มองชงหัวหน้าขอทานที่สนิทกับฮวางจองมาทำงานที่โรงพยาบาล และพาเด็ก ๆ ขอทานมาขอข้าวกินทุกวัน แต่แล้ววันหนึ่งก๊อตนิม หนึ่งในเด็กขอทานก็ล้มป่วยด้วยโรคฝีดาษ และในที่สุดก็เสียชีวิต ทำให้ทุกคนต่างเสียใจอย่างมาก หมออัลเลนจึงให้ฮวางจองพาทุกคนไปที่หมู่บ้านฆ่าสัตว์เพื่อรีบปลูกฝีในลูกวัวทำวัคซีนช่วยเหลือ ฮวางจองพาทุกคนไปที่หมู่บ้านโดยที่เขาสวมผ้าปิดหน้าไว้ เพื่อไม่ให้ทุกคนในหมู่บ้านจำตนเองได้ว่าเขาคือ โชกึนแก โดยอ้างว่าตนเองป่วย
เมื่อมาถึงหมู่บ้านฆ่าสัตว์ พวกนักเรียนแพทย์ได้ช่วยกันปลูกฝีในลูกวัว แต่ถูกหมอผีก่อกวนจนต้องรีบหนี แต่สุดท้ายมาตังเก พ่อของโกกึนแกก็เอาลูกวัวที่ปลูกฝีแล้วมาให้หมออัลเลนที่เจจุงวอนทั้งที่ตนเองก็ขาเจ็บด้วยเช่นกัน
“แต่ว่า ลูกวัวนี่ได้มาจากไหนเหรอ” ชักแทถาม
“โธ่ นี่เป็นลูกวัวปลูกฝีแล้วแต่พวกหมอไม่ทันพากลับมา” มาตังเกบอก
“หา ลูกวัวที่หายไปเมื่อวาน ได้คืนมาแล้วเหรอ”
“รีบไปบอกนายท่านของเจ้าสิ บอกว่าลูกวัวมารออยู่แล้ว” ซ๊อกรันบอก ชักแทจึงรีบเข้าไปบอกฮวางจอง
หลังจากได้ลูกวัวกลับมาแล้ว ทำให้พวกหมออัลเลนมีความหวังที่จะทำวัคซีนเพื่อรักษาโรคฝีดาษมากขึ้น
ซ๊อกรันได้ยินตอนที่เป๊กเทเรียกฮวางจองว่าโชกึนแกก็เริ่มสงสัยอะไรบางอย่างและเก็บไว้ในใจ และเมื่อมาตังเกนำลูกวัวมาให้ที่เจจุงวอน ซ๊อกรันจึงถามฮวางจอง
“คนฆ่าสัตว์ที่เราเจอเมื่อวานตอนที่เรา กำลังหนีออกมาจากหมู่บ้านคนฆ่าสัตว์น่ะ ตอนนั้นคนฆ่าสัตว์คนนั้นเรียกท่านว่า โชกึนแกใช่รึเปล่าคะ”
“ใช่มั้ง” ฮวางจองตกใจแต่พยายามกลบเกลื่อน
“หมู่บ้านคนฆ่าสัตว์คงมีคนที่ชื่อโชกึนแกเยอะเลยนะ รู้มั้ยว่าลูกชายของท่านลุงมาตังแกก็มีชื่อว่า โชกึนแกเหมือนกันเลยน่ะ”
“อ้อ อย่างนั้นเหรอครับ?”
“ตอนแรกข้าก็ไม่รู้หรอกว่าว่าโชกึนแกแปลว่าอะไร”
“ตอนนี้ คุณหนูรู้แล้วเหรอ”
“มันแปลว่าเจ้าลูกหมาน้อยน่ะ ตอนที่คนฆ่าสัตว์เรียกอย่างนั้นข้าตกใจมาก มันฟังดูเหมือนเป็นการดูถูกท่านเลย ตอนนั้นข้าไม่รู้ความหมายชื่อโชกึนแกหรอก ยังนึกว่าท่านรู้จักกับคนฆ่าสัตว์คนนั้นซะอีก เพราะดูท่านคุ้นเคยกับหมู่บ้านคนฆ่าสัตว์ดีนะ” ซ๊อกรันพยายามจับสังเกต
ฮวางจองพยายามคุมทุกอย่างให้เป็นปกติ
“เหรอ เป็นเพราะข้าเป็นคนจำทางแม่น งั้นข้าขอตัวก่อน”
หลังจากทำวัคซีนจากฝีวัวสำเร็จแล้ว หมออัลเลนก็บอกทุกคนว่าจะต้องทดลองวัคซีนก่อนว่าจะต้องปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง ก่อนจะไปฉีดให้ชาวบ้านได้ ที่ผ่านมาทุกคนเข้าใจว่าหากฉีดวัคซีนจากฝีลูกวัวจะทำให้คนมีลักษณะกลายเป็นวัว
“ข้าจะขอทดลองเอง ข้าเป็นหนึ่งในคนที่ทำวัคซีนนี้ขึ้นมา ข้าเชื่อมั่นในขั้นตอนว่าไม่มีความผิดพลาดแน่ อีกอย่างข้าก็ไม่เคยเป็นโรคฝีดาษมาก่อน” โดยังรับอาสา
ซ๊อกรันก็เสนอตัวด้วย “ข้าก็จะทดลองด้วยคน เพราะข้าก็ไม่เคยเป็นโรคฝีดาษมาก่อน แถมข้ายังไม่เคยสูดผงหนองมาก่อนด้วย ถ้าอาศัยโอกาสนี้รับวัคซีนป้องกันเข้าไป วันหน้าจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นโรคฝีดาษอีก”
“ข้าก็จะทดลองด้วยเหมือนกัน” ฮวางจองบอก
“นักศึกษาฮวาง” หมออัลเลนรู้ว่าฮวางจองเคยเป็นฝีดาษมาแล้ว
“ครับ ถึงตอนเด็ก ๆ ข้าจะเคยเป็นโรคฝีดาษมาก็จริง แต่ว่าวัคซีนที่เราทำขึ้นมาควรจะทดลองใช้กับคนที่มีภูมิคุ้มกันแล้วอย่างข้า ถ้าผลออกมาว่าไม่มีความผิดปกติถึงจะปลูกฝีให้คนอื่นได้อย่างวางใจ”
“ก็ดีนะ ถือเป็นความคิดที่ดี ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็จะทดลองดู” หมออัลเลนยิ้มพยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้างั้น ข้าก็จะขอทดลองด้วยคน” โกรับอาสา จากนั้น ฮัน เจอุ๊ก และคนอื่น ๆ ต่างก็เสนอตัวทดลองด้วยเช่นกัน
“มา เร่เข้ามา เข้าแถวกันมาปลูกฝีเร็ว รับรองว่าไม่มีเขางอกจากหัว และไม่ร้องเป็นเสียงวัวแน่ ป้องกันฝีดาษได้อย่างปลอดภัยยี่ห้อเจจุงวอน” ชักแทร้องตะโกนบอกชาวบ้าน
“จะปลอดภัยแน่นะ เจ้ามั่นใจรึเปล่า” ชาวบ้านถาม
“แหงอยู่แล้ว เรื่องนี้ข้ารับรองได้เต็มที่เลย มั่นใจเจจุงวอนได้ อ้อ ทุกคนเตรียมพร้อมแล้วใช่มั้ย” ชักแทชักชวนชาวบ้านให้เข้าแถวไปฉีดวัคซีนทีละคน
หลังจากเจจุงวอนเริ่มฉีดวัคซีนให้ชาวบ้านและได้ผล ชาวบ้านก็มาหาหมอที่สถานทูตญี่ปุ่นน้อยลง สร้างความไม่พอใจให้กับทูตญี่ปุ่นเป็นอย่างมากจึงไปคุยกับวาตานาเบ้
“ผมกำลังเขียนจดหมายอยู่ครับ” วาตานาเบ้บอก
“จดหมายรึ นี่คุณรู้สถานการณ์ในตอนนี้บ้างรึเปล่า ยังเขียนจดหมายอะไรอีก” ทูตญี่ปุ่นอารมณ์เสีย
“จดหมายนี้จะเขียนไปถึงท่านนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นครับ”
“อะไรนะ ท่านนายกรัฐมนตรีอย่างนั้นรึ” ทูตญี่ปุ่นแปลกใจ “อ้อ...นี่คุณเขียนจดหมายอะไรถึงท่านนายกรัฐมนตรีรึ”
“ความจำเป็นมันอยู่ตรงนี้ นี่เป็นจดหมายที่ท่านนายกฯเขียนถึงผม”
“อะไร ท่านนายกฯจะเขียนจดหมายถึงคุณคนเดียวได้ยังไง”
วาตานาเบ้เปิดจดหมายขึ้นอ่าน “งั้นผมจะอ่านส่วนนึงให้คุณฟัง แฮ่ม วาตานาเบ้ ภารกิจคุณคือการพิสูจน์ว่าชาวญี่ปุ่นเหนือกว่าโชซอน เมื่อได้ทราบความจริงนี้ชาวโชซอนก็จะอยากให้เราไปดูแลเค้า และเราจะได้ฝังรากฐานทางวิทยาศาสตร์ของจักรวรรดิญี่ปุ่นของเราเอาไว้ที่นั่น จดหมายจากท่านนายกรัฐมนตรีแห่งญี่ปุ่น นี่คือ เนื้อหาในจดหมายที่ท่านนายกฯเขียนมาถึงผม”
“ไฮ้” ทูตญี่ปุ่นยิ่งแปลกใจ
“ท่านก็ได้ฟังไปแล้ว ว่าผมจะต้องมุ่งมั่นในการพิสูจน์พัฒนาการด้านพันธุกรรมของชาวโชซอน และนับตั้งแต่นี้ไป ผมจะรับคำสั่งโดยตรงจากท่านนายกรัฐมนตรี ดังนั้น คุณจะต้องให้ความช่วยเหลือผม”
“ฮึ่น ผมจะช่วยคุณในทุกด้านละกัน” ทูตญี่ปุ่นบอก
“คิมโทน คุณจะต้องไปที่ญี่ปุ่น นำจดหมายลับนี้ไปส่งให้ท่านนายกรัฐมนตรี และอย่ากลับมาที่โชซอน จนกว่าจะมีคำสั่งจากผม” วาตานาเบ้สั่ง
“ไฮ้” คิมโทนรับคำ
“อนาคตโชซอนจะกลายเป็นแผ่นดินที่น่าสนใจอย่างแน่นอน ฮ่าๆๆๆ” วาตานาเบ้หัวเราะอย่างมีแผน
ฮวางจองมีความสุขที่สามารถช่วยเหลือจนทำวัคซีนสำเร็จและช่วยเหลือชาวบ้านได้ เขาจึงนำหญ้ามาเลี้ยงวัวเพราะรู้สึกขอบคุณ
“กินหญ้าเยอะ ๆ แล้วรีบโตเร็ว ๆ นะ ฮ่า ๆ ๆ ขอบใจนะ เจ้าช่วยคนเอาไว้ได้มากทีเดียว เฮ้อ อ้อ คุณหนูเพิ่งจะกลับเหรอครับ” ฮวางจองเอ่ยทักเมื่อเห็นซ๊อกรันเดินออกมา
“ใช่ วันนี้คงเหนื่อยมากสินะ ทำอะไรอยู่”
“ไม่มีอะไร ข้าแค่กำลังชื่นชมเจ้าวัวตัวนี้น่ะ”
“มันฟังท่านรู้เรื่องด้วยเหรอ” ซ๊อกรันถามขำ ๆ
“ฮะ ๆ ๆ จะฟังรู้เรื่องได้ยังไง ก็แค่รู้สึกขอบคุณมันน่ะ”
“การเกิดเป็นวัวนี่เก่งจังเลยนะ พอเกิดมาก็ต้องทำงานหนัก พอตายแล้วยังเป็นเนื้อมาให้คนอิ่มท้องอีก”
“เคยได้ยินเรื่องที่บอกว่าวัวเคยเป็นองค์ชายบนสวรรค์บ้างมั้ย”
“พูดจริงรึเปล่า” ซ๊อกรันถามแปลกใจ
“ครับ แต่เพราะเค้าเคยทำความผิด ถูกลงโทษให้เกิดเป็นวัว ต้องทำงานตลอดชีวิตเพื่อชดใช้ความผิดในชาติก่อน พอตายก็จะได้กลับไปบนสวรรค์” ฮวางจองเล่ายิ้ม ๆ
“ท่านไปฟังเรื่องเล่าพวกนี้มาจากไหน”
“ตอนเด็ก ๆ น่ะ ท่านแม่ของข้าเล่าให้ฟัง”
ซ๊อกรันยิ้ม “เหรอ ขอบใจมากเลยนะ สักวันนึงเจ้าก็จะได้กลับสวรรค์แล้วนะ”
หลังจากโชซอนหมดปัญหาโรคฝีดาษระบาด พระเจ้าโกจงก็มีพระราชโองการแต่งตั้งหมออัลเลนให้เป็นขุนนางชั้นสามของราชสำนัก
“หมออัลเลนเหน็ดเหนื่อยทุ่มเทเพื่อเจจุงวอนมาไม่น้อย แถมในครั้งนี้ ประชาชนต้องล้มตายไปจำนวนมากเพราะโรคฝีดาษ ท่านก็ช่วยกอบกู้เอาไว้ได้ ข้าจึงอยากจะตกรางวัลให้กับท่าน แต่งตั้งเป็นขุนนาง ขอให้ท่านทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ”
หมออัลเลนทำความเคารพ “ฝ่าบาท ทรงมีพระกรุณายิ่งพ่ะย่ะค่ะ”
หมออัลเลนกลับมาที่เจจุงวอนด้วยเกี้ยวพระราชทานจากพระเจ้าโกจง ทำให้ทุกคนดีใจมาก
“เมื่อครู่พระราชาทรงแต่งตั้งท่าน ผอ.เป็น ขุนนางประจำราชสำนัก มีตำแหน่งขุนนางขั้นที่สามน่ะค่ะ” ซ๊อกรันบอกทุกคน คูฮอนถึงกับผงะ “อะ อะ อะ อะไรนะ”
“ขั้นที่สามเหรอ ขั้นที่สามนี่เทียบเท่ากับตำแหน่งเจ้าเมืองในเมืองหลวงเลยนะ นี่ล้อเล่นกันเหรอ อย่ามาล้อเล่นเลยน่า บอกความจริงข้ามาดีกว่า”
“ท่าน ผอ. ขอยินดีด้วยครับ เท่ากับว่าเป็นการยกระดับความสำคัญ ของทั้งตัวท่านและเจจุงวอนไปพร้อมกันในทีเดียว” โดยังบอก
“ฮะแฮ่ม ผู้จัดการเบ๊ก” คูฮอนน้ำเสียงตำหนิ
“อ้อ มีอะไร เอ่อ ครับ ท่านผอ.”
“ผมอยากให้ทุกอย่างเป็นไปเหมือนเดิม” หมออัลเลนบอก
“ต้องอย่างนั้นสิ”
“แต่...ถ้าแบบนั้น ก็จะเป็นการดูหมิ่นตำแหน่งและยศที่พระราชาพระราชทานให้มา ดังนั้นผมจะไม่ทำอย่างนั้น ต่อไปต้องคุยกับผมด้วยคำสุภาพ อีกอย่างผู้จัดการเบ๊ก”
“อะไร ครับ ท่านผอ.”
“การทำกิมจิในวันนี้ เป็นยังไงกันบ้าง ราบรื่นดีรึเปล่า”
ฮอร์ตั้นสอนซ๊อกรันให้ทำขี้ผึ้งทาแผล “ใส่ผงไป ค่อย ๆ คน แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว”
“ตอนนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีขี้ผึ้งทาแผลแล้ว เจจุงวอนทำขี้ผึ้งทาแผลได้เอง เป็นเรื่องน่าดีใจจริง ๆ”
“แต่ขี้ผึ้ง จะใช้พร่ำเพรื่อก็ไม่ได้นะรู้มั้ย ทุกครั้งที่ใช้ต้องให้ฉันจ่ายยาให้” ฮอร์ตั้นบอก
ซ๊อกรันแวะไปคุยกับโดยังซึ่งกำลังทดลองเย็บแผลเทียมอยู่ “ฝึกเย็บแผลอีกแล้วเหรอคะ”
“ใช่แล้ว ถ้าให้ข้าเย็บแผลตอนนี้ก็คงไม่มีปัญหา แต่ว่า เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
“ข้าทำขี้ผึ้งกำมะถันมาให้น่ะ”
“ขี้ผึ้งกำมะถัน ทำเองเหรอ”
“ใช่ คุณหมอฮอร์ตั้นเป็นคนสอนข้าทำ ต่อไปเวลาขี้ผึ้งหมดก็จะไม่ต้องรอเป็นเดือนอีกแล้วล่ะ”
“เจจุงวอนทำขี้ผึ้งกำมะถันเองได้ ดีจังเลยนะ”
“ตอนนี้แผลยังไม่หายสนิทดีใช่มั้ย”
“ใช่แล้ว ก็แผลเก่าในตอนนั้นแหละ แล้วแผลที่ขาเจ้าเป็นไง” โดยังถามกลับ
“ดีขึ้นมากแล้วนะคะ”
“พอเอาชนะโรคฝีดาษได้ ก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย เจ้าเองก็เหนื่อยมามากแล้ว”
“ไม่หรอกค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเสนอของท่าน เจจุงวอนอาจจะยังมีคนไข้เต็มไปหมดก็ได้ นักศึกษาฮวางเองก็เหนื่อยเหมือนกัน” ซ๊อกรันอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงฮวางจอง
“นั่นสิ เพื่อนคนนั้นก็เหนื่อยไม่น้อยเหมือนกัน หึ ต้องบอกว่าฝีมือการเย็บของเค้าประณีตมาก ข้าได้มาฝึกเย็บเองถึงได้เข้าใจ”
“ท่านถึงได้ สงสัยว่าทำไมเค้าถึงได้เก่งนักสิ” ซ๊อกรันยิ้ม ๆ
“ถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่คลายความสงสัยทั้งหมด เรื่องที่ทำให้ข้าสงสัยไม่ใช่แค่เรื่องสองเรื่อง มันเริ่มตั้งแต่ตอนที่เค้าถูกยิงบาดเจ็บมา ตอนที่เย็บแผลได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์การเย็บมาก่อน ไหนยังฝีมือผ่าศพหมู ตอนที่ทุกคนเข้าสอบคัดเลือก บอกตามตรง ต่อให้เป็นคนฆ่าสัตว์ยังไม่น่าจะคล่องได้อย่างนี้เลย”
“คนฆ่าสัตว์เหรอ” ซ๊อกรันสะกิดใจขึ้นมา
“ใช่แล้ว ถึงแม้เค้าจะเป็นชนชั้นสูง แต่ครอบครัวฐานะยากจน คงทำงานมาแล้วทุกอย่าง อาจเป็นเพราะสาเหตุนั้นมั้ง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เค้าก็ทำได้คล่องแคล่วไปหมดทุกเรื่อง ก่อนหน้าก็ที่โรงปลูกฝี ตอนแรกข้าก็คิดจะยอมแพ้ไปแล้ว เพราะคิดว่าทำไปก็อาจล้มเหลว แต่เป็นเพราะความระมัดระวังตั้งใจทุกสถานการณ์ในแบบของเค้า บวกกับความเชื่อมั่นแบบโง่ ๆ นั่น สุดท้ายก็ทำให้เราทำวัคซีนได้สำเร็จ แต่ที่ข้าแปลกใจคือ คนแบบนั้น ถูกปืนยิงบาดเจ็บมาด้วยสาเหตุอะไร ข้ายังสงสัยไม่หายเลย” โดยังปรารภ ทำให้ซ๊อกรันยิ่งสงสัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา