กำกับ: หยางเหวินจวิน, เซี่ยเจ๋อ, หลี่ไฉ
เขียนบท: เจี่ยเยี่ยนเยี่ยน
แนวละคร: แฟนตาซี, โรแมนติก, ผจญภัย
จำนวนตอน: 66
ออกอากาศ: จีน - 18 มิถุนายน 2561 - 13 สิงหาคม 2561 ทางเจ้อเจียงทีวี
ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.00-15.00 น. ทาง MCOT HD (หมายเลข 30) ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2562 - 19 ตุลาคม 2562 (เปลี่ยนเวลาออกอากาศเป็นทุกวันเสาร์ เวลา 14.00-16.00 น. ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม)
ละคร "จอมนางเหนือบัลลังก์" (Legend of Fuyao) ดัดแปลงมาจากนิยายดังเรื่อง "ฝูเหยาหวงโฮ่ว" ของ "เทียนเซี่ย กุยหยวน" เนื้อหากล่าวถึงเรื่องราวของ "เมิ่งฝูเหยา" เด็กสาวที่ถูก "โจวซู" พามาอยู่สำนักกระบี่เสวียนหยวนตั้งแต่ยังเล็ก แต่เธอไม่ได้รับการถ่ายทอดวิชาเพราะถูกดูแคลนว่ามีสถานะต่ำต้อย ทั้งยังถูกคนข่มเหงรังแก นับว่ายังโชคดีที่บุตรชายเจ้าสำนักเอ็นดูเธอจึงแอบถ่ายทอดวิชาให้บ้างเป็นครั้งคราว ถึงกระนั้นฝีมือเธอก็ยังอ่อนด้อยประหนึ่งแมวสามขา ครั้นได้ฝึกเคล็ดวิชาลับ "โพ่จิ่วเซียว" (ทลายสวรรค์เก้าชั้นฟ้า) ที่หายสาบสูญไปนานของสำนักเสวียนหยวนโดยไม่ได้ตั้งใจ ฝีมือเธอจึงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็นำภัยมาสู่เธอและคนใกล้ชิดทำให้เธอต้องหนีตายจากสำนักเสวียนหยวน
เดิมทีโจวซูต้องการให้ฝูเหยาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและต้อยต่ำบนเขาเสวียนหยวนชั่วชีวิต แต่สุดท้ายก็ไม่อาจฝืนโชคชะตา เขาจึงช่วยเปิดทางให้ฝูเหยาหลบหนี ก่อนเล่าว่าฝูเหยาไม่ใช่คนธรรมดามาตั้งแต่เกิด แถมในกายยังมีผนึกมนตราห้าชั้น หากผนึกทั้งห้าไม่ถูกเปิดออกเธอจะมีชีวิตที่สงบสุขตราบจนวันตาย แต่ตอนนี้เธอสำเร็จพลังเทพ "โพ่จิ่วเซียว" แล้ว พลังภายในของวิชาดังกล่าวได้ทะลวงเส้นลมปราณของเธอและเปิดผนึกทั้งห้า ชะตาในวันหน้าของฝูเหยาจึงผูกติดอยู่กับผนึกดังกล่าว โจวซูคืนสร้อยศิลาห้าสีให้ฝูเหยาพลางบอกว่าเป็นของที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่เด็ก จากนั้นก็บอกให้เธอสวมไว้แล้วเดินทางไปยังอาณาจักรต่างๆ ในแดนอู่โจว (ห้าอาณาจักร) เพื่อปลดเปลื้องพันธนาการแห่งโชคชะตาโดยศิลาห้าสีจะช่วยนำทางเธอเอง โจวซูกล่าวว่าตนบอกฝูเหยาได้เพียงเท่านี้ ที่เหลือเธอต้องหาคำตอบด้วยตนเอง ฝูเหยาจึงเริ่มต้นการผจญภัยและคลี่คลายปริศนาต่างๆ (รวมทั้งเรื่องชาติกำเนิดที่ไม่ธรรมดาของตน) โดยมี "เสี่ยวชี" น้องร่วมสำนักเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรม
เดิมทีโจวซูต้องการให้ฝูเหยาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและต้อยต่ำบนเขาเสวียนหยวนชั่วชีวิต แต่สุดท้ายก็ไม่อาจฝืนโชคชะตา เขาจึงช่วยเปิดทางให้ฝูเหยาหลบหนี ก่อนเล่าว่าฝูเหยาไม่ใช่คนธรรมดามาตั้งแต่เกิด แถมในกายยังมีผนึกมนตราห้าชั้น หากผนึกทั้งห้าไม่ถูกเปิดออกเธอจะมีชีวิตที่สงบสุขตราบจนวันตาย แต่ตอนนี้เธอสำเร็จพลังเทพ "โพ่จิ่วเซียว" แล้ว พลังภายในของวิชาดังกล่าวได้ทะลวงเส้นลมปราณของเธอและเปิดผนึกทั้งห้า ชะตาในวันหน้าของฝูเหยาจึงผูกติดอยู่กับผนึกดังกล่าว โจวซูคืนสร้อยศิลาห้าสีให้ฝูเหยาพลางบอกว่าเป็นของที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่เด็ก จากนั้นก็บอกให้เธอสวมไว้แล้วเดินทางไปยังอาณาจักรต่างๆ ในแดนอู่โจว (ห้าอาณาจักร) เพื่อปลดเปลื้องพันธนาการแห่งโชคชะตาโดยศิลาห้าสีจะช่วยนำทางเธอเอง โจวซูกล่าวว่าตนบอกฝูเหยาได้เพียงเท่านี้ ที่เหลือเธอต้องหาคำตอบด้วยตนเอง ฝูเหยาจึงเริ่มต้นการผจญภัยและคลี่คลายปริศนาต่างๆ (รวมทั้งเรื่องชาติกำเนิดที่ไม่ธรรมดาของตน) โดยมี "เสี่ยวชี" น้องร่วมสำนักเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรม
เนื้อหาตอนที่หนึ่ง
ละครเปิดฉากขึ้น ณ ตำหนักฉางชิง ในแดนศักดิ์สิทธิ์ฉยงชาง เจ้าตำหนักนามว่า "เทียนจี" เล่าประวัติความเป็นมาของดินแดนอู่โจว (ห้าอาณาจักร) ให้ศิษย์คนหนึ่งฟัง (จ่างซุนอู๋จี๋) โดยบอกว่าเมืองจักรพรรดิ (หวงเฉิง) ของอาณาจักรเทียนเฉวียนได้รับมอบหมายจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ฉยงชางให้เป็นผู้ดูแลสามอาณาจักร ซึ่งประกอบด้วย อาณาจักรไท่เยวียน, เสวียนจี และเทียนซา ในยามนั้นอาณาจักรต่างๆ ล้วนสงบสุข ประชาชนร่มเย็นเป็นสุข แต่ทว่าเมื่อหนึ่งพันปีก่อน "ตี้เฟยเทียน" ได้ก่อเหตุนองเลือดในดินแดนอู่โจวเป็นเหตุให้ชาวประชาทุกข์ยากแสนเข็ญ ผู้อาวุโสแห่งฉยงชาง "ฉางชิงจื่อ" จึงใช้ "เสวียนหลิงเจินเย่" (จี้รูปใบไม้ - เป็นของวิเศษโบราณของฉยงชาง) พลิกสถานการณ์ ถึงกระนั้นตี้เฟยเทียนก็ไม่ได้สูญสลายหายไปเพราะโลหิตหยาดสุดท้ายของเขาได้จับตัวเป็นศิลาห้าสี
เทียนจียังบอกศิษย์หนุ่มอีกว่า บัดนี้ตี้เฟยเทียนพร้อมที่จะถูกปลุกขึ้นมาได้ทุกเมื่อ และผู้ที่จะทำให้เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีกครั้งคือเด็กสาวที่ครอบครองศิลาห้าสี เนื่องจากศิษย์หนุ่มคนดังกล่าวของเทียนจีเป็นผู้ที่สวรรค์กำหนดให้ครอบครองของวิเศษ "เสวียนหลิงเจินเย่" เทียนจีจึงมอบหมายให้เขาตามหา (ฆ่า) เด็กสาว เนื่องจากเขาเป็นคนเดียวที่สามารถพลิกชะตาฟ้าดินได้ หาไม่แล้วดินแดนอู่โจวจะประสบเคราะห์กรรมมิรู้จักจบสิ้นเพราะเธอ
ณ เขาเสวียนหยวนในอาณาจักรไท่เยวียน เด็กสาวคนหนึ่งซึ่งมีผ้าดำปิดตายืนถือดาบท่ามกลางหิมะโปรยปรายหน้าเจดีย์ที่มีน้ำแข็งปกคลุม ครั้นผ้าปิดตาหลุดออกเพราะแรงลม เธอก็จ้องมองหินเรืองแสงบนยอดเจดีย์อย่างหมายมั่น เมื่อขุนพลน้ำแข็งเห็นเข้าจึงขี่ม้า (ที่เป็นน้ำแข็งเช่นกัน) เข้ามาถามว่าเธอเป็นใคร เด็กสาวตอบอย่างฉะฉานว่าเธอชื่อ "ฝูเหยา" ขุนพลน้ำแข็งจึงเตือนว่าตามกฏแล้วคนที่สามารถผ่านด่านขั้นสามของเคล็ดวิชาลับห้าธาตุ มีเพียงผู้ที่มีตราสำนักกระบี่เสวียนหยวน (ศิษย์เสวียนหยวน) ฝูเหยาได้ยินแล้วยังคงยืนกรานที่จะฝ่าด่านทดสอบต่อไปอย่างไม่เกรงกลัว หลังปราบเหล่าขุนพลน้ำแข็งได้แล้ว ฝูเหยาจึงเหินขึ้นไปบนยอดเจดีย์หมายพิชิตหินเรืองแสง แต่แล้วอยู่ๆ เธอก็ถูกขัดขวางกลางคันซ้ำยังโดนเหวี่ยงจนตกลงไปในห้องฝึกวิชา ปรากฏว่าคนเข้ามาขวางเธอคือศิษย์สำนักกระบี่เสวียนหยวน นามว่า "เผยเยวี่ยน" ซึ่งมาพร้อมสาวใช้ที่ชื่อ "อาเลี่ย"
ครั้นได้ยินฝูเหยาเรียกตนอย่างเป็นกันเองว่า "ศิษย์พี่เผย" ซ้ำยังไม่แสดงความเคารพ เผยเยวี่ยนจึงชี้ว่าฝูเหยาเป็นเพียงคนงานต่ำต้อยในหน่วยเสวียนโยว (หน่วยที่มีลำดับชั้นต่ำสุดในสำนักกระบี่เสวียนหยวน) จึงไม่คู่ควรเรียกตนว่า "ศิษย์พี่" ทั้งยังเตือนฝูเหยาว่าแม้ "ศิษย์พี่เยี่ยน" จะแอบสอนวิชาให้แต่อย่าได้หลงคิดว่าพวกตนอยู่ในระดับเดียวกัน เพราะไม่ว่ายังไงคนงานชั้นต่ำก็ยังคงเป็นคนต้อยต่ำอยู่วันยังค่ำ ฝูเหยาได้ยินแล้วไม่สะทกสะท้านซ้ำยังบิดขี้เกียจต่อหน้าเผยเยวี่ยน จากนั้นก็สวนกลับว่าพวกตนได้อยู่ในระดับเดียวกันแน่ น่าเสียดายที่เมื่อครู่ตนเกือบผ่านด่านนั้นไปได้แล้ว เผยเยวี่ยนเย้ยว่าไม่มีทาง เพราะฝูเหยาทำผิดกฏสำนักด้วยการลักลอบฝึกวิชาโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่ายังไงวันนี้ตนจะต้องจับฝูเหยาไปรับโทษจากเจ้าสำนักให้ได้ ดูซิว่าจะมีใครกล้าให้ท้าย ฝูเหยาได้ยินดังนั้นจึงถามหาหลักฐานและท้าให้จับตัวเธอ ครั้นเห็นว่าฝูเหยายังคงอวดดีทั้งที่ความตายรออยู่ตรงหน้า เผยเยวี่ยนจึงสั่งให้อาเลี่ยจับตัวฝูเหยา แต่ฝูเหยาฝีมือเหนือชั้นกว่าจึงไม่ยอมให้จับง่ายๆ สุดท้ายเธอก็กระโดดหนีออกทางหน้าต่างซึ่งอยู่ริมผาสูงชัน จากนั้นก็โหนโซ่ลงเขาแบบชิลๆ (เนื่องจากปลายเชือกด้านหนึ่งพันขาอาเลี่ย ส่วนอีกด้านพันข้อมือฝูเหยาแบบหลวมๆ เมื่อฝูเหยากระโดดหนี อาเลี่ยจึงพลอยถูกลากไปติดบริเวณหน้าต่าง แถมยังโดนเผยเยวี่ยนฟาดซ้ำด้วยแส้ โทษฐานที่ไม่ได้ดั่งใจ)
ฝูเหยานั่งรอศิษย์พี่ใหญ่ "เยี่ยนจิงเฉิน" (ลูกชายเจ้าสำนัก) บนต้นไม้อย่างสบายอารมณ์ (ตอนอยู่บนเขาเธอเห็นเขาอยู่ไกลลิบๆ เลยมาดักรอ) ครั้นจิงเฉินมาถึงฝูเหยาจึงรีบวิ่งไปเกาะแขนด้วยความดีใจ จิงเฉินเห็นฝูเหยาแอบลงเขาอีกตามเคยจึงอดบ่นด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ ฝูเหยารู้ทั้งรู้ว่าถ้าถูกจับได้จะโดนลงโทษแต่เธอคิดถึงจิงเฉินจึงอยากเจอไวๆ นึกไม่ถึงว่าเผยเยวี่ยนจะตามมาจับเธอถึงที่นี่ เผยเยวี่ยนคารวะจิงเฉินซึ่งเป็นศิษย์พี่ ก่อนพูดดักคอว่าเขาไม่อาจออกโรงปกป้องคนงานชั้นต่ำอย่างฝูเหยาได้อีกแล้ว เพราะคราวนี้ฝูเหยาลอบเข้าไปในเขตหวงห้ามและแอบฝึกวิชาลับ ซ้ำยังหนีลงเขา ตนเลยจำเป็นต้องรายงานเรื่องนี้ให้ท่านเจ้าสำนักทราบ ไม่ว่ายังไงวันนี้ฝูเหยาก็ต้องโดนลงโทษ
จิงเฉินตำหนิฝูเหยาที่ชอบทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด จากนั้นก็ขอให้เผยเยวี่ยนละเว้นฝูเหยา โดยบอกว่าฝูเหยายังอ่อนเดียงสาจึงชอบเล่นซุกซน เผยเยวี่ยนไม่พอใจที่จิงเฉินชอบให้ท้ายฝูเหยาจึงโวยว่า จิงเฉินจะทำให้ฝูเหยาซึ่งเป็นเพียงคนงานชั้นต่ำได้ใจและกำเริบหนักขึ้น เช่นนี้แล้วเขาเสวียนหยวนจะมีกฏเอาไว้ทำไม ฝูเหยาแย้งว่าเผยเยวี่ยนเองก็ทำผิดกฏเช่นกัน จากนั้นก็ชี้ว่าวันนี้เป็นวันประกอบพิธีกรรมสำคัญ ศิษย์หน่วยเสวียนเจิ้งทุกคนควรไปรวมตัวกันบนยอดเขา แต่ทำไมเผยเยวี่ยนซึ่งเป็นศิษย์หญิงอันดับหนึ่งของหน่วยเสวียนเจิ้งถึงได้แอบลงเขามาเช่นกัน เผยเยวี่ยนได้ยินดังนั้นจึงคิดสั่งสอนฝูเหยา แต่จิงเฉินรีบขวางเอาไว้พลางกล่าวว่าตนจะรายงานเรื่องนี้ให้เจ้าสำนักทราบเอง ทั้งยังรับปากว่าฝูเหยาต้องโดนลงโทษหนักแน่ เขาหันกลับไปหาฝูเหยาแล้วแกล้งสั่ง (เสียงเข้ม) ให้เธอกลับไปที่หน่วยเสวียนโยว จากนั้นให้ยืนหันหน้าเข้ามุมห้องเพื่อสำนึกในความผิดและรอรับโทษจากตน เขาแอบขยิบตาให้ฝูเหยาและไล่ให้เธอรีบไป
เผยเยวี่ยนไม่พอใจที่จิงเฉินปล่อยฝูเหยาไปต่อหน้าต่อตาจึงคิดที่จะตามไปจับกลับมา จิงเฉินรีบคว้าแขนเผยเยวี่ยนเอาไว้ทำให้เผยเยวี่ยนเสียหลักและโผเข้ากอดจิงเฉินโดยไม่ตั้งใจ เผยเยวี่ยนมีใจให้จิงเฉินอยู่แล้วจึงทั้งชอบใจและเขินอาย ฝูเหยาซึ่งแอบดูอยู่หลังต้นไม้ได้ยินว่าจิงเฉินกับเผยเยวี่ยนจะไปร่วมพิธีบูชาสวรรค์และเหล่าบูรพาจารย์ผู้ล่วงลับด้วยกันจึงคิดที่จะแอบไปเปิดหูเปิดตา ด้วยความที่ไม่อาจสวมเครื่องแบบ (เสื้อดำ) ประจำหน่วยเสวียนโยวไปร่วมพิธีได้ ฝูเหยาจึงวางแผนให้ "เสี่ยวชี" (รุ่นน้องคนสนิทที่อยู่หน่วยเดียวกัน) ขโมยเสื้อผ้าของหน่วยเสวียนเจิ้งมาใส่พร้อมจัดเตรียมให้เธอชุดหนึ่ง เสี่ยวซีขึ้นมาถึงยอดเขาก่อนจึงหลบอยู่หลังโขดหินใกล้ลานประกอบพิธีแบบกล้าๆ กลัวๆ ขณะที่ฝูเหยากำลังไต่เถาวัลย์ขึ้นสู่ยอดเขาสูงชัน (หน่วยของเธอตั้งอยู่ในถ้ำบนเขาด้านล่าง)
* ฝูเหยามาอยู่ที่สำนักกระบี่เสวียนหยวนตั้งแต่เด็ก แต่เนื่องจากเธอไม่มีหัวด้านการเรียนทั้งยังดื้อรั้นซุกซน และไม่มีหัวนอนปลายเท้า ภายหลังจึงถูกส่งตัวไปอยู่ที่หน่วยเสวียนโยวและกลายเป็นแรงงานระดับล่างในที่สุด (เสวียนโยวเป็นหน่วยงานระดับล่างสุดของสำนักกระบี่เสวียนหยวน ผู้ที่อยู่ในหน่วยนี้ไม่มีสิทธิ์ฝึกวิชาและไม่อาจเข้าร่วมพิธีใดๆ ศิษย์คนไหนด้อยฝีมือหรือขาดคุณสมบัติจะถูกส่งมาอยู่หน่วยนี้) นับว่ายังโชคดีที่จิงเฉินรักและเอ็นดูเธอจึงแอบฝึกวิชาให้ทุกครั้งที่มีโอกาส
ณ หน่วยเสวียนโยว "โจวซู" (หัวหน้าหน่วยเสวียนโยว / "ซู" แปลว่า "อา") พาสมาชิกใหม่ซึ่งเป็นเด็กชายตัวน้อยเดินดูบริเวณโดยรอบ พลางกล่าวว่า แม้เสวียนหยวนจะเป็นสำนักกระบี่ชั้นนำของยุทธภพ แต่ผู้ที่มีสิทธิ์ฝึกวิชามีเพียงคนบนเขาในหน่วยเสวียนเจิ้งเท่านั้น คนที่จะเข้าหน่วยดังกล่าวต้องมาจากตระกูลที่สูงส่งและมั่งคั่ง ส่วนคนในหน่วยเสวียนโยวอย่างพวกตนมีหน้าที่ทำงานให้คนอื่น หลังมีคนนำชุดเครื่องแบบสีดำมาให้เด็กชายตัวน้อย โจวซูจึงบอกเด็กว่าใครก็ตามที่สวมชุดแบบนี้ล้วนมีสถานะต่ำสุดในเสวียนหยวน หากเจอคนสวมชุดสีอื่นให้หลีกทาง เขาย้ำว่าที่นี่มีให้ทั้งที่พักและอาหาร ซ้ำยังเป็นที่คุ้มกะลาหัวจึงนับว่าเป็นบุญของพวกตนแล้ว ดังนั้นต้องขยันทำงาน อย่ามัวคิดเรื่องเหลวไหลไร้สาระและอย่าเอาอย่างหัวโจกเด็กที่ชื่อฝูเหยา ครั้นเอ่ยถึงฝูเหยา โจวซูจึงหันไปดูและพบว่าเธอหายตัวไป
เสี่ยวซีสะดุงโหยงเมื่อฝูเหยาย่องมาหาเงียบๆ ก่อนต่อว่าเธอที่มาช้า (ปล่อยให้ตนกลัวแทบตาย) ฝูเหยาเห็นเสี่ยวซีแต่งตัวเป็นศิษย์หน่วยเสวียนเจิ้งจึงแซวเล่นขำๆ ว่าหล่อไม่เบา แต่เสี่ยวซีซึ่งกำลังปอดแหกไม่ขำด้วยเพราะการขโมยชุดคนอื่นมาใส่แล้วสวมรอยเป็นศิษย์หน่วยเสวียนเจิ้งก็นับว่าแย่พอแล้ว หากมีคนจับได้ว่าพวกตนแอบมาดูเหล่าผู้นำทำพิธีบูชาสวรรค์และเหล่าบูรพาจารย์ผู้ล่วงลับ พวกตนมีหวังศพไม่สวยแน่ ฝูเหยาแย้งว่าหน่วยเสวียนเจิ้งมีศิษย์ตั้งมากมาย ใครจะมานั่งสังเกตเป็นรายคน ครั้นเห็นเสี่ยวซีทำหน้าตาเลิ่กลั่กเพราะกลัวถูกจับได้ ฝูเหยาจึงเตือนว่าเสี่ยวซีกำลังทำตัวมีพิรุธให้คนอื่นสงสัย และบอกให้ดูตนแบบอย่าง เสี่ยวซีย้อนว่าถึงยังไงก็ไม่มีใครจำตนได้แน่ ผิดกับฝูเหยาที่สร้างวีรกรรมเอาไว้เยอะ มีใครบ้างที่ไม่รู้จักเธอ ถึงกระนั้นฝูเหยาก็คิดว่าเป็นการเสี่ยงที่คุ้มค่าเพราะการประลองจัดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งในรอบแปดปี พลาดคราวนี้ก็ต้องรออีกแปดปีข้างหน้า ถ้ารู้ว่าเสี่ยวซีใจเสาะขนาดนี้ตนคงไม่ชวนมา เสี่ยวซีได้ยินดังนั้นจึงยืนกรานว่าฝูเหยาไปไหนตนจะตามไปด้วย
หลังเปลี่ยนชุดแล้วฝูเหยาก็พาเสี่ยวซีแฝงตัวเข้าไปในบริเวณงาน ครั้นเห็น "เยี่ยนเลี่ย" (เจ้าสำนักกระบี่เสวียนหยวน และบิดาของจิงเฉิน) เริ่มประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งคู่ก็รู้สึกตื่นเต้น เยี่ยนเลี่ยประกาศว่านับจากวันนี้การประลองภายในที่จัดขึ้นทุกๆ แปดปีของสำนักกระบี่เสวียนหยวนจะเริ่มเปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขัน ตราบใดที่เป็นศิษย์เสวียนหยวนและอายุถึงเกณฑ์ ไม่ว่าจะสวมชุดสีขาว สีเขียว หรือสีแดง ล้วนมีสิทธิ์เข้าร่วมการประลองโดยไม่เกี่ยงเรื่องภูมิหลัง (สายเลือดและชาติตระกูล) เขากล่าวว่าการประลองจัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยอาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนัก หมายคัดเลือกศิษย์ที่กล้าหาญและเป็นยอดฝีมือมาช่วยปกป้องชาวประชาจากภยันตรายต่างๆ ผู้ชนะการประลองจะได้เป็นวีรบุรุษ เป็นผู้แบกเกียรติยศของสำนัก และเป็นกำลังสำคัญของอาณาจักรไท่เยวียน เยี่ยนเลี่ยยังบอกด้วยว่าศิษย์ที่ต้องการเข้าร่วมการประลองจะต้องส่งเทียบสมัครที่ประทับตราด้วยเลือดตนเอง หลังสมัครแล้วทุกคนต้องเอาชีวิตเข้าแลกในการประลองและห้ามนึกเสียใจในภายหลัง
ฝูเหยาบ่นอุบว่าไม่เกี่ยงเรื่องภูมิหลังที่ไหนกัน เธอเห็นว่ามันไม่ยุติธรรมเลยสักนิดที่หน่วยเสวียนโยวของตนโดนดูแคลนและไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการประลอง ทันใดนั้น โจวซูก็มาลากตัวฝูเหยากลับไปก่อนที่จะเป็นเรื่อง แต่ฝูเหยายังคงดื้อแพ่งและหนีขึ้นไปบนต้นไม้เพราะไม่อยากถูกตี โจวซูปีนต้นไม้ไม่ไหวจึงบอกให้ฝูเหยาลงมารับโทษแต่โดยดีเพราะคราวนี้เธอไม่เพียงหาเรื่องใส่ตัวแต่ยังลากเสี่ยวซีเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เสี่ยวซีบอกให้ฝูเหยายอมรับผิดและขอความเมตตาจากโจวซู จากนั้นก็ขอร้องโจวซูว่าอย่าโกรธและทำโทษฝูเหยา โจวซูจึงกล่าวว่าหากเสี่ยวซีหวังดีกับฝูเหยาจริงก็อย่ามาขวางตนมิเช่นนั้นจะพลอยโดนตีอีกคน ฝูเหยารีบปกป้องเสี่ยวซีโดยบอกว่าตนบังคับให้เสี่ยวซีไปเป็นเพื่อน แต่เสี่ยวซีแย้งว่าตนสมัครใจไปเอง โจวซูจึงตัดบทด้วยการสั่งให้เสี่ยวซีกลับไปย้อมผ้าให้เสร็จ
ครั้นเสี่ยวซีไปแล้วฝูเหยาจึงบอกให้โจวซูเลิกเล่นใหญ่ ก่อนชี้ว่าตนก็แค่ไปแอบดูและไม่มีใครเห็นตน โจวซูบอกให้ฝูเหยาลงจากต้นไม้โดยรับปากว่าจะไม่ตี ซ้ำยังมีงานดีๆ ให้ทำ แต่ฝูเหยาไม่ยอมหลงกลง่ายๆ โจวซูจึงชูป้ายให้ฝูเหยาดูพลางบอกให้เธอลงเขาเพื่อไปซื้อเหล้า ฝูเหยาได้ยินดังนั้นก็หูผึ่งและยอมลงจากต้นไม้ โจวซูจึงตีสั่งสอนพอเป็นพิธี (ไม่กล้าตีแรงเพราะกลัวเธอเจ็บ) จากนั้นก็ถามฝูเหยาว่าหน่วยเสวียนโยวไม่ดีตรงไหน ถึงแม้พวกตนจะต่ำต้อยและยากจน แต่ทุกคนก็ดีกับเธอ แม้แต่เสี่ยวซีและพวกเด็กๆ ก็เชื่อฟังชอบติดตามเธอ เธอจึงควรทำตัวเป็นแบบอย่างไม่ใช่สอนให้เด็กเป็นลิงทะโมน โจวซูรู้ว่าฝูเหยาอยากไปจากหน่วยเสวียนโยวจึงถามว่าเป็นเพราะอะไร ฝูเหยายอมรับว่าทุกคนในหน่วยดีกับเธอ เพียงแต่เธอคิดว่ามันไม่ยุติธรรมและไม่ชอบที่มีการแบ่งชนชั้น เธอชี้ว่าศิษย์หน่วยเสวียนเจิ้งได้รับการฝึกวิชา ไปไหนมาไหนได้โดยอิสระ ซ้ำยังชอบรังแกพวกตน แต่พวกตนกลับต้องก้มหน้าก้มตาทำงานให้พวกเขาเพียงเพราะมีสถานะที่ต่ำต้อยกว่า โจวซูบอกให้ฝูเหยายอมจำนนต่อโชคชะตา ฝูเหยาไม่อยากโดนเทศนาเลยแย่งป้ายในมือโจวซูแล้ววิ่งหนีไป โจวซูจึงตะโกนไล่หลังด้วยความเป็นห่วงว่าลงเขาแล้วอย่าหาเรื่องใส่ตัว
เยี่ยนเลี่ยถามจิงเฉินว่าได้เรียนรู้อะไรบ้างหลังลงเขาไปนานสามเดือน จิงเฉินกล่าวว่าตนได้พบองค์ชายใหญ่ "เซวียนหยวนจาย" ในเมืองคุนจิง (เมืองหลวง) พระองค์เป็นผู้มีเมตตา กตัญญู กล้าหาญ และเป็นคนสุขม ตนรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการยกย่องจากพระองค์ องค์ชายใหญ่บอกตนว่าราชสำนักมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเลยอยากก่อตั้งกองกำลังของตนเอง และตนก็เป็นคนที่พระองค์ต้องการ เยี่ยนเลี่ยได้ยินดังนั้นจึงถามจิงเฉินว่าตอนเดินทางกลับไม่ได้ยินข่าวอะไรบ้างเลยหรือ ครั้นเห็นว่าจิงเฉินไม่รู้เรื่อง เยี่ยนเลี่ยจึงบอกว่าตอนนี้สถานการณ์ในเมืองคุนจิงได้เปลี่ยนไปแล้ว
ณ เมืองคุนจิง อาณาจักรไท่เยวียน... ต้าอ๋อง "เซวียนหยวนเริ่น" ทรงประชวรหนักและกำลังบรรทมอยู่บนเตียง เมื่อองค์ชายใหญ่มาเข้าเฝ้าพระองค์จึงลุกขึ้นมาถามว่าจัดการทุกสิ่งตามที่ตนสั่งแล้วหรือยัง องค์ชายใหญ่ทูลว่าตนสั่งให้ "จางเฮ่อเหนียน" จัดทัพเข้ามาในวังแล้ว และตอนนี้ทหารของพวกตนได้ตรึงกำลังปิดล้อมบริเวณด้านนอกของกำแพงเมือง ต่อให้มีปีก "ฉีเจิ้น" (ตำแหน่งกั๋วกง) ก็ไม่มีทางหนีพ้นแน่ ต้าอ๋องกล่าวว่าฉีเจิ้นจ้องชิงบัลลังก์ตนมานานแล้ว อีกสามวันจะมีพิธีแต่งตั้งองค์ชายใหญ่เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ หากฉีเจิ้นยังมีลมหายใจทั้งบัลลังก์และสายเลือดสกุลเซวียนหยวนจะมีภัย พระองค์สั่งให้องค์ชายใหญ่ทำการกวาดล้างฉีเจิ้นและพวกให้สิ้นซากแบบถอนรากถอนโคนโดยไม่รู้ว่าฉีเจิ้นแอบฟังอยู่และได้ยินทุกคำพูด ฉีเจิ้นได้ยินดังนั้นจึงชิงลงมือก่อนทันที
* ไท่เยวียน เรียกผู้ปกครองอาณาจักรว่า "ต้าอ๋อง"
* ไท่เยวียน เรียกผู้ปกครองอาณาจักรว่า "ต้าอ๋อง"
ครั้นรู้จากบิดาว่าฉีเจิ้นคิดการใหญ่ จิงเฉินจึงอดเป็นห่วงต้าอ๋องและองค์ชายใหญ่ไม่ได้ เขาไม่อยากเชื่อว่าคนที่มีอำนาจล้นฟ้าและเป็นรองเพียงต้าอ๋องจะยังคงกระหายในอำนาจ ทั้งยังกลัวว่าการเปิดศึกชิงบัลลังก์จะทำให้อู่โจว (ห้าอาณาจักร) สั่นคลอน เยี่ยนเลี่ยชี้ว่าฉีเจิ้นมีทั้งกำลังและอำนาจ เขาจะต้องเปิดศึกกับราชสกุลเซวียนหยวนไม่ช้าก็เร็ว ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าผลจะเป็นเช่นไร แต่ถ้าสกุลเซวียนหยวนถูกกวาดล้างและมีการสถาปนาราชวงศ์ใหม่ ขั้วอำนาจและตำแหน่งต่างๆ ในอาณาจักรไท่เยวียนจะเปลี่ยนไป จิงเฉินถามบิดาว่าสำนักเสวียนหยวนไม่คิดทำอะไรบ้างเลยหรือ เยี่ยนเลี่ยแย้งว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกตน เสวียนหยวนเป็นสำนักกระบี่ที่อยู่ห่างไกล (จากเมืองหลวง) และเป็นส่วนหนึ่งของยุทธภพ จึงไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมือง พวกตนจะวางตัวเป็นกลางและเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น จิงเฉินรู้สึกผิดต่อองค์ชายใหญ่เพราะก่อนหน้านี้องค์ชายใหญ่ให้เกียรติและยกย่องตน เยี่ยนเลี่ยชี้ว่าคิดจะเป็นใหญ่ในยุทธภพต้องไร้ซึ่งความรู้สึกส่วนตัว หากจิงเฉินชนะการประลองคราวนี้ใครเลยจะไม่ยกย่อง (เสวียนหยวนเป็นสำนักฝึกวิชาอันดับหนึ่ง หากชนะการประลองภายในก็เท่ากับเป็นยอดคน) เขาจึงควรทุ่มเทกายใจให้การประลองและต้องเป็นผู้ชนะให้ได้
ฉีเจิ้นนำกำลังทหารส่วนตัวบุกเข้าวังและลงมือสังหารองค์ชายใหญ่ด้วยตนเอง หลังจากนั้นจึงสั่งให้เหล่าทหารกวาดล้างสกุลเซวียนหยวนโดยกำชับว่าอย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว ต้าอ๋องแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นฉีเจิ้นบุกเข้ามาในห้องบรรทมกลางดึก ฉีเจิ้นประคองต้าอ๋องให้นอนลงพลางกล่าวว่าตนไม่ได้มาเอาชีวิตเพราะไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นผู้ลอบปลงพระชนม์ แต่ตนมาเพื่อขอให้ต้าอ๋องกัดฟันทนอีกสักนิด (อย่าเพิ่งตาย) แล้วในไม่ช้าจะได้เห็นตนขึ้นครองบัลลังก์ปกครองไท่เยวียน
"เซวียนหยวนหมิน" (ซึ่งไม่ได้อยู่ในเมืองคุนจิง) วิ่งหนีเตลิดเข้าไปในป่าหลังถูกสมุนของฉีเจิ้นตามไล่ล่า เขาวิ่งตัดหน้าม้าเทียมเกวียนของฝูเหยาทำให้ถูกม้าชนจนร่างกระเด็น เมื่อฝูเหยาเข้าไปดูอาการเขาก็ขอร้องให้ฝูเหยาช่วยชีวิตตน โดยบอกว่าตนเป็นบุตรชายคนโตของเฉวียนตูอ๋อง ชื่อ "เซวียนหยวนหมิน" พูดจบเขาก็หมดสติ ฝูเหยาจึงนำเขาไปซ่อนบนเกวียนบรรทุกเหล้าแล้วใช้ผ้าคลุมปิดไว้ (ในเวลาเดียวกันนั้น เผยเยวี่ยนได้สั่งให้ศิษย์น้องช่วยกันวางตาข่ายดักจับฝูเหยาเพราะรู้ว่าฝูเหยากำลังจะขนเหล้าผ่านมาทางนี้)
ในที่สุด ฝูเหยาก็พาเซวียนหยวนหมินหลบหนีการไล่ล่าได้สำเร็จ แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีคน (ศิษย์เสวียนหยวน) ลอบยิงหนังสติ๊กใส่เธอ ฝูเหยาไหวตัวทันเลยรีบหลบทำให้ก้อนหินพุ่งใส่ไหเหล้าจนแตกกระจาย ฝูเหยารีบกระโดดลงจากรถม้าแต่ดันตกลงบนตาข่ายที่ซ่อนอยู่พอดี เธอจึงถูกแขวนห้อยอยู่บนกิ่งไม้ขณะที่ม้ายังคงลากเกวียนวิ่งต่อไป หลังจากนั้นไม่นานล้อเกวียนก็กระแทกก้อนหินอย่างแรง ทำให้เกวียนหลุดจากตัวม้าและพลิกคว่ำลงข้างทาง และนั่นก็ทำให้เซวียนหยวนหมินกลิ้งออกมานอนหมดสติข้างเกวียนที่พลิกคว่ำ ฝูเหยาเห็นเหล่าสมุนของฉีเจิ้นควบม้าผ่านมาจึงร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครสนใจเธอ ทันใดนั้น ร่างของเซวียนหยวนหมินก็ถูกใครบางคนลากออกไป เมื่อสมุนของฉีเจิ้นควบม้าผ่านมาแล้วเห็นชายคนหนึ่งนอนสลบอยู่ พวกเขาจึงช่วยกันจับตัวไป (ชายคนดังกล่าวแต่งกายเหมือนเซวียนหยวนหมิน แต่สวมรองเท้าคนละสี)
จิงเฉินรอฝูเหยาอยู่บนเขาแต่แล้วก็ต้องผิดหวังเพราะคนที่มาหาเขากลับเป็นเผยเยวี่ยน เขาไม่อยากอยู่กับเธอตามลำพังจึงขอตัว แต่เผยเยวี่ยนชิงตัดพ้อว่าจิงเฉินจากเสวียนหยวนไปนานถึงสามเดือนเก้าวัน หากนับรวมวันนี้ก็จะครบหนึ่งร้อยวันพอดี (เธอเฝ้ารอเขาด้วยความคิดถึงมานาน 100 วัน) จากนั้นก็เล่าว่านับตั้งแต่พี่สาวของเธอออกเรือนไป พ่อของเธอก็ปรารถนาที่จะเป็นทองแผ่นเดียวกันกับขุนนางใหญ่ในราชสำนักจึงรบเร้าให้เธอกลับเมืองหลวง จิงเฉินได้ยินดังนั้นก็รู้สึกยินดีด้วย แต่เผยเยวี่ยนชี้ว่าเธอไม่อยากไปจากเขาเสวียนหยวนเพราะอยากอยู่ที่นี่กับเขา จิงเฉินพยายามเบี่ยงประเด็นโดยกล่าวว่าเผยเยวี่ยนมีความสามารถโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ในสำนักเสวียนหยวน ตนเชื่อว่าเธอจะต้องทำผลงานได้อย่างน่าทึ่งในสนามประลองและจะมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วไท่เยวียน เมื่อถึงเวลานั้นไม่เพียงขุนนาง แม้แต่เหล่าเชื้อพระวงศ์ก็จะแห่มาสู่ขอเธอ
เผยเยวี่ยนยอมรับว่าที่เธอไม่กลับเมืองหลวงเป็นเพราะอยากเข้าร่วมการประลอง เธอไม่ได้ทำเพื่อตนเองเท่านั้นแต่ทำเพื่อจิงเฉินด้วย เธออยากช่วยให้จิงเฉินมีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วอาณาจักรไท่เยวียน เผยเยวี่ยนกำลังจะสารภาพความในใจแต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือของฝูเหยาดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน (ฝูเหยาอยู่ในป่าด้านล่างแต่เสียงแผดร้องของเธอดังขึ้นมาถึงบนยอดเขา) จิงเฉินได้ยินดังนั้นจึงรีบลงเขาไปหาฝูเหยาทันที เผยเยวี่ยนเห็นจิงเฉินสนใจฝูเหยามากกว่าตนก็รู้สึกโกรธและยิ่งเคียดแค้นฝูเหยาหนักขึ้น
"อวิ๋นเหิน" (บุตรบุญธรรมของฉีเจิ้น) เข้ามาดูชายหนุ่มที่ถูกคนของตนจับตัวมาพลางถามลูกน้องว่าใช่คนที่พวกตนตามหาแน่หรือ เมื่อลูกน้องยืนยันว่าชายคนดังกล่าวคือเซวียนหยวนหมิน บุตรชายคนโตของเฉวียนตูอ๋อง (อ๋องปกครองเมืองเฉวียนตู เป็นพระญาติของต้าอ๋อง) อวิ๋นเหินจึงสั่งให้ฆ่าทิ้งทันที ขณะที่ลูกน้องของเขากำลังใช้เชือกรัดคอเซวียนหยวนหมิน (ตัวปลอม) อยู่ๆ ฉีเจิ้นก็ถอนคำสั่งฆ่าล้างตระกูลเซวียนหยวน ซ้ำยังบอกให้ไว้ชีวิตเซวียนหยวนหมิน อวิ๋นเหินจึงรีบสั่งให้ลูกน้องหยุดลงมือ แต่ทว่าเซวียนหยวนหมินแน่นิ่งไปแล้ว
ครั้นเห็นฝูเหยาติดอยู่ในตาข่ายจิงเฉินจึงรีบช่วยเหลือทันที ฝูเหยารีบไปดูเกวียนที่ใช้ขนเหล้าแต่แล้วกลับพบว่าเกวียนล้มคว่ำทำให้ไหเหล้าแตกกระจายเกลื่อนพื้น เธอจึงพร่ำบ่นว่าคราวนี้ตนโดนโจวซูตีตายแน่ จิงเฉินตำหนิฝูเหยาที่ไม่ระวังและบอกว่าตนจะช่วยพูดกับโจวซูให้เอง ฝูเหยารู้สึกแปลกใจที่เซวียนหยวนหมินหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจึงถามจิงเฉินว่าเห็นคนบาดเจ็บหรือไม่ จิงเฉินแย้งว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาห่วงคนอื่น ครั้นเห็นว่าฝูเหยามีเลือดออกที่มือ จิงเฉินจึงโอบฝูเหยาพลางเตือนว่าเธอเป็นหญิงไม่จำเป็นต้องทำตัวแข็งแกร่งตลอดเวลา ฝูเหยาเห็นว่าจิงเฉินเป็นห่วงตนก็รู้สึกซาบซึ้งใจ
จิงเฉินใช้ผ้าเช็ดหน้าพันแผลให้ฝูเหยาอย่างทะนุถนอม เขารู้ว่าเพราะตนดีกับฝูเหยาและให้ความสำคัญกับเธอมากเป็นพิเศษ คนอื่นจึงจ้องรังแกฝูเหยา ทั้งยังรู้ด้วยว่าเหตุการณ์ในวันนี้เป็นฝีมือของใครบางคนเช่นกัน เขาเห็นใจฝูเหยาที่ต้องทนน้อยเนื้อต่ำใจ ฝูเหยาแย้งว่าตนไม่น้อยเนื้อต่ำใจเลยสักนิดเพราะถือคติตาต่อตาฟันต่อฟัน จิงเฉินจึงเตือนฝูเหยาว่าการไม่ยอมลดราวาศอกมีแต่จะนำภัยมาสู่ตน เขาให้คำมั่นว่าหากวันใดตนได้เป็นเจ้าสำนัก ตนจะทำให้ฝูเหยาหลุดพ้นจากสถานะอันต่ำต้อย และจะทำให้ทุกคนรู้ว่าฝูเหยาเป็นผู้หญิงของตน (เผยเยวี่ยนซึ่งแอบฟังอยู่ไม่ไกลนักได้ยินแล้วถึงกับน้ำตาร่วงก่อนเดินจากไป) ฝูเหยาได้ยินดังนั้นจึงบอกว่าเธอจะไม่น้อยเนื้อต่ำใจอีกแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ตาม แต่ถ้าจิงเฉินปฏิบัติต่อศิษย์หน่วยเสวียนโยวแบบเดียวกับตน และช่วยให้ทุกคนได้ถอดชุดดำเร็วๆ คงจะดีไม่น้อย จิงเฉินแย้งว่าเขาเสวียนหยวนมีกฏที่ต้องรักษา จากนั้นจึงตัดบทด้วยการชวนฝูเหยากลับขึ้นเขา ครั้นได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัย ทั้งคู่ก็รู้ได้ทันทีว่ามีผู้บุกรุกเขาเสวียนหยวน
หลังได้รับแจ้งว่าคนของฉีเจิ้นบุกขึ้นมาบนเขาเสวียนหยวนโดยพลการ เยี่ยนเลี่ยจึงรีบออกไปดู ที่แท้อวิ๋นเหินนำคนเจ็บ (เซวียนหยวนหมินตัวปลอม) มาให้หมอช่วยรักษาแต่ถูกศิษย์สำนักเสวียนหยวนขวางเอาไว้ เมื่อเยี่ยนเลี่ยมาถึงและแนะนำตัวว่าตนคือเจ้าสำนัก อวิ๋นเหินกลับยังคงยืนนิ่งไม่แสดงความเคารพ เขายืนกรานว่าต้องการพบหมอเก่งๆ เพราะมีคนได้รับบาดเจ็บ ก่อนชี้ว่าใต้เท้าฉีเจิ้นสั่งให้ช่วยชีวิตคนผู้นี้ให้ได้ ศิษย์สำนักเสวียนหยวนเห็นอวิ๋นเหินวางท่าหยิ่งยโสทั้งที่ตนเองเป็นฝ่ายต้องการความช่วยเหลือจึงรู้สึกไม่พอใจ ทันใดนั้น ฉีเจิ้นก็เดินทางมาถึงเขาเสวียนหยวนพร้อมกำลังทหารส่วนตัวจำนวนมาก
เยี่ยนเลี่ยเชิญหมอเทวดา "จงเยว่" มาช่วยรักษาคนเจ็บ ฉีเจิ้นซึ่งยืนลุ้นอยู่หลังม่านสงสัยว่าหมอหนุ่มผู้นี้จะช่วยชีวิตคนของตนได้จริงหรือ เยี่ยนเลี่ยบอกให้ฉีเจิ้นวางใจเพราะชายผู้นี้คือหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยกย่องในยุทธภพ เขาจะขึ้นมาเก็บสมุนไพรบนเขาเสวียนหยวนเฉพาะฤดูใบไม้ร่วง หาไม่แล้วก็ยากที่จะเจอตัว ที่สำคัญทุกคนที่เขาช่วยรักษาล้วนหายเป็นปลิดทิ้ง ฉีเจิ้นได้ยินดังนั้นจึงหวังว่าหมอเทวดาหนุ่มจะเก่งจริงสมคำร่ำลือ เมื่อจงเยว่เดินออกมาจากหลังม่าน ฉีเจิ้นก็ถามถึงอาการของคนเจ็บ จงเยว่บอกเพียงว่าชายคนดังกล่าวไม่เป็นอะไรและจะฟื้นคืนสติภายในครึ่งชั่วยาม (หนึ่งชั่วโมง) เมื่อฉีเจิ้นขอให้ช่วยเขียนเทียบยา จงเยว่ก็ยืนยันคำเดิมว่าชายคนดังกล่าวไม่เป็นอะไรจึงไม่จำเป็นต้องจัดยาให้ พูดจบเขาก็ขอตัวและเดินจากไปทันที อวิ๋นเหินไม่พอใจที่จงเยว่ไม่ให้เกียรติบิดาตนจึงรีบขวางไว้ ฉีเจิ้นซึ่งเป็นขุนนางใหญ่ไม่อยากรังแกสามัญชนคนธรรมดาจึงสั่งให้อวิ๋นเหินหลีกทาง
จิงเฉินเห็นว่ามีทหารตรึงกำลังโดยรอบเรือนรับรอง จึงถามบิดาว่าเกิดอะไรขึ้นและสงสัยว่าผู้ที่อยู่ข้างในเป็นใครกันแน่ ครั้นรู้ว่าฉีเจิ้นบุกมาถึงที่นี่ จิงเฉินก็รู้สึกตกใจ เยี่ยนเลี่ยเดาว่าการที่อยู่ๆ ฉีเจิ้นก็บุกมาเยือนเขาเสวียนหยวนแสดงว่าต้องเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นในวังอย่างแน่นอน ถึงกระนั้นเขาก็มองว่านี่เป็นโอกาสจึงบอกให้จิงเฉินคว้าเอาไว้
หลังเวลาผ่านพ้นไปครึ่งชั่วยามเซวียนหยวนหมินตัวปลอมก็เริ่มรู้สึกตัว แท้จริงแล้วเขาคือ "จ่างซุนอู๋จี๋" องค์ชายรัชทายาทแห่งอาณาจักรเทียนเฉวียน เขาแสร้งทำเป็นงุนงง หน้าตาเลิ่กลั่ก เมื่อเห็นอวิ๋นเหินกับฉีเจิ้นอยู่ในห้องและกำลังจ้องมองตน จากนั้นก็ถามว่าทั้งคู่เป็นใคร และตนอยู่ที่ไหน ฉีเจิ้นถามกลับว่าเขาคือเซวียนหยวนหมิน บุตรชายคนโตของเฉวียนตูอ๋องจริงๆ หรือ จ่างซุนอู๋จี๋ตอบว่า ถ้าใช่แล้วยังไง ถ้าไม่ใช่จะเป็นเช่นไร ฉีเจิ้นไม่อยากเล่นลิ้นให้เสียเวลาจึงทดสอบด้วยการสาดน้ำชาใส่เขาทันที ครั้นเห็นกับตาว่าชายหนุ่มมีพลังอวี้สุ่ย (ควบคุมน้ำ) ฉีเจิ้นจึงวางใจ (แต่ยังไม่ปักใจเชื่อ) ว่าเขาอาจเป็นสายเลือดราชสกุลเซวียนหยวนจริงๆ (แท้จริงแล้วจ่างซุนอู๋จี๋ใช้วิชาของแดนศักดิ์สิทธิ์ฉยงชางซึ่งควบคุมน้ำได้ระดับหนึ่งมาตบตาฉีเจิ้น)
ครั้นชายหนุ่มถามฉีเจิ้นว่าเขาเป็นใคร รู้ความลับราชสกุลเซวียนหยวนได้อย่างไร ฉีเจิ้นจึงเดินเข้าไปหาชายหนุ่มแล้วสะบัดแขนเสื้อ (จ่างซุนอู๋จี๋แสร้งทำเป็นหลบด้วยความหวาดกลัว) หลังจากนั้น ฉีเจิ้นก็ถวายความเคารพพลางแนะนำตัวและขออภัยที่ทำให้ตกใจ จ่างซุนอู๋จี๋ซึ่งสวมรอยเป็นเซวียนหยวนหมินทำท่าประหลาดใจเมื่อได้ยินฉีเจิ้นเรียกตนว่า 'ซื่อจื่อ' (คำเรียกผู้สืบทอดราชบัลลังก์ในสมัยโบราณ) ฉีเจิ้นกล่าวว่าพระองค์คงยังไม่ได้รับราชโองการ ต้าอ๋องทรงแต่งตั้งพระองค์เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์อาณาจักรไท่เยวียน ขบวนรับเสด็จเข้าวังจะมาถึงในอีกสองวันข้างหน้า สายตาของฉีเจิ้นจับจ้องไปที่ชายหนุ่มราวกับพยายามจับผิด เซวียนหยวนหมินตัวปลอมยิ้มและถามว่าตนจะได้เป็นต๋าอ๋องคนต่อไปของอาณาจักรไท่เยวียนงั้นหรือ เมื่อฉีเจิ้นยืนยันว่าใช่ เขาจึงกล่าวด้วยความดีใจว่า "ได้...ข้าจะเป็นต๋าอ๋อง"
*** จบตอนที่หนึ่ง ***
* เนื่องจาก "จ่างซุนอู๋จี๋" เป็นองค์ชายรัชทายาทของอาณาจักรเทียนเฉวียน และอาณาจักรเทียนเฉวียนก็เป็นผู้นำอาณาจักรไท่เยวียน, เสวียนจี และเทียนซา เมื่ออาณาจักรไท่เยวียนกำลังจะมีภัย เขาจึงปลอมตัวเป็นเซวียนหยวนหมินหมายยับยั้งและเปิดโปงแผนชั่วของฉีเจิ้น ทั้งยังช่วยรักษาบัลลังก์และอาณาจักรไท่เยวียนให้ทายาทสกุลเซวียนหยวน
* "เซวียนหยวนหมิน" (ตัวจริง) เป็นชายหนุ่มที่คาบช้อนทองมาเกิด แต่หลังจาก "เฉวียนตูอ๋อง" ผู้เป็นบิดาเสียชีวิต วันๆ ถ้าไม่ขลุกอยู่ที่โรงงิ้ว เขาก็มักไปเล่นการพนันกับผองเพื่อนที่ล้วนเป็นคนพาล ไม่นานทรัพย์สินมากมายมหาศาลที่บิดาทิ้งไว้ให้ก็ถูกเขาผลาญจนหมดเกลี้ยง ซ้ำยังมีหนี้สินท่วมตัว
* "ฉีเจิ้น" เปลี่ยนใจไว้ชีวิต "เซวียนหยวนหมิน" ทั้งที่เดิมทีคิดกวาดล้างสายเลือดราชสกุลเซวียนหยวน เพราะเขาเพิ่งรู้ความจริงอันน่าตกใจจากปากต้าอ๋องว่า หากตนกำจัดสายเลือดสกุลเซวียนหยวนจนสกุลเซวียนหยวนไร้ทายาทสืบทอดบัลลังก์ อำนาจในการปกครองจะถูกส่งคืนให้อาณาจักรเทียนเฉวียน (ผู้ที่จะขึ้นครองบัลลังก์ไท่เยวียนต้องเป็นสายเลือดสกุลเซวียนหยวนเท่านั้น) กฏเหล็กของอู่โจว (ห้าอาณาจักร) ที่คนนอกอย่างฉีเจิ้นไม่เคยล่วงรู้มาก่อนคือ หากราชสกุลใดไร้ซึ่งผู้สืบทอดบัลลังก์ อาณาจักรนั้นจะพลอยสูญสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาณาจักรไท่เยวียนที่มีกำแพงน้ำล้อมรอบทุกทิศทาง หากฉีเจิ้นกวาดล้างสกุลเซวียนหยวนจะไม่มีคนควบคุมน้ำ และนั่นก็จะทำให้อาณาจักรไท่เยวียนจมบาดาล
รายชื่อนักแสดง
นักแสดงนำ
หยางมี่
รับบท ฝูเหยา (เฟิ่งอู๋หมิง)
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
หร่วนจิงเทียน
รับบท จ่างซุนอู๋จี๋ / เซวียนหยวนหมิน (ตัวปลอม)
(นักแสดง / นายแบบ ชาวไต้หวัน)
อาณาจักรไท่เยวียน
เขาเสวียนหยวน
หวงโย่วหมิง
รับบท เยี่ยนจิงเฉิน
(นักแสดง ชาวจีน)
รับบท เยี่ยนจิงเฉิน
(นักแสดง ชาวจีน)
** บุตรชายเจ้าสำนัก และรักแรกของฝูเหยา **
หลี่อีเสี่ยว
รับบท เผยเยวี่ยน
(นักแสดง ชาวจีน)
** ศิษย์สำนักเสวียนหยวน และหลานสาวของฉีเจิ้น **
หลี่หงเทา
รับบท เยี่ยนเลี่ย
(นักแสดง ชาวจีน)
รับบท เยี่ยนเลี่ย
(นักแสดง ชาวจีน)
** เจ้าสำนัก **
"เสี่ยวชี" เป็นรุ่นน้องคนสนิทของฝูเหยา แต่ที่มาของเขานั้นไม่ธรรมดาและมีเงื่อนงำ เขาเริ่มเผยพิรุธตอนเห็นกระดิ่งที่เอวจ้านเป๋ยเหยี่ยแล้วรู้ทันทีว่าเป็นกระดิ่ง "เซ่อคุนหลิง" (ของวิเศษของอาณาจักรเทียนซา) ทั้งที่เขาเติบโตบนเขาเสวียนหยวนและเพิ่งลงเขาครั้งแรก **
ราชวงศ์ / ราชสำนัก / เมืองคุนจิง
ล่ายอี้
รับบท จงเยว่
(นักแสดง ชาวจีน)
หลิวอี้จวิน
รับบท จงเยว่
(นักแสดง ชาวจีน)
"จงเยว่" เป็นหมอเทวดาชื่อดังที่มีบุคลิกเย็นชา เย่อหยิ่ง พูดน้อย พูดตรง จริงๆ แล้วเขาคือ "เซวียนหยวนเยว่" โอรสองค์โตของอดีตรัชทายาท "เหวินอี้" แห่งอาณาจักรไท่เยวียน ครอบครัวของเขารวมทั้งคนอื่นๆ ในบ้านรวม 78 ชีวิต ถูกฉีเจิ้นและอาแท้ๆ (เซวียนหยวนเริ่น) กวาดล้างสังหารหมู่ นับว่ายังโชคดีที่เขาและน้องชายซึ่งยังเป็นเพียงเด็กชายตัวน้อยรอดตายมาได้ แต่ทว่าสองพี่น้องต้องพลัดพรากจากกันนับแต่นั้นมา เขาจึงสั่งสมความแค้นและรอโอกาสที่จะเอาคืนอย่างสาสมมานานถึง 15 ปี สาเหตุที่เขารอดตายมาได้ในคราวนั้นเป็นเพราะเขาแกล้งตายแล้วนอนปะปนกับกองซากศพ หลังจากนั้นเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจาก "ตี้เฟยเยียน" ซึ่งช่วยถ่ายทอดวิชาแพทย์และเพลงยุทธ์ขั้นเทพให้เขา แต่เนื่องจากของฟรีไม่มีในโลกเขาจึงต้องแลกด้วยการลดทอนอายุขัยของตนลง 40 ปี
หลิวอี้จวิน
รับบท ฉีเจิ้น
(นักแสดง ชาวจีน)
"ฉีเจิ้น" เป็นกั๋วกง (ขุนนางใหญ่) แห่งอาณาจักรไท่เยวียน และเป็นลุงของ "เผยเยวี่ยน" เขาเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง แม้อยู่ใต้คนๆ เดียวแต่อยู่เหนือผู้คนนับหมื่นเขาก็ยังไม่พอใจ เขาจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะได้ครอบครองบัลลังก์ไท่เยวียน แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวังทั้งที่เตรียมการมานานและวางแผนอย่างรัดกุม ทั้งนี้เมื่อ 15 ปีก่อนเขาใส่ร้ายอดีตรัชทายาท "เหวินอี้" หมายให้ตนเองมียศศักดิ์สูงขึ้น และเพื่อขโมยของวิเศษ "หลงหลินเจี่ย" (ชุดเกราะเกล็ดมังกร) ที่อยู่ในตำหนักของอดีตรัชทายาทหวังนำมายื้อชีวิต "ฉีอวิ้น" ลูกสาวที่ป่วยเป็นโรครักษาไม่หายมาตั้งแต่เกิดและจะอยู่ได้ไม่เกินอายุ 6 ปี ในภายหลังเขาหลบหนีการจองจำออกจากเมืองคุนจิง และทำข้อแลกเปลี่ยนกับเฟยเยียนเพื่อให้ตนมีพลังเวทย์หมายนำมาแก้แค้น แต่แล้วเขากลับทำร้ายลูกสาวโดยไม่ตั้งใจ ครั้นรู้ว่าลูกสาวแอบคืน "หลงหลินเจี่ย" (ชุดเกราะเกล็ดมังกร) ให้จงเยว่แล้ว เขาจึงใช้พลังเวทย์ฆ่าตัวตาย
เหลียงอี้มู่
รับบท อวิ๋นเหิน
(นักแสดง ชาวจีน)
"อวิ๋นเหิน" เป็นบุตรบุญธรรมของฉีเจิ้น แต่ชาติกำเนิดที่แท้จริงเป็นถึงโอรสองค์รองของอดีตรัชทายาท "เหวินอี้" แห่งอาณาจักรไท่เยวียน ทั้งยังเป็นน้องชายของจงเยว่อีกด้วย (เพราะเขาเป็นสายเลือดราชสกุลเซวียนหยวนจึงควบคุมน้ำได้) เดิมทีเขาถูกฉีเจิ้นสั่งสอนเลี้ยงดูให้เป็นจอมวายร้าย ครั้นล่วงรู้เรื่องราวในอดีตและชาติกำเนิดที่แท้จริงของตน เขาจึงกลับตัวกลับใจไม่รับโจรเป็นพ่อ ทั้งยังร่วมมือกับพี่ชายและจ่างซุนอู๋จี๋ทำลายแผนยึดอำนาจของฉีเจิ้น ถึงกระนั้นเขาก็ฆ่าฉีเจิ้นไม่ลง ซ้ำยังแอบรัก "ฉีอวิ้น" ลูกสาวของฉีเจิ้นที่โตมาด้วยกันอีกด้วย (แต่ฉีอวิ้นหลงรักจงเยว่) เขาจึงนำตัวฉีเจิ้นไปคุมขัง และได้รับการสถาปนาเป็นต้าอ๋องแห่งอาณาจักรไท่เยวียน (จงเยว่สละตำแหน่งให้น้องชาย)
รับบท เซวียนหยวนเสี่ยว
(นักแสดง / ผู้ดำเนินรายการ ชาวจีน)
"เซวียนหยวนเสี่ยว" เป็นองค์หญิงใหญ่แห่งอาณาจักรไท่เยวียน และอดีตชายาของ "จ่างซุนเจีย" (เต๋ออ๋อง) แห่งอาณาจักรเทียนเฉวียน เธอมีอีกชื่อหนึ่งคือ "อาหรง" (มีเพียง "เต๋ออ๋อง" ที่รู้ชื่อนี้)
รับบท ฉีอวิ้น
(นักแสดง ชาวจีน)
** ลูกสาวและแก้วตาดวงใจของ "ฉีเจิ้น" หลงรักจงเยว่มาตั้งแต่เด็กๆ **
หลิวอิ่งหลุน
รับบท ไท่เหยียน (เหลียนเอ๋อร์)
(นักแสดง ชาวจีน)
"ไท่เหยียน" ปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะ "เซวียนหยวนฮุย" เพื่อช่วย "จ่างซุนอู๋จี๋" วางแผนตบตาฉีเจิ้น ฉีเจิ้นเห็นกับตาว่าเธอ (ซึ่งปลอมตัวเป็นชาย) ควบคุมน้ำได้เลยนำเลือดเธอมาประกอบพิธีกรรมหมายให้ตนมีพลังควบคุมน้ำ ความจริงแล้วในตัวเธอมีสายเลือดเซวียนหยวนครึ่งหนึ่งเพราะเธอเป็นธิดาขององค์หญิง "เซวียนหยวนเสี่ยว" กับ "จ่างซุนเจีย" (เต๋ออ๋อง) แห่งอาณาจักรเทียนเฉวียน นอกจากนี้เธอยังเป็นศิษย์ของเฟยเยียนอีกด้วย
อาณาจักรเทียนเฉวียน
หวังจิ้นซง
รับบท จ่างซุนจฺย่ง
(นักแสดง ชาวจีน)
** ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเทียนเฉวียน และเจ้าปกครองอู่โจว (ห้าอาณาจักร) **
ซ่งเจียหลุน
รับบท จ่างซุนเจีย (เต๋ออ๋อง)
(นักแสดง ชาวจีน)
** น้องชาย "จ่างซุนจฺย่ง" เป็นบิดาที่แท้จริงของ "จ่างซุนอู๋จี๋" **
เจวียนจื่อ
รับบท หยวนชิงอี่ (สือเอินฮองเฮา)
(นักแสดง ชาวจีน)
"หยวนชิงอี่" เป็นฮองเฮาแห่งอาณาจักรเทียนเฉวียน และพระมารดาของ "จ่างซุนอู๋จี๋" สมัยยังสาวได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของอู่โจว เธอเคยเป็นคนรักของ "จ่างซุนเจีย" แต่ถูกบังคับให้อภิเษกกับ "จ่างซุนจฺย่ง"
จ้าวฉู่หลุน
รับบท จ่างซุนผิงหรง (อี้อ๋อง)
(นักแสดง ชาวจีน)
** โอรสองค์โตของ "จ่างซุนจฺย่ง" **
เกาฮั่นอวี่
รับบท เจียงเฟิง
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
** องครักษ์เงา และคนสนิทของ "จ่างซุนอู๋จี๋" **
อวี๋หยงไห่
รับบท สวีหลาย
(นักแสดง ชาวจีน)
** ลูกสมุนของ "จ่างซุนผิงหรง" **
เจี๋ยเปิ่นชู
รับบท เถี่ยเฉิง
(นักแสดง ชาวจีน)
** นักรบเมืองเหยา (เหยาเฉิง) **
อาณาจักรเทียนซา
รับบท จ้านเป๋ยเหยี่ย (เลี่ยอ๋อง)
(นักแสดง / นายแบบ ชาวจีน)
"จ้านเป๋ยเหยี่ย" เป็นโอรสของ "จิ้งไท่เฟย" (พระสนมจิ้ง) เขาเป็นผู้นำกองกำลัง "เฮยเฟิงฉี" ที่คอยปกป้องทะเลทรายเก๋อหย่า ภายหลังได้ขึ้นเป็น "หวังซ่าง" (ผู้ปกครองอาณาจักรเทียนซา)
จางหย่าชิน
รับบท หย่าหลานจู (องค์หญิงฉยงเย่)
(นักแสดง / นางแบบ ชาวจีน)
"หย่าหลานจู" เป็นธิดาอ๋องแห่งฉยงเย่เป่ย นามว่า "หย่าหลานจื่อ" เธอชอบจ้านเป๋ยเหยี่ยตั้งแต่ยังเป็นเด็กจึงตามติดเขาไปทุกที่เหมือนเป็นเงาตามตัว จนมีฉายาว่า "เสี่ยวเหว่ยปา" (เป็น "หางน้อย" ของจ้านเป๋ยเหยี่ย)
จางอี้ชง
รับบท จ้านหนานเฉิง
(นักแสดง ชาวจีน)
** เจ้าปกครอง (หวังซ่าง) อาณาจักรเทียนซา **
กู้โย่วหมิง
รับบท จ้านเป่ยเหิง (เหิงอ๋อง)
(นักแสดง / นายแบบ / นักกีฬา ชาวจีน)
** น้องชาย "จ้านหนานเฉิง" **
หลี่ว์เต๋อเลี่ยง
รับบท เหลยต้ง
(นักแสดง / ผู้กำกับ ชาวจีน)
** อาจารย์ของ "จ้านเป๋ยเหยี่ย" และหนึ่งในสิบเทพยุทธ์แห่งอู่โจว (ห้าอาณาจักร) โดยเขาเป็นเทพยุทธ์อันดับที่สาม **
หลิวชิวสือ
รับบท จี้อวี่
(นักแสดง ชาวจีน)
** ลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของ "จ้านเป๋ยเหยี่ย" **
อาณาจักรเสวียนจี
(นักแสดง ชาวจีน)
เฉาเว่ยอวี่
รับบท เมิ่งซั่ว (อวี้เหิง)
(นักแสดง ชาวจีน)
** สามีเฟิ่งฉี บิดาเฟิ่งอู๋หมิง (ฝูเหยา) องครักษ์เงาของเฟิ่งเสวียน ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิบเทพยุทธ์แห่งอู่โจว (ห้าอาณาจักร) **
เกาลี่เหวิน
รับบท เฟิ่งจิ้งจื๋อ (องค์หญิงใหญ่)
(นักแสดง ชาวจีน)
หวังเฮ่อรุ่น
รับบท โฝเหลียน / เฟิ่งจิ้งฟ่าน (องค์หญิงรอง)
(นักแสดง ชาวจีน)
"เฟิ่งจิ้งฟ่าน" สร้างภาพว่าตนเป็นคนดี มีใจเมตตา แต่ความจริงแล้วเป็นหญิงใจโฉดโหดร้าย มักใหญ่ใฝ่สูง และเป็นศิษย์ของเฟยเยียน เธอแอบอ้างว่าตนคือ "โฝเหลียน" ทั้งที่ความจริงแล้วโฝเหลียนตัวจริงคือ "ฝูเหยา" (ฝูเหยาจำไม่ได้ว่าตนคือองค์หญิงแห่งอาณาจักรเสวียนจี และเธอเคยเจอ "จ่างซุนอู๋จี๋" ในวังตอนเด็กๆ)
เฉินจวิ้นอวี่
รับบท ถังอี้จง
(นักแสดง ชาวจีน)
** ผู้พิทักษ์หอเฟิ่งอิน สืบเชื้อสายมาจากสกุลเฟิ่ง เป็นญาติห่างๆ ของฝูเหยา**
ฉยงชาง
รับบท เทียนจี
(นักแสดง ชาวจีน)
** อาจารย์ของ "จ่างซุนอู๋จี๋" เป็นผู้นำสิบเทพยุทธ์แห่งอู่โจว (ห้าอาณาจักร) **
** อาจารย์ของ "จ่างซุนอู๋จี๋" เป็นผู้นำสิบเทพยุทธ์แห่งอู่โจว (ห้าอาณาจักร) **
หลิวเสวียน
รับบท เฟยเยียน
(นักแสดง ชาวจีน - อดีตนักยิมนาสติก)
** เจ้าตำหนักฮ่วนเซิง และหลานสาวตี้เฟยเทียน **
คลิปเบื้องหลังจาก 捷成华视—偶像剧场
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ชอบมากๆ ขอคุณสำหรับข้อมูลที่ละเอียดมากๆ จ้า
ตอบลบGood
ตอบลบ