“เร่งมือหน่อย” หมอฮอร์ตั้น กล่าว
“กรรไกร กรรไกร” ฮวางจอง ตวาด
“ตกลง ที่นี่ให้เป็นหน้าที่ของหมอฮอร์ตั้น กับพยาบาล” หมออัลเลน กล่าว
“หมอฮอร์ตั้นครับ ข้าฝากนางด้วย” โดยัง กล่าว
“ซ๊อกรัน ซ๊อกรัน” ยู เรียกลูกสาว
“รีบออกไปเถอะ”
หมอฮอร์ตั้นให้ชุงจีเช็ดตัวแล้วนวดมือเท้าให้ซ๊อกรันและสั่งให้เตรียมการผ่าตัดด่วน
เพราะอาการของนางยังไม่ดีขึ้น ด้านโดยังเข้าไปถาม ฮวางจองว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่จากนั้นก็ลงมือทำร้ายฮวางจอง
“มิสเตอร์เบ๊ก นี่คุณทำอะไร” หมออัลเลนเข้ามาห้าม
“ตอนนางตกน้ำเจ้ามัวทำอะไรอยู่” โดยัง ถาม
“ตอนที่ข้าไปถึงสระแอรอน คุณหนูก็ตกลงไปอยู่ใต้สระน้ำแล้ว ตอนที่ข้าลงไป คุณหนูมีเลือดออกที่มือ เพราะถูกใบมีดที่รองเท้าบาด เลือดก็เลยไหลออกมา”
“แล้วผายปอด ทำไมเจ้าต้องผายปอด”
โดยัง ถาม
“เพราะตอนนั้นนางหยุดหายใจแล้ว” ฮวางจอง กล่าว
“หยุดหายใจแล้วงั้นเหรอ?”
“ซ๊อก ซ๊อกรันลูกของข้า”
“ทำได้ดีมาก คุณเป็นคนช่วยชีวิตเธอเอาไว้” หมออัลเลน ชม
“ต้องขอบใจมากนะ เป็นเพราะได้เจ้าช่วยไว้” ยู กล่าว
“แต่ว่าคุณหนู คงจะเสียเลือดไปมาก จนน้ำในสระแดงฉานไปหมดเลย”
“ซ๊อกรันเป็นคนที่เข้มแข็งมาก น่าจะไม่เป็นไร คุณเองก็รีบไปเปลี่ยนชุดเถอะ” หมออัลเลน กล่าว
“ข้ายังไม่ไป ข้าจะรออยู่ที่นี่” ฮวางจอง กล่าว
หมอฮอร์ตั้น ออกมาจากห้องพยาบาล ทุกคนรีบรุมเข้าไปถามอาการของซ๊อกรัน
“แฮ่ก ๆ ๆ เรียบร้อยดีรึเปล่าครับคุณหมอ?” ฮวางจอง ถาม
“ปลอดภัยดีใช่มั้ย?” โดยัง ถาม
“แต่ตอนนี้...ร่างกายเธอเสียเลือดมากจนเกินไป”
“จับไม่เจอชีพจร” หมออัลเลน กล่าว
“ซ๊อก ซ๊อกรัน ๆ” ยู เรียกลูกสาว
“ชีพจรของเธอ เต้นอ่อนมาก”
“อยู่ที่พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว” หมออัลเลน กล่าว
“ได้ยังไงกัน ทำอะไรหน่อยเถอะ ซ๊อกรันลูกพ่อ ไม่ได้นะ ช่วยซ๊อกรันลูกข้าด้วย”
“เราต้องให้เลือดกับนาง” โดยัง กล่าว
“ทำอย่างนั้นไม่ได้” หมออัลเลนไม่เห็นด้วย
“คุณชายโดยัง หมายความว่ายังไง ให้ใส่เลือดเข้าไปในตัวลูกสาวข้าน่ะเหรอ?”
“ใช่” โดยัง กล่าว
“วิธีนี้อาจเป็นอันตรายกับซ๊อกรัน” หมออัลเลน กล่าว
“ไม่มีอะไรอันตรายไปกว่าตอนนี้แล้ว” โดยัง กล่าวเสียงแข็ง
“ถ้าให้เลือดแล้วสามารถช่วยนางได้ งั้นก็เอาเลือดข้าให้เลย บอกมาต้องทำไงบ้าง?”
“ทำไม่ได้นะ นักศึกษายูนก็เกือบตายเพราะถูกให้เลือด” ฮวางจอง กล่าว
“เอ่อ หมายความว่ายังไง”
“นั่นเพราะว่า ตอนนั้นข้ายังไม่เข้าใจเรื่องเลือดมากพอ แต่ถ้าจะให้เลือดตอนนี้ มันต้องสำเร็จแน่” โดยัง กล่าว
“ทำอย่างนั้นไม่ได้” ฮวางจองตวาด
“ถ้าขืนไม่ทำซ๊อกรันจะต้องตาย” โดยังตวาดกลับ
“มิสเตอร์เบ๊ก จะทำอย่างนั้นไม่ได้ ลองรออีกพักนึง”
“ท่าน ผอ.ท่านนี่โกหกไม่เก่งซะเลยนะ ท่านรู้ทั้งรู้ว่าตอนนี้ซ๊อกรันอยู่ในอันตรายขนาดไหน?” โดยัง ตวาด
“ถึงจะอันตราย แต่ก็ยังมีความหวัง”
“ความหวัง? นักศึกษาฮวาง เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ นางยังมีหวังมั้ย?”
“คุณหนูอยู่ในอันตรายมาก” ฮวางจอง กล่าว
“แต่ถ้าเราให้เลือด ซ๊อกรันอาจจะตายก็ได้” หมออัลเลน กล่าว
“แต่ถ้าหาก เราหาเลือดที่เข้ากับเธอได้ นางจะมีโอกาสรอด เจอุ๊กรับเลือดข้าแล้วเกิดป่วย แต่ข้าที่รับเลือดของเจอุ๊กกลับไม่เป็นไร” โดยัง กล่าว
“จะฝากความหวังไว้กับโอกาสที่มีอยู่ครึ่งเดียวเหรอ”
“ไม่ใช่แค่ครึ่งเดียว โอกาสที่นางจะรอดอาจมากกว่าครึ่ง” โดยัง กล่าว
“คุณมีเหตุผลอะไรที่ทำให้มั่นใจถึงขนาดนั้น” หมออัลเลน ถาม
“ข้าจะอธิบายให้ท่านฟังทีหลัง แต่ตอนนี้ต้องเอาเลือดของซ๊อกรัน มาทดสอบกับเลือดคนอื่นก่อน”
“ไม่ได้นะ ผมคงจะยอมไม่ได้”
“ท่าน ผอ. อย่าว่าแต่ครึ่งนึงเลย ต่อให้มีโอกาสแค่เสี้ยวเดียว ขอแค่ช่วยลูกข้าได้ ก็ขอให้ทุกคน ได้ทดลองกันดูสักครั้งเถอะ” ยู กล่าว
“นักศึกษาฮวาง คุณเคยเห็นผลข้างเคียงที่นักศึกษายูนเจอแล้วนี่ อธิบายให้พวกเค้าฟังที” หมออัลเลน กล่าว
“ข้าเห็นด้วยกับการทดสอบของนักศึกษาเบ๊ก ที่เค้าบอกว่ามีเลือดที่เข้ากันได้กับที่...เข้ากันไม่ได้ จะทำยังไง เราไม่มีเวลาแล้ว ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้คุณหนู อาจจะเป็นอะไรไป...ถ้าให้เลือดแล้ว คุณหนูจะรอดมากกว่า โอกาสจะสำเร็จมีมากกว่าใช่มั้ย ใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นข้าก็เห็นด้วย”
“โน ทำไม่ได้”
“ท่าน ผอ. ถ้าอย่างนั้นให้คนเป็นพ่อตัดสินใจเถอะ ต้องทำยังไงบ้าง หาเลือดที่เข้ากันใช่มั้ย?” ยู กล่าว
“พวกท่านเป็นพ่อลูกกัน น่าจะเข้ากันได้”
“เลือด...มันแข็งตัวหมดแล้ว” ฮวางจอง กล่าว
“เอ่อ งั้นข้าก็ให้เลือดไม่ได้น่ะสิ” ยู กล่าว
“ถ้าให้ซ๊อกรันจะต้องตายทันที”
“ถ้างั้นลองใช้เลือดของข้าดู” โดยัง กล่าว
“เลือดเริ่มแข็งตัวอีกแล้ว”
“ถ้างั้นลองใช้เลือดของเจ้าดู” โดยัง กล่าว
“เลือด เลือดของข้าเหรอ” ฮวางจอง ถาม
“ทำไม มีปัญหาอะไรเหรอ” โดยัง ถาม
“เลือด เลือดคุณหนูซ๊อกรัน เข้ากับเลือดของข้าได้” ฮวางจอง กล่าว
“บัณฑิตฮวาง”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันไม่ใช่ง่าย ๆ แค่นี้ เราจำเป็นต้องใช้เลือดจำนวนมาก ถ้าอย่างนั้นเลือดจะแข็งตัวซะก่อน” หมออัลเลน กล่าว
“เราต้องทำให้เลือดไม่แข็งตัว ต่อสายให้เลือดจากอีกคนถึงอีกคนโดยตรง” โดยัง กล่าว
“ทำไม่ได้ เวลาดูดเลือดจะต้องดูดมาจากหลอดเลือดดำ การให้เลือดก็ต้องให้เข้าเส้นเลือดดำด้วย แต่ความจริง หลอดเลือดดำมีความดันต่ำมาก เลือดจะไม่วิ่งเข้าสู่เส้นเลือดดำง่าย ๆ” หมออัลเลน กล่าว
“ข้าพอจะมีวิธี ถ้าปัญหาอยู่ที่ความดัน เราก็เพิ่มความดันให้กับเลือดสิ ถ้าเราให้เลือดตรงจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำก็น่าจะได้นี่ครับ” ฮวางจอง กล่าว
ฮวางจอง เตรียมที่จะให้เลือดกับซ๊อกรัน
“เราคำนวณปริมาณเลือดที่จะถ่ายให้ซ๊อกรันไม่ได้ นักศึกษาฮวางอาจอันตรายถึงชีวิต” หมออัลเลน กล่าว
“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นอะไรหรอกครับ” ฮวางจอง กล่าว
“เจ้าเตรียมพร้อมรึยัง?” โดยังถาม
“พร้อม”
“ถ้าเวียนหัวหรือทนไม่ไหว รีบบอกข้านะ” โดยัง กล่าว
“ได้”
“นี่เจ้าจะทำอะไร?” โดยัง ถาม
“ละ เลือดของข้า จะช่วยคุณหนูได้จริง ๆ เหรอ” ฮวางจอง กล่าว
“ถ้าไม่ลองก็ไม่มีใครบอกได้หรอก” โดยัง กล่าว
“เลือดของข้า ๆ” ฮวางจอง ร้อง
“เจ้าไม่อยากให้รึเปล่า?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“ปล่อยคีมออกได้ หนีบไว้ ปล่อยคีมออกได้ เลือดไหลเข้าไปได้ปกติ” โดยัง กล่าว
หลังจากให้เลือดไปได้สักพัก ซ๊อกรันใบหน้าเริ่มมีเลือดขึ้นมาแล้วไอ หมออัลเลนสั่งให้หยุดให้เลือด
“เอ่อ เป็นอะไร นางเป็นอะไร” ยู ถาม
“ตอนนี้ข้ายังไม่รู้”
“นักศึกษาฮวาง ๆ ๆ ทำไมคุณถึงไม่บอก คุณให้เลือดเยอะเกินไปแล้วนะ” หมออัลเลน ตะโกน
“คุณหนู คุณหนูเป็นยังไงบ้างครับ?” ฮวางจอง ถาม
“คุณหนู” ฮวางจอง กล่าว
หมออัลเลนฝากให้ชักแท เฝ้าฮวางจอง
“ที่นี่โลกมนุษย์หรือว่านรกล่ะ?” ฮวางจอง ถามเมื่อฟื้นขึ้น
“คุณหนูล่ะ คุณหนูซ๊อกรันล่ะ?”
“ไม่ใช่”
“เจ้าต้องกินแกงจืดสาหร่ายอย่างน้อยเจ็ดวันเพื่อบำรุงร่างกายเจ้านะ”
“ข้ากลัวว่าเลือดที่ข้าให้คุณหนูไป จะทำให้คุณหนูเป็นอะไรไป” ฮวางจอง กล่าว
“ก็ไหนเจ้าบอก ว่าเลือดของเจ้ากับข้าเหมือนเลือดของคนอื่นไงล่ะ”
“ข้าไม่รู้ แต่ข้ากลัว ชักแท ข้ากลัวมาก ข้ากลัวว่าคุณหนูจะเป็นอะไรไปเพราะข้า”
“ความจริงเรื่องอะไรเหรอ?” โดยัง แสร้งถาม
“ผมไม่เคยทำเลย”
“ก็แค่เคยทดลองเอาเลือดของนักเรียนแพทย์ ในเจจุงวอนมาทดสอบ”
“อย่าคิดจะปิดบังผมเลยน่า”
“นักศึกษาเบ๊ก”
“ท่านเลิกถามเซ้าซี้ซักทีจะได้มั้ย? เพราะการทำแบบนี้ มันแสดงว่าเป็นอย่างที่ข้าบอก”
ฮวางจอง มาเยี่ยมซ๊อกรัน คิดว่านางหลับจึงสารภาพเรื่องของตนโดยที่ซ๊อกรันได้ยินทั้งหมด
“อ้อ นี่บัณฑิตฮวาง เจ้าแข็งแรงขึ้นแล้ว เหรอ” ยู เข้ามาถาม
“ครับ ขอแค่คุณหนูสามารถฟื้นขึ้นมาเร็ว ๆ ก็พอครับ”
“นางต้องฟื้นแน่นอน ท่านอุตส่าห์สละเลือดที่มีค่าให้นางทั้งที”
“ครับ”
“ฮ่า ๆ ๆ งานนี้หมออัลเลนคงจะอึ้งไปเลยล่ะสิ นึกไม่ถึงว่าเค้าจะมีด้านนี้อยู่ด้วย แต่ที่จริงคุณก็ไม่ต้องกังวลใจไปหรอก เพราะว่าหมออัลเลนน่าจะนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ไม่นานนักหรอก” วาตานาเบ้ กล่าว
“คุณชายโดยัง หมายความว่ายังไง ให้ใส่เลือดเข้าไปในตัวลูกสาวข้าน่ะเหรอ?”
“ใช่” โดยัง กล่าว
“วิธีนี้อาจเป็นอันตรายกับซ๊อกรัน” หมออัลเลน กล่าว
“ไม่มีอะไรอันตรายไปกว่าตอนนี้แล้ว” โดยัง กล่าวเสียงแข็ง
“ถ้าให้เลือดแล้วสามารถช่วยนางได้ งั้นก็เอาเลือดข้าให้เลย บอกมาต้องทำไงบ้าง?”
“ทำไม่ได้นะ นักศึกษายูนก็เกือบตายเพราะถูกให้เลือด” ฮวางจอง กล่าว
“เอ่อ หมายความว่ายังไง”
“นั่นเพราะว่า ตอนนั้นข้ายังไม่เข้าใจเรื่องเลือดมากพอ แต่ถ้าจะให้เลือดตอนนี้ มันต้องสำเร็จแน่” โดยัง กล่าว
“ทำอย่างนั้นไม่ได้” ฮวางจองตวาด
“ถ้าขืนไม่ทำซ๊อกรันจะต้องตาย” โดยังตวาดกลับ
“มิสเตอร์เบ๊ก จะทำอย่างนั้นไม่ได้ ลองรออีกพักนึง”
“ท่าน ผอ.ท่านนี่โกหกไม่เก่งซะเลยนะ ท่านรู้ทั้งรู้ว่าตอนนี้ซ๊อกรันอยู่ในอันตรายขนาดไหน?” โดยัง ตวาด
“ถึงจะอันตราย แต่ก็ยังมีความหวัง”
“ความหวัง? นักศึกษาฮวาง เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ นางยังมีหวังมั้ย?”
“คุณหนูอยู่ในอันตรายมาก” ฮวางจอง กล่าว
“แต่ถ้าเราให้เลือด ซ๊อกรันอาจจะตายก็ได้” หมออัลเลน กล่าว
“แต่ถ้าหาก เราหาเลือดที่เข้ากับเธอได้ นางจะมีโอกาสรอด เจอุ๊กรับเลือดข้าแล้วเกิดป่วย แต่ข้าที่รับเลือดของเจอุ๊กกลับไม่เป็นไร” โดยัง กล่าว
“จะฝากความหวังไว้กับโอกาสที่มีอยู่ครึ่งเดียวเหรอ”
“ไม่ใช่แค่ครึ่งเดียว โอกาสที่นางจะรอดอาจมากกว่าครึ่ง” โดยัง กล่าว
“คุณมีเหตุผลอะไรที่ทำให้มั่นใจถึงขนาดนั้น” หมออัลเลน ถาม
“ข้าจะอธิบายให้ท่านฟังทีหลัง แต่ตอนนี้ต้องเอาเลือดของซ๊อกรัน มาทดสอบกับเลือดคนอื่นก่อน”
“ไม่ได้นะ ผมคงจะยอมไม่ได้”
“ท่าน ผอ. อย่าว่าแต่ครึ่งนึงเลย ต่อให้มีโอกาสแค่เสี้ยวเดียว ขอแค่ช่วยลูกข้าได้ ก็ขอให้ทุกคน ได้ทดลองกันดูสักครั้งเถอะ” ยู กล่าว
“นักศึกษาฮวาง คุณเคยเห็นผลข้างเคียงที่นักศึกษายูนเจอแล้วนี่ อธิบายให้พวกเค้าฟังที” หมออัลเลน กล่าว
“ข้าเห็นด้วยกับการทดสอบของนักศึกษาเบ๊ก ที่เค้าบอกว่ามีเลือดที่เข้ากันได้กับที่...เข้ากันไม่ได้ จะทำยังไง เราไม่มีเวลาแล้ว ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้คุณหนู อาจจะเป็นอะไรไป...ถ้าให้เลือดแล้ว คุณหนูจะรอดมากกว่า โอกาสจะสำเร็จมีมากกว่าใช่มั้ย ใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นข้าก็เห็นด้วย”
“โน ทำไม่ได้”
“ท่าน ผอ. ถ้าอย่างนั้นให้คนเป็นพ่อตัดสินใจเถอะ ต้องทำยังไงบ้าง หาเลือดที่เข้ากันใช่มั้ย?” ยู กล่าว
“พวกท่านเป็นพ่อลูกกัน น่าจะเข้ากันได้”
“เลือด...มันแข็งตัวหมดแล้ว” ฮวางจอง กล่าว
“เอ่อ งั้นข้าก็ให้เลือดไม่ได้น่ะสิ” ยู กล่าว
“ถ้าให้ซ๊อกรันจะต้องตายทันที”
“ถ้างั้นลองใช้เลือดของข้าดู” โดยัง กล่าว
“เลือดเริ่มแข็งตัวอีกแล้ว”
“ถ้างั้นลองใช้เลือดของเจ้าดู” โดยัง กล่าว
“เลือด เลือดของข้าเหรอ” ฮวางจอง ถาม
“ทำไม มีปัญหาอะไรเหรอ” โดยัง ถาม
“เลือด เลือดคุณหนูซ๊อกรัน เข้ากับเลือดของข้าได้” ฮวางจอง กล่าว
“บัณฑิตฮวาง”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันไม่ใช่ง่าย ๆ แค่นี้ เราจำเป็นต้องใช้เลือดจำนวนมาก ถ้าอย่างนั้นเลือดจะแข็งตัวซะก่อน” หมออัลเลน กล่าว
“เราต้องทำให้เลือดไม่แข็งตัว ต่อสายให้เลือดจากอีกคนถึงอีกคนโดยตรง” โดยัง กล่าว
“ทำไม่ได้ เวลาดูดเลือดจะต้องดูดมาจากหลอดเลือดดำ การให้เลือดก็ต้องให้เข้าเส้นเลือดดำด้วย แต่ความจริง หลอดเลือดดำมีความดันต่ำมาก เลือดจะไม่วิ่งเข้าสู่เส้นเลือดดำง่าย ๆ” หมออัลเลน กล่าว
“ข้าพอจะมีวิธี ถ้าปัญหาอยู่ที่ความดัน เราก็เพิ่มความดันให้กับเลือดสิ ถ้าเราให้เลือดตรงจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำก็น่าจะได้นี่ครับ” ฮวางจอง กล่าว
“เราคำนวณปริมาณเลือดที่จะถ่ายให้ซ๊อกรันไม่ได้ นักศึกษาฮวางอาจอันตรายถึงชีวิต” หมออัลเลน กล่าว
“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นอะไรหรอกครับ” ฮวางจอง กล่าว
“เจ้าเตรียมพร้อมรึยัง?” โดยังถาม
“พร้อม”
“ถ้าเวียนหัวหรือทนไม่ไหว รีบบอกข้านะ” โดยัง กล่าว
“ได้”
“ละ เลือดของข้า จะช่วยคุณหนูได้จริง ๆ เหรอ” ฮวางจอง กล่าว
“ถ้าไม่ลองก็ไม่มีใครบอกได้หรอก” โดยัง กล่าว
“เลือดของข้า ๆ” ฮวางจอง ร้อง
“เจ้าไม่อยากให้รึเปล่า?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“ปล่อยคีมออกได้ หนีบไว้ ปล่อยคีมออกได้ เลือดไหลเข้าไปได้ปกติ” โดยัง กล่าว
หลังจากให้เลือดไปได้สักพัก ซ๊อกรันใบหน้าเริ่มมีเลือดขึ้นมาแล้วไอ หมออัลเลนสั่งให้หยุดให้เลือด
“เอ่อ เป็นอะไร นางเป็นอะไร” ยู ถาม
“ตอนนี้ข้ายังไม่รู้”
“นักศึกษาฮวาง ๆ ๆ ทำไมคุณถึงไม่บอก คุณให้เลือดเยอะเกินไปแล้วนะ” หมออัลเลน ตะโกน
“คุณหนู คุณหนูเป็นยังไงบ้างครับ?” ฮวางจอง ถาม
“โธ่เจ้าโง่เอ๊ย ข้าบอกแล้วไงว่าถ้าไม่ไหวให้บอกข้า เจ้าทำให้ซ๊อกรันมีอันตรายอีกครั้งแล้ว” โดยัง กล่าว
“คุณหนู” ฮวางจอง กล่าว
หมออัลเลนฝากให้ชักแท เฝ้าฮวางจอง
“ที่นี่โลกมนุษย์หรือว่านรกล่ะ?” ฮวางจอง ถามเมื่อฟื้นขึ้น
“อยู่ในห้องเจ้า เฮ ๆ ๆ เจ้ายังลุกไม่ได้ เจ้าเพิ่งเสียเลือดมากเจ้าจะรู้สึกเวียนหัวไปอีกพักสัก ต้องพักผ่อนให้มากถึงจะหาย”
“คุณหนูล่ะ คุณหนูซ๊อกรันล่ะ?”
“ตอนนี้คุณหนูยังไม่ฟื้นเลย แต่นังนังรับปากว่าถ้านางฟื้นจะรีบมาบอกเราทันที เอา ละ ๆ ๆ อย่าเพิ่งคิดอะไร กินอะไรสักหน่อย แกงจืดสาหร่าย เค้าบอกว่าถ้าเจ้ากินนี่ แล้วจะช่วยบำรุงเลือดดี เค้าเลยให้ผู้หญิงคลอดลูกกินแกงจืดสาหร่ายไงล่ะ มา ๆ กินเร็ว มา ๆ ๆ อืม อะไร กินไม่ลงเหรอ” ชักแท กล่าว
“ไม่ใช่”
“เจ้าต้องกินแกงจืดสาหร่ายอย่างน้อยเจ็ดวันเพื่อบำรุงร่างกายเจ้านะ”
“ข้ากลัวว่าเลือดที่ข้าให้คุณหนูไป จะทำให้คุณหนูเป็นอะไรไป” ฮวางจอง กล่าว
“ก็ไหนเจ้าบอก ว่าเลือดของเจ้ากับข้าเหมือนเลือดของคนอื่นไงล่ะ”
“ข้าไม่รู้ แต่ข้ากลัว ชักแท ข้ากลัวมาก ข้ากลัวว่าคุณหนูจะเป็นอะไรไปเพราะข้า”
หมออัลเลนมาหาโดยังถามหาความจริงเรื่องเลือดหลังจากยอมให้โดยังทำการให้เลือดตามที่ต้องการแล้ว
“ความจริงเรื่องอะไรเหรอ?” โดยัง แสร้งถาม
“วิธีการที่คุณให้เลือดกับนักศึกษายูน กับตอนที่ให้เลือดซ๊อกรันแตกต่างกัน คุณเคยทดลองให้เลือดกับคนอื่นโดยไม่บอกผมมากี่ครั้งแล้ว”
“ผมไม่เคยทำเลย”
“ผมไม่เชื่อคุณหรอก ตอนที่คุณทำ คุณดูเหมือนมีความเชื่อมั่นมาก คุณบอกว่าโอกาสทำสำเร็จมีมากกว่าครึ่ง ไม่ว่าที่คุณพูดมา จะจริงหรือโกหก ถ้าไม่เคยทดลอง ไม่เคยทำมาหลายครั้ง คุณจะเชื่อมั่นอย่างนั้นเหรอ?”
“ก็แค่เคยทดลองเอาเลือดของนักเรียนแพทย์ ในเจจุงวอนมาทดสอบ”
“อย่าคิดจะปิดบังผมเลยน่า”
“ข้าสาบานกับคุณได้ว่าเปล่า แต่ว่าจะคาดคั้นไปเพื่ออะไร การให้เลือดก็ช่วยให้ซ๊อกรันรอดได้นี่นา แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอ ที่จะพิสูจน์ทุกอย่างได้แล้วนี่”
“คุณสนใจแต่ผลเท่านั้น งั้นหมายความว่า ขอแค่ผลออกมาดี ขั้นตอนจะเป็นยังไงก็ไม่ต้องสนใจ อย่างนั้นใช่มั้ย? ผมเคยบอกคุณแล้วว่าห้ามทดลองให้เลือดใครเด็ดขาด”
“บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำ หรือว่า ท่านรู้สึกว่าเรื่องที่ท่านยังไม่กล้าทำ แต่ข้ากลับทำได้ท่านก็เลยรู้สึกเสียหน้า หรือเพราะว่า นักศึกษาแพทย์โชซอนคนนึง ค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในวงการแพทย์ ท่านเลยไม่อยากจะยอมรับ”
“นักศึกษาเบ๊ก”
“ท่านเลิกถามเซ้าซี้ซักทีจะได้มั้ย? เพราะการทำแบบนี้ มันแสดงว่าเป็นอย่างที่ข้าบอก”
ฮวางจอง มาเยี่ยมซ๊อกรัน คิดว่านางหลับจึงสารภาพเรื่องของตนโดยที่ซ๊อกรันได้ยินทั้งหมด
“คุณหนู มือของท่านเย็นมาก ท่านจะตื่นมาใช่มั้ย หนังสือที่ท่านเคยให้ข้ายืม ข้ายังอ่านไม่เข้าใจอีกตั้งเยอะแน่ะ ขี้ผึ้งกำมะถันที่ท่านทำให้ ตอนนี้ก็ไม่เหลือแล้วด้วย คุณหนูต้องหายดีให้ได้ ฟื้นขึ้นมาดูแลคนไข้ที่เจจุงวอนต่อ ถ้าคุณหนูจากไปแบบนี้ ทุกคนคงจะเสียใจมาก โดยเฉพาะตัวข้า เพราะพระคุณของท่าน ถ้าไม่ได้คุณหนูช่วยไว้ คนอย่างข้าจะ...มีโอกาสได้เป็นนักเรียนแพทย์ได้ไง เพราะว่ามีคุณหนู คนฆ่าสัตว์...ที่ชื่อโซกึนแกคนนี้...ถึงได้กลายมาเป็นนักเรียนแพทย์ได้ แต่ว่าคุณหนู ฮือ...ต้องมามีอันตรายเพราะข้าทุกที รีบฟื้นขึ้นมาเถอะ ข้ากลัวเหลือเกิน กลัวว่าเลือดชั้นต่ำของข้าจะทำให้คุณหนู...ทำให้คุณหนูต้องแปดเปื้อน กลัวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ได้แต่เป็นห่วงกังวล ได้โปรดฟื้นขึ้นมาด้วยเถอะ”
“อ้อ นี่บัณฑิตฮวาง เจ้าแข็งแรงขึ้นแล้ว เหรอ” ยู เข้ามาถาม
“ครับ ขอแค่คุณหนูสามารถฟื้นขึ้นมาเร็ว ๆ ก็พอครับ”
“นางต้องฟื้นแน่นอน ท่านอุตส่าห์สละเลือดที่มีค่าให้นางทั้งที”
“ไม่ใช่หรอกครับใต้เท้า เลือดของข้าไม่มีค่าอะไร ข้ากลัวว่านางจะได้รับผลข้างเคียงจากการให้เลือดน่ะ”
“คิดว่าคงไม่หรอก ได้ยินคุณชายเบ๊กบอกว่า ถ้ามีผลข้างเคียงป่านนี้ก็ต้องแสดงอาการออกมาแล้ว แต่จนป่านนี้ยังไม่มีอาการอะไร ข้าเลยคิดว่าการให้เลือดคงไม่มีปัญหา”
“ครับ”
ซ๊อกรันตัดสินใจเก็บเรื่องของฮวางจองไว้เป็นความลับ วันรุ่งขึ้น ซ๊อกรันตื่นและขอมักเซงดื่มน้ำ นางรีบวิ่งไปบอกยู หมอฮอร์ตั้นจึงเข้ามาตรวจอาการ
“คุณหนู รู้มั้ยคะว่า นักศึกษาฮวางเป็นคนให้เลือดคุณหนู คุณหนูถึงได้รอดมาได้” มักเซง กล่าว
“ขอบคุณมากนะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“ไม่เป็นไรครับ”
เมื่อซ๊อกรันกลับมารักษาตัวที่บ้านก็สอบถามเรื่องโซกึนแก กับบิดา
“มักเซง คราวก่อนที่ข้าเห็นมาตังเกเป็นแผลที่เท้าน่ะ เค้าหายดีรึยัง” ซ๊อกรัน ถาม
“ดูเหมือนยังไม่ค่อยกล้าเหยียบพื้นเต็มเท้า แต่พอถามเค้า เค้าก็บอกว่าหายแล้ว” มักเซง กล่าว
“ถ้าตอนนี้ เค้ามีลูกคอยดูแลอยู่ก็คงจะดีนะ จะได้หายามาให้เค้าทา ลูกชื่อโซกึนแกใช่มั้ย ท่านพ่อคะ ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อโซกึนแกเลยคะ”
“อืม พ่อเองก็ไม่เคยเจอ พวกคนฆ่าสัตว์ จะไม่ค่อยปล่อยลูกหลานออกมานอกหมู่บ้าน แต่พ่อเคยได้ยินว่าเด็กคนนั้นเป็นคนฉลาดมาก”
“ฮึ้ย...จะฉลาดยังไงก็เป็นคนฆ่าสัตว์” ชิลบก กล่าว
“ใครว่าล่ะ เด็กชนชั้นต่ำคนนึง มีความฉลาดจนสามารถเลื่องลือออกมานอกหมู่บ้านคนฆ่าสัตว์ได้ ความฉลาดของเค้าคงไม่ธรรมดาแน่ เมื่อก่อนพ่อเคยรู้จักกับบัณฑิตที่เก่งมากคนนึง เค้าบังเอิญโชคร้ายเป็นโรคปอด ระหว่างที่เข้ามาสอบในเมือง ตอนนั้นพ่อเลยให้เค้าไปพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านมาตังเก”
“ก็เหมือนพวกบัณฑิตที่เข้าเมืองมาแล้วป่วย แล้วไปพักที่สำนักศึกษาใช่มั้ยคะ?”
“ใช่แล้ว จุดประสงค์ก็เพื่อให้พวกเค้าได้กินเนื้อบำรุงร่างกายมาก ๆ แต่เพราะว่าบัณฑิตคนนี้พออยู่เฉยก็รู้สึกเบื่อ ก็เลยสอนโซกึนแกให้หัดเขียนอ่าน ได้ยินว่าเด็กคนนั้นเรียนรู้ได้รวดเร็วอย่างประหลาด วันนึง มาตังเกก็เลยมาหาพ่อแล้วปรึกษาพ่อ เค้ามาขอร้องกับพ่อว่า ให้ช่วยพาบัณฑิตคนนั้นกลับไป”
“ทำไมคะ?” ซ๊อกรัน ถาม
“เพราะเด็กน้อยโซกึนแก กลับรวมเด็กในหมู่บ้านมาสอนพวกเค้าเขียนหนังสือ ทำให้เกิดความวุ่นวายกันยกใหญ่ เพราะมีคำเล่าลือกันว่า ถ้าคนฆ่าสัตว์รู้หนังสือก็จะเจอกับโชคร้าย เอาละ ขอบใจพวกเจ้ามาก”
“ท่านพ่อคะ แล้วยังไงต่อ แล้วหลังจากนั้น โซกึนแกเป็นยังไงต่อคะ”
“ทำไมเจ้าถึงได้ดูสนใจเค้านักล่ะ”
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่รู้สึกว่าน่าสนใจดี ก็แค่นั้นน่ะค่ะ”
“สุดท้ายได้ยินมาตังเกบอกกับพ่อว่า ลูกของเค้าทั้งเชี่ยวชาญด้านการฆ่าวัวแถมยังเป็นคนที่เย็บรองเท้าเก่งด้วย”
“เย็บรองเท้า”
“ไปเถอะ ข้างนอกอากาศเย็น เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอานะ”
“แล้วท่านรู้มั้ยว่า เค้าตายเพราะอะไร?”
“ไม่รู้สิ”
“เข้าบ้านกันเถอะค่ะ” มักเซง บอกทั้งสอง
หลังจากอาการของฮวางจองดีขึ้น หมออัลเลนให้เขากลับมาเป็นผู้ช่วยเหมือนเดิม ทำให้โดยังไม่ค่อยพอใจ หลังจากนั้นจึงหาโอกาสเดินทางไปพบวาตานาเบ้
“ฮ่า ๆ ๆ งานนี้หมออัลเลนคงจะอึ้งไปเลยล่ะสิ นึกไม่ถึงว่าเค้าจะมีด้านนี้อยู่ด้วย แต่ที่จริงคุณก็ไม่ต้องกังวลใจไปหรอก เพราะว่าหมออัลเลนน่าจะนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ไม่นานนักหรอก” วาตานาเบ้ กล่าว
“หมายความว่ายังไง”
“หมายความว่า อีกไม่นานหลังจากวันนี้ ตำแหน่ง ผอ.อาจจะต้องเปลี่ยนมือ คิมโทนสายของข้าที่ญี่ปุ่น...ฮะแฮ่ม ดูจากข่าวที่สายของข้าส่งมาจากญี่ปุ่น จะมีคนคนนึง มีชื่อว่าเฮรอน จะมาประจำอยู่ที่เจจุงวอน”
“ชื่อเฮรอนเหรอ?” โดยัง ถาม
“เค้ากำลังเรียนภาษาเกาหลีอยู่ และกำลังจะเดินทางมาที่นี่ อีกไม่นานก็คงจะมาถึงแล้ว พวกคนอเมริกันน่ะ ขนานนามเค้าว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวงการแพทย์มีความสามารถมาก อ้อ และเค้าก็อาจมีแนวความคิดสอดคล้องกับมิสเตอร์เบ๊กก็ได้ ฮะ ๆ ๆ เฮรอนเป็น...หมอที่ชำนาญด้านการผ่าตัดเปิดหน้าท้องน่ะ”
“ผ่าตัดเปิดหน้าท้องเหรอ?”
“ก็คือการผ่าท้องแล้วตัดเอาบางส่วนของอวัยวะที่เป็นต้นเหตุของโรคทิ้ง เค้าถือว่าเป็นเพชรเม็ดงามแห่งวงการแพทย์”
หมออัลเลน เรียกฮวางจองมาบอกเรื่องหมอเฮรอน
“คือหมายความว่ายังไงหรือครับ ท่านเป็นหมอที่ถูกส่งมาให้ประจำที่โชซอนอย่างเป็นทางการไม่ใช่เหรอ”
“ที่จริงแล้วผมถูกส่งให้ไปอยู่ที่ต้าชิง แต่เพราะผมรู้สึกไม่ค่อยถูกกับสิ่งแวดล้อมที่ต้าชิง ผมก็เลยมาโชซอน”
“ถ้างั้น คนที่จะถูกส่งมาเป็นทางการ...” ฮวางจอง ถาม
“หลังจากมีเหตุปฏิวัติโชซอนเกิดวุ่นวายเค้าก็เลยยังไม่มาที่โชซอน คิดว่าเค้าจะมาไม่ได้แล้วแต่ว่าเค้ากำลังจะมา”
“แล้วหากเป็นอย่างนั้น ท่าน ผอ.ก็”
“คุณไม่ต้องเป็นห่วง ต่อให้เค้ามานี่ ผู้อำนวยการของที่นี่ก็ยังเป็นผม เรื่องนี้ผมคิดว่า...จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
“งั้นก็ดีแล้ว ดีแล้วครับท่าน ผอ.” ฮวางจอง กล่าว
“ทำไม ช่วงสองสามวันนี้ ถึงไม่เห็นนักศึกษาเบ๊กเลย”
“เอ่อข้าก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ” ฮวางจอง กล่าว
หมอเฮรอน เดินทางมาถึง โดยังสืบจนรู้ว่าพักอยู่ที่ไหนเขาจึงเดินทางไปหา
“ฮะแฮ่ม ขอโทษครับ”
“นั่นใครครับ” หมอเฮรอนถาม
“พวกข้ามาจากเจจุงวอน นี่หมอเฮรอนใช่มั้ย สวัสดีครับ ผมชื่อเบ๊กโดยัง”
“คุณพูดภาษาเกาหลีกับผมก็ได้ เชิญเข้ามาสิ”
“งั้นเรา ก็รบกวนด้วยครับ”
“ข้ารู้มาจากสถานทูตอเมริกา เพราะท่านทูตอเมริกา ถือว่าเป็นเพื่อนกับข้ามาตั้งหลายปีแล้ว ตอนที่ข้าเคยคิดที่จะไปเรียนวิชาแพทย์ที่อเมริกา เค้าก็เป็นคนทำเรื่องวีซ่าให้ ท่านยังแนะนำมหาวิทยาลัยการแพทย์ให้ด้วย”
“ข้าเตรียมเกี้ยวที่จะส่งท่านไปเจจุงวอนเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เช้าพวกข้าจะมารับท่าน พบกันพรุ่งนี้นะครับ”
“อืม ตอนนี้คุณไม่เป็นไรแล้วล่ะ หายเป็นปกติดี” หมอเฮรอน กล่าว
“ขอบคุณมากครับ หมอดังนี่ไม่ธรรมดาเลย ฮิ ๆ” เจอุ๊กกล่าว
“ถ้าให้เลือดมากกว่านี้ เค้าคงจะตายไปนานแล้ว”
“ครับ ข้ากำลังสำนึกผิดอยู่ครับ” โดยัง กล่าว
“ถึงยังไง ความคิดที่จะช่วยชีวิตคน ด้วยการให้เลือดเป็นความคิดที่ดี อีกอย่างนึง คุณยังเคย ช่วยคนด้วยการให้เลือด ถือว่าเก่งมากเลยทีเดียว”
“ก็เพราะมีคนยอมเสียสละอย่างข้าถึงได้ทำสำเร็จไง” เจอุ๊ก กล่าว
“เป็นเพราะตอนนั้นเหตุการณ์คับขัน ช่วยคนเจ็บได้ก็เป็นความบังเอิญ ถ้าไม่ถึงเวลาจำเป็น ข้าจะไม่ให้เลือดคนไข้ ต่อให้ข้าคิดว่าจะมีโอกาสรอดได้ถึง 75 เปอร์เซ็นต์เลยก็ตามที”
“อย่างนั้นเหรอ?” หมอเฮรอน กล่าว
“ใช่แล้วครับท่าน หลังจากที่ทดสอบผสมเลือดดูแล้วเลือดไม่จับตัวเป็นก้อน หากให้แลกเปลี่ยนกัน อาจจะปลอดภัยทั้งสองคน หรืออาจมีฝ่ายใดฝ่ายนึงที่จะมีผลข้างเคียง”
“หมายความว่า คุณคิดว่าการให้เลือดจะช่วยให้ คนไข้มีชีวิตรอดได้ 75 เปอร์เซ็นต์สินะ เหตุผล คืออะไรล่ะ”
“เรื่องนี้คงต้องศึกษาขึ้นไปอีกขั้น เท่าที่วิเคราะห์ อาจจะมีกลุ่มเลือดที่ให้คนอื่นได้แต่รับจากคนอื่นไม่ได้” โดยัง กล่าว
“ยิ่งฟังยิ่งน่าสนใจ ถ้างั้น คุณยังคิดจะทดลองเรื่องเลือดต่อไปรึเปล่า”
“เพราะพอข้าเห็นเพื่อนได้รับผลข้างเคียงแบบนั้น ข้าก็ไม่ได้ทำการทดลองอีก เพราะการทดลองนี้มีผลต่อชีวิตของคน ข้าเลยคิดว่าไม่ควรทดลองทำแบบนั้นเพียงเพราะความอยากรู้”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ควรทำไง” หมอเฮรอนถาม
“ข้าอยากวิจัยต่อก็ต่อเมื่อ เทคนิคทางการแพทย์และอุปกรณ์พัฒนามากขึ้นกว่านี้ และถ้าเป็นไปได้ ถ้าอนาคตสามารถค้นพบวิธีที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัวได้ก็ดี แบบนี้แต่ละครั้งที่คนไข้ต้องการเลือดเราก็ไม่ต้องตามหาคนที่มีเลือดเข้ากันได้มานอนให้เลือดพร้อมกัน เราต้องค้นหาความลับในเลือดให้ได้”
“ผมเพิ่งรู้ว่ามีคนเก่งอย่างนี้ในโชซอนด้วย” หมอเฮรอน กล่าว
“ขอบคุณที่ช่วยตรวจให้เพื่อนข้า ถ้างั้นพวกข้า คงต้องขอตัวกลับก่อน”
“ทำไมล่ะ เพิ่งจะเริ่มคุ้นเคยกันเอง” เจอุ๊ก กล่าว
“พบกันที่เจจุงวอน ข้าจะต้อนรับท่านอย่างเป็นทางการ ขอตัวก่อน” โดยัง กล่าว
เมื่อซ๊อกรันหายเป็นปกติ ยูจึงชวนโดยัง และฮวางจอง มาเลี้ยงข้าวที่บ้าน ยูกล่าวขอบคุณฮวางจองที่ยอมสละเลือดให้ลูกสาว ฮวางจองบอกว่าคงเป็นความบังเอญที่เลือดตนเข้ากับซ๊อกรันได้และอยู่ในเหตุการณ์ด้วยพอดี แม่ซ๊อกรันเห็นความถ่อมตนของฮวางจอง จึงอยากให้ของเพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนจะกลับ จึงให้ตามไปที่โกดัง
“เอ่อ ไม่ต้องให้ของพวกนี้กับข้าหรอก” ฮวางจอง กล่าว
“ไม่เป็นไร ถ้าต้องการหนังสือหรือของอะไร ก็บอกได้เต็มที่ แต่ว่าครอบครัวเจ้าอยู่ที่ไหนเหรอ?”
“แหม...เรื่องอย่างนี้พ่อแม่ทุกคนก็ต้องถามกันทั้งนั้นนี่นา แต่เพราะเมื่อกี้อยู่ต่อหน้าคุณชายโดยัง ข้าก็เลยไม่สะดวกจะพูด เข้าใจใช่มั้ย ในเมื่อมาถึงขั้นนี้
“ไม่เห็นจะต่างกันเลย คนต่างหากที่มองต่าง ถ้ารู้จักทำในสิ่งดี ก็ชื่อว่าเป็นคนสูงส่ง แต่ถ้าตนเองใฝ่ต่ำ ก็จะกลายเป็นคนชั้นต่ำ คนทุกคน เท่าเทียมกันหมด”
“โลกของความเป็นจริงมันไม่ใช่นี่”
“โลกเปลี่ยนอยู่ตลอด ดูอย่างตัวคุณก็ได้ ตอนนี้คุณมีโอกาสได้มาทำงานที่นี่ ถ้าเป็นหลายปีก่อน ก็คงไม่กล้าแม้แต่จะฝัน” หมอฮอร์ตั้น กล่าว
“ถ้าเป็น...คนฆ่าสัตว์ที่มีจิตใจดีล่ะคะ เค้าก็เป็นคนที่สูงส่งได้ใช่มั้ย?” ซ๊อกรัน ถาม
“แน่นอนค่ะ วันเวลาอย่างนั้นต้องมาถึง ที่ประเทศของฉันก็มีการเลิกทาสมาตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อนแล้ว ถ้าทุกคนยังคิดแต่ว่าคนไม่มีความเท่าเทียมกันละก็ การเลิกทาสก็จะไม่เกิดขึ้น ในอนาคต สังคมแบบนั้นก็จะเกิดขึ้นในโชซอน..แน่นอน”
ซ๊อกรัน มาหามาตังเก นำยามาให้จากนั้นก็สอบถามหาโซกึนแก
“เอ่อ คือชีวิตเค้าลำบากมามาก เพื่อหาเงินรักษาแม่ สุดท้ายเค้าจึงยอมที่จะไปฆ่าสัตว์อย่างผิดกฎหมาย และระหว่างที่เค้าหลบหนีจากทางการ ได้ยินว่าเค้าถูกปืนยิงจนตาย”
วันรุ่งขึ้นหมอเฮรอนเดินทางมาที่เจจุงวอน หลังทักทายกับหมออัลเลนแล้ว ก็เดินเข้ามาดูในโรงพยาบาล
“นักศึกษาใช่มั้ย นักศึกษา การให้นักศึกษารักษา คุณเป็นหมอก็ควรจะดูอยู่ข้าง ๆ แต่ทำไมถึงได้ปล่อยคนไข้ไว้กับนักศึกษาแพทย์ รายงานเกี่ยวกับเจจุงวอนผมอ่านหมดแล้ว สำหรับผลงานในหนึ่งปี ถือได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว แต่โรงพยาบาลจะไม่มีหลักการคงไม่ได้มั้ง”
“ผมเป็นผู้อำนวยการที่นี่ ขอให้คุณจำไว้ว่า เจจุงวอนก่อตั้งขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของผมและผู้ช่วยของผมทุกคน”
“ถูกต้องแล้วครับ ถ้าไม่มีผู้อำนวยการอัลเลนอยู่นี่ เจจุงวอนก็คงอยู่มาไม่ได้ถึงวันนี้”
“แต่ถ้าทำตามหลักการแต่แรก ตอนนี้ทุกอย่างก็อาจจะดียิ่งกว่านี้ได้ เพราะอย่างน้อย ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ที่คนไม่ใช่หมอมารักษาคนไข้อย่างนี้”
มองชงเกิดปวดท้องกะทันหัน หมออัลเลนทำการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นการอักเสบที่ผนังของลำไส้ใหญ่ จึงให้หยุดอาหาร แล้วกินยา เดี๋ยวก็หาย แต่หมอเฮรอนตรวจดูจึงคิดว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบจะต้องผ่าท้องเพื่อตัดเอาไส้ติ่งออกมา หมออัลเลนบอกให้หมอเฮรอนกลับไป หลังจากนั้นไม่นานมองชงเกิดปวดท้องอย่างหนักอีก หมออัลเลนจึงตัดสินใจให้ฮวางจองไปตามหมอเฮรอนมารักษา เมื่อหมอเฮรอนมาถึง ก็สั่งให้เตรียมอุปกรณ์ผ่าตัด
เนื้อหา: เดลินิวส์ / ภาพจากละคร (เอสบีเอส)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา