เนื้อหา
ตอนที่แล้วจบลงตรงที่แทกิลและแทฮาพากันควบม้ามุ่งหน้าไปยังเมืองฮันยาง โดยไม่รู้ว่าชอลวุงและลูกสมุนกำลังควบม้าตามมาติดๆ
เมื่อรู้ว่าชอลวุงมาตามหาแทฮาและองค์ชายน้อยที่เขาวอรักแล้วรีบกลับออกไป
คนของต้าชิงก็เกรงว่าองค์ชายจะตกอยู่ในอันตราย จึงตัดสินใจบุกไปชิงตัวองค์ชายน้อยที่ค่ายจากีทันที (ก่อนหน้านี้ชอลวุงและลูกสมุนเพิ่งสังหารลูกน้องของจากีที่คอยรักษาการบริเวณเชิงเขา ทำให้การรักษาความปลอดภัยค่อนข้างหละหลวม จึงถือเป็นโอกาสเหมาะที่จะแอบเข้าไปในค่ายของจากี ก่อนที่จะมีคนมาผลัดเปลี่ยนเวรยาม)
ระหว่างนั้น เฮวอนกำลังอ่านบันทึกของแทฮาให้องค์ชายน้อยฟัง ซึ่งมีใจความว่า...
"พระมารดาขององค์ชายน้อย ได้เริ่มทำการค้าหลังตามเสด็จอดีตองค์รัชทายาท (องค์ชายโซฮยอน พระบิดาขององค์ชายน้อย) ไปเป็นตัวประกันที่ต้าชิง ในตอนนั้น พระมารดาได้นำ ฝ้าย หนังนาก และสมุนไพรที่มีสรรพคณทางยา ซึ่งเป็นสินค้าที่หาได้ไม่ยากในโชซอน ไปแลกกับเงินและทองคำที่มีอยู่มากมายในต้าชิง แล้วนำเงินที่ได้ไปไถ่ตัวชาวโชซอนทั้งหมดที่ตกเป็นทาสของต้าชิง (ในตอนนั้นที่เมืองเสิ่นหยาง* มีการนำตัวชาวโชซอนที่ถูกจับตัวไปเป็นนักโทษและเชลยสงครามมาขายเป็นทาส)
"พระมารดาขององค์ชายน้อย ได้เริ่มทำการค้าหลังตามเสด็จอดีตองค์รัชทายาท (องค์ชายโซฮยอน พระบิดาขององค์ชายน้อย) ไปเป็นตัวประกันที่ต้าชิง ในตอนนั้น พระมารดาได้นำ ฝ้าย หนังนาก และสมุนไพรที่มีสรรพคณทางยา ซึ่งเป็นสินค้าที่หาได้ไม่ยากในโชซอน ไปแลกกับเงินและทองคำที่มีอยู่มากมายในต้าชิง แล้วนำเงินที่ได้ไปไถ่ตัวชาวโชซอนทั้งหมดที่ตกเป็นทาสของต้าชิง (ในตอนนั้นที่เมืองเสิ่นหยาง* มีการนำตัวชาวโชซอนที่ถูกจับตัวไปเป็นนักโทษและเชลยสงครามมาขายเป็นทาส)
* เสิ่นหยาง เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรต้าชิง นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1625 (พ.ศ. 2168)
ระหว่างที่ซอลฮวากำลังยืนด้อมๆ มองๆ หน้าบ้านพักของเฮวอนและองค์ชายน้อย พลางชั่งใจว่าจะเข้าหรือไม่เข้าไปดี คนของต้าชิงก็บุกเข้ามาถึงบ้านหลังดังกล่าว
ซอลฮวาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดีจึงรีบไปรายงานจากี ขณะที่เฮวอนหวิดโดนฆ่าปิดปากหลังถูกคนของต้าชิงแย่งองค์ชายน้อยไปจากอ้อมอก โชคดีที่หัวหน้ากลุ่มต้าชิงห้ามลูกน้องของตนเอาไว้โดยบอกว่าเฮวอนเป็นภรรยาของแทฮา เธอจึงถูกทำร้ายจนหมดสติ
แม้จะชิงตัวองค์ชายน้อยจากเฮวอนได้สำเร็จ แต่คนของต้าชิงกลับไม่สามารถนำตัวองค์ชายน้อยออกไปได้เพราะถูกจากีขวางไว้ หัวหน้ากลุ่มต้าชิงขอให้จากีหลีกทาง เพราะเขาไม่ต้องการสังหารใคร แต่จากีกลับพูดท้าทายให้มาสู้กันตัวต่อตัว งานนี้จากีโชว์ทั้งความเก๋าและลีลาหลอกล่อจนทำให้หัวหน้ากลุ่มต้าชิงตั้งรับไม่ถูก จึงโดนซัดจนน่วมและถูกจับตัวยกแก๊งค์ในที่สุด
จากีพยายามสอบถามข้อมูลต่างๆ จากหัวหน้ากลุ่มต้าชิง แต่กลับได้คำตอบเพียงว่า 'พวกเขาไม่ได้ฆ่าลูกสมุนของจากีที่อยู่เบื้องล่าง' จากีเตรียมใช้้ไม้แข็งกับหัวหน้ากลุ่มต้าชิงอีกครั้งเพื่อบีบบังคับให้ยอมรับสารภาพ แต่ถูกเชห้ามเอาไว้เสียก่อน เขาเห็นว่าพวกต้าชิงโดนทำร้ายอย่างหนักแต่ก็ยังปากแข็ง เลยขอสอบสวนด้วยตนเอง เพราะกลัวว่าพวกเขาจะถูกจากีตีตายไปเสียก่อน ตอนแรกจากีไม่เห็นด้วย แต่พอได้ยินเชเรียกตนว่า "ออนนี่* " จากีก็เป็นปลื้มและยอมหลีกทางให้เชแต่โดยดี
* ดังที่เคยอธิบายแล้วว่า "ออนนี่" เป็นคำที่ผู้หญิงใช้เรียกพี่สาว แต่ตัวละครชาย (ที่ไม่ใช่ชนชั้นสูง) ในเรื่องนี้จะเรียกพี่ใหญ่ หรือคนที่ตนนับถือว่า "ออนนี่"
* ดังที่เคยอธิบายแล้วว่า "ออนนี่" เป็นคำที่ผู้หญิงใช้เรียกพี่สาว แต่ตัวละครชาย (ที่ไม่ใช่ชนชั้นสูง) ในเรื่องนี้จะเรียกพี่ใหญ่ หรือคนที่ตนนับถือว่า "ออนนี่"
เชถามหัวหน้ากลุ่มต้าชิงว่า ใครส่งพวกเขามา? เด็กคนนั้น (องค์ชายน้อย) มาจากเกาะเชจูใช่ไหม? แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับทางราชสำนักหรือเปล่า? แต่ถามยังไงก็ไม่ได้รับคำตอบ เชเลยเป็นฝ่ายยอมแพ้ เขายื่นไม้คืนให้จากี พร้อมทั้งบอกให้จากีสานต่องานที่ทำค้างไว้ (บีบบังคับให้พวกต้าชิงสารภาพ)
แทฮาขอร้องแทกิลให้ช่วยทำงานบางอย่าง แทกิลรีบดักคอว่า 'หวังว่าแทฮาคงไม่ขอให้เขาเข้าวัง' แทฮาตอบว่า 'ก็ทำนองนั้น' เขาขอให้แทกิลไปพบใครคนหนึ่งซึ่งมีความใกล้ชิดกับขันทีของตำหนักตะวันออก (ที่ประทับขององค์รัชทายาท) เพื่อบอกข่าวสารบางอย่าง แทกิลถามว่า 'ถ้าไปแล้วจะถูกจับจะว่าไง' แทฮาตอบ 'ไม่ต้องห่วง เพราะไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่'
แทฮาขอร้องแทกิลให้ช่วยทำงานบางอย่าง แทกิลรีบดักคอว่า 'หวังว่าแทฮาคงไม่ขอให้เขาเข้าวัง' แทฮาตอบว่า 'ก็ทำนองนั้น' เขาขอให้แทกิลไปพบใครคนหนึ่งซึ่งมีความใกล้ชิดกับขันทีของตำหนักตะวันออก (ที่ประทับขององค์รัชทายาท) เพื่อบอกข่าวสารบางอย่าง แทกิลถามว่า 'ถ้าไปแล้วจะถูกจับจะว่าไง' แทฮาตอบ 'ไม่ต้องห่วง เพราะไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่'
แทกิลถามว่า 'ไปหาองค์รัชทายาทแล้วจะแก้ปัญหาได้หรือ' แทฮาตอบว่า 'เขาจะทำให้ได้' แทกิลถามอีกว่า 'ไหนๆ ก็ไปแล้ว ทำไมถึงไม่เข้าพบพระราชาเสียเลย' แทฮาตอบว่า 'เขาเคยไปใช้ชีวิตที่ต้าชิงกับรัชทายาทองค์ปัจจุบันเป็นเวลานานหลายปี* แม้จะไม่ได้เป็นข้ารับใช้พระองค์โดยตรง แต่เขาก็รู้ว่าพระองค์ทรงเป็นคนดีมีคุณธรรมและมีใจเมตตา' แทกิลบอก 'ความเมตตากรุณาหาได้ทั่วไปตามท้องถนน แต่ไม่ใช่ในวัง' แทฮาแย้งว่า 'ถึงยังไงในวังก็ยังเป็นที่ๆ คนอาศัยอยู่' แทกิล ปฏิเสธว่าไม่ใช่ เพราะถ้ามีใครสักคนในวังที่เรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็น 'คน' โลกคงไม่บัดซบอย่างทุกวันนี้
* ประวัติศาสตร์เกาหลีระบุว่า หลังถูกแมนจู (ต้าชิง) รุกราน องค์ชายโซฮยอน (อดีตรัชทายาทและพระบิดาขององค์ชายน้อย), องค์ชายพงริม (รัชทายาทองค์ปัจจุบัน) และลูกหลานขุนนางชั้นสูง ต่างถูกจับไปเป็นตัวประกันที่เสิ่นหยาง
แทกิลถามแทฮาว่า ถ้าองค์รัชทายาทไม่ยอมออกมาพบ แทฮาจะทำอย่างไร แทฮามั่นใจว่า พระองค์ต้องออกมาแน่ แทกิลจึงถามอีกว่า ถ้าการออกมาของพระองค์เป็นกับดักล่ะ แทฮาตอบว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง โชซอนก็ไม่เหลือความหวังอะไรอีกแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะพาเฮวอนและองค์ชายน้อยไปอยู่ต้าชิง
แทกิลถามว่า ถ้าไปที่นั่นแล้วแทฮาและเฮวอนจะลงหลักปักฐานได้อย่างปลอดภัยใช่ไหม แทฮาตอบว่า 'ต้าชิงจะเป็นทางรอดสุดท้ายของเขากับเฮวอน' แทกิลถามกลับว่า 'รู้มั๊ย "ทางรอดสุดท้าย" คืออะไร? มันคือสิ่งที่เราไม่มีวันได้ใช้เป็นทางรอดสุดท้ายจริงๆ เพราะถ้าทุกสิ่งไม่เป็นดังหวัง ก็จะไม่เหลือทางรอดอีกต่อไป' แทฮาบอก 'เขาไม่เคยคิดถึงความล้มเหลว และแทกิลเองก็น่าจะรู้ดีว่าการเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือคนอื่นหมายความว่ายังไง เพราะนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้แทกิลตามเขามา'
แทกิลบอกว่า แทฮาทำผิดตั้งแต่ต้น เพราะไม่คิดต่อสู้ก่อนแล้วค่อยหลบหนี แต่พอเห็นว่าการหลบหนีไม่ใช่ทางออก ถึงได้หันมาต่อสู้แทน แทฮาแย้งว่า 'เขาไม่เคยหยุดหรือเลิกล้มการต่อสู้' แทกิลจึงสวนว่า 'ถ้างั้นก็ลืมเรื่องทางรอดสุดท้ายไปได้เลย'
อีกด้านหนึ่ง พัคซอและเสนาบดี พยายามยุยงให้พระเจ้าอินโจเอาผิดอดีตราชเลขาอี แจจุง ในฐานะตัวการวางแผนโค่นบัลลังก์และพาองค์ชายน้อยหลบหนี แต่พระราชากลับบอกให้ทุกคนหุบปาก แล้วห้ามพูดถึงองค์ชายน้อยอีก พอราชทูตต้าชิงทราบว่าองค์ชายน้อยตกอยู่ในฐานะกบฏ (มีส่วนร่วมในการโค่นล้มราชบัลลังก์ เพราะถูกผลักดันให้เป็นพระราชาองค์ใหม่) จึงรีบวางแผนนำตัวองค์ชายน้อยออกจากโชซอนทันที
พระเจ้าอินโจเสด็จไปหาองค์รัชทายาท (องค์ชายพงริม*) ที่ตำหนักตะวันออกด้วยพระองค์เอง รัชทายาทได้ยินว่า ศาลไต่สวนรู้ตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังการวางแผนโค่นล้มบัลลังก์แล้วจึงรู้สึกโล่งใจ พระเจ้าอินโจตรัสกับรัชทายาทว่า อย่าให้ขุนนางในราชสำนักหยิบยกเรื่องความชอบธรรม (ในการสืบทอดบัลลังก์) มากล่าวอ้างอีก รัชทายาทถามว่า จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นกับองค์ชายซกยอน (องค์ชายน้อย) พระเจ้าอินโจตอบว่า ใครก็ตามที่กล้าเอ่ยชื่อองค์ชายน้อยจะถูกตั้งข้อหาว่าเป็น 'กบฏ'
* หมายเหตุ: องค์รัชทายาท (องค์ชายพงริม) เป็นพระอนุชาของอดีตรัชทายาท (องค์ชายโซฮยอน) ซึ่งภายหลังได้รับการสถาปนาเป็น พระเจ้าฮโยจง พระราชาองค์ที่ 17 แห่งโชซอน ด้วยความที่เคยตกเป็นตัวประกันที่ต้าชิงพร้อมพระเชษฐา ทั้งยังถูกบังคับให้ร่วมรบหลายครั้ง พระองค์จึงรู้สึกเคียดแค้นและมีแผนที่จะบุกต้าชิง จึงเริ่มสะสมกำลังทัพและอาวุธต่างๆ แต่ยังไม่ทันได้ทำตามความฝัน พระองค์ก็สิ้นพระชนม์เสียก่อนในปี ค.ศ 1659 (พ.ศ. 2202)... ส่วนพระเจ้าอินโจ เป็นกษัตริย์องค์ที่ 16 แห่งราชวงศ์โชซอน ทรงได้รับราชบัลลังก์ด้วยการยึดอำนาจมาจากองค์ชายควางแฮ
แทฮาได้แต่ยืนอึ้งหลังรัชทายาทเสด็จออกไปแล้ว ส่วนแทกิลรู้ว่ามีคนดักซุ่มดูอยู่จึงบอกแทฮาว่านี่เป็นกับดัก แทกิลพูดจบชอลวุงและลูกสมุนก็ตรงเข้าโจมตีแทกิลและแทฮาทันที แทฮาและแทกิลที่ครั้งหนึ่งเคยถือดาบฟาดฟันกัน ต่างหันมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือ ปกป้องคนที่ตนรัก นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังมีศัตรูคนเดียวกัน และเขาคนนั้นก็คือ "ชอลวุง"
ขณะเดียวกัน กลุ่มทาสก็เริ่มบุกเข้าโจมตีโรงเก็บส่วยและเครื่องบรรณาการ พวกเขาสังหารคนของทางการเป็นจำนวนมาก และสามารถเผาโรงเก็บส่วยฯ ได้สำเร็จ หลังโรงเก็บส่วยฯ โดนเผา ท้องฟ้าของเมืองฮันยางก็กลายเป็นสีแดง กำลังเสริมของชอลวุงเห็นว่ามีเหตุร้ายแถวๆ โรงเก็บส่วยจึงถอนกำลังแล้วมุ่งหน้าไปยังโรงเก็บส่วยฯ แทน
* ภาพ captures / ละครเคบีเอส
พอรู้ตัวว่ากำลังจะกลายเป็นเจ้าสาวของชายแก่ โชบ๊กก็เดินไปหาอ๊บบ๊กที่กำลังเฝ้ายามกลางดึก โดยบอกว่ามีเรื่องจะพูด อ๊บบ๊กบอกให้โชบ๊กเก็บไว้พูดวันรุ่งขึ้นเพราะกลัวว่าผู้เป็นนายจะได้ยิน และในขณะที่โชบ๊กกำลังจะบอกอ๊บบ๊กเรื่องแต่งงาน เจ้านายของทั้งคู่ก็เปิดหน้าต่างออกมาถามว่ามีเรื่องอะไร โชบ๊กแก้ตัวว่าเธอเห็นทาสชายต้องเฝ้าเวรยามทั้งคืน เลยมาถามว่าจะทานอะไรรองท้องไหม นายของเธอพูดเป็นคำคมโดยมีใจความว่า การลิ้มรสอาหารอันโอชะในยามราตรี มีแต่จะทำให้เกิดอุปสรรคอันเนื่องมาจากความง่วงเหงาหาวนอน ดังนั้น จงอย่าเสียเวลาเลย
เมื่อโชบ๊กเดินกลับไปแล้ว ผู้เป็นนายก็ร่ายคำคมในเชิงเปรียบเทียบซึ่งมีความหมายเป็นภาษาง่ายๆ ว่า 'เขาต้องตกอยู่ในความทุกข์ทรมานทุกค่ำคืน หลังมีผู้ก่อเหตุฆ่าชนชั้นสูงไม่เว้นแต่ละวัน ดังนั้น อ๊บบ๊กจงตั้งใจเฝ้ายามให้ดี และอย่าละเลยหน้าที่โดยเด็ดขาด' แต่เนื่องจากเขาใช้ภาษาที่สละสลวยเกินไป อ๊บบ๊กจึงฟังแล้วไม่เข้าใจตามเคย (นายของเขามักพูดเป็นคำคมเชิงเปรียบเทียบทุกครั้งเวลาสั่งงาน)
อีกด้านหนึ่ง พัคซอและเสนาบดี พยายามยุยงให้พระเจ้าอินโจเอาผิดอดีตราชเลขาอี แจจุง ในฐานะตัวการวางแผนโค่นบัลลังก์และพาองค์ชายน้อยหลบหนี แต่พระราชากลับบอกให้ทุกคนหุบปาก แล้วห้ามพูดถึงองค์ชายน้อยอีก พอราชทูตต้าชิงทราบว่าองค์ชายน้อยตกอยู่ในฐานะกบฏ (มีส่วนร่วมในการโค่นล้มราชบัลลังก์ เพราะถูกผลักดันให้เป็นพระราชาองค์ใหม่) จึงรีบวางแผนนำตัวองค์ชายน้อยออกจากโชซอนทันที
พระเจ้าอินโจเสด็จไปหาองค์รัชทายาท (องค์ชายพงริม*) ที่ตำหนักตะวันออกด้วยพระองค์เอง รัชทายาทได้ยินว่า ศาลไต่สวนรู้ตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังการวางแผนโค่นล้มบัลลังก์แล้วจึงรู้สึกโล่งใจ พระเจ้าอินโจตรัสกับรัชทายาทว่า อย่าให้ขุนนางในราชสำนักหยิบยกเรื่องความชอบธรรม (ในการสืบทอดบัลลังก์) มากล่าวอ้างอีก รัชทายาทถามว่า จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นกับองค์ชายซกยอน (องค์ชายน้อย) พระเจ้าอินโจตอบว่า ใครก็ตามที่กล้าเอ่ยชื่อองค์ชายน้อยจะถูกตั้งข้อหาว่าเป็น 'กบฏ'
จากนั้นพระองค์ได้ทรงถามรัชทายาทว่า 'สงสารเด็กคนนั้นไหม' รัชทายาทยอมรับว่า พระองค์รู้สึกสงสารองค์ชายน้อย พระเจ้าอินโจจึงตรัสว่า รัชทายาทพระทัยอ่อนเกินไป แม้ว่าความเมตตาสงสาร จะทำให้ประชาชนสรรเสริญยกย่อง แต่สำหรับคนในราชวงศ์แล้ว การมีจิตใจที่สูงส่งมักนำมาซึ่งเหตุการณ์นองเลือด
* หมายเหตุ: องค์รัชทายาท (องค์ชายพงริม) เป็นพระอนุชาของอดีตรัชทายาท (องค์ชายโซฮยอน) ซึ่งภายหลังได้รับการสถาปนาเป็น พระเจ้าฮโยจง พระราชาองค์ที่ 17 แห่งโชซอน ด้วยความที่เคยตกเป็นตัวประกันที่ต้าชิงพร้อมพระเชษฐา ทั้งยังถูกบังคับให้ร่วมรบหลายครั้ง พระองค์จึงรู้สึกเคียดแค้นและมีแผนที่จะบุกต้าชิง จึงเริ่มสะสมกำลังทัพและอาวุธต่างๆ แต่ยังไม่ทันได้ทำตามความฝัน พระองค์ก็สิ้นพระชนม์เสียก่อนในปี ค.ศ 1659 (พ.ศ. 2202)... ส่วนพระเจ้าอินโจ เป็นกษัตริย์องค์ที่ 16 แห่งราชวงศ์โชซอน ทรงได้รับราชบัลลังก์ด้วยการยึดอำนาจมาจากองค์ชายควางแฮ
หลังส่งข่าวให้องค์รัชทายาทแล้ว แทกิลก็กลับมาหาแทฮา พร้อมขวดเหล้าและไข่ปลาตากแห้ง ด้วยความที่เคยเป็นชายชาติทหารซึ่งต้องรักษาระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด แทฮาจึงอดบ่นแทกิลไม่ได้ว่า ทำไมถึงดื่มเหล้าทั้งๆ ที่กำลังทำงานใหญ่ แทกิลตอบว่า ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำ แถมพอคิดว่าต้องอยู่กับแทฮาทั้งวันในยามที่ยังมีสติ เขาก็รู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกด้วยซ้ำ พูดจบแทกิลก็ยื่นเหล้าให้แทฮา แต่แทฮาไม่ยอมดื่ม
อยู่ๆ แทฮาก็พูดขึ้นว่า 'ได้ยินเรื่องนั้นแล้วรู้สึกท้อแท้' แทกิลถามว่า 'ได้ยินอะไร' แทฮาตอบว่า ประโยคที่แทกิลเคยบอกเขาตอนอยู่ในคุกว่า 'ให้หาเหตุผลดีๆ สักข้อมาบอกตัวเองว่า ทำไมถึงยังตายไม่ได้' เขายังบอกอีกว่า 'สมัยก่อนตอนที่อยู่ในสนามรบ เขาคิดเพียงอย่างเดียวว่า ถ้าสู้ไม่ไหวอย่างมากก็แค่ตาย เขาจึงรบจนสุดกำลังและความสามารถ เพื่อจะได้ไม่เสียใจในภายหลัง ผิดกับตอนนี้ที่ไม่ว่าจะยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน เขาก็ต้องมีชีวิตอยู่ไป ซึ่งมันทำได้ยากกว่าการยอมรับความตายเสียอีก
แทกิล บอกว่า 'ไม่ว่าเป้าหมายของแทฮาจะสูงส่งแค่ไหน แต่ทุกคนล้วนอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์เดียวกัน ยามใดที่ความทุกข๋ยากเดินทางมาเยือน ชีวิตคนเราก็จะตกต่ำลง ดังนั้น จงทำใจยอมรับมัน ละทิ้งความโลภ (ในที่นี้หมายถึงเป้าหมายและอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่) ทั้งหมดที่มีแล้วปล่อยให้มันผ่านไป ลองคิดดูชีวิตนี้แค่มีลูก มีเมีย มีที่ดินไว้อาศัยและทำกิน ก็เท่ากับมีทุกสิ่งที่ต้องการแล้ว เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า การมีชีวิตที่เรียบง่ายเป็นคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของผู้มีปัญญา'
แทฮาถามว่า เมื่อก่อนแทกิลเองก็เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงโลกไม่ใช่หรือ ไหนว่าจะสร้างโลกที่ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น แทกิลเองก็เคยฝันว่าจะสร้างโลกใหม่ที่สามารถอยู่กับคนรักอย่างสงบสุขตลอดชีวิตไม่ใช่หรือ แทกิลหัวเราะทั้งๆ ที่ในใจรู้สึกเจ็บปวด แล้วยอมรับว่า ใช่ เพราะในตอนนั้นเขายังไม่เคยได้สัมผัสโลกแห่งความจริง พูดจบแทกิลก็ยื่นเหล้าให้แทฮาอีกครั้ง คราวนี้แทฮายอมรับไมตรีจากแทกิล จึงรับเหล้ามาดื่มแต่โดยดี
ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างแทฮาและแทกิลเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เฮวอนกับซอลฮวาก็เข้ากันได้ดีเช่นกัน หลังเล่นกับองค์ชายน้อยแล้ว ซอลฮวาก็ทำท่าทางราวกับอยากถามอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้า เฮวอนจึงทักว่า มีเรื่องจะอยากถามเธอหรือเปล่า ซอลฮวาสงสัยว่าแทกิลและแทฮาน่าจะออกไปด้วยกัน จึงถามเพื่อความแน่ใจว่าทั้งคู่ออกไปด้วยกันใช่ไหม เฮวอนบอกทั้งคู่ออกไปในวันและเวลาเดียวกัน จึงเป็นไปได้ที่จะอยู่ด้วยกัน
ซอลฮวากลัวว่าทั้งคู่จะฆ่ากันตาย แต่เฮวอนบอกว่าที่แล้วมาทั้งคู่ต่างเข้าใจกันผิด ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันแล้ว เธอจึงมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์นั้นแน่ๆ ทั้งยังเชื่อว่าอีกไม่นานพวกเขาก็จะกลับมา ซอลฮวาได้ยินแล้วรู้สึกสบายใจขึ้น จึงขอให้เฮวอนช่วยสอนเธอเขียนหนังสือ และคำแรกที่เธอหัดเขียนก็คือชื่อของแทกิล
อีกด้านหนึ่ง กลุ่มทาสอ๊บบ๊กก็กำลังรอหัวหน้ากลุ่มและเพื่อนร่วมขบวนการที่กำลังเดินทางมาสมทบ ไม่นานก็มีทาสกลุ่มหนึ่งมาถามหาชนชั้นสูงที่ชื่ออ๊บบ๊ก อ๊บบ๊กบอกว่า ตนนี่แหล่ะที่ชื่ออ๊บบ๊กแต่ไม่ได้เป็นชนชั้นสูง พอเจอตัวอ๊บบ๊กหัวหน้าทาสกลุ่มดังกล่าวก็ยิ้มแก้มปริ พลางบอกว่า ตนชื่อคังอาจี (แปลว่า ลูกหมา) หัวหน้าทาสบอกว่าพวกตนจะได้พบทุกคนที่นี่ เมื่อรู้ว่าเป็นพวกเดียวกันอ๊บบ๊กก็รีบเข้าไปทักทายด้วยความดีใจ
ระหว่างนั้น หัวหน้ากลุ่มทาสกำลังตามสืบพฤติกรรมกียูน หลังสงสัยว่ากียูนยักยอนเงิน เมื่อตามไปถึงที่บ้านเขาก็พบว่า กียูนแอบเม้มเงินไว้เป็นจำนวนมากจนสามารถซื้อบ้านได้ทั้งหลัง พอถูกจับได้กียูนก็ชักมีดสั้นออกมาแทงหัวหน้าทาส แต่ก็ถูกฝักดาบทิ่มจนเสียหลักล้มลง และถูกฆ่าตายในที่สุด
ระหว่างรอหัวหน้าทาสและเพื่อนร่วมขบวนการที่เหลือ กึ๊ดบงพยายามถามคัง อาจี ว่าเคยได้ยินชื่อตนไหม พอคัง อาจี ยืนกรานว่าไม่เคยได้ยินชื่อกึ๊ดบงมาก่อน กึ๊ดบงก็รู้สึกผิดหวัง คังอาจีเสนอให้ทุกคนแนะนำตัว โดยบอกดังๆ อีกครั้งว่าตนชื่อคังอาจี กึ๊ดบงจึงหันไปหาทาสรุ่นใหญ่นามว่าเกนอม (แปลว่า สุนัข) แล้วบอกว่าลูกชายมาหา ขณะที่ทุกคนกำลังแนะนำตัวกันอย่างสนุกสนานก็เริ่มมีทาสกลุ่มใหม่ๆ เดินมาสมทบ ตามด้วยหัวหน้ากลุ่มทาสที่แบกปืนและถือไหบรรจุเงินมาด้วย
หัวหน้าทาสแจ้งว่า สาเหตุที่เขานัดทุกคนให้มารวมตัวกันที่นี่ เป็นเพราะคืนนี้เขาจะพาทุกคนไปบุกโรงเก็บส่วยและเครื่องบรรณาการ หัวหน้าทาสปลุกระดมให้ทาสร่วมขบวนการเกิดความฮึกเหิม โดยบอกว่าข้าวที่เก็บอยู่ภายในนั้นล้วนมาจากหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อของทุกคน และแม้จะทำงานหนักแต่เหล่าทาสก็ยังถูกชนชั้นสูงที่เกียจคร้านกดขี่อย่างหนัก การเผาโรงเก็บส่วยฯ ในครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงการเผาส่วย (ข้าว ฯลฯ) ที่ถูกทางการรีดไถ แต่ยังถือเป็นการประกาศสงครามกับหัวหน้าชนชั้นสูงตัวจริง ซึ่งก็คือ พระราชาอีกด้วย
หลังคิดอยู่นาน องค์รัชทายาทก็ตัดสินใจปลอมตัวเป็นสามัญชนแล้วเดินทางออกไปพบแทฮานอกวัง โดยไม่รู้ว่าชอลวุงและลูกสมุนแอบสะกดรอยตามมา ทั้งยังสั่งระดมพลไว้คอยรับมือแทกิลและแทฮาด้วย ขณะเดียวกัน กลุ่มทาสก็เตรียมบุกโจมตีโรงเก็บส่วยฯ แต่ครั้งนี้อ๊บบ๊กไม่ได้ชวนโชบ๊กมาด้วย เพราะเห็นว่าอันตรายเกินไป (และถ้าถูกทางการจับตัวได้ เธออาจถูกหัวหน้าทาสฆ่าปิดปาก)
องค์รัชทายาทเสด็จมาพบแทฮาเพียงลำพัง หลังทักทายกันแล้วพระองค์ก็ถามแทฮาตรงๆ ว่า จะขออภัยโทษให้องค์ชายซกยอน (องค์ชายน้อย) ใช่ไหม แทฮาตอบตรงๆ เช่นกันว่า 'ใช่' พระองค์จึงถามต่อว่า 'เพราะอะไรแทฮาจึงยอมเสี่ยงชีวิตทำเรื่องทั้งหมดนี้' แทฮาตอบว่า 'เป็นเพราะคำมั่นที่เขาเคยให้ไว้กับอดีตรัขทายาท ว่าจะปกป้องผู้สืบทอดราชบัลลังก์ของพระองค์ให้ถึงที่สุด'
รัชทายาทถามต่อว่า 'แทฮาแค่ทำตามสัญญา หรือต้องการสนับสนุนองค์ชายน้อยให้ขึ้นครองราชกันแน่ ' แทฮายอมรับว่าการเปลี่ยนพระราชาเป็นส่วนหนึ่งในแผน องค์รัชทายาทจึงสรุปว่า 'ถ้าอย่างนั้นก็มีใครบางคนต้องการเขี่ยพระองค์ให้พ้นทาง เพื่อให้องค์ชายซกยอนได้ขึ้นครองบัลลังก์แทน' จากนั้นก็ตรัสถามแทฮาว่า 'ต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์ใช่ไหม' เมื่อแทฮายอมรับว่า 'ใช่' พระองค์ก็รู้สึกโกรธ จึงถามแทฮาว่า 'ไม่รู้หรือไงว่าหากองค์ชายน้อยหายตัวไป คนที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือพระองค์'
แทฮาตอบว่า ตนมาพบรัชทายาทเพราะรู้ว่า พระองค์ไม่ใช่ผู้ที่ชอบแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัว ที่ผ่านมา องค์ชายน้อยต้องประสบกับชะตากรรมอันเลวรายต่างๆ นานา พระองค์อยากเห็นองค์ชายน้อยถูกลอบปลงพระชนม์จริงๆ หรือ' รัชทายาทตอบว่า 'คนในราชวงศ์จะปล่อยให้ความเห็นอกเห็นใจในแบบที่มนุษย์ทุกคนพึงมี มาเป็นบ่อนทำลายตัวเองในภายหลังได้อย่างไร' แทฮาถามกลับว่า 'ผู้ที่ในวังล้วนเป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้นไม่ใช่หรือ' รัชทายาทจึงย้อนว่า 'แล้วที่แทฮาใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการเขี่ยอาแท้ๆ ของเด็กคนนั้นให้พ้นทาง แล้วยังมีหน้ามาขอร้องให้ผู้เป็นอาช่วยเหลือหลานคนนั้น เรียกว่าเห็นอกเห็นใจกันได้หรือเปล่า'
แทฮาถึงกับอึ้งเพราะไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่เขาก็ยังแย้งว่า 'พระองค์ไม่ได้ถามว่าหลังจากขอพระราชทานอภัยโทษให้องค์ชายน้อยแล้ว เขาจะทำอะไรต่อและจะยังคงทำตามแผนเดิมหรือเปล่า' องค์รัชทายาทสวนกลับว่า 'แล้วถ้าพระองค์ยังคิดเช่นเดิม (ไม่ช่วยองค์ชายน้อย) แทฮาจะทำยังไง' แทฮาตอบว่า 'เขาก็จะปกป้ององค์ชายน้อยตามที่เคยให้คำมั่นเอาไว้ จะมีชีวิตอยู่ต่อไป และจะช่วยองค์ชายน้อยเปลี่ยนแปลงโลก'
รัชทายาทถามว่า 'แทฮาคิดที่จะก่อกบฎงั้นหรือ' แทฮาปฏิเสธโดยบอกว่า 'เขาแค่ต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่จำเป็นต้องสวมมงกุฏก็สามารถเปลี่ยนโลกได้ แม้แต่แรงบันดาลใจเล็กๆ ของคนต่ำต้อยด้อยค่าก็สามารถถูกจารึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ได้เช่นกัน' รัชทายาท บอกว่า 'สิ่งที่แทฮาพูดมาทั้งหมดก็คือการก่อกบฏ' พระองค์พูดตรงๆ ว่า ตนไม่มีอำนาจในการช่วยเหลือองค์ชายน้อย จึงแนะนำให้แทฮาพาองค์ชายน้อยหนีออกจากโชซอนแทนที่จะขอพระราชทานอภัยโทษ เพราะพระองค์ไม่มีทั้งอำนาจในการช่วยเหลือองค์ชายน้อย และไม่กล้าพอที่ฆ่าแทฮา พระองค์ยังบอกด้วยว่าต่อไปนี้อย่ามาเข้าเฝ้าพระองค์อีก ทั้งยังเตือนว่า 'การเอ่ยชื่อองค์ชายซกยอนแผ่นดินในโชซอนจะมีความผิดข้อหากบฏ'
แทฮาได้แต่ยืนอึ้งหลังรัชทายาทเสด็จออกไปแล้ว ส่วนแทกิลรู้ว่ามีคนดักซุ่มดูอยู่จึงบอกแทฮาว่านี่เป็นกับดัก แทกิลพูดจบชอลวุงและลูกสมุนก็ตรงเข้าโจมตีแทกิลและแทฮาทันที แทฮาและแทกิลที่ครั้งหนึ่งเคยถือดาบฟาดฟันกัน ต่างหันมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือ ปกป้องคนที่ตนรัก นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังมีศัตรูคนเดียวกัน และเขาคนนั้นก็คือ "ชอลวุง"
ขณะเดียวกัน กลุ่มทาสก็เริ่มบุกเข้าโจมตีโรงเก็บส่วยและเครื่องบรรณาการ พวกเขาสังหารคนของทางการเป็นจำนวนมาก และสามารถเผาโรงเก็บส่วยฯ ได้สำเร็จ หลังโรงเก็บส่วยฯ โดนเผา ท้องฟ้าของเมืองฮันยางก็กลายเป็นสีแดง กำลังเสริมของชอลวุงเห็นว่ามีเหตุร้ายแถวๆ โรงเก็บส่วยจึงถอนกำลังแล้วมุ่งหน้าไปยังโรงเก็บส่วยฯ แทน
ทาสคังอาจีโชคร้ายโดนสะเก็ดระเบิดฝังเข้าที่ขา จนได้รับบาดเจ็บและวิ่งหนีต่อไปไม่ไหว ทำให้โดนเจ้าหน้าที่ลากตัวไปต่อหน้าอ๊บบ๊ก อ๊บบ๊กนึกถึงคำพูดของหัวหน้าทาสที่สั่งให้เขาลงมือสังหารทาสที่ถูกจับเป็น เพื่อรักษาความลับเอาไว้ ตอนแรกเขาทำไม่ลง แต่ในที่สุดเขาก็ยิงเข้าที่หัวใจคังอาจี พลางร้องไห้น้ำตานองหน้า จากนั้นก็วิ่งออกจากโรงเก็บส่วยฯ ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ เพราะไม่เคยนึกฝันว่าจะต้องลงมือสังหารพวกเดียวกัน
* ภาพ captures / ละครเคบีเอส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา