วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

เรื่องย่อ รักเราพระจันทร์เป็นใจ (Love in the Moonlight)




กำกับ: คิม ซองยุน, เพค ซังฮุน
เขียนบท: คิม มินจุง, อิม เยจิน
แนวละคร: ย้อนยุค, โรแมนติก, คอมเมดี้, Coming-of-age story
จำนวนตอน: 18
ออกอากาศ: เกาหลี - 22 สิงหาคม 2559 - 18 ตุลาคม 2559 ทางเคบีเอส2
                      ไทย - ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 22.00-23.15 น. ทางช่อง 8 เริ่มวันที่ 12 กันยายน 2559 - 10 มกราคม 2560 (เริ่มออกอากาศตอนที่ 1 ใหม่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2559)

เรื่องย่อ



ละคร "รักเราพระจันทร์เป็นใจ" (Love in the Moonlight / Moonlight Drawn by Clouds) ดัดแปลงมาจากนิยายออนไลน์เรื่อง "구르미 그린 달빛" (Moonlight Drawn by Clouds)  ของ "ยูน อีซู" ซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์ "Naver" เมื่อปี พ.ศ. 2556 ก่อนนำมาตีพิมพ์เป็นนิยายชุด 5 เล่ม ในปี 2558 เนื้อหาในละครเป็นเรื่องสมมุติ แต่มีการนำช่วงเวลา เหตุการณ์ และบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์มาอ้างอิง โดยกล่าวถึงเรื่องราวความรักและการก้าวพ้นวัย (จากวัยรุ่นไปสู่วัยผู้ใหญ่) ของเด็กหนุ่มสาวในยุคปลายของราชวงศ์โชซอน (ศตวรรษที่ 19)

"ฮง ราอน" เป็นเด็กสาวที่ถูกมารดาบังคับให้แต่งกายเป็นชายตั้งแต่ยังเด็กด้วยเหตุผลบางประการ  เธอจึงต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายและตั้งตนเป็นกูรูด้านความรัก โดยมีรายได้หลักจากการเป็นนักเขียนและที่ปรึกษาปัญหาหัวใจ แต่จดหมายรักที่เธอเขียนให้ลูกค้ากลับนำพาเธอมาพบกับ "องค์ชายลียอง"* ซึ่งเป็นองค์รัชทายาท ถึงกระนั้นต่างฝ่ายต่างไม่รู้ฐานะและตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน (องค์ชายไม่รู้ว่าราอนเป็นผู้หญิง ส่วนราอนไม่รู้ว่าเขาคือองค์ชายรัชทายาท) แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีเหตุให้ราอนต้องเข้าวังมาเป็นขันทีทำให้ได้พบกับองค์ชายลียองอีกครั้ง ราอนจะใช้ชีวิตในวังหลวงท่ามกลางเหล่าขันทีโดยปกปิดความลับเรื่องที่เธอเป็นผู้หญิงเอาไว้ได้หรือไม่? จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อองค์ชายรัชทายาทแห่งโชซอนตกหลุมรักขันที? มาร่วมลุ้นไปกับความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาของเขาและเธอได้ใน "รักเราพระจันทร์เป็นใจ (Love in the Moonlight)" ทางช่อง 8 (ดูละคร "รักเราพระจันทร์เป็นใจ (Love in the Moonlight)" ทั้งแบบสดและย้อนหลังทางช่อง 8 ได้ ที่นี่ )



คลิกที่รูปเพื่อดูภาพขยาย

เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์ (เรื่องจริงที่อาจแตกต่างจากในละคร) 

* องค์ชายลียอง (องค์รัชทายาทฮโยมยอง) เป็นพระโอรสองค์โตในพระเจ้าซุนโจ (พระราชาองค์ที่ 23 แห่งราชวงศ์โชซอน) กับพระมเหสีซุนวอนจากตระกูลคิม ทรงเป็นอัจฉริยะทางด้านวรรณคดีและศิลปะ ทั้งยังเป็นผู้คิดค้นและออกแบบศิลปะการแสดงหน้าพระที่นั่งที่เรียกว่า "ชองแจ" หลายชุดการแสดงด้วยกัน (การแสดงชองแจในยุคโชซอนที่ยังคงหลงเหลืออยู่จำนวน 53 ชุด เป็นผลงานของพระองค์ถึง 26 ชุด ผลงานสร้างชื่อที่สุดคือการร่ายรำชุด "ชุนเองจอน"  (Dance of the Spring Nightingale) ) พระองค์ทรงใช้พระราชพิธีและศิลปะเป็นเครื่องมือในการควบคุมและทำให้เหล่าขุนนางยอมก้มหัวให้กับพระราชา ทั้งยังพยายามปฏิรูปการเมืองเสียใหม่ แต่หลังจากทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการได้เพียง 3 ปี รัชทายาทฮโยมยองก็สิ้นพระชนม์ขณะมีพระชนมายุเพียง 21 ชันษา เมื่อพระเจ้าซุนโจสวรรคต (ขณะมีพระชนมายุ 44 พรรษา) ในอีก 4 ปีต่อมา "องค์ชายลีฮวาน" พระโอรสขององค์รัชทายาทฮโยมยองกับพระชายาชินจองก็ขึ้นครองบัลลังก์เป็น "พระเจ้าฮอนจง" ขณะมีพระชนมายุเพียง 8 พรรษา



ละครเปิดฉากขึ้นที่ตำหนักทงกุงขององค์ชายรัชทายาท หลังเหล่าขันทีถวายการรับใช้และแต่งองค์ทรงเครื่องให้แล้ว  "องค์ชายลียอง" ก็นั่งอ่านหนังสือด้วยท่าทางสุขุมและตั้งใจ แต่แล้วอยู่ๆ องค์ชายหนุ่มก็แอบยิ้มและเกือบหัวเราะออกมา (แต่เก็บอาการเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะมีคนเห็น) ปรากฏว่าหนังสือที่องค์ชายอ่านไม่ใช่ตำราแต่เป็น "บันทึกรัก (ลับ) ฉบับโชซอน" ที่เขียนโดย "ฮง ซัมนม" 


ชายคนหนึ่ง (รับบทโดยนายเจี๋ยมเจี้ยม “ชา แทฮยอน”)  มาหาซัมนม (ราอน) ด้วยอาการประหม่าและออกตัวว่าตนมาที่นี่เพราะอยากปรึกษาเรื่องของเพื่อนสนิท  เขาเล่าว่าระยะหลังมานี้เพื่อนสนิทของตนเริ่มทำตัวแปลกๆ ตนเลยอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ เมื่อถูกถามว่าแปลกยังไง เขาก็เล่าว่าเพื่อนของตนมีอาการเหม่อลอยถึงขั้นเดินชนผนังจนหน้าผากเป็นแผลโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว (แต่หน้าผากของเขามีรอยแผล) แถมเพื่อนของตนยังดื่มเหล้าจนเมาปลิ้นและครองสติไม่อยู่ จึงมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นทั้งๆ ปกติไม่ใช่คนนิสัยแบบนี้ (กำปั้นของเขาก็มีรอยแผลเช่นกัน) ราอนเห็นรอยแผลที่หน้าผากและมือของชายคนดังกล่าวก็รู้ทันทีว่าเขามาปรึกษาเรื่องของตัวเอง

เธอถามว่าเขามักโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเวลาได้ยินคนพูดถึงหญิงสาวที่ตนรักในทางไม่ดีใช่หรือไม่ ชายคนดังกล่าวหลุดปากตอบว่าใช่ ทั้งยังเผลอกดปุ่มไฟแดงซึ่งแสดงว่าเป็นรักที่ไม่มีทางสมหวัง เมื่อถูกถามว่าเขาโกรธที่เพื่อนๆ คอยกีดกันความรักใช่หรือไม่ ชายคนดังกล่าวก็รู้สึกทึ่งและกล่าวชมราอนว่าความสามารถของเธอสมดังคำร่ำลือ หลังจากนั้นเขาก็พร่ำบ่นและยอมรับตามตรงว่าตนรู้สึกเหมือนใจจะขาดเพราะผู้หญิงคนนั้น ราอนปลอบใจว่าไม่เคยมีชายใดถูกฆ่าเพราะสารภาพรักผู้หญิง เธอกดปุ่มไฟเขียวพลางบอกว่าสิ่งที่เขาต้องทำคือรวบรวมความกล้า เมื่อเห็นว่าความรักของตนมีโอกาสสมหวัง ชายคนดังกล่าวก็ยิ้มออก



ที่แท้เขาเป็นทาสที่ตกหลุมรักนายหญิงคนหนึ่งในบ้าน เมื่อราอนตามไปสังเกตการณ์ก็พบว่าผู้หญิงคนดังกล่าวมีท่าทีแข็งกร้าวและไม่เหลียวแลเขาเลยสักนิด เธอจึงแนะนำให้เขาเลิกตอแยผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นเวลา 10 วัน ทาสหนุ่มแย้งว่าถ้าหายหน้าไปตนอาจกลายเป็นคนที่ถูกลืม ราอนจึงชี้ว่าถ้าอยู่ๆ ผู้ชายที่คอยตามตื๊อเกิดหายตัวไป ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยจะต้องรู้สึกสงสัย ทาสหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงทำตามคำแนะนำของราอน

เมื่อครบ 10 วัน ทาสหนุ่มก็ปรากฏตัวให้หญิงที่ตนหมายปองเห็น แต่คราวนี้เขาแกล้งเดินสวนกับเธอโดยไม่ทักทายเหมือนเมื่อก่อน เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะโดนกิ่งไม้ใหญ่ร่วงลงมาทับเขาก็รีบวิ่งกลับไปช่วยทำให้ล้มศีรษะกระแทกพื้นจนมีบาดแผล แทนที่จะขอบคุณเธอกลับบอกเพียงว่าห้ามทำเช่นนี้อีกและเดินจากไปทันที ทาสหนุ่มรีบตามไปคว้าตัวเธอไว้และยืนกรานว่าเขาจะคอยปกป้องเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงตบหน้าทาสหนุ่ม ก่อนถามด้วยเสียงอันสั่นเครือ น้ำตาคลอเบ้าว่าเขาหายไปไหนตั้ง 10 วัน เธอเอื้อมมือไปลูบแผลบนใบหน้าทาสหนุ่มแล้วยิ้มอย่างเอียงอาย ทาสหนุ่มสวมกอดหญิงที่ตนรักอย่างมีความสุข จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพลางโบกมือให้ราอนซึ่งยืนถือขวานอยู่บนต้นไม้ใหญ่

ภาพตัดไปที่ชั้นวางหนังสือซึ่งมีหนังสือที่ล้วนเขียนโดย "ฮง ซัมนม" วางเรียงอยู่ ใครบางคนกำลังมองหาหนังสือที่ตนต้องการจึงใช้นิ้วไล่เรียงทีละเล่ม โดยเริ่มจาก "บัณฑิตหนุ่มมาจากฮวาซอง (ดาวอังคาร) หญิงงามมาจากคึมซอง (ดาวศุกร์)" และ "บันทึกรัก (ลับ) ฉบับโชซอน" เมื่อพบหนังสือ "รักเราพระจันทร์เป็นใจ" คนผู้นั้นก็เริ่มเปิดดูตอนที่ 1

ตอนที่ 1 พรหมลิขิตแห่งแสงจันทรา

"ขันทีชาง" วิ่งหน้าตาตื่นไปที่หน้าห้องขององค์ชายรัชทายาท หลังเหล่าขันทีและนางในซึ่งมาถวายการรับใช้ไม่สามารถเข้าไปในห้องได้เพราะองค์ชายยังไม่ยอมตื่น เขาพยายามร้องเรียกองค์ชายแต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เลยจำเป็นต้องต้อนเหล่าขันทีและนางในให้บุกเข้าไปในห้องบรรทมเพราะเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน และสาเหตุที่ต้องทำเช่นนั้นเป็นเพราะพระราชากำลังจะเสด็จมายังศาลาริมน้ำเพื่อดูองค์ชายทรงพระอักษร



เมื่อพระราชาเสด็จมาถึงกลางสะพานก็ได้พบกับสามขุนนางใหญ่จากตระกูลคิมแห่งอันดง ได้แก่ เสนาบดี "คิมฮอน", เจ้ากรมวัง "คิม อึยคโย" (สมุนคิมฮอน) และ เจ้ากรมอากร "คิม กึนคโย" (หลานชายคิมฮอน) ทุกคนจึงพากันหยุดดูองค์ชายรัชทายาททบทวนบทเรียนที่ได้เรียนไปในครั้งก่อน เมื่อได้ฟังองค์ชายท่องและตีความคำสอนของขงจื๊อเกี่ยวกับหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวันของบัณฑิต (ตื่นนอนแต่เช้า ชำระกายใจให้สะอาด แต่งตัวให้เรียบร้อยเหมาะสม ตั้งใจอ่านหลักปรัชญาและน้อมนำมาใช้ในชีวิตด้วยความสุขุม อ่อนน้อมถ่อมตน) พระราชาก็รู้สึกภาคภูมิใจและเอ่ยปากชม ขณะที่สามขุนนางใหญ่ต่างมีสีหน้าผิดหวัง

แต่แล้วอยู่ๆ ลมเจ้ากรรมดันพัดผ่านมา ทำให้กระดาษที่วางอยู่ตรงหน้าองค์ชายรัชทายาทลอยละลิ่วปลิวคว้างกลางอากาศ และกึนคโยก็คว้าเอาไว้ได้อย่างเหมาะเหม็ง  เมื่ออึยคโยแย่งกระดาษมาดูก็พบว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นไม่ใช่บทเรียน แต่เป็นบทพูดโต้ตอบที่พระอาจารย์เตรียมไว้ (หลักปรัชญาที่องค์ชายท่องและตีความอย่างคล่องแคล่วเมื่อสักครู่เป็นการพูดตามบท) พระอาจารย์เห็นว่าบทพูดขององค์ชายปลิวหายไป จึงหันบทของตนไปให้องค์ชายดูโดยไม่รู้ว่าเนื้อหาในกระดาษเหมือนแผ่นที่อยู่ในมืออึยคโยเปี๊ยบ เมื่อองค์ชายอ่านข้อความในกระดาษ อึยคโยก็อ่านออกเสียงไปพร้อมกัน พระอาจารย์ได้ยินดังนั้นจึงส่งสัญญาณบอกให้องค์ชายหยุดอ่าน แต่องค์ชายไม่เข้าใจและยังคงอ่านต่อไป พระอาจารย์จึงได้แต่นั่งปลง หลังจากนั้นทั้งองค์ชายและอึยคโยต่างก็หัวเราะฮ่าๆๆ สามครั้งพร้อมกันตามบท ถึงกระนั้นองค์ชายก็ยังไม่รู้ตัว เมื่อพระราชาเห็นข้อความในกระดาษก็ทั้งโกรธและผิดหวัง องค์ชายเห็นดังนั้นถึงได้รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น


องค์ชายรัชทายาทและพระอาจารย์จะลุกขึ้นแก้ไขสถานการณ์แต่กลับทำให้เรื่องราวเลวร้ายหนักขึ้น เพราะทันทีที่องค์ชายลุกขึ้นยืน สายคาดเอวก็ร่วงลงพื้น แถมเสื้อคลุมมังกรยังหลุดรุ่ยจนเผยให้เห็นเสื้อชั้นใน (ซึ่งไม่เรียบร้อยเช่นกัน) องค์ชายรีบก้มเก็บสายคาดเอวด้วยความตกใจและนั่นก็ทำให้หมวกที่สวมอยู่ตกลงมา ทุกคนเลยเห็นว่าองค์ชายยังรวบผมไม่เรียบร้อยเพราะมัวแต่นอนตื่นสาย (ทุกอย่างตรงกันข้ามกับคำสอนขงจื๊อที่องค์ชายท่องเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง) พระอาจารย์และเหล่าขันทีที่ตำหนักองค์ชายรัชทายาทต่างพากันคุกเข่าขอให้พระราชาประหารพวกตนโทษฐานที่ดูแลองค์ชายรัชทายาทไม่ดี พระราชาโกรธจนตัวสั่นที่องค์ชายรัชทายาททำตัวเหลวไหล จึงบ่นว่าองค์ชายไม่เอาไหนและเดินจากไปทันที สามขุนนางตระกูลคิมเห็นดังนั้นจึงพากันยิ้มด้วยความสมเพชและสะใจ

องค์ชายรัชทายาทกล่าวกับพระอาจารย์ว่า ตนทำทุกอย่างตามที่อาจารย์สอนแต่ยิ่งทำตามก็ยิ่งแย่ หลังจากนั้นองค์ชายก็หยิบกระดาษบนโต๊ะมาพับเล่น พลางบ่นว่าอาจารย์ควรตั้งใจสอนตนแทนที่จะแกล้งทำเป็นสอน พระอาจารย์ได้ยินดังนั้นจึงรีบคุกเข่าขอโทษ แต่องค์ชายกลับหัวเราะแล้วบอกว่าตนล้อเล่น จากนั้นก็โทษว่าเป็นความผิดของสายลม พูดจบองค์ชายก็ปาเครื่องบินกระดาษเล่น พระอาจารย์เห็นกระดาษบินได้จึงถามว่านั่นคืออะไร  องค์ชายตอบว่ามันคือกระดาษที่โบยบินสู่ท้องฟ้า จากนั้นก็ทุบโต๊ะแล้วบอกว่าสิ่งนั้นคือ...เครื่องบิน! (พีเฮงกี)


เครื่องบินกระดาษขององค์ชายรัชทายาทบินนำสายตาคนดูไปที่ตลาด ราอนซึ่งแต่งตัวเป็นชายหนุ่มเดินทักทายผู้คนในตลาดอย่างคุ้นเคย ชายคนหนึ่งเห็นว่าคนในตลาดต่างพากันร้องทักพ่อหนุ่มที่เพิ่งเดินผ่านไปจึงสงสัยว่าเด็กหนุ่มคนดังกล่าวเป็นใคร ชายวัยกลางคนประกาศว่า เด็กหนุ่มคนนี้คือคนที่เกิดมาเพื่อประสบความสำเร็จและยิ่งใหญ่ เขาพร้อมยอมทำทุกอย่างเพื่อเงิน และชื่อของเขาก็คือ...ฮง ซัมนม!

หลังแวะซื้อยาแล้วราอนบังเอิญหันไปเห็นเจ้าหนี้จอมโหดเลยรีบวิ่งไปแอบเพราะกลัวว่าจะถูกยึดเงินทั้งหมดไป ปรากฏว่าบริเวณดังกล่าวมีประกาศรับสมัครขันทีแปะอยู่ พอเห็นว่าผู้สมัครจะได้ค่าตอบแทน 10 ยาง ราอนก็ทั้งตกใจและเสียดายเพราะเงินจำนวนดังกล่าวสามารถนำมาล้างหนี้ทั้งหมดของเธอและยังมีเหลือเก็บอีกต่างหาก


เมื่อราอนนำยามาให้ "กก ทุลซเว" ทาน เขากลับปฏิเสธและบอกให้เธอเก็บไว้ทานเอง เขารู้ดีว่าเธอกำลังถูกเจ้าหนี้ไล่ล่าจนเงินจะกินแทบไม่มี แต่ยังอุตส่าห์หาเงินมาซื้อยาสมุนไพรให้ตน ราอนเรียกเขาว่า 'พ่อ' และขอให้เขาลุกขึ้นมาดื่มยา ทุลซเวจึงบอกให้ราอนหยุดทำอะไรเพื่อตนเสียทีเพราะตนไม่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดและไม่ใช่ญาติของราอน เขาถามเธอว่าทำไมถึงไม่ยอมไปจากตนและยังคงใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเช่นนี้ ราอนชี้ว่าตนไม่มีที่ไปและโวยวายว่าในเมื่อเขาเป็นคนเก็บเธอมาจากข้างถนนก็ต้องผิดชอบชีวิตเธอให้ถึงที่สุด ทุลซเวแย้งกลับว่าตนมีแต่จะเป็นภาระให้กับราอน เขาเตือนราอนเรื่องที่เธอตั้งใจว่าจะเก็บเงินเพื่อตามหาแม่ และถามว่าเธอจะปลอมตัวเป็นผู้ชายไปอีกนานแค่ไหน

ทันใดนั้นก็มีเสียงคนร้องเรียก..."ซัมนม!" ราอนจึงบอกให้ทุลซเวเลิกพูดเหลวไหลและรีบกินยาจะได้หายไวๆ อยู่ๆ ทุลซเวก็เรียกเธอว่า "ราอน" ราอนจึงรีบเดินไปดูหน้าห้องว่ามีใครได้ยินหรือไม่และเตือนว่าต่อไปอย่าเรียกเธอว่าราอนอีก เพราะเธอคือ "ฮง ซัมนม"  ทุลซเวกล่าว ว่า ถ้าวันไหนราอนหายตัวไปตนจะมีความสุขมาก (เขาไม่อยากให้ราอนจมปลักอยู่กับตน และอยากให้เธอเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะผู้หญิง ราอนแย้งทั้งน้ำตาว่าแต่เธอจะไม่มีความสุข หลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นแล้วบอกว่าจะกลับมา



ปรากฏว่านายน้อย "ชอง ต็อกโฮ" ให้คนมาตามซัมนม (ราอน)  ไปช่วยตอบจดหมายรัก ราอนจึงขอให้เขาบรรยายความรู้สึกให้ฟังก่อน เพราะเธอจะเขียนจดหมายตามความรู้สึกของเขาล้วนๆ โดยไม่ปั้นเรื่องหลอกลวงผู้หญิง ราอนบอกนายน้อยชอง (ซึ่งช่วยฝนหมึกให้) ว่าอีกไม่นานเธอจะไปจากที่นี่พร้อมคณะละครเร่ และถามว่าเขาจะส่งจดหมายถึงหญิงอันเป็นที่รักไปอีกนานแค่ไหน พอราอนแนะให้เขานัดเจอคนรัก นายน้อยชองก็ตกใจจนเผลอทำที่ฝนหมึกหลุดจากมือ หลังจากนั้นเขาก็พรรณนาความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวเป็นบนกวีให้ราอนฟัง

ที่แท้หญิงในดวงใจของนายน้อยชองก็คือ "องค์หญิงมยองอึน" ผู้มีหน้าตาจิ้มลิ้มและรูปร่างอวบอ้วน เธอเฝ้ารอจดหมายตอบจากนายน้อยชองโดยไม่รู้ว่าจดหมายดังกล่าวถูกพระเชษฐา (องค์ชายรัชทายาท) พบเข้าเสียก่อน หลังได้อ่านข้อความในจดหมายที่บรรยายความงามขององค์หญิงว่า มีดวงเนตรสุกใสประดุจไข่มุกสีดำ สันจมูกโค้งมนดั่งจันทร์เสี้ยว  ริมฝีปากแดงเรื่อดุจทับทิม องค์ชายรัชทายาทก็คิดว่ามีคนแต่งเรื่องโกหกมาล่อลวงพระขนิษฐา มิหนำซ้ำในจดหมายยังระบุสถานที่และเวลานัดพบกันอีกด้วย องค์ชายรัชทายาทไม่ต้องการให้องค์หญิงออกไปพบนายน้อยชองจึงให้สาวใช้คนสนิทขององค์หญิงไปบอก (หลอก) องค์หญิงว่ายังไม่มีจดหมายตอบกลับมา

เหล่าขันทีประจำตำหนักทงกุง (ตำหนักบูรพา) ขององค์ชายรัชทายาท ต่างพากันบ่นขณะพักทานอาหารเรื่องที่องค์ชายรัชทายาททำตัวไม่เหมาะสมและชอบก่อเรื่องจน "ตำหนักทงกุง" ถูกคนในวังเรียกว่า "ตำหนักตงกุง" (ตง (똥) แปลว่า อึ ส่วน ทง (동) แปลว่า ตะวันออก) มิหนำซ้ำ พวกตนยังถูกหักเบี้ยเลี้ยง และต้องทานอาหารจานผักแบบตามมีตามเกิดโทษฐานที่ดูแลองค์ชายได้ไม่ดี ขันทีชางเห็นว่าพวกตนเอาองค์ชายรัชทายาทไม่อยู่ และถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังหมดอนาคตแน่ จึงอยากได้ขันทีคนใหม่ที่ฉลาดๆ มาช่วยรับมือองค์ชาย แต่ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรกเมื่อนางในวิ่งหน้าตาตื่นมารายงานขันทีชางว่า องค์ชายรัชทายาทถอดชุดมังกรทิ้งไว้แล้วแอบหนีออกไปเที่ยวนอกวังอีกตามเคย


องค์ชายรัชทายาทซึ่งปลอมตัวเป็นบัณฑิตเห็นคณะละครเร่ (ของพ่อบุญธรรมราอน) กำลังแสดงละครตลกสวมหน้ากากในตลาดจึงหยุดดู พอเห็นราอนกับพ่อเล่นละครล้อเลียนตนเองว่าเป็นคนไม่เอาไหน ไม่ใส่ใจการเรียน และชอบหนีออกมาเที่ยวนอกวัง องค์ชายรัชทายาทก็รู้สึกโกรธจนลืมตัวและเผลอโวยเสียงดังลั่นว่า กล้าดียังไงถึงเอาพระราชากับองค์รัชทายาทมาล้อเล่น อยากตายกันนักใช่ไหม และนั่นก็ทำให้การแสดงประกอบดนตรีที่กำลังครึกครื้นสนุกสนานยุติลงกลางคัน เหล่าบรรดานักแสดงและคนดูต่างพร้อมใจกันหันไปมององค์ชายแบบงงๆ พอตกเป็นเป้าสายตาองค์ชายรัชทายาท (ซึ่งไม่สนใจเรียนและเพิ่งหนีออกจากวังมาจริงๆ) จึงแกล้งทำเป็นเฉไฉด้วยการตำหนิราอน (ซึ่งสวมหน้ากากเล่นละครและตีกลองไปด้วย) ว่าเป็นมือกลองที่ดีแต่ปาก ซ้ำยังปล่อยให้เชือกคล้องกลองหลุด พูดจบองค์ชายก็รีบเดินหนีไปด้วยอับอาย

หลังได้รับจดหมายตอบจากนางในดวงใจ นายน้อยชองจึงให้คนรับใช้ไปลากตัวซัมนม (ราอน) มาจากตลาดทั้งที่ยังสวมชุดเล่นละคร เขาตื่นเต้นมากที่ฝ่ายหญิงรับนัดจึงอยากให้ซัมนม (ราอน) ช่วยไปพบหญิงอันเป็นที่รักแทนตนเพื่อขอยุติความสัมพันธ์ โดยให้เหตุผลว่าฐานะชาติตระกูลของฝ่ายหญิงนั้นสูงส่งจนเกินเอื้อม  ราอนได้ยินดังนั้นจึงโวยว่าตนช่วยเขียนจดหมายรักให้เขาเพราะนึกว่าเขามีความรู้สึกที่จริงใจ ถึงกระนั้นเพื่อเงินแล้วไม่มีอะไรที่ราอนทำไม่ได้ เธอจึงวางแผนอัพค่าตัวด้วยการแกล้งปฏิเสธงานนี้ โดยชี้ว่าการปลอมตัวเป็นชนชั้นสูงมีโทษถึงตาย นายน้อยชองยื่นถุงผ้าที่มีเงินเต็มถุงให้ราอน แต่ราอนยังคงอิดออด เขาจึงหยิบพวงเงินออกมาเขย่า ราอนรีบเดินไปคว้าถุงและพวงเงินพลางตำหนินายน้อยชองที่เอาเงินมาล่อตน


 



หลังเปลี่ยนมาสวมชุดผ้าไหมของนายน้อยชองแล้ว ราอนก็ไปที่ศาลาบนเขามก-มยอนเพื่อพบหญิงในดวงใจของนายน้อยชอง พอไปถึงราอนก็นั่งลงที่หน้าห้องแล้วเริ่มหยอดคำหวาน (ราอนนึกว่าหญิงในดวงใจของนายน้อยชองนั่งอยู่ในห้องที่มีม่านกั้น ทั้งที่ความจริงแล้วภายในห้องว่างเปล่า) แต่แล้วเธอก็ถึงกับช็อคเมื่อมีเสียงชายหนุ่มตอบกลับมา ครั้นพอหันหน้าไปดูก็พบว่ามีชายหนุ่มยืนถือจดหมายรัก (ที่เธอเขียน) อยู่หลังม่าน ราอนนึกถึงคำพูดที่นายน้อยชองฝากบอกคนรักว่า... ความรักของพวกตนไม่มีวันเป็นไปได้ และตนก็หวังว่าจะได้รับการให้อภัยในความผิดบาปที่บังอาจไปรักคนที่ไม่ควรรัก... เธอจึงสรุปเอาเองว่าสาเหตุที่ความรักของนายน้อยชองไม่มีทางสมหวัง เป็นเพราะเขาชอบไม้ป่าเดียวกันนั่นเอง

องค์ชายรัชทายาท (ซึ่งส่งจดหมายตอบรับการนัดพบแทนองค์หญิง) พูดประชดว่า ตนอ่านจดหมายแล้วรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วก็ถึงกับอึ้งเมื่อเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไม่เพียงไม่ตกใจ ซ้ำยังกล่าวตอบว่า "เมื่อน้ำตารินหลั่งก็ร้องไห้ออกมาเถิด (องค์ชายไม่รู้ว่าราอนเป็นผู้หญิง ทั้งยังนึกว่าเธอคือนายน้อยชอง)  ราอนไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือองค์ชายรัชทายาท เธอนึกว่าเขาเป็นคนรักของนายน้อยชองจึงแสดงความเห็นใจที่เขาต้องทนทุกข์กับการมีรักต้องห้าม ทั้งยังจับมือให้กำลังใจพลางบอกว่าตนเข้าใจทุกอย่าง องค์ชายรีบชักมือออกพลางถามว่าในเมื่อรู้ดีทุกอย่าง แล้วนัดพบกัน (กับน้องสาวตน) ด้วยจุดประสงค์อันใด ราอนกล่าวว่าแม้ไม่อาจครองคู่แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งปรารถนาแห่งหัวใจ จุดประสงค์ของตนมีเพียงสิ่งเดียวคือ ต้องการถ่ายทอดความรู้สึกอันลึกซึ้งจากก้นบึ้งของหัวใจ เธอบอกให้เขาเลิกสนใจอคติและกฏเกณฑ์ใดๆ ในโลกนี้เป็นเวลาหนึ่งวัน แล้วหันมาสร้างความทรงจำที่จะตราตรึงอยู่ในหัวใจของพวกตนตราบจนวันตาย

และความทรงจำที่ว่าก็คือการพาองค์ชายรัชทายาทไปทานข้าวต้มที่ร้านอาหารแบบบ้านๆ ในตลาด โดยบอกว่าข้าวต้มที่ร้านนี้อร่อยมาก แถมเจ้าของร้านยังเคยทำงานที่ห้องเครื่องในวังอีกด้วย ตอนแรกองค์ชายมีท่าทีอึดอัดและทานไม่ลงที่ต้องมานั่งในร้านซอมซ่อ พอได้ยินราอนพูดดังนั้นองค์ชายก็เริ่มเบาใจและจะหยิบตะเกียบ แต่สุดท้ายก็ทานไม่ลงหลังได้ยินเจ้าของร้านด่าลูกค้าที่ร้องขอกิมจิเพิ่มด้วยคำพูดและท่าทีหยาบโลน พอเห็นทุกคนในร้านรวมทั้งราอนหัวเราะชอบใจ องค์ชายก็สงสัยว่าทำไมทุกคนจึงเห็นเป็นเรื่องขำ ราอนกล่าวว่าเห็นเจ้าของร้านบ่นแล้วอดนึกถึงย่าไม่ได้ องค์ชายแย้งว่าย่าของตนไม่เคยดุด่าด้วยถ้อยคำรุนแรงและหยาบคายเช่นนั้น เมื่อถูกถามว่าเคยโดนปู่เหยียดหยามเพราะจำตัวอักษรผิดไหม องค์ชายตอบทันควันว่าไม่เคยเพราะการจำตัวอักษรเป็นกล้วยๆ ราอนถามต่อว่าเขาเคยโดนตีเพราะฉี่รดที่นอนไหม องค์ชายตอบว่าตนไม่เคยโดนตีและไม่เคยฉี่รดที่นอน ต่อให้ตนทำเช่นนั้นจริงก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องตนโดยไม่ได้รับอนุญาต (ราอนจะเอื้อมมือไปแตะองค์ชาย แต่องค์ชายรีบเบี่ยงตัวหลบ)


เมื่อได้ฟังเรื่องราวของชายที่อยู่ตรงหน้า (และเห็นเขาหยิบตะเกียบมาเช็ด) ราอนจึงฟังธงว่าเขาเป็นบัณฑิตดอกไม้ เมื่อเห็นองค์ชายทำหน้างงเธอจึงอธิบายว่า เพราะเขาคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เติบโตบนกองเงินกองทอง มีชีวิตที่สุขสบาย และถูกเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมดุจดอกไม้ที่ถูกเลี้ยงในโรงเรือน (เป็นดอกไม้ในเรือนร้อนหรือเรือนกระจกที่ไม่ทนแดดทนฝนจึงต้องเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ) องค์ชายแย้งเสียงอ่อยว่าตนไม่ได้เป็นเช่นนั้น ราอนกล่าวว่าถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่เห็นเป็นไร ผู้ชายไม่จำเป็นต้องล่ำบึ๊กและแข็งแกร่งเสมอไป เธอหัวเราะพลางกล่าวว่าผู้ชายบางคนก็เหมือนดอกไม้ที่สวยงาม บอบบาง และน่าทะนุถนอม องค์ชายจึงยืนกรานว่าตนไม่ใช่คนแบบนั้น 

เจ้าของร้านเห็นองค์ชายและราอนนั่งแช่อยู่นานจึงเดินไปไล่ พอเห็นหน้าองค์ชายใกล้ๆ เธอก็จำได้ทันที หลังลบหลู่องค์ชายมาหมาดๆ เธอก็ตกใจกลัวจนพูดไม่ออก องค์ชายจ้องหน้าเจ้าของร้านก่อนส่งสายตาบอกให้ไสหัวไป เธอจึงตบหน้าสั่งสอนตัวเองแล้วรีบลนลานเข้าไปในครัว หลังทำใจอยู่นานและเช็ดช้อนเช็ดตะเกียบอย่างดีแล้วองค์ชายก็ได้ฤกษ์ลงมือทานอาหาร แต่ยังไม่ทันตักใส่ปาก ราอนก็ใช้มือฉีกกิมจิผักกาดแล้วนำมาวางบนช้อนขององค์ชาย และหยิบส่วนที่เหลือยัดใส่ปากตนเองอย่างมูมมาม องค์ชายเห็นดังนั้นก็ทานไม่ลง จึงวางช้อนแล้วบอกให้ราอนตามตนออกไป


ระหว่างเดินตามองค์ชายต้อยๆ ราอนได้แต่บ่นด้วยความเสียดายที่เขาไม่ยอมแตะต้องอาหาร องค์ชายคว้าแขนราอนแล้วผลักเธอกระแทกต้นไม้ (ราอนนึกว่าเขาจะทำอย่างอื่นจึงเตือนว่าทำตรงนี้ไม่ได้) ก่อนใช้มีดสั้นจ่อไปที่ลำคอของราอนพลางกล่าวว่า ตนอุตส่าห์มาที่นี่ด้วยตนเองแทนที่จะสั่งให้คนมาจับเพราะแอบหวังว่านายน้อยชองจะเป็นสุภาพบุรุษผู้มีคุณธรรม แต่ตนกลับคิดผิดเพราะนายน้อยชอง (ราอน) ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองส่งจดหมายถึงใคร แถมยังเสแสร้งแกล้งสวมรอยเป็นชนชั้นสูง พอโดนขู่ฆ่าราอนก็กลบเกลื่อนความหวาดกลัวด้วยการผลักอกองค์ชายออกแล้วยืนกรานว่าตน (นายน้อยชอง) เป็นชนชั้นสูงและทุกอย่างในจดหมายล้วนเป็นเรื่องจริง องค์ชายได้ยินดังนั้นจึงสั่งให้ราอนนำทางไปที่บ้าน เพราะอยากเห็นกับตาว่าราอนมาจากตระกูลใด


เจ้ากรมวัง "คิม อึยคโย" มองประกาศจับรูปหนุ่มน้อยที่ชื่อซัมนม (ราอน) ก่อนขยำทิ้งและถีบลูกน้องเต็มแรงด้วยความโมโห หลังพบว่าซัมนม (ราอน) คือตัวการที่ทำให้ลูกสะใภ้ของตนหนีไปกับทาสหนุ่ม เขาจึงสั่งให้ลูกสมุนรีบไปตามจับทั้งสามคนมาให้ตน ปรากฏว่าในตอนนั้นทาสหนุ่มกับลูกสะใภ้ของอึยคโยกำลังลงเรือเพื่อหนีไปอยู่ด้วยกันที่เมืองจีน ทั้งคู่เดินสวนกับ "คิม ยุนซอง" (ที่เพิ่งเดินทางมาถึงโชซอน) กลางสะพานที่ท่าเรือแต่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จักกัน ยุนซองเห็นว่ามีคนมารอรับตนที่ท่าเรือก็รู้สึกอาย เลยเดินไปโอบไหล่หญิงสาวคนหนึ่งแล้วแกล้งทำเป็นกางร่มให้ โดยอ้างว่าตนไม่อยากให้แสงแดดอันแรงกล้าแผดเผาใบหน้าที่งดงาม หลังเดินประคองหญิงสาวพลางใช้ร่มปิดบังใบหน้าจนผ่านพ้นคนของทางบ้านมาได้ ยุนซองก็บอกหญิงสาวว่าแท้จริงแล้วใบหน้าอันงดงามที่ตนไม่อยากให้ต้องแสงคือ ใบหน้าของตน! พูดจบเขาก็เดินจากเธอไปอย่างไม่ใยดี



หลังถูกองค์ชายรัชทายาทบังคับข่มขู่ให้พาไปที่บ้าน ราอนก็พยายามคิดหาทางตัวรอด พอเดินมาถึงจุดที่เธอเคยโดนเจ้าหนี้จับมัดห้อยหัวลงมาจากต้นไม้เหนือหลุมขนาดใหญ่เธอก็นึกแผนการออกทันที ราอนแกล้งบอกองค์ชายว่าตนปวดฉี่เพื่อให้องค์ชายละสายตาไปทางอื่น จากนั้นก็ฉวยโอกาสเตะขาและผลักองค์ชายลงไปในหลุม (ซึ่งตอนนี้เริ่มมีหญ้าปกคลุมแบบหลวมๆ) แต่องค์ชายกลับคว้าขาของราอนและดึงเธอลงไปด้วย องค์ชายคว้าคอราอนและถามด้วยความโกรธว่าทำไมถึงผลักตน ขณะที่ราอนพยายามคิดหาคำตอบเธอก็เหลือบไปเห็นงูกำลังเลื้อยขึ้นหลังองค์ชายจึงพยายามร้องเตือน ตอนแรกองค์ชายไม่เชื่อแต่พอหันไปเห็นงูที่ไหล่ในระยะประชิดเขาก็กรีดร้องเสียงดังลั่นป่าด้วยความตกใจกลัว

พอเห็นราอนจับงูเขวี้ยงกระแทกขอบหลุมจนแน่นิ่ง องค์ชายก็ลุกขึ้นยืนวางท่าแล้วสั่งให้ราอนหมอบลง พอรู้ว่าองค์ชายจะเหยียบหลังตนแล้วปีนขึ้นไปราอนก็ประท้วงและขอขึ้นไปก่อน หลังเถียงกันไปมาว่าใครจะเป็นฝ่ายขึ้นไปก่อน  องค์ชายก็ตะคอกบอกให้ราอนหมอบลง ราอนไม่มีทางเลือกจึงได้แต่ยอมทำตามแต่ก็ทรุดตัวลงทันทีที่องค์ชายยกเท้าขึ้นเหยียบหลัง หลังจากนั้นเธอก็บอกให้องค์ชายอดทนรอ เชื่อว่าสักวันคงมีคนผ่านมาช่วย องค์ชายได้ยินดังนั้นก็ยิ่งหงุดหงิดจึงสั่งให้ราอนหมอบลงอีก หลังพยายามอยู่นานแต่ไม่สำเร็จ องค์ชายจึงคว้าตัวราอนให้มาอยู่ตรงหน้าและพยายามออกแรงยกตัวเธอให้สูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เธอปีนขึ้นบนปากหลุม ขณะเดียวกันก็บ่นอย่างเคียดแค้นว่าถ้าออกไปได้เมื่อไหร่ตนจะทำให้ราอนรู้สำนึก



ในที่สุดองค์ชายรัชทายาทก็ช่วยให้ราอนปีนขึ้นไปบนปากหลุมได้สำเร็จ เขาร้องบอกราอนอย่างอ่อนแรงว่าให้หากิ่งไม้หรืออะไรก็ได้มาดึงตนขึ้นไปที พอเห็นราอนยิ้มเจ้าเล่ห์องค์ชายก็รู้สึกใจไม่ดี ราอนขอโทษและรับปากว่าจะรีบไปตามคนมาช่วย องค์ชายไม่อยากถูกทิ้งไว้ในหลุมจึงพยายามต่อรองโดยสัญญาว่าถ้าราอนช่วยตนขึ้นจากหลุมแล้วตนจะยอมปล่อยราอนไปแต่โดยดี ราอนไม่เชื่อเพราะก่อนหน้านี้เธอได้ยินองค์ชายแอบบ่นว่าถ้าขึ้นจากหลุมได้เมื่อไหร่จะทำให้เธอรู้สำนึก องค์ชายจึงแก้ตัวว่าตนแค่ล้อเล่น เมื่อเห็นว่าหว่านล้อมไม่ได้ผลองค์ชายก็หันมาใช้วิธีข่มขู่และถามราอนว่าเธอจะรับผลที่ตามมาไหวหรือ ราอนลั่นวาจาว่าถ้าพบกันคราวหน้าเธอจะทำตามที่เขาบอกทุกอย่าง ถ้าเขาอยากให้เป็นหมาเธอก็จะเป็น จากนั้นก็พร่ำบอกว่าตนขอโทษ แต่พอลุกขึ้นเธอกลับเตะเศษหญ้าและดินใส่องค์ชายด้วยความสะใจ ก่อนวิ่งหนีไปอย่างเริงร่าพลางร้องตะโกนว่าอย่าได้เจอกันอีกเลย องค์ชายรู้สึกเจ็บแค้นที่โดนหักหลังแต่ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากร้องโวยวายอยู่ในหลุมด้วยความโมโห



ขณะเดินกลับบ้านในตอนค่ำ ราอนพบว่าที่ตลาดมีป้ายประกาศจับตน (ในฐานะซัมนม) และคู่รักที่หนีตามกัน เมื่อยุนซองผ่านมาเห็นเข้าก็จำได้ว่าสองในสามคนที่ถูกประกาศจับคือคู่รักที่เดินสวนกับตนบนสะพานที่ท่าเรือ เขาจึงหันไปถามพ่อค้าที่อยู่ใกล้เคียงว่าสองคนนี้ทำความผิดอะไร พ่อค้าคนดังกล่าวตอบว่าทาสหนุ่มพาลูกสะใภ้ของเจ้านายหนีไป ราอนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจ เธอคิดว่าทาสคนดังกล่าวหลงรักลูกสาวของเจ้านายจึงช่วยวางแผนให้ทั้งคู่ได้ครองรักกัน (ยุนซองเห็นราอนก็รู้ทันทีว่าเธอคือหนึ่งในสามคนที่ถูกประกาศจับ) ราอนเห็นเจ้าหน้าที่ของกรมอาญากำลังออกตรวจตราและสืบหาเบาะแสคนร้ายจึงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการนำใฝปลอมมาติดข้างจมูก หลังยืนดูราอนติดใฝแล้วยุนซองก็ถามพ่อค้าคนเดิมว่าแล้วอีกคนที่เหลือทำความผิดอะไร (เขาถามพลางหันไปมองราอน) พ่อค้าคนดังกล่าวตอบว่าชายคนนี้รับเงินทาสหนุ่มแล้วช่วยล่อลวงหญิงสาว ราอนได้ยินดังนั้นจึงแก้ต่างว่าชายคนนี้ (ตนเอง) ไม่ได้ล่อลวงหญิงสาว แต่คงช่วยถ่ายทอดความรู้สึกที่จริงใจของทั้งคู่ให้อีกฝ่ายรับรู้

ยุนซองจ้องหน้าราอนแล้วหันไปเรียกเจ้าหน้าที่กรมอาญาที่เพิ่งเดินผ่านไป (ราอนได้ยินดังนั้นก็ตกใจเพราะนึกว่าเขาจะเรียกเจ้าหน้าที่มาจับตน) เมื่อเจ้าหน้าที่เดินมาหา ยุนซองก็กล่าวว่าป่านนี้ทาสหนุ่มคงพาคนรักหนีไปแล้ว เขาชี้ไปที่ราอน (ซึ่งยืนอยู่หน้ารูปตัวเองในประกาศจับพอดี) แล้วถามว่าถ้าชายผู้นี้ถูกจับจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่ตอบว่า คงโดนเจ้านายของทาสหนุ่มฆ่าตายก่อนถูกลากตัวไปสอบสวนที่กรมอาญาด้วยซ้ำ ราอนออกตัวว่าตนไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไหร่แต่ได้ยินมาว่านายหญิงท่านนี้โดนคนในครอบครัวข่มเหง มีเพียงทาสหนุ่มที่คอยปลอบใจ ยุนซองฟังแล้วได้แต่ยิ้มเพราะยิ่งเธอแก้ต่างก็ยิ่งเข้าตัว เขาเดินจากไปและปล่อยให้ราอนเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตามลำพัง เจ้าหน้าที่ได้ยินดังนั้นก็เริ่มสงสัยว่าทำไมราอนถึงรู้ลึกรู้จริงจึงเดินเข้าไปหาหมายดูหน้าเธอชัดๆ แต่ราอนกลับแสดงท่าทีมีพิรุธและพยายามเบี่ยงตัวหลบ ยุนซองเห็นว่าราอนกำลังตกที่นั่งลำบากจึงเดินกลับไปหาและช่วยเอาตัวบังราอนไว้ จากนั้นก็กอดคอเธอแล้วพาเดินออกไป


คิมฮอนซึ่งเป็นทั้งเสนาบดีและพระสสุระ (พ่อตา) นั่งอ่านฎีกาที่ส่งมาถึงพระราชา พลางทูลว่าแกนนำชาวบ้านที่ก่อเหตุจราจลเรื่องข้าวถูกประหารแล้ว เขาสงสัยว่าพ่อค้าในตลาดอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้จึงแนะให้พระองค์ทรงประหารพ่อค้าข้าวรายใหญ่ พระราชาซึ่งนั่งฟังดุจร่างไร้วิญญาณบอกให้ทำตามที่เสนาบดีคิมเห็นควร แต่แล้วอยู่ๆ พระองค์ทรงนึกขึ้นได้ว่าไม่เคยสั่งประหารประชาชนผู้อดอยากยากไร้ที่เข้ามาขโมยข้าวสารในยุ้งฉางของทางการ และยังไม่มีใครถวายรายงานในเรื่องนี้ พอรู้ว่าเสนาบดีคิมเป็นคนสั่งประหารโดยพลการ พระองค์ก็รู้สึกตกใจและตำหนิเสนาบดีคิมที่ไม่คิดหาทางแก้ไขปัญหาปากท้องให้ราษฎร แต่กลับรีบสั่งประหารโดยไม่สอบสวนที่มาที่ไป

เสนาบดีคิมแย้งกลับว่าพระองค์ใจอ่อนเกินไป ขืนปล่อยไว้โดยไม่จัดการให้เด็ดขาดเหล่าชาวบ้านจะแห่มาขอข้าวสารมากขึ้นเรื่อยๆ จนยากที่จะควบคุม อีกหน่อยคงบุกเข้ามาถึงในวังหลวงและลอบเข้าไปในตำหนักพระองค์เหมือนเมื่อ 10 ปีก่อน พระราชาหวนนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เกิดกบฏชาวบ้าน ในตอนนั้นเหล่าราษฎรที่กำลังโกรธแค้นพากันบุกเข้ามาในวังหลวงหมายปลงพระชนม์พระองค์ และเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงตามหลอกหลอนพระองค์ตราบจนทุกวันนี้ เสนาบดีคิมรู้ว่าพระองค์ยังคงฝันร้ายเพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้น จึงทูลว่าอย่าได้เคลือบแคลงในความจงรักภักดีของตน ทางที่ดีพระองค์ควรปล่อยเรื่องราชกิจให้เป็นหน้าที่ของตนแล้วหันไปดูแลพระวรกายให้แข็งแรง... องค์ชายรัชทายาท (ซึ่งเนื้อตัวมอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิง เพราะเพิ่งขึ้นมาจากหลุม) มารอเข้าเฝ้าพระบิดาที่หน้าประตู ครั้นพอได้ยินสิ่งที่เสนาบดีคิมพูด องค์ชายก็เปลี่ยนใจและเดินจากไปด้วยความโกรธ 

ยุนซองรู้สึกขำที่ราอนพยายามปกปิดฐานะและตัวตนด้วยลูกไม้ตื้นๆ ราอนถามว่าเขาหมายถึงเรื่องที่เธอนำดินโคลน (ที่ติดเสื้อผ้า) มาจุ่มหมึกแล้วทำเป็นไฝงั้นหรือ ยุนซองปรายตามองราอนตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยักไหล่ (แม้เธอจะสวมชุดผ้าไหมแต่เขาดูออกว่าเธอไม่ใช่ชนชั้นสูง) ราอนวางท่าเป็นชายแล้วยอมรับตามตรงแบบแมนๆ ว่าตนคือชายที่อยู่ในหมายจับจริง และกล่าวขอบคุณที่เขาช่วยเหลือ ยุนซองกล่าวว่าที่ตนช่วยเป็นเพราะราอนไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงถึงขั้นสมควรตาย จากนั้นก็เตือนด้วยความเป็นห่วงว่าถึงแม้เธอจะหนีรอดคราวนี้ แต่ต่อไปคงรอดยากเพราะรูปของเธอถูกติดหรากลางตลาด ราอนยิ้มเศร้าๆ พลางลอบถอนใจ เธอกล่าวคำอำลาเขาโดยไม่ทันได้ซักถามชื่อแซ่และเดินจากไปทันที



ทันทีที่แยกทางกับยุนซอง ราอนก็ถูกใครบางคนล็อคคอและลากตัวไป ยุนซองนึกขึ้นได้ว่ามีบางอย่างอยากบอกราอนจึงหันไปเรียกเธอ แต่กลับพบว่าเธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ปรากฏว่าราอนโดนเจ้าหนี้จับมัดและถูกบังคับให้ประทับลายนิ้วมือลงบนสัญญา หลังจากนั้นเจ้าหนี้ก็ประกาศว่าราอนใช้หนี้ตนจนหมดแล้ว ราอนตกใจมากเพราะไม่รู้ว่าจะมีเรื่องร้ายๆ อะไรเกิดขึ้นกับเธออีก  เจ้าหนี้ร่างยักษ์ยอมรับว่าตนนำราอนไปขายและปลอบใจว่าเธอจะกำลังจะได้ไปอยู่ในที่ๆ ดีกว่า ที่แท้ราอนโดนขายให้มาเป็นขันที และถูกส่งมาหามือมีดขี้เมานามว่า "ออมกง" ที่โรงตอน ราอนเห็นออมกงเดินถือมีดเข้ามาหาจึงร้องลั่นด้วยความหวาดกลัวและพยายามบอกว่าตนเป็นขันทีไม่ได้ ออมกงเห็นราอนสติแตกก็รู้สึกขำ เขาชี้ว่าตนจะยังไม่ลงมือตอนนี้ เพราะต้องรอให้เธออดข้าวอดน้ำครบสามวันเสียก่อน ราอนได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญว่าถึงอดข้าวอดน้ำไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะเธอไม่มีอะไรให้เขาเชือด

องค์หญิงมยองอึนรอจดหมายตอบจากนายน้องชองมานานหลายวันแต่ยังคงไร้วี่แวว เธอจึงรู้สงสัยว่าทำไมนายน้องชองถึงไม่ยอมตอบจดหมายเสียที องค์ชายรัชทายาทเห็นองค์หญิงเฝ้ารอจดหมายด้วยความว้าวุ่นใจจึงได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเวทนา


หลังอดข้าวอดน้ำครบสามวัน ราอนก็ถูกออมกุงจับมัดมือมัดเท้าเพื่อที่จะทำการตอน ออมกุงเห็นราอนสะอึกสะอื้นจึงบอกว่าร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะตนรับเงินมาจากทางการและลงชื่อสมัครให้ราอนแล้ว เธอจึงมีแค่สองทางเลือกคือเป็นขันทีหรือไม่ก็ตายเพราะถูกตอน ราอนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่าถือเป็นโชคที่ได้มาตอนกับมือมีดเก่งๆ อย่างออมกง เพราะเธอได้ยินมาว่าไม่มีมือมีดคนใดในโชซอนเทียบชั้นออมกงได้ ออมกงได้ยินดังนั้นก็หัวเราะชอบใจ เขารินเหล้าเข้าปากแล้วโม้ให้ราอนฟังขณะกำลังเมาได้ที่ว่าตนฝีมือดีสุดๆ มือมีดคนอื่นๆ ตอนแล้วจะมีคนรอดเพียง 3-4 จากทั้งหมด 10 คน  ผิดกับตนที่ตอนแล้วจะมีคนรอดครึ่งต่อครึ่ง

ราอนแกล้งชวนออมกงคุยพลางดึงมือออกจากเชือกทีละข้าง ออมกงหลุดปากบอกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนตนลงมือตอนขณะกำลังเมาปลิ้นแต่ผลงานยังออกมาเนี้ยบ หลังหลุดพ้นจากพันธนาการราอนก็ลุกจากเก้าอี้แล้วมานั่งคุยกับออมกงหมายมอมเหล้า ออมกงกล่าวว่าถึงแม้จะเมาแต่มือของตนยังจำได้ทุกขั้นตอน ราอนพยายามหลอกล่อให้ออมกงดื่มเหล้าที่เดียวหมดถ้วยเพื่อที่เขาจะได้ประคองสติไม่อยู่ แต่หลังซดเหล้าจนหมดขวดออมกงกลับคว้ามีดและเดินเข้าหาราอนทันที ราอนจะอธิบายว่าเธอไม่มีอะไรให้ตอน ทันใดนั้นก็มีเสียงมีดดังฉับ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของราอน


เมื่อออมกงตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พบว่ามีรอยเลือดเต็มไปหมด เขาทั้งตกใจและรู้สึกผิดที่ลงมือตอนขณะมึนเมาจึงร้องเรียกซัมนม (ราอน) ด้วยความเป็นห่วง พอเห็นราอนนอนหน้าซีดอยู่บนที่นอนเขาก็รู้สึกโล่งใจที่เธอยังไม่ตาย เมื่อเปิดผ้าห่มดูก็พบว่ากางเกงของราอนชุ่มไปด้วยเลือดเขาจึงถามราอนว่าเกิดอะไรขึ้น ราอนถามกลับว่าเขาจำอะไรไม่ได้เลยหรือ ออมกงโกหกว่าตนจำได้ทุกอย่าง ทั้งยังรู้สึกภูมิใจเมื่อราอนชมว่าเขาเป็นมือมีดฝีมือดี เมื่อออมกงออกไป (แบบงงๆ) แล้วราอนก็เปิดดูรอยแผลที่ต้นขาก่อนหันไปมองหน้าตัวเองในกระจกที่มีรอยแตก 

ในเวลาเดียวกันนั้น คณะละครเร่ของพ่อบุญธรรมราอนกำลังเตรียมตัวออกเดินทาง แม้ทุลซเวจะบอกราอนว่าถ้าเธอหายตัวไปตนจะมีความสุขมาก แต่พอราอนไม่กลับมาจริงๆ เขาก็ทั้งเป็นห่วงและรู้สึกใจหาย จึงนั่งรอจนนาทีสุดท้าย (เพราะราอนบอกว่าจะกลับมา) แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของราอน


ขณะใช้ผ้าพันหน้าอกเพื่อปกปิดความเป็นหญิงและห้ามเลือดที่ต้นขา (เธอใช้เศษกระจกแทงขาตัวเอง) ราอนหวนนึกถึงตอนที่เธอยังเป็นเด็ก วันหนึ่งเธอถอดชุดเด็กชายออกแล้วแอบนำชุดผ้าไหมของคุณหนูผู้สูงศักดิ์มาสวม (ชนชั้นต่ำจะสวมชุดผ้าฝ้ายและรองเท้าสาน) ทั้งยังแต่งหน้าทาปากอีกด้วย เมื่อแม่ของราอนมาพบเข้าจึงบอกให้เธอรีบถอดชุดออก แต่ราอนขอแต่งแบบนี้ถึงพระอาทิตย์ตกดินทำให้โดนแม่ตบหน้า หลังจากนั้นแม่ราอนก็ย้ำว่าเธอเป็นเด็กผู้ชายไม่ใช่เด็กผู้หญิง และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ราอนต้องใช้ชีวิตเยี่ยงเด็กหนุ่มเรื่อยมา หลังมีเหตุให้ต้องจากบ้านมานานหลายวันราอนก็นึกถึงพ่อบุญธรรมพลางเปรยทั้งน้ำตาว่าป่านนี้พ่อคงดีใจและมีความสุขมากเพราะคิดว่าเธอหนีไปแล้วจริงๆ

หลังไม่ได้รับจดหมายตอบจากนายน้อยชอง องค์หญิงมยองอึนก็หัวใจสลายเธอเลยประชดชีวิตด้วยการอดข้าว ใจหนึ่งเธอก็โกรธและอยากหั่นเขาเป็นชิ้นๆ แต่อีกใจก็รู้สึกเป็นห่วงเพราะเกรงว่าเขาอาจล้มป่วย องค์ชายรัชทายาทเป็นห่วงองค์หญิงมยองอึนเลยแวะมาหาที่ตำหนัก เพื่อมอบสมุดที่ภายในมีภาพวาดและข้อมูลส่วนตัวของหนุ่มโสดในเมืองหลวงที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาให้เลือก โดยบอกว่าถ้าถูกใจคนไหนให้บอกตนแล้วตนจะทำทุกอย่างเพื่อลากตัวชายคนดังกล่าวมาให้ เมื่อเห็นองค์หญิงทำหน้างง องค์ชายรัชทายาทจึงบอกว่าโลกนี้ช่างกว้างใหญ่นักและยังมีผู้ชายอีกมากมาย (ไม่ได้มีแค่นายน้อยชองคนเดียว)


ออมกงพาราอนไปส่งในวัง แต่พอเข้าประตูวังมาแล้วเธอก็ลังเลและคิดที่จะหันหลังกลับทำให้ชนนักดาบหนุ่ม "คิม พยองยอน" เข้าอย่างจัง เขาหันมาจ้องหน้าเธอครู่หนึ่งแล้วเดินจากไปโดยไม่พูดไม่จา ราอนมองตามพยองยอนและพบว่าเขามีบาดแผลคล้ายโดนคมดาบที่ต้นแขน หลังจากนั้นราอนก็หันกลับไปมองประตูวังอย่างชั่งใจอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจเดินเข้าวังอย่างกล้าๆ กลัวๆ ปรากฏว่าในคืนแรกขันทีใหม่ทุกคนต้องนอนรวมกันในโรงนอน ราอนนึกถึงคำพูดของออมกงแล้วรู้สึกเป็นกังวลจนนอนไม่หลับ  เพราะเขาบอกเธอว่าเช้าวันรุ่งขึ้นจะมีการตรวจสอบร่างกาย (ดูร่องรอยการตอน) ในที่สุดราอนก็ตัดสินใจหลบหนี เธอสะพายห่อผ้าแล้วค่อยๆ ย่องออกจากโรงนอนกลางดึก จากนั้นก็เดินตรงไปที่ประตูใหญ่ ครั้นใกล้ถึงประตูราอนก็ชะเง้อดูว่ามีทหารยามมุ่งหน้ามาทางนี้หรือไม่ พอหันกลับไปอีกทีศีรษะเธอก็ชนหน้าอกใครคนหนึ่งเต็มเปา




ชายคนดังกล่าวถามว่าเธอเป็นใคร ราอนเงยหน้าขึ้นแต่เห็นหน้าชายหนุ่มไม่ชัด เมื่อกลุ่มเมฆที่บดบังดวงจันทร์ค่อยๆ เคลื่อนตัวออก ทั้งคู่จึงเริ่มมองเห็นใบหน้าของกันและกัน ราอนถึงกับช็อคและร้องว่า "บัณฑิตดอกไม้!" ขณะที่องค์ชายรัชทายาทเองก็ร้องเรียก "นายน้อยชอง!" ด้วยความรู้สึกตกใจไม่แพ้กัน เมื่อนึกถึงคำพูดของราอนตอนที่ทิ้งตนไว้ในหลุม (ว่าจะยอมทำทุกอย่างตามที่เขาสั่ง ถ้าอยากให้เป็นหมาเธอก็จะเป็น) องค์ชายก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนช้อนค้างราอนแล้วโน้มตัวลงไปทักทายในระยะประชิดว่า "เจอกันจนได้...เจ้าหมาน้อย!"



* เนื้อหาโดย luvasianseries / ภาพจากเคบีเอส





นักแสดงนำ


ปาร์ค โบกอม
รับบท ลียอง (รัชทายาทฮโยมยอง)

"ลียอง" (อายุ 19 ปี) เป็นองค์ชายรัชทายาทรูปงาม ร่าเริงสดใส แต่อารมณ์ค่อนข้างแปรปรวน และชอบก่อเรื่องให้เหล่าขันทีปวดหัว เขาเคยเป็นความหวังสุดท้ายของราชวงศ์โชซอนที่กำลังเสื่อมถอย เคยเป็นองค์ชายน้อยที่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน และมีคุณสมบัติเพียบพร้อมสำหรับการสืบทอดตำแหน่งพระราชา แต่หลังจากพระมารดาสิ้นพระชนม์กระทันหัน ทุกอย่างก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่มีใครรู้เลยว่าองค์ชายลียองซึ่งแบกรับภาระอันหนักอึ้งในการเป็นองค์ชายรัชทายาท แท้จริงแล้วก็คือเด็กหนุ่มวัย 19 ปีที่ต้องการมีบิดาเป็นที่พึ่งพิง และเขากำลังเตรียมความพร้อมและกรุยทางสำหรับอนาคตอย่างลับๆ โดยไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดและไม่ได้วางแผนเอาไว้ ก็คือการได้พบและหลงรักขันทีที่มีชื่อว่า "ซัมนม"



คิม ยูจอง
รับบท ฮง ราอน

"ราอน" (อายุ 18 ปี) เป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจคนแรกของโชซอน และเป็นขันทีเพียงคนเดียวที่เป็นหญิงปลอมตัวมา เธอเป็นเด็กสาวสู้ชีวิตที่ต้องใช้ชีวิตเยี่ยงผู้ชายมาตั้งแต่เด็ก แถมยังเติบโตมาโดดเดี่ยวและยากลำบาก ไม่มีแม้กระทั่งครอบครัว เงินทอง อาหาร และที่ซุกหัวนอน ถึงกระนั้นเธอก็ไม่รู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง ด้วยความที่เป็นเด็กฉลาดและมีอารมณ์ขันเธอจึงกลายเป็นคนดังประจำหมู่บ้าน  ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงและนั่นก็ทำให้เธอถูกส่งไปเป็นขันทีโดยไม่ทันตั้งตัว 



ชินยอง
รับบท คิม ยุนซอง

"คิม ยุนซอง" (อายุ 19 ปี) เป็นอดีตพระสหายที่เติบโตมาด้วยกันกับองค์ชายลียอง เขาเกิดในตระกูลขุนนางที่มีอำนาจเหนือพระราชา ด้วยความที่สูญเสียบิดามารดาตั้งแต่ยังเล็กเขาจึงอยู่ภายใต้การดูแลของปู่ผู้แสนเย็นชาอย่างเสนาบดีคิมฮอน แม้จะเป็นชายหนุ่มที่มีความเพียบพร้อมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นชาติตระกูล ฐานะ ความสามารถ หรือรูปร่างหน้าตา แต่นั่นกลับทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตขาดสีสันและน่าเบื่อ เขาจึงพยายามแสวงหาสิ่งที่แปลกใหม่และน่าสนใจเพื่อเพิ่มรสชาติให้ชีวิต จนกระทั่งได้มาพบกับราอนและตกหลุมรักเธอ




แช ซูบิน
รับบท โช ฮายอน (พระชายาชินจอง)

"โช ฮายอน" (อายุ 18 ปี) เป็นลูกสาวเจ้ากรมพิธีการ "โช มานฮยอง" และถูกเลือกให้มาเป็นพระชายาขององค์ชายลียอง (ตระกูลโชแห่งพุงยางเป็นอีกหนึ่งตระกูลขุนนางที่ทรงอิทธิพล)  เธอเป็นคุณหนูผู้หยิ่งผยอง เย็นชา ล้ำสมัย และตรงไปตรงมา ตกหลุมรักองค์ชายรัชทายาทตั้งแต่แรกเห็น (แต่มารู้ว่าเขาคือองค์ชายในภายหลัง) พอรู้ว่าองค์ชายรัชทายาทมอบหัวใจให้ราอนเพียงคนเดียว เธอก็รู้สึกว่าตนเองพ่ายแพ้และเสียหน้าอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต 



ควาก ดงยอน
รับบท คิม พยองยอน

"คิม พยองยอน" (อายุ 19 ปี) เป็นพระสหายในวัยเด็ก องครักษ์ และคนสนิทเพียงคนเดียวที่องค์ชายลียองไว้ใจ เขาเป็นนักดาบที่เก่งขั้นเทพและเป็นมือหนึ่งของโชซอน นอกจากเพลงดาบของเขาจะรวดเร็วและแม่นยำแล้ว ลีลาในการฟาดฟันของเขายังอ่อนช้อยงดงามดุจกำลังแสดงการร่ายรำ ไม่ว่าเขาจะยิง ปา หรือขว้างอะไรก็ล้วนเข้าเป้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาทำให้เหล่านางในพากันคลั่งไคล้ใจละลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เขาสวมหมวกสาน พวกเธอจึงเรียกเขาว่าเทพบุตรพยองยอน แต่ภายใต้รูปโฉมที่งดงามกลับมีความลับที่ไม่อาจแพร่งพรายให้ใครรู้เก็บซ่อนอยู่



รวมคลิปตัวอย่างจาก เคบีเอส เวิลด์ และ KBS 한국방송 (MyloveKBS)



รวมคลิปเบื้องหลังจาก เคบีเอส เวิลด์ และเคบีเอส ดราม่า



รวมคลิปเพลงประกอบละคร จาก Bugs (벅스) และ KBS 한국방송 (MyloveKBS)

*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

3 ความคิดเห็น:

  1. ชอบมากกกเลยค่ะ มีแปลตอนอื่นหรือเปล่าคะ ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณค่ะ ส่วนใหญ่จะแปลแค่เรื่องละตอนเพื่ออธิบายเรื่องราวค่ะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ดีเลย ไม่ดีที่ทำให้ข้าต้องมาติดซีรี่ย์เกาหลีอีกรอบแล้วเนี่ย 555
    ขอบคุณที่แปลให้เราได้อ่านนะคะ >.<

    ตอบลบ

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา