กำกับ: หลูหลุนฉาง (ชาวฮ่องกง), หลี่เหวินหลง, หลิวกั๋วฮุย
เขียนบท: จางหัวเปียว (ชาวฮ่องกง)
แนวละคร: ย้อนยุค
จำนวนตอน: 55
ออกอากาศ: จีน - 17 เมษายน 2557 - 6 พฤษภาคม 2557 ทางดราก้อนทีวี
ไทย - ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 01.00 น. ทางไทยรัฐทีวี (หมายเลข 32) ตั้งแต่คืนวันที่ 21 กรกฎาคม 2560 - 9 ตุลาคม 2560
เรื่องย่อ
ละคร "ตระกูลเฉิงหัวใจไม่ยอมแพ้ (The Master of The House)" นำเสนอเรื่องราวของหญิงสาวหัวใจแกร่งนามว่า "ถังหลาน" ซึ่งเป็นเหมือนเสาหลักให้กับคนสองตระกูล เธอเป็นอดีตสาวใช้ที่กลายเป็นนายหญิงของบ้านสกุลหลิวหลังแต่งงานกับ "หลิวฉวนอี" ซึ่งเป็นทายาทธุรกิจร้านทอง ทั้งยังมีความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับสกุลเฉิงหลังช่วยชีวิต "เฉินเยว่เลี่ยง" บุตรชายคนที่สองของ "เฉินอี้เฟย" ซึ่งเป็นเด็กออทิสติกที่มีอีคิวต่ำแต่ไอคิวสูง และนั่นก็ทำให้ถังหลานเป็นทั้งเพื่อน พี่ ที่ปรึกษา และคนสนิทเพียงคนเดียวของเยว่เลี่ยง ทั้งยังเป็นคนแรกที่มองเห็นความเป็นอัจฉริยะในตัวเขาอีกด้วย
นอกจากเยว่เลี่ยงแล้ว ถังหลานยังสนิทสนมกับอี้เฟยซึ่งเป็นพ่อของเยว่เลี่ยง ทั้งคู่เป็นกัลยาณมิตรที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามยาก หลังเข้าใจผิดคิดว่าฉวนอีผู้เป็นสามีถูกทหารญี่ปุ่นฆ่าตาย ประกอบกับอี้เฟยป่วยหนักและจะอยู่ได้อีกเพียง 2 ปี แถมธุรกิจธนาคารของสกุลเฉินเริ่มสั่นคลอนเพราะมีคนใกล้ตัวจ้องฮุบ ถังหลานจึงแต่งงานหลอกๆ กับอี้เฟยหมายตอบแทนบุญคุณและช่วยปกป้องธนาคารของสกุลเฉิง (ถ้าไม่แต่งงานเธอจะเป็น 'คนนอก' ทำให้ไม่สามารถแทรกแซงเรื่องภายในธนาคารได้) หลังสงครามโลกครั้งที่สองปะทุขึ้น เยว่เลี่ยงก็หันมาช่วยชาติ (และช่วยเหลือพ่อ) ด้วยการเป็นสายลับที่แฝงตัวทำงานให้ทหารญี่ปุ่นและสามารถช่วยเหลือผู้อพยพชาวจีนได้เป็นจำนวนมาก หลังสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลง อี้เฟยก็จากโลกนี้ไปอย่างหมดห่วง เมื่อภารกิจลุล่วงถังหลานจึงไปจากบ้านสกุลเฉิงและกลับไปใช้ชีวิตกับสามีตัวจริงอย่างฉวนอี (ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นสมาชิกองค์กรลับที่ต่อต้านญี่ปุ่น) ส่วนเยว่เลี่ยงกลายเป็นนักการเงินการธนาคารที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง ทั้งยังเป็นนักพูดที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนเป็นจำนวนมาก
เรื่องย่อตอนที่ 1-3
นอกจากเยว่เลี่ยงแล้ว ถังหลานยังสนิทสนมกับอี้เฟยซึ่งเป็นพ่อของเยว่เลี่ยง ทั้งคู่เป็นกัลยาณมิตรที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามยาก หลังเข้าใจผิดคิดว่าฉวนอีผู้เป็นสามีถูกทหารญี่ปุ่นฆ่าตาย ประกอบกับอี้เฟยป่วยหนักและจะอยู่ได้อีกเพียง 2 ปี แถมธุรกิจธนาคารของสกุลเฉินเริ่มสั่นคลอนเพราะมีคนใกล้ตัวจ้องฮุบ ถังหลานจึงแต่งงานหลอกๆ กับอี้เฟยหมายตอบแทนบุญคุณและช่วยปกป้องธนาคารของสกุลเฉิง (ถ้าไม่แต่งงานเธอจะเป็น 'คนนอก' ทำให้ไม่สามารถแทรกแซงเรื่องภายในธนาคารได้) หลังสงครามโลกครั้งที่สองปะทุขึ้น เยว่เลี่ยงก็หันมาช่วยชาติ (และช่วยเหลือพ่อ) ด้วยการเป็นสายลับที่แฝงตัวทำงานให้ทหารญี่ปุ่นและสามารถช่วยเหลือผู้อพยพชาวจีนได้เป็นจำนวนมาก หลังสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลง อี้เฟยก็จากโลกนี้ไปอย่างหมดห่วง เมื่อภารกิจลุล่วงถังหลานจึงไปจากบ้านสกุลเฉิงและกลับไปใช้ชีวิตกับสามีตัวจริงอย่างฉวนอี (ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นสมาชิกองค์กรลับที่ต่อต้านญี่ปุ่น) ส่วนเยว่เลี่ยงกลายเป็นนักการเงินการธนาคารที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง ทั้งยังเป็นนักพูดที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนเป็นจำนวนมาก
เรื่องย่อตอนที่ 1-3
ละครเปิดฉากขึ้น ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ ปี ค.ศ 1922 (พ.ศ. 2465) ในเขตสัมปทานต่างชาติ ทันทีที่บ้านสกุลหลิวเปิดรับสมัครคนงาน แรงงานอพยพ (หนีภัยสงคราม) จำนวนมากต่างกรูกันเข้ามาสมัคร เมื่อพ่อบ้านเหลียงประกาศว่าต้องการแรงงานชายเพียงคนเดียว ทุกคนจึงพากันร้องขอให้รับตนเข้าทำงาน "ถังหลาน" เด็กสาวเพียงหนึ่งเดียวเดินเท้าเปล่าแทรกผู้คนมาทางด้านหน้า จากนั้นก็อ้อนวอนให้พ่อบ้านเหลียงรับตนเข้าทำงาน แต่พ่อบ้านเหลียงยืนกรานว่าบ้านสกุลหลิวต้องการคนงานชาย คุณชาย "หลิวฉวนอี" ซึ่งติดการพนันได้ยินเสียงดังเอะอะแต่เช้าเลยเดินออกไปดู พอเห็นถังหลานเดินเท้าเปล่ามาสมัครเป็นสาวใช้ เขาก็นึกถึงความฝันเมื่อคืน (มีเทพเจ้านำโชคลาภมาให้ โดยเทพองค์ดังกล่าวไม่สวมรองเท้า) และคิดว่าเธอเป็นตัวนำโชคเลยรับเธอเข้าทำงาน ทั้งยังนำผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเท้าให้เธออย่างอารมณ์ดี โดยเชื่อว่าวันนี้ตนจะมือขึ้น
ณ บ้านสกุลเฉิง "เฉิงอี้เฟย" หรือเถ้าแก่เฉิง เห็น "เฉิงเยว่เลี่ยง" ปลีกตัวมานั่งเล่นชิงช้าตามลำพัง โดยไม่ยอมพูดจาหรือเล่นกับพี่น้องคนอื่นๆ จึงชวนลูกๆ ทุกคนมาทักทายเยว่เลี่ยง นอกจากเยว่เลี่ยงจะไม่สนใจแล้วเขายังโกรธผู้เป็นพ่อที่เข้ามาขัดจังหวะจึงทุบตีและกัดแขนอี้เฟยเพื่อให้ปล่อยมือจากเชือกผูกชิงช้า จากนั้นก็นั่งเล่นชิงช้าตามลำพังโดยไม่สนใจคนรอบข้าง
ณ บ้านสกุลเฉิง "เฉิงอี้เฟย" หรือเถ้าแก่เฉิง เห็น "เฉิงเยว่เลี่ยง" ปลีกตัวมานั่งเล่นชิงช้าตามลำพัง โดยไม่ยอมพูดจาหรือเล่นกับพี่น้องคนอื่นๆ จึงชวนลูกๆ ทุกคนมาทักทายเยว่เลี่ยง นอกจากเยว่เลี่ยงจะไม่สนใจแล้วเขายังโกรธผู้เป็นพ่อที่เข้ามาขัดจังหวะจึงทุบตีและกัดแขนอี้เฟยเพื่อให้ปล่อยมือจากเชือกผูกชิงช้า จากนั้นก็นั่งเล่นชิงช้าตามลำพังโดยไม่สนใจคนรอบข้าง
บ้านสกุลหลิวที่แลดูมั่งคั่งร่ำรวยในสายตาคนนอก แท้จริงแล้วกลับมีหนี้ท่วมหัวเพราะฉวนอีติดการพนันอย่างหนัก ทั้งยังขาดการบริหารจัดการที่ดี ทำให้ธุรกิจร้านทองของครอบครัวกำลังจะถูกธนาคารยึด เถ้าแก่หลิวพยายามอ้อนวอน ทั้งยังคุกเข่าขอความเห็นใจจากอี้เฟย (ซึ่งเป็นเจ้าของธนาคาร) กลางร้านอาหาร แต่ความพยายามของเขากลับสูญเปล่าเพราะอี้เฟยยืนกรานว่าจะยึดร้านทองสกุลหลิวในอีกสองวันข้างหน้า เถ้าแก่หลิวจึงเรียกคนในครอบครัว รวมทั้งพนักงาน และคนงานในบ้านมาพบเพื่อแจ้งข่าวร้ายและขอโทษทุกคน จากนั้นก็บอกให้ถังหลานออกไปซื้ออาหารมาเลี้ยงทุกคนเป็นมื้อสุดท้าย
ส่วนทางด้านสกุลเฉิงซึ่งแม้จะมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและเป็นถึงเจ้าของธุรกิจธนาคาร แต่ก็ไม่วายมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจเพราะเป็นกังวลเรื่องความผิดปกติของเยว่เลี่ยง อี้เฟยและภรรยาพาเยว่เลี่ยงไปหาหมอเพราะเห็นว่าลูกชายตนไม่ยอมพูดจาและไม่สุงสิงกับใคร ซ้ำยังไม่เคยเรียกพวกตนว่าพ่อแม่ เยว่เลี่ยงได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยปากเรียกพ่อแม่เป็นครั้งแรกเพราะไม่อยากไปหาหมอ ทำให้อี้เฟยกับภรรยาดีใจมาก พอรู้ว่าถึงยังไงพ่อก็จะพาตนไปหาหมอให้ได้ เยว่เลี่ยงจึงเปิดประตูลงจากรถก่อนวิ่งเตลิดไปตามถนน ถังหลานเห็นเยว่เลี่ยงกำลังจะถูกรถชนจึงรีบเข้าไปช่วย อี้เฟยเลยไปส่งถังหลานที่บ้านสกุลหลิวเพื่อการขอบคุณ เขาจะมอบเงินก้อนโตให้ถังหลานเป็นสินน้ำใจแต่ถังหลานปฏิเสธและขอให้อี้เฟยเข้าไปพบทุกคนในบ้านแทน
ถังหลานขอร้องอี้เฟยให้มอบโอกาสแก่นายของตนอีกครั้ง มิเช่นนั้นทุกคนที่ทำงานให้สกุลหลิวจะไร้ที่พึ่งพิงและพากันตกงาน เหล่าพนักงาน คนงาน และฉวนอี ต่างอ้อนวอนให้อี้เฟยเห็นใจพวกตน ถังหลานเห็นอี้เฟยควักเงินปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าจึงแย้งว่าพวกตนต้องการเพียงโอกาสไม่ใช่เงิน อี้เฟยยัดเงินจำนวนหนึ่งใส่มือถังหลานแล้วเดินไปที่ประตูโดยไม่พูดจา แต่ถังหลานยืนกรานเสียงแข็งว่าตนไม่ต้องการเงินของเขา อี้เฟยมองว่าสกุลหลิวหมดทางเยียวยา เขาเห็นปัญหาทุกอย่างของสกุลหลิวจึงร่ายให้ถังหลานฟังทีละจุดอย่างหัวเสีย ถังหลานคืนเงินให้อี้เฟยก่อนบอกว่าตราบใดที่ไม่ยอมแพ้ย่อมมีโอกาสรอดเสมอ เธอชี้ว่าเมื่อก่อนอี้เฟยก็เคยเจออุปสรรคมากมายแต่เขาไม่เคยยอมแพ้และสู้ไม่ถอยจึงมีวันนี้ ส่วนเรื่องที่ฉวนอีเป็นผีพนันเธอเชื่อว่านับจากวันนี้เขาจะกลับตัวกลับใจไม่กล้าเข้าบ่อนอีกเพราะรู้ซึ้งถึงผลเสียแล้ว ที่สำคัญฉวนอีไม่ใช่คนโง่ถึงแม้จะเคยหลงผิดแต่เขาก็เป็นคนดีมีความสามารถ ฉวนอีลั่นวาจาว่าจะเลิกเล่นการพนันและจะหันมาช่วยพ่อบริหารร้านทอง ครั้นพอเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของทุกคน อี้เฟยจึงตอบแทนน้ำใจถังหลานโดยบอกเถ้าแก่หลิวกับฉวนอีว่าจะให้โอกาสฟื้นฟูกิจการเป็นเวลา 9 เดือน หากทำไม่สำเร็จตนจะยึดทุกอย่างรวมทั้งบ้านสกุลหลิวด้วย
นับจากนั้นชีวิตของถังหลานก็เกี่ยวข้องพัวพันกับผู้ชายสามคน คนแรกคืออี้เฟย คนที่สองคือเยว่เลี่ยง ส่วนคนที่สามคือฉวนอี ซึ่งเป็นสามีของเธอ
ในปี ค.ศ. 1937 (พ.ศ. 2480) สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สองได้เริ่มเปิดฉากขึ้น เมื่อกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นบุกยึดเมืองเซี่ยงไฮ้ ประชาชนจำนวนมากต่างพากันหนีตายเข้ามาในเขตสัมปทานต่างชาติ ทำให้เกิดความโกลาหล ทั้งยังมีการปล้นสะดม ร้านทองสกุลหลิวและธนาคารของสกุลเฉินซึ่งอยู่ในเขตสัมปทานต่างชาติจึงอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง หลังได้ยินข่าวว่ากองทัพญี่ปุ่นอาจบุกเข้ามาในเขตสัมปทานต่างชาติ อี้เฟยจึงคิดพาทุกคนในครอบครัวลี้ภัยไปที่ฮ่องกง ระหว่างเดินทางไปยังท่าเรือเหล่าผู้ลี้ภัยจำได้ว่าอี้เฟยคือเจ้าของธนาคารเลยพากันรุมล้อมรถของเขาหมายปล้นชิงทรัพย์ เมื่อสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นอี้เฟยจึงโปรยเงินให้เหล่าผู้ลี้ภัย
เยว่เลี่ยงเห็นเด็กทารกถูกวางทิ้งไว้ในตระกร้าเลยลงจากรถเพื่อไปช่วยเด็กโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น พอรู้ว่าเยว่เลี่ยงหายไปอี้เฟยจึงบอกให้ทุกคนมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือก่อน ส่วนตัวเขาจะกลับไปตามหาเยว่เลี่ยง หลังอี้เฟยโทรฯ มาบอกว่าเยว่เลี่ยงหายตัวไป ถังหลานก็พาอี้เฟยไปตามหาเยว่เลี่ยงที่โรงพยาบาลเพราะคนงานของเธอเห็นเยว่เลี่ยงไปที่นั่น เยว่เลี่ยงอุ้มทารกน้อยพลางร้องหาแม่ของเด็กตลอดทาง เมื่ออี้เฟยกับถังหลานมาพบเข้าจึงช่วยกันตามจนเจอแม่เด็กในที่สุด พอรู้ว่ากองทัพญี่ปุ่นตรึงกำลังอยู่ทางด้านนอกเขตสัมปทานต่างชาติและรับปากจะไม่บุกเข้ามา อี้เฟยจึงพาเยว่เลี่ยงกลับบ้านโดยฝากถังหลานให้ช่วยดูแล ถังหลานจึงเล่าให้เยว่เลี่ยงฟังว่าเธอมีน้องสาวที่พรัดพรากจากกันคนหนึ่ง
ในขณะที่ "กุ้ยฮัวเซียง" กำลังออกตามหาใครบางคน ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งซึ่งอยู่ในสภาพมึนเมาเห็นเธอเป็นคนรักจึงปรี่เข้าไปหาด้วยความคิดถึง ฮัวเซียงฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออกจึงนึกว่าเขาพยายามปลุกปล้ำขืนใจเธอ (ทหารญี่ปุ่นมักข่มเหงหญิงชาวจีน) เธอพยายามปัดป้องและแย่งปืนที่เอวของเขาออกมาเล็งขู่ ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งบุกมายิงชาวญี่ปุ่นคนดังกล่าวแล้ววิ่งหนีไป ฮัวเซียงซึ่งถือปืนอยู่ในมือจึงถูก "หวังเจี้ยน" (ตำรวจและญาติของฉวนอี) จับ แถมเขายังกล่าวหาว่าเธอเป็นฆาตกรโดยไม่ฟังคำอธิบายใดๆ
ถังหลานกับฉวนอีบังเอิญผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี ถังหลานเห็นกระเป๋าสตางค์ของฮัวเซียงตกอยู่ที่พื้นจึงหยิบขึ้นมาดูและพบว่าเป็นแบบเดียวกับที่เธอเคยซื้อให้น้องสาวเมื่อสิบกว่าปีก่อน หวังเจี้ยนบอกฉวนอีว่าฮัวเซียงโก่งค่าตัวจนมีปากเสียงกับชาวญี่ปุ่นก่อนที่เธอจะยิงเขา พอรู้ว่าฮัวเซียงเป็นนักศึกษาที่ลี้ภัยเข้ามาอยู่ในเขตสัมปทานต่างชาติ ทั้งยังเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง ถังหลานจึงสงสัยว่าฮัวเซียงอาจเป็นน้องสาวของตน หลังไปเยี่ยมฮัวเซียงในคุกแล้ว ถังหลานก็พาเยว่เลี่ยงไปหาครอบครัวอุปถัมภ์ของฮัวเซียงเพื่อสืบดูว่าฮัวเซียงเป็นน้องสาวของเธอหรือไม่ (เธอเชื่อมั่นในความเป็นอัจฉริยะของเขา) แต่เยว่เลี่ยงกลับทำเสียเรื่องเพราะดันรังเกียจคนในบ้านที่ไม่รักษาสุขอนามัย หลังโดนเยว่เลี่ยงตำหนิชุดใหญ่ย่าของฮัวเซียงก็ถึงกับโรคหัวใจกำเริบ เยว่เลี่ยงจึงขอยืมรถ "เฉิงอี้เสียง" ผู้เป็นอา (ซึ่งบังเอิญผ่านมา) เพื่อให้ถังหลานรีบพาหญิงชราไปส่งโรงพยาบาล โดยเยว่เลี่ยงได้ขอร้องให้อี้เสียงปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับซึ่งอี้เสียงก็ยอมรับปากแต่โดยดี แต่พอกับถึงบ้านอี้เสียงกลับแฉเรื่องที่เยว่เลี่ยงทำให้หญิงชราโรคหัวใจกำเริบต่อหน้าทุกคน เยว่เลี่ยงทั้งโกรธและผิดหวังในตัวอี้เสียง เขาจึงฟันธงว่าสักวันพ่อจะต้องโดนอี้เสียงหักหลังอย่างแน่นอน
ถังหลานกับฉวนอีบังเอิญผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี ถังหลานเห็นกระเป๋าสตางค์ของฮัวเซียงตกอยู่ที่พื้นจึงหยิบขึ้นมาดูและพบว่าเป็นแบบเดียวกับที่เธอเคยซื้อให้น้องสาวเมื่อสิบกว่าปีก่อน หวังเจี้ยนบอกฉวนอีว่าฮัวเซียงโก่งค่าตัวจนมีปากเสียงกับชาวญี่ปุ่นก่อนที่เธอจะยิงเขา พอรู้ว่าฮัวเซียงเป็นนักศึกษาที่ลี้ภัยเข้ามาอยู่ในเขตสัมปทานต่างชาติ ทั้งยังเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง ถังหลานจึงสงสัยว่าฮัวเซียงอาจเป็นน้องสาวของตน หลังไปเยี่ยมฮัวเซียงในคุกแล้ว ถังหลานก็พาเยว่เลี่ยงไปหาครอบครัวอุปถัมภ์ของฮัวเซียงเพื่อสืบดูว่าฮัวเซียงเป็นน้องสาวของเธอหรือไม่ (เธอเชื่อมั่นในความเป็นอัจฉริยะของเขา) แต่เยว่เลี่ยงกลับทำเสียเรื่องเพราะดันรังเกียจคนในบ้านที่ไม่รักษาสุขอนามัย หลังโดนเยว่เลี่ยงตำหนิชุดใหญ่ย่าของฮัวเซียงก็ถึงกับโรคหัวใจกำเริบ เยว่เลี่ยงจึงขอยืมรถ "เฉิงอี้เสียง" ผู้เป็นอา (ซึ่งบังเอิญผ่านมา) เพื่อให้ถังหลานรีบพาหญิงชราไปส่งโรงพยาบาล โดยเยว่เลี่ยงได้ขอร้องให้อี้เสียงปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับซึ่งอี้เสียงก็ยอมรับปากแต่โดยดี แต่พอกับถึงบ้านอี้เสียงกลับแฉเรื่องที่เยว่เลี่ยงทำให้หญิงชราโรคหัวใจกำเริบต่อหน้าทุกคน เยว่เลี่ยงทั้งโกรธและผิดหวังในตัวอี้เสียง เขาจึงฟันธงว่าสักวันพ่อจะต้องโดนอี้เสียงหักหลังอย่างแน่นอน
ถังหลานคิดช่วยฮัวเซียงสู้คดีจึงถูกหวังเจี้ยนและผู้บังคับบัญชาเตือนแกมขู่ให้วางมือ โดยชี้ว่าหากฮัวเซียงไม่โดนประหารชีวิตพวกญี่ปุ่นคงไม่ยอมรามือแน่ ถังหลานจะนำภาพถ่ายที่ได้จากนักข่าว (ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าฮัวเซียงไม่ใช่ฆาตกร) ไปให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ดู แต่กลับถูกหวังเจี้ยนและพวกสกัดกั้นทุกวิถีทาง พอไปถึงโรงพักแล้วเห็นหน้าตำรวจคนหนึ่งเธอก็จำได้ทันทีว่าเขาเป็นฆาตกรตัวจริงที่อยู่ในรูป และนั่นก็ทำเธอเริ่มรู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแต่ก็สายเกินไป เพราะหวังเจี้ยนแย่งรูปจากมือเธอแล้วนำไปเผาทิ้งเสียก่อน เธอจึงโทรฯ ไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้เยว่เลี่ยงฟัง แต่ยังเล่าไม่ทันจบก็มีเหตุให้ต้องวางสายเสียก่อน ถึงกระนั้นเยว่เลี่ยงก็สามารถประติดประต่อเรื่องราวต่างๆ จากความทรงจำในอดีตอันแม่นยำ ทำให้สามารถเชื่อมโยงความเกี่ยวพันระหว่างพวกของหวังเจี้ยนกับผู้เสียชีวิตชาวญี่ปุ่นได้ในที่สุด เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าจะสรุปหรืออธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้อย่างไร
ฮัวเซียงเห็นว่าตนเองกำลังจะโดนประหารเลยสารภาพว่าตนไม่ใช่น้องสาวของถังหลาน แต่ถังหลานยังคงยืนกรานว่าจะช่วยเธอสู้คดี เมื่อชาวญี่ปุ่นรู้เข้าจึงยกพวกบุกมาพังร้านทองสกุลหลิวด้วยความโกรธแค้น ถังหลานนำชื่ออี้เฟยมากล่าวอ้างหมายให้ชาวญี่ปุ่นเกรงใจ (อี้เฟยเป็นนายธนาคารผู้กว้างขวางและทรงอิทธิพลในเขตสัมปทานต่างชาติ) อี้เฟยได้ยินดังนั้นก็ทั้งโกรธและผิดหวังที่ถังหลานลากตนเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องคอขาดบาดตาย เขาไม่ต้องการให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจธนาคารของตนจึงคิดยุติความสัมพันธ์กับร้านทองสกุลหลิวชั่วคราว ครั้นถังหลานอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง อี้เฟยจึงบอกว่าตนจะแอบนำเงินส่วนตัวมาให้ร้านทองสกุลหลิวกู้ยืมแทน
ขณะขึ้นศาลภายในเขตสัมปทานต่างชาติ หวังเจี้ยนให้การปรักปรำฮัวเซียงโดยกุเรื่องมาหลอกผู้พิพากษาฝรั่ง (ซึ่งเป็นผู้ว่าการเขตสัมปทานฯ ด้วย) ว่าเธอเป็นคนยิงชายชาวญี่ปุ่น ถังหลานกับฉวนอีฟังแล้วได้แต่นั่งส่ายหัว หลังออกจากศาลทั้งคู่ถูกกลุ่มชายชาวญี่ปุ่นถือไม้หน้าสามเดินตามด้วยท่าทางเอาเรื่อง เมื่อเห็นท่าไม่ดีทั้งคู่จึงวิ่งหนีเข้าไปหลบในธนาคารของสกุลเฉิน กลุ่มชายชาวญี่ปุ่นเลยพากันขว้างปาก้อนหินใส่ประตูกระจกของธนาคารจนแตกกระจาย อี้เฟยโกรธมากที่ทั้งคู่นำเรื่องเดือดร้อนมาให้ตนถึงที่ จึงพาถังหลานกับฉวนอีออกไปเผชิญหน้ากับชาวญี่ปุ่น จากนั้นก็ชี้ว่าธนาคารของตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตนกับถังหลานและฉวนอีไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเป็นการส่วนตัว กลุ่มชายชาวญี่ปุ่นได้ยินดังนั้นจึงคิดจับตัวถังหลานกับฉวนอีกลับไปด้วย แต่อี้เฟยขวางไว้โดยอ้างว่าทั้งคู่เป็นลูกหนี้รายใหญ่ของธนาคารตน ตนจึงไม่อาจปล่อยให้ลูกหนี้โดนทำร้าย เขาบอกให้ชาวญี่ปุ่นอดทนรอเพราะฮัวเซียงกำลังจะถูกประหารในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ฮัวเซียงกำลังจะฆ่าตัวตายในคุกแต่ถังหลานมาพบเข้าเสียก่อน พอรู้ว่าฆาตกรตัวจริงคือตำรวจที่เป็นพวกของหวังเจี้ยน ฮัวเซียงก็รู้สึกเจ็บแค้น เธอจึงทำร้ายตัวเองเพื่อให้ถูกส่งไปโรงพยาบาล จากนั้นก็หนีไปหาถังหลาน ถังหลานกับฉวนอีเลยพาฮัวเซียงไปที่บ้านสกุลเฉิงด้วยกัน (ในตอนนั้นอี้เฟยกำลังจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้แม่โดยเชิญแขกวีไอพีมาร่วมงานด้วย) เมื่อไปถึงถังหลานก็ขอให้เยว่เลี่ยงพาฮัวเซียงไปซ่อนตัวในห้อง พออี้เสียงรู้ว่าเยว่เลี่ยงแอบพาสาวเข้าห้องจึงชวนหลานๆ ขึ้นไปดู อี้เฟยเห็นดังนั้นจึงตามไปอีกคน พอรู้ว่าถังหลานพาฮัวเซียงหนีตำรวจมาซ่อนตัวในบ้านตน อี้เฟยก็ประกาศตัดความสัมพันธ์กับถังหลานและคิดส่งฮัวเซียงให้ตำรวจ
อี้เฟยตำหนิถังหลานที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อครอบครัวของตนโดยไม่สนว่าคนอื่นจะเดือดร้อนแค่ไหน ฮัวเซียงแย้งว่าตนไม่ใช่คนในครอบครัวของถังหลาน ก่อนหน้านี้ตนอยากพ้นผิดจึงหลอกถังหลานว่าเป็นน้องสาว แต่พอรู้ความจริงแล้วถังหลานกลับยังคงยืนกรานว่าจะช่วยตน ถังหลานบอกอี้เฟยว่าตนจะช่วยฮัวเซียงให้ถึงที่สุดเพราะฮัวเซียงไม่ใช่คนร้าย เมื่อถังหลานยืนยันว่าจะเดิมพันด้วยชีวิต อี้เฟยจึงพาฮัวเซียงไปพบแขกทุกคนที่มาในงาน (ซึ่งมีทั้ง ฝรั่ง (ผู้ว่าการเขตสัมปทานฯ) จีน และญี่ปุ่น) เพื่อเปิดโอกาสให้เธอชี้แจงข้อเท็จจริง หวังเจี้ยนและพวกมาตามจับฮัวเซียงในบ้านสกุลเฉิงแต่กลับโดนเยว่เลี่ยงซึ่งมีความจำเป็นเลิศแฉต่อหน้าทุกคน (เมื่อหลายปีก่อนเยว่เลี่ยงเคยเห็นพวกหวังเจี้ยนและผู้ตายนัดพบกันเพื่อพูดคุยเรื่องผลประโยชน์ ทั้งยังมีการให้ของกำนัลซึ่งของชิ้นนั้นหวังเจี้ยนยังคงพกติดตัวอยู่)
ถังหลานบอกทุกคนว่าก่อนหน้านี้นักข่าวคนหนึ่งได้นำภาพถ่ายคนร้ายตัวจริงมามอบให้ตน น่าเสียดายที่หวังเจี้ยนเผาทิ้งไปแล้ว เธอชี้ไปที่ตำรวจคนหนึ่งซึ่งมากับหวังเจี้ยนพลางประกาศว่าเขาคือคนที่ลั่นไกสังหารชาวญี่ปุ่น ตำรวจคนดังกล่าวกลัวความผิดจึงสารภาพต่อหน้าทุกคนว่า หวังเจี้ยนกับหัวหน้าเป็นคนสั่งให้ตนทำเพราะต้องการฮุบผลประโยชน์จากการลักลอบค้าฝิ่น เมื่อความจริงปรากฏทั้งสามคนจึงถูกจับเข้าคุกเพื่อรอการพิจารณาโทษ ขณะที่ฮัวเซียงได้รับอิสรภาพกลับคืนมา หลังจากนั้นภาพลักษณ์ของเย่วเลี่ยงในสายตาของทุกคนก็เปลี่ยนจาก "คนโง่" เป็น "อัจฉริยะ" ในชั่วข้ามคืน
ถังหลานบอกทุกคนว่าก่อนหน้านี้นักข่าวคนหนึ่งได้นำภาพถ่ายคนร้ายตัวจริงมามอบให้ตน น่าเสียดายที่หวังเจี้ยนเผาทิ้งไปแล้ว เธอชี้ไปที่ตำรวจคนหนึ่งซึ่งมากับหวังเจี้ยนพลางประกาศว่าเขาคือคนที่ลั่นไกสังหารชาวญี่ปุ่น ตำรวจคนดังกล่าวกลัวความผิดจึงสารภาพต่อหน้าทุกคนว่า หวังเจี้ยนกับหัวหน้าเป็นคนสั่งให้ตนทำเพราะต้องการฮุบผลประโยชน์จากการลักลอบค้าฝิ่น เมื่อความจริงปรากฏทั้งสามคนจึงถูกจับเข้าคุกเพื่อรอการพิจารณาโทษ ขณะที่ฮัวเซียงได้รับอิสรภาพกลับคืนมา หลังจากนั้นภาพลักษณ์ของเย่วเลี่ยงในสายตาของทุกคนก็เปลี่ยนจาก "คนโง่" เป็น "อัจฉริยะ" ในชั่วข้ามคืน
เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรติดตามชมได้ใน "ตระกูลเฉิงหัวใจไม่ยอมแพ้ (The Master of The House)"
* เนื้อหาโดย luvasianseries
นักแสดงนำ
รับบท ถังหลาน
(นักแสดง ชาวจีน)
ไจ๋เทียนหลิน
รับบท เฉิงเยว่เลี่ยง
(นักแสดง ชาวจีน)
จางเฉินกวง
รับบท เฉิงอี้เฟย
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)
ห่าวผิง
รับบท หลิวฉวนอี
(นักแสดง ชาวจีน)
เซี่ยจู่อู่
รับบท เฉิงอี้เสียง
(นักแสดง / ผู้ผลิต / ผู้ดำเนินรายการ ชาวไต้หวัน)
ถานซงอวิ้น
รับบท กุ้ยฮัวเซียง
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา