วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

แทกิล ยอดพยัคฆ์นักล่า ตอนที่ 21




แทฮากับแทกิลตัดสินใจเดินทางออกจากเขาวอรัก และไปซูวอน เมื่อชอลวุงทราบข่าวจึงยกเลิกการบุกเขาวอรักแล้วตามไปทันที บัณฑิตซอที่ทรยศ ได้ช่วยให้เสนาบดีตามจับผู้ร่วมก่อการทั้งหมดและนำพากำลังไปจับผู้ช่วยแต่ละคนด้วยตนเอง  ทำให้ฮันซัมลูกน้องแทฮาคนสุดท้ายที่เดินทางไปซูวอนถูกสังหาร

เนื้อหา :

ตอนที่แล้ว แทฮาตัดสินใจเดินทางออกจากเขาวอรัก จึงฝากเฮวอนให้ช่วยดูแลองค์ชายน้อย และฝากแทกิลให้ช่วยดูแลเฮวอนอีกที


ก่อนออกเดินทาง แทฮาจดบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในต้าชิงลงบนกระดาษตามคำขอของเฮวอน (ซึ่งเป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์เกาหลี) โดยเริ่มต้นว่า ปีชองชุก เดือนเก้า  (ปี ค.ศ. 1637 หรือ พ.ศ. 2180 ซึ่งตรงกับรัชสมัยที่ 15 ของพระเจ้าอินโจ) อดีตรัชทายาท (องค์ชายโซฮยอน พระบิดาขององค์ชายน้อย) ได้พบกับ โยฮันน์ อดัม แชล* มิชชันนารีชาวเยอรมัน ที่ดูแลรับผิดชอบหอดูดาวที่กรุงปักกิ่ง...

หมายเหต: โยฮันน์ อดัม แชล เป็นบุคคลสำคัญในการเผยแพร่อารยธรรมตะวันตกในจีน (เขาเชี่ยวชาญด้านการคำนวณ และยังช่วยปรับปรุงปฏิทินจีน โดยระบุช่วงเวลาที่จะเกิดจันทรุปราคาและสุริยุปราคาลงไปด้วย) เขาเห็นอดีตรัชทายาทโซฮยอนสนใจวิทยาศาตร์และวิทยาการของชาติตะวันตกระหว่างที่เสด็จไปเป็นตัวประกันในแมนจูเลีย (และที่ปักกิ่งในเวลาต่อมา) จึงมอบตำราต่างๆ ให้พระองค์ได้ทรงศึกษา  และเมื่อพระองค์เสด็จกลับโชซอน ก็มีแนวคิดที่จะนำสินค้าและแนวความคิดของชาติตะวันตกเข้ามาเผยแพร่ในอาณาจักรโชซอน (รวมทั้งคริสต์ศาสนา)  จนเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับพระราชบิดาซึ่งมีแนวคิดอนุรักษ์นิยมอย่างสุดขั้ว  หลังกลับโชซอนได้ไม่นานพระองค์และพระโอรส (2 ใน 3 คน) ก็เสียชีวิตอย่างกระทัน และการเสียชีวิตของพระองค์ก็ดับฝันของโยฮันน์ อดัม แชล ที่ต้องการเข้าไปเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในอาณาจักรโชซอน



เมื่อได้เวลาเลี้ยงฉลอง เฮวอนก็เข้าไปตามแทฮาในห้อง ตอนแรกแทฮาต้องการจากไปเงียบๆ แต่เฮวอนขอให้เขาไปร่วมงานเลี้ยงก่อน โดยบอกว่าเขาควรไปผูกมิตรกับคนอื่นๆ เพื่อที่เวลาเขาไม่อยู่เธอและองค์ชายน้อยจะได้รออยู่ที่นี่อย่างสบายใจ 

ขณะเดียวกัน ซอลฮวาก็เข้าไปตามสามหนุ่มในห้องโดยเลียนแบบน้ำเสียงและกิริยาท่าทางของเฮวอน   แทนที่แทกิลเห็นแล้วจะรู้สึกประทับใจ เขากลับหาว่าเธอเพี้ยนและบอกให้ทำตัวเหมือนเดิม


ระหว่างนั่งล้อมวงทานอาหาร แทกิลจ้องมองใบหน้าเฮวอนตลอดเวลา เขารู้ว่าตนทำได้เพียงแค่มองเลยอยากมองหน้าเธอนานๆ ให้หายคิดถึง และอยากจดจำใบหน้าของเธอเอาไว้ในใจ ซอลฮวาเห็นแทกิลเอาแต่จ้องหน้าเฮวอนแล้วรู้สึกปวดใจ เลยขอรินเหล้าให้แทกิลเพื่อที่เขาจะได้หันมาสนใจเธอบ้าง  แต่แทกิลไม่ยอมรับไมตรีที่ซอลฮวาหยิบยื่นให้ เขาเอื้อมมือไปบีบแก้มเธอแล้วยิ้มก่อนที่จะเดินจากไป

เช เป็นห่วงแทกิลเลยเดินตามไปเป็นเพื่อน เขารู้ว่าแทกิลลำบากใจที่เห็นเฮวอนนั่งอยู่ตรงหน้า เลยบอกให้เข้าไปพักผ่อนในห้อง แทกิลแหงนหน้ามองพระจันทร์พลางบอกเชว่า 'เวลาไม่เห็นหน้าเฮวอน (ออนยอน) เขาแทบเป็นบ้า แต่พอเห็นหน้าเธอทุกวันแล้วกลับยิ่งปวดใจ' เช ชวนแทกิลไปเล่นหมากรุกชางกี (หมากรุกเกาหลี) เพื่อให้ลืมความเศร้า จากนั้นก็ย้ายไปอยู่ที่อีชอนด้วยกัน แล้วลืมเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่แทกิลยังคงรำพึงรำพันว่า 'เฮวอนอยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่เขากลับไม่อาจแตะต้องตัวเธอได้'


เชชวนแทกิลกลับเข้าไปข้างใน แต่แทกิลขอออกไปตากลมสักพัก เชรู้ว่าแทกิลไม่อาจทนอยู่ที่นี่และกำลังจะไปจากเขาวอรัก จึงแย้งเสียงเข้มว่า 'อยู่ที่นี่ก็ตากลมได้' แทกิลแสดงความเข้มแข็งให้เชเห็นด้วยการตะโกนเรียก "แม่ทัพเช!" ก่อนที่จะพูดว่า 'ดูแลตัวเองและวังซอนให้ดี แล้วอีกไม่นานเขาจะกลับมา' แทกิลฝืนยิ้มให้เชทั้งๆ ที่กำลังรู้สึกเศร้า ส่วนเชได้แต่ทอดถอนใจแล้วมองแทกิลเดินจากไปด้วยความเป็นห่วง  

ระหว่างนั้น ซอลฮวาลุกขึ้นร้องเพลงพื้นบ้านของจังหวัด "คยองกี" ซึ่งมีเนื้อหาเปรียบเทียบความรักกับแสงจันทร์ แทฮานั่งฟังสักพักก็ลุกขึ้น เฮวอนเดินไปส่งแทฮาด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นว่า เขากำลังจะออกเดินทางทั้งๆ ที่ดึกมากแล้ว แทฮารู้สึกผิดที่ต้องทิ้งเฮวอนไว้ตามลำพังเป็นครั้งที่สอง  แต่เฮวอนบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเธอ เพราะเธอรู้ว่าในไม่ช้าแทฮาก็จะกลับมา แทฮาสวมกอดเฮวอนแล้วบอกว่า นี่คือครั้งสุดท้ายที่เขาจะปล่อยเธอไว้ตามลำพัง กลับมาแล้วเขาจะไม่จากเธอไปไหนอีก


แทฮาออกจากค่ายจากีได้ไม่นานก็พบว่าแทกิลกำลังยืนรออยู่ แทกิลถามแทฮาว่า 'การออกจากค่ายจากีในครั้งนี้ จะช่วยให้เด็กนั่น และภรรยาของเขา สามารถลงหลักปักฐานและใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างปลอดภัยใช่หรือไม่' แทฮาถามว่า 'เป็นห่วงเรื่องนี้มากนักหรือ' แทกิลถามต่อว่า 'แทฮาจะหาสถานที่ๆ ปลอดภัยและอยู่ที่นั่น (กับเฮวอน) ตลอดไปได้หรือไม่' แทฮาตอบว่า 'อย่างน้อยๆ การออกจากค่ายจากีในครั้งนี้ จะช่วยให้เขาและเฮวอนไม่ต้องคอยหลบหนีหรือมีชีวิตที่หลบๆ ซ่อนๆ อีก'  

เมื่อรู้ว่าการออกเดินทางในครั้งนี้จะช่วยให้เฮวอนมีชีวิตที่สงบสุข แทกิลก็พร้อมเอาชีวิตเข้าแลก เขาจึงขอติดตามแทฮากลับไปยังเมืองฮันยาง แทฮาบอกว่าตนไม่ต้องการความช่วยเหลือจากแทกิล แทกิลเลยอ้างว่าเขาจำเป็นต้องกลับฮันยางเพราะมีเรื่องที่ต้องสะสางกับชอลวุง  แทฮารู้ว่าแทกิลต้องการทำเพื่อเฮวอน  เลยคาดคั้นว่าเหตุผลมีเท่านี้หรือ แทกิลเห็นแทฮารู้ทันจึงบอกว่า เขาทนเห็นแทฮาและเฮวอนอยู่ด้วยกันต่อหน้าต่อตาไม่ไหว เลยอยากช่วยแทฮา เพื่อที่เขาจะได้ไปให้พ้นหูพ้นตาเสียที


แทกิลถามว่าแทฮาจะมุ่งหน้าไปทางไหน แทฮาตอบว่า จะเดินทางผ่านเมืองซูวอนก่อนแล้วค่อยไปฮันยาง แทกิลเห็นว่าเส้นทางค่อนข้างย้อนไปย้อนมา จึงเหน็บว่า 'เพราะเป็นทาสที่อยู่ระหว่างหลบหนีถึงชอบทำอะไรให้มันยุ่งยาก' ทั้งยังประชดว่า 'ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่ไปให้ทั่วโชซอนเสียเลย'   (แล้วค่อยย้อนกลับไปฮันยาง) แทฮาเห็นแทกิลวางท่าเหมือนตัวเองยังเป็นนักล่าทาสจึงย้อนว่า 'แทกิลเองก็กำลังหลบหนี (โทษประหาร) เหมือนกันไม่ใช่หรือ'

แทกิลถือโอกาสโม้ว่า 'เพราะเหตุนี้แทฮาถึงต้องเป็นฝ่ายทำตามเขา เพราะคนที่ช่ำชองเรื่องการไล่ล่า ย่อมเก่งเรื่องการหลบหนีด้วย' แทฮาถามว่า 'ทำไมตอนนั้นแทกิลถึงไว้ชีวิตเขา ทั้งๆ ที่สามารถฆ่าเขาได้ทันที' (วันที่ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะเข้าใจว่าต่างฝ่ายต่างฆ่าคนของตน) แทกิลไม่ตอบแต่ถามกลับว่า 'ทำไมตนต้องมีเหตุผลในการฆ่าหรือไว้ชีวิตทาสหลบหนีด้วย'

หลังแทกิลและแทฮาออกจากค่ายของจากีได้ไม่นาน ชอลวุงและลูกสมุนก็เดินทางมาถึงเขาวอรัก พอรู้ว่าแทกิลและแทฮากำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองซูวอน ชอลวุงนึกถึงคำพูดของเสนาบดีที่เคยบอกให้เขาหยุดออกไล่ล่าแทฮา แทกิล และองค์ชายน้อย แล้วเดินทางไปจัดการอดีตราชเลขาที่เมืองซูวอนแทน แต่ตอนนั้นเขาไม่ยอมเชื่อฟังทำให้เดินทางมาเสียเที่ยว เขาจึงล้มเลิกแผนบุกค่ายจากีแล้วรีบตามแทฮากับแทกิลไปที่เมืองซูวอนทันที


ทาสสาวโชบ๊กแทบช็อคเมื่อรู้ว่ากำลังจะถูกจับแต่งงานกับชายแก่ ขณะที่อ๊บบ๊กก็ต้องพบกับเรื่องไม่คาดฝันเช่นกัน ระหว่างพาทาสร่วมขบวนการมาฝึกยิงปืน หัวหน้ากลุ่มทาสบอกอ๊บบ๊กว่าคืนวันพรุ่งนี้พวกเขาจะบุกโรงเก็บส่วยและเครื่องบรรณาการ ทำให้อ๊บบ๊กตกใจมากเพราะเร็วกว่ากำหนดการเดิมที่เคยวางแผนเอาไว้ ที่สำคัญเขาและเพื่อนๆ ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ หัวหน้าทาสบอกว่าเช้าวันรุ่งขึ้นจะมีเพื่อนร่วมขบวนการเดินทางมาสมทบอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะมีมือปืนทั้งหมด 20 คน และพลดาบอีกมากกว่า 40 สิบคน แต่จำนวนคนจะมากกว่านี้สิบเท่าเมื่อถึงวันที่พวกเขาบุกเข้าโจมตีศาลไต่สวนทาสทางการ

อ๊บบ๊กถึงกับช็อคเมื่อหัวหน้าทาสบอกให้เขาลงมือสังหารเพื่อนร่วมขบวนการที่ถูกทางการจับขณะก่อกบฏ เพื่อป้องกันไม่ให้ความลับรั่วไหล อ๊บบ๊กไม่อยากฆ่าเพื่อนที่เคยร่วมทุกข์สุขกันมาจึงถามว่า 'ทำไมต้องให้เขาเป็นคนลงมือ นอกจากเขาแล้วไม่มีคนอื่นอีกหรือ' หัวหน้าทาสบอกว่า 'ยังมีอีกคนหนึ่ง ซึ่งก็คือตัวเขาเอง เขาและอ๊บบ๊กจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยกัน' และนั่นก็หมายความว่า หากอ๊บบ๊กพลาดท่าถูกทางการจับ เขาก็จะถูกหัวหน้ากลุ่มทาสฆ่าตัดตอนด้วยเช่นกัน


ออนยอนอ่านบันทึกที่แทฮาเขียนให้องค์ชายน้อยฟัง (เป็นเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์เกาหลี) ซึ่งมีใจความว่า ในเดือนที่เก้าของปีนั้นอดีตองค์รัชทายาทเสด็จไปยังกรุงปักกิ่งพร้อมกองทัพต้าชิง (ตอนนั้นกองทัพต้าชิงบุกไปโจมตีปักกิ่ง และสามารถยึดกรุงปักกิ่งได้สำเร็จ) พระองค์ตรัสกับตนเองว่า หากได้กลับไปโชซอนเมื่อไหร่ จะเผยแพร่วิทยาการต่างๆ ของชาติตะวันตกให้ชาวโชซอนได้รับรู้    เพื่อที่ประชาชนจะได้เรียนรู้โลกกว้างเหมือนอย่างชาวจีน (แม้ในยุคนั้นลัทธิขงจื้อและวัฒนธรรมจีน จะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในราชวงศ์โชซอน แต่นโยบายไม่เปิดรับชาติตะวันตก ก็ทำให้ชาวโชซอนส่วนใหญ่แทบไม่เคยเห็นฝรั่ง และไม่เคยเรียนรู้วิทยาการอันก้าวหน้าของชาติตะวันตกเลย)

เมื่อซอลฮวาตื่นขึ้น ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องของเฮวอน ซอลฮวาถึงกับทึ่งเมื่อเห็นเฮวอนอ่านออกเขียนได้คล่องแคล่ว ทั้งยังเขียนชื่อเธอเป็นภาษาฮันจา (ตัวอักษรจีนที่ใช้ในภาษาเกาหลีก่อนที่จะมีการประดิษฐ์อักษรเกาหลีโดยพระเจ้าเซจงมหาราช*) ได้ด้วย ผิดกับตัวเธอที่เพิ่งเคยเห็นชื่อ และเพิ่งรู้ความหมายชื่อตัวเองเป็นครั้งแรก (ซอล แปลว่า หิมะ ส่วน ฮวา แปลว่าดอกไม้)

* พระเจ้าเซจงมหาราช เป็นกษัตริย์องค์ที่ 4 ส่วนพระเจ้าอินโจที่ถูกกล่าวถึงในละครเรื่องนี้ เป็นกษัตริย์องค์ที่ 16 แห่งราชวงศ์โชซอน


ส่วนทางด้านฮันซัม ยังคงเดินหน้าทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากบัณฑิตโจโดยไม่รู้ว่า เพื่อนทหารทุกคนถูกชอลวุงสังหารหมดแล้ว ซ้ำร้ายบัณฑิตโจที่หันไปร่วมมือกับเสนาบดียังนำกำลังมาล้อมจับขุนนางที่ฮันซัมเดินทางไปพบ (ข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการก่อกบฏหวังโค่นล้มราชบัลลังก์) ฮันซัมถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นว่าผู้ที่นำกำลังมาล้อมบ้านคือ บัณฑิตโจ   จึงชักดาบวิ่งเข้าหาบัณฑิตโจด้วยความแค้น แม้จะถูกธนูยิงแต่ฮันซัมก็ยังคงลุกขึ้นสู้ ทำให้ถูกดาบฟันอีกหลายแผล ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามเดินเข้าไปสังหารบัณฑิตโจ แต่ในที่สุดก็ไปไม่ถึงและสิ้นใจตายในเวลาต่อมา

ระหว่างเดินทาง แทฮาเห็นคนของทางการกำลังเก็บศพที่บ้านหลังหนึ่งจึงดึงแขนแทกิลให้เข้าไปหลบอยู่หลังกำแพง แทกิลพูดเหน็บว่า 'แทฮาเก่งนักเรื่องวิ่งเข้าหากรงเล็บเสือ' จากนั้นก็ถามว่า 'ที่นี่บ้านใคร' แทฮาเองก็ไม่รู้จึงบอกว่าเขาจะลองเข้าไปสืบดู พูดจบแทฮาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที แทกิลหันมาเห็นแทฮากำลังจะเดินเข้าไปดูในบ้าน เลยตรงเข้าตะครุบตัวแทฮา แต่ก็คว้าเอาไว้ไม่ทัน


แทฮากระโดดข้ามกำแพงเข้าไปดูในบริเวณบ้านด้วยความสงสัย  เขาเห็นศพถูกนำมาวางเรียงไว้ที่หน้าบ้าน และหนึ่งในนั้นก็คือ "ฮันซัม" ลูกน้องคนสนิทของเขา แทฮาเดินเข้าหาร่างฮันซัมอย่างอ่อนแรง สายตาของเขาจับจ้องที่ฮันซัมตลอดเวลา และเมื่อมีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาขวาง เขาก็ใช้ดาบฟาดให้พ้นทาง แล้วตรงเข้าหาร่างฮันซัมด้วยความเสียใจ แทฮามัวแต่เศร้าโศกที่เห็นร่างอันไร้วิญญาณของฮันซัมจึงไม่ทันระวังตัว ระหว่างนั้น พลธนูนายหนึ่งเล็งธนูเข้าหาแทฮาจากทางด้านหลัง อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ทางการจำนวนหนึ่งวิ่งเข้ามา แต่แทกิลก็ช่วยสกัดเอาไว้ได้ทัน 

แทกิลใช้ดาบสั้นเกี่ยวเจ้าหน้าที่นายหนึ่งขึ้นมา แล้วพูดว่า 'จริงๆ แล้วเขาเองก็ไม่อยากรู้ แต่ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น' พอรู้ต้นสายปลายเหตุแล้ว แทกิลก็ใช้ฝ่ามือฟาดเจ้าหน้าที่จนสลบเหมือด เมื่อเห็นแทฮาร้องไห้คร่ำครวญหน้าศพฮันซัม แทกิลก็รู้สึกเห็นใจ ตอนแรกเขาคิดจะปลอบใจแทฮาแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ และเตือนแทฮาให้รีบออกไปจากที่นี่ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทางการจะยกโขยงกันมาจับตัวเขา


แทฮานำร่างฮันซัมออกมาจากบ้านหลังดังกล่าวแล้วเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง ขณะที่แทกิลช่วยหักกิ่งสนมาวางคลุมร่างอันใหญ่ยักษ์ของฮันซัมไว้ พลางบอกแทฮาว่าเอาไว้คราวหน้าค่อยมาฝังร่างฮันซัมอย่างสมเกียรติ แทกิลถามแทฮาว่า 'รู้จักบัณฑิตที่ชื่อโจใช่ไหม' แทฮาได้ยินชื่อคนคุ้นเคยจึงละสายตาจากฮันซัมแล้วหันหน้ามามองแทกิล แทกิลจึงบอกว่า 'บัณฑิตโจเป็นคนนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปบุกบ้านหลังนั้น'   แทฮาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง (และไม่อยากจะเชื่อ) เมื่อได้ยินแทกิลพูดว่าตนถูกบัณฑิตโจทรยศหักหลัง 

ทั้งๆ ที่เคยถูกชอลวุงหักหลังมาก่อน แทฮาก็ยังหลอกตัวเองด้วยการแย้งแทกิลว่า 'เกิดเป็นคนย่อมไม่ทรยศพวกพ้อง' แทกิลเลยสวนกลับว่า  'ก็เพราะบัณฑิตโจเป็นคนถึงได้คิดทรยศ เพราะสัตว์ทรยศไม่เป็น' ทั้งยังบอกอีกว่า 'ชีวิตนี้คนที่แทฮาสามารถเชื่อถือได้ก็มีเพียงคนตายเท่านั้น จงอย่าไว้ใจคนที่ยังมีชีวิตอยู่เด็ดขาด'  แทฮาถามว่า 'แล้วการมีชีวิตอยู่โดยไม่ไว้ใจตนเองและคนอื่นมีความสุขนักหรือ' แทกิลตอบว่า 'ก็ยังดีกว่าโดนแทงข้างหลัง'  แทฮาเลยบอกว่า 'และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เขาไม่เคยไว้ใจแทกิล'


แทกิลขี้เกียจต่อปากต่อคำ เลยถามแทฮาว่า 'จะเดินทางไปไหนต่อ ฮันยางรึเปล่า' พอแทฮาบอกว่า 'ใช่' แทกิลก็พูดประชดว่า  'คงจะไปตามหาคนที่ไว้ใจได้สินะ หวังว่าคงจะไม่ใช่ในวัง...ถ้ายังไม่เสียสติ' แทฮาหันมายอมรับกับแทกิลว่า เขามีแผนที่จะเข้าวังจริงๆ แทกิลเลยบอกว่า 'ส่วนใหญ่แล้วมักไม่ค่อยมีอะไรเป็นไปตามแผน เพราะฉะนั้นให้ทำใจไว้เลยว่าจะไม่มีอะไรสำเร็จสมใจ ที่เหลือก็แค่ทำตามที่เขาบอก' 

แทฮาแย้งว่า 'แทกิลต่างหากที่เป็นฝ่ายตามเขา และเขาจะไม่มีวันทำตามแทกิล'  แทกิล ย้ำว่า 'ตนบอกแล้วว่าไม่เคยไว้ใจใคร แล้วแทฮายังหวังจะให้ตนไว้ใจแทฮาอีกหรือ' พูดจบแทกิลก็เดินนำออกไป แทฮาแย้งว่า 'นั่นไม่ใช่ทางไปเมืองฮันยาง' แทกิลหันมาบอกแทฮาว่าพวกเขาจำเป็นต้องมีม้า เพราะถ้าขืนเดินเท้าต่อไปเรื่อยๆ อย่างนี้ คงใช้เวลาเป็นชาติกว่าจะถึงฮันยาง


ชอลวุงและลูกสมุนตามรอยแทกิลและแทฮามาถึงบนเขา พวกเขาพบร่างของฮันซัมที่ถูกกิ่งสนวางคลุมไว้  เมื่อเห็นว่ากิ่งสนยังสดอยู่ชอลวุงก็รู้ว่าทั้งคู่ยังไปได้ไม่ไกล ตอนแรกเขาคิดจะมุ่งตรงไปยังเมืองฮันยาง แต่พอเห็นว่าทางที่จะมุ่งไปยังเมืองดังกล่าวไม่มีร่องรอยคนเดินมาก่อน เลยกางแผนที่ดูแล้วหันหน้าไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับเมืองฮันยาง  เมื่อถูกลูกสมุนทักท้วงว่านั่นไม่ใช่ทางไปฮันยาง ชอลวุงก็อธิบายว่า แทฮาและแทกิลกำลังเดินทางอย่างรีบเร่งจึงจำเป็นต้องใช้ม้า และที่เชิงเขาทางด้านล่างก็มีโรงเตี๊ยม พวกเขาจึงควรตามแทกิลและแทฮาไปที่โรงเตี๊ยมก่อน (เพราะที่โรงเตี๊ยมมีม้า) 

เมื่อได้ม้าแล้วแทกิลและแทฮาก็รีบควบม้ามุ่งหน้าไปยังเมืองฮันยาง โดยหารู้ไม่ว่าชอลวุงและลูกสมุนกำลังขี่ม้าไล่ตามพวกเขามาติดๆ

* ภาพ captures / ละครเคบีเอส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา