วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เรื่องย่อ พ่อสื่อรักฉบับโชซอน (Flower Crew: Joseon Marriage Agency)




กำกับ: คิม การัม
เขียนบท: คิม อีรัง (ผู้แต่งนิยายชื่อเรื่องเดียวกัน)
แนวละคร: ย้อนยุค, โรแมนติก, คอมเมดี้
จำนวนตอน: 16
ออกอากาศ: เกาหลี - 16 กันยายน 2562 - 5 พฤศจิกายน 2562 ทางเจทีบีซี
                       ไทย - ออกอากาศครบทุกตอนทาง MONOMAX





เรื่องย่อ



ละคร "พ่อสื่อรักฉบับโชซอน" (Flower Crew: Joseon Marriage Agency) ดัดแปลงจากนิยายปี 2014 เรื่อง "꽃파당: 조선혼담공작소" ของ "คิม อีรัง" (ซึ่งเขียนบทละครเรื่องนี้ด้วย) เนื้อหากล่าวถึงเรื่องราวของสำนักจัดหาคู่เพื่อการแต่งงาน "กดพาดัง" (Flower Crew / แก๊งบุปผา) ซึ่งประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงเลื่องลือมากสุดในโชซอน ที่สำคัญทีมงานทั้งสิ้นเป็นชายล้วน (โดยทั่วไปผู้ทำหน้าที่จัดหาคู่จะเป็นผู้หญิง) แถมแต่ละคนล้วนเป็นชายหนุ่มรูปงามที่มีความรู้ ความสามารถ และประวัติความเป็นมาไม่ธรรมดา

"มาฮุน" เป็นหัวหน้าทีมและยอดนักจัดหาคู่ของโชซอน เขามีสายตาเฉียบแหลม ช่างเจรจา แม้เป็นนักจัดหาคู่เก่งสุดในโชซอนแต่เขากลับไม่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตและความรัก ดังนั้นงานของเขาจึงไม่ใช่การตามหา 'รักแท้' ให้ลูกค้าแต่เป็นการช่วยหา 'คน' ที่เหมาะสมมาครองคู่ โดยเขาจะจัดการทุกอย่างให้แบบเบ็ดเสร็จนับตั้งแต่การหาคู่ ทาบทาม ไปจนถึงการจัดพิธีแต่งงาน ฯลฯ "โก ยองซู" เป็นที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์คนแรกของโชซอน เขาเป็นแฟชั่นนิสต้า ช่างแต่งหน้า กูรูด้านความงาม และผู้นำเทรนด์ที่ทำให้ทุกหนแห่งในเมืองหลวงกลายเป็นรันเวย์ ส่วน "โดจุน" เป็นสายข่าวดีที่สุดในฮันยาง (เมืองหลวง) เขาเพียบพร้อมทั้งรูปโฉม สติปัญญา ความรู้ความสามารถ เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะแทบทุกด้านแต่ชอบดื่มสุราเคล้านารี แม้ทำตัวเหมือนเพลย์บอยแต่เขาไม่ได้สนุกไปวันๆ หน้าที่เขาคือการสืบประวัติและรวบรวมข่าวสำคัญในโชซอน




ลูกค้าคนสำคัญของสามหนุ่มแห่งสำนักจัดหาคู่คือช่างตีเหล็กวัย 23 ปี นาม  "คิมซู" เขาพยายามตามตื๊อฮุนให้ช่วยเป็นธุระจัดงานแต่งระหว่างเขากับ "แกตง" หลังปฏิเสธมาโดยตลอดเพราะไม่เชื่อในความรักของทั้งคู่ ในที่สุดฮุนก็ยอมจัดงานแต่งให้ซูอย่างเสียไม่ได้ แต่ทว่ายังไม่ทันเริ่มพิธีเจ้าบ่าวก็ถูกลักพาตัวเสียก่อน หลังจากนั้นซูก็กลายเป็นพระราชาองค์ใหม่แห่งโชซอนในชั่วข้ามคืน (ชื่อที่แท้จริงของเขาคือ "ลีซู") ถึงกระนั้นซูก็ไม่อาจลืมรักแรกและรักเดียวของตน แม้เป็นพระราชาที่มีเหล่านางในรายล้อม แต่เขาปรารถนาที่จะครองคู่กับผู้หญิงที่ตนรักเพียงคนเดียว เขาจึงจ้างสำนักจัดหาคู่ "กดพาดัง" ให้ช่วยเปลี่ยนแกตงซึ่งมีสถานะต่ำต้อยให้ (สวมรอย) เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ เพื่อจะได้เข้าวังมาอยู่ข้างกายตน แต่ทว่าการแปลงโฉมแกตงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ซ้ำยังต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ที่ผ่านมาแกตงมักสวมกางเกงและรวบผมแบบผู้ชายเพื่อให้ทำงานได้โดยสะดวก แถมเธอยังไร้ซึ่งความเป็นกุลสตรีจึงมักถูกคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้ชายบ่อยครั้ง ครั้นต้องแปลงโฉมคนที่เหมือนผู้ชายมากกว่าผู้หญิงให้กลายเป็นคุณหนูที่งดงามทั้งรูปโฉมและกิริยามารยาท คนที่หนักใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้นกูรูด้านความงามอย่างยองซู

สุดท้ายแล้วภารกิจของแก๊งบุปผา...กดพาดัง จะสำเร็จหรือไม่ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อนักจัดหาคู่หลงรักผู้หญิงของพระราชา ติดตามชม "พ่อสื่อรักฉบับโชซอน" (Flower Crew: Joseon Marriage Agency) ตั้งแต่ต้นจนจบได้ทาง MONOMAX

* "ลี" (이) ในที่นี้เป็นชื่อสกุล (ออกเสียงว่า "อี")  มาจากคำว่า "หลี่" (李) หรือ "แซ่หลี่" ในภาษาจีน (นับตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงโชซอนตอนต้น เกาหลียังไม่มีอักษรเป็นของตัวเองเลยยืมอักษรจีนมาใช้) ในที่นี้ผู้เขียนใช้คำว่า "ลี" แทนชื่อสกุลตามภาษาอังกฤษ (ชาวเกาหลีที่อยู่ในสกุลดังกล่าวจะเขียนนามสกุลตัวเองเป็นภาษาอังกฤษว่า "Lee") แต่ถ้าเป็นคำทั่วไปที่ไม่ใช่ชื่อสกุล ผู้เขียนจะใช้คำว่า "อี" 

เนื้อหาตอนที่หนึ่ง

* ตัวละคร สถานที่ และเรื่องราวทั้งหมดในละครเป็นเรื่องสมมุติ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์



ในคืนฝนพรำ องค์ชายรัชทายาทแห่งราชวงศ์โชซอนซึ่งถูกส่งไปเป็นตัวประกันที่ต้าชิงนานนับสิบปีเพิ่งเดินทางกลับมาถึงแผ่นดินแม่ โดยมีเหล่าขุนนาง ทหาร และข้ารับใช้จำนวนหนึ่งมารอรับที่ท่าเรือท่ามกลางสายฝน อีกด้านหนึ่งในวังหลวง พระมเหสีกำลังร่ำไห้ข้างพระแท่นบรรทมเนื่องจากพระราชาแห่งโชซอนใกล้สวรรคตเต็มที ครั้นได้ยินพระราชาเพ้อหาองค์ชายรัชทายาท เสนาซ้าย "คัง มงกู" (เสนาคัง) รีบทูลว่าองค์ชายรัชทายาทเพิ่งเดินทางมาถึงท่าเรือจึงขอให้พระองค์อดทนรอ แต่ทว่าองค์ชายรัชทายาทลงเรือได้ไม่นานก็ถูกกลุ่มนักฆ่าลอบสังหารกลางสะพาน นับว่ายังโชคดีที่ธนูพลาดไปโดนหมวก หลังจากนั้นเหล่านักฆ่าก็ระดมยิงธนูใส่ทุกคนบนสะพานจนตายเกลื่อน ทหารองครักษ์ที่ติดตามรัชทายาทมาจากต้าชิงช่วยกันตั้งโล่กำบังแล้วพาองค์ชายรัชทายาทเดินฝ่าธนูเพื่อหนีขึ้นฝั่ง กลุ่มนักฆ่าจึงบุกขึ้นมาบนสะพานแล้วกระโดดถีบโล่ ครั้นทหารองครักษ์เสียหลักล้มลงองค์ชายรัชทายาทเลยไร้ที่กำบังและต้องเผชิญหน้ากับนักฆ่า พระองค์จึงหยิบดาบบนพื้นขึ้นมาต่อสู้และสังหารนักฆ่าที่ขวางทางตน



หลังพบว่าองค์ชายรัชทายาทหนีรอดไปได้ "ฮยอน" (หัวหน้าทีมนักฆ่า) จึงสั่งให้สมุนของตนตามไล่ล่า ขณะหลบหนีเข้าไปในป่าทหารองครักษ์ของรัชทายาททยอยถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดทีละคนสองคน พอไปถึงจุดที่ทหารเตรียมม้าไว้ให้ องครักษ์กลุ่มสุดท้ายที่รอดชีวิตจึงบอกให้องค์ชายรัชทายาทรีบหนีไป รัชทายาทยังไม่ทันขึ้นหลังม้า เหล่าทหารองครักษ์ก็ถูกลอบสังหารจนหมดสิ้น เมื่อองค์ชายรัชทายาทหันกลับไปมองก็พบว่าฮยอนซึ่งอยู่บนต้นไม้กำลังเล็งธนูมาที่ตน หลังจากนั้นลูกธนูก็พุ่งตรงไปที่อกด้านซ้ายขององค์ชายรัชทายาท องค์ชายรัชทายาทหงายหลังลงไปนอนแน่นิ่งในสภาพลืมตาค้าง ในเวลาเดียวกันนั้นพระราชาได้ร้องเรียกองค์ชายรัชทายาทก่อนสิ้นใจตายตาม พระมเหสีเห็นดังนั้นจึงร้องไห้โฮ มหาเสนา "มา บงด็อก" (เสนามา) แอบยิ้มอย่างผู้มีชัยก่อนแสร้งทำเป็นร่ำไห้ หลังจากนั้นในวังหลวงก็เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ระงม



"มาฮุน" แอบจับตาดูคุณชาย "จาง อินซอง" ขณะกำลังล่าสัตว์ในป่า เขาได้ข้อมูลมาว่าคุณชายผู้นี้ อายุ 19 ปี เชื่อในพรหมลิขิต ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานแบบคลุมถุงชน (ถูกจับคู่แต่งงาน)  แต่ฮุนและทีมงานกำลังจะจับคู่คุณชายผู้นี้กับคุณหนู "ลี อึนยอง" เด็กสาววัย 17 ปีที่เชื่อเรื่องพรหมลิขิต และไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานแบบคลุมถุงชนเช่นกัน ("โดจุน" รับหน้าที่จับตาดูคุณหนูอึนยอง) ครั้นเห็นว่าที่บ่าวสาวตัวเป็นๆ แล้ว ฮุนและพวกจึงสวมบทกามเทพโดยจัดฉากสร้างสถานการณ์เพื่อชักนำสองหนุ่มสาวให้มาพบรักกลางตลาด หลังฮุนส่งสัญญาณ โดจุนจึงหว่านเสน่ห์ใส่เพื่อนของคุณหนูอึนยอง โดยทำทีเป็นขอความช่วยเหลือก่อนพาทั้งคู่ (และผู้ติดตาม) ไปจากบริเวณดังกล่าว ครั้นคุณหนูอึนยองอยู่ตามลำพังฮุนจึงส่งสัญญาณบอก "โก ยองซู" ยองซูปล่อยถังไม้ให้กลิ้งลงมาตามถนนหมายให้พุ่งตรงไปที่คุณหนูอึนยอง คุณหนูอึนยองเห็นถังไม้กลิ้งตรงมาหาตนก็ตกใจจนก้าวเท้าไม่ออกและได้แต่ยืนช็อค ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งคว้าข้อมือแล้วช่วยดึงตัวเธอออกมา ที่แท้ชายคนดังกล่าวคือคุณชายอินซอง ในที่สุดสามหนุ่มก็ทำให้เป้าหมายครองคู่กันสำเร็จอีกตามเคย



หลังจากนั้นผลงานของสามหนุ่มนักจัดหาคู่ก็เป็นที่โจษขานไปทั่วทั้งเมือง ด้วยความที่ฮุน โดจุน และยองซู ล้วนเป็นชายหนุ่มรูปงาม พวกเขาจึงเป็นขวัญใจมหาชน ไม่ว่าเดินไปทางไหนก็มักมีสาวๆ มารุมล้อมและเดินตามเป็นพรวน แม้กระทั่งชายหนุ่มเห็นพวกเขาแล้วยังอดตกตะลึงไม่ได้ ช่างตีเหล็กนาม "คิมซู" เห็นดังนั้นจึงถามพ่อค้าเร่ที่กำลังยืนเคลิ้มว่าเกิดอะไรขึ้นกับบรรดาสาวๆ ครั้นเห็นว่าซูไม่รู้จักสามนักจัดหาคู่รูปงาม พ่อค้าเร่คนดังกล่าวก็รู้สึกแปลกใจ เขาอธิบายว่าสามหนุ่มที่ทำให้สาวๆ ใจละลายคือแก๊งบุปผา "กดพาดัง" พวกเขาเป็น "ผู้เฒ่าใต้แสงจันทร์" รูปงามที่สุดในเมืองฮันยาง ซูแย้งว่าพวกเขาแลดูยังหนุ่มยังแน่น พ่อค้าเร่จึงชี้ว่าตนหมายถึงเทพอุ้มสม หรือที่ยุคนี้เรียกว่านักจัดหาคู่ซึ่งมีทั้งหมดสามคน แต่ละคนล้วนเป็นชายหนุ่มที่ไม่ธรรมดา

* "ผู้เฒ่าใต้แสงจันทร์" (เย่ว์เซี่ยเหล่าเหริน) เป็นเทพผู้บันดาลรักและการแต่งงานตามความเชื่อของชาวจีน



  

พ่อค้าเร่ชี้ไปที่ยองซูแล้วเล่าว่า ในบรรดานักจัดหาคู่ทั้งสาม...ยองซูน่ารักที่สุด เขาคือผู้นำเทรนด์แฟชั่น ทุกสิ่งที่เขาซื้อมาใช้และสวมใส่จะมีคนแห่ซื้อตามจนเกลี้ยงตลาด ส่วนโดจุนเป็นชายอยู่เพื่อวันนี้ เขาเป็นนักดนตรีเร่และนักรักที่หล่อแบบวัวตายควายล้ม ซ้ำยังเนื้อหอมสุดๆ จึงมีผู้หญิงตามรุมล้อมทุกหนแห่ง ขณะที่ฮุนซึ่งเป็นหัวหน้าทีมอ่านคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เขาเงียบขรึมที่สุดในกลุ่ม ทั้งยังฉลาดเป็นกรด ทางที่ดีอย่าไปยุ่งกับเขา พ่อค้าเร่มองตามสามหนุ่มที่ถูกสาวๆ ตามกรี๊ดพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชมว่า "เหล่านักจัดหาคู่ที่รูปโฉมงดงามกว่าบุปผา... "กดพาดัง" (Flower Crew) นั่นคือชื่อที่เราเรียกพวกเขา" ซูสงสัยว่าเหล่าชายหนุ่มที่มีคุณสมบัติโดดเด่นเช่นนี้มาเป็นนักจัดหาคู่ได้เช่นไร พ่อค้าเร่มอบใบปลิวให้ซูพลางบอกว่าอีกไม่นานก็จะรู้เอง เขากระซิบบอกซูว่าคู่แต่งงานที่แก๊งบุปผา "กดพาดัง" จับคู่ให้จะไม่มีวันเลิกรา พวกเขาจะอยู่เคียงข้างกันตราบจนชั่วชีวิต เมื่อซูก้มดูใบปลิวก็พบข้อความที่ระบุว่าผลงานการจับคู่ของเหล่า "กดพาดัง" มีอัตราความสำเร็จถึง 90%


ซูนั่งเช็ดเคียวเหล็กพลางแอบฟังเด็กๆ (ลูกของชนชั้นสูง) เรียนหลักคำสอนขงจื๊อ เมื่อ "มูนซ็อก" มาพบเข้าจึงลากตัวซูออกไป ที่แท้ซูชอบหาโอกาสมาที่สำนักศึกษาเพื่อแอบเรียนหนังสือ มูนซ็อกอ้างว่าเรียนไปก็ไม่มีประโยชน์จึงห้ามไม่ให้ซูมาที่นี่และให้เอาเวลาไปฝึกตีเหล็กแทน  ซูรับปากและเปลี่ยนเรื่องทันควัน เขาขออนุญาตแต่งงานกับ "แกตง" โดยบอกว่าตนเจอยอดนักจัดหาคู่แล้ว ครั้นรู้ว่าซูยังไม่เคยเอ่ยปากขอแกตงแต่งงานเลยด้วยซ้ำ มูนซ็อกจึงโวยลั่นเพราะซูพูดราวกับทั้งสองฝ่ายตกลงปลงใจกันแล้ว 


แกตงมารับจ้างเป็นหุ่นให้หมอสาธิตวิธีการฝังเข็ม โดยหมอได้ชี้จุดฝังเข็มรักษาอาการปวดหัวข้างเดียว (ไมเกรน) ก่อนเตือนหมอหญิงฝึกหัดว่าการฝังเข็มลงบนจุดดังกล่าวต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะหากพลาดพลั้งอาจทำให้คนไข้เป็นอัมพาตได้ ขณะที่หมอกำลังจะฝังเข็ม (บนแขนของแกตง) ให้หมอหญิงฝึกหัดดู แกตงก็ลุกพรวดและขอค่าตัวเพิ่มอีก 3 พุน (3 สตางค์) หมอแย้งว่าแกตงรับค่าจ้างล่วงหน้าจากตนไปแล้วตั้ง 5 พุน  แกตงอ้างว่าตอนนั้นหมอไม่ได้บอกว่าอาจเป็นอันตราย หมอบอกให้แกตงเชื่อมือตนเพราะตนมีประสบการณ์ในการฝังเข็มมานาน 20 ปี ครั้นแกตงยืนกรานว่าต้องการค่าตัวเพิ่ม หมอจึงยอมจ่ายให้แต่โดยดี

หลังจากนั้นแกตงก็เชิญชวนเหล่าหมอหญิงฝึกหัดให้จ่ายเงิน 2 พุน แลกกับการฝึกฝังเข็มลงบนตัวเธอ เหล่าหมอหญิงฝึกหัดอยากลองฝึกภาคปฏิบัติเลยพร้อมใจกันยื่นเงินให้เธอ หมอรีบเตือนแกตงว่าศิษย์ของตนยังไม่เชี่ยวชาญและอยู่ในระหว่างการฝึกฝน ดังนั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นตนจะไม่รับผิดชอบ แกตงไม่หวั่นเพราะขืนกลัวโน่นกลัวนี่ก็อดได้เงิน หมอเดาว่าแกตงคงรีบเก็บเงินแต่งงาน แกตงแย้งว่าตนไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้ หมอยังไม่ทันได้สาธิตวิธีฝังเข็มก็มีคนยกยาหม้อสูตรใหม่มาให้ หมอจึงเสนอเงินให้แกตงเพื่อแลกกับการเป็นหนูลองยา ครั้นได้เงิน 5 พุนตามที่ต้องการ แกตงจึงยกถ้วยยาเหม็นๆ (มีส่วนผสมของแมลงวันตากแห้งและพิษตะขาบ) ขึ้นดื่มจนเกลี้ยงโดยไม่ลังเล หลังเป็นหมอนปักเข็มและหนูลองยามาหมาดๆ แกตงก็ถูกทาบทามให้ทำอีกงานที่จ่ายค่าจ้างมากถึง 5 ยาง (เท่ากับ 1 วอนในปัจจุบัน) แกตงไม่หวั่นแม้เป็นงานที่สกปรก อันตราย หรือยากเย็นแสนเข็ญ เพราะเธอถือคติยิ่งเสี่ยงยิ่งคุ้มค่า  ขอเพียงจ่ายค่าจ้างล่วงหน้าตามราคาที่ตกลงกันไว้เป็นพอ หลังรับค่าจ้างแล้วแกตงถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เธอต้องทำคือการนั่งอยู่กับที่เฉยๆ เป็นเวลาสองชั่วโมง 

* "พุน" (สตางค์) มาจากคำว่า "เฟิน" (分)ในภาษาจีน  ส่วน "ยาง" มาจากคำว่า "เหลี่ยง" (兩) ของจีน  (100 พุนเท่ากับ 1 ยาง)



ฮุนกับยองซูมาที่บ้านใต้เท้าโอตามคำเชิญ แต่พอมาถึง (ด้อมๆ มองๆ ริมรั้ว) กลับพบว่าบรรยากาศภายในเงียบผิดปกติ ยองซูรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเลยไม่อยากรับงานนี้ เขาชี้ว่าชาวบ้านต่างลือกันทั่วว่าคุณหนู "โอ นังจา" หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ที่ผ่านมาใต้เท้าโอไม่เคยให้พวกตนพบหน้าธิดาเลยสักครั้ง แต่แล้วอยู่ๆ กลับส่งจดหมายเชิญพวกตนให้มายลโฉมคุณหนูโอ ยองซูเห็นท่าไม่ดีเลยชวนฮุนกลับ แต่ฮุนยืนกรานว่าจะเข้าไป ทั้งยังท่องกฎข้อที่หนึ่งของ "กดพาดัง" ให้ยองซูฟังเพื่อเป็นการย้ำเตือน โดยบอกว่า "สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น... ก่อนเป็นธุระเรื่องการจับคู่แต่งงาน นักจัดหาคู่ต้องพบหน้าชายหญิงที่จะมาเป็นว่าที่บ่าวสาวก่อน" ยองซูสวนกลับว่าเพราะอย่างนี้ตนถึงบอกให้หาผู้หญิงมาเสริมทัพสักคน (จะได้ช่วยพิจารณาว่าที่เจ้าสาวอย่างใกล้ชิดโดยไม่ติดเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติ) เขาบ่นว่าถึงยังไงใต้เท้าลี (ว่าที่เจ้าบ่าว) ก็ไม่ชอบสตรีแบบคุณหนูโออยู่ดี ฮุนแย้งทันควันว่ารู้ได้ยังไงในเมื่อพวกตนไม่เคยพบคุณหนูโอ ยองซูถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆ โดจุนก็โผล่มาร่วมแจมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเพียงเพื่อให้ข้อมูลว่าใต้เท้าลีชอบผู้หญิงสวย ใสซื่อ จิตใจดี (หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นกัน)


ในที่สุด ฮุนกับยองซูก็เดินเข้าไปในบ้านที่เงียบเชียบและไร้ผู้คนของใต้เท้าโอ สาวใช้คนหนึ่งซึ่งมีผ้าปิดบังใบหน้าเดินมาต้อนรับทั้งคู่ เธอออกตัวว่าตนเป็นหวัดและไอหนักเลยต้องใช้ผ้าปิดหน้า ครั้นได้ยินว่าใต้เท้าโอออกไปทำธุระพร้อมบ่าวจำนวนหนึ่งทั้งๆ ที่นัดตนมาที่บ้าน ฮุนก็รู้สึกสงสัย เขาจ้องมองสาวใช้เหมือนกำลังค้นหาความจริงบางอย่าง  (เธอพยายามหลบตาและทำตาหลุกหลิก) อยู่ๆ ยองซูก็อวดถุงหอมที่ตนทุ่มซื้อมาในราคา 10 ยาง ครั้นเห็นสาวใช้คนดังกล่าวเบือนหน้าหนีกลิ่นถุงหอม ฮุนจึงบอกให้ยองซูถอยไปห่างๆ โดยอ้างว่าตนร้อน หลังจากนั้น สาวใช้ก็พาทั้งคู่ไปพบคุณหนูโอซึ่งนั่งอยู่หลังม่าน ที่แท้แกตงถูกว่าจ้างให้มาสวมรอยเป็นคุณหนูโอ


ฮุนต้องการเห็นใบหน้าคุณหนูโอชัดๆ จึงขอให้ม้วนผ้าม่านขึ้น ยองซูเห็นหน้าหญิงสาวแล้วรู้สึกผิดคาด เขาปรบมือและกล่าวว่าเหมือนเทพธิดาปรากฏตรงหน้า ทำเอาแกตงถึงกับยิ้มแก้มปริ หลังจากนั้นยองซูก็แอบกระซิบบอกฮุนว่า แม้ไม่เหมือนเทพธิดาสักเท่าไหร่แต่อย่างน้อยคุณหนูโอก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ เห็นเพียงเท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว ฮุนบอกให้ยองซูหุบปากก่อนแย้งว่าพวกตนยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ (สายตาเขาจับจ้องที่ใบหน้าแกตงตลอดเวลา) สาวใช้ขอนำม่านลงดังเดิมโดยอ้างว่าคุณหนูของตนค่อนข้างอิดโรย ฮุนคัดค้านและขอยลโฉมแกตงใกล้ๆ เพราะไหนๆ พวกตนก็ถ่อมาถึงที่นี่แล้ว จากนั้นก็ถามความเห็นสาวใช้เพื่อเป็นการหยั่งเชิง ครั้นสาวใช้ถามกลับว่าเหตุใดจึงถามตน  ฮุนเลยชี้ว่าเพราะ 'คุณหนู' หันไปมองเธอตลอดเวลา แกตงได้ยินดังนั้นเลยเชิญฮุนสำรวจตนให้เต็มตา (ซึ่งผิดวิสัยสตรีที่เป็นชนชั้นสูง) ฮุนยื่นหน้าเข้าไปหาแกตงโดยไม่ลังเล แกตงจ้องกลับโดยไม่มีทีท่าเขินอายเลยสักนิด ครั้นได้กลิ่นยาต้มจากตัวเธอเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอเพิ่งดื่มยาโอกงซึ่งทำจากตะขาบแห้งและมีกลิ่นเหม็นรุนแรง  เขาจึงไม่คิดที่จะแนะนำเธอให้เป็นว่าที่เจ้าสาวในการแต่งงานครั้งนี้

* "โอกง" มาจากคำว่า "อู๋กง" ในภาษาจีน ซึ่งแปลว่า ตะขาบ  (ยาโอกงในที่นี้เป็นหนึ่งในตำรับยาจีน) 

สาวใช้ได้ยินดังนั้นจึงคัดค้านทันควัน ก่อนออกตัวว่าคุณหนูโอชอบใต้เท้าลีมาก ครั้นแกตงขอคำอธิบายฮุนจึงกล่าวว่ายาตำรับดังกล่าวใช้รักษาอาการเจ็บปวดที่บริเวณหน้าอก กล้ามเนื้อ กระดูก และโรคอัมพาตใบหน้า ฯลฯ จากนั้นก็ชี้ว่าเธอหัวใจอ่อนแอและกระดูกเปราะบางตั้งแต่ยังสาวแล้วจะแต่งงานในสภาพนี้ได้อย่างไร มิหนำซ้ำ แขนเธอยังโดนเข็มจิ้ม (ฝังเข็ม) จนพรุน ครั้นแกตงยืนยันว่าตนแข็งแรงดี ฮุนจึงถามว่าแข็งแรงพอที่จะหั่นปลาด้วยตัวเองใช่หรือไม่ (เขาได้กลิ่นปลาจากตัวเธอ) แกตงปฏิเสธว่าตนไม่เคยเข้าครัว แต่สุดท้ายก็เถียงไม่ออกเพราะหลักฐานปรากฏชัดบนเล็บอันดำปี๋ของเธอ (เธอเริ่มนั่งไม่ติดจึงชันเข่าและยื่นปลายเท้าออกนอกชายกระโปรง) ฮุนถามว่าจะแต่งเรื่องหลอกตนอีกนานแค่ไหน จากนั้นก็หันไปหาสาวใช้แล้วเรียกเธอว่า "คุณหนู"


คุณหนูโอตัวจริง (ซึ่งแต่งตัวเป็นสาวใช้) ตกใจที่ถูกจับได้ ทันใดนั้นผ้าปิดหน้าของเธอก็ร่วงลงมาเสมือนโดนกระชากหน้ากาก  แกตงแกล้งทำเป็นโมโหกลบเกลื่อนโดยยืนกรานว่าตนคือคุณหนูโอ (แต่กิริยาท่าทางของเธอไม่เหมือนชนชั้นสูง เพราะไม่สำรวมและไม่มีความเป็นกุลสตรี) ฮุนแย้งว่าตนแค่พูดในสิ่งที่เห็น ก่อนชี้ว่าคนโกหกมักแถไปเรื่อยเปือยเหมือนอย่างที่แกตงทำ แถมตำแหน่งและท่านั่งยังฟ้องว่าเธอพร้อมเผ่นทันทีที่ถูกจับได้ ฮุนจะพูดต่อแต่แกตงร้อนตัวเลยโวยลั่นซึ่งเป็นอาการของคนโกหกดังที่ฮุนเพิ่งว่าไว้ ฮุนถามแกตงว่ามีอะไรจะแก้ตัวอีกไหม คิดว่าเธอมานั่งอยู่ตรงนี้โดยใส่ชุดสวยๆ แล้วตนจะเห็นเธอเป็นคุณหนูสูงศักดิ์งั้นหรือ หลังจากนั้นฮุนก็หันไปตำหนิคุณหนูโอที่ใช้ลูกไม้ตื้นๆ ตบตาตน เขาลุกขึ้นและขอยกเลิกการจับคู่แต่งงานในครั้งนี้ แล้วเดินจากไปทันที ยองซูบอกคุณหนูโอตัวจริงว่าเธอดูดีกว่าที่ตนได้ยินมา เขาให้กำลังใจเธอ (ในการหาคู่) แล้ววิ่งตามฮุนไป คุณหนูโอได้แต่ทรุดตัวร่ำไห้ด้วยความเสียใจ


หลังเปลี่ยนมาสวมกางเกงแบบผู้ชายตามเดิมแล้ว แกตงก็วิ่งตามไปเอาเรื่องฮุน ยองซูเห็นท่าไม่ดีเลยรีบเผ่นก่อน แกตงบอกให้ฮุนกลับไปขอโทษคุณหนูโอเดี๋ยวนี้ ฮุนแย้งว่าตนต่างหากที่เป็นฝ่ายโดนหลอก แกตงชี้ว่าคุณหนูโออับจนหนทางเลยทำไปเพราะรักใต้เท้าลีมาก แต่ฮุนไม่เชื่อว่าคุณหนูโอทำเช่นนั้นเพราะความรัก ครั้นเห็นว่านักจัดหาคู่อย่างฮุนไม่เชื่อถือศรัทธาในความรักแกตงก็รู้สึกแปลกใจ ฮุนท่องกฏข้อที่สองของ "กดพาดัง" ให้แกตงฟัง โดยบอกว่า "ขณะจับคู่แต่งงาน จงเชื่อสิ่งที่ตาเห็นเท่านั้น" เขาไม่เชื่อในความรักเพราะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แกตงรู้สึกผิดหวังเมื่อรู้ว่าฮุนเชื่อสิ่งที่ตาเห็น (รูปลักษณ์ภายนอก) มากกว่าความรู้สึก ทั้งๆ ที่เขาเป็นนักจัดหาคู่ที่ช่วยผู้คนตามหารักแท้ (เธอนึกว่าฮุนปฏิเสธการจับคู่เพราะเห็นว่าคุณหนูโอไม่สวย) ฮุนแย้งว่าตนไม่ได้เป็นแค่พ่อสื่อพ่อชักแต่เป็นนักจัดหาคู่ สิ่งที่ตนช่วยผู้คนตามหาไม่ใช่ 'ความรัก' แต่เป็น 'คน' ครั้นเห็นว่าแกตงไม่เข้าใจ ฮุนจึงกล่าวว่านั่นเป็นเพราะแกตงไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น แกตงอดรนทนไม่ไหวจึงกระโดดโหม่งหน้าผากฮุนเต็มแรง เธอยอมรับว่าตนเป็นคนงกเงิน (เลยรับงานนี้) ถึงกระนั้นก็ไม่เคยเห็นใครงี่เง่าแบบเขามาก่อน เธอจึงขอสั่งสอนเขาแทนคุณหนูโอ พูดจบแกตงก็เดินจากไป ทิ้งให้ฮุนทั้งเจ็บและงง



หลังพระราชาและรัชทายาทจากไปในเวลาไล่เลี่ยกันราชสำนักก็เกิดความปั่นป่วน เหล่าขุนนางต่างโต้เถียงกันต่อหน้าพระมเหสีว่าควรทำอะไรก่อนหลัง ระหว่างเชิญองค์ชายยอนอูที่อยู่ต้าชิงกลับมาขึ้นครองบัลลังก์ กับสืบหาคนร้ายที่ลอบสังหารองค์ชายรัชทายาท เสนาคัง (เสนาซ้าย) ขอให้พระมเหสีประกาศการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาทและเปิดโปงทุกสิ่งที่พวกคนสารเลวทำกับพระองค์ แต่ทว่าเสนามาไม่เห็นด้วย เขาแย้งว่าตอนนี้ราษฎรกำลังโศกเศร้าและเสียขวัญกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่จึงควรเยียวยาสภาพจิตใจและให้เวลาพวกเขาทำใจก่อน ครั้นพระมเหสีเห็นดีด้วย เสนามาจึงเสนอให้ประกาศการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาทโดยไม่ต้องชี้แจงรายละเอียดใดๆ จนกว่าสภาพจิตใจของราษฎรจะดีขึ้น เสนาคังได้แต่อดกลั้นเมื่อเห็นพระมเหสีคล้อยตามเสนามาทุกเรื่อง ที่แท้พระมเหสีกับเสนามาสมรู้ร่วมคิดกัน (พระมเหสีเป็นหลานเสนามา) แม้จะซื้อเวลาได้สำเร็จแต่พระมเหสีเกรงว่าเสนาคังจะใช้โอกาสนี้พาองค์ชายยอนอูมาจากต้าชิง เสนามากล่าวว่าพวกตนต้องชิงลงมือก่อน ตนเตรียมแผนรับมือไว้หมดแล้ว สิ่งที่พวกตนต้องทำคือการตามหาผู้บัญชาการทหารองครักษ์ที่หายตัวไปเมื่อ 20 ปีก่อน เพราะมีบางสิ่งที่ตนต้องการจากเขา

ขณะที่มูนซ็อกกำลังทำงาน อยู่ๆ หัวหน้าช่างตีเหล็กก็นำเงินทั้งหมดมาฝากไว้ที่เขา โดยบอกว่าตนต้องเดินทางไปส่งของที่เมืองคยองจู ทันใดนั้น ก็มีเสียงผู้คนร้องไห้ระงมหลังเจ้าหน้าที่นำป้ายประกาศมาติด ปรากฏว่าทางการแจ้งข่าวการสวรรคตของพระราชาและการสิ้นพระชนม์ขององค์ชายรัชทายาท เหล่าชาวบ้านต่างพากันร่ำไห้เสียใจเมื่อรู้ว่าพระราชาและองค์ชายรัชทายาทเสียชีวิตในวันเดียวกัน มูนซ็อกได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าวิตกกังวล อีกด้านหนึ่งแกตงนำเงินจากน้ำพักน้ำแรงแทบทั้งหมดมาว่าจ้าง "คอลต็อกซเว" (นักต้มตุ๋น) ให้ช่วยตามหาพี่ชายที่พลัดพรากจากกันมานานหลายปี ที่แท้ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเธอรับจ้างทำงานแผลงๆ ทุกชนิดหมายเก็บสะสมเงินเพื่อการนี้


ซูตามแผนที่ในใบปลิวมาที่สำนักจัดหาคู่ของแก๊งบุปผา "กดพาดัง" ในตอนนั้นฮุนกำลังนำไข่ต้มมาประคบหน้าผากหลังถูกแกตงกระโดดโหม่ง (เขาเรียกเธอลับหลังว่า "ยัยหัวหิน") ครั้นเห็นซูเดินเข้ามาในห้อง ฮุนก็ไล่เขาออกไปโดยอ้างว่าตนคิวเต็มถึงปีหน้าจึงไม่อาจจัดงานแต่งให้เขาได้ (ความจริงแล้วกดพาดังไม่ได้เป็นเพียงสำนักจัดหาคู่ แต่ยังเป็นเหมือนเวดดิ้งแพลนเนอร์ และออแกไนเซอร์งานแต่งด้วย) ที่ผ่านมาฮุนปฏิเสธซูไปหลายครั้ง แต่ซูไม่ลดละความพยายามจึงกลับมาที่นี่เป็นครั้งที่สี่ (เขารู้ว่าตนต้องโดนไล่ตะเพิดแน่จึงหยิบบัตรคิวมาหลายอัน) ซูขอให้ฮุนช่วยเป็นพ่อสื่อและจัดงานแต่งให้ตนกับแกตงโดยบอกว่าตนต้องการแต่งงานในปีนี้ แต่ฮุนยังคงยืนกรานปฏิเสธเหมือนเช่นเคย เขาบอกให้ซูไปขอแกตงแต่งงานด้วยตัวเองและเลิกยุ่งกับตนเสียที

ครั้นเห็นซูนั่งคอตก ฮุนจึงยื่นข้อเสนอโดยบอกว่าตนยินดีช่วยหากซูยอมแต่งงานกับคนอื่น ซูปฏิเสธทันควัน เขายืนกรานว่าเจ้าสาวของตนต้องเป็นแกตงเท่านั้น ฮุนได้ยินดังนั้นจึงตัดบทด้วยการเรียกลูกค้าคิวถัดไปทันที ซูยอมถอย (เพราะบัตรคิวหมด) และบอกว่าพรุ่งนี้ตนจะกลับมาใหม่ หลังซูออกไปแล้วคุณหนูโอก็เข้ามาพบฮุน ฮุนรู้ว่าคุณหนูโอมีความลับบางอย่างที่อยากบอกตนจึงปิดประตูทันที


คืนเดียวกันนั้น ซูกับพ่อช่วยกันตีเหล็ก (เกือกม้า) ครั้นถูกพ่อแซวว่าคนทั้งหมู่บ้านต่างรู้กันทั่วว่าเขาโดนนักจัดหาคู่ปฏิเสธอีกตามเคย ซูก็บอกอย่างมุ่งมั่นว่าลูกผู้ชายต้องไม่ถอดใจง่ายๆ ดังนั้นพรุ่งนี้ตนจะไปที่นั่นอีก มูนซ็อกไม่เข้าใจว่าทำไมซูถึงดึงดันที่จะใช้บริการนักจัดหาคู่ ซูกล่าวว่าเป็นเพราะท่านแม่ เขาสารภาพว่าตนบังเอิญได้ยินทุกสิ่งที่พ่อคุยกับแม่ขณะที่แม่กำลังจะตาย ในตอนนั้นพ่อพูดถึงชายคนหนึ่งที่แม่รักฝังใจและโหยหามาชั่วชีวิต เขาถามพ่อว่าไม่รู้สึกเจ็บแค้นที่แม่รักชายอื่นบ้างเลยหรือ มูนซ็อกกล่าวเพียงว่านั่นเป็นเรื่องในอดีต ซูกล่าวว่าก่อนตายแม่บอกให้ตนปฏิบัติต่อสตรีที่จะมาเป็นคู่ชีวิตอย่างสมเกียรติ  ด้วยเหตุนี้ตนเลยอยากใช้บริการนักจัดหาคู่เพื่อจะได้แต่งงานกับแกตงเหมือนที่ชนชั้นสูงนิยมทำกัน (ถึงแม้ว่าแกตงจะไม่ใช่ชนชั้นสูงก็ตาม)

ครั้นฝนตกฟ้าร้องซูก็นึกเป็นห่วงแกตง เขาจึงคว้าร่มแล้วรีบวิ่งฝ่าสายฝนไปหาเธอทันที ในตอนนั้นแกตงกำลังนั่งตากฝนด้วยอาการหวาดผวา เธอพยายามเอามือปิดหูเพราะไม่อยากได้ยินเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า ทันใดนั้น ภาพความทรงจำในวัยเด็กก็ผุดขึ้นมา (ในตอนนั้นมีชายกลุ่มหนึ่งตามไล่ล่าเธอ เธอจึงซ่อนตัวอยู่ใต้โขดหินตามลำพัง (ขณะฝนตกหนัก) ด้วยความหวาดกลัว)  กลุ่มนักล่าทาสซึ่งกำลังตามจับทาสหลบหนีเห็นแกตงนั่งตากฝนด้วยท่าทางหวาดกลัว จึงเดินไปคว้าคอเสื้อด้านหลังเพื่อถามว่าเธอเป็นอะไร ซูมาเห็นเข้าพอดีจึงปัดมือนักล่าทาสคนดังกล่าวออก ก่อนช่วยพยุงแกตงให้ลุกขึ้นอย่างทะนุถนอม เขาชูป้ายสถานะให้นักล่าทาสดูพลางบอกด้วยน้ำเสียงดุดันว่าแกตงเป็นภรรยาตน นักล่าทาสซึ่งอยู่ชนชั้นต่ำกว่ารีบก้มหน้าขอโทษและออกตัวว่าตนแค่ทำตามหน้าที่ เขาอยากตรวจสอบแกตงให้แน่ชัดอีกทีแต่ซูไม่ยอม เขาเตือนให้นักล่าทาสเคารพลำดับชั้น (ทางสังคม) หลังจากนั้นซูก็กางร่มแล้วพาแกตงไป



หลังฝนหยุดตกซูเห็นว่าแกตงขาเจ็บจึงให้เธอขี่หลัง เขากล่าวว่าพวกนักล่าทาสกำลังตามหาทาสที่หลบหนีมาจากทัมนา (เกาะเชจู) แกตงสวยกว่าทาสคนนั้นตั้งเยอะ พวกนักล่าทาสมีตาหามีแววไม่ แกตงเปรยอย่างอ่อนล้าว่ามีเพียงครอบครัวที่ห่วงใยเธออย่างแท้จริง ซูแย้งว่าพวกตนไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกันสักหน่อย...แต่อีกไม่นานก็จะเป็น!! เขาเห็นว่าแกตงหลับเลยถือโอกาสเผยสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ โดยกล่าวว่า "ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นทาสหรือเป็นขอทาน ขอเพียงมีเจ้าอยู่เคียงข้างข้าก็สุขใจ เช่นนั้นแล้วทำไมเราไม่เลิกเป็นเหมือนครอบครัว แล้วมาเป็นครอบครัวจริงๆ เสียที" พูดจบเขาก็ได้แต่ถอนหายใจและบ่นว่ากว่าจะได้ฟังคำตอบจากแกตงช่างยากเย็น (เขาไม่คิดขอเธอแต่งงานด้วยตัวเอง แต่จะให้ฮุนเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งฮุนยังไม่ตอบตกลง) ซูพาแกตงไปส่งที่ห้อง (แกตงอยู่บ้านเดียวกับซูและพ่อ) และนั่งมองเธอครู่หนึ่งก่อนกลับเข้าห้องตัวเอง เขาเปิดดูปิ่นในกล่องที่ทำจากทองคำและหยก หลังจากนั้นสีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง เขาหวนนึกถึงตอนที่แม่ป่วยหนัก แม่มอบปิ่นทองอันนี้ให้เขาพลางบอกให้เก็บรักษาดีๆ และให้ใช้มันเอาชนะใจผู้หญิงที่เขารัก พูดจบแม่ของเขาก็สิ้นใจ ซูมองปิ่นในมือพลางนึกถึงแม่ เขากล่าวขอบคุณและบอกแม่ว่าในที่สุดก็ถึงเวลาที่ต้องใช้มันแล้ว


ฮยอนไปพบเสนามากลางดึกเพื่อรายงานว่าคนที่เขาสั่งให้ตามหาอยู่ในหมู่บ้านนอกเมืองหลวง เมื่อเสนามาเล่าให้พระมเหสีฟังในวันรุ่งขึ้น พระมเหสีจึงบอกให้เสนามารีบพา 'เขา' เข้าวัง เสนามาชี้ว่านับตั้งแต่รัชทายาทโดนลอบสังหารคนของเสนาซ้ายก็คอยจับตาดูพวกตน หากทำอะไรผลีผลามพวกตนอาจโดนเล่นงาน พระมเหสีโวยว่าขืนชักช้าองค์ชายยอนอูคงกลับมาถึงก่อน เสนามาแค่นหัวเราะก่อนเตือนว่าหากพระมเหสีทำอะไรโดยไม่ยั้งคิดจะทำให้ตัวเองด้อยค่า ครั้นพระมเหสีก้าวล่วงถึงเรื่องภายในครอบครัวของเสนามา โดยวิจารณ์เรื่องที่ฮุนผันตัวมาเป็น 'นักจัดหาคู่ต้อยต่ำ' หลังเกิดเรื่องกับพี่ชาย ทั้งยังตำหนิแกมเย้ยหยันว่าเสนามาเป็นถึงเสาหลักของบ้านเมืองแต่กลับไม่ดูแลครอบครัวให้ดี เสนามาเตือนพระมเหสีว่าตนเป็นคนส่งเธอขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ จะลากเธอลงแล้วหาคนมาแทนที่เมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นจงอย่าก้าวก่ายเรื่องภายในครอบครัวตน ถ้าคิดจะช่วยก็แค่นั่งเฉยๆ อยู่ตรงนั้น 


ฮุนไปบ้านบิดาในสภาพเมามายหลังไม่ได้กลับไปเหยียบที่นั่นมานาน เสนามารู้สึกผิดหวังที่ฮุนเมาแอ๋ในวันครบรอบการเสียชีวิตของพี่ชาย จึงถามฮุนว่าจะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ฮุนกล่าวว่าใครๆ ต่างรู้กันทั่วว่าบุตรชายคนรองของ "มา บงด็อก" เป็นนักจับคู่ต้อยต่ำ เสนามาฟังแล้วได้แต่ถอนใจ เขาบอกให้ฮุนย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านดังเดิม ฮุนถามเสียงเข้มว่าหากตนทำเช่นนั้นพ่อจะฆ่าตนเหมือนที่ฆ่าพี่ชายไหม เสนามาตบฮุนจนหน้าคว่ำ เขากล่าวว่าฮุนเป็นบุตรชายคนเดียวที่เหลืออยู่ของครอบครัวและเป็นคนเดียวที่จะได้กุมชะตาของโชซอน จากนั้นก็โวยด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือและน้ำตาคลอเบ้าว่า จงวางมือจากสิ่งที่กำลังทำแล้วย้ายกลับมาอยู่ที่บ้าน ฮุนรู้สึกผิดหวังที่พ่อยังคงให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของครอบครัวมากกว่าลูกชายผู้ล่วงลับ เขาจึงบอกให้พ่อคิดว่าลูกชายคนรองได้ตายไปแล้วเช่นกัน พูดจบเขาก็เดินหนีไป เสนามาได้ยินแล้วถึงกับน้ำตาร่วง

ฮุนกำลังจะกลับแต่แล้วอยู่ๆ ก็หวนนึกถึง "มาจุน" พี่ชายผู้ล่วงลับ ในตอนนั้นพี่ชายสอนวิธีผูกด้ายแดงด้วยเงื่อนแบบพิเศษที่เรียกว่า "ตงชิมคยอล" ซึ่งหมายถึงผูกใจรักสองดวงเข้าด้วยกัน ครั้นเห็นน้องชายตัวน้อยทำหน้างงจุนจึงอธิบายว่า ด้ายตงชิมคยอลเป็นเหมือนคำมั่นว่าจะรวมใจเป็นหนึ่งและครองรักกันอย่างมีความสุข เพราะเงื่อนแบบนี้คลายปมยากมาก ที่แท้ฮุนพกด้ายแดงที่พี่ชายผูกเป็นเงื่อนตงชิมคยอลติดตัวตลอดเวลา เขาดึงด้ายแดงเส้นดังกล่าวพลางเปรยว่า ต่อให้ผูกปมแน่นแค่ไหนก็ไม่อาจมัดใจคน เพราะใจคนเป็นสิ่งกลอกกลิ้ง


ครั้นเดินโซเซกลับมาที่สำนักจัดหาคู่ ฮุนก็รู้สึกตกใจเมื่อพบซูนั่งหลับรอหน้าประตู ซูยื่นกล่องใส่ปิ่นทองให้ฮุนแต่ฮุนทั้งเมาและหงุดหงิดจึงไม่ใส่ใจ ครั้นเห็นซูยังคงดึงดันฮุนจึงถามว่าทำไมต้องเป็นตน ในเมื่อตนปฏิเสธหลายครั้งแล้ว พอรู้ว่าซูเชื่อข่าวลือที่ว่าหากตนจับคู่ให้ใครแล้วคู่นั้นจะไม่มีวันเลิกรา ฮุนจึงถามว่านั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ซูเลือกตนหรือ เขาชี้ว่าที่ซูเลือกตนเป็นเพราะไม่มั่นใจในความรักและกลัวว่าความรักจะไม่ยั่งยืน จากนั้นก็ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ซูอยากรู้ว่าทำไมฮุนถึงยืนกรานปฏิเสธตน  ฮุนกล่าวว่าการแต่งงานเพราะเชื่อข่าวลือเป็นความคิดที่น่าขัน หากซูใจเสาะถึงขนาดต้องพึ่งข่าวลือ ต่อให้ตนยื่นมือช่วยก็ไปกันไม่รอดอยู่ดี ซูสวนทันควันว่าฮุนอาจคิดผิดก็ได้ ฮุนแย้งว่าตนไม่เหมือนซู ตนเชื่อแต่สิ่งที่ตาเห็น เมื่อใดที่เข้าตาจนความรักจะเป็นสิ่งแรกที่แปรผัน เช่นนี้แล้วตนจะเชื่อมั่นและช่วยให้ซูสมหวังได้อย่างไร ซูแย้งว่าในยามที่เข้าตาจนความรักอาจแข็งแกร่งที่สุดได้เช่นกัน ฮุนทำท่าคล้ายใจอ่อนแต่แล้วก็ไล่ซูกลับบ้านโดยบอกว่าข้างนอกอากาศเย็น ซูยืนกรานว่าถึงยังไงตนก็ไม่เปลี่ยนใจและจะมาใหม่วันพรุ่งนี้

วันต่อมาแกตงเข้าไปเก็บลูกธนูล่าสัตว์ที่ตกอยู่ในป่าหวังนำไปขาย (แกตงและพวกบุกเข้าไปในเขตหวงห้ามที่เจ้าหน้าที่นำเชือกมากั้น) ชายคนหนึ่งได้ยินว่าทางการห้ามไม่ให้ขึ้นมาบนเขาแห่งนี้เพราะมีโจรป่า เขาเลยกลัวว่าจะเจอกลุ่มโจร แกตงได้ยินแล้วชักเริ่มปอดๆ แต่เธออยากได้เงินมากกว่าเลยมองแง่ดีว่าถ้ามีโจรจริงก็ยิ่งดี พวกเขาจะได้ยิงธนูเกลื่อนป่าเช่นนี้อีก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเงินทั้งนั้น เธอสังเกตเห็นปลายแหลมของลูกธนูดอกหนึ่งมีสีดำ ขณะที่ลูกธนูเล่มอื่นมีสีขาวแต่ไม่รู้สึกเอะใจ เธอหวังเพียงว่าอย่างน้อยน่าจะขายลูกธนูปลายสีดำได้สักสองสามพุน ครั้นชายอีกคนเล่าว่าใต้เท้าลีจ้างสำนักจัดหาคู่อีกแห่งให้ช่วยหาว่าที่เจ้าสาวคนใหม่  แกตงจึงรีบถามว่าบ้านใต้เท้าลีอยู่ที่ใด ในเวลาต่อมา แกตงนำลูกอมไปติดสินบนเด็กๆ แล้ววานให้เด็กๆ ช่วยกันปล่อยข่าว หลังจากนั้นข่าวลือเรื่องแก๊งบุปผา "กดพาดัง" เป็นพวกลวงโลกและนักต้มตุ๋นก็แพร่สะพัดไปทั่ว



ยองซูรีบเข้าไปปลุกฮุนกับโดจุนซึ่งต่างก็มีอาการเมาค้าง โดยแหกปากลั่นว่าพวกตนงานเข้าแล้ว ครั้นรู้ว่าใต้เท้าลีจะแต่งงานกับคุณหนูโอ ฮุนกับโดจุนก็รู้สึกตกใจ ยองซูยังบอกอีกว่าชาวบ้านต่างลือกันทั่วว่าคุณหนูโอเกือบไม่ได้แต่งงานเพราะพวกตน โดจุนสงสัยว่าเป็นไปได้ยังไงในเมื่อใต้เท้าลีให้ความสำคัญเรื่องรูปโฉม ขณะที่ฮุนเองก็งงหนักเพราะจับต้นชนปลายไม่ถูก หลังออกไปสืบข่าวในหมู่บ้าน สามหนุ่มจึงพบว่าพวกตนถูกใครบางคนใส่ร้าย ชาวบ้านเลยลือกันสนั่นว่าพวกตนจงใจปล่อยข่าวลือว่าคุณหนูโอขี้เหร่เพื่อขัดขวางการแต่งงาน โดจุนสงสัยว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือนี้ ขณะที่ยองซูโวยลั่นว่าคนแห่ยกเลิกนัด (คิวที่จองไว้) กันหมด คราวนี้พวกตนมีหวังจบเห่แน่ หลังโดจุนขอแยกตัวไปสืบข่าว ฮุนพยายามขบคิดว่าเป็นฝีมือใครกันแน่ ครั้นเห็นแกตงเดินยิ้มหน้าบานเขาจึงฟันธงว่าเป็นฝีมือเธอ แกตงยอมรับอย่างไม่สะทกสะท้านซ้ำยังรู้สึกภาคภูมิใจ เธอเหน็บฮุนว่าใต้เท้าลีไม่เหมือนฮุนเพราะเขาเป็นคนมีหัวใจ ฮุนตำหนิแกตงที่ก่อเรื่องและกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า ใครบางคนอาจชีวิตเปลี่ยนเพราะคำพูดพล่อยๆ ของเธอ 

ที่แท้วันก่อนคุณหนูโอยอมรับว่าเธอตั้งครรภ์ดังที่ฮุนสงสัยจริงๆ เธอยอมให้ฮุนยกเลิกการจับคู่แต่งงานระหว่างเธอกับใต้เท้าลีและขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ฮุนรู้ทันว่าเธอจะไปขอให้สำนักจัดหาคู่แห่งใหม่ช่วยหาผู้ชายมาแต่งงานกับตน คุณหนูโอขอความเห็นใจโดยบอกว่าก่อนหน้านี้เธอเคยให้คำมั่นว่าจะแต่งงานกับชายคนหนึ่ง โชคร้ายที่เขาพลีชีพในสนามรบเสียก่อน หากครอบครัวเธอรู้เข้าเด็กในท้องคงไม่รอดแน่  ฮุนกล่าวว่าการตั้งครรภ์กับชายที่เธอรักไม่ใช่เรื่องผิด ต้องโทษโลกที่ตีตราว่าการทำเช่นนั้นเป็นเรื่องผิดบาป เขาเตือนเธอให้ใคร่ครวญอย่างรอบคอบและตัดสินใจให้ดี เพราะอนาคตของเธอขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในครั้งนี้ 

 


ฮุนบอกแกตงว่าถ้าเธออยากช่วยใครต้องแน่ใจว่ารู้เรื่องดีพอแล้ว พูดจบเขาก็เดินจากไปด้วยความโกรธ แกตงได้แต่บ่นไล่หลังเพราะไม่รู้ว่าเขาโมโหเรื่องอะไร ยองซูถามแกตงว่าจะรับผิดชอบยังไง ก่อนชี้ว่าคุณหนูโอกำลังจะแต่งงานกับใต้เท้าลีทั้งที่ตั้งครรภ์กับผู้ชายอีกคน แกตงได้ยินแล้วถึงกับช็อคและเพิ่งรู้ตัวว่าตนทำผิดมหันต์

ยองซูเดินคอตกกลับมาที่สำนักฯ หลังรายได้หดหาย ครั้นเห็นซูยืนอยู่ที่หน้าประตูเขาจึงถามซูว่าทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ ซูกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่าฮุนไม่ให้ตนมาที่นี่อีก เขาวานยองซูให้ช่วยนำของ (กล่องใส่ปิ่น) ไปมอบให้ฮุน ครั้นซูไปแล้วยองซูจึงเปรยด้วยความสงสารว่าฮุนไม่มีทางใจอ่อนง่ายๆ แน่ เขาอยากรู้ว่าซูนำอะไรมาซื้อใจฮุนจึงลองเปิดดู ครั้นพบว่าเป็นปิ่นล้ำค่ายองซูก็ดีใจจนเนื้อเต้นและหมายมั่นว่าจะช่วยให้ซูได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เขารัก ฮุนเห็นปิ่นดังกล่าวก็รู้สึกแปลกใจเพราะเป็นปิ่นที่ทำขึ้นเพื่อพระมเหสีเท่านั้น แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าสามัญชนได้รับการอนุโลมให้ใช้ปิ่นปักผมแบบนี้ในวันแต่งงานได้ พออ่านจดหมายที่แนบมาด้วยเขาก็พบว่าซูเป็นผู้ครอบครองปิ่น แม้เริ่มสงสัยว่าตนอาจคิดผิดแต่ฮุนยังคงยืนกรานว่าจะไม่รับงานนี้ ยองซูไม่ยอมให้ฮุนส่งปิ่นคืนซู เพราะพวกตนกำลังถังแตกหลังโดนข่าวลือเล่นงานจนลูกค้าหนีหมด แถมเจ้าของที่ดินยังจ้องขึ้นค่าเช่าอีกด้วย ครั้นโดจุนเสนอให้ยกมือโหวตฮุนก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้


ในเวลาต่อมา ฮุนท่องกฏข้อที่สามของ "กดพาดัง" ให้ซูฟัง โดยบอกว่า "ค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมทั้งค่าจัดงานแต่ง จะถูกเรียกเก็บหลังแต่งงาน" เขาคืนปิ่นให้ซูแล้วบอกว่าตนจะเก็บเงินภายหลัง จากนั้นก็ถามซูว่าตนจะไปพบผู้หญิงที่ชื่อแกตงได้ที่ไหน ฮุนดั้นด้นไปหาแกตงในตลาดสดหลังซูให้ข้อมูลว่าแกตงจะไปช่วยพ่อค้าขายปลาในวันแรกของเดือน ซูบรรยายว่าแกตงเป็นผู้หญิงรูปร่างบอบบาง น่ารัก และเป็นกุลสตรี แต่สิ่งที่คนดูเห็นกลับตรงกันข้ามเพราะเธอกำลังสับปลาอย่างห้าวหาญ ครั้นได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขายปลาฮุนจึงหันไปมอง บังเอิญว่าแกตงเงยหน้าขึ้นมามองเขาพอดี หลังพบว่านางในดวงใจซูคือยัยหัวหิน ฮุนก็บ่นอุบว่านี่หรือคือผู้หญิงที่ซูบอกว่าหน้าตาดีที่สุดในโชซอน เขาชี้หน้าพลางเรียกแกตงให้ออกมาหา ครั้นเห็นแกตงยืนนิ่งเขาจึงโวยลั่นว่าตนมีแต่เรื่องเดือดร้อนเพราะเธอ แกตงเห็นฮุนเดินเข้ามาหาก็นึกว่าเขามาเอาเรื่อง เธอจึงสาดเกลือใส่เขาแล้ววิ่งหนี แต่ฮุนก็วิ่งไล่ตามไปอย่างไม่ลดละ



พอมาถึงทางตันแกตงเลยพยายามปีนข้ามกำแพง ฮุนรู้ว่าเธอหนีไม่รอดแน่เลยยืนรออย่างใจเย็น ครั้นเห็นแกตงปีนขึ้นกำแพงอย่างทุลักทุเล ฮุนจึงบอกให้เธอยอมแพ้แล้วลงมาแต่โดยดี แต่แกตงกลับปีนหนีขึ้นไปเรื่อยๆ เขาเกรงว่าเธอจะตกเลยยื่นมือให้จับหมายช่วยเธอลงมาอย่างปลอดภัย แต่แกตงไม่เชื่อใจฮุน ฮุนเลยอธิบายว่าตนไม่ได้มาที่นี่เพื่อจับแกตง แต่มาพร้อมคำขอแต่งงาน แกตงได้ยินดังนั้นก็ตกใจจนก้าวเท้าพลาด (ฮุนพูดเหมือนเขากำลังจะขอเธอแต่งงาน)  ฮุนเห็นดังนั้นเลยรีบวิ่งเข้าไปรับเธอ

* เนื้อหาโดย luvasianseries / ภาพเจทีบีซี


 



รายชื่อนักแสดง


นักแสดงนำ


คิม มินแจ
รับบท มาฮุน



กง ซึงยอน
รับบท แกตง



ซอ จีฮุน
รับบท ลีซู / คิมซู



ปาร์ค จีฮุน
รับบท โก ยองซู



พยอน อูซ็อก
รับบท โดจุน

อื่นๆ


โก วอนฮี
รับบท คัง จีฮวา



ปาร์ค โฮซาน
รับบท มา บงด็อก



ชอง แจซอง
รับบท คัง มงกู



ลี ยูนกอน
รับบท มูนซ็อก



ควอน โซฮยอน
รับบท แทบี (พระมเหสีของอดีตพระราชา)



รวมคลิปตัวอย่างจาก เจทีบีซี

* ดูคลิปตัวอย่างจาก MONOMAX  ได้ ที่นี่


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา