วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2562

เรื่องย่อ ปรมาจารย์ตำนานเต๋า (The Taoism Grandmaster)




กำกับ: หวงเหว่ยหมิง, หวงจวิ้นเหวิน
เขียนบท: เฉินสือซาน (ชาวฮ่องกง), เฝิงเป่าอี๋
แนวละคร: แฟนตาซี
จำนวนตอน: 46
ออกอากาศ: จีน - 21 พฤษภาคม 2561 ทางเว็บไซต์อ้ายฉีอี้
                 ไทย - ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.35-08.35 น. ทางช่องโมโน 29 ตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน - 5 พฤศจิกายน 2562



 


 เรื่องย่อ

ละคร "ปรมาจารย์ตำนานเต๋า" (The Taoism Grandmaster) ดัดแปลงมาจากนิยายแฟนตาซีเรื่อง "เสวียนเหมินต้าซีอ (玄门大师) ของนักประพันธ์และนักเขียนบทชาวฮ่องกง "เฉินสือซาน" (ซึ่งร่วมเขียนบทละครเรื่องนี้ด้วย) และ "หลิงหู" ใช้ทีมงานถ่ายทำชุดเดียวกับละครเรื่อง "เลือดมังกรกู้ชาติ" (The Mystic Nine) ด้วยความที่เนื้อหากล่าวถึงมิตรภาพ ความรัก การผจญภัย และการต่อสู้อย่างอาจหาญของเหล่าจอมเวทย์วัยหนุ่มสาว ทีมผู้ผลิตจึงขนทัพนักแสดงรุ่นใหม่มาร่วมประชันฝีมือในบทบาทสำคัญมากถึง 29 คน โดยนักแสดงเหล่านี้ถูกเปิดตัวในฐานะกลุ่มไอดอล "X29"

* "เสวียนเหมิน" เป็นอีกชื่อหนึ่งของลัทธิเต๋า มีความหมายตรงตัวว่า "ประตูสีดำ" หรื "ประตูเร้นลับ"

เนื้อหาหลักในละครสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อสามพันปีก่อน ในตอนนั้นเทพสงคราม "หยางเจี่ยน" (เทพเอ้อร์หลาง) ได้พยากรณ์เอาไว้ว่า ในอีกหนึ่งพันปีข้างหน้าโลกมนุษย์จะถูกเผ่าปีศาจล้างบางอีกครั้ง และคนเดียวที่จะช่วยปกป้องโลกเอาไว้ได้คือ ยอดฝีมือ (ปรมาจารย์เต๋า) ที่สามารถรวบรวมชิ้นส่วน "เกราะเทพหยวนสื่อ" ทั้งห้าชิ้นเข้าด้วยกันและสามารถควบคุมมันได้ (เกราะเทพหยวนสื่อ เป็นอาวุธเทพที่จะช่วยให้มนุษย์เอาชนะทัพปีศาจ แต่จะมีเพียงคนเดียวที่สามารถควบคุมมันได้) โดยละครเรียกยอดฝีมือคนดังกล่าวว่า "เวิ่นเต้าเจ่อ" ครั้นใกล้ถึงเวลาที่เทพหยางเจี่ยนระบุเอาไว้ "สำนักเซียนห้าขุนเขา" (อู่เยว่เซียนเหมิง) จึงเตรียมรับมือด้วยการเปิดรับสมัครและคัดเลือกเหล่าจอมเวทย์หมายเสาะหาชิ้นส่วนทั้งห้าของเกราะเทพหยวนสื่อ และเฟ้นหายอดฝีมือ (เวิ่นเต้าเจ่อ) ที่จะนำสันติสุขมาสู่โลกมนุษย์ เหล่าจอมเวทย์หนุ่มสาวทั่วทุกสารทิศจึงมารวมตัวกันเพื่อเข้าร่วมด่านทดสอบโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

* "เวิ่นเต้าเจ่อ"  (问道者) แปลตรงๆ ว่า "ผู้ถามไถ่เต๋า" หรือ "ผู้ถามทาง"  โดยคำว่า "เต้า" หมายถึง (ลัทธิ/ปรัชญา) "เต๋า" หรือ "วืถีแห่งธรรมชาติ" และยังแปลว่า "หนทาง" อีกด้วย / ส่วนผู้บำเพ็ญเต๋าหรือนับถือเต๋า เรียกว่า "สวินเต้าเจ่อ"  (尋道者) แปลตรงๆ ว่า "ผู้แสวงหาเต๋า" หรือ "ผู้แสวงหาหนทาง" 

เนื้อหาตอนที่หนึ่ง

เมื่อสามพันปีก่อน ราชันหมาป่าองค์แรก (อีซื่อหลางตี้) ได้นำทัพปีศาจจากแดนโยวหลิงบุกโจมตีเมืองอู๋เล่ยจือ (อู๋เล่ยจือเฉิง แปลว่า เมืองไร้น้ำตา) หมายเปิดศึกสามโลก ในตอนนั้นชาวเมืองอู๋เล่ยจือได้มารวมตัวกันทำพิธีบวงสรวงเทพเจ้า (ก่อนเฉลิมฉลองเทศกาลเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง) เลยถูกทัพปีศาจสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยมและไร้หนทางต่อสู้ เพื่อปกป้องโลกมนุษย์ไม่ให้ถูกปีศาจยึดครอง สำนักเต๋าจากขุนเขาทั้งห้าจึงควบรวมกันเป็น "สำนักเซียนห้าขุนเขา" แล้วผนึกกำลังตั้งค่ายกลต่อสู้กับเหล่าปีศาจ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานได้ เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ครั้นเห็นว่าโลกมนุษย์กำลังตกอยู่ในอันตราย สำนักเซียนห้าขุนเขาจึงขอความช่วยเหลือจากเทพบนสวรรค์ชั้นฟ้า เทพสงคราม "หยางเจี่ยน" (เทพเอ้อร์หลาง) เลยนำกำลังทหารสวรรค์สามพันนายลงมาช่วยโลกมนุษย์ และปราบทัพปีศาจได้ในที่สุด




หลังถูกฟาดฟันด้วยทวนสามแฉก (อาวุธประจำกายของเทพอ้อร์หลาง) หน้ากากเหล็กของราชันหมาป่าก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างของเขาถูกพลังทวนซัดจนลอยละลิ่วกลับไปตกในแดนโยวหลิง ถึงแม้จะได้ชื่ว่าเป็นเทพสงครามแต่หยางเจี่ยนมีใจเมตตาจึงบอกให้ราชันหมาป่ายอมจำนนเพื่อรักษาชีวิตและตบะที่สู้อุตส่าห์บำเพ็ญมานานนับพันปี ครั้นเห็นว่าราชันหมาป่ายอมตายแต่ไม่ยอมจำนน เทพหยางเจี่ยนเลยจำต้องใช้เกราะเทพหยวนสื่อ (ซึ่งมาพร้อมขวานทอง) สังหารราชันหมาป่าตามบัญชาสวรรค์ ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ต้องการฆ่าล้างเผ่าหมาป่า (เขาไม่ชอบการเข่นฆ่าโดยไม่จำเป็น และเห็นว่าทัพปีศาจพ่ายศึกแล้ว)

"หลางไท่โฮ่ว" (ราชินีหมาป่า) ขู่ว่าหากเทพหยางเจี่ยนคิดกวาดล้างพวกตนในวันนี้ ตนจะใช้ลูกแก้วอสูรที่ถูกปิดผนึกมานานนับล้านปีทำลายล้างหกโลกให้พินาศไปพร้อมกัน ("หกโลก" แบ่งเป็นโลกของ 1.เทพ 2.เซียน 3.มนุษย์ 4.ปีศาจ 5.มาร 6.ปรโลก) เทพหยางเจี่ยนได้ยินดังนั้นจึงคิดที่จะสังหารราชินีหมาป่าและทำลายล้างแดนโยวหลิงให้สูญสิ้น แต่สุดท้ายเกิดเปลี่ยนใจกระทันหันหลังล่วงรู้ความลับสวรรค์ แทนที่จะกำจัดเหล่าปีศาจให้สิ้นซาก เทพหยางเจี่ยนกลับใช้เจดีย์อู๋จี๋ปิดผนึกแดนโยวหลิงเาไว้ แล้วแยกเกราะเทพหยวนสื่อออกเป็นห้าชิ้นโดยซ่อนไว้ตามที่ต่างๆ บนโลกมนุษย์ จากนั้นก็ทิ้งปริศนาคำทำนายเาไว้ว่า "พันปีล่วงเลย, เวิ่นเต้าเจ่อ (ปรมาจารย์เต๋า) ปรากฏ,  หยวนสื่อ (เกราะเทพ) รวมเป็นหนึ่ง, ปีศาจปิดฉากที่เสวียนเหมิน("เสวียนเหมิน" ในที่นี้หมายถึง ประตูมิติที่เชื่อมต่อไปยังอีกโลกหนึ่ง) ครั้นพูดจบเทพหยางเจี่ยนก็กลับสวรรค์ทันที

หนึ่งพันปีผ่านไป



เด็กหนุ่มนามว่า "จางหลิง" ละทิ้งการเรียนแล้วหนีไปท่องยุทธภพตามลำพังดังคำสอนของ "จางต้าซุ่น" ผู้เป็นบิดา ทั้งนี้เมื่อหลายปีก่อนจางต้าซุ่นจำต้องทิ้งจางหลิงซึ่งยังเป็นเพียงเด็กชายไว้ที่บ้านตามลำพัง โดยบอกเพียงว่าตนมีธุระที่ต้องสะสางและไม่รู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ ก่อนไปเขาฝากฝังจางหลิงไว้กับเพื่อนบ้านและจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อมสรรพ ทั้งยังมอบร่ม "เยียนอวิ๋น" ซึ่งเป็นอาวุธวิเศษที่อยู่ข้างกายตนมานานให้จางหลิง จากนั้นก็กำชับว่าตราบใดที่ยังไม่พบความหมายของชีวิต (เหตุผลและเป้าหมายของชีวิต พูดง่ายๆ ก็คือ "มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร") จางหลิงต้องใช้ชีวิตที่บ้านเกิดและตั้งใจศึกษาเล่าเรียนให้ดี แต่ถ้าพบความหมายของชีวิตแล้วจงไปจากที่นี่แต่อย่าออกตามหาตน จางต้าซุ่นยังสอนจางหลิงด้วยว่าชื่อเสียงเงินทองนั้นไม่จีรัง และบอกให้จางหลิงแสวงหา 'หนทาง' ของตนเอง วันนี้จางหลิงรู้แล้วว่าตนมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เขาเลยตัดสินใจออกไปท่องยุทธภพเพื่อแสวงหาหนทางที่ตนปรารถนา โดยปล่อยให้โชคชะตาเป็นเครื่องนำทาง (ใช้ใบไม้เสี่ยงทายเส้นทาง) 


เด็กสาวตาบอดนามว่า "ชิวอี้" ต้องการพบรักแท้จึงไปอธิษฐานขอพรจากเซียนดอกท้อ (แท้จริงแล้วเป็น "ปีศาจต้นท้อ" ที่บำเพ็ญตบะมานานนับพันปี) หลังมีเสียงร่ำลือว่าทำเช่นนี้แล้วจะสมหวังในความรัก "โยวหราน" (ปีศาจต้นท้อ) เห็นใบหน้าอันงดงามของชิวอี้ก็หลงรักเธอในบัดดล เขาจึงปรากฏกายต่อหน้าเธอแล้วกล่าวว่า "เถาจือเยาเยา จั๋วจั๋วฉีหัว..." (ประโยคดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งขงกลอนดังจากหนังสือโบราณสมัยราชวงศ์โจวชื่ "ซือจิง" และเป็นบทกลอนของเจ้าบ่าว ผู้ประพันธ์เปรียบความงามของเจ้าสาววัยเยาว์ที่ถูกส่งตัวไปยังบ้านเจ้าบ่าว ว่างดงามดุจดอกท้อที่กำลังเบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ) จากนั้นก็ก้าวเท้าเข้าไปหาและบอกเธอว่าพวกตนใจตรงกัน (เขาเองก็เฝ้ารรักแท้เช่นกัน)


ในที่สุดจางหลิงก็ดั้นด้นมาถึงเมืองเฟิงเยว่ซาน เขาดีใจมากที่คืนนี้ไม่ต้องนอนตากน้ำค้างในป่าเขา แต่พอเข้าเมืองแล้วเขากลับพบว่าบรรยากาศในเมืองเงียบเหงาผิดปกติ แถมชาวเมืองยังอยู่ในสภาพหงอยเหงาเซื่องซึมและไร้ซึ่งรอยยิ้มทั้งที่กำลังมาร่วมฉลองงานมงคล ครั้นขบวนเกี้ยวเจ้าสาวเคลื่อนผ่านไปเหล่าชาวเมืองที่มาตั้งแถวส่งเจ้าสาวก็สลายตัวทันที จางหลิงเห็นชาวเมืองมีสภาพเหมือนร่างไร้วิญญาณจึงถาม "พ่อเฒ่าเหอ" ว่าทำไมทุกคนถึงไร้ชีวิตชีวาเช่นนี้ พ่อเฒ่าเหอไม่ตอบ เขาได้แต่มองตามขบวนเกี้ยวด้วยสายตาเคียดแค้น จางหลิงเห็นว่าพ่อเฒ่าเหอไม่ยากตบจึงถามทางไปโรงเตี๊ยมที่ใกล้ที่สุดแทน เขาบ่นว่าตนเหนื่ยมากและทำท่าว่าจะหาว พ่อเฒ่าเหอและชาวเมืองเห็นดังนั้นจึงรีบร้องห้ามแต่ก็สายเกินไป ทุกคนเลยพลอยหาวตามไปด้วย เด็กชายคนหนึ่งทนง่วงนอนต่อไปไม่ไหวเพราะต้องอดตาหลับขับตานอนมานานนับสิบวัน แต่แม่เด็กไม่ยอมให้นอนซ้ำยังใช้ปิ่นปักผมจิ้มมือลูกเพื่อให้ลูกหายง่วง จางหลิงเห็นแล้วอดรนทนไม่ไหวจึงตำหนิแม่เด็กที่ทำร้ายลูกตัวเอง แม่เด็กสวนกลับว่าถ้าจางหลิงไม่หาวลูกตนก็คงไม่เจ็บตัว จางหลิงได้ยินแล้วยิ่งงุนงง พ่อเฒ่าเหอจึงตัดบทด้วยการบอกให้ทุกคนแยกย้ายกลับบ้านและพาจางหลิงไปพักที่โรงเตี๊ยมขงตน


ครั้นรู้ว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานขลูกสาวพ่อเฒ่าเหอ (ชิวอี้) จางหลิงก็รู้สึกแปลกใจที่พ่อเฒ่าเหอไม่ไปร่วมดื่มสุราฉลองกับเจ้าบ่าว แต่กลับมานั่งดื่มสุรากับคนแปลกหน้าอย่างตน พ่อเฒ่าเหอกล่าวว่าลูกเขยตนไม่ใช่คนแต่เป็นปีศาจ และปีศาจตนนี้เองที่ทำให้ทุกชีวิตในเมืองไม่กล้าหลับใหลมานานนับสิบวัน เขาเล่าว่าไม่ไกลจากด้านทิศใต้ของเมืองเฟิงเยว่ซาน มีป่าต้นท้อซึ่งถูกขนานนามว่า "ดินแดนแห่งความฝัน" ตำนานเล่าขานว่าเซียนดอกท้อที่สถิตอยู่ ณ ที่นั่นมักปกปักษ์เมืองเฟิงเยว่ซานและคอยคุ้มครองเหล่าบรรดาคู่รัก ใครก็ตามที่ได้รับกลีบดอกไม้พันปีจากเซียนดอกท้อจะฝันเห็นคู่ครองในอนาคตของตน ชิวอี้ลูกสาวตนช่างอาภัพนักที่เกิดมาตาบอด เพราะเหตุนี้เลยหาคู่ครองไม่ได้ จางหลิงเดาว่าชิวอี้คงไปหาเซียนดอกท้อ ณ ดินแดนแห่งความฝัน พ่อเฒ่าเหอยอมรับและบอกว่าเธอแอบไปโดยไม่บอกให้ใครรู้ นับจากนั้นเธอมักออกไปหาเซียนดอกท้อตอนกลางวันและกลับบ้านตอนกลางคืน ตนกับแม่ชิวอี้พยายามคาดคั้นความจริงแต่ชิวอี้ไม่ยอมปริปากบอก ครั้นสบโอกาสตนจึงแอบสะกดรอยตามชิวอี้ไป
  


วันนั้นชิวอี้ไปหาโยวหรานเหมือนเคย เธอรู้สึกได้ว่าทางบ้านชักเริ่มสงสัยเลยคิดที่จะมาบอกโยวหราน นึกไม่ถึงว่าโยวหรานจะขอเธอแต่งงาน เขากล่าวว่าแม้ที่ผ่านมาตนจะจับคู่ให้คู่รักมากมาย แต่ความจริงแล้วตนก็ปรารถนาที่จะหาคู่แท้ให้ตนเองเช่นกัน และชิวอี้ก็คือรักแท้ที่ตนเฝ้ารอมานานนับพันปี ชิวอี้ตอบตกลงทันควันเพราะเธอเองก็อยากอยู่เคียงข้างเขาทุกวัน ถึงกระนั้นเธอก็อดเป็นกังวลไม่ได้เพราะเกรงว่าทางบ้านจะไม่เห็นด้วย โยวหรานชี้ว่าตนเป็นเซียนจึงจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้ คืนวันพรุ่งนี้ตนจะไปสู่ขอชิวอี้ หลังจากนั้นพวกตนจะสร้างบ้านดีๆ สักหลังในดินแดนแห่งนี้และครองรักกันจนแก่เฒ่า ชิวอี้กลัวว่าพ่อกับแม่จะไม่ยอมยกเธอให้โยวหราน แต่โยวหรานไม่หวั่น เขาบอกเธอว่าหากครั้งแรกไม่สำเร็จ พวกตนจะพยายามใหม่ร้อยครั้งพันครั้ง ตนจะไม่ปล่อยให้ชิวอี้ต้องอยู่อย่างเดียวดายอีก ชิวอี้กล่าวว่าเธอเองก็จะไม่ปล่อยเขาให้ต้องเผชิญกับความเหงาพันปีอีกต่อไป


ครั้นเห็นกับตาว่าแท้จริงแล้วโยวหรานเป็นปีศาจ พ่อเฒ่าเหอจึงกลับมาเล่าให้ภรรยาฟัง แม่ชิวอี้เชื่อว่าลูกสาวต้องมนต์สะกดของปีศาจจึงร่ำไห้ปิ่มจะขาดใจ ครั้นกลับบ้านแล้วได้ยินเสียงแม่ร้องไห้ ชิวอี้ก็ทั้งเป็นห่วงและตกใจ พ่อเฒ่าเหอชี้ว่าแม่ร้องไห้หลังรู้ว่าชิวอี้ลักลอบคบหากับปีศาจ ชิวอี้แย้งว่าโยวหรานเป็นเซียนดอกท้อ แต่พ่อเฒ่าเหอยืนยันว่าเขาเป็นปีศาจ ชิวอี้ไม่สนว่าโยวหรานจะเป็นเซียนหรือปีศาจ เพราะเธอกับเขาต่างรักมั่นและตกลงว่าจะแต่งงานกัน แม่ชิวอี้ได้ยินแล้วลมแทบจับ เธอบอกชิวอี้ว่าปีศาจตนนั้นเห็นชิวอี้ตาบอดเลยคิดฉวยโอกาส เธอจะให้ลูกสาวแต่งงานกับปีศาจได้อย่างไร  ครั้นถูกพ่อกับแม่กดดันมากเข้าชิวอี้จึงสัญญาว่าจะไม่ไปหาและไม่แต่งงานกับโยวหราน



คืนต่อมาโยวหรานมาที่บ้านชิวอี้เพื่อสู่ขอเธอตามสัญญา แต่แล้วกลับพบว่าพ่อเฒ่าเหอระดมชาวบ้านมารุมล้อมตนหมายเผาทั้งเป็น โยวหรานขอให้พ่อเฒ่าเหอยอมรับและส่งเสริมพวกตนโดยบอกว่าแม้ตนเป็นปีศาจแต่ก็จริงใจกับชิวอี้ พ่อเฒ่าเหอแย้งว่า ชิวอี้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่แต่งงานกับปีศาจอย่างโยวหราน โยวหรานไม่เชื่อ เขากล่าวว่าตราบใดที่ไม่ได้ยินจากปากชิวอี้ตนไม่มีทางเชื่อโดยเด็ดขาด พ่อเฒ่าเหอตัดบทด้วยการสั่งให้ชาวบ้านฆ่าและเผาโยวหราน โยวหรานอ้อนวอนขอพบชิวอี้แต่ไม่เป็นผล เขาจึงพยายามร้องเรียกชิวอี้  ชิวอี้ได้ยินเสียงร้องเรียกของโยวหรานแล้วอดรนทนไม่ไหวจึงรีบออกไปหา ครั้นรู้ว่าพ่อต้องการเผาเขาทั้งเป็น ชิวอี้จึงขอให้พ่อละเว้นโยวหรานเพราะเธอรับปากแล้วว่าจะไม่ข้องแวะและไม่แต่งงานกับเขา ครั้นได้ยินชัดๆ จากปากชิวอี้ โยวหรานก็ทั้งเสียใจและผิดหวัง ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ถือโทษโกรธเธอเพราะรู้ว่าเธอถูกบีบให้พูดเช่นนั้น  แต่สำหรับพ่อเฒ่าเหอและคนอื่นๆ ที่กดดันชิวอี้ เขาไม่ยอมให้อภัย เขาจึงลงโทษด้วยการร่ายมนต์สะกดให้ทุกคนตกอยู่ในฝันร้ายจนกว่าพ่อเฒ่าเหอจะส่งตัวชิวอี้ไปที่ดินแดนแห่งความฝันเพื่อแต่งงานกับตน หลังจากนั้นโยวหรานก็บอกชิวอี้ว่าเขาจะรอเธอ



พ่อเฒ่าเหอบอกจางหลิงว่า คืนนั้นกลีบดอกท้อร่วงโปรยปรายดุจสายฝน หลังจากนั้นทุกคนในเมืองเฟิงเยว่ซา (ยกเว้นชิวอี้) ต่างพากันหลับใหลและฝันร้ายแบบเดียวกัน ในฝัน...พวกตนเข้าไปที่ดินแดนแห่งความฝัน ทั่วทุกหนแห่งเต็มไปด้วยกลีบดอกท้อสีแดงฉาน ทันใดนั้นก็มีปีศาจต้นท้อเดินมาหาพวกตนและบอกว่าถ้าใครถูก (ปีศาจต้นท้อ) จับในฝันจะหมดทางหลบหนี และต้องติดอยู่ในฝันร้ายนี้ตลอดกาล จางหลิงเพิ่งเข้าใจว่าทำไมไม่มีใครในเมืองนี้กล้านอนหลับ และสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนที่โดนปีศาจต้นท้อจับในฝัน พ่อเฒ่าเหอพาไปจางหลิงไปดูสภาพภรรยาตนที่ยังคงนอนหลับ (ในสภาพหวาดผวา) และติดอยู่ในฝันร้ายมานานถึงสิบวัน เขาบอกจางหลิงว่าตนพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปลุกภรรยาให้ตื่นแต่ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ในเมืองนี้มีคนที่อยู่ในสภาพเดียวกับภรรยาตนไม่ต่ำกว่าสิบคน

จางหลิงได้ยินดังนั้นจึงเปรยว่านี่เป็นเกมเล่นซ่อนหาที่โหดเหี้ยมที่สุด เขาตัดสินใจว่าจะไปท่องดินแดนแห่งความฝัน โดยบอกพ่อเฒ่าเหอว่าตนละทิ้งบ้านเกิดแล้วออกท่องยุทธภพเพราะอยากพบเจอคนและสิ่งต่างๆ ที่น่าทึ่งที่สุดในโลก ตนยังไม่เคยเห็นปีศาจซักตัว ในเมื่อปีศาจแต่งงานทั้งทีมีหรือตนจะยอมพลาด  พ่อเฒ่าเหอได้ยินดังนั้นจึงถามจางหลิงด้วยสายตาและน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ว่า "เจ้าคิดว่าข้าจะยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับปีศาจนั่นอย่างง่ายดายงั้นหรือ"




ในที่สุดขบวนเกี้ยวเจ้าสาวก็เดินทางมาถึงดินแดนแห่งความฝัน โยวหรานเดินเข้าไปหาและกล่าวกับเจ้าสาวซึ่งยังคงนั่งอยู่ในเกี้ยวว่า วันนี้ฟ้าดินจะร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแต่งงานและการสาบานรักใต้ต้นท้อของพวกตน ครั้นเปิดผ้าม่านแล้วยื่นมือให้เจ้าสาวจับเขาก็ถูกหญิงสาวที่นั่งอยู่ในเกี้ยวจู่โจมด้วยผนึกพลังอัคคีโดยไม่ทันตั้งตัว ปรากฏว่าผู้ที่สวมรอยเป็นเจ้าสาวคือ "ตงหวงเฟยเฟย" (ลูกสาวประมุขสำนักเซียนห้าขุนเขา) ซึ่งมาพร้อมศิษย์ร่วมสำนักอีกสามคน (หลังรู้ว่าพ่อเชิญเหล่าจอมเวทย์แห่งสำนักเซียนห้าขุนเขามากำจัดโยวหราน ชิวอี้ซึ่งถูกพ่อจับมัดติดเก้าอี้ก็รู้สึกร้อนใจ เธอจึงใช้เศษกระเบื้องตัดเชือกจนขาด) เฟยเฟยประกาศว่าการกำจัดปีศาจเป็นหน้าที่ของจอมเวทย์ห้าขุนเขา โยวหรานเย้ยว่าหากสำนักเซียนห้าขุนเขาไม่ร้องขอความเมตตาจากแดนสวรรค์คงถูกเผ่าปีศาจกวาดล้างไปนานแล้ว

เฟยเฟยพร้อมศิษย์ร่วมสำนัก "ปู๋ต้ง",  "เฟิงเสี่ยววี้" และ "เซี่ยวี่" ผนึกกำลังตั้งค่ายกลกระบี่ ครั้นเห็นว่าโยวหรานร่างสลายกลายเป็นกลีบดอกท้อร่วงโปรยปราย และมีเศษเสื้อคลุมเจ้าบ่าวที่หลงเหลือจากการถูกแผดเผาร่วงลงบนพื้น หนุ่มสาวทั้งสี่ก็รู้สึกดีใจ ปู๋ต้งไม่อยากเชื่อว่าพวกตนทำภารกิจแรกที่อาจารย์มอบหมายได้สำเร็จอย่างง่ายดาย เสี่ยวอวี้กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่าพวกตนไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวัง ทั้งยังช่วยแบ่งเบาอาจารย์ได้ เฟยเฟยเตือนว่าฝีมือพวกตนยังห่างชั้นกับศิษย์พี่ใหญ่และคงต้องใช้เวลาฝึกฝนอีกนาน ปู๋ต้งกล่าวว่าถึงอย่างนั้นพวกตนก็เก่งใช่ย่อยเพราะสามารถกำจัดปีศาจที่บำเพ็ญตบะมานานนับพันปีได้ เซี่ยอวี่เห็นด้วยและกล่าวว่าศิษย์พี่เฟยเฟยสร้างผลงานใหญ่ เฟยเฟยแย้งว่าที่พวกตนกำจัดปีศาจสำเร็จเป็นเพราะได้เรียนรู้สุดยอดวิชา


  

ทันใดนั้นทุกคนก็พบว่าโยวหรานยังไม่ตาย เพราะสิ่งที่ถูกฆ่าเป็นเพียงร่างจำแลงของโยวหราน  หลังจากนั้นสี่หนุ่มสาวก็ถูกโยวหรานเอาคืนแบบไม่ทันตั้งตัวทีละคน ทั้งหมดล้วนถูกมนต์สะกดให้หลับใหลและติดอยู่ในฝันร้าย เฟยเฟยเป็นคนสุดท้ายที่ต้องมนต์ดังกล่าว ขณะที่เธอกำลังจะหลับใหลต่อหน้าโยวหราน อยู่ๆ จางหลิงก็ปรากฏตัว เขาเดินกางร่มเยียนอวิ๋นเข้าไปหาเฟยเฟยพลางเอ่ยบทกวีสี่คำ "เถาจือเยาเยา จั๋วจั๋วฉีหัว" (บทกลอนชมความงามที่โยวหรานเคยเอื้อนเอ่ยกับชิวอี้) ต่อด้วยลำนำคำกลอนจากหนังสือโบราณเล่มเดียวกัน (แต่คนละบท) "จื๋อจื่อจือโส่ว อวี๋จื่อเสียเหล่า" ซึ่งยุคใหม่แปลว่า "จะเกาะกุมมือเธอ ครองรักกันจนแก่เฒ่า" (เดิมทีประโยคนี้เป็นส่วนหนึ่งในบทกลอนของชายชาตินักรบ เนื้อหากล่าวถึงความรู้สึกของเหล่าทหารที่จากบ้านไปนานแต่ยังคงมุ่งมั่นห้าวหาญในการศึก ภายหลังประโยคดังกล่าวมักถูกหยิบยกมาพรรณนาถึงรักแท้ )

จางหลิงรู้สึกเสียดายหากปล่อยให้หญิงงามอย่างเฟยเฟยต้องติดอยู่ในฝันร้ายตลอดกาล เฟยเฟยซึ่งอยู่ในสภาพสะลึมสะลือสงสัยว่าเขาเป็นใคร จางหลิงกล่าวว่าตนก็แค่คนพเนจรที่อ่อนล้ากว่าเธอเสียอีก  ถ้าไม่เพราะอยากรู้อยากเห็นตนคงไม่เข้ามาเหยียบสถานที่ๆ อ้างว้างเช่นนี้ เขาพยายามห้ามไม่ให้เธอหลับเพื่อที่เธอจะได้ไม่ติดอยู่ในฝันร้าย โดยบอกว่าถ้าเธอหลับแม้แต่เทพเซียนก็ช่วยเธอไม่ได้ โยวหรานเห็นจางหลิงเข้ามาแทรกเรื่องของตนจึงตวาดลั่นด้วยความโกรธ จางหลิงหันไปมองโยวหรานพลางบ่นด้วยความรู้สึกผิดหวังว่าปีศาจอย่างเขาไม่เจ๋งเลยสักนิด โยวหรานจะสะกดจางหลิงให้หลับใหลและติดอยู่ในฝันร้ายเช่นเดียวกับคนอื่นๆ แต่จางหลิงมีร่มเยียนอวิ๋นคุ้มภัย แถมร่มยังสะท้อนพลังกลับไปหาโยวหราน ครั้นเห็นโยวหรานสลายหายตัวในบัดดล (คงเหลือเพียงกลีบดอกท้อล่องลอยในบริเวณดังกล่าว) จางหลิงก็รู้สึกทึ่งที่ปีศาจอย่างโยวหรานมีพลังตบะแก่กล้า เขาบอกโยวหราน (ซึ่งอยู่ในสภาพไร้ร่าง) ว่าตนชื่อจางหลิง ร่มคันนี้พ่อให้ตนมา ตราบใดที่อยู่ภายใต้ร่มตนจะแคล้วคลาดจากภยันตรายต่างๆ ดังนั้นจงอย่าเปลืองแรงเปล่าเลย



ครั้นเห็นเฟยเฟยเริ่มสัปหงกจางหลิงจึงรีบปลุกและพยายามคิดหาวิธีช่วยเธอ พอเห็นเศษผ้าไหม้เกรียมและมีควันคุกรุ่นตกอยู่บนพื้นเขาก็รู้ว่าเธอมีผนึกสายฟ้า หลังพยายามค้นจนพบผนึกในตัวเฟยเฟยเขาก็ประทับผนึกลงบนแขนข้างซ้ายของเธอแล้วร่ายมนต์ให้แขนเธอหัก เฟยเฟยร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดและตาสว่างขึ้นมาทันที จางหลิงเห็นว่าแขนเฟยเฟยบาดเจ็บข้างหนึ่งจึงอาสาช่วยเธอปราบปีศาจ เฟยเฟยอยากรู้ว่าคนอย่างจางหลิงจะปราบปีศาจด้วยวิธีใด เมื่อจางหลิงบอกว่าตนจะใช้อัสนีเทพเป็นอาวุธ เฟยเฟยก็รู้สึกแปลกใจที่จางหลิงรู้วิชาปราบปีศาจของสำนักตน จางหลิงกล่าวว่าตนไม่ได้เป็นศิษย์สำนักเซียนห้าขุนเขา เพียงแต่สมัยยังเด็กตนเคยอ่านบันทึกของพ่อ แม้ไม่เคยฝึกฝนแต่ตนพอจำเคล็ดวิชาได้บ้างและคิดว่าคงนำมาใช้ได้ผล



เฟยเฟยชักเริ่มสงสัยว่าพ่อจางหลิงเป็นใคร มีที่มาอย่างไร แต่จางหลิงไม่บอก เขาพิสูจน์ฝีมือให้เฟยเฟยเห็นด้วยการนำอัสนีเทพออกมาอวดเธอ เฟยเฟยเห็นว่าอัสนีเทพลูกเล็กนิดเดียวเลยไม่แน่ใจว่าจะใช้ปราบปีศาจได้จริง จางหลิงแย้งว่าขนาดไม่สำคัญ เขาจ้องมองอัสนีเทพพลางกล่าวว่าลูกใหญ่กว่าที่ตนคิดไว้เสียอีก (เขาไม่เคยใช้อัสนีเทพมาก่อน) จากนั้นก็บอกเฟยเฟยว่าการสู้รบไม่ได้ใช้กำลังห้ำหั่นเพียงอย่างเดียวแต่ต้องใช้สติปัญญาด้วย หลังพบร่องรอยการเคลื่อนไหว (รอยเท้า) ของโยวหราน จางหลิงจึงใช้อัสนีเทพโจมตีเขาทันที ครั้นโดนพลังอัสนีเทพซัดเข้าที่หน้าอกเต็มๆ โยวหรานก็ปรากฏตัวให้เห็นในสภาพเจ็บหนักก่อนรีบหนีไปทันที เฟยเฟยเห็นดังนั้นก็แอบดีใจ ครั้นนึกได้ว่าก่อนหน้านี้จางหลิงบังอาจแตะเนื้อต้องตัวเธอ (ค้นตัวและคลำหาผนึก) ซ้ำยังกล้าหักแขน เฟยเฟยก็เริ่มหัวร้อนขึ้นมาอีกครั้งและตบหน้าจางหลิง (ซึ่งกำลังคุยโม้เรื่องปราบปีศาจ) เต็มแรง



โยวหรานพาร่างอันบอบช้ำกลับไปฟื้นฟูพลังที่ต้นท้อ แม้จะถูกกีดกันซ้ำยังโดนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แต่เขายังคงไม่ยอมแพ้เรื่องชิวอี้  จางหลิงโวยลั่นหลังโดนเฟยเฟยตบหน้า เฟยเฟยกล่าวว่าหากตนฆ่าปีศาจได้เมื่อไหร่จะเอาคืนเรื่องที่เขาบังอาจข่มเหงเธอ จางหลิงแย้งว่าตนทำเช่นนั้นเพราะสถานการณ์บีบบังคับและต้องการช่วยเธอล้วนๆ เฟยเฟยไม่คิดต่อปากต่อคำด้วย เธอนำยันต์สีเหลืองมาพันแขนบริเวณที่บาดเจ็บหมายถอนผนึกและมนต์ของจางหลิง ขณะเดียวกันเธอก็บอกให้จางหลิงรีบไปจากที่นี่ (เธอเห็นว่าเขามีพลังเวทย์อ่อนด้อย ขืนยังคงอยู่ที่นี่มีหวังตายสถานเดียว) เฟยเฟยกำลังจะร่ายมนต์ถอนผนึกแต่ดันถูกจางหลิงขัดจังหวะเสียก่อน เขาย้อนว่าพลังเวทย์ตนอ่อนด้อยแล้วยังไงในเมื่อตนเป็นคนช่วยชีวิตเธอไว้ เฟยเฟยแย้งว่านั่นเป็นเพราะโชคเข้าข้างเขา เธอชี้ว่าการปราบปีศาจจำเป็นต้องได้รับการถ่ายทอดวิชาจากสำนักตน พูดจบเฟยเฟยก็ร่ายมนต์ใส่แขนตนเองทันที



หลังจากนั้นไม่นานเฟยเฟยก็หมดสติ จางหลิงเห็นว่าเฟยเฟยกำลังจะล้มมาหาตนเลยทำตัวไม่ถูกและได้แต่เอนตัวหนี (เขาเพิ่งโดนตบมาหมาดๆ เลยเข็ดขยาดไม่กล้าแตะเนื้อต้องตัว) สุดท้ายเฟยเฟยก็ล้มลงมาทับร่างจางหลิงในสภาพที่ปากของเธอประทับข้างริมฝีปากเขา ซ้ำยังทิ้งรอยแดง (ของชาดทาปาก) เอาไว้เป็นหลักฐาน จางหลิงถึงกับช็อคไปชั่วขณะ ครั้นตั้งสติได้เขาจึงร้องเรียกและพยายามใช้ไหล่ดันตัวเธอออกแต่ก็ไม่เป็นผล (ยังคงไม่กล้าแตะต้อง) เขาจึงได้แต่นอนรอนิ่งๆ ให้เธอฟื้นเอง พลางโอดครวญว่าทำไมตนถึงได้โชคร้ายเช่นนี้!

** จบตนที่หนึ่ง **
* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่





รายชื่อนักแสดง


นักแสดงนำ

 

ถงเมิ่งสื
รับบท จางหลิง
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หวังซิ่วจู๋
รับบท ตงหวงเฟยเฟย
(นักแสดง ชาวจีน)


 

เผยจื่อเทียน
รับบท เถี่ยหลาง
(นักแสดง ชาวจีน)


 

สวีห่าว
รับบท จื่หลิวหลี
(นักแสดง ชาวจีน)


 

จ้าวเยว่
รับบท คุนหลุน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

 จางหย่าจั๋ว
รับบท เฟิงเสี่ยววี้
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หวังโย่วซั่ว
รับบท วิ๋นฉี
(นักแสดง ชาวจีน)

อื่นๆ

 

ฟางจงซิ่น
รับบท ตงหวงไท่อี
(นักแสดงฮ่องกง เกิดที่มาเก๊า)


 

หยางหมิงน่า
รับบท เลี่ยนปี้เสีย
(นักแสดง ชาวจีน)


 

จินเฟิง
รับบท ปู้สื่ฟูเหริน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

ลู่วี้หลิน
รับบท ชิงอีเจี้ยนเค่(จมดาบชิงอี)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลี่เย่าจิ่ง
รับบท เสินหั่วเหลาจู่ (อาวุโสเสินหั่ว)
(นักแสดง ชาวฮ่องกง)


 

เป้าเทียนฉี
รับบท ต้าเสี่ยวจิ้งหลิน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

กัวจิ้ง (หรื "Red" แห่งวงยแบนด์เกาหลี "M.Pire")
รับบท หานซาง (พี่ใหญ่สกุลหาน - ศิษย์ปู้สื่ฟูเหริน)
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)


 

จางเจ๋
รับบท หานกง (พี่รงสกุลหาน - ศิษย์ปู้สื่ฟูเหริน)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลี่ซินเจ๋
รับบท หานวี่ (น้งเล็กสกุลหาน - ศิษย์ปู้สื่ฟูเหริน)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

ฉู่ฮั่
รับบท หวังเหว่ย
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หวังจื่เฉิน
รับบท เหลียนฉางฟง
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลี่ไต้คุน
รับบท เซี่ยวเชียนชิว
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลิ่วเจ๋เหวิน
รับบท จวี้สยง
(นักแสดง ชาวจีน)


 

อู๋วี่ถง
รับบท หลงอิ่งเอ๋
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลี่จี้
รับบท โหยวปู้ฝาน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หานต้ง
รับบท หยางเจี่ยน (เทพเอ้อร์หลาง)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

พานซวงซวง
รับบท ไป๋เชียนจี / เหล่าโหมวโถว (ปีศาจเฒ่า)
(นักแสดง / นางแบบ ชาวจีน)


 

อู๋หย่งเวย
รับบท หลางไท่โฮ่ว (ราชินีหมาป่า)
(นักแสดงฮ่องกง เกิดที่มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน)


 

เฮยจื่อ
รับบท อีซื่อหลางตี้ (ราชันหมาป่าคนแรก)
(นักแสดง ชาวจีน)


  

หยางเสวียนอี
รับบท เหม่ยคงอวิ๋น
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หยวนปิงเหยียน
รับบท ชิวอี้
(นักแสดง ชาวจีน)


 

อิฮ่าวหมิง
รับบท โยวหราน
(นักแสดง ชาวจีน)


 

เหจงหัว
รับบท จางต้าซุ่น
(นักแสดง / ผู้กำกับ ชาวจีน)


 

เจิงหลี
รับบท เหลิ่งชุ่ย
(นักแสดง ชาวจีน)


 

เหอหมิงฮั่น
รับบท ชีเย่เฉิงจู่ (เจ้าเมืองอู๋เล่ยจือ)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลิวถิงอวี่
รับบท เย่คงหลิงอวี่
(นักแสดง ชาวจีน)


 

จางชุนจ้ง
รับบท พ่อเฒ่าเหอ
(นักแสดง ชาวจีน)



รวมคลิปตัวอย่างจาก 华策影视官方频道 China Huace Film & TV Official Channel

*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

2 ความคิดเห็น:

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา