วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559

เรื่องย่อ หม่าฟู่หยา หัวใจเพื่อบัลลังก์ (The Glamorous Imperail Concubine)




กำกับ: เหลียงซินเฉวียน, หลินฟง
เขียนบท: จางอิงจวิ้น, เส้าซือหาน
แนวละคร: ย้อนยุค, โรแมนติก, ดราม่า
จำนวนตอน: 42
ออกอากาศ: จีน - 30 กันยายน 2554 ทางหูหนานทีวี
                 ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 15.00-16.00 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่ (ช่อง 13) ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2559 - 20 พฤศจิกายน 2559

เรื่องย่อ



ละคร "หม่าฟู่หยา หัวใจเพื่อบัลลังก์ (The Glamorous Imperail Concubine)" ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง "ชิงซื่อหวงเฟย" ของนักเขียนสาว "มู่หรงเยียนเอ๋อร์" (อู๋จิ้งอวี้) ผลิตโดย "รูบี้ หลิน สตูดิโอ" ของนักแสดงสาว "หลินซินหยู (รูบี้ หลิน)" (เป็นผลงานการผลิตละครเรื่องแรกของเธอ) โดยเธอได้คัดเลือกนักแสดงเองเกือบทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่เธอเคยร่วมงานด้วยแทบทั้งสิ้น

เหตุการณ์ในละครเกิดขึ้นหลังราชวงศ์ถังล่มสลายในยุค "ห้าราชวงศ์สิบแคว้น"*  (ค.ศ. 907-960 / พ.ศ. 1450-1503) เนื้อหากล่าวถึง "หม่าฟู่หย่า" องค์หญิงแห่งแคว้นฉู่ ซึ่งเป็นหญิงงามที่มีใจเมตตา ชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก มีความสามารถด้านการแพทย์ และเป็นที่รักของประชาชน (ตลอดจน "หลิวเหลียนเฉิง" องค์ชายรัชทายาทแห่งแคว้นเป่ยฮั่น) แต่กลับมีชีวิตที่พลิกผันหลัง "หม่าอิน"  ผู้เป็นพระบิดา  (เดิมเป็นขุนศึกของราชวงศ์ถัง) ถูก "หม่าอี้ฟาง" (ซึ่งเป็นอาแท้ๆ ของเธอ) ปลงพระชนม์และตั้งตนเป็นเจ้าครองแคว้นแทน

หลังครอบครัวถูกกวาดล้างและต้องพลัดพรากจากน้องชาย แถมยังถูกธิดาของอี้ฟางผลักตกจากหน้าผาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ฟู่หย่าก็กลายเป็นองค์หญิงพลัดถิ่นที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นให้กับครอบครัวและกอบกู้บ้านเมืองกลับคืนมา รวมทั้งการเป็นหมากให้ "เมิ่งฉีโยว่" อดีตองค์ชายรัชทายาทแคว้นสู่ ใช้ในการก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ เพื่อที่เขาจะได้นำทัพไปช่วยเธอยึดบ้านเมืองคืนจากอี้ฟาง แต่สุดท้ายทั้งคู่กลับตกหลุมรักกัน... เมื่อมีผลประโยชน์และบ้านเมืองเป็นเดิมพัน ระหว่างความรักกับอำนาจ เขาและเธอจะเลือกอะไร?

* ห้าราชวงศ์ ประกอบด้วย ราชวงศ์เหลียง ถัง จิ้น ฮั่น และโจว ส่วน สิบแคว้น ประกอบด้วย แคว้นอู๋ อู๋เยี่ยว์ หมิน ฉู่  หนันฮั่น เฉียนสู่ โฮ่วสู่ จิงหนาน หนานถัง และเป่ยฮั่น (หลังราชวงศ์ถังล่มสลาย บรรดาหัวเมืองต่างๆ ทางตอนเหนือมีการแบ่งอำนาจกันเป็นห้าราชวงศ์ โดยปกครองในแถบลุ่มน้ำฮวงโหตามลำดับ ส่วนทางตอนใต้ได้เกิดรัฐอิสระ (สิบแคว้น) ในแถบลุ่มแน่น้ำแยงซีเกียง) การแบ่งแยกอำนาจปกครองในยุคนี้ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ขาดเสถียรภาพ  เต็มไปด้วยการนองเลือด ทำให้ประชาชนต้องอยู่อย่างลำบากยากแค้น



เนื้อหาตอนที่ 1



เรื่องราวในละครเริ่มต้นขึ้นที่แคว้นฉู่... "องค์หญิงหม่าฟู่หย่า" ถูกนำตัวไปลานประหารหลังพานักโทษ (ขอทานน้อย) แหกคุกและสร้างความเสื่อมเสียให้กับแคว้นฉู่ เมื่อประชาชนทราบข่าวจึงออกมารวมตัวเรียกร้องและอ้อนวอนให้ไว้ชีวิตองค์หญิงอันเป็นที่รักของพวกตน "เมิ่งฉีโย่ว" และ "เวินจิ้งรั่ว" ซึ่งยืนสังเกตการณ์อยู่บนโรงเตี๊ยมรู้ว่าองค์หญิงฟู่หย่าเป็นคนดีมีใจเมตตา แต่ทั้งคู่ไม่คิดช่วยเหลือและก้าวก่าย เพราะเห็นว่าเหตุวุ่นวายนี้จะเป็นผลดีกับพวกตน

ปรากฏว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของ "หม่าอี้ฟาง" (จิ้งอ๋อง) ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของฟู่หย่า เขาเป็นคนวางแผนลวงเธอให้ตกหลุมพราง ก่อนตัดสินโทษและสั่งประหารด้วยตนเอง โดยก่อนหน้านี้ฟู่หย่าและ "ฮัวกงกง" ได้บุกเข้าไปช่วยขอทานน้อยนามว่า "ควงจื่อ" ในคุก อี้ฟางสั่งให้คนของตนคอยจับตาดูและแกล้งปล่อยให้ฟู่หย่าพานักโทษหลบหนีไป เพราะต้องการล่อให้เธอไปติดกับที่ประตูเสวียนอู่เหมิน (ประตูเข้า-ออกพระราชวัง) เนื่องจากการฝ่าออกทางประตูดังกล่าวจะมีโทษตายสถานเดียว



หลังพาควงจื่อหนีออกจากคุกทั้งคู่ก็ถูกทหารไล่ตาม  ฟู่หย่าพาขอทานน้อยลัดเลาะหลบหนีแต่ก็ถูกทหารองครักษ์นามว่า "อี้ปิง" พบเข้าจนได้  ฟู่หย่าแกล้งสารภาพว่าตนเพิ่งขโมยของในวังมา จากนั้นก็โยนห่อผ้าให้อี้ปิง  อี้ปิงเปิดห่อผ้าดูพลางขู่ว่าการขโมยของในวังมีโทษหนัก แทนที่จะเจอของล้ำค่ากลับมีผึ้งฝูงใหญ่บินออกมาไล่ต่อยเหล่าทหาร ฟู่หย่าจึงฉวยโอกาสพาควงจื่อหลบหนีไป อี้ปิงเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งไล่ตาม แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า

อี้ปิงเห็นขบวนเกี้ยวกำลังมุ่งหน้าออกจากวังกลางดึกจึงขอเข้าตรวจค้น ปรากฏว่าเกี้ยวดังกล่าวเป็นของ "ลี่เฟย" (สนมลี่) ซึ่งอ้างว่าตนกำลังจะเดินทางไปที่วัดไป๋หม่าเพื่อขอพรให้ฮ่องเต้ หลังตรวจดูโดยรอบอี้ปิงพบว่ามีเชือกห้อยอยู่ใต้เกี้ยวแต่เขาไม่ติดใจสงสัยและปล่อยให้ผ่านไปแต่โดยดี เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วลี่เฟยก็บอกให้ฟู่หย่ากับควงจื่อออกมาจากใต้เกี้ยว ที่แท้ฟู่หย่ากับลี่เฟยได้วางแผนกันไว้ตั้งแต่ต้น นอกจากจะช่วยพาฟู่หย่าหลบหนีทหารยามแล้ว ลี่เฟย (ซึ่งดูเหมือนไม่ค่อยประสงค์ดีนัก) ยังช่วยจัดเตรียมรถม้าตามที่ฟู่หย่าร้องขออีกด้วย แต่หลังควบรถม้าหลบหนีมาได้สักพักฟู่หย่าก็ถูกทหารกลุ่มหนึ่งควบม้ามาดักทางด้านหน้า

หลังปฏิเสธคำขอของพระธิดาที่ต้องการให้ปล่อยตัวขอทานน้อย ฮ่องเต้รู้ว่าฟู่หย่าต้องทั้งโกรธและงอนจนนอนไม่หลับจึงชวนฮองเฮาไปที่ตำหนักองค์หญิงกลางดึกด้วยความเป็นห่วง แต่พอไปถึงกลับพบว่าฟู่หย่าให้สาวใช้ "เสี่ยวซินกาน" สวมรอยเป็นองค์หญิงแทนตน ในเวลากันนั้นฟู่หย่ากำลังควบรถม้าหลบหนีการไล่ล่าของเหล่าทหารภายในเขตพระราชฐาน และถูกต้อนให้จนมุมที่หน้าประตูเสวียนอู่เหมิน แม้จะถูกเหล่าทหารบนป้อมปราการเล็งธนูไฟใส่แต่ฟู่หย่าก็ไม่หวั่น ซ้ำยังควบรถม้าฝ่าธนูไฟที่พุ่งเข้าใส่ดุจห่าฝน ตลอดจนเหล่าทหารยืนถือหอกขวางอยู่ที่หน้าประตู ในที่สุดฟู่หย่าก็พาควงจื่อหนีออกนอกประตูวังที่กำลังจะปิดได้ทันแบบฉิวเฉียด



ฟู่หย่าไปส่งควงจื่อกับย่าที่ท่าเรือ (ทั้งคู่จะเดินทางออกนอกแคว้นฉู่เพื่อลี้ภัย เนื่องจากควงจื่อเป็นนักโทษประหารที่อยู่ในระหว่างการหลบหนี) เธอมอบลูกพลับแห้งให้ขอทานน้อยโดยบอกว่ากินแล้วจะทำให้ความโศกเศร้ามลายหายไป ควงจื่ออยากให้ฟู่หย่าไร้ทุกข์โศกเช่นกันจึงคืนลูกพลับให้เธอหนึ่งชิ้น ก่อนตัดพ้อว่าตนก็แค่ขโมยเสบียงทหารเพียงเล็กน้อยเพื่อนำมาประทังชีวิตย่าที่กำลังจะอดตาย ฟู่หย่ากล่าวว่าทั้งหมดเป็นความผิดของแคว้นฉู่และฝนฟ้าที่ไม่ตกต้องตามฤดูกาล เธอบอกให้ควงจื่อพาย่าไปตั้งรกรากในที่ๆ ลูกหลานสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัย หากวันใดเขาโตขึ้นและได้เป็นขุนนางจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอิ่มท้อง เมื่อควงจื่อรับปากฟู่หย่าก็มอบปิ่นปักผมให้เป็นที่ระลึก ทันใดนั้นก็มีเสียงทหารควบม้าใกล้เข้ามา  ฟู่หย่าจึงรีบส่งควงจื่อกับย่าลงเรือก่อนวิ่งหนีไป

ฟู่หย่าวิ่งหนีการไล่ล่าของเหล่าทหารเข้าไปในป่า บังเอิญว่าในตอนนั้น  "หลิวเหลียนเฉิง" องค์ชายรัชทายาทแห่งแคว้นเป่ยฮั่น ได้เดินทางมาที่แคว้นฉู่เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีและร่วมงานเลี้ยงฉลองตามบัญชาของ "ตู๋กูไทเฮา" ผู้เป็นพระมารดา (และรักษาการในตำแหน่งเจ้าครองแคว้น) โดยแวะพักแรมกลางทางท่ามกลางสายน้ำและขุนเขา ด้วยความที่มาเพราะถูกบังคับ ซ้ำยังต้องรับตำแหน่งรัชทายาทด้วยความจำใจ แถมไทเฮายังสั่งให้คนคอยตามประกบตลอดเวลา เหลียนเฉิงจึงดื่มเหล้าประชดชีวิตตลอดการเดินทาง 


ทหารแคว้นฉู่เห็นฟู่หย่าหนีเข้าไปซ่อนตัวในที่ประทับชั่วคราวของรัชทายาทเหลียนเฉิง จึงบุกไปขอให้ทหารองครักษ์ของแคว้นเป่ยฮั่นส่งตัวฟู่หย่ามาให้พวกตน (ทหารเป่ยฮั่นไม่รู้ว่ามีผู้บุกรุก ขณะที่ทหารแคว้นฉู่ไม่รู้ว่าบริเวณดังกล่าวที่ประทับชั่วคราวของรัชทายาทเหลียนเฉิง จึงเกิดการเผชิญหน้าและหันอาวุธเข้าหากัน) เหลียนเฉิงซึ่งกำลังเบื่อชีวิตและอยากหนีจากการเป็นองค์รัชทายาท  ไม่รู้ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเป็นใครและบุกรุกเข้ามาโดยมีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ จึงใช้มีดสั้นจ่อไปที่ลำคอของเธอเพื่อเป็นการข่มขู่พลางถามว่าเธอเป็นใคร ฟู่หย่าตอบเพียงว่าตนก็แค่ต้องการหลบหนี เหลียนเฉิงซึ่งกำลังรู้สึกอึดอัดและอยากหลบหนีเช่นกันถามฟู่หย่าว่า คิดว่าหนีพ้นหรือ ฟู่หย่าตอบว่าต่อให้หนีไม่พ้นตนก็ต้องคิดหาหนทางหลบหนีให้ได้

หลังถูกบีบให้ส่งตัวนักโทษ ผู้ติดตามรัชทายาทเหลียนเฉิงจึงบอกทหารแคว้นฉู่ว่าพวกตนเป็นผู้อัญเชิญราชสาสน์จากแคว้นเป่ยฮั่น เขาไม่รู้ว่าฟู่หย่าแอบเข้ามาซ่อนตัวจึงกล่าวว่าน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ทหารแคว้นฉู่ไม่สนใจและพยายามบุกเข้าไปตรวจค้น ปรากฏว่าฟู่หย่าจับตัวรัชทายาทเหลียนเฉิงเป็นตัวประกัน จากนั้นก็ร้องขอม้า 1 ตัวแล้วพารัชทายาทเหลียนเฉิงหนีไป ทหารแคว้นฉู่จะตามไปจับกุมฟู่หย่า แต่ถูกทหารเป่ยฮั่นขวางเอาไว้เพราะเกรงว่าองค์ชายรัชทายาทของพวกตนจะเป็นอันตราย


"หม่าเซียงอวิ๋น" (ธิดาของหม่าอี้ฟาง) ซ้อมเต้นระบำบัวทองแล้วเกิดพลาดล้มลงต่อหน้าต่อตาสาวใช้ เธอจึงสั่งให้ทหารนำตัวสาวใช้คนดังกล่าวไปตัดหัวเพื่อเป็นการปิดปาก เพราะกลัวว่าหากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไปจะทำให้ภาพลักษณ์ของการเป็นองค์หญิงที่สวยและเก่งที่สุดในแคว้นฉู่เสียหาย จิ้งรั่วปลอบใจเซียงอวิ๋นว่าระบำบัวทองเป็นการร่ายรำที่ค่อนข้างยาก สมัยที่ตนเรียนก็พลาดล้มบ่อยๆ  ที่สำคัญความสามารถในการร่ายรำของเซียงอวิ๋นในตอนนี้นับว่าดีกว่านางรำเกือบทุกคนแล้ว เซียงอวิ๋นได้ยินดังนั้นจึงรู้ว่ายังมีคนที่ร่ายรำได้ดีกว่าเธอ ถึงกระนั้นเธอก็ลั่นวาจาว่าจะไม่ยอมเป็นสองรองใคร เซียงอวิ๋นถามจิ้งรั่วว่าลีลาการร่ายรำของตนสู้ฟู่หย่าได้หรือไม่ พอเห็นจิ้งรั่วอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบ เซียงอวิ๋นก็รู้ว่าความสามารถของตนยังไม่อาจเทียบชั้นหม่าฟู่หย่า




หลังรอดพ้นเงื้อมมือทหาร ฟู่หย่าก็พาเหลียนเฉิงมาที่ท่าน้ำด้วยอาการเริงร่าสุดๆ จากนั้นก็แนะนำตัวว่าตนชื่อหม่าฟู่หย่าและขอบคุณเหลียนเฉิงที่ช่วยเหลือเธอ เหลียนเฉิงแทบไม่เชื่อสายตาว่าสาวน้อยที่นั่งตรงหน้าคือองค์หญิงฟู่หย่าแห่งแคว้นฉู่  ฟู่หย่าสงสัยว่าทำไมเหลียนเฉิงจึงยอมช่วยเหลือตน เหลียนเฉิงตอบว่าเพราะตนและฟู่หย่าต่างก็ต้องการหลบหนี ฟู่หย่าต้องการหนีเพื่อเอาชีวิตรอด ส่วนตนต้องการหนีลิขิตสวรรค์ ฟู่หย่ากล่าวว่าถ้าเป็นสิ่งชะตาฟ้าลิขิตเอาไว้ ต่อให้หนีไปไกลสุดหล้าก็ยากที่จะหลีกพ้น เธอยังบอกด้วยว่าคนเรานั้นอาจหนีได้ทุกสิ่ง แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่หนีอย่างไรก็ไม่พ้น และสิ่งนั้นก็คือหัวใจตนเอง

เหลียนเฉิงรู้สึกแปลกใจที่ฟู่หย่าเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นฉู่แต่กลับถูกทหารของตนไล่ล่า จึงถามว่าเธอทำความผิดร้ายแรงอะไรมา ฟู่หย่ากล่าวว่าตนก็แค่ทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้องและมีความสุขที่ได้ทำมัน เพียงแต่เรื่องบางเรื่องถึงแม้จะเป็นเชื้อพระวงศ์ก็ไม่อาจทำได้ตามใจชอบ เหลียนเฉิงเห็นว่าฟู่หย่ากำลังตกที่นั่งลำบากแต่กลับไม่แสดงอาการวิตกทุกข์ร้อนใดๆ ซ้ำยังแลดูร่าเริงสดใส จึงถามว่าเธอมีความสุขเช่นนี้ตลอดเวลาเลยหรือ (ผิดกับเขาที่หน้านิ่วคิ้วขมวดตลอด) ฟู่หย่าตอบว่าแน่นอน คนเราควรยิ้มและมีความสุขให้มากขึ้นเพราะชีวิตเป็นสิ่งสวยงาม

ฟู่หย่ามอบลูกพลับแห้งให้เหลียนเฉิงหนึ่งห่อ เหลียนเฉิงหยิบลูกพลับแห้งขึ้นมาดมก่อนมองฟู่หย่าด้วยสีหน้าลังเล ฟู่หย่าถามว่าต้องมีคนมาชิมดูก่อนว่ามีพิษหรือไม่ถึงจะกล้ากินใช่ไหม เหลียนเฉิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเหมือนโดนหยามว่าขี้ขลาด เขาจึงหยิบลูกพลับแห้งใส่ปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ (เขาไม่เคยกินลูกพลับแห้งมาก่อนเพราะเป็นอาหารที่ชาวบ้านกินกัน) ฟู่หย่ากล่าวว่าทุกครั้งที่รู้สึกแย่เธอจะกินลูกพลับแห้ง พอกินแล้วจะรู้สึกดีขึ้น เหลียนเฉิงกัดกินลูกพลับแห้งทั้งก้อน (เรียงซ้อนกันสามสี่ลูก) อย่างเอร็ดอร่อย แต่หลังจากนั้นไม่นานก็สำลักและหมดสติ



ฟู่หย่าพาเหลียนเฉิงไปที่จวนของเซียงอวิ๋นแล้วลงมือฝังเข็มด้วยตนเอง (เธอไว้ใจและนับถือเซียงอวิ๋นดุจพี่สาวแท้ๆ) พอรู้ว่าชายหนุ่มรูปงามที่นอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่ตรงหน้าคือองค์ชายรัชทายาทแคว้นเป่ยฮั่น เซียงอวิ๋นก็แอบจ้องตาเป็นมัน หลังฟู่หย่าเล่าวีรกรรมของตนให้เซียงอวิ๋นฟัง เซียงอวิ๋นก็ตำหนิฟู่หย่าที่ก่อเรื่องจนลุกลามบานปลาย จากนั้นก็เตือนว่าตอนนี้เหล่าทหารและเจ้าหน้าที่กรมอาญากำลังพลิกแผ่นดินหาฟู่หย่า ฟู่หย่ารู้ตัวว่าคราวนี้ตนคงรอดยากจึงฝากให้เซียงอวิ๋นช่วยดูแลเหลียนเฉิง

พอรู้ว่าฟู่หย่ากำลังจะกลับเข้าวังไปขอขมาฮ่องเต้และฮองเฮา เซียงอวิ๋นก็ถึงกับหน้าถอดสีและพยายามหว่านล้อมไม่ให้ฟู่หย่าไปพบฮ่องเต้ โดยอ้างว่าถ้ากลับเข้าวังเธอจะมีโทษถึงตายและคราวนี้แม้แต่ฮ่องเต้เองก็คงช่วยชีวิตเธอไม่ได้ ฟู่หย่าชี้ว่าตนไม่ได้กลับเข้าวังเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ แต่จะไปรับโทษตายเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาและป้องกันไม่ให้พระบิดาถูกแคว้นเป่ยฮั่นประณาม เซียงอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็แอบเบาใจแต่ยังคงเสแสร้งแกล้งเป็นห่วงราวกับเป็นพี่สาวที่แสนดี ปรากฏว่าฟู่หย่ายังไม่ทันกลับเข้าวังก็ถูกทหารของอี้ฟางดักจับกุมเสียก่อน และถูกนำตัวไปลานประหารทันที



ครั้นพอถึงเวลาเที่ยง ลูกน้องของอี้ฟางก็สั่งให้เพชฌฆาตลงมือประหารฟู่หย่าท่ามกลางเสียงร้องระงมของเหล่าประชาชน ในขณะที่คมดาบกำลังจะตัดเข้าที่ลำคอของฟู่หย่า อี้ปิงก็ร้องห้ามและยิงธนูขวางเอาไว้ พอรู้ว่าฮ่องเต้กำลังเสด็จมายังลานประหารอี้ฟางก็รู้สึกตกใจและผิดหวัง ขณะที่ประชาชนต่างพากันโล่งใจ ทันทีที่มาถึงฮ่องเต้ก็ตรงดิ่งไปยังลานประหารและแก้มัดให้ฟู่หย่าจากนั้นก็ชวนกลับเข้าวัง อี้ฟางและลูกสมุนเห็นดังนั้นจึงรีบเข้ามาขวางโดยอ้างว่าเชื้อพระวงศ์ทำผิดต้องรับโทษเยี่ยงสามัญชน

แม้สมุนของอี้ฟางจะนำเรื่องการรักษากฏหมายและความชอบธรรมมากล่าวอ้าง แต่ฮ่องเต้ไม่สนใจและยืนกรานว่าจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องพระธิดาของตน ทันใดนั้น ผู้ติดตามรัชทายาทเหลียนเฉิงและทหารเป่ยฮั่นก็บุกมายังลานประหารและถามฟู่หย่าว่านำตัวองค์ชายรัชทายาทของพวกตนไปซ่อนไว้ที่ไหน เมื่อฟู่หย่าตอบว่าอยู่ที่จวนของจิ้งหวัง (อี้ฟาง) อี้ฟางก็แย้งว่าฟู่หย่าจับรัชทายาทเป่ยฮั่นเป็นตัวประกัน แล้วรัชทายาทจะมาอยู่ที่จวนของตนได้อย่างไร พอรู้ว่าฟู่หย่าก่อเรื่องร้ายแรงกว่าที่คิดฮ่องเต้ก็รู้สึกหนักใจ อี้ฟางขอให้ฮ่องเต้ยอมเสียสละพระธิดาเพื่อไม่ให้มีเรื่องบาดหมางกับเป่ยฮั่น โดยอ้างว่ากองทัพเป่ยฮั่นแข็งแกร่งกว่าของแคว้นฉู่มาก สมุนของอี้ฟางเห็นว่าเรื่องราวบานปลายจนกลายเป็นเรื่องบาดหมางระหว่างสองแคว้น จึงโยนให้ฮ่องเต้เป็นคนตัดสินพระทัยว่าจะลงโทษพระธิดาหรือไม่ อย่างไร



ขุนนางเป่ยฮั่นบีบให้ฮ่องเต้ลงโทษฟู่หย่า มิเช่นนั้นจะนำกำลังทหารมาบุกแคว้นฉู่ อี้ฟางได้ยินดังนั้นก็ยิ้มด้วยความสะใจ หลังถูกคนของตนและพันธมิตรอย่างเป่ยฮั่นกดดันให้ลงโทษพระธิดาอันเป็นที่รัก ฮ่องเต้ก็ถึงกับกุมขมับ ครั้นพอถูกขุนนางเป่ยฮั่นข่มขู่และกดดันมากๆ เข้า ฮ่องเต้จึงสั่งให้ทหารของตนจับกุมขุนนางเป่ยฮั่นคนดังกล่าว ทหารของทั้งสองฝ่ายจึงชักดาบและตรงเข้าเผชิญหน้ากัน ในขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด รัชทายาทเหลียนเฉิงก็ควบม้าเข้ามาห้ามปรามก่อนที่เรื่องราวจะบานปลาย จากนั้นก็ประกาศว่าตนไปกับฟู่หย่าด้วยความเต็มใจ ไม่ได้เป็นการลักพาตัวแต่อย่างใด

หลังถวายความเคารพและขออภัยฮ่องเต้แคว้นฉู่แล้ว เหลียนเฉิงก็ชี้แจงว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ความจริงแล้วตนเพิ่งมาถึงแคว้นฉู่จึงขอให้องค์หญิงฟู่หย่าพาชมบ้านเมือง เมื่อวานนี้ตนทั้งเมาและป่วยหากไม่ได้ฟู่หย่าช่วยชีวิตเอาไว้ตนคงตายไปแล้ว ฟู่หย่าจึงเป็นผู้มีพระคุณของตน เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์กลับตาลปัตร อี้ฟางและลูกสมุนจึงนำเรื่องที่ฟู่หย่าพานักโทษแหกคุก บุกทำร้ายทหารนับสิบ และฝ่าประตูเสวียนอู่มากล่าวอ้างเพื่อหาทางลงโทษนางให้ได้ ฟู่หย่าไม่ต้องการให้พระบิดาลำบากพระทัยจึงขอรับโทษตามกฏ สมุนของอี้ฟางได้ยินดังนั้นจึงรีบประกาศให้ลงทัณฑ์ เหลียนเฉิงแย้งว่าฟู่หย่าเป็นถึงองค์หญิงจึงไม่ควรลงโทษต่อหน้าประชาชน สมุนของอี้ฟางแย้งกลับว่าเหลียนเฉิงเป็นคนนอกไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว เหลียนเฉิงชี้ว่าฟู่หย่าเป็นผู้มีพระคุณของตนและแคว้นเป่ยฮั่น ตนจึงไม่อาจทนนิ่งดูดาย




หลังฟังอยู่นานอี้ปิงจึงเป็นตัวแทนชาวบ้านคุกเข่าขอร้องให้ฮ่องเต้ทรงเว้นโทษตายแก่องค์หญิง โดยบอกว่าที่ผ่านมาฟู่หย่าประกอบแต่คุณงามความดีและชอบช่วยเหลือผู้คน เหล่าประชาชนได้ยินดังนั้นจึงพากันร้องขอให้ฮ่องเต้ทรงเว้นโทษตายแก่องค์หญิง อี้ฟางและลูกสมุนไม่มีทางเลือกจึงยอมละเว้นโทษตาย แต่ฟู่หย่าจะต้องถูกโบยตามกฏอย่างน้อย 20 ไม้  ฟู่หย่ายอมรับโทษแต่โดยดี ขณะที่เธอกำลังจะโดนโบยฮัวกงกงก็เข้ามาขวาง (เอารองเท้าข้างหนึ่งขว้างใส่หัวเจ้าหน้าที่ๆ กำลังจะลงทัณฑ์) และประกาศว่าถ้าใครกล้าแตะต้องฟู่หย่าแม้เพียงปลายผมตนจะไม่มีวันยอมยกโทษให้

พอรู้ว่าฮ่องเต้เป็นคนกำหนดโทษโบยด้วยตนเอง ฮัวกงกงก็โวยวายและต่อว่าฮ่องเต้ยกใหญ่ ฮ่องเต้แย้งเสียอ่อยว่าตนไม่มีทางเลือก ฮัวกงกงได้ยินดังนั้นก็ยิ่งโมโหจึงบอกว่าเสียแรงที่ตนอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตช่วยเหลือฮ่องเต้จนได้ขึ้นครองบัลลังก์ หลังจากนั้นฮัวกงกงก็ขอรับโทษโบยแทนฟู่หย่าในฐานะที่เป็นอาจารย์ โดยอ้างว่าตนสอนลูกศิษย์ไม่ดี ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นจึงรีบสั่งให้โบยฮัวกงกงแทน


หลังไปเยี่ยมฮัวกงกง (ซึ่งโดนโบยจนก้นระบม) กับพระบิดาแล้ว ฟู่หย่าก็ไปหาพระมารดาตามที่ฮัวกงกงแนะนำ ฮองเฮารู้สึกว่าคดีของฟู่หย่าแลดูมีเงื่อนงำและน่าสงสัยหลายจุด จึงเชื่อว่าลี่เฟยน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่ฟู่หย่ากลับแหย่ว่าพระมารดาเกิดความหึงหวงเลยมีอคติกับลี่เฟย ฮองเฮาเห็นว่าพระธิดาดูคนไม่ออกจึงห้ามไม่ให้ฟู่หย่าข้องแวะกับลี่เฟยอีก ซ้ำยังกำชับให้รักษากฏระเบียบ ทำตัวเป็นองค์หญิงที่ดี และเตรียมเข้าพิธีอภิเษก เดิมทีฮองเฮาตั้งใจว่าจะเลือกราชบุตรเขยในงานเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ โดยพิจารณาจากเหล่าองค์ชายรัชทายาทของแคว้นต่างๆ ที่เสด็จมาร่วมถวายพระพร แต่ตอนนี้พระองค์ตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกรัชทายาทเหลียนเฉิง ฟู่หย่ารู้ว่าการอภิเษกกับเหลียนเฉิงจะเป็นผลดีต่อแคว้นฉู่เพราะแคว้นเป่ยฮั่นมีกองทัพที่แข็งแกร่ง แต่เธอไม่ต้องการเป็นหมากทางการเมืองจึงรีบปฏิเสธ ฮองเฮาเลยเตือนให้เธอคำนึงถึงหน้าที่ขององค์หญิง



ฟู่หย่านำลูกพลับแห้งไปให้เหลียนเฉิงลองชิมอีกครั้ง แต่คราวนี้โรยด้วยผงรากบัวจึงเรียงแยกเป็นลูกๆ โดยไม่ติดกัน เพื่อให้เหลียนเฉิงหยิบกินทีละชิ้น ป้องกันการสำลัก (คราวก่อนเป็นแบบชุบน้ำผึ้ง ลูกพลับแห้งเลยเรียงติดกันเป็นก้อนใหญ่) เหลียนเฉิงรู้สึกผิดหวังเมื่อรู้ว่าฟู่หย่านำลูกพลับมาเอาใจเพราะมีเรื่องร้องขอ แถมยังเป็นเรื่องที่ทำให้เขาเสียใจและเสียหน้า  ฟู่หย่าไม่ต้องการอภิเษกกับเหลียนเฉิงจึงมาขอให้เขาช่วยปฏิเสธพระมารดาของเธอ แต่เหลียนเฉิงเชื่อว่าการได้พบและรู้จักกับฟู่หย่าเป็นชะตาฟ้าลิขิต หากได้ครองคู่เพราะมีวาสนาต่อกันจึงนับเป็นเรื่องที่ดี ฟู่หย่ากล่าวว่าตนเป็นคนแก่นแก้วไม่เป็นกุลสตรีจึงไม่คู่ควรกับเหลียนเฉิง แต่เหลียนเฉิงกลับมองว่าหากได้ฟู่หย่ามาเป็นชายาก็คงดี  ฟู่หย่าแย้งว่าไม่ดีสักนิดเพราะเธออยากมีสามีที่รักเดียวใจเดียว

ฟู่หย่ากล่าวว่าหากวันใดเหลียนเฉิงได้ขึ้นครองบัลลังก์ ภายในวังจะมีสาวงามมากกว่า 3 พันคน หากเธอต้องแย่งชิงสามีกับหญิงอื่น สู้ไปบวชชีหรือครองตัวเป็นโสดตลอดชีวิตยังดีเสียกว่า เหลียนเฉิงพยายามหว่านล้อมโดยบอกว่าหากตนอภิเษกกับฟู่หย่าจะแต่งตั้งฟู่หย่าเป็นฮองเฮา ไม่ว่าใครก็แย่งชิงตำแหน่งนี้ไปจากเธอไม่ได้ ฟู่หย่าแย้งว่าพระมารดาของเธอก็เป็นฮองเฮาแต่ยังต้องทนดูพระบิดารับสนมเพิ่มขึ้นคนแล้วคนเล่า สำหรับเธอแล้วการเป็นองค์หญิงไม่ต่างอะไรกับนกน้อยในกรงทองที่ไม่อาจโผบิน การอภิเษกกับเหลียนเฉิงก็เหมือนถูกขังอยู่ในกรงอันใหม่ แล้วเธอจะสมหวังและไปถึงฝั่งฝันได้อย่างไร



เหลียนเฉิงอยากสนับสนุนให้ฝันของฟู่หย่าเป็นจริง (และมาอยู่เคียงข้างตน) จึงถามว่าความฝันของเธอคืออะไร ฟู่หย่าตอบว่าเหลียนเฉิงไม่มีทางช่วยให้ตนสมหวังได้ เพราะความฝันอันสูงสุดของตนคือการใช้ชีวิตอย่างอิสระนอกวังหลวง ได้ออกสำรวจโลกกว้าง และช่วยเหลือผู้คน เหลียนเฉิงกล่าวว่าตนก็ฝันอยากใช้ชีวิตแบบนั้นมาโดยตลอดเช่นนั้น แต่สำหรับตนและฟู่หย่าแล้วสิ่งเหล่านั้นเป็นได้แค่ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง ฟู่หย่าแย้งว่าหากมีใจที่มุ่งมั่นฝันย่อมเป็นจริงได้ ตนจะไม่หลีกหนีหัวใจตัวเองโดยเด็ดขาด ต่อให้โดนพระมารดาบีบบังคับตนก็พร้อมยอมแลกทุกอย่าง เหลียนเฉิงได้ยินดังนั้นก็แอบเจ็บปวดใจ เขาถามฟู่หย่าว่าไม่ต้องการอภิเษกกับตนจริงๆ หรือ ฟู่หย่าจึงขอให้เขาช่วยส่งเสริมและเคารพในการตัดสินใจของตน เหลียนเฉิงหมดปัญญาหว่านล้อมจึงกล่าวว่าหากฟู่หย่าไม่ต้องการอภิเษกกับตน ตนก็จะไม่ฝืนใจ

เหลียนเฉิงชี้ว่าตนช่วยฟู่หย่าถึงสองครั้ง แล้วฟู่หย่าจะตอบแทนตนอย่างไร ฟู่หย่ากล่าวว่าหากทำได้ ตนจะให้ทุกสิ่งที่เหลียนเฉิงต้องการ เหลียนเฉิงกล่าวว่าสิ่งที่ตนต้องการคือ "ฟู่หย่า" จากนั้นก็พูดเฉไฉว่าตนไม่เคยมีเพื่อน ฟู่หย่าแย้งว่าหลังขี่ม้าหนีมาด้วยกันคราวก่อน (ตอนที่นั่งคุยกันริมแม่น้ำ) ตนกับเหลียนเฉิงก็เป็นเพื่อนกันแล้ว เหลียนเฉิงกล่าวว่า "เพื่อนแท้ต้องตายแทนกันได้" ฟู่หย่าสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนแท้ที่บุกน้ำลุยไฟไปด้วยกัน เหลียนเฉิงได้ยินดังนั้นจึงชวนฟู่หย่าไปบุกตลาดแคว้นฉู่


ฟู่หย่าเห็นว่าเหลียนเฉิงไม่เคยกินทั้งลูกพลับแห้งและซาลาเปา แถมเห็นอะไรในตลาดก็ตื่นเต้นไปเสียหมด จึงรู้ว่าเขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวดและขาดอิสรภาพเสียยิ่งกว่าเธอ เหลียนเฉิงกล่าวว่าหากตนได้เป็นเจ้าครองแคว้น วังของตนจะไม่เข้มงวดเรื่องกฏระเบียบและไม่จำกัดอิสรภาพ เมื่อวันนั้นมาถึงตนจะเชิญฟู่หย่าไปที่วังของตน ฟู่หย่ากล่าวว่าต่อให้ภายในวังมีอิสระแค่ไหนก็เปรียบเหมือนกรงขังอยู่ดี  เหลียนเฉิงถามว่า หากตนสัญญาว่าวังของตนจะเป็นที่ๆ ฟู่หย่าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนใจ ฟู่หย่าจะมาอยู่เคียงข้างตนไหม (เขาพูดพลางเอื้อมแขนไปจับมือฟู่หย่า) ฟู่หย่าแย้งว่า เหลียนเฉิงสัญญาแล้วว่าจะไม่อภิเษกกับตน เหลียนเฉิงแย้งกลับว่า ตนแค่รับปากว่าจะไม่ฝืนใจแต่ไม่เคยบอกว่าจะไม่อภิเษกกับฟู่หย่า ฟู่หย่าอึ้งไปชั่วขณะก่อนชักมือออกแทนคำตอบ



ทันใดนั้นก็มีชายกลุ่มหนึ่งลอบโจมตีเหลียนเฉิงจากทางด้านหลัง แต่เหลียนเฉิงรู้ตัวก่อนจึงสามารถหลบหลีกและตอบโต้ทัน ฟู่หย่าร้องห้ามและพยายามเข้าขัดขวางแต่คนร้ายกลับไม่ตอบโต้หรือทำร้ายฟู่หย่า เหลียนเฉิงจึงบอกให้ฟู่หย่ารีบไปจากที่นี่เพราะชายกลุ่มนี้มาเพื่อสังหารตน ฟู่หย่าไม่อาจทิ้งเขาไว้ตามลำพังจึงเฝ้าดูอยู่ห่างๆ หลังจากนั้นไม่นานผู้ติดตามและองครักษ์ของเหลียนเฉิงก็เข้ามาช่วยและรีบพาเหลียนเฉิงหลบหนีไป ทั้งคู่จึงต้องแยกจากกันโดยไม่ทันร่ำลา

เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ใน "หม่าฟู่หยา หัวใจเพื่อบัลลังก์ (The Glamorous Imperail Concubine)" ช่อง 3 แฟมิลี่ (ช่อง 13)

* เนื้อหาโดย luvasianseries


นักแสดงนำ


หลินซินหยู (รูบี้ หลิน)
รับบท หม่าฟู่หย่า (องค์หญิงแคว้นฉู่) / พานอวี้ / หย่าเฟยแห่งแคว้นสู่ / ตี้หวงเฟยแห่งเป่ยฮั่น
และ เหมยอิ่ง (เหมยเฟยแห่งแคว้นสู่ - พระสนมของเมิ่งจือเสียงซึ่งหน้าเหมือนหม่าฟู่หย่า)
(นักแสดง / นักร้อง / โปรดิวเซอร์ ชาวไต้หวัน - ภรรยา "ฮั่วเจี้ยนหัว"



เหยียนอี้ควาน (เควิน เหยียน)
รับบท เมิ่งฉีโย่ว (องค์ชายใหญ่และอดีตรัชทายาทแคว้นสู่)
(นักแสดง / นักร้อง  ชาวจีน) 



ฮั่วเจี้ยนหัว (วอลเลซ ฮั่ว) * นักแสดงรับเชิญพิเศษ *
รับบท หลิวเหลียนเฉิง (องค์ชายรัชทายาท / ฮ่องเต้ แคว้นเป่ยฮั่น หรือฮั่นเหนือ)
(นักแสดง / นักร้อง / โปรดิวเซอร์ ชาวไต้หวัน - สามี "หลินซินหยู") 

* "หลินซินหยู" และ "ฮั่วเจี้ยนหัว" แต่งงานกันที่บาหลีเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2559 และเพิ่งจัดงานเลี้ยงฉลองที่กรุงไทเป เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2559 



 หงเสี่ยวหลิง (เจนนิเฟอร์ หง)
รับบท หม่าเซียงอวิ๋น
(นักแสดง / นางแบบ ชาวไต้หวัน)



หยางโยว่หนิง (โทนี่ หยาง)
รับบท หลิวเหลียนซี
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)



หลิวเทา
รับบท เวินจิ้งรั่ว
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)



ฮุ่ยอิงหง (คาร่า ฮุย)
รับบท ตู้เฟยหง (ฮองเฮาแคว้นสู่)
(นักแสดงฮ่องกง - เกิดที่ประเทศจีน)



ไต้ชุนหรง
รับบท ตู๋กูไทเฮา (ไทเฮาแคว้นเป่ยฮั่น พระมารดาของเหลียนเฉิง)
(นักแสดง ชาวจีน)



หวังหลิน
รับบท หานอวี่เหอ (หานเจาอี๋ - พระสนมแคว้นสู่)
(นักแสดง ชาวจีน)



คังฉวินจื้อ
รับบท หลี่มู่อี๋ (ฮองเฮาแคว้นฉู่ - พระมารดาของฟู่หย่า)
(นักแสดง ชาวจีน)



เหมียวฮ่าวจวิน
รับบท ฮัวจื่อเฉียว (ฮัวกงกง)
(นักแสดง ชาวจีน)



เจียงข่าย
รับบท เมิ่งจือเสียง (ฮ่องเต้แคว้นสู่)
(นักแสดง ชาวจีน)



เฉียวเริ่นเหลียง
รับบท จ้าวควงอิ้น (อดีตขอทานน้อย / แม่ทัพราชวงศ์โฮ่วโจว / จักรพรรดิซ่งไท่จู่ ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ซ่ง)
 (นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)


 

เหมาจื่อจวิ้น
รับบท หม่าตู้อวิ๋น (น้องชายหม่าฟู่หย่า)
 (นักแสดง ชาวจีน)



หวังอวี่
รับบท เมิ่งฉีอวิ่น (องค์ชายรองแคว้นสู่ พระอนุชาต่างมารดาของฉีโย่ว โอรสสนมเหมยอิ่ง)
 (นักแสดง ชาวจีน)



โจวอีเหวย
รับบท ไฉหรง (องค์ชายแคว้นโจว / ฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์โฮ่วโจว)
 (นักแสดง ชาวจีน)



จางเสี่ยวเฉิน
รับบท หวังเสิ่นจือ (องค์ชายอาณาจักรหมิน)
(นักแสดง / นักร้อง / นายแบบ ชาวจีน)



ชิวส่วง
รับบท เมิ่งฉีซิง (องค์ชายสามแห่งแคว้นสู่)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

เจิ้งข่าย
รับบท หานหมิง (แม่ทัพแคว้นสู่)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

ตู้จวิ้นเจ๋อ
รับบท อี้ปิง (องค์รักษ์แคว้นฉู่)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หลิวจื่อเจียว
รับบท หลิวเหลียนซือ (น้องสาวเหลียนเฉิง)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

หยางข่ายฉุน
รับบท หานอวิ๋นจู (น้องสาวหานหมิง / สาวใช้และเพื่อนฟู่หย่าในวังแคว้นสู่)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

ห่าวเจ๋อเจีย
รับบท ตู้หว่าน (หลานตู้ฮองเฮา)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

เฉินจื่อเหยียน
รับบท ซูเหยา (สายลับชาวเป่ยฮั่น)
(นักแสดง / นางแบบ ชาวจีน)


 

ห่าวลั่วฝาน
รับบท เสี่ยวซินกาน (สาวใช้จากแคว้นฉู่ของฟู่หย่า)
(นักแสดง ชาวจีน)


 

ซุนซี
รับบท โม่โฉว (คนสนิทและมือสังหารของตู้ฮองเฮา)
(นักแสดง ชาวจีน)



ไป๋หลิ่วซี
รับบท ผิงจื่อ (สาวใช้ตู้หว่าน)
(นักแสดง ชาวจีน)





รวมคลิปตัวอย่างจาก ซีทีวี และอันฮุยทีวี


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา