วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เรื่องย่อ รักนี้ที่ปรารถนา (Summer's Desire 2018)




กำกับ: อวี๋จงจง
เขียนบท: หมิงเสี่ยวซี (เจ้าของบทประพันธ์), หลี่เถียน, เจี่ยปินปิน
แนวละคร: โรแมนติก
จำนวนตอน: 36
ออกอากาศ: จีน - 8 พฤษภาคม 2561 - 14 มิถุนายน 2561 ทางเจ้อเจียงทีวี
                 ไทย - ทุกวันจันทร์-พุธ เวลา 23.00 น. ทางช่อง 9 MCOT HD (หมายเลข 30) ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2563 - 28 ตุลาคม 2563





เรื่องย่อ



ละคร "รักนี้ที่ปรารถนา" (Summer's Desire (2018)) ดัดแปลงจากนิยายรักปี 2007 เรื่อง "พ่าวโม่จือเซี่ย" (泡沫之夏) ของนักประพันธ์สาว "หมิงเสี่ยวซี" เนื้อหากล่าวถึงเรื่องราวความรัก ความแค้น และความเข้าใจผิด ระหว่าง "อิ่นเซี่ยโม่", "โอวเฉิน" และ "ลั่วซี"

เซี่ยโม่และลั่วซีต่างเป็นเด็กกำพร้า ทั้งคู่พบกันที่บ้านครอบครัวอุปถัมภ์เมื่อครั้งยังเรียนมหาวิทยาลัย ด้วยความที่ต่างฝ่ายต่างมีปมในวัยเด็ก ทั้งสองจึงสร้างกำแพงปิดกั้นความรู้สึกและเป็นเกราะป้องกันตัวเองจากอีกฝ่าย แต่หลังจากลั่วซีช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้เซี่ยโม่กับน้องชายซึ่งมีปัญหาขณะแข่งขันร้องเพลงในรายการทีวี กำแพงน้ำแข็งในใจเซี่ยโม่กับลั่วซีก็เริ่มละลาย เพื่อแยกทั้งคู่ออกจากกัน โอวเฉินซึ่งทั้งรักและหวงแหนเซี่ยโม่จึงส่งลั่วซีไปเรียนหนังสือที่ประเทศอังกฤษ สามปีต่อมา... ทั้งสามคนได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ลั่วซีกลายเป็นซุป'ตาร์ที่มีแฟนคลับล้นหลาม ส่วนเซี่ยโม่เป็นศิลปินหน้าใหม่ซึ่งต้องดูแลน้องชายที่กำลังป่วย ขณะที่โอวเฉินความทรงจำบางส่วนหายไปหลังเลิกรากับเซี่ยโม่ แม้กาลเวลาผ่านพ้น แต่ความรักระคนความแค้นของพวกเขายังคงอยู่ พวกเขาจะเจ็บแล้วจำหรือก้าวซ้ำรอยเดิม มาร่วมลุ้นและติดตามชมได้ทางช่อง 9 MCOT HD

เนื้อหาตอนที่ 1-5 (เกริ่นนำ)


เหตุการณ์ในละครเกิดขึ้น ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ "อิ่นเซี่ยโม่" เป็นเด็กกำพร้าที่สูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก เธอถูกครอบครัวสกุลอิ่นรับมาเลี้ยงดูในฐานะลูกบุญธรรมพร้อม "อิ่นเฉิง" (หรือ "เสี่ยวเฉิง" น้องชายต่างมารดา และญาติเพียงคนเดียวของเซี่ยโม่)  ขณะเรียนปีสองที่มหาวิทยาลัยผู่หลิน "อิ่นเจียเผย" (พ่ออิ่น) พ่อบุญธรรมของเซี่ยโม่รับ "ลั่วซี" ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าเข้ามาอยู่ในบ้านอีกคน โดยบอกว่าลั่วซีเป็นลูกชายเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของตน และเขาได้ย้ายมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกับเซี่ยโม่ บังเอิญว่าวันนั้นตรงกับวันเกิดของเสี่ยวเฉิงพอดี ทุกคนจึงร่วมร้องเพลงอวยพรวันเกิดเสี่ยวเฉิงอย่างมีความสุข  

"โอวเฉิน" แฟนหนุ่มของเซี่ยโม่เป็นทายาทกลุ่มธุรกิจตระกูลโอวที่คาบช้อนทองมาเกิด แม้ภายนอกเขาจะเป็นคนเย่อหยิ่ง เอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนโดดเดี่ยว เหงา เศร้า และมีแผลในใจ (แม่โอวเฉินเสียชีวิตหลังช่วยโอวเฉินจากการจมน้ำ ซึ่งวันนั้นตรงกับวันเกิดครบรอบแปดปีของโอวเฉิน   ส่วนพ่อเขาเพิ่งแต่งงานใหม่เป็นครั้งที่ห้า) เซี่ยโม่ทำให้เขาอบอุ่นใจ หายเหงา ทั้งยังช่วยเยียวยาแผลในใจ เขาจึงหวงเธอหนักชนิดไม่ลืมหูลืมตาและไม่ชอบให้เธอใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ชายคนใด (แม้กระทั่งเสี่ยวเฉิง) ทั้งยังคอยดูแลปกป้องแบบคุมเข้มเพราะกลัวเสียเธอไป แม้เซี่ยโม่จะรู้สึกอึดอัดใจมาโดยตลอด แต่เธอไม่เคยแสดงออกให้เขารู้

เซี่ยโม่มีอคติต่อลั่วซีเพราะเห็นว่าเขาเป็นคนเสแสร้ง ไม่แยแสผู้อื่น และชอบสร้างภาพ (แต่แอบตกตะลึงในความหล่อเหลาตอนที่เห็นเขาใต้ต้นซากุระครั้งแรก) เธอเห็นกับตาว่าลั่วซีเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก เขาแสร้งทำตัวเป็นคนดีและอ่อนโยนเวลาอยู่หน้าคนอื่นแต่ลับหลังกลับทำตรงกันข้าม ไม่ว่าจะเป็นการทิ้งอาหารที่มีคนตั้งใจทำให้ ใช้เท้าเขี่ย "ถวนจื่อ" (แมวของเสี่ยวเฉิง) ให้ออกไปห่างๆ ตน และที่ทำให้เธอโกรธมากที่สุดคือการที่ลั่วซีแอบนำภาพเหมือนที่เสี่ยวเฉิงตั้งใจวาดให้เขาไปโยนทิ้ง ทั้งที่เสี่ยวเฉิงนับถือเขาเป็นพี่ชายถึงขนาดนำเงินส่วนตัวไปซื้อกีตาร์ให้เขา (ลั่วซีไม่เชื่อว่าจะมีใครชอบตนด้วยใจจริง และเขาก็มองเซี่ยโม่กับเสี่ยวเฉิงเป็นศัตรูคู่แข่ง เขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อแม่สกุลอิ่นยอมรับและโปรดปราน เพราะไม่อยากถูกส่งกลับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอีก) 

เซี่ยโม่บอกลั่วซีว่า เธอไม่สนว่าเวลาอยู่ข้างนอกลั่วซีจะทำตัวเช่นไร แต่เวลาอยู่กับครอบครัวเธอเขาควรทำตัวให้ดีกว่านี้ มิเช่นนั้นเธอจะหาทางไล่เขาออกจากบ้าน ลั่วซีแย้งว่าเซี่ยโม่ไม่อยู่ในฐานะที่จะไล่ตนได้ เพราะทั้งเธอและเสี่ยวเฉิงต่างถูกพ่อแม่สกุลอิ่นเก็บมาเลี้ยงเหมือนตน เซี่ยโม่เย้ยว่าความจริงแล้วลั่วซีไม่ได้ถูกรับเลี้ยงด้วยซ้ำ (ไม่ถูกรับเป็นลูกบุญธรรมเหมือนเธอกับเสี่ยวเฉิง) เขามาอาศัยอยู่ที่นี่เพียงชั่วคราว เธอรู้ทันคนอย่างเขาที่ชอบสร้างภาพว่าเป็นคนดีคนเก่งและแสดงได้อย่างแนบเนียน แต่เธอกับเสี่ยวเฉิงอยู่บ้านนี้มาหกปีแล้ว ผิดกับลั่วซีที่เพิ่งมาใหม่ ไม่ว่ายังไงครอบครัวอิ่นย่อมต้องเห็นพวกตนสำคัญกว่าลั่วซีแน่ ลั่วซีไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยจึงเป็นฝ่ายยอมแพ้




เซี่ยโม่กับ "เจียงเจินเอิน" (เพื่อนสนิทเซี่ยโม่) เตรียมนำภาพวาดของเสี่ยวเฉิงไปจัดแสดงในงานสัปดาห์วัฒนธรรมของทางมหาวิทยาลัย เมื่อลั่วซีเห็นเข้าก็หัวเราะเยาะ เขาเย้ยว่าเซี่ยโม่หาเรื่องให้ตัวเองอับอายขายหน้า เพราะผลงานของเสี่ยวเฉิงยังไม่ดีพอที่จะนำไปอวดใคร คืนนั้นเซี่ยโม่กำลังจะเอ่ยปากเชิญพ่อแม่บุญธรรมไปดูนิทรรศการภาพวาดในวันรุ่งขึ้น แต่ลั่วซีชิงพูดขึ้นก่อนว่าพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายที่ทางมหาวิทยาลัยจะจัดงานสัปดาห์วัฒนธรรม เขาจึงอยากชวนทุกคนไปดูตนร้องเพลงคืนวันพรุ่งนี้ หลังพ่อแม่รับปากว่าจะไปดูลั่วซี เซี่ยโม่เลยจำต้องบอกทุกคนว่าเธอจะจัดนิทรรศการภาพวาดของเสี่ยวเฉิงในวันพรุ่งนี้เช่นกัน (เดิมทีคิดเซอร์ไพรส์เสี่ยวเฉิง) เสี่ยวเฉิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีใจ พ่อกับแม่ได้ยินแล้วยิ่งตื่นเต้นจึงรับปากว่าจะไปดูทั้งสองงาน ปรากฏว่าแทบไม่มีใครมาดูภาพวาดของเสี่ยวเฉิงเลย ถึงกระนั้นเสี่ยวเฉิงก็ไม่รู้สึกเสียใจ ทั้งยังมองในแง่ดีว่าอย่างน้อยตนก็มีนิทรรศการเป็นของตัวเองครั้งแรก หลังพ่อแม่และเสี่ยวเฉิงเดินดูรูปแล้วก็รีบไปดูลั่วซีร้องเพลงบนเวทีที่อยู่ใกล้กัน

เมื่อโอวเฉินมาถึงก็ใช้เทคโนโลยีสุดล้ำฉายภาพวาดของเสี่ยวเฉิงขึ้นไปแสดงบนฟ้า คนมากมายที่กำลังดูลั่วซีแสดงคอนเสิร์ต (รวมทั้งพ่อแม่สกุลอิ่น) เลยแห่ไปดูนิทรรศการภาพวาดของเสี่ยวเฉิงด้วยความตื่นตาตื่นใจ ทำให้หน้าเวทีเหลือคนดูแค่ไม่กี่คน (หนึ่งในนั้นคือ "ฟางจิ่นหัว" ซึ่งเกลียดเซี่ยโม่เพราะความริษยาและเข้าใจผิด) พ่ออิ่นบอกทุกคนด้วยความภาคภูมิใจว่า ภาพวาดที่ถูกนำมาจัดแสดงทั้งหมดเป็นผลงานของลูกชายตน ลั่วซีเห็นเซี่ยโม่กับโอวเฉินยืนจับมือเคียงข้างกันจึงเบือนหน้าหนี พ่ออิ่นชวนโอวเฉินไปทานข้าวที่บ้านในวันรุ่งขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณ ครั้นโอวเฉินไปบ้านเซี่ยโม่แล้วพบว่าลั่วซีย้ายมาอยู่ที่บ้านเธอ แถมลั่วซียังแกล้งทำตัวสนิทสนมและเอาใจเซี่ยโม่ต่อหน้าต่อตา โอวเฉินจึงลุกหนีด้วยความไม่พอใจ เซี่ยโม่รีบตามไปง้อและอธิบาย หลังหายงอนแล้วโอวเฉินจึงมอบผ้าผูกผมสีเขียว (ที่ตั้งใจออกแบบและทำเองกับมือ) ให้เซี่ยโม่ เขามัดผมให้เซี่ยโม่แล้วบอกว่านับจากนี้เธอจะต้องใช้ผ้าผูกผมของตนมัดผมตลอดเวลา (ห้ามปล่อยผมเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่ตน) เซี่ยโม่ตัดพ้อว่านับวันเขาจะยิ่งคุมเข้ม ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งห้ามไม่ให้เธอไปงานเลี้ยงที่มีผู้ชายและไม่ให้ทำงานพาร์ทไทม์ วันนี้ถึงขั้นเข้มงวดเรื่องทรงผม โอวเฉินชี้ว่าเพราะเซี่ยโม่เป็นของตน 

โอวเฉินจะจูบเซี่ยโม่แต่เธอเบือนหน้าหนี เขาจึงสงสัยว่าเซี่ยโม่อาจชอบลั่วซีเข้าแล้ว เซี่ยโม่ยืนยันว่าคนที่เธอชอบคือโอวเฉิน เธอสัญญาว่าจะมัดผมทุกวันแต่เขาต้องเชื่อใจเธอด้วย โอวเฉินตัดบทด้วยการบอกเซี่ยโม่ว่าตนกำลังวางแผนไปเรียนต่อปริญญาโทที่ยูซีแอลเอ (มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส) เซี่ยโม่รับฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย ครั้นเห็นโอวเฉินทำหน้าผิดหวังเธอจึงออกตัวว่าตนเห็นดีด้วย โอวเฉินชวนเซี่ยโม่ไปอเมริกากับตนโดยบอกให้เธอย้ายไปเรียนที่นั่นเทอมหน้าในฐานะนักศึกษาแลกเปลี่ยน ทั้งยังวางแผนทุกอย่างไว้ให้เสร็จสรรพ เซี่ยโม่อ้างว่ากระทันหันเกินไปและเธออยากอยู่กับครอบครัวมากกว่า โอวเฉินจึงบอกให้เธอลองใคร่ครวญให้ดีก่อน เซี่ยโม่ขอร้องโอวเฉินว่าอย่ามาทานข้าวที่บ้านตามคำเชิญของพ่อเธออีก เพราะทุกครั้งที่เขามาบรรยากาศในบ้านมักตึงเครียด (ทุกคนจะระวังกิริยาและคำพูดเวลาอยู่ต่อหน้าเขา) ถ้าจะทานข้าวให้ออกไปทานด้วยกันตามลำพัง โอวเฉินจึงสบโอกาสบอกว่า นับจากวันพรุ่งนี้ตนจะมารับเซี่ยโม่ไปทานมื้อกลางวันด้วยกันทุกวัน


ครั้นเห็นว่าเซี่ยโม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของโอวเฉินทั้งที่ทำตัวเย่อหยิ่งเวลาอยู่ต่อหน้าตน ลั่วซีจึงทั้งผิดหวังและรู้สึกสมเพช เขาเพิ่งเจอโอวเฉินครั้งแรกแต่ดูออกว่าโอวเฉินเป็นจอมเผด็จการและขี้หึงเกินเหตุ แม้ได้ชื่อว่าเป็นแฟนกันแต่เซี่ยโม่กลับไม่มีความสุขและไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่ต่อหน้าโอวเฉิน เขาชี้ว่าเซี่ยโม่ยอมทำตามโอวเฉินทุกอย่างเหมือนเป็นเพียงตุ๊กตาของโอวเฉิน หากตนเป็นเซี่ยโม่คงเลิกคบกับโอวเฉินไปนานแล้ว ลั่วซียังบอกอีกว่าเซี่ยโม่ไม่ได้รักโอวเฉินเลยสักนิด เธอแค่อยากมีที่พึ่งพิงเลยยอมเป็นตุ๊กตาของโอวเฉินด้วยความเต็มใจ เซี่ยโม่ตอกกลับว่าเธอเข้าใจความรู้สึกของลั่วซี ที่เขาพูดเช่นนี้เป็นเพราะรู้สึกเจ็บปวดที่ถูกโอวเฉินแย่งความสนใจ

ปรากฏว่าคำพูดของทั้งคู่ต่างทิ่มแทงใจของอีกฝ่าย ลั่วซีพูดไม่ผิดเลยสักนิดเพราะเซี่ยโม่หวังพึ่งพาโอวเฉินตั้งแต่ต้นจริงๆ (เธอต้องการให้เขาช่วยพ่อบุญธรรม) ครั้งหนึ่งเซี่ยโม่เคยช่วยชีวิตโอวเฉิน (เขาเกิดความผิดปกติทางจิตใจขณะดำน้ำ เพราะเคยมีประสบการณ์อันเลวร้าย) โอวเฉินจึงให้ "พ่อบ้านเสิ่น" นำตุ๊กตาไปมอบเป็นของขวัญให้เซี่ยโม่เพราะเห็นว่าเธอเหมือนตุ๊กตา (เซี่ยโม่ไม่รู้ว่าโอวเฉินตั้งใจทำตุ๊กตาเองกับมือ) ในตอนนั้นเขายังฝากนามบัตรมาให้เธอโดยบอกว่าหากต้องการความช่วยเหลือให้โทรฯ หาเขา ครั้นนึกถึงเรื่องราวในตอนนั้นแล้วเซี่ยโม่ก็นึกถึงคำพูดของลั่วซี คืนเดียวกันนั้นลั่วซีเล่นกับถวนจื่อ (แมวของเสี่ยวเฉิง) บนที่นอนก่อนหยิบรูปสมัยยังเด็กขึ้นมาดู (เป็นรูปที่เขาเล่นม้าหมุนกับแม่อย่างมีความสุข ก่อนที่แม่จะทิ้งเขาไว้ที่นั่น) อันที่จริงเซี่ยโม่เองก็พูดไม่ผิดเช่นกัน เพราะเขารู้สึกเจ็บปวดที่ถูกโอวเฉินแย่งความสนใจจริงๆ ครั้นเห็นว่าเซี่ยโม่ยึดโอวเฉินเป็นที่พึ่งพิง เขาจึงคิดทำลายความสัมพันธ์ของทั้งคู่

วันรุ่งขึ้นโอวเฉินมารับเซี่ยโม่ไปทานข้าวกลางวันตามที่ตกลงกันไว้ แต่ลั่วซีดันตามขึ้นรถไปด้วยโดยอ้างหน้าตาเฉยว่าตนมีนัดกับเซี่ยโม่เช่นกัน ระหว่างทางลั่วซีแกล้งดึงผ้าผูกผมของเซี่ยโม่ออกโดยบอกว่าไม่สวยและไม่เหมาะกับเซี่ยโม่เลยสักนิด โอวเฉินเห็นดังนั้นจึงไม่ยิ่งพอใจ ขณะทานข้าวด้วยกันตามลำพังโอวเฉินตั้งกฏเหล็กโดยห้ามไม่ให้เซี่ยโม่พูดคุยกับลั่วซีเกินวันละ 5 ประโยค ครั้นเซี่ยโม่บอกว่าบ่ายนี้เธอมีนัดดูหนังกับเสี่ยวเฉิง โอวเฉินจึงไปส่งเธอที่โรงหนังทั้งที่ไม่ชอบใจนัก (ไม่อยากให้เธอใกล้ชิดผู้ชาย) และบอกว่าจะแวะมารับไปทานข้าวเย็น เมื่อเซี่ยโม่เข้าไปในโรงหนังกลับพบว่าคนที่นั่งข้างเธอไม่ใช่เสี่ยวเฉิงแต่เป็นลั่วซี (ลั่วซีอ้างว่าเสี่ยวเฉิงไปแข่งวิ่งเลยให้ตนมาดูแทนเพราะเสียดายตั๋ว) เซี่ยโม่จะลุกหนีแต่ลั่วซีนำเสี่ยวเฉิงมาอ้าง ถึงกระนั้นเซี่ยโม่ก็ยังคงยืนกรานว่าไม่อยากดูหนังกับลั่วซี ลั่วซีสวนทันควันว่าไม่อยากดูหรือไม่กล้าดู เขารู้ว่าเซี่ยโม่กลัวโอวเฉินจะโกรธถ้ารู้เข้า จึงบอกว่าถ้าโอวเฉินทิ้งเธอก็ยังมีตนอยู่ทั้งคน


โอวเฉินกำลังจะกลับไปทำงานแต่ติดขบวนนักวิ่งฮาล์ฟมาราธอน ครั้นเห็นว่าเสี่ยวเฉิงเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน เขาจึงรีบกลับไปที่โรงหนังและเห็นกับตาว่าเซี่ยโม่มาดูหนังกับลั่วซี โอวเฉินโกรธมากเพราะคิดว่าเซี่ยโม่หลอกลวงตน เซี่ยโม่อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วขอให้โอวเฉินเชื่อใจตน โอวเฉินกล่าวว่าที่ผ่านมาตนเชื่อเซี่ยโม่มาโดยตลอด เซี่ยโม่บอกว่าต้องการความเป็นส่วนตัว พวกตนเลยคบโดยไม่เปิดเผย แต่เซี่ยโม่กลับคบหาผู้ชายคนอื่นอย่างเปิดเผยต่อหน้าตน เซี่ยโม่บอกว่ามีนัดดูหนังกับเสี่ยวเฉิงตนก็มาส่งถึงที่ แต่คนที่อยู่ในโรงหนังกับเธอกลายเป็นลั่วซี ตนควรเชื่อใจเซี่ยโม่แต่ตนเชื่อในสิ่งที่เห็นมากกว่า ครั้นเซี่ยโม่ยืนยันว่าเสี่ยวเฉิงอธิบายเรื่องนี้ได้ โอวเฉินจึงแย้งว่าทำไมต้องให้คนอื่นแก้ตัวแทนอยู่เรื่อย เขาอยากให้เธอพิสูจน์ด้วยการกระทำ และชี้ว่าแม้แต่ตัวเธอเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคบกับตนทำไม โอวเฉินถามเซี่ยโม่ว่าเธอชอบตัวตนเขา หรือชอบความรู้สึกที่มีเขาคอยปกป้องกันแน่ ครั้นเซี่ยโม่แย้งว่าเขาพูดแรงเกินไป โอวเฉินจึงตัดบทด้วยการขอคำตอบเรื่องที่คุยกันเมื่อวาน เซี่ยโม่ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ไปอเมริกากับเขา เธอจะรอเขาอยู่ที่นี่เพราะไม่อาจทิ้งครอบครัว โอวเฉินถามว่าครอบครัวเธอรวมลั่วซีด้วยใช่ไหม เซี่ยโม่ยืนยันว่าไม่ใช่แต่โอวเฉินไม่อยากฟังคำแก้ตัวอีกต่อไป เขาบอกเธอว่านับจากนี้ตนจะเชื่อในสิ่งที่เห็นเท่านั้น พูดจบเขาก็เดินจากไป ลั่วซี (ซึ่งแอบฟังอยู่ห่างๆ ) เห็นทั้งคู่ผิดใจกันก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ

แม้จะโกรธง่ายและขี้งอนแต่หลังจากเซี่ยโม่ตามไปง้อถึงบ้าน โอวเฉินก็หายโกรธเป็นปลิดทิ้ง หลังปรับความเข้าใจกันได้ไม่นานก็มีเหตุให้ทั้งคู่ผิดใจกันเพราะลั่วซีอีกจนได้ เรื่องราวเกิดขึ้นหลังถวนจื่อ (แมวของเสี่ยวเฉิง) หายตัวไป ก่อนพบเป็นศพในล็อกเกอร์ (ที่มหาวิทยาลัย) ของลั่วซี หลังจากนั้นก็มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าลั่วซีเป็นโรคจิตที่ชอบทารุณกรรมแมว แถมยังลือกันหนาหูว่านี่ไม่ใช่แรกที่เขาฆ่าแมวอย่างโหดเหี้ยม เสี่ยวเฉิงไม่เชื่อว่าลั่วซีเป็นคนฆ่าแมวของตน ซึ่งเซี่ยโม่เองก็คิดเช่นนั้น (เพราะลั่วซียืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้ทำ และเซี่ยโม่ก็เชื่อว่าลั่วซีไม่โง่ถึงขนาดฆ่าแมวแล้วเอาซากไปยัดไว้ในล็อกเกอร์ตัวเอง) ครั้นรู้ว่าลั่วซีกำลังจะถูกมหาวิทยาลัยลงโทษเซี่ยโม่จึงรีบไปช่วยแก้ต่างให้เขาทันที ทางมหาวิทยาลัยต้องการสยบข่าวลือจึงบอกให้ลั่วซีขอโทษสังคมอย่างเป็นทางการ มิเช่นนั้นจะโดนไล่ออก แต่ลั่วซียืนกรานปฏิเสธเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด เซี่ยโม่จึงหาทางออกด้วยการบอกว่าตนเป็นเจ้าของแมวและขอเวลาสืบหาคนร้ายตัวจริงสามวัน หลังจากนั้นเธอก็จูงแขนลั่วซีออกจากห้อง (โอวเฉินเห็นเซี่ยโม่เดินจูงแขนลั่วซีก็รู้สึกโกรธ)

ลั่วซีสงสัยในเจตนาของเซี่ยโม่และไม่คิดว่าเธอจะเชื่อใจตนจริงๆ เขาบอกเธอว่าถ้าช่วยตนเพราะสงสารก็อย่าหวังว่าตนจะขอบคุณ เซี่ยโม่แย้งว่าทำไมเธอต้องสงสารเขาด้วย ในเมื่อทั้งเขา เธอ และเสี่ยวเฉิง ล้วนมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเหมือนกัน เธอกับเสี่ยวเฉิงแย่กว่าลั่วซีด้วยซ้ำ เพราะลั่วซียังมีคนรับไปดูแล แต่เธอกับน้องชายไม่มีใครอยากรับเลี้ยงเพราะไม่ยอมแยกจากกัน สมัยอยู่บ้านเด็กกำพร้าเธอมักเห็นเด็กประเภทเดียวกับลั่วซีที่หน้าตาดี เรียนเก่ง ช่างเจรจา และทำตัวเป็นเด็กดีเวลาอยู่ต่อหน้าครอบครัวที่อยากรับเลี้ยงเด็ก เด็กเหล่านี้จะได้ออกจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าก่อนใครเพื่อนและไม่เคยกลับมาอีกเลย ผิดกับลั่วซีที่เดินเข้าออกสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นว่าเล่น (เขาถูกคนรับไปเลี้ยงและถูกส่งกลับครั้งแล้วครั้งเล่า) เธอจึงมองว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ต้องการมีครอบครัวใหม่ เพราะเขาไม่เชื่อใจใครเลย เวลาคนอื่นทำดีกับเขา เขาไม่เพียงไม่ขอบคุณ แต่ยังวางท่าทำเมินและไม่ยอมรับความปรานาดี ลั่วซีสวนกลับว่าเซี่ยโม่แสดงได้สมจริงยิ่งกว่าตน จนดูแทบไม่ออกว่าตัวตนที่แท้จริงเป็นอย่างไร ไม่แน่ว่าเธออาจเลือดเย็นกว่าตนด้วยซ้ำ เซี่ยโม่ยอมรับว่าเธอเป็นเช่นนั้นจริง แต่นั่นเป็นเพราะเธอไม่โง่เหมือนลั่วซีที่โหยหาความรักจากคนอื่นแต่กลับแกล้งทำเป็นไม่ต้องการมัน 




หลังรู้ว่าลั่วซีสงสัย "ซ่งหย่าหมิน" (ลูกชายครอบครัวซ่งที่เคยรับเลี้ยงลั่วซีก่อนหน้านี้) ซึ่งเคยใส่ร้ายลั่วซีด้วยเรื่องเดียวกันมาแล้ว เซี่ยโม่จึงไปที่บ้านสกุลซ่งกับลั่วซีเพื่อขอให้แม่ซ่งช่วยเป็นพยานยืนยันว่าตอนอยู่ที่นี่ลั่วซีไม่เคยทารุณกรรมแมว แม่ซ่งต้องการปกป้องหย่าหมิน (ซึ่งเป็นคนร้ายตัวจริง) จึงไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งลั่วซีเองก็ไม่ได้คาดหวังตั้งแต่ต้น เขาบอกเซี่ยโม่ว่าตนชินแล้ว ที่ผ่านมาตนถูกครอบครัวอุปถัมภ์รับเลี้ยงเจ็ดครั้ง แต่สุดท้ายก็ถูกส่งกลับ ทุกคนต่างบอกว่ารักและไม่อยากทอดทิ้งตน แต่ทั้งหมดล้วนเป็นคำลวง ทุกครั้งที่เกิดเรื่องพวกเขาจะปกป้องชื่อเสียงของครอบครัวและโยนบาปให้ตน ตนมาอยู่บ้านสกุลอิ่นเพราะไม่อยากยอมแพ้ ถ้าโดนขับไล่ไสส่งอีกครั้งก็ไม่เป็นไรเพราะตนทำใจไว้แล้ว เซี่ยโม่ต้องการหาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของลั่วซีจึงไปง้อและขอความช่วยเหลือจากโอวเฉิน แม้ไม่ชอบใจนักแต่โอวเฉินก็ยอมช่วยเธอ หลังช่วยให้ลั่วซีพ้นข้อครหา (หย่าหมินโยนความผิดให้จิ่นหัว) โอวเฉินจึงคิดที่จะขอเซี่ยโม่แต่งงานบริเวณชายหาดที่เธอเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ (เขานัดเธอสองทุ่มวันอาทิตย์ แต่ยังไม่ยอมบอกจุดประสงค์และสถานที่นัดพบ)

หลังพ้นมลทิน ลั่วซีกล่าวขอบคุณเซี่ยโม่จากใจจริง ทั้งยังนำแมวตัวใหม่มาปลอบใจเสี่ยวเฉิง เสี่ยวเฉิงเห็นว่าแมวมีขนสีขาวเลยตั้งชื่อว่า "หนิวไหน่" (แปลว่า "น้ำนม") เสี่ยวเฉิงกับเซี่ยโม่เพิ่งนึกได้ว่าพวกตนลืมซื้อของขวัญวันพ่อ ลั่วซีจึงเสนอให้เซอร์ไพรส์พ่ออิ่นด้วยการร่วมแข่งขันร้องเพลงในรายการทีวี "ฮวนเล่อ ซิงชีเทียน" (แฮปปี้ซันเดย์) ซึ่งเป็นรายการสดที่พ่ออิ่นชอบดู ครั้นเซี่ยโม่แย้งว่าเธอร้องเพลงไม่เป็น ลั่วซีจึงช่วยสอนให้ และนั่นก็ทำให้พรสวรรค์ด้านการร้องเพลงของเซี่ยโม่เริ่มฉายแวว เสี่ยวเฉิงกับลั่วซีได้ยินแล้วถึงกับอึ้งและต่างเอ่ยปากชมว่าเซี่ยโม่เสียงดี เมื่อถึงวันอาทิตย์โอวเฉินส่งภาพสถานที่นัดพบไปให้เซี่ยโม่ทางโทรศัพท์ แต่ทว่าในตอนนั้นเซี่ยโม่กับเสี่ยวเฉิงกำลังเตรียมตัวร้องเพลงบนเวที เธอจึงฝากโทรศัพท์ไว้ที่ลั่วซี (ลั่วซีเห็นข้อความแต่ไม่บอกเซี่ยโม่) พ่ออิ่นเห็นลูกบุญธรรมทั้งสองกำลังร้องเพลงในทีวีจึงเรียกแม่อิ่นมาดูด้วยความตื่นเต้น แต่แล้วอยู่ๆ เซี่ยโม่ก็ร้องเพลงไม่ออก ขณะที่ทุกคนกำลังลุ้นระทึก ลั่วซี (ซึ่งตั้งใจว่าจะเล่นกีตาร์อย่างเดียว) ก็ออกมาช่วยแก้ไขสถานการณ์ทำให้การประกวดผ่านพ้นไปด้วยดี แถมยังชนะการแข่งขันอีกด้วย 

ครั้นเลยเวลานัดหมายแล้วเซี่ยโม่ยังไม่ปรากฏกาย ซ้ำยังไม่ยอมรับสาย โอวเฉินก็ทั้งโกรธและผิดหวัง (เขาตกแต่งสถานที่อย่างสวยงาม และยังเตรียมดอกไม้ไฟเอาไว้ด้วย) หลังถ่ายรายการเสร็จเซี่ยโม่รีบเช็คโทรศัพท์ทันที เธอพยายามโทรฯ หาโอวเฉินแต่ติดต่อไม่ได้เลยรีบบึ่งไปที่จิงอวี๋วาน (สถานที่นัดพบ) แต่ทว่าโอวเฉินกลับไปแล้วเธอเลยเก็บกุหลาบขาวที่ตกอยู่บนพื้นกลับบ้านไปด้วย (โอวเฉินเห็นเซี่ยโม่ เสี่ยวเฉิง และลั่วซี ร้องเพลงในรายการทีวี เลยอดสงสัยไม่ได้ว่าตนคิดมากเกินไปหรือคิดน้อยไปกันแน่) คืนนั้นครอบครัวอิ่นเลี้ยงฉลองวันพ่ออย่างมีความสุข ลั่วซีเพิ่งรู้ว่าการเป็นที่ยอมรับของครอบครัวนั้นมีความสุขเพียงใด (เขาคิดว่าตนเป็นลูกในไส้ของพ่ออิ่น) หลังมื้อค่ำ ลั่วซีเห็นเซี่ยโม่นั่งซึมอยู่นอกบ้านตามลำพัง จึงเดินออกไปหาโดยหยิบเบียร์ไปเผื่อเธอหนึ่งกระป๋อง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เปิดอกคุยกัน (ทั้งคู่เริ่มเมาเพราะดื่มเบียร์ฉลองกับครอบครัวมาก่อนหน้านี้แล้ว) 


เซี่ยโม่ขอบคุณลั่วซีที่ช่วยแก้ไขสถานการณ์ตอนแข่งขันร้องเพลง ทั้งยังขอบคุณเขาที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว หลังดื่มเบียร์จนหมดกระป๋อง เซี่ยโม่สารภาพว่าความจริงแล้วเธอไม่เคยเกลียดลั่วซี เพียงแต่ทั้งเธอและเขาเป็นคนแบบเดียวกัน เธอเลยทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่ต่อหน้าเขา เขามักทำให้เธอนึกถึงสิ่งที่ตัวเองพยายามลืม เธอถามลั่วซีว่าระหว่าง 'ครอบครัว' กับ 'คนที่ชอบ' เขาจะเลือกอยู่ข้างใคร ลั่วซีกล่าวว่าตนเพิ่งตัดสินใจเรื่องนี้พอดี (เขาเลือกที่จะออกมานั่งคุยกับเธอข้างนอกแทนที่จะอยู่ในบ้าน) เขาจะสารภาพความในใจแต่เซี่ยโม่ดันเมาหลับไปเสียก่อน เมื่อโอวเฉินมาหาเซี่ยโม่ที่บ้านแล้วเห็นภาพบาดตาบาดใจ (ลั่วซีกำลังจะแอบจูบเซี่ยโม่) เขาจึงปรี่เข้าไปชกหน้าลั่วซี่ และโดนลั่วซีชกกลับ

หลังมีปากเสียงกัน (ลั่วซีเย้ยว่าเซี่ยโม่ไม่ได้รักโอวเฉิน) โอวเฉินก็อุ้มเซี่ยโม่ซึ่งยังคงหลับใหลไม่ได้สติขึ้นไปส่งบนห้องนอน ครั้นเห็นกุหลาบขาวในห้องเซี่ยโม่เขาจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วเซี่ยโม่ไปหาตนตามนัด ถึงกระนั้นโอวเฉินก็อดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าเซี่ยโม่ล่วงรู้แผน (ขอแต่งงาน) ของตน เธอจะไปที่นั่นไหม โอวเฉินไม่อยากเสียเซี่ยโม่ไปจึงตัดไฟเสียแต่ต้นลมด้วยการแยกเซี่ยโม่กับลั่วซีออกจากกัน พอรู้ว่าโอวเฉินบีบให้พ่ออิ่นขับลั่วซีออกจากบ้าน เซี่ยโม่จึงบุกไปต่อว่าโอวเฉินด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว (โอวเฉินกับเซี่ยโม่ไม่เคยมีปากเสียงกันมาก่อน) พ่อบ้านเสิ่นแนะให้โอวเฉินบอกเซี่ยโม่ตามตรงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่โอวเฉินยืนยันว่าจะทำตามแผนเดิม (ที่เพิ่มเติมคือให้ลั่วซีออกจากมหาวิทยาลัยด้วย) เขาเชื่อว่าถ้าลั่วซีไปแล้วทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เซี่ยโม่จึงไม่จำเป็นต้องรับรู้ว่าลั่วซีหลงรักและคิดล่วงเกินเธอ

ที่แท้พ่ออิ่นจำต้องปล่อยลั่วซีไปเพราะกลัวโดนไล่ออก (โอวเฉินเป็นคนรับพ่ออิ่นเข้าทำงานที่บริษัท) ทุกคน (โดยเฉพาะเสี่ยวเฉิง) พยายามคัดค้านแต่ไม่เป็นผล ลั่วซีรู้สึกเหมือนโดนหักหลังอีกตามเคย เขาจึงปกป้องตัวเองด้วยการกลับไปเป็นคนเดิมที่ไม่แยแสใคร เขาไม่อยากฟังพ่ออิ่นชักแม่น้ำทั้งห้ามาอธิบายถึงความจำเป็นจึงตัดบทว่าตนจะไปจากที่นี่ แต่ก่อนไปเขาอยากรู้ว่าทำไมพ่ออิ่นถึงทิ้งลูกในไส้อย่างตน ทุกคนได้ยินดังนั้นจึงต่างพากันตกใจ ลั่วซียื่นสมุดบันทึกของแม่ให้พ่ออิ่นดูแต่แล้วกลับพบว่าเรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด พ่ออิ่นยอมรับว่าสมัยเป็นนักศึกษาตนเคยชอบแม่ของลั่วซีจริงๆ แต่เธอปฏิเสธตน ที่ตนรับเซี่ยโม่กับเสี่ยวเฉิงมาเป็นลูกบุญธรรมเป็นเพราะตนไม่สามารถมีลูกได้ ลั่วซีได้ยินดังนั้นจึงขอโทษที่เข้าใจผิดและเดินออกจากบ้านไป 

ปรากฏว่าลั่วซีไม่ได้ถูกตัดหางปล่อยวัด แต่โอวเฉินส่งเขาไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษโดยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ลั่วซีรู้ดีว่าตนไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อกรหรือเอาชนะโอวเฉินได้ จึงบอกให้โอวเฉินรอจนกว่าตนจะแข็งแกร่งและกลับมาเอาคืน หลังจัดการเรื่องลั่วซีแล้วโอวเฉินก็เตรียมเดินทางไปสนามบิน พ่อบ้านเสิ่นเห็นว่าโอวเฉินยังไม่ได้เคลียร์ใจกับเซี่ยโม่เลยถามว่าจะให้เลื่อนการประชุมออกไปก่อนไหม โอวเฉินปฏิเสธเพราะไม่อยากใจอ่อนเรื่องลั่วซี 


เดิมทีทุกคนในบ้านตั้งใจว่าจะไปส่งลั่วซีที่สนามบิน แต่พอถึงเวลาเดินทางเสี่ยวเฉิงดันไม่สบายและมีไข้สูง พ่อกับแม่เลยต้องรีบพาเสี่ยวเฉิงไปส่งโรงพยาบาล เซี่ยโม่ไปส่งลั่วซีที่สนามบินโดยถือกีตาร์ติดมือไปด้วย (ลั่วซีทิ้งกีตาร์ที่เสี่ยวเฉิงซื้อให้ไว้ที่ห้อง) เธอขอโทษลั่วซีที่เรื่องราวลงเอยเช่นนี้ ลั่วซีเหน็บว่าต้องขอบคุณเซี่ยโม่ที่ทำให้คนอย่างตนได้ไปเรียนต่อถึงเมืองนอกเมืองนา เซี่ยโม่ไม่หวังให้ลั่วซีอภัย เพียงอยากให้เขาเข้าใจว่าเธอจำเป็นต้องปกป้องครอบครัว เธอกล่าวว่าการที่ลั่วซีมีโอกาสไปเรียนเมืองนอกนับว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยเขาก็ได้เรียนในสิ่งที่ชอบโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ลั่วซีถามว่าถ้าคนที่ถูกส่งไปเรียนเมืองนอกไม่ใช่ตนแต่เป็นเสี่ยวเฉิงเธอจะเห็นดีด้วยไหม เซี่ยโม่อึ้งไปชั่วขณะ ลั่วซีรู้ดีว่าหากเป็นเสี่ยวเฉิงเซี่ยโม่ไม่มีทางยอมแน่ เพราะเธอรักเสี่ยวเฉิงจึงไม่ยอมพรากจากกัน เขากล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่าเด็กกำพร้าอย่างตนไม่ควรโลภมากเกินไป ขนาดพ่อแม่แท้ๆ ยังทอดทิ้งตนได้ลงคอ แล้วตนมีสิทธิ์อะไรไปคาดหวังความรักจากคนอื่น

ขณะเฝ้าไข้เสี่ยวเฉิง แม่อิ่นรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ร่ำลาลั่วซี ทั้งยังรู้สึกผิดและเป็นห่วงลั่วซีที่ต้องไปอยู่ต่างแดนตามลำพัง ขณะที่พ่ออิ่นเองก็รู้สึกผิดและไม่สบายใจเช่นกัน เมื่อเสี่ยวเฉิงรู้สึกตัวก็บอกพ่อว่าตนจะเลิกเรียนศิลปะและจะทำงานหาเงินมาช่วยพ่อแม่ เขาร่ำไห้ขอร้องพ่อแม่ว่าอย่าปล่อยลั่วซีไป พ่ออิ่นได้ยินดังนั้นจึงคิดที่จะไปตามลั่วซีกลับมา เสี่ยวเฉิงดีใจจนลืมป่วย เขารีบถอดสายน้ำเกลือแล้วขอตามพ่อกับแม่ไปที่สนามบิน

เซี่ยโม่บอกลั่วซีว่าทุกคนในบ้านชอบลั่วซีจากใจจริง แต่ลั่วซีไม่เชื่อใจใครอีกต่อไปเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดน (คนที่บอกว่าชอบตน) ผลักไส เขากล่าวว่าการชอบแบบนั้นช่างไร้ค่าสิ้นดี เซี่ยโม่ยอมรับว่าสิ่งเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้มันไร้ค่า แต่ทว่าเธอทำได้มากสุดเพียงเท่านี้ (เธอทำได้เพียงขอโทษเขา เพราะเธอและครอบครัวจำเป็นต้องต้องพึ่งพาโอวเฉิน) ถ้าลั่วซีเจ็บแค้นเธอจริงๆ ก็รอให้แข็งแกร่งและมีอำนาจมากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยกลับมาเอาคืน เธอมอบเงินรางวัลที่ได้จากการแข่งขันร้องเพลงทั้งหมดให้ลั่วซีก่อนบอกลา ลั่วซีถามขึ้นว่า "เธอชอบชั้นมั๊ย... ที่โอวเฉินเฉดหัวชั้นเพราะกลัวเธอชอบชั้นไม่ใช่เหรอ" เซี่ยโม่นิ่งไปชั่วขณะก่อนแย้งว่า หากผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ตน... แม้ไม่ใช่ลั่วซี โอวเฉินก็ไม่พอใจทั้งนั้น 

ลั่วซีถามย้ำว่าเซี่ยโม่ชอบตนหรือไม่ ครั้นเซี่ยโม่ส่ายหน้า ลั่วซีจึงถามต่อว่าหากตนไปแล้วเซี่ยโม่จะคิดถึงตนไหม เซี่ยโม่หลบตาก่อนตอบว่าเธอไม่มีเวลาคิดถึงลั่วซี เธอเองก็เสียใจที่ลั่วซีต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่เธอไม่มีกำลังที่จะปกป้องใคร เธอจะไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวเธออีกแล้ว เพราะอย่างนี้เธอเลยต้องเข้มแข็งและแกร่งกว่าเดิม เธอจะทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อไม่ให้กลับไปอยู่ในวังวนเดิม เพราะอย่างนี้เธอเลยไม่มีเวลาคิดถึงลั่วซี แต่ลั่วซีไม่ต้องการให้เซี่ยโม่ลืมตน เขาอ้างว่าแม้ตนจะไม่ชอบเซี่ยโม่เช่นกัน แต่การโดนเฉดหัวแล้วยังถูกลืมง่ายๆ เช่นนี้มันมากเกินไป พูดจบเขาก็จูบเธอกลางสนามบิน ก่อนฝากเซี่ยโม่ไปบอกโอวเฉินว่า... เขากลัวสิ่งไหน ตนจะให้สิ่งนั้นกับเขา!! เซี่ยโม่บอกลั่วซีว่าถ้าอยากบอกอะไรใครก็ไปบอกด้วยตัวเอง พูดจบเธอก็ส่งกีตาร์ให้เขา ลั่วซีนำกล่องกีตาร์ไปวางทิ้งบนถังขยะต่อหน้าเซี่ยโม่ ก่อนเดินเข้าไปในโซนผู้โดยสารขาออกโดยไม่เหลียวกลับมามอง


ระหว่างที่พ่อแม่และเสี่ยวเฉิงกำลังรีบเดินทางไปยังสนามบิน พ่ออิ่นกลัวว่าจะไปไม่ทันเลยโทรฯ บอกให้เซี่ยโม่รั้งลั่วซีเอาไว้ ทันใดนั้น รถที่พ่ออิ่นขับก็ถูกรถบรรทุกพุ่งเข้าชนอย่างจัง เมื่อเซี่ยโม่ไปถึงโรงพยาบาลก็พบว่าพ่อแม่บุญธรรมเสียชีวิตแล้วทั้งคู่ ส่วนเสี่ยวเฉิงยังไม่พ้นขีดอันตราย หมอบอกให้เซี่ยโม่กลับไปเอาของใช้ส่วนตัวที่บ้านเพื่อจะได้มานอนเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาล เมื่อโอวเฉินกลับมาและได้รับแจ้งข่าวก็ตรงไปหาเซี่ยโม่ที่บ้านทันที เซี่ยโม่เห็นโอวเฉินแล้วยิ่งเจ็บแค้น เธอแสร้งยิ้มแล้วถามว่าสมใจแล้วหรือยัง ตอนนี้เหลือเธอเพียงลำพัง ลั่วซีไปแล้ว พ่อกับแม่ยังมาตายจาก ส่วนเสี่ยวเฉิงอาการโคม่า เธอโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของโอวเฉิน และบอกเขาว่าที่ผ่านมาเธอไม่เคยรักเขาเลย เธอคบกับเขาเพียงเพราะต้องการปกป้องพ่อและครอบครัว ตอนนี้ไม่เหลืออะไรให้ปกป้องแล้วเธอจะได้เลิกกับเขาเสียที 

เซี่ยโม่ยังบอกอีกว่า เธอหลงรักลั่วซีตั้งแต่แรกเห็น แม้โอวเฉินจะแยกพวกตนออกจากกัน แต่อีกไม่นานเธอกับลั่วซีจะได้อยู่ด้วยกันอย่างแน่นอน โอวเฉินทนฟังต่อไปไม่ไหว เขาบอกให้เธอสงบสติอารมณ์และขอโทษเธอ เซี่ยโม่ได้ยินแล้วยิ่งโกรธ เธอจึงบอกเลิกแล้วโยนผ้าผูกผมคืนเขา ครั้นถูกเซี่ยโม่ตัดรอนด้วยถ้อยคำที่รุนแรง โอวเฉินก็รู้สึกเหมือนโดนคมมีดทิ่มแทงใจ เขาไม่อยากเสียเธอไปเลยคุกเข่าขอโทษและขอโอกาสจากเธอ ครั้นโอวเฉินถามว่าต้องทำยังไงเธอถึงจะยอมยกโทษให้ เซี่ยโม่จึงไล่ให้เขาไปตาย โอวเฉินได้ยินแล้วหัวใจสลายและร่ำไห้ใจแทบขาดใจ

หลังพ้นขีดอันตรายเสี่ยวเฉิงจึงขอออกมาพักรักษาตัวที่บ้านก่อนกำหนด (เพราะค่ารักษาแพง) แต่พอสองพี่น้องมาถึงกลับพบว่าบ้านถูก "โอวหัวเซิ่งกรุ๊ป" ยึด (พ่ออิ่นกู้เงินบริษัทมาซื้อบ้าน) แม้แต่เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดยังถูกขายใช้หนี้เช่นกัน ครั้นเห็นรูปครอบครัวถูกคนงานโยนทิ้งต่อหน้าต่อตา เสี่ยวเฉิงจึงปรี่เข้าไปเอาเรื่องทั้งที่ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ หลังโดนซ้อมจนแน่นิ่งเขาก็ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลอีกครั้งและจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด แต่ทว่าค่าผ่าตัดแพงมากแถมทางโรงพยาบาลยังให้จ่ายเงินล่วงหน้า (เพราะมีประวัติค้างชำระ) แม้อาจารย์และเพื่อนๆ จะช่วยลงขันแต่ก็ได้เงินมาเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับค่ารักษาที่แพงลิบลิ่ว เซี่ยโม่ไม่มีทางเลือกจึงบากหน้าฝ่าสายฝนไปหาโอวเฉินที่บ้าน 

พ่อบ้านเสิ่นไม่ต้อนรับเซี่ยโม่เพราะโอวเฉินถูกเธอทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง แถมเธอยังเป็นฝ่ายทิ้งเขาก่อน ครั้นรู้ว่าเซี่ยโม่บุกมาหาโอวเฉินเพราะเดือดร้อนเรื่องเงินพ่อบ้านเสิ่นจึงยิ่งไม่พอใจ เขาตำหนิเซี่ยโม่ที่นึกถึงโอวเฉินเฉพาะเวลาเดือดร้อน และกล่าวว่าในเมื่อเธอกับโอวเฉินเลิกคบกันแล้ว ทำไมโอวเฉินต้องให้เธอยืมเงินด้วย เขาชี้ว่าเธอเป็นห่วงคนของตัวเองแต่ไม่เคยนึกห่วงโอวเฉิน ครั้นเซี่ยโม่พยายามบุกเข้าไปในบ้านโดยยืนกรานว่าจะขอพบโอวเฉินให้ได้ พ่อบ้านเสิ่นจึงบอกว่าโอวเฉินจะไม่พบเธออีกต่อไปและห้ามไม่ให้เธอมาที่นี่อีก เซี่ยโม่ไม่ยอมแพ้และพยายามบุกเข้าไปในบ้าน พ่อบ้านเสิ่นเลยผลักเธอล้มลงไปกองกับพื้นที่มีน้ำฝนเจิ่งนอง ก่อนกล่าวว่าที่ผ่านมาโอวเฉินใจดีเพราะชอบเธอ ครั้นเลิกกันแล้วเธอจึงไร้ค่าไร้ความหมาย หลังถูกกีดกันเซี่ยโม่พยายามร้องเรียกโอวเฉินให้ออกมาหาโดยบอกว่าเธอมีเรื่องด่วน แต่โอวเฉินไม่ออกมาหาเธอเหมือนเมื่อก่อน ในที่สุดเซี่ยโม่ก็ยอมแพ้และตั้งใจว่าต่อจากนี้จะไม่หวังพึ่งพาคนอื่นอีกต่อไป

* เนื้อหาโดย luvasianseries / ดูอัลบั้มภาพได้ ที่นี่


                      

             


รายชื่อนักแสดง


นักแสดงนำ


จางเสวี่ยอิ๋ง
รับบท อิ่นเซี่ยโม่
(นักแสดง ชาวจีน)



ฉินจวิ้นเจี๋ย
รับบท โอวเฉิน (โอเชี่ยน)
(นักแสดง ชาวจีน)



หวงเซิ่งฉือ
รับบท ลั่วซี
(นักแสดง ชาวจีน)

อื่นๆ


เฉินซินอวี่
รับบท เหยาซูเอ๋อร์
(นักแสดง ชาวจีน)



ม่ายตี๋น่า (Madina)
รับบท เสิ่นเฉียง
(นักแสดง ชาวจีน)



หวงเต๋ออี้
รับบท อิ่นเฉิง (เสี่ยวเฉิง)
(นักแสดง / นักร้อง ชาวฮ่องกง)



หยวนจื่ออวิ๋น
รับบท เจียงเจินเอิน
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)



หลี่อี้หนาน
รับบท ซีเหมิง (ไซม่อน)
(นักแสดง ชาวจีน)



หลิวเจีย
รับบท ฟางจิ่นหัว
(นักแสดง ชาวจีน)



ซ่งไห่เจี๋ย
รับบท ไต้เหวย (เดวิด)
(นักแสดง / นายแบบ ชาวจีน)



เฉินจื่อเหยียน
รับบท เวยอัน
(นักแสดง / นางแบบ ชาวจีน)



หวังอี้เจีย
รับบท เจี๋ยนี (เจนนี่)
(นักแสดง / นางแบบ ชาวจีน)







*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา