื่มสุราในถ้วยของตน ซุนหมิ่นเห็นดังนั้นจึงเตือนผู้เป็นอาจารย์ว่าหมอห้ามไม่ให้เขาดื่มสุรา อาวุโสหลี่แย้งว่าตนดื่มเพื่อรำลึกถึงสหายเก่าแค่ปีละครั้ง และบ่นว่าซุนหมิ่นยิ่งโตยิ่งขี้บ่นเหมือนสหายตน ซุนหมิ่นมองป้ายวิญญาณด้วยใบหน้าเศร้าหมอง พลางกล่าวว่าตราบจนวันนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าบิดาหน้าตาเป็นเช่นไร อาวุโสหลี่รู้สึกผิดที่วันนั้นตนไปถึงไม่ทันการณ์ (มีเพียงซุนหมิ่นในวัยแบเบาะที่รอดชีวิต) ซุนหมิ่นปลอบว่าถึงช่วยบิดาเธอไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ช่วยเธอซึ่งเป็นลูก อาวุโสหลี่ให้คำมั่นหน้าป้ายวิญญาณว่าจะปกป้องซุนหมิ่น ซุนหมิ่นแย้งว่าเธอโตแล้วไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้อง เธออยากอุทิศตนเพื่อยุทธภพแทนการเช็ดถูอาวุธอยู่ที่นี่ไปวันๆ ครั้นซุนหมิ่นขอออกไปตามหาติงโยวพร้อมจงจิ้ง อาวุโสหลี่จึงเปรยว่าเธอดื้อรั้นเหมือนบิดาไม่มีผิด เขาชี้ว่าแม้จงจิ้งจะด้อยประสบการณ์ในยุทธภพ แต่คนอย่างเขานี่แหล่ะที่จะทำให้ซุนหมิ่นไม่เมาเรือ พูดจบอาวุโสหลี่ก็หัวเราะแล้วเดินจากไป ขณะที่ซุนหมิ่นได้แต่ยืนงง
อีเฟิงกับติงโยวพากันไปบุกหอคณิกาของนิกายช่วงชิงฟ้า แต่อีเฟิงดันปล่อยให้ติงโยวสู้กับสองนักฆ่าสาว "ซวงจี" ตามลำพัง ส่วนตัวเองนั่งกินองุ่นอย่างสบายอารมณ์ หลังโดนซัดจนน่วม (เพราะตั้งรับอย่างเดียว) ติงโยวจึงร้องถามอีเฟิงว่าเมื่อไหร่จะออกมาช่วยตนเสียที อีเฟิงชี้ว่าถ้าออกโรงตอนนี้ตนหลบหลีกมือเท้าของสองสาวได้แน่ (มือและเท้าของสองสาวติดอาวุธ) แต่คงหลบทวนของติงโยวไม่พ้น ครั้นเห็นติงโยวเพลี่ยงพล้ำเพราะไม่ยอมเป็นฝ่ายรุกอีกตามเคย อีเฟิงจึงโวยลั่น ติงโยวชักเริ่มโมโหเลยบอกให้อีเฟิงออกมาสู้เองบ้าง อีเฟิงจึงออกโรงพร้อมอาวุธสั้นที่เตรียมมาปราบสองสาวโดยเฉพาะ อาวุธที่ว่าคือ ไม้เท้าเหล็ก (เรียกว่าไม้เท้าแต่จริงๆ แล้วเป็นกระบองสั้นความยาว 2 ฟุตและมีด้ามจับ) เพียงไม่นานเขาก็ใช้ไม้เท้าปลดเขี้ยวเล็บและปราบสองสาวอย่างง่ายดาย ครั้นถามหาประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าแล้วไม่ได้รับคำตอบ อีเฟิงจึงใช้มีดสั้นเชือดคอสองสาวทันที
หลังโดนเล่นงานจนน่วมอยู่คนเดียว ติงโยวชักเริ่มสงสัยว่าตนอาจถูกอีเฟิงหลอกให้เป็นทัพหน้า เพราะอีเฟีงมักรอให้ตนเพลี่ยงพล้ำก่อนแล้วค่อยออกโรง อีเฟิงอ้างว่าสมุนนิกายช่วงชิงฟ้าเลือกลงมือกับติงโยวเอง จากนั้นก็บอกติงโยวว่าเป้าหมายต่อไปของพวกตนคือ "โหมวซาน" ซึ่งเป็นคนขายเนื้อร่างยักษ์ (สมุนนิกายช่วงชิงฟ้า) ที่เชี่ยวชาญด้านการใช้ขวานด้ามยาวและมีพละกำลังมหาศาล ดังนั้นติงโยวต้องรู้จักหลบหลีกอย่างรวดเร็วและทำตัวให้ยืดหยุ่นเข้าไว้
ซุนหมิ่นพาจงจิ้งลงเรือลำใหญ่เพื่อไปเดินทางปฏิบัติภารกิจ โดยบอกว่าเรือลำนี้เป็นของจอมโจรรูปงามฉู่หลิวเซียง [ชอลิ้วเฮียง] ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำของหมู่ตึกจวี้เสียน ครั้นจงจิ้งถามว่าจะร่วมเดินทางไปด้วยหรือ ซุนหมิ่นอ้างว่าอาจารย์เห็นเขาเบาปัญญาเลยส่งตนมาปกป้อง จงจิ้งแย้งว่าตนไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญาแต่ซุนหมิ่นอคติกับตนมากกว่า ซุนหมิ่นยอมรับว่าตนมีอคติกับจงจิ้งจริง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มต่อปากต่อคำเพราะไม่มีใครยอมใคร (ความจริงแล้วงานนี้เป็นภารกิจแรกของซุนหมิ่นเช่นกัน) ทั้งคู่กำลังจะประลองฝีมือแต่อาวุโสหลี่เข้ามาห้ามเสียก่อน เขาแจ้งทั้งคู่เรื่องเบาะแสและความเคลื่อนไหวของติงโยว โดยกล่าวว่าเมื่อสามวันก่อนติงโยวและยอดฝีมือไม่ทราบที่มา (อีเฟิง) ได้บุกทลายสาขาย่อยหลายแห่งของนิกายช่วงชิงฟ้า ซุนหมิ่นสงสัยว่ายอดฝีมือปริศนาเป็นมิตรหรือศัตรู จงจิ้งเดาว่าเขาน่าจะเป็นมิตร แต่ซุนหมิ่นยังไม่ปักใจเชื่อ อาวุโสหลี่ชี้ว่าเรื่องนี้ยังไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่ร่องรอยของทวนป้าหวังถูกเปิดเผย เขาต้องการให้จงจิ้งไปพบติงโยวก่อนสมุนนิกายช่วงชิงฟ้าและพาเขามาพบตนให้ได้ จงจิ้งรับปากด้วยความมั่นใจ ซุนหมิ่นอยากได้รับความไว้วางใจบ้างจึงถามอาจารย์ว่าจะให้ทำอย่างไรกับยอดฝีมือปริศนา หลี่สวินฮวนกล่าวว่าถ้ามีโอกาสก็ให้พากลับมาด้วย
อีเฟิงพาติงโยวไปบุกโรงแล่เนื้อสังกัดนิกายช่วงชิงฟ้า ในตอนแรกทั้งคู่ช่วยกันต่อสู้กับโหมวซาน แต่พอสบโอกาสอีเฟิงก็ปล่อยให้ติงโยวลุยเดี่ยวอีกตามเคย เขารู้ทั้งรู้ว่าการล้มยักษ์หรือจอมพลังที่แข็งแกร่งอย่างโหมวซานนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และคนใจสัตย์ซื่อถือคุณธรรมอย่างติงโยวไม่มีทางเอาอยู่ ต่อให้สู้เต็มกำลังด้วยเพลงทวนป้าหวังก็ตาม หลังปล่อยให้ติงโยวต่อสู้จนหนำใจ อีเฟิงจึงซัดอาวุธลับสังหารโหมวซาน ติวโยวไม่ปลื้มที่อีเฟิงใช้อาวุธลับเข่นฆ่าคน เขาชี้ว่าจอมยุทธฝ่ายธรรมมะไม่ใช้วิธีการสกปรกเยี่ยงนี้ อีเฟิงแย้งว่าตนไม่ได้อยู่ฝ่ายธรรมะ และไม่โง่เหมือนติงโยวที่ริอ่านประลองกำลังกับศัตรูร่างยักษ์ที่แข็งแกร่งกว่าตน
ในที่สุดแผนของอีเฟิงก็เริ่มส่งผล เพราะเรื่องราวได้ล่วงรู้ไปถึงหูของ "ประมุข" นิกายช่วงชิงฟ้า หลังตรวจสอบสภาพศพของสมุนมือดีทั้งสี่คนที่นอนเรียงรายหน้าหอหู่เสี้ยว "เทียนเหมิ่งซิง" จึงรายงานท่านประมุขว่า สาขาย่อยของพวกตนถูกมือดีสองคนบุกกวาดล้างถึงสามแห่งในเวลาไล่เลี่ยกัน เขาไม่รู้ว่าทั้งคู่เป็นใครกันแน่ และตั้งข้อสังเกตว่าแม้อาวุธที่มือสังหารใช้ปลิดชีพคนของตนจะแตกต่างกัน แต่วิธีลงมือล้วนรวดเร็วและโหดเหี้ยมจึงน่าจะเป็นคนๆ เดียวกัน ประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าตั้งข้อสังเกตว่าการที่มือสังหารมุ่งโจมตีจุดอ่อนของแต่ละคนแสดงว่าเขารู้จักคนของตนเป็นอย่างดี ครั้นปลุกร่างใกล้ตายของชื่อหลางขึ้นมาถามแล้วพบว่าผู้ที่บุกมากวาดล้างสามสาขาย่อยของตน คือ ผู้สืบทอดเพลงทวนป้าหวัง...ติงโยว ส่วนอีกคนเป็นจอมยุทธโนเนมชื่ออีเฟิงซึ่งใช้เคียวคู่เป็นอาวุธประจำกาย ประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าจึงสั่งให้เทียนเหมิ่งซิงนำกำลังไปชิงทวนป้าหวังและจับติงโยวมาให้ตน ส่วนอีเฟิงซึ่งพยายามตามหาตนยังไม่ต้องลงมือ เพราะตนอยากรู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะหาตนเจอ
อีเฟิงพาติงโยวไปดื่มเหล้าฉลองที่โรงเตี๊ยมสือหลี่ ติงโยว (ซึ่งดื่มได้ไม่นานก็เมาปลิ้น) สารภาพว่าแม้ไม่ได้เบาะแสของประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าแต่เขากลับรู้สึกดีที่ได้ร่วมมือกับอีเฟิง หลังดื่มได้ไม่นานติงโยวก็เมาจนหลับไป อาซานสงสัยว่าการที่อีเฟิงพาติงโยวออกไปป่วนนิกายช่วงชิงฟ้าทุกวันจะช่วยให้รู้ที่กบดานของประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าจริงๆ หรือ อีเฟิงตอบว่าหากประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าต้องการสิ่งใดจะไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่ ครั้นรู้ว่าอีเฟิงกำลังใช้ทวนป้าหวังของติงโยวเป็นเหยื่อล่ออาซานก็รู้สึกตกใจและหลุดปากพูดออกมาต่อหน้าติงโยว แม้ติงโยวจะเมาไม่รู้เรื่อง แต่อีเฟิงไม่พอใจอาซานจึงเหลือบมองเขาด้วยแววตาที่แข็งกร้าว อาซานเห็นดังนั้นถึงกับหน้าจ๋อย
หลังออกจากโรงเตี๊ยม อีเฟิงพาติงโยวออกมาเดินล่อนิกายช่วงชิงฟ้า เขารู้ว่าพวกตนกำลังถูกคนสะกดรอยตามแต่แกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่นานสองหนุ่มก็ถูกนิกายช่วงชิงฟ้านำโดยเทียนเหมิ่งซิงรุมล้อม
* "ทวนป้าหวัง" เป็นสุดยอดทวนในยุทธภพ และเป็นชื่อนิยายเรื่องที่ห้าในนิยายชุด "อาวุธทั้งเจ็ด" ของโกวเล้ง (นิยายภาษาไทยชื่อ "ทวนทมิฬ" พระเอกในเรื่องชื่อ "ติงสี่" [เต็งฮี้])
เมื่อติงโยวแวะโรงเตี๊ยมสือหลี่ก็ได้พบอีเฟิงอีกครั้ง อีเฟิงรู้ว่าอาวุธคู่กายของติงโยวคือทวนป้าหวังซึ่งเป็นหนึ่งในยอดศาสตราที่หล่อจากเหล็กเย็นและเป็นสิ่งที่นิกายช่วงชิงฟ้ากำลังหมายตา เขาเห็นว่าติงโยวตกเป็นเป้าของนิกายช่วงชิงฟ้าจึงพยายามกล่อมให้ติงโยวมาร่วมมือกับตน ครั้นรู้ว่าอีเฟิงต้องการโค่นนิกายช่วงชิงฟ้าที่กำลังเรืองอำนาจในยุทธภพ ติงโยวจึงสงสัยว่าอีเฟิงมีความแค้นฝังใจอะไรนักหนาถึงได้อาจหาญเช่นนี้ "อาซาน" (เจ้าของโรงเตี๊ยม) ชี้ว่าประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าชิงภรรยาของอีเฟิงไป ติงโยวได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเห็นใจอีเฟิงแต่เขามองว่าพวกตนเป็นแค่ไม้ซีกจะไปงัดไม้ซุงได้อย่างไร ครั้นถูกประณามว่าเป็นเต่าหัวหด ติงโยวจึงออกตัวว่าตนไม่ได้รักตัวกลัวตายเพียงแต่ไม่มีใครรู้ที่กบดานของประมุขนิกายช่วงชิงฟ้า อีเฟิงแค่นหัวเราะก่อนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่าตนมีวิธีสืบหาเบาะแส และวิธีการที่ว่าก็คือการไปถามพุทธองค์!
อีกด้านหนึ่ง จอมยุทธหนุ่ม "จงจิ้ง" ได้เดินทางมาทดสอบฝีมือที่หมู่ตึกจวี้เสียนโดยสมัครใจหมายเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องชาวยุทธ "ซุนหมิ่น" จำใจให้จงจิ้งผ่านการทดสอบเพราะเห็นว่าอาจารย์กำลังต้องการคน (แม้จงจิ้งจะมีวรยุทธกล้าแกร่งแต่ขาดไหวพริบและบุ่มบ่ามเกินไป เขาจึงทำร้ายตัวประกันเพราะความเข้าใจผิดระหว่างการทดสอบ ซ้ำยังทำให้อาวุธเสียหาย) หลังรับจงจิ้งเข้าหมู่ตึกจวี้เสียน ซุนหมิ่นจึงพาเขาไปพบอาจารย์ที่หอตำรา ครั้นรู้ว่าหอตำราที่นี่เก็บรวบรวมข้อมูลของเหล่ายอดฝีมือผู้เลื่องชื่อในยุทธภพ จงจิ้งเลยถามว่ามีข้อมูลของจอมโจรรูปงาม "ฉู่หลิวเซียง" [ชอลิ้วเฮียง], เซียนกระบี่เหินฟ้า "เจ้านครเมฆขาว" และคนที่ตนเลื่อมใสมากที่สุดอย่าง "หลี่สวินฮวน" [ลี้คิมฮวง] หรือไม่ ทันใดนั้นก็มีเสียงชายชรากล่าวขึ้นว่า นอกจากข้อมูลเหล่ายอดฝีมือแล้วยังมีสุดยอดเคล็ดวิชาและวิชาลับเฉพาะของแต่ละสำนักอีกด้วย ครั้นได้พบหลี่เสวียนฮวน [ลี้คิมฮวง] ตัวเป็นๆ จงจิ้งก็ถึงกับตะลึง
* "ฉู่หลิวเซียง" [ชอลิ้วเฮียง] เป็นตัวละครในนิยายชุด "ชอลิ้วเฮียง" / "เจ้านครเมฆขาว" นาม "เย่กูเฉิง" [เอี๊ยบโกวเซี้ยะ] เป็นตัวละครในนิยายชุด "หงส์ผงาดฟ้า" (เล็กเซียวหงส์) / "หลี่สวินฮวน" [ลี้คิมฮวง] เป็นตัวละครในนิยายชุด "ฤทธิ์มีดสั้น" ทั้งหมดล้วนเป็นผลงานการประพันธ์ของโกวเล้ง
* "ฉู่หลิวเซียง" [ชอลิ้วเฮียง] เป็นตัวละครในนิยายชุด "ชอลิ้วเฮียง" / "เจ้านครเมฆขาว" นาม "เย่กูเฉิง" [เอี๊ยบโกวเซี้ยะ] เป็นตัวละครในนิยายชุด "หงส์ผงาดฟ้า" (เล็กเซียวหงส์) / "หลี่สวินฮวน" [ลี้คิมฮวง] เป็นตัวละครในนิยายชุด "ฤทธิ์มีดสั้น" ทั้งหมดล้วนเป็นผลงานการประพันธ์ของโกวเล้ง
หลี่สวินฮวน [ลี้คิมฮวง] หรือ "อาวุโสหลี่" (ประมุขหมู่ตึกจวี้เสียน / อาจารย์ซุนหมิ่น) ตรวจดูผลการทดสอบของจงจิ้ง ซึ่งซุนหมิ่นได้ลงความเห็นเอาไว้ว่า เขามีเพลงหมัดล้ำเลิศ ความอดทนยอดเยี่ยม วิชาตัวเบาเป็นรองเพียงจอมโจรรูปงามฉู่หลิวเซียง [ชอลิ้วเฮียง] แต่ในเรื่องความชาญฉลาดเธอกลับประเมินเขาโดยวาดรูปหมู (หมายถึง โง่เขลา) ซุนหมิ่นชี้ว่าที่ตนทำเช่นนั้นเป็นเพราะจงจิ้งไม่รู้แม้กระทั่งวัตถุประสงค์ของหมู่ตึกจวี้เสียน อาวุโสหลี่จะบอกว่าวัตถุประสงค์ของหมู่ตึกจวี้เสียนคืออะไร แต่จงจิ้งชิงตอบว่าต่อสู้เพื่อความถูกต้องและผดุงคุณธรรม อาวุโสหลี่แย้งว่านั่นเป็นปณิธานของยอดฝีมือฝ่ายธรรมะเมื่อนานมาแล้ว เขาชี้ว่าในยามนี้จอมยุทธฝ่ายธรรมะถูกเข่นฆ่าคนแล้วคนเล่า อิทธิพลของฝ่ายอธรรมแผ่ขยายไปทั่ว แต่เป้าหมายที่แท้จริงของฝ่ายอธรรมคือชิงเคล็ดวิชาและยอดศาสตราของแต่ละสำนัก ซุนหมิ่นกล่าวเสริมว่า อาจารย์ก่อตั้งหมู่ตึกจวี้เสียนหมายปกป้องและรวบรวมเหล่าจอมยุทธที่แตกฉานซ่านเซ็น หวังผนึกกำลังและรอคอยโอกาส
ครั้นจงจิ้งถามว่าจอมยุทธคนแรกที่พวกตนจะตามหาคือใคร อาวุโสหลี่จึงมอบข้อมูลผู้ครอบครองทวนป้าหวังนามติงโยวให้เขา พลางกล่าวว่าทวนป้าหวังเป็นทวนยาวที่มีความโดดเด่นและมีหนึ่งเดียวในยุทธภพ จัดอยู่ในลำดับที่ 20 ของตำราสุดยอดศาสตรา ซุนหมิ่นกล่าวว่าสายของพวกตนพบเบาะแสล่าสุดของติงโยวที่เจียงหนาน* หลังอาวุโสหลี่มอบหมายให้จงจิ้งตามหาและพาติงโยวมาที่หมู่ตึกจวี้เสียน จงจิ้งอดสงสัยไม่ได้ว่างานนี้ตนต้องฉายเดี่ยวหรือ อาวุโสหลี่กล่าวว่าตนกำลังคัดเลือกคน และให้คำมั่นว่าจะไม่ปล่อยให้จงจิ้งต้องต่อสู้เพียงลำพัง จงจิ้งได้ยินดังนั้นก็วางใจ เขาสัญญาว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงและจะไม่ทำให้อาวุโสหลี่ผิดหวังอย่างแน่นอน
* เจียงหนาน [กังหนำ] คือ บริเวณตอนล่างของแม่น้ำแยงซีในปัจจุบัน
อีเฟิงพาติงโยวไปป่วนในบ่อนซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของนิกายช่วงชิงฟ้า (บ่อนดังกล่าวซ่อนตัวอยู่ในวัด) เขาใช้เวลาไม่นานก็สังหารสมุนนิกายช่วงชิงฟ้าได้นับสิบ ผิดกับติงโยวซึ่งเป็นจอมยุทธใจซื่อถือคุณธรรมที่ยังคงต่อสู้อย่างดุเดือดเพราะไม่ยอมใช้อาวุธเข่นฆ่าศัตรู (ติงโยวไม่ฆ่าคนพร่ำเพรื่อและไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน) อีเฟิงไม่ช่วยติงโยวสู้กับสมุนนิกายช่วงชิงฟ้า (ที่เหลือ) เพราะจัดการส่วนของตนเสร็จแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเคยเตือนติงโยวแล้วว่า 'มีเพียงคนตายเท่านั้นที่จะไม่ตอบโต้' และยังบอกด้วยว่าจะไม่ช่วยติงโยว ดังนั้นติงโยวต้องกำจัดศัตรูด้วยตนเอง (อีเฟิงต้องการบีบให้ติงโยวใช้ทวนป้าหวังสังหารสมุนนิกายช่วงชิงฟ้าเลยนั่งกินกล้วยรอ) แต่ทว่าติงโยวเป็นจอมยุทธฝ่ายธรรมะเลยยึดมั่นในหลักการ เขาใช้ทวนที่ซ่อนอยู่ในห่อผ้าปัดป้องและฟาดศัตรูเพราะไม่อยากเอาชีวิต ครั้น "ชื่อหลาง" ปรากฏกายและลงมือกับติงโยวอย่างดุเดือดดุดัน ติงโยวเลยจำต้องนำทวนป้าหวังออกมาป้องกันตัว หลังติงโยวปราบชื่อหลางได้แล้ว อีเฟิงจึงปรี่เข้าไปหาชื่อหลางพลางถามหาประมุขนิกายช่วงชิงฟ้า ชื่อหลางไม่ยอมปริปากจึงถูกอีเฟิงสังหารด้วยเคียวคู่
ขณะเตรียมลุยสถานที่ต่อไป ติงโยวต่อว่าอีเฟิงที่เก็บงำข้อมูลศัตรูเอาไว้โดยไม่ยอมบอกตน (อีเฟิงไม่บอกติงโยวว่าถ้าชื่อหลางบาดเจ็บสาหัส พลังจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ) อีเฟิงแย้งว่าตนเตือนแล้ว (มีเพียงคนตายเท่านั้นที่จะไม่ตอบโต้) แต่ติงโยวมัวยึดมั่นในคุณธรรมจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ติงโยวได้ยินดังนั้นเลยเถียงไม่ออก เขาเห็นว่าอีเฟิงพกกระบี่แต่กลับไม่ยอมใช้จึงรู้สึกแปลกใจ อีเฟิงกล่าวว่ากระบี่เล่มนี้มีอานุภาพมากเกินไป ถึงเวลาเมื่อไหร่ตนต้องนำมันออกมาใช้แน่ เขาเห็นติงโยวหยิบทวนป้าหวังจึงแนะให้เปลี่ยนไปใช้อาวุธที่มีความยาวไม่เกินสองฉื่อ (สองฟุต) แทน ครั้นติงโยยืนกรานว่าตนมีเพียงทวนป้าหวังเป็นอาวุธประจำกาย อีเฟิงจึงได้แต่อวยพรให้เขาโชคดี
ณ หมู่ตึกจวี้เสียน ซุนหมิ่นนำพลองมังกร (คั่งหลงเจี่ยน) ของบิดาผู้ล่วงลับมาเช็ดด้วยสีหน้าสุดอาลัย หลังตั้งเครื่องเซ่นไหว้และเทสุราหน้าป้ายวิญญาณแล้ว อาวุโสหลี่จึงดื่มสุราในถ้วยของตน ซุนหมิ่นเห็นดังนั้นจึงเตือนผู้เป็นอาจารย์ว่าหมอห้ามไม่ให้เขาดื่มสุรา อาวุโสหลี่แย้งว่าตนดื่มเพื่อรำลึกถึงสหายเก่าแค่ปีละครั้ง และบ่นว่าซุนหมิ่นยิ่งโตยิ่งขี้บ่นเหมือนสหายตน ซุนหมิ่นมองป้ายวิญญาณด้วยใบหน้าเศร้าหมอง พลางกล่าวว่าตราบจนวันนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าบิดาหน้าตาเป็นเช่นไร อาวุโสหลี่รู้สึกผิดที่วันนั้นตนไปถึงไม่ทันการณ์ (มีเพียงซุนหมิ่นในวัยแบเบาะที่รอดชีวิต) ซุนหมิ่นปลอบว่าถึงช่วยบิดาเธอไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ช่วยเธอซึ่งเป็นลูก อาวุโสหลี่ให้คำมั่นหน้าป้ายวิญญาณว่าจะปกป้องซุนหมิ่น ซุนหมิ่นแย้งว่าเธอโตแล้วไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้อง เธออยากอุทิศตนเพื่อยุทธภพแทนการเช็ดถูอาวุธอยู่ที่นี่ไปวันๆ ครั้นซุนหมิ่นขอออกไปตามหาติงโยวพร้อมจงจิ้ง อาวุโสหลี่จึงเปรยว่าเธอดื้อรั้นเหมือนบิดาไม่มีผิด เขาชี้ว่าแม้จงจิ้งจะด้อยประสบการณ์ในยุทธภพ แต่คนอย่างเขานี่แหล่ะที่จะทำให้ซุนหมิ่นไม่เมาเรือ พูดจบอาวุโสหลี่ก็หัวเราะแล้วเดินจากไป ขณะที่ซุนหมิ่นได้แต่ยืนงง
อีเฟิงกับติงโยวพากันไปบุกหอคณิกาของนิกายช่วงชิงฟ้า แต่อีเฟิงดันปล่อยให้ติงโยวสู้กับสองนักฆ่าสาว "ซวงจี" ตามลำพัง ส่วนตัวเองนั่งกินองุ่นอย่างสบายอารมณ์ หลังโดนซัดจนน่วม (เพราะตั้งรับอย่างเดียว) ติงโยวจึงร้องถามอีเฟิงว่าเมื่อไหร่จะออกมาช่วยตนเสียที อีเฟิงชี้ว่าถ้าออกโรงตอนนี้ตนหลบหลีกมือเท้าของสองสาวได้แน่ (มือและเท้าของสองสาวติดอาวุธ) แต่คงหลบทวนของติงโยวไม่พ้น ครั้นเห็นติงโยวเพลี่ยงพล้ำเพราะไม่ยอมเป็นฝ่ายรุกอีกตามเคย อีเฟิงจึงโวยลั่น ติงโยวชักเริ่มโมโหเลยบอกให้อีเฟิงออกมาสู้เองบ้าง อีเฟิงจึงออกโรงพร้อมอาวุธสั้นที่เตรียมมาปราบสองสาวโดยเฉพาะ อาวุธที่ว่าคือ ไม้เท้าเหล็ก (เรียกว่าไม้เท้าแต่จริงๆ แล้วเป็นกระบองสั้นความยาว 2 ฟุตและมีด้ามจับ) เพียงไม่นานเขาก็ใช้ไม้เท้าปลดเขี้ยวเล็บและปราบสองสาวอย่างง่ายดาย ครั้นถามหาประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าแล้วไม่ได้รับคำตอบ อีเฟิงจึงใช้มีดสั้นเชือดคอสองสาวทันที
หลังโดนเล่นงานจนน่วมอยู่คนเดียว ติงโยวชักเริ่มสงสัยว่าตนอาจถูกอีเฟิงหลอกให้เป็นทัพหน้า เพราะอีเฟีงมักรอให้ตนเพลี่ยงพล้ำก่อนแล้วค่อยออกโรง อีเฟิงอ้างว่าสมุนนิกายช่วงชิงฟ้าเลือกลงมือกับติงโยวเอง จากนั้นก็บอกติงโยวว่าเป้าหมายต่อไปของพวกตนคือ "โหมวซาน" ซึ่งเป็นคนขายเนื้อร่างยักษ์ (สมุนนิกายช่วงชิงฟ้า) ที่เชี่ยวชาญด้านการใช้ขวานด้ามยาวและมีพละกำลังมหาศาล ดังนั้นติงโยวต้องรู้จักหลบหลีกอย่างรวดเร็วและทำตัวให้ยืดหยุ่นเข้าไว้
ซุนหมิ่นพาจงจิ้งลงเรือลำใหญ่เพื่อไปเดินทางปฏิบัติภารกิจ โดยบอกว่าเรือลำนี้เป็นของจอมโจรรูปงามฉู่หลิวเซียง [ชอลิ้วเฮียง] ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำของหมู่ตึกจวี้เสียน ครั้นจงจิ้งถามว่าจะร่วมเดินทางไปด้วยหรือ ซุนหมิ่นอ้างว่าอาจารย์เห็นเขาเบาปัญญาเลยส่งตนมาปกป้อง จงจิ้งแย้งว่าตนไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญาแต่ซุนหมิ่นอคติกับตนมากกว่า ซุนหมิ่นยอมรับว่าตนมีอคติกับจงจิ้งจริง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มต่อปากต่อคำเพราะไม่มีใครยอมใคร (ความจริงแล้วงานนี้เป็นภารกิจแรกของซุนหมิ่นเช่นกัน) ทั้งคู่กำลังจะประลองฝีมือแต่อาวุโสหลี่เข้ามาห้ามเสียก่อน เขาแจ้งทั้งคู่เรื่องเบาะแสและความเคลื่อนไหวของติงโยว โดยกล่าวว่าเมื่อสามวันก่อนติงโยวและยอดฝีมือไม่ทราบที่มา (อีเฟิง) ได้บุกทลายสาขาย่อยหลายแห่งของนิกายช่วงชิงฟ้า ซุนหมิ่นสงสัยว่ายอดฝีมือปริศนาเป็นมิตรหรือศัตรู จงจิ้งเดาว่าเขาน่าจะเป็นมิตร แต่ซุนหมิ่นยังไม่ปักใจเชื่อ อาวุโสหลี่ชี้ว่าเรื่องนี้ยังไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่ร่องรอยของทวนป้าหวังถูกเปิดเผย เขาต้องการให้จงจิ้งไปพบติงโยวก่อนสมุนนิกายช่วงชิงฟ้าและพาเขามาพบตนให้ได้ จงจิ้งรับปากด้วยความมั่นใจ ซุนหมิ่นอยากได้รับความไว้วางใจบ้างจึงถามอาจารย์ว่าจะให้ทำอย่างไรกับยอดฝีมือปริศนา หลี่สวินฮวนกล่าวว่าถ้ามีโอกาสก็ให้พากลับมาด้วย
อีเฟิงพาติงโยวไปบุกโรงแล่เนื้อสังกัดนิกายช่วงชิงฟ้า ในตอนแรกทั้งคู่ช่วยกันต่อสู้กับโหมวซาน แต่พอสบโอกาสอีเฟิงก็ปล่อยให้ติงโยวลุยเดี่ยวอีกตามเคย เขารู้ทั้งรู้ว่าการล้มยักษ์หรือจอมพลังที่แข็งแกร่งอย่างโหมวซานนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และคนใจสัตย์ซื่อถือคุณธรรมอย่างติงโยวไม่มีทางเอาอยู่ ต่อให้สู้เต็มกำลังด้วยเพลงทวนป้าหวังก็ตาม หลังปล่อยให้ติงโยวต่อสู้จนหนำใจ อีเฟิงจึงซัดอาวุธลับสังหารโหมวซาน ติวโยวไม่ปลื้มที่อีเฟิงใช้อาวุธลับเข่นฆ่าคน เขาชี้ว่าจอมยุทธฝ่ายธรรมมะไม่ใช้วิธีการสกปรกเยี่ยงนี้ อีเฟิงแย้งว่าตนไม่ได้อยู่ฝ่ายธรรมะ และไม่โง่เหมือนติงโยวที่ริอ่านประลองกำลังกับศัตรูร่างยักษ์ที่แข็งแกร่งกว่าตน
ในที่สุดแผนของอีเฟิงก็เริ่มส่งผล เพราะเรื่องราวได้ล่วงรู้ไปถึงหูของ "ประมุข" นิกายช่วงชิงฟ้า หลังตรวจสอบสภาพศพของสมุนมือดีทั้งสี่คนที่นอนเรียงรายหน้าหอหู่เสี้ยว "เทียนเหมิ่งซิง" จึงรายงานท่านประมุขว่า สาขาย่อยของพวกตนถูกมือดีสองคนบุกกวาดล้างถึงสามแห่งในเวลาไล่เลี่ยกัน เขาไม่รู้ว่าทั้งคู่เป็นใครกันแน่ และตั้งข้อสังเกตว่าแม้อาวุธที่มือสังหารใช้ปลิดชีพคนของตนจะแตกต่างกัน แต่วิธีลงมือล้วนรวดเร็วและโหดเหี้ยมจึงน่าจะเป็นคนๆ เดียวกัน ประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าตั้งข้อสังเกตว่าการที่มือสังหารมุ่งโจมตีจุดอ่อนของแต่ละคนแสดงว่าเขารู้จักคนของตนเป็นอย่างดี ครั้นปลุกร่างใกล้ตายของชื่อหลางขึ้นมาถามแล้วพบว่าผู้ที่บุกมากวาดล้างสามสาขาย่อยของตน คือ ผู้สืบทอดเพลงทวนป้าหวัง...ติงโยว ส่วนอีกคนเป็นจอมยุทธโนเนมชื่ออีเฟิงซึ่งใช้เคียวคู่เป็นอาวุธประจำกาย ประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าจึงสั่งให้เทียนเหมิ่งซิงนำกำลังไปชิงทวนป้าหวังและจับติงโยวมาให้ตน ส่วนอีเฟิงซึ่งพยายามตามหาตนยังไม่ต้องลงมือ เพราะตนอยากรู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะหาตนเจอ
อีเฟิงพาติงโยวไปดื่มเหล้าฉลองที่โรงเตี๊ยมสือหลี่ ติงโยว (ซึ่งดื่มได้ไม่นานก็เมาปลิ้น) สารภาพว่าแม้ไม่ได้เบาะแสของประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าแต่เขากลับรู้สึกดีที่ได้ร่วมมือกับอีเฟิง หลังดื่มได้ไม่นานติงโยวก็เมาจนหลับไป อาซานสงสัยว่าการที่อีเฟิงพาติงโยวออกไปป่วนนิกายช่วงชิงฟ้าทุกวันจะช่วยให้รู้ที่กบดานของประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าจริงๆ หรือ อีเฟิงตอบว่าหากประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าต้องการสิ่งใดจะไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่ ครั้นรู้ว่าอีเฟิงกำลังใช้ทวนป้าหวังของติงโยวเป็นเหยื่อล่ออาซานก็รู้สึกตกใจและหลุดปากพูดออกมาต่อหน้าติงโยว แม้ติงโยวจะเมาไม่รู้เรื่อง แต่อีเฟิงไม่พอใจอาซานจึงเหลือบมองเขาด้วยแววตาที่แข็งกร้าว อาซานเห็นดังนั้นถึงกับหน้าจ๋อย
หลังออกจากโรงเตี๊ยม อีเฟิงพาติงโยวออกมาเดินล่อนิกายช่วงชิงฟ้า เขารู้ว่าพวกตนกำลังถูกคนสะกดรอยตามแต่แกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่นานสองหนุ่มก็ถูกนิกายช่วงชิงฟ้านำโดยเทียนเหมิ่งซิงรุมล้อม
ตอนที่สอง (ช่อง MCOT ออกอากาศครั้งละสองตอน)
อีเฟิงเปิดโอกาสให้เทียนเหมิ่งซิงจับตัวติงโยวไป ซุนหมิ่นกับจงจิ้งไปสืบหาเบาะแสของติงโยวที่โรงเตี๊ยมสือหลี่ เทียนเหมิ่งซิงยึดทวนป้าหวังแล้วบีบให้ติงโยวเผยเคล็ดวิชาโดยขู่ว่าถ้าไม่บอกจะค่อยๆ ตัดนิ้วและแขนขา แต่อีเฟิง (ซึ่งสวมชุด 'สิบสองขุนพลตี้ซ่า' ของนิกายช่วงชิงฟ้า) บุกมาช่วยติงโยวเสียก่อน ติงโยวรู้ว่าอีเฟิงจงใจใช้ตนเป็นเหยื่อล่อจึงตำหนิอีเฟิงที่ไม่รอจนกว่าตนจะถูกส่งไปสาขาใหญ่นิกายช่วงชิงฟ้า อีเฟิงยอมรับว่าเดิมทีตนคิดเช่นนั้น แต่เกรงว่าถ้าติงโยวถูกหั่นแขนขาตนจะไม่มีสหายร่วมดื่มสุรา ติงโยวเกรงว่าถ้าช่วยตนแล้วทุกสิ่งที่อีเฟิงทำจะสูญเปล่า (ไม่รู้ที่อยู่ประมุขนิกายช่วงชิงฟ้า) อีเฟิงบอกให้ติงโยววางใจ เพราะตนจะจับเทียนเหมิ่งซิงมาทรมานทุกวันจนกว่าจะยอมบอกที่กบดานของประมุขนิกายช่วงชิงฟ้า หลังช่วยติงโยวแล้วอีเฟิงก็เปิดฉากต่อสู้กับหน่วยสิบสองขุนพลตี้ซ่าโดยใช้ 'ห่วงบิน' เป็นอาวุธ หลังลูกน้องโดนสังหารจนหมดเทียนเหมิ่งซิงจึงนำทวนป้าหวังของติงโยวมาเป็นอาวุธเล่นงานอีเฟิง ติงโยวเห็นอีเฟิงใช้ห่วงเหล็กสกัดทวนของตนก็ถึงกับตกตะลึง หลังทวนหลุดมือเทียนเหมิ่งซิงจึงหันมาใช้แส้ซึ่งเป็นอาวุธคู่มือตน ไม่ทันไรเทียนเหมิ่งซิงก็โดนอีเฟิงเล่นงานกล่องดวงใจจนร่วงลงไปนอนจุก
อีเฟิงจะบีบให้เทียนเหมิ่งซิงบอกพิกัดประมุขนิกายช่วงชิงฟ้า แต่ซุนหมิ่นกับจงจิ้งเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ทั้งคู่เห็นอีเฟิงสวมชุดขุนพลตี้ซ่าเลยเข้าใจว่าเขาเป็นสมุนนิกายช่วงชิงฟ้า จงจิ้งไม่รอช้าพุ่งจู่โจมอีเฟิงทันที ติงโยวบอกซุนหมิ่นว่าอีเฟิงเป็นพวกเดียวกับตนและขอให้เธอช่วยหยุดจงจิ้ง จงจิ้งหยุดลงมือแต่อีเฟีงกลับฉวยโอกาสรังแกจงจิ้ง อีเฟิงกับซุนหมิ่นเพิ่งพบหน้ากันครั้งแรกก็เปิดฉากปะทะคารมแบบไม่มีใครยอมใคร เทียนเหมิ่งซิงจึงฉวยโอกาสหลบหนีไป ครั้นรู้ว่าอาวุโสหลี่ส่งศิษย์ทั้งสองมารับตน (ปกป้องให้รอดพ้นจากนิกายช่วงชิงฟ้า) ติงโยวจึงชวนอีเฟิงไปพบอาวุโสหลี่ที่สำนักจวี้เสียนด้วยกัน เขาชี้ว่าอาวุโสหลี่หูตากว้างขวางน่าจะช่วยสืบหาที่กบดานของประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าได้ อีเฟิงปฏิเสธโดยกล่าวว่าตนไม่เคยขอความช่วยเหลือใคร หลังซุนหมิ่นกับจงจิ้งพาติงโยวมาที่หมู่ตึกเพียงคนเดียว อาวุโสหลี่จึงไปเกลี้ยกล่อมอีเฟิงที่โรงเตี๊ยมสือหลี่ด้วยตนเอง อีเฟิงไม่ต้องการเข้าร่วมหมู่ตึกจวี้เสียนเลยชี้ให้เห็นว่าตนไม่ใช่คนดีมีคุณธรรม ทุกสิ่งที่ตนทำล้วนขัดต่อหลักการของฝ่ายธรรมะ ไม่ว่าจะเป็นการใช้อาวุธลับ ยาพิษ หรือการเที่ยวหอคณิกา แต่อาวุโสหลี่กลับตอบรับและชี้แจงได้อย่างแยบยล ครั้นหมดหนทางโต้แย้งอีเฟิงจึงยืนกรานปฏิเสธและเดินจากไป ขณะอยู่ในห้องตามลำพัง อีเฟิงนำปิ่นปักผมของภรรยาออกมาดูด้วยความคิดถึง แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ตนพ่ายประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าแล้วภรรยาถูกชิงตัวไป (เขาต่อสู้โดยใช้ดาบไม้ไผ่ ส่วนประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าใช้ดาบจริง) เขาก็ยิ่งรู้สึกเจ็บใจ
หลังภารกิจล้มเหลวเทียนเหมิ่งซิงจึงพาร่างอันบอบกลับไปรับโทษที่สาขาใหญ่นิกายช่วงชิงฟ้าและรายงานเรื่องอีเฟิง ประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าให้โอกาสเขาทำคุณไถ่โทษโดยบอกว่าพบเบาะแสทวนเงินจี๋เตี้ยนในเมืองป๋อหลัว เขาสั่งให้เทียนเหมิ่งซิงไปแจ้งผู้คุมกฏฝ่ายขวา "ถงชือหวัง" (พญาราชสีห์ทองแดง) ว่าตอนนี้สายลับของทุกสาขาพร้อมรับคำสั่งจากเขา ไม่ว่ายังไงก็ต้องชิงทวนเงินจี๋เตี้ยนมาให้ได้ ปรากฏว่าในรอบสองสามวันที่ผ่านมาเมืองป๋อหลัวมีเหล่านักเลงอันธพาลถูกสังหารโหดหลายราย แถมทุกรายดวงตายังแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน อาซานเล่าเรื่องนี้ให้อีเฟิงฟัง ขณะที่อาวุโสหลี่เองก็รู้เรื่องนี้ เขาจึงมอบหมายงานใหม่ให้จงจิ้งและซุนหมิ่น และงานที่ว่าก็คือการตามหาทวนเงินจี๋เตี้ยน ซึ่งเป็นทวนวงเดือนที่สามารถเปล่งแสงสว่างจ้า อาวุโสหลี่กล่าวว่าในบรรดาอาวุธที่เปล่งแสง ทวนชนิดนี้เป็นรองเพียงกระบี่เหล็กเกาหยางของกัวเกาหยางเท่านั้น ผู้ประดิษฐ์ทวนเป็นปรมาจารย์ด้านการเล่นแร่แปรธาตุของลัทธิเต๋า ส่วนผู้ครอบครองคนปัจจุบันคือ "เวินโหว" ซึ่งหายตัวไปหลังนิกายช่วงชิงฟ้าเรืองอำนาจ อาวุโสหลี่มอบผ้าปิดตาให้จงจิ้งกับซุนหมิ่นคนละอัน ก่อนกำชับให้เร่งมือเพราะนิกายช่วงชิงฟ้ารู้เบาะแสเวินโหวแล้ว
อีเฟิงคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของเวินโหวอยู่ห่างๆ เวินโหวสลัดคราบจอมยุทธโดยยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกเงิน เขาเป็นกรรมกรแบกหามตอนกลางวัน และเป็นนักฆ่าล่าเงินค่าหัวตอนกลางคืน จงจิ้งกับซุนหมิ่นแอบดูเวินโหวฆ่าจอมยุทธนาม "หนิงจิ้น" ด้วยทวนเงินจี๋เตี้ยน เวินโหวรู้ตัวเลยเรียกทั้งคู่ออกมา ซุนหมิ่นเชิญเวินโหวไปร่วมหารือเรื่องยุทธภพที่หมู่ตึกจวี้เสียนแต่เวินโหวปฏิเสธ เขาไม่อยากเสียเวลากับเธอเพราะต้องนำกระบี่ยาวสือฟางและหัวของหนิงจิ้นไปแลกเงิน ครั้นถูกผู้ว่าจ้างชักชวนให้มาร่วมงานเวินโหวก็ปฏิเสธโดยชี้ว่าตนแค่อยากทำงานที่ได้เงินทันที
* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่
อีเฟิงเปิดโอกาสให้เทียนเหมิ่งซิงจับตัวติงโยวไป ซุนหมิ่นกับจงจิ้งไปสืบหาเบาะแสของติงโยวที่โรงเตี๊ยมสือหลี่ เทียนเหมิ่งซิงยึดทวนป้าหวังแล้วบีบให้ติงโยวเผยเคล็ดวิชาโดยขู่ว่าถ้าไม่บอกจะค่อยๆ ตัดนิ้วและแขนขา แต่อีเฟิง (ซึ่งสวมชุด 'สิบสองขุนพลตี้ซ่า' ของนิกายช่วงชิงฟ้า) บุกมาช่วยติงโยวเสียก่อน ติงโยวรู้ว่าอีเฟิงจงใจใช้ตนเป็นเหยื่อล่อจึงตำหนิอีเฟิงที่ไม่รอจนกว่าตนจะถูกส่งไปสาขาใหญ่นิกายช่วงชิงฟ้า อีเฟิงยอมรับว่าเดิมทีตนคิดเช่นนั้น แต่เกรงว่าถ้าติงโยวถูกหั่นแขนขาตนจะไม่มีสหายร่วมดื่มสุรา ติงโยวเกรงว่าถ้าช่วยตนแล้วทุกสิ่งที่อีเฟิงทำจะสูญเปล่า (ไม่รู้ที่อยู่ประมุขนิกายช่วงชิงฟ้า) อีเฟิงบอกให้ติงโยววางใจ เพราะตนจะจับเทียนเหมิ่งซิงมาทรมานทุกวันจนกว่าจะยอมบอกที่กบดานของประมุขนิกายช่วงชิงฟ้า หลังช่วยติงโยวแล้วอีเฟิงก็เปิดฉากต่อสู้กับหน่วยสิบสองขุนพลตี้ซ่าโดยใช้ 'ห่วงบิน' เป็นอาวุธ หลังลูกน้องโดนสังหารจนหมดเทียนเหมิ่งซิงจึงนำทวนป้าหวังของติงโยวมาเป็นอาวุธเล่นงานอีเฟิง ติงโยวเห็นอีเฟิงใช้ห่วงเหล็กสกัดทวนของตนก็ถึงกับตกตะลึง หลังทวนหลุดมือเทียนเหมิ่งซิงจึงหันมาใช้แส้ซึ่งเป็นอาวุธคู่มือตน ไม่ทันไรเทียนเหมิ่งซิงก็โดนอีเฟิงเล่นงานกล่องดวงใจจนร่วงลงไปนอนจุก
อีเฟิงจะบีบให้เทียนเหมิ่งซิงบอกพิกัดประมุขนิกายช่วงชิงฟ้า แต่ซุนหมิ่นกับจงจิ้งเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ทั้งคู่เห็นอีเฟิงสวมชุดขุนพลตี้ซ่าเลยเข้าใจว่าเขาเป็นสมุนนิกายช่วงชิงฟ้า จงจิ้งไม่รอช้าพุ่งจู่โจมอีเฟิงทันที ติงโยวบอกซุนหมิ่นว่าอีเฟิงเป็นพวกเดียวกับตนและขอให้เธอช่วยหยุดจงจิ้ง จงจิ้งหยุดลงมือแต่อีเฟีงกลับฉวยโอกาสรังแกจงจิ้ง อีเฟิงกับซุนหมิ่นเพิ่งพบหน้ากันครั้งแรกก็เปิดฉากปะทะคารมแบบไม่มีใครยอมใคร เทียนเหมิ่งซิงจึงฉวยโอกาสหลบหนีไป ครั้นรู้ว่าอาวุโสหลี่ส่งศิษย์ทั้งสองมารับตน (ปกป้องให้รอดพ้นจากนิกายช่วงชิงฟ้า) ติงโยวจึงชวนอีเฟิงไปพบอาวุโสหลี่ที่สำนักจวี้เสียนด้วยกัน เขาชี้ว่าอาวุโสหลี่หูตากว้างขวางน่าจะช่วยสืบหาที่กบดานของประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าได้ อีเฟิงปฏิเสธโดยกล่าวว่าตนไม่เคยขอความช่วยเหลือใคร หลังซุนหมิ่นกับจงจิ้งพาติงโยวมาที่หมู่ตึกเพียงคนเดียว อาวุโสหลี่จึงไปเกลี้ยกล่อมอีเฟิงที่โรงเตี๊ยมสือหลี่ด้วยตนเอง อีเฟิงไม่ต้องการเข้าร่วมหมู่ตึกจวี้เสียนเลยชี้ให้เห็นว่าตนไม่ใช่คนดีมีคุณธรรม ทุกสิ่งที่ตนทำล้วนขัดต่อหลักการของฝ่ายธรรมะ ไม่ว่าจะเป็นการใช้อาวุธลับ ยาพิษ หรือการเที่ยวหอคณิกา แต่อาวุโสหลี่กลับตอบรับและชี้แจงได้อย่างแยบยล ครั้นหมดหนทางโต้แย้งอีเฟิงจึงยืนกรานปฏิเสธและเดินจากไป ขณะอยู่ในห้องตามลำพัง อีเฟิงนำปิ่นปักผมของภรรยาออกมาดูด้วยความคิดถึง แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ตนพ่ายประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าแล้วภรรยาถูกชิงตัวไป (เขาต่อสู้โดยใช้ดาบไม้ไผ่ ส่วนประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าใช้ดาบจริง) เขาก็ยิ่งรู้สึกเจ็บใจ
หลังภารกิจล้มเหลวเทียนเหมิ่งซิงจึงพาร่างอันบอบกลับไปรับโทษที่สาขาใหญ่นิกายช่วงชิงฟ้าและรายงานเรื่องอีเฟิง ประมุขนิกายช่วงชิงฟ้าให้โอกาสเขาทำคุณไถ่โทษโดยบอกว่าพบเบาะแสทวนเงินจี๋เตี้ยนในเมืองป๋อหลัว เขาสั่งให้เทียนเหมิ่งซิงไปแจ้งผู้คุมกฏฝ่ายขวา "ถงชือหวัง" (พญาราชสีห์ทองแดง) ว่าตอนนี้สายลับของทุกสาขาพร้อมรับคำสั่งจากเขา ไม่ว่ายังไงก็ต้องชิงทวนเงินจี๋เตี้ยนมาให้ได้ ปรากฏว่าในรอบสองสามวันที่ผ่านมาเมืองป๋อหลัวมีเหล่านักเลงอันธพาลถูกสังหารโหดหลายราย แถมทุกรายดวงตายังแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน อาซานเล่าเรื่องนี้ให้อีเฟิงฟัง ขณะที่อาวุโสหลี่เองก็รู้เรื่องนี้ เขาจึงมอบหมายงานใหม่ให้จงจิ้งและซุนหมิ่น และงานที่ว่าก็คือการตามหาทวนเงินจี๋เตี้ยน ซึ่งเป็นทวนวงเดือนที่สามารถเปล่งแสงสว่างจ้า อาวุโสหลี่กล่าวว่าในบรรดาอาวุธที่เปล่งแสง ทวนชนิดนี้เป็นรองเพียงกระบี่เหล็กเกาหยางของกัวเกาหยางเท่านั้น ผู้ประดิษฐ์ทวนเป็นปรมาจารย์ด้านการเล่นแร่แปรธาตุของลัทธิเต๋า ส่วนผู้ครอบครองคนปัจจุบันคือ "เวินโหว" ซึ่งหายตัวไปหลังนิกายช่วงชิงฟ้าเรืองอำนาจ อาวุโสหลี่มอบผ้าปิดตาให้จงจิ้งกับซุนหมิ่นคนละอัน ก่อนกำชับให้เร่งมือเพราะนิกายช่วงชิงฟ้ารู้เบาะแสเวินโหวแล้ว
อีเฟิงคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของเวินโหวอยู่ห่างๆ เวินโหวสลัดคราบจอมยุทธโดยยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกเงิน เขาเป็นกรรมกรแบกหามตอนกลางวัน และเป็นนักฆ่าล่าเงินค่าหัวตอนกลางคืน จงจิ้งกับซุนหมิ่นแอบดูเวินโหวฆ่าจอมยุทธนาม "หนิงจิ้น" ด้วยทวนเงินจี๋เตี้ยน เวินโหวรู้ตัวเลยเรียกทั้งคู่ออกมา ซุนหมิ่นเชิญเวินโหวไปร่วมหารือเรื่องยุทธภพที่หมู่ตึกจวี้เสียนแต่เวินโหวปฏิเสธ เขาไม่อยากเสียเวลากับเธอเพราะต้องนำกระบี่ยาวสือฟางและหัวของหนิงจิ้นไปแลกเงิน ครั้นถูกผู้ว่าจ้างชักชวนให้มาร่วมงานเวินโหวก็ปฏิเสธโดยชี้ว่าตนแค่อยากทำงานที่ได้เงินทันที
* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่
รายชื่อนักแสดง
นักแสดงนำ
อู๋โยว
รับบท ซุนหมิ่น
(นักแสดง ชาวจีน)
เหรินเหยียนข่าย
รับบท อีเฟิง (หลี่ว์หนานเหริน)
(นักแสดง / นายแบบ ชาวไต้หวัน)
อื่นๆ
เกาก่วงเจ๋อ
รับบท จงจิ้ง
(นักแสดง ชาวจีน)
* จงจิ้ง แท้จริงแล้วเป็นองครักษ์เสื้อแพร ตำแหน่ง "ไป่หู่" (ผู้บังคับกองร้อย) *
เซียวเยี่ยน
รับบท ถังฉุน
(นักแสดง ชาวจีน)
รับบท เซียวหนานผิง (ทายาท "เซียวสืออีหลาง" [เซียวจับอิดนึ้ง])
(นักแสดง ชาวจีน)
เจี่ยจงเชา
รับบท โหยวต้าจวิน
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
เฉินฮ่าวเหวิน
รับบท หลี่สวินฮวน (เหลาหลี่ทั่นฮวน) [ลี้คิมฮวง]
(นักแสดง ชาวจีน)
ซ่งหมิงอวี๋
รับบท ติงโยว
(นักแสดง / นายแบบ ชาวจีน)
ทังจิงจิง
รับบท เซวียรั่วปี้
(นักแสดง ชาวจีน)
ลั่วหมิงเจี๋ย
รับบท หลิงเป่ยซิว
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
ลู่อวี้หลิน
รับบท เวินโหว
(นักแสดง ชาวจีน)
หวังป๋อ
รับบท เหยียนจื่อจ้ง
(นักแสดง ชาวจีน)
จั๋วอวี้เชี่ยน
รับบท หลี่อี๋จิ้ง (ทูตขวา)
(นักแสดง / นางแบบ ชาวจีน)
อวี๋หยาง
รับบท อาซาน
(นักแสดง ชาวจีน)
สิงฉีฉี
รับบท หยางอ้าวเทียน (เย่เฟยจิง)
(นักแสดง ชาวจีน)
สวีเซินตง
รับบท หรุ่ยชู
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา