วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เรื่องย่อ เพลิงรัก แรงริษยา (War of Desire)




กำกับ: หลิวซื่ออวี้ (ชาวฮ่องกง)
เขียนบท: N/A
แนวละคร: ย้อนยุค / โรแมนติก
จำนวนตอน: 38 (ทีวี) / 36 (อินเตอร์เน็ต) / 49 (ดีวีดี)
ออกอากาศ: จีน - 17 ธันวาคม 2554 ทางหูหนานทีวี
               ไทย - ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 00.30 – 01 30 น. ทางไทยรัฐทีวี ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2560 - 21 กรกฎาคม 2560




เรื่องย่อ




ละคร "เพลิงรัก แรงริษยา" นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและมิตรภาพของสามหนุ่มสาว "เมี่ยวเฟิงเยี่ยน", "ต้วนเฟยหง" และ "หนิงไฉ่เตี๋ย" ซึ่งต่างก็เป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ทั้งสามให้คำมั่นว่าจะรักและไม่ทอดทิ้งกัน เมื่อเวลาผ่านไปเฟิงเยี่ยนและเฟยหงต่างมีใจให้กัน ขณะที่ไฉ่เตี๋ยเองก็หลงรักเฟยหงเช่นกัน ครั้นพอรู้ว่าเฟยหงชอบพอกับเฟิงเยี่ยนและรักตนแบบน้องสาว ไฉ่เตี๋ยก็ยอมหลีกทางและอวยพรให้ทั้งคู่ แต่หลังจากเฟิงเยี่ยนเข้าวังแทนไฉ่เตี๋ยทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

เหตุการณ์ในละครเกิดขึ้นในรัชสมัยของ "จักรพรรดิถังอี้จง" แห่งราชวงศ์ถัง... "เฉาไทเฮา" ซึ่งกุมอำนาจในราชสำนักเห็นว่าจนป่านนี้ฮ่องเต้ยังไม่มีทายาท เลยคิดหาสาวงามมาให้ฮ่องเต้เพิ่มด้วยการจัดงานเลี้ยงพร้อมการแสดงร่ายรำซึ่งเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้โปรดปราน โดยเชิญเหล่าขุนนางใหญ่ในราชสำนักมาร่วมงานด้วย ก่อนงานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นไทเฮาทรงออกตรวจตรารูปลักษณ์และการแต่งกายของเหล่าสนมโดยเตือนว่าสนมที่ไม่มีโอรสให้ฝ่าบาทจะมีอนาคตอันน่าอนาถ หลังจากนั้นก็ไปพบ "หนิงฮองเฮา" ที่ตำหนัก เมื่อเห็นฮองเฮานำปิ่นหยกโบราณของอดีตฮองเฮาราชวงศ์ก่อนมาปักผมด้วยความภาคภูมิใจ ไทเฮาจึงติว่าทั้งเสื้อผ้าหน้าผมของฮองเฮาดูแล้วเหมือนคนสูงวัย ถึงแม้จะงามสง่าและสูงส่งแต่ก็ไร้เสน่ห์ดึงดูดเพราะอย่างนี้จึงถูกฮ่องเต้ละเลย ไทเฮายังบอกด้วยว่าแม้ตอนนี้ "ฮว๋าเฟย" (ตำแหน่งสนมขั้น 1) จะเป็นพระสนมคนโปรดแต่นางก็ไม่มีวี่แววว่าจะตั้งครรภ์เสียที ตนจึงจัดงานเลี้ยงหมายให้ฮองเฮาและพระสนมคนอื่นๆ รวมทั้งเหล่านางในใช้โอกาสนี้หว่านเสน่ห์มัดใจฮ่องเต้ แต่ฮองเฮากลับทำให้ตนรู้สึกผิดหวัง พูดจบไทเฮาก็สั่งให้นางข้าหลวงคนสนิททำผมให้ฮองเฮาใหม่ก่อนเดินออกจากตำหนักไป คนสนิทของไทเฮาจึงทำผมทรงเดียวกับฮว๋าเฟยให้ฮองเฮา ทำให้ฮองเฮาถึงกับน้ำตาร่วง

"ต้วนเทา" พา "ต้วนเฟยหง" ซึ่งเป็นลูกบุญธรรมมาร่วมงานเลี้ยงที่ไทเฮาทรงจัดขึ้น และได้เอ่ยปากฝากฝังเฟยหงกับเหล่าขุนนางและพระญาติของไทเฮาหมายปูทางให้เฟยหงเป็นขุนนางในราชสำนัก เฟยหงรีบแย้งพ่อว่าตนไม่อยากเป็นขุนนาง ก่อนชี้แจงกับเหล่าขุนนางอย่างถ่อมตัวว่าตนเป็นเพียงลูกบุญธรรมของต้วนเทาจึงไม่มีเลือดขุนนางในตัวเลยสักนิด เมื่อแม่ทัพ "ว่านเหยียน" มาถึงและได้ยินเข้าจึงพูดเหน็บแนมต้วนเทาที่ไร้อำนาจวาสนาจึงต้องหวังพึ่งพาบารมีคนอื่น ผิดกับตนที่ใหญ่คับฟ้า จากนั้นก็บอกเฟยหงว่าถ้าอยากเป็นใหญ่ให้มาเป็นลูกบุญธรรมของตนแทน เพราะตนสามารถแต่งตั้งเฟยหงเป็นขุนนางโดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากฮ่องเต้ เฟยหงเห็นแม่ทัพว่านทำตัวเหิมเกริมก็รู้สึกไม่พอใจแต่ต้วนเทาปรามเอาไว้ หลังแม่ทัพว่านเดินจากไปแล้วต้วนเทาจึงเตือนเฟยหงว่าแม้แต่ฮ่องเต้และไทเฮายังไม่กล้าแตะต้องแม่ทัพว่าน  ดังนั้นจงอยู่ให้ห่างและอย่ามีเรื่องกับแม่ทัพว่านเป็นดีที่สุด




หลังปล่อยให้ไทเฮา ฮองเฮา และแขกเหรื่อภายในงานรอ ในที่สุดฮ่องเต้ก็เสด็จมาพร้อมฮว๋าเฟย (ซึ่งอุ้มสุนัขตัวโปรดมาด้วย) โดยยืนกรานว่าจะให้ฮว๋าเฟยนั่งเคียงข้างตนแทนที่ฮองเฮา ฮองเฮาเลยจำต้องย้ายไปนั่งในตำแหน่งพระสนม เมื่อการแสดงอันอ่อนช้อยและยั่วยวนเริ่มต้นขึ้น ฮ่องเต้กลับหันไปเล่นกับสุนัขของฮว๋าเฟยโดยไม่สนใจดูการร่ายรำทำให้ไทเฮารู้สึกผิดหวัง หลังฮว๋าเฟยทำสุนัขตัวโปรดหลุดมือ สุนัขตัวดังกล่าวก็วิ่งเข้าไปหาและกระโดดกัดแม่ทัพว่าน แม่ทัพว่านจึงซัดฝ่ามือใส่สุนัขของฮว๋าเฟยจนล้มลงไปนอนแน่นิ่งจมกองเลือด ฮว๋าเฟยจึงร้องขอความเป็นธรรมจากฮ่องเต้ แม่ทัพว่านประกาศว่าตนเป็นแม่ทัพใหญ่ของต้าถังทำสุนัขตายถือเป็นเรื่องเล็ก ต่อให้ตนลงมือสังหารฮว๋าเฟย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางเอาเรื่อง ฮ่องเต้จึงบอกให้ฮว๋าเฟยชกแม่ทัพว่านเพื่อเป็นการลงโทษ ฮว๋าเฟยจึงชกเข้าที่หน้าอกด้านซ้ายของแม่ทัพว่านก่อนปักเข็มเงินลงไป หลังจากนั้นไม่นานแม่ทัพว่านก็ล้มลงและขาดใจตายต่อหน้าทุกคน หลังสังหารแม่ทัพว่านแล้วฮว๋าเฟยก็ทักฮองเฮาซึ่งอยู่ในอาการช็อคว่าทำผม (เลียนแบบตน) ได้งดงามดี

ที่แท้ฮว๋าเฟยและฮ่องเต้วางแผนกำจัดแม่ทัพว่านเอาไว้ตั้งแต่ต้น คืนนั้นฮ่องเต้กล่าวว่าในวังหลังมีสนมมากมายถึงสามพันคนแต่ไม่มีใครเหมือนฮว๋าเฟยที่สามารถวางแผนและช่วยกำจัดเสี้ยนหนามให้พระองค์ ฮว๋าเฟยจึงทูลฮ่องเต้ว่าตนก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้มีหวังตกเป็นเป้าของหลายฝ่าย เพราะแต่ไหนแต่ไรมาสนมคนโปรดของฮ่องเต้มักเป็นที่อิจฉาริษยาและมีแต่คนปองร้ายหมายเอาชีวิต ฮ่องเต้จึงสัญญาว่าจะคอยปกป้องและไม่มีวันทอดทิ้งฮว๋าเฟย คืนเดียวกันนั้นฮองเฮาฝันร้ายเกี่ยวกับฮว๋าเฟยและตื่นขึ้นมากลางดึกจึงสั่งให้นางในรับใช้ไปตาม "เหมยซ่างกง" (หัวหน้านางใน / คนสนิท) มาพบตน

ณ จวน "องค์หญิงเหราอัน" (พระเชษฐภคินีหรือพี่สาวฮ่องเต้) "เมี่ยวเฟิงเยี่ยน" ซึ่งเป็นสาวใช้ในจวนแอบดู "หนิงไฉ่เตี๋ย" เรียนวิชาร่ายรำและทำตามอย่างอ่อนช้อยงดงามขณะเก็บกวาดลานบ้าน  ผิดกับไฉ่เตี๋ยที่ไม่สนใจเรียนและไม่มีพรสวรรค์ในด้านการร่ายรำเอาเสียเลย   (แม้ทั้งคู่จะมีสถานะที่แตกต่างแต่ก็รักและสนิทกันดุจพี่น้อง ทั้งยังสวมกำไลลูกกระพรวนเหมือนกัน)  ครั้นพอได้ยินข่าวว่าเฟยหงเดินทางกลับเมืองหลวงแล้ว (หลังออกไปท่องยุทธภพ) ไฉ่เตี๋ยก็ดีใจจนออกนอกหน้าและมีกำลังใจเรียนร่ายรำในบัดดล




ขณะฝึกฝนเพลงกระบี่ในป่า เฟยหงถือโอกาสใช้กระบี่เก็บดอกไม้ให้เฟิงเยี่ยนโดยนำไปวางไว้บนกิ่งไม้ เมื่อเฟิงเยี่ยนมาเก็บฟืนในป่าแล้วพบช่อดอกไม้ก็รู้สึกดีใจ (ที่ผ่านมาเฟยหงแอบมอบดอกไม้ให้เฟิงเยี่ยนหลายครั้ง และเฟิงเยี่ยนก็จะนำดอกไม้เหล่านั้นมาเก็บไว้ในหีบหลังแห้งเหี่ยว แต่ไฉ่เตี๋ยไม่เคยรู้เรื่องนี้เพราะทั้งคู่แอบคบกันอย่างลับๆ) เมื่อต้วนเทาพาเฟยหงมาที่จวนองค์หญิง ไฉ่เตี๋ยจึงมาชวนเฟยหงออกไปข้างนอกด้วยกัน หลังจากนั้นต้วนเทา องค์หญิงเหราอัน และ "หนิงถิงตง" (พระสวามีองค์หญิงเหราอัน / น้องชายหนิงฮองเฮา) จึงหารือกันเรื่องฮว๋าเฟยซึ่งนับวันจะมีอำนาจในวังหลังมากขึ้นเรื่อยๆ ถิงตงเชื่อว่าฮว๋าเฟยคงไม่กล้าแตะต้องฮองเฮา แต่องค์หญิงเหราอันเห็นว่าถ้าฮว๋าเฟยเหิมเกริมถึงขั้นกล้าลงมือสังหารแม่ทัพใหญ่ต่อหน้าทุกคน ฮองเฮาคงไม่พ้นโดนฮว๋าเฟยเล่นงานเข้าสักวัน ต้วนเทาได้ยินดังนั้นจึงบอกทั้งคู่ว่าฮองเฮาเองก็คิดแบบเดียวกับองค์หญิง จึงให้ตนมาตามองค์หญิงและถิงตงไปเข้าเฝ้าในวัง

ปรากฏว่าฮองเฮากับเหมยซ่างกงแอบฝึกสุนัขให้ไล่กัดและขย้ำเหยื่อโดยเรียกเหยื่อว่า 'ฮว๋าเฟย' เมื่อองค์หญิงเหราอันและถิงตงมาถึง ฮองเฮาก็หลอกทั้งคู่ว่าตนคิดที่จะผูกมิตรกับฮว๋าเฟยด้วยการมอบสุนัขตัวใหม่ที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดีให้กับนาง เหมยซ่างกงกล่าวเสริมว่าหากฮองเฮานำไปมอบด้วยตนเองฮว๋าเฟยอาจรู้สึกหวาดระแวง เลยอยากให้องค์หญิงและถิงตงช่วยนำไปมอบให้ฮว๋าเฟยแทน หากฮว๋าเฟยพึงพอใจสุนัขตัวนี้จึงค่อยบอกว่าเป็นของขวัญจากฮองเฮา ถิงตงเห็นว่าสุนัขตัวกล่าวทั้งเชื่องและแสนรู้จึงอาสานำสุนัขไปมอบให้ฮว๋าเฟยด้วยตนเอง โชคร้ายที่ในตอนนั้นฮ่องเต้บังเอิญอยู่กับฮว๋าเฟยด้วย เมื่อสุนัขได้ยินฮ่องเต้พูดคำว่า 'ฮว๋าเฟย' จึงกระโดดขย้ำขาฮ่องเต้ทันที

หมอหลวง "ตู้ค่วง" รู้สึกหนักใจเมื่อพบว่าฮ่องเต้ไม่เพียงมีแผลฉกรรจ์แต่ยังติดเชื้ออีกด้วย จึงต้องทำการเฉือนเนื้อเพื่อรักษาชีวิต ไทเฮาไม่เห็นด้วยเพราะเป็นวิธีรักษาที่เสี่ยงและอันตรายเกินไปเลยคิดที่จะให้หมอคนอื่นมารักษา ฮว๋าเฟยชี้ว่าหมอหลวงตู้เป็นหมอที่เก่งสุดในสำนักหมอหลวงและนี่ก็เป็นทางเดียวที่จะรักษาชีวิตฮ่องเต้เอาไว้ หากไม่รีบรักษาแล้วฮ่องเต้เกิดเป็นอะไรไปบ้านเมืองคงร้อนเป็นไฟ เพราะฮ่องเต้ไม่มีพระโอรสและพี่น้องที่จะมาสืบทอดราชบัลลังก์  เมื่อเห็นว่าไทเฮายังคงลังเล ฮว๋าเฟยจึงคุกเข่าขอร้องโดยเอาชีวิตของตนเป็นเดิมพัน ฮองเฮาและหมอหลวงตู้เห็นดังนั้นจึงพากันคุกเข่าอ้อนวอนไทเฮา ไทเฮาไม่มีทางเลือกจึงยอมให้หมอหลวงตู้ลงมือรักษาฮ่องเต้แต่โดยดี




ไทเฮาและฮว๋าเฟยสงสัยว่าฮองเฮาอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้แต่ยังไม่มีหลักฐาน จึงเอาผิดถิงตงด้วยการสั่งจำคุกโทษฐานที่ปล่อยให้สุนัขกัดฮ่องเต้ เมื่อองค์หญิงเหราอันทราบข่าวจึงมาคุกเข่าขอความเมตตาที่ตำหนักไทเฮาแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อฮองเฮาบอกให้เลิกคุกเข่าเพราะไม่มีประโยชน์ องค์หญิงเหราอันจึงโวยลั่นว่าฮองเฮายืมมือน้องชายกำจัดฮว๋าเฟยจนทำให้น้องต้องมาติดคุกแต่กลับไม่คิดช่วยเหลือ ทำให้โดนฮองเฮาตบหน้าเต็มแรง เหมยซ่างกงชี้ว่าไทเฮาห้ามไม่ให้ใครมาขอร้องมิเช่นนั้นจะมีความผิดเช่นเดียวกัน จากนั้นก็เตือนว่าอันที่จริงความผิดของถิงตงมีโทษถึงตาย แต่ไทเฮาแค่สั่งจำคุกจึงนับว่าพระองค์ทรงปราณีแล้ว ขืนทำอะไรวู่วามเรื่องอาจบานปลายกลายเป็นโทษประหารเก้าชั่วโคตร ฮองเฮาและองค์หญิงเหราอันพยายามคิดหาหนทางช่วยเหลือถิงตง ฮองเฮาเห็นว่าฮ่องเต้ทรงโปรดหญิงงามและการแสดงร่ายรำ จึงคิดที่จะส่งหญิงงามที่มีความสามารถในด้านการร่ายรำไปอยู่ข้างกายฮ่องเต้หมายเกลี้ยกล่อมให้พระองค์ทรงอภัยโทษให้ถิงตง และคนที่ฮองเฮาคิดว่าเหมาะสมที่สุดก็คือ...ไฉ่เตี๋ย

องค์หญิงเหราอันแย้งว่าไฉ่เตี๋ยใสซื่อบริสุทธิ์เกินกว่าจะแบกรับงานนี้ แต่ฮองเฮากลับมองว่าองค์หญิงเหราอันและถิงตงเลี้ยงดูลูกนอกไส้อย่างไฉ่เตี๋ยมาเป็นอย่างดี (ไฉ่เตี๋ยเป็นหลานแท้ๆ ของฮองเฮากับถิงตง แต่พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก) นี่จึงเป็นโอกาสที่ไฉ่เตี๋ยจะได้ตอบแทนบุญคุณของทั้งคู่ ที่สำคัญไฉ่เตี๋ยเองก็มีสายเลือดตระกูลหนิง ต่อให้มีเรื่องผิดพลาดก็ไม่ต้องกลัวว่านางจะทรยศพวกตน  

องค์หญิงเหราอันวางแผนจัดงานวันเกิดของตน หมายให้ไฉ่เตี๋ยได้แสดงความสามารถในการร่ายรำต่อหน้าใต้เท้า "เถียนจง" ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการคัดเลือกหญิงงามเข้าวัง เฟิงเยี่ยนไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงขององค์หญิงเหราอันจึงช่วยติวเข้มเรื่องลีลาการร่ายรำให้กับไฉ่เตี๋ย โดยบอกว่าสิ่งที่ไฉ่เตี๋ยขาดคือเสน่ห์และอารมณ์ในการร่ายรำ เฟิงเยี่ยนแนะนำให้ไฉ่เตี๋ยจินตนาการว่าผู้ชมคือคนที่เธอรักและเธอกำลังร่ายรำให้เขาดู ไฉ่เตี๋ยนึกถึงใบหน้าของเฟยหงแล้วลองร่ายรำใหม่อีกครั้ง เฟิงเยี่ยนเห็นว่าไฉ่เตี๋ยกำลังจะหมุนตัวชนต้นไม้เลยรีบวิ่งเข้าไปเตือนแต่กลับสะดุดก้อนหินจนหน้าผากกระแทกต้นไม้เสียเอง 




ไฉ่เตี๋ยจะไปเลือกเครื่องประดับสำหรับใส่ในวันแสดง เลยลากเฟิงเยี่ยนเข้าไปในห้องเก็บสมบัติขององค์หญิงเหราอันด้วย แต่เฟิงเยี่ยนเห็นว่าตนเป็นเพียงสาวใช้ไม่สมควรเข้ามาในห้องนี้จึงรีบเดินออกไป ทันใดนั้นสายตาของเฟิงเยี่ยนก็สะดุดอยู่ที่หยกโบราณล้ำค่าชิ้นหนึ่งจึงหยิบขึ้นมาดูอย่างคุ้นเคย ไฉ่เตี๋ยเห็นดังนั้นจึงคิดที่จะไปขอหยกชิ้นนี้จากองค์หญิงเหราอันเพื่อนำมามอบให้เฟิงเยี่ยน แต่เฟิงเยี่ยนปฏิเสธ หลังวางหยกไว้ที่เดิมแล้วเธอก็เดินออกจากห้องทันที

องค์หญิงเหราอันเกรงว่าลีลาการร่ายรำของไฉ่เตี๋ยอาจไม่เข้าตาใต้เท้าเถียน จึงคิดนำหยกโบราณล้ำค่ามามอบเป็นของกำนัล (ติดสินบน) ให้ใต้เท้าเถียน แต่แล้วกลับพบว่าหยกดังกล่าวหายไป เมื่อสาวใช้บอกว่าตนเห็นเฟิงเยี่ยนเข้าไปในห้องเก็บสมบัติกับไฉ่เตี๋ย องค์หญิงเหราอันก็ฟันธงว่าเฟิงเยี่ยนเป็นคนขโมยหยกไป เฟิงเยี่ยนยืนกรานว่าตนไม่ได้ขโมย ทั้งยังประณามองค์หญิงเหราอันว่าเป็นโจรร้องจับโจร (เพราะหยกดังกล่าวเป็นของแม่เฟิงเยี่ยน) องค์หญิงเหราอันได้ยินดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกโกรธจึงสั่งโบยเฟิงเยี่ยนโดยไม่มีการสืบสาวราวเรื่องแต่อย่างใด  ไฉ่เตี๋ยพยายามอ้อนวอนองค์หญิงเหราอันให้เลิกโบยเฟิงเยี่ยนแต่ไม่เป็นผล เธอจึงเอาตัวบังทำให้พลอยโดนโบยไปด้วย เฟิงเยี่ยนรีบผลักไฉ่เตี๋ยออกและยอมรับโทษโบยด้วยความคับแค้นใจ เฟยหงได้ยินเสียงไฉ่เตี๋ยร้องลั่นจึงรีบเดินเข้าไปดูในห้องเย็บปัก พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาก็สั่งให้สาวใช้หยุดโบยและอุ้มเฟิงเยี่ยนออกจากห้องทันที  

เมื่อไฉ่เตี๋ยนำยามาให้ที่ห้อง เฟิงเยี่ยนจึงส่งสายตาบอกให้เฟยหงออกไปก่อน หลังพบว่าเฟยหงเป็นห่วงเฟิงเยี่ยนจนออกนอกหน้า ไฉ่เตี๋ยก็เริ่มมีลางสังหรณ์แปลกๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่เธอเป็นห่วงเฟิงเยี่ยนมากกว่าจึงช่วยทายาให้ ระหว่างทายาเฟิงเยี่ยนบอกไฉ่เตี๋ยว่าหยกชิ้นนั้นเดิมเป็นของหวังเจาจวิน ภายหลังได้ตกอยู่ในมือแม่ของเธอ แม่ของเธอเคยบอกว่าจะให้เธอเป็นของขวัญวันแต่งงานแต่ก็มาด่วนจากไปเสียก่อน หลังแม่ตายหยกก็หายไป เธอเคยคิดที่จะขโมยหยกกลับคืน แต่คิดได้ว่าตัวเองเป็นสาวใช้ก็น่าอนาถพอแล้ว เลยไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นขโมยให้ต่ำต้อยด้อยค่ามากไปกว่านี้ จากนั้นก็ยืนยันว่าตนไม่ได้ขโมยหยกไป (ความจริงแล้วแม่เฟิงเยี่ยนเป็นองค์หญิง แต่เนื่องจากเฟิงเยี่ยนเป็นลูกนอกสมรสจึงไม่มียศถาบรรดาศักดิ์แต่อย่างใด หลังแม่เสียชีวิตขณะที่เธอยังเด็ก เธอจึงมีชีวิตที่ยากลำบากก่อนกลายมาเป็นสาวใช้ในจวนองค์หญิงเหราอัน) 




เฟิงเยี่ยนไม่เห็นถิงตงกลับบ้านหลายวันจึงสงสัยว่าถิงตงหายไปไหน ไฉ่เตี๋ยรู้จากองค์หญิงเหราอันว่าฮองเฮาทรงพระประชวร ถิงตงเลยไปคอยดูแล และนั่นก็ยิ่งทำให้เฟิงเยี่ยนสงสัย (องค์หญิงไม่ยอมบอกคนในบ้านว่าถิงตงโดนขังคุก) ไฉ่เตี๋ยเห็นหน้าผากของเฟิงเยี่ยนมีรอยแผลเลยคิดที่จะนำเครื่องประดับนางรำมาให้เฟิงเยี่ยนสวมเพื่อปิดบังรอยแผลเอาไว้ หลังไฉ่เตี๋ยออกจากห้องไปแล้วเฟยหงก็เข้ามาดูอาการเฟิงเยี่ยนอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง เฟิงเยี่ยนเตือนเฟยหงว่าตนเป็นเพียงสาวใช้จึงไม่คู่ควรกับคุณชายผู้สูงศักดิ์อย่างเฟยหงและคงไม่มีวันได้ลงเอยกัน แต่เฟยหงไม่สนใจและบอกว่าตนจะแต่งงานกับเฟิงเยี่ยนเพื่อที่เฟิงเยี่ยนจะได้ไม่ต้องเป็นสาวใช้อีกต่อไป เฟิงเยี่ยนเห็นเครื่องประดับศีรษะตกอยู่หน้าห้องจึงรู้ได้ทันทีว่าไฉ่เตี๋ยแอบได้ยินเรื่องที่เฟยหงคุยกับตน

ขณะจัดเตรียมงานวันเกิด เฟิงเยี่ยนได้ยินบ่าวไพร่ในจวนคุยกันเลยรู้ว่าแท้จริงแล้วถิงตงไม่ได้อยู่กับฮองเฮาแต่ถูกไทเฮาสั่งจำคุก องค์หญิงเหราอันเลยเชิญแขกคนสำคัญมาร่วมงานวันเกิด ดังนั้น ไฉ่เตี๋ยจะต้องแสดงการร่ายรำให้แขกคนดังกล่าวพึงพอใจ เพราะนี่เป็นทางเดียวที่จะช่วยชีวิตถิงตงได้ เฟิงเยี่ยนนำชุดนางรำไปที่ห้องไฉ่เตี๋ยแต่กลับพบว่าไฉ่เตี๋ยหายตัวไป เมื่อเฟยหงรู้เข้าจึงช่วยออกตามหา เฟิงเยี่ยนเห็นว่าแขกคนสำคัญและเหล่าขุนนางต่างมากันพร้อมหน้า แต่ยังไร้วี่แววของไฉ่เตี๋ยจึงสวมชุดนางรำแล้วออกไปทำหน้าที่แทน โดยจินตนาการว่าเธอกำลังร่ายรำให้เฟยหงดู ปรากฏว่าใต้เท้าเถียนและเหล่าบรรดาแขกเหรื่อต่างประทับใจในลีลาการร่ายรำอันอ่อนช้อย งดงาม เย้ายวน และน่าตื่นตาตื่นใจของเฟิงเยี่ยน

ที่แท้ไฉ่เตี๋ยแอบได้ยินเฟิงเยี่ยนและเฟยหงคุยกันเรื่องแต่งงานจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วทั้งคู่มีใจให้กัน เธอรู้สึกผิดหวังเสียใจเลยหนีเตลิดเข้าป่าตามลำพังและเกิดพลัดตกเนินเขา เมื่อเฟยหงไปพบเข้าจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับถิงตงให้ฟัง จากนั้นก็แบกไฉ่เตี๋ยกลับบ้าน ระหว่างทางทั้งคู่จึงมีโอกาสปรับความเข้าใจกัน เฟยหงเล่าว่าเฟิงเยี่ยนปิดบังเรื่องที่แอบคบกับตนเพราะกลัวไฉ่เตี๋ยเสียใจ ขณะที่ตนเห็นไฉ่เตี๋ยเป็นน้องสาวมาโดยตลอด ซึ่งไฉ่เตี๋ยก็ยอมรับความจริงแต่โดยดี  เฟิงเยี่ยนขอโทษไฉ่เตี๋ยที่ไม่บอกความจริงเรื่องเฟยหง แต่ไฉ่เตี๋ยไม่ติดใจและอวยพรให้ทั้งคู่เพราะรักและอยากเห็นทั้งคู่มีความสุข




ในที่สุดก็มีราชโองการให้หญิงงามตระกูลหนิงเข้าวัง ต้วนเทาสงสัยว่าระหว่างเฟิงเยี่นกับไฉ่เตี๋ยองค์หญิงเหราอันจะส่งใครเข้าวังกันแน่ ในเมื่อนางรำที่ใต้เท้าเถียนเห็นคือเฟิงเยี่นแต่ใต้เท้าเถียนคิดว่านางคือไฉ่เตี๋ย เฟิงเยี่ยนได้ยินองค์หญิงเหราอันบอกต้วนเทาว่าจะส่งไฉ่เตี๋ยเข้าวังไปช่วยถิงตง จึงรีบแย้งด้วยความตกใจว่าไฉ่เตี๋ยใสซื่อเกินกว่าจะรับมือชีวิตที่มีแต่การแก่งชิงดีในวังหลวงได้ หากส่งนางไปก็เท่ากับให้นางไปตายและนางเองก็คงไม่อยากถวายตัวด้วย เฟิงเยี่ยนพยายามขอร้องให้องค์หญิงเหราอันเปลี่ยนใจแต่ก็ไม่เป็นผล เธอจึงขู่องค์หญิงเหราอันว่าจะพาไฉ่เตี๋ยหนีไป องค์หญิงเหราอันมั่นใจว่าไฉ่เตี๋ยจะยอมเข้าวังแต่โดยดีหากรู้ว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยอาของตนได้ เฟิงเยี่ยนได้ยินดังนั้นก็ประณามองค์หญิงเหราอันที่ใจร้ายกับไฉ่เตี๋ย องค์หญิงเหราอันจึงชี้ว่าที่ผ่านมาตนดูแลไฉ่เตี๋ยเป็นอย่างดี หากตนไม่ดีกับไฉ่เตี๋ยคงไม่รับเฟิงเยี่ยนเข้ามาอยู่ในจวนของตน และเฟิงเยี่ยนก็คงถูกพวกอันธพาลฆ่าตายไปนานแล้ว

เฟิงเยี่ยนนึกถึงเรื่องราวเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ในตอนนั้นเธอและ "เมี่ยงเฟิงอิ๋ง" ผู้เป็นน้องสาวต่างตกระกำลำบากหลังมารดาเสียชีวิต เลยต้องออกมาร่ายรำแลกเศษเงินในตลาดแต่กลับถูกพวกอันธพาลรุมทำร้าย เฟิงเยี่ยนจำต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดโชคดีที่ไฉ่เตี๋ยและองค์หญิงเหราอันมาช่วยเอาไว้ ครั้นพอกลับไปหาน้องสาวที่เดิม กลับพบเพียงกำไลกระพรวนและกลองเล็กๆ ของน้องตกอยู่ในบริเวณดังกล่าว ไฉ่เตี๋ยขอให้องค์หญิงเหราอันรับอุปการะเฟิงเยี่ยนและช่วยตามหาเฟิงอิ๋ง จากนั้นก็บอกเฟิงเยี่ยนว่าระหว่างที่ยังหาเฟิงอิ๋งไม่เจอตนจะเป็นน้องสาวแทนให้ เฟิงเยี่ยนจึงสวมกำไลของน้องสาวให้ไฉ่เตี๋ยพลางบอกว่าถึงแม้เฟิงอิ๋งจะกลับมาไฉ่เตี๋ยก็ยังคงเป็นน้องสาวของตน

เฟิงเยี่ยนรับปากองค์หญิงเหราอันว่าจะยังไม่บอกไฉ่เตี๋ยเรื่องเข้าวัง ระหว่างนั้นก็พยายามคิดหาทางออกให้ไฉ่เตี๋ย เมื่อเธอไปพบองค์หญิงเหราอันที่ห้องก็พบว่าแท้จริงแล้วหยกโบราณล้ำค่าไม่ได้หายไป แต่องค์หญิงเหราอันปลี่ยนที่เก็บแล้วลืม มิหนำซ้ำ ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและไม่รู้สึกผิดต่อเธอ เฟิงเยี่ยนได้แต่เก็บความคับแค้นไว้ในใจ จากนั้นก็ขอเข้าวังไปทำหน้าที่แทนไฉ่เตี๋ยโดยบอกว่าหากส่งตนไปจะมีโอกาสช่วยถิงตงได้มากกว่า ต้วนเทาสงสัยว่าเฟิงเยี่ยนทำเพื่อตนเองหรือทำเพื่อใครกันแน่ และเตือนว่าเข้าวังแล้วจะไม่มีทางกลับมาคบกับเฟยหงได้อีก เฟิงเยี่ยนกล่าวว่าตนเป็นเพียงสาวใช้ไม่คู่ควรกับเฟยหงจึงไม่อาจคิดเกินเลย ในที่สุดองค์หญิงเหราอันกับต้วนเทาก็ตัดสินใจว่าจะส่งเฟิงเยี่ยนเข้าวัง เฟิงเยี่ยนจึงขอร้องทั้งคู่ว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับไฉ่เตี๋ยและเฟยหง




องค์หญิงเหราอันรวมหัวกับเฟิงเยี่ยนเล่นละครหลอกไฉ่เตี๋ยโดยแสร้งทำเป็นมีปากเสียงกันหลังพบหยกในห้องของเฟิงเยี่ยน ไฉ่เตี๋ยไม่เชื่อว่าเฟิงเยี่ยนขโมยหยกแต่เฟิงเยี่ยนกลับยอมรับโดยบอกว่าตนรู้สึกคับแค้นใจที่เกิดมาต่ำต้อย ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตนสู้อุตส่าห์ทำงานรับใช้คนในจวนอย่างหนักแต่กลับไม่มีเครื่องประดับเป็นของตัวเองสักชิ้น ผิดกับคนบางคนที่อยู่เฉยๆ ข้าวของเงินทองก็ไหลมาเทมา ไฉ่เตี๋ยกลัวว่าองค์หญิงเหราอันจะไล่เฟิงเยี่ยนออกจากจวนจึงบอกให้เฟิงเยี่ยนขอความเมตตาจากองค์หญิง แต่เฟิงเยี่ยนกลับบ่นว่าตนไม่อยากอยู่ในจวนองค์หญิงอีกต่อไป พอรู้ว่าองค์หญิงเหราอันจะส่งเฟิงเยี่ยนเข้าวังโดยให้นางใช้แซ่หนิง ไฉ่เตี๋ยก็รู้สึกตกใจ ไฉ่เตี๋ยลากเฟยหงมาช่วยเกลี้ยกล่อมเฟิงเยี่ยน แต่เฟิงเยี่ยนยืนกรานว่าจะเข้าวัง ทั้งยังพูดตัดรอนเฟยหงและกล่าวว่าตนเบื่อหน่ายชีวิตที่ยากลำบากเต็มทน เฟยหงเห็นว่าเฟิงเยี่ยนอยากมีชีวิตที่สุขสบายจึงไปขอตำแหน่งขุนนางจากพ่อและบอกว่าจะแต่งงานกับเฟิงเยี่ยน ต้วนเทารู้จุดประสงค์ของเฟิงเยี่ยนจึงปฏิเสธและบอกให้เฟยหงตัดใจ ไฉ่เตี๋ยและเฟยหงพยายามเกลี้ยกล่อมเฟิงเยี่ยนอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล เฟยหงจึงได้แต่ร่ำไห้เสียใจ

แท้จริงแล้วเฟิงเยี่ยนเสียใจกว่าใครที่ต้องทำร้ายจิตใจเฟยหงและไฉ่เตี๋ย ครั้นพอเห็นเฟยหงฝึกซ้อมเพลงดาบข้ามวันข้ามคืนอย่างบ้าคลั่งจนดาบหักเพื่อให้ลืมความเสียใจ เฟิงเยี่ยนก็แทบหัวใจสลาย เธอเปลี่ยนใจไม่ไปจากเฟยหงและไฉ่เตี๋ยเลยไปคุกเข่าขอร้ององค์หญิงเหราอัน แต่องค์หญิงเหราอันกลับคุกเข่าและก้มศีรษะลงตรงหน้าเฟิงเยี่ยน โดยบอกว่าชะตากรรมของสกุลหนิงขึ้นอยู่กับเฟิงเยี่ยน ถ้าหากเฟิงเยี่ยนไม่เข้าวังไฉ่เตี๋ยก็ต้องเข้า ที่สำคัญเฟิงเยี่ยนเป็นคนรำต่อหน้าใต้เท้าเถียนเลยถูกเรียกให้เข้าวัง ดังนั้น เธอจึงมีส่วนในความรับผิดชอบนี้ หลังเฟยหงให้คนนำดอกไม้ช่อสุดท้ายและจดหมายบอกลามาให้ เฟิงเยี่ยนจึงรู้ว่าตนไม่อาจหันหลังกลับและจำเป็นต้องเข้าวัง องค์หญิงเหราอันเห็นว่าเฟิงเยี่ยนชอบหยกโบราณล้ำค่าจึงนำมามอบให้เฟิงเยี่ยน แต่เฟิงเยี่ยนปฏิเสธโดยบอกว่าสิ่งที่ตนชอบจริงๆ ไม่อาจนำไปด้วยได้ เธอรับปากองค์หญิงเหราอันว่าจะพยายามทำให้ฮ่องเต้โปรดปรานและช่วยถิงตงออกมาให้ได้ ก่อนที่เฟิงเยี่ยนจะขึ้นเกี้ยว ไฉ่เตี๋ยนำเสื้อคลุมที่เธอปักลวดลายเองกับมือมามอบให้และอวยพรให้เฟิงเยี่ยนมีชีวิตที่สมหวังดังปรารถนา เฟิงเยี่ยนกล่าวขอบคุณไฉ่เตี๋ยจากนั้นก็ขึ้นเกี้ยวมุ่งหน้าเข้าวัง

และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่างๆ ส่วนเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้นติดตามชมได้ใน "เพลิงรัก แรงริษยา" ทางไทยรัฐทีวี

* เนื้อหาโดย luvasianseries 




 


นักแสดงนำ

 

ไป๋ปิง
รับบท เมี่ยวเฟิงเยี่ยน
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)

"เมี่ยวเฟิงเยี่ยน" เป็นธิดานอกสมรสขององค์หญิงคนหนึ่ง หลังแม่ตายเธอกับน้องจึงมีชีวิตในวัยเด็กที่ยากลำบาก โชคดีที่ไฉ่เตี๋ยช่วยเอาไว้และนับถือเป็นพี่น้อง


 

จางฮั่น
รับบท ต้วนเฟยหง / หลี่เยวี่ย 
(นักแสดง / นักร้อง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวจีน)

"ต้วนเฟยหง" หรือ "หลี่เยวี่ย" เป็นบุตรบุญธรรมของต้วนเทา (ความจริงแล้วเขาคือพระอนุชาต่างมารดาของฮ่องเต้) 


 

เจิ้งส่วง
รับบท หนิงไฉ่เตี๋ย
(นักแสดง ชาวจีน)

หนิงไฉ่เตี๋ย เป็นหลานสาวของหนิงฮองเฮา และหนิงถิงตง (น้องชายฮองเฮา / พระสวามีขององค์หญิงเหราอัน (พี่สาวฮ่องเต้))


 

จางโม่
รับบท จักรพรรดิถังอี้จง
(นักแสดง ชาวจีน)

* "จักรพรรดิถังอี้จง" เป็นพระโอรสองค์โตในจักรพรรดิถังเซวียนจงทรงครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 859-873 (พ.ศ. 1402-1416) 


 

ซางเทียนเอ๋อร์
รับบท เฉาไทเฮา
(นักแสดง ชาวฮ่องกง)


 

หลี่ซิวเสียน
รับบท ต้วนเทา
(นักแสดงฮ่องกง / ผู้กำกับ / ผู้อำนวยการผลิต  - เกิดที่เมืองจีน)





*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา