วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

แทกิล ยอดพยัคฆ์นักล่า ตอนที่ 23



หลังรัชทายาทปฏิเสธ แทฮาตัดสินใจจะนำพาพระนัดดาไปอยู่ที่ต้าชิง จึงได้ขอให้อึนเจช่วยส่งคนไปแจ้งเจ้าหูเดียวเพื่อไปยังที่นัดหมาย ขณะที่หัวหน้ากลุ่มทาสกลับเผยธาตุแท้ว่าทำงานให้กับเสนาบดี มีแต่อ๊บบ๊กที่ไปช่วยโชบ๊กที่รอดชีวิต ส่วนคนอื่นถูกฆ่าตายจนหมด

เนื้อหา 

หลังองค์รัชทายาทเสด็จกลับไปแล้ว ชอลวุงและลูกสมุนก็จู่โจมแทกิลและแทฮาทันที แต่ทั้งคู่ก็ร่วมมือกันต่อสู้จนสามารถหลบหนีไปได้  ทำให้ชอลวุงรู้สึกเจ็บใจและโกรธมากที่กำลังเสริมไม่ยอมตามมาสมทบ


เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วแทฮาก็บอกให้แทกิลตามตนมา แต่แทกิลปฏิเสธโดยย้ำว่า คนที่เชี่ยวชาญเรื่องการไล่ล่าย่อมชำนาญเรื่องการหลบหนีมากกว่า พูดจบแทกิลก็วิ่งนำแทฮาไปทันที แทฮาจึงจำเป็นต้องวิ่งตามแทกิลไป

ระหว่างหลบซ่อนตัวกลางทาง แทกิลถามว่า แทฮาถูกองค์รัชทายาทหักหลังหรือเปล่า  แทฮาปฏิเสธโดยบอกว่า หากเป็นแผนขององค์รัชทายาทจำนวนทหารต้องมากกว่านี้และต้องมีพลธนูด้วย แทกิลจึงสรุปว่า ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็หนีหมาในมาเข้ากรงเล็บเสือ (หนีเสือปะจระเข้) และที่พวกเขาถูกชอลวุงตามรอยจนพบในวันนี้ เป็นเพราะชอลวุงอ่านเกมแทฮาได้อย่างทะลุปรุโปร่งนั่นเอง (ด้วยเหตุนี้แทกิลถึงไม่อยากให้แทฮาเป็นฝ่ายนำทาง)



แทกิลพาแทฮามาหลบซ่อนตัวที่โรงเตี๊ยมของสองสาว... เขาแอบเห็นจูโมใหญ่* อธิษฐานให้เชกลับมา เลยคิดจะออกไปหา แต่พอเห็นจิตรกรบังเดินมางอนง้อและจู๋จี๋กับเธอ แทกิลก็ทำหน้างงๆ แล้วกลับเข้าห้องไป ครั้นพอจูโมน้อยมาอธิษฐานขอให้แม่ทัพเชกลับมาหาเธออย่างปลอดภัยบ้าง แทกิลก็ลากตัวเธอเข้าไปคุยในห้อง พอรู้ว่าเป็นแทกิลเธอก็ใส่เป็นชุดว่า 'กลับมาทำไม  รอดตายได้ยังไง  รู้รึเปล่าว่ามือปราบโอกำลังตามล่าตัวเขาอยู่ แม้แต่ซอลฮวาเองก็เคยมาตามหาเขาที่นี่'

แทกิลถามว่า 'เกิดอะไรขึ้นกับจูโมใหญ่และจิตรกรบัง ทั้งคู่เพี้ยนไปแล้วหรือ'  จูโมน้อยไม่อยากเสียเวลาพูดเรื่องคนอื่นๆ เลยสวนว่า 'เรื่องนั้นสำคัญมากนักรึไง' แทกิลรู้ว่าจูโมน้อยอยากทราบข่าวเชใจแทบขาด เลยชิงบอกก่อนว่า 'แม่ทัพเชสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง' จูโมน้อยโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก  เพราะแอบคิดมาโดยตลอดว่าเชตายแล้ว เธอถามแทกิลว่า 'เขาเป็นคนลงมือเผาโรงเก็บส่วยฯ หรือเปล่า' แทกิลถามกลับว่า 'เห็นเขาว่างมากนักหรือไง' จากนั้นก็พูดตัดบทโดยบอกให้เธอนำอาหารมาให้ 2 ที่

* ตัวละครเรื่องนี้เรียกสองสาวว่า "จูโมใหญ่" กับ "จูโมน้อย" จูโม หมายถึงผู้หญิงที่เป็นเจ้าของโรงเตี๊ยม ซึ่งจำหน่าย อาหาร เหล้า ทั้งยังมีที่พักไว้คอยบริการ แต่ไม่ขายบริการทางเพศ


แทฮาได้ยินว่ามีคนลอบวางเพลิงจึงถามแทกิลว่า 'ยังมีคนอื่นในฮันยางที่ต้องการช่วยแทกิลอีกไหม' แทกิลตอบว่า 'จะมีคนบ้าที่ไหนอยากช่วยนักล่าทาส เดินไปทางไหนก็เห็นมีแต่ศัตรู (ทาสที่ถูกเขาจับตัวกลับมา) คอยจ้องล้างแค้น' แทฮาจึงสรุปว่า 'ถ้าอย่างนั้นเหตุลอบวางเพลิงก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาและแทกิล' (เพราะมีการลอบวางเพลิงที่โรงเก็บส่วยฯ ทางการจึงระดมกำลังไปที่นั่น ทำให้เขาและแทกิลหลบหนีชอลวุงและลูกสมุนได้ง่ายขึ้น)

แทฮาถามว่า สาวโรงเตี๊ยมไว้ใจได้หรือเปล่า แทกิลตอบว่า ไว้ใจได้มากกว่าพวกขุนนางและชนชั้นสูงเยอะ อย่างน้อยเธอก็ยังแสดงความเป็นห่วงออกมาให้เห็น แทฮาเห็นแทกิลเหมาเอาเองว่าขุนนางและชนชั้นสูงเป็นคนไม่ดี จึงแย้งว่าไม่ใช่ทุกคนจะเลวไปเสียหมด ดังนั้น การใส่ร้ายทุกคนโดยไม่เลือกหน้าจึงไม่เป็นธรรมนัก ทั้งยังย้อนด้วยว่า ตระกูลของแทกิลก็เป็นชนชั้นสูงเช่นกันไม่ใช่หรือ แทกิลตอบว่า นั่นมันเป็นเรื่องในอดีต หลังสวมเสื้อผ้าและกินอาหารแบบเดียวกับสามัญชนแล้ว เขาก็กลายเป็นสามัญชน

แทกิลยังบอกด้วยว่า  'สิ่งที่่ทำให้คนเป็นชนชั้นสูงไม่ใช่วงศ์ตระกูลแต่อยู่ที่เสื้อผ้าล้วนๆ เขาไม่เคยเห็นคนที่สวมเสื้อผ้าสวยๆ อยู่อย่างทุกข์ยากลำบาก และไม่เคยเห็นคนสวมเศษผ้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทั้งหมดที่พูดมานี้คือความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังชีวิตคนเรา' แทฮาถามกลับว่า 'แทกิลเคยปักหลักสู้จนแพ้ราบคาบเพื่อค้นหาความจริงไหม การต่อสู้ให้ถึงที่สุดก่อนแล้วค่อยยอมรับสภาพความเป็นจริง (ผลที่เกิดขึ้น)  ในภายหลังเท่านั้น ถึงจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าความจริง'


อีกด้านหนึ่ง นักล่าทาสอ๊บบ๊กที่กำลังเดินหน้าค้นหาสัจธรรมก็กำลังรู้สึกสะเทือนใจ หลังลั่นไกสังหารทาสร่วมขบวนการนามว่า "คัง อาจี"  หัวหน้ากลุ่มทาสกล่าวว่า 'ไม่เคยมีชัยชนะครั้งใดที่ได้มาโดยไม่มีการพลีชีพ ตัวเขาเองก็เพิ่งลงมือสังหารคียูนด้วยเช่นกัน' อ๊บบ๊กได้ยินแล้วตกใจมาก หัวหน้าทาสจึงอธิบายว่า 'คียูนแอบเม้มเงินที่ทุกคนเสี่ยงชีวิตหามาด้วยความยากลำบาก ทั้งยังโกงเงินที่ได้จากการนำตั๋วเงินไปแลก และกุเรื่องว่าปืนขึ้นราคา ทำให้พวกเขาได้ปืนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น' 

หัวหน้าทาสยังบอกด้วยว่า 'อาจมีบางเวลาที่อ๊บบ๊กจำเป็นต้องฆ่าพวกเดียวกัน ดังนั้น เขาต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ถ้าต้องการเปลี่ยนโลก' อ๊บบ๊กแย้งว่า 'ถึงพวกเขาจะได้รับชัยชนะ แต่การบังคับชนชั้นสูงให้กลายเป็นทาสก็ไม่อาจทำให้โลกเปลี่ยนอยู่ดี' หัวหน้าทาสจึงบอกว่า "โลกที่ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น ไม่มีวันมาถึง เพราะทันทีที่คนเรามีอำนาจ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนมาขอเป็นข้ารับใช้ และสิ่งที่พวกเขา (กลุ่มทาส) กำลังแสวงหาก็คืออำนาจที่ว่านั่นเอง'

อ๊บบ๊กอยากให้ชาวโชซอนอยู่อย่างเท่าเทียมโดยไม่มีการกดขี่ข่มเหงกัน เหมือนที่หัวหน้าทาสเคยบรรยายเอาไว้อย่างสวยหรูก่อนหน้านี้ จึงถามว่า 'แล้วถ้าพวกตนถือครองอำนาจโดยไม่บังคับให้ชนชั้นสูงกลับกลายเป็นทาส แต่ใช้วิธีเปลี่ยนแปลงระบบเสียใหม่จะได้มั๊ย' หัวหน้าทาสบอกว่า 'คนอาจเปลี่ยนระบบได้ แต่ระบบไม่มีทางเปลี่ยนแปลงคน' อ๊บบ๊กฟังแล้วยิ่งไม่สบายใจ เขาทำท่าเหมือนจะถามอะไรบางอย่าง แต่กึ๊ดบงและเหล่าทาสก็โผล่เข้ามาเสียก่อน


คืนนั้นหัวหน้าทาสเดินทางไปพบเสนาบดีที่หอนางโลมในชุดผ้าไหม ที่แท้เขาก็ทำงานให้เสนาบดีเพื่อแลกกับตำแหน่งทหารองครักษ์ (เขาเคยบอกกลุ่มทาสว่า ถ้าทำงานใหญ่สำเร็จอยากเป็นทหารองครักษ์คอยเฝ้าประตูวัง) เขาเล่าให้เสนาบดีฟังว่า ตนได้นำกลุ่มทาสบุกเข้าไปเผาอาคารทั้งสามหลังภายในโรงเก็บส่วยฯ เสนาบดีชอบใจที่เขาทำงานได้สำเร็จดังหวัง จึงบอกให้เขาเล่ารายละเอียดให้ฟัง เขาบอกว่า ที่ผ่านมาได้หลอกเหล่าทาสว่ามีแนวร่วมเป็นจำนวนมหาศาล ทั้งๆ ที่รวบรวมได้แค่ไม่กี่สิบคน ทำให้ทาสรู้สึกฮักเหิม

เขาอยากพาเหล่าทาสบุกเข้าไปเผาศาลไต่สวนทาสทางการโดยเร็ว เพราะไม่อยากแสแสร้งแกล้งลดตัวลงมาเป็นพวกเดียวกับเหล่าทาสชั้นต่ำอีกต่อไป ทั้งยังรู้สึกขยะแยงทุกครั้งที่ต้องเข้าใกล้ แต่เสนาบดีขอดูสถานการณ์ในราชสำนักก่อน เขาทวงถามว่าถ้างานสำเร็จแล้วเสนาบดีจะมอบตำแหน่งให้อย่างที่เคยลั่นวาจาไว้หรือไม่ ครั้นพอเสนาบดีถามว่า อยากได้ตำแหน่งอะไร เขาก็บอกว่า อยากเป็นองครักษ์พิทักษ์วังหลวงและพระราชา


ราชทูตต้าชิงได้รับรายงานว่า ทหารจากโรงฝึกถูกส่งมาประจำการที่ตำหนักทูตแทนที่จะเป็นทหารจากส่วนกลาง ทั้งยังมีการตรวจตราอย่างเข้มงวดทุกเส้นทางที่เชื่อมต่อกับตำหนักของราชทูต ทำให้เขาไม่สามารถติดต่อกับอาฟาน (ราชองค์รักษ์ของต้าชิงและหนึ่งในลูกน้องคนสนิทของเขาที่ถูกจากีจับขังบนเขาวอรัก)  แม้แต่แทฮาเองก็ไม่อาจแฝงตัวเข้ามาพบเขาได้เช่นกัน ดังนั้น เขาจึงต้องเป็นฝ่ายออกไปหาและนัดพบทุกคนด้วยตนเอง โดยวางแผนว่าจะเดินทางกลับต้าชิง แล้วใช้วิธีปล่อยข่าวลือเพื่อบอกวัน เวลา สถานที่นัดหมายให้แทฮาและคนของเขาตามมาสมทบ

เสนาบดีแกล้งทำเป็นโมโหใส่พัคซอต่อหน้าขุนนางเรื่องที่ปล่อยให้โรงเก็บส่วยฯ โดนเผา พวกเขารวมหัวกันสร้างเรื่องว่า กลุ่มทาสได้ร่วมมือกับคนร้ายเริ่มต้นแผนก่อการจราจลในเมืองหลวงแล้ว จึงควรนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ประชาชน ตลอดจนวางแผนรับมืออาชญากรรมด้วยการสำรวจสำมะโนประชากรเสียใหม่ เพราะการจับตัวคนร้ายมาลงมาโทษเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่การสำรวจสำมะโนประชากรใหม่จะเป็นก้าวสำคัญที่ส่งผลต่อการวางรากฐานที่ดีให้กับประเทศชาติตลอดไป  ดังนั้น เขาจึงหวังว่าจะไม่มีคนคัดค้านหากนำเรื่องนี้ไปเสนอฝ่าบาท


เหล่าขุนนางในราชสำนักพากันกราบทูลพระเจ้าอินโจ เรื่องที่ทาสมีส่วนร่วมในการบุกเผาโรงเก็บส่วยฯ  ทั้งยังขอให้พระองค์ทรงมีพระบัญชาให้ทำการสำรวจสำมะโนประชากรเสียใหม่ แต่พระเจ้าอินโจตรัสว่า แค่ทาสบางคนมีส่วนร่วมในการก่อเหตุจราจล แล้วจะเหมาว่าทาสทั้งหมดมีความผิดได้อย่างไร เสนาบดีถือโอกาสกราบทูลว่า เหตุลอบฆ่าชนชั้นสูงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของเหล่าทาสด้วยเช่นกัน พระเจ้าอินโจยังคงแย้งว่า การปฏิรูปสำมะโนประชากรเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าจะตัดสินใจภายใต้สมมุติฐานแห่งการคาดเดา ที่สำคัญ การทำเรื่องดังกล่าวต้องใช้เงินในท้องพระคลังเป็นจำนวนมหาศาล  ทั้งยังเสี่ยงต่อการลุกฮือของประชาชนที่ไม่พอใจอีกด้วย

เสนาบดีพยายามหว่านล้อมพระราชาโดยกราบทูลว่า การสำรวจสำมะโนประชากรจะมีผลต่อความอยู่รอดของประเทศในระยะยาว เพราะถ้าหากถือเอาโอกาสนี้ตามจับตัวทาสหลบหนีทั้งหมดกลับมา ก็จะได้แรงงานมากกว่าแสนคน และถ้าส่งทาสหลบหนีเหล่านี้ไปรับโทษด้วยสร้างป้อมปราการทางชายแดนด้านทิศเหนือก็จะได้แรงงานมาใช้ประโยชน์ฟรีๆ ทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการต่อสู้หรือรับมือกับต้าชิง แม้พระเจ้าอินโจจะเห็นด้วยกับความคิดของเสนาบดี แต่พระองค์ยังคงแย้งว่า 'ยังไม่ถึงเวลา  ถ้าหากมีการก่อเหตุจราจลอีกครั้ง ค่อยนำเรื่องนี้กลับมาพิจารณาใหม่'


จูโมน้อยนำไข่ต้มมาให้แทกิล และบอกว่าตอนนี้พวกต้าชิงกำลังทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน ได้ยินมาว่าพวกเขาจะนำชาวโชซอนไปเป็นข้ารับใช้ราชวงศ์ต้าชิง โดยระบุว่าต้องการเด็กสาวอายุ 14 ราว 1-2 พันคน และพวกเขาก็จะขนเด็กเหล่านั้นกลับไปทางเรือ ทำให้ครอบครัวที่มีลูกสาวต่างพากันหลบหนีจ้าละหวั่น

หลังไล่จูโมน้อยออกไปแล้ว แทกิลก็บอกให้แทฮาแปลความหมายเรื่องที่ได้ยินเมื่อสักครู่ให้ฟัง แทฮาทวนว่า  'เด็กสาวอายุ 14 เดินทางด้วยเรือ' แทกิลทัก 'แล้ว 1-2 พันคนล่ะ หมายความว่าอย่างไร'  แทฮาตอบว่า 'ตามหลักแล้วจะต้องตัดตัวเลขที่คลุมเครือทั้งหมดออกไป ดังนั้น อายุ 14 จึงหมายถึงวันที่ 14 ส่วนคำว่าไปทางเรือ....' แทกิลพูดแทรก 'พวกเขาจะเดินทางผ่านทะเลเหลือง* ' แทฮาใช้ความคิดครู่หนึ่งจึงพูดว่า 'จุดนัดพบต้องเป็นเกาะคังฮวาอย่างแน่นอน' แทกิลทักว่าอย่าเดาสุ่ม แทฮาจึงกล่าวว่า 'ในเมื่อตนไม่สามารถลงเรือพร้อมคณะทูตต้าชิงได้ ดังนั้น จุดนัดหมายที่ใกล้ที่สุดก็คือ เกาะคังฮวา' และถ้าเป็นวันที่ 14 ก็เหลือเวลาอีกแค่ 3 วัน'

* ทะเลเหลืองอยู่ระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่และคาบสมุทรเกาหลี 

แทกิลแย้งว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเดินทางผ่านชุงจู แล้วมุ่งหน้าไปยังเกาะคังฮวาภายในสามวัน แทฮาเสนอว่า 'ถ้าหากขี่ม้า... ' แทกิลสวนกลับว่า 'พวกเขาก็จะถูกจับก่อนออกจากเมืองหลวงด้วยซ้ำ' ทั้งคู่นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นแทกิลก็เสนอให้ส่งข้อความไปบอกจากี (หูเดียว) ให้ช่วยพาองค์ชายน้อยและเฮวอนมาพบพวกเขาที่นี่ แทฮาถามแทกิลว่า 'จะให้ใครส่งข่าวไปให้จากี' แทกิลบอก 'เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของจูโมน้อย' และกล่าวว่า 'หากนัดเจอกันที่ยองอินก่อน แล้วค่อยเดินทางไปเกาะคังฮวาก็น่าจะทัน'


อ๊บบ๊กแทบหัวใจสลายเมื่อรู้ว่าเจ้านายส่งโชบ๊กไปแต่งงานกับชายแก่เพื่อแลกกับทาสหนุ่มและวัวอีก 2 ตัว เขาโกรธเจ้านายมากจึงโวยวายเสียงดังลั่น   เจ้านายเลยสั่งให้ทาสในบ้านลากตัวเขาไปขังและปล่อยให้อดน้ำจนกว่าตาย  ระหว่างนั้น ทาสร่วมขบวนการคนอื่นๆ  ต่างมารวมตัวกันตามปกติ พวกเขาได้รับมอบหมายให้บุกเข้าโจมตีศาลไต่สวนทาสทางการในคืนนี้ ทาสคนหนึ่งแย้งว่าช่วงนี้ทางการออกตรวจตราอย่างเข้มงวด หัวหน้าทาสจึงหลอกว่า เขาจะพาทาสราว 200 คนมาช่วย ทำให้ทาสทุกคนคลายความกังวล และเกิดความฮึกเหิม

ขณะที่อ๊บบ๊กกำลังจะถูกนำตัวไปขัง เขาก็ฉวยโอกาสทำร้ายเพื่อนทาส จากนั้นก็หยิบเคียวแล้ววิ่งไปหาเจ้านายด้วยความโกรธแค้น แม้กำลังเผชิญหน้ากับความตาย แต่เจ้านายของอ๊บบ๊กก็ยังไม่วายร่ายคำคม โดยหวังให้อ๊บบ๊กมีสติ เกิดปัญญา และสำนึกในบุญคุณ แต่อ๊บบ๊กฟังไม่รู้เรื่องเลยถามว่าเมื่อไหร่จะพูดภาษาคนเสียที  เจ้านายอ๊บบ๊กจึงร้องขอชีวิต แล้วบอกว่าเขาขายโชบ๊กให้ตระกูลฮวางซัน ที่หมู่บ้านนัมซาน พอรู้ว่าโชบ๊กอยู่ที่ไหน อ๊บบ๊กก็สังหารเจ้านาย แล้วรีบออกไปตามหาโชบ๊ก ระหว่างทางเขาพบกึ๊ตบง ทำให้รู้ว่าคืนนี้มีงานใหญ่  เขาถามกึ๊ตบงว่าสถานที่ๆ ทาสหลบหนีพากับไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน พอกึ๊ตบงบอกว่าอยู่บนยอดเขาวอรัก อ๊บบ๊กก็รีบวิ่งออกไปตามหาโชบ๊กทันที


แม้จะเป็นพวกเดียวกันแล้ว แต่แทกิลกับแทฮายังคงเถึยงกันไม่เลิก แทกิลชี้ลงบนแผนที่แล้วเสนอเส้นทางหลบหนีให้แทฮาโดยให้เหตุผลว่าเป็นพื้นที่เปิด แต่แทฮาไม่เห็นด้วยเพราะเกรงว่าจะถูกล้อมจับ แทกิลตัดบทว่า 'เขารู้จักเส้นทางในบริเวณนั้นเป็นอย่างดี สรุปว่าไปทางนั้นแหล่ะดีแล้ว' แทฮาแย้งว่า พวกเขาอาจถูกซุ่มโจมตีในบริเวณดังกล่าวได้ แทกิลชักรำคาญจึงบอกกว่าอย่าวิตกจริตจนเกินไป จากนั้นก็ถามกลับว่าทำไมต้องดั้นด้นไปไกลถึงต้าชิงด้วย 

แทฮาตอบว่า 'เขาอาจหลบหนีเพื่อรักษาชีวิต แต่จะไม่ยอมมีชีวิตที่ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป' แทกิลถามว่า 'หมายความว่ายังไง ทำไม' แทฮาถามกลับว่า 'แทกิลเคยโกรธแค้นโลกใบนี้หรือเปล่า' แทกิลตอบว่า 'ใครบ้างที่ไม่เคย'  แทฮาจึงบอกว่า นั่นแหล่ะคือเหตุผลว่าทำไม (ที่ผ่านมาแทฮาเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องแผ่นดินโชซอนจากการรุกรานของแมนจู (ต้าชิง) มาโดยตลอด แต่สุดท้ายโชซอนกลับต้องการเอาชีวิตเขา เขาจึงต้องหนีไปอยู่ในแผ่นดินของศัตรูที่พร้อมเปิดประตูต้อนรับเขาทุกเมื่อ) 

แทฮาชี้ลงบนแผนที่แล้วบอกว่า บริเวณดังกล่าวอาจเต็มไปด้วยตรอกซอกซอย แต่ก็ง่ายต่อการหลบซ่อนตัวด้วยเช่นกัน เขาจึงอยากให้แทกิลใช้เส้นทางนั้น ส่วนตัวเขาจะไปอีกทางเพื่อคอยคุ้มกันและจัดการกับพลธนูที่ดักซุ่มอยู่ในบริเวณนั้น แทกิลถามว่า 'จะใช้ตนเป็นเหยื่อล่องั้นหรือ คิดจะสละ 'หมา' เพื่อจับเสือล่ะสิ' แทฮาตอบว่า 'เขาอยากให้แทกิลเป็นเสือมากกว่า' พูดจบก็เดินนำออกจากห้องพักไป


คืนนั้นอ๊บบ๊กมัวแต่บุกเข้าไปช่วยโชบ๊ก ทำให้ไปถึงจุดนัดหมายช้ากว่าทาสร่วมขบวนการคนอื่นๆ หัวหน้ากลุ่มทาสตีหน้าซื่อถามว่า 'พี่อ๊บบ๊กไปไหน' ทำไมถึงยังไม่มา กึ๊ตบงตอบว่าอ๊บบ๊กติดธุระแต่จะรีบตามมา จากนั้นก็ถามว่า 'เมื่อไหร่ทาสคนอื่นๆ จะมาถึง ไหนบอกว่ามีทาสอีก 200 คนไม่ใช่หรือ' หัวหน้าทาสไม่ตอบแต่กลับหัวเราะกึ่งเยาะเย้ย  ทำให้กึ๊ตบงและทาสคนอื่นๆ รู้แปลกใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหันของหัวหน้าทาส

หลังพาโชบ๊กหนีออกมาแล้ว อ๊บบ๊กก็บอกให้เธอไปที่ยอดเขาวอรัก ซึ่งเป็นสถานที่ๆ ทาสหลบหนีไปรวมตัวกัน ส่วนเขาจะกลับไปช่วยเพื่อนร่วมขบวนการต่อสู้ก่อน โชบ๊กขอตามไปด้วย แต่อ๊บบ๊กไม่ยอมให้เธอตามไป โดยอ้างว่าตอนนี้โชบ๊กอยู่ในสถานะทาสหลบหนีแล้ว


ระหว่างนั้น หัวหน้าทาสบอกให้ทุกคนลงมือได้ กึ๊ตบงแย้งว่า 'ยังเหลือเวลาอีกเยอะ แล้วอ๊บบ๊กก็ยังไม่มา' เกนอมเสริมว่า 'ทาสอีก 200 คนก็ยังไม่มาด้วยเช่นกัน' หัวหน้าทาสพยายามฝืนยิ้มแล้วบอกอย่างอดทนว่า 'เขาได้รับคำสั่งให้รีบจัดการเรื่องนี้ให้จบโดยเร็ว เพราะเหตุวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงทำให้ไม่อาจระดมคนมาเพิ่มได้อีกแล้ว' กึ๊ตบงรู้สึกสงสัยจึงถามว่า 'ใครสั่ง  นอกจากหัวหน้าทาสแล้ว ยังมีคนอื่นคอยออกคำสั่งอีกหรือ'  หัวหน้าทาสยิ้มแล้วบอกว่า มีสิ ก็เจ้านายที่เขาทำงานรับใช้อยู่นั่นไง

กึ๊ตบงผู้น่าสงสารเห็นว่าหัวหน้าทาสมีท่าทีที่แปลกไปจึงเดินเข้าไปหาพลางถามว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมวันนี้หัวหน้าทาสจึงเปลี่ยนไป แต่กลับถูกหัวหน้าทาสผลักอกแล้วบอกว่า 'อย่าเข้ามาใกล้ เพราะเขาทนกลิ่นตัวกึ๊ตบงไม่ได้'  กึ๊ตบงได้ยินแล้วถึงกับช็อค หัวหน้าทาสสั่งทุกคนให้เตรียมลงมือ โดยเขาจะเป็นคนให้สัญญาณ จากนั้นก็ขอปืนจากกึ๊ตบง แต่กึ๊ตบงเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยจึงกอดปืนไว้แน่น หัวหน้าทาสจึงคว้าปืนในมือเกนอม แล้วยิงไปที่ศาลไต่สวนทาสทางการท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าทาส


เกนอมเดินเข้าไปต่อว่าหัวหน้าทาส โดยบอกว่าพวกเขามีกันแค่นี้แล้วจะทำงานสำเร็จได้ยังไง หัวหน้าทาสกล่าวว่า 'บอกแล้วไงว่าตัวเหม็น' จากนั้นชักดาบและฟันเข้าที่ท้องของเกนอมต่อหน้าทุกคน ไม่นานมือปราบโอก็นำกำลังมาล้อมจับเหล่าทาส กึ๊ตบงเจ็บใจมากที่โดนหลอกจึงถือปืนพุ่งเข้าหาชายหนุ่มที่เขาเคยยกย่องและชื่นชมมาโดยตลอด  แต่แล้วก็ถูกแทงสวน ทาสคนอื่นๆ จึงลุกขึ้นสู้แต่ก็ถูกฆ่าตายจนหมด คงเหลือเพียงกึ๊ตบงที่แม้จะบาดเจ็บสาหัส แต่ก็พยายามคลานหนีออกมารออ๊บบ๊กพร้อมปืน 


* ภาพ captures / ละครเคบีเอส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา