บัณฑิตฮวางจอง มาที่หมู่บ้านคนฆ่าสัตว์ ได้พบกับคุณหนูซ๊อกรัน เขาบอกกับนางว่า ตนเอาขี้ผึ้งมาให้มาตังเก
“ที่นี่เป็นบ้านของมาตังเกเหรอ?” ซ๊อกรัน ถาม
“อ้อใช่ ใช่ครับคุณหนู”
“ตอนที่ตามมาก็ไม่คิดว่าจะไกล แต่เพราะไม่กล้าเดินกลับไปตัวคนเดียว แต่ถึงยังไงท่านนี่ก็เหลือเกินเลย เข้าใจรึเปล่า ที่ท่านเอาใจใส่ดูแลคนป่วยแบบนี้ อาจจะถูกเข้าใจผิดโดยไม่ตั้งใจได้” ซ๊อกรัน กล่าว
“งั้น งั้นหรือครับ”
“ใช่สิ จะมาไกลอย่างนี้ ทำไมท่านถึงไม่เลือกมาตอนเช้าล่ะ”
“เพราะ เพราะว่านึกขึ้นมาได้ ก็เลยมาเลย”
“ก็เห็นมั้ยล่ะ ท่านเล่นหยิบยาออกมา กลางดึกกลางดื่น ทำให้ข้าเกือบเข้าใจผิดแน่ะ”
บัณฑิตฮวางจอง กลับมาที่เจจุงวอนก็ไม่สบายขึ้นมา โก จึงพาไปพบหมออัลเลน
“ช่วงนี้มีเรื่องเครียดอะไรรึเปล่า? คุณเป็นงูสวัด เวลาร่างกายอ่อนแอ หรือกังวลใจมากเกินไป อาการจะกำเริบ ตอนเด็ก ๆ คุณเคยเป็นอีสุกอีใสใช่มั้ยครับ?”
“เอ่อ ครับ”
“หลังจากที่เป็นโรคอีสุกอีใส เชื้อไวรัสตัวต้นเหตุจะฝังตัวในร่างกาย เมื่อไหร่ที่ร่างกายอ่อนแอ เชื้อจะก่อให้เกิดโรคซ้ำขึ้น คุณจะเจ็บปวดมาก”
“ครับ ช่วงนี้แม้แต่เดินก็ยังเจ็บ”
“โอ้ย ไม่จริงมั้ง อีแค่ตุ่มใส ๆ เล็ก ๆ แค่นี้เนี่ยนะ” โก กล่าว
“นั่นน่ะสิคะ” นังนัง กล่าวเสริม
“มันจะเจ็บปวดมาก คนที่ไม่เคยป่วยเป็นโรคนี้ไม่รู้หรอก”
“สงสัยจะจริงแฮะ”
“โรคนี้ไม่มีทางรักษาหายด้วย” หมออัลเลน กล่าว “หมายความว่าเค้าจะต้องตายเหรอคะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พอผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ตุ่มพองก็จะตกสะเก็ดแล้วมันก็จะหายไปเอง แต่ต้องระวังไม่ให้ตุ่มน้ำแตก ก่อนที่แผลจะตกสะเก็ดโดยเด็ดขาด”
“ครับ ข้าเข้าใจแล้วครับ” ฮวางจองกล่าว
“จากนี้ไปคุณต้องพักผ่อนให้มาก ๆ ส่วนงานที่นี่ก็ให้คนอื่นทำแทน”
“ไม่เป็นไรครับ ข้ายังพอทำงานต่อได้”
“แต่นี่เป็นการรักษาที่หมอสั่งกับคนไข้”
“คนไข้ที่มาตรวจรักษาวันนี้มีทั้งหมด 26 คน คนไข้ทั่วไปมี 19 คน ด้านนารีเวช 7 คน นอกจากนั้นก็มีผู้ป่วยพิเศษอีก 1 คน”
“วันนี้นางพยาบาลไม่มากันอีกแล้วเหรอ?” หมออัลเลน ถาม
“เอ่อ ดูเหมือนพวกนางจะไม่สบายค่ะ” มียอง กล่าว
“ถ้าหากมันเป็นเพราะว่า พวกเค้าทำแบบนี้จนกลายเป็นความเคยชิน คงจะต้องหาวิธีจัดการแล้ว ความอดทนของคนย่อมมีขีดจำกัดรู้มั้ย วันนี้นักศึกษาฮวางไม่สบาย ช่วงหลายวันนี้คงมาทำงานไม่ได้ ช่วงนี้ให้นักศึกษาเบ๊กมาเป็นผู้ช่วยแทน”
“เค้าป่วยเป็นอะไรครับ?” โดยัง ถาม
“เค้ามีตุ่มน้ำขึ้นที่ข้างตัว ตอนนี้ก็เลยเคลื่อนไหวไม่ค่อยได้ ตอนเด็ก ๆ เค้าเคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อนน่ะ” โก กล่าว
“ยินดีด้วยนะคะ นักศึกษาเบ๊ก” มียอง กล่าว
“เมื่อคืนเจ้าคงจะฝันดีแน่ ๆ เลย โชคดีแฮะ ฮะ ๆ ๆ” เจอุ๊ก กล่าว
“สงสัยตอนที่ทำวัคซีนฝีดาษคงจะเหนื่อยเกินไป”
“เฮ้อ นักศึกษาเบ๊กก็เหนื่อยมาก ที่นักศึกษาฮวางเหนื่อยทุกคนก็รู้อยู่ คงจะเหนื่อยจริง” ฮัน กล่าว
“นี่พวกเจ้าไปห่วงเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?” เจอุ๊ก กล่าว
ซ๊อกรัน เล่าให้มักเซงฟังเรื่องที่พบฮวางจอง ที่หมู่บ้านของคนฆ่าสัตว์กลางดึก
“คุณหนู นั่นไม่ใช่...ความแปลกธรรมดาแต่แปลกมากที่สุดเลยรู้มั้ยว่าที่นั่นเป็นไง ทำไมถึงต้องไปตอนกลางคืนด้วย”
“เค้าบอกว่าเอาขี้ผึ้งกำมะถันไปให้มาตังเก”
“แล้วทำไมไม่ไปตอนกลางวันล่ะ ถ้าหากไปที่นั่นกลางดึกแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา จะไปหาความรับผิดชอบจากใครได้ ท่านว่าจริงมั้ย?”
“คุยอะไรกันอยู่ฟังดูน่าสนใจเชียวนะครับ เอ่อ นั่นมันอะไรน่ะ” ชักแท เข้ามา
“ลูกอมมิ้นท์น่ะ เจ้าลองกินดูสิ” ซ๊อกรัน กล่าว
“อ้อ ครับ อืม ชุ่ม ชุ่มคอมากเลย”
“นี่ ๆ ๆ เจ้ามาได้พอดีเลย ข้ามีเรื่องอยากถามหน่อย” มักเซง กล่าว
“ครับ”
“ถ้ามีใคร เค้าไปที่หมู่บ้านคนฆ่าสัตว์ตามลำพัง เจ้าว่าเรื่องแบบนี้มันประหลาดมั้ย?”
“มักเซง”
“นั่นน่ะสิ”
“แต่ว่าใครกันเหรอที่ไปที่แบบนั้นน่ะ?”
“ใครกันล่ะ ก็นายท่านฮวางของเจ้าไง” มักเซง กล่าว
“เค้าเอาขี้ผึ้งกำมะถันไปให้มาตังแก เพราะว่าบัณฑิตฮวางเป็นพวกที่ทนเห็นคนไข้เจ็บปวดไม่ได้ต่างหากล่ะ”
“อ๊า...ถูกต้องใช่เลย ไม่งั้นคนอย่างนายท่านของข้า เป็นถึงชนชั้นสูงจะไปหมู่บ้านชนชั้นต่ำอย่างนั้นทำไมกัน เข้าใจผิดแล้วมั้ง”
“นี่ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่ไม่ใช่คนเจ็บเจียนตาย ต้องถึงกับเอาไปให้กลางดึก จะคิดยังไงก็แปลกอยู่ดี เค้าต้องมีอะไรแน่ ๆ อีกอย่างนึง เค้าไปรู้จักบ้านมาตังเกได้ยังไง”
“เอ่อ ๆ ข้าต้องไปก่อนนะ ถึงเวลาต้องไปเปิดประตูใหญ่แล้ว ไปก่อนนะ” ชักแท กล่าว
ชักแท รีบนำเรื่องที่คุณหนูซ๊อกรัน สงสัยมาเล่าให้ฮวางจองฟัง
ชักแท รีบนำเรื่องที่คุณหนูซ๊อกรัน สงสัยมาเล่าให้ฮวางจองฟัง
“เมื่อวานนี้ข้าก็แก้ตัวไปเรื่อยเปื่อย ไม่ว่ายังไงก็ควรบอกความจริงกับคุณหนูซ๊อกรันเอง ก่อนที่นางจะรู้ความจริง”
“เรื่องที่เจ้าถูกสงสัยมันน้อยเหรอ เจ้าปิดปากให้สนิทดีกว่า ข้าก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น” ชักแท กล่าว
“เฮ้อ มันไม่ใช่แค่เรื่องเมื่อวานนี้ เรื่องที่พ่อข้ากับครอบครัวคุณหนูซ๊อกรันรู้จักกันก็ทำให้ข้ากังวลมาก เพราะถ้ามาเจอกันที่เจจุงวอนก็คงจะยุ่งแน่”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ข้าไม่ยอมให้พวกเจ้าได้เจอกันแน่นอน”
“อย่างเช่น เรื่องเมื่อคืนนี้ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่มีใครคิดเหมือนคุณหนูซ๊อกรัน ใครกันล่ะจะไปหมู่บ้านคนฆ่าสัตว์กลางดึกแบบนั้น ถึงสงสัยก็คงไม่แปลกหรอก ข้าคิดมาแล้วทั้งคืน ช้าเร็วความจริงก็ต้องถูกเปิดเผย สู้ข้าไปบอกนางก่อนดีกว่า”
“แล้วเจ้าไปที่นั่นกลางดึกทำไม ใครจะไปรั้งเจ้าได้ แต่ว่าเจ้าควรจะให้เวลาข้าอีกซักหน่อย ข้าต้องบอกคนรอบตัวของข้าก่อน แล้วค่อยวางแผนที่จะไปต้าชิงกัน” ชักแท กล่าว
หญิงชราคนหนึ่งนำไข่ไก่มาขอบคุณฮวางจอง ที่ช่วยให้หลานชายของตนถึงไม่ต้องป่วยเป็นโรคฝีดาษ จากนั้นก็ขอร้องให้ช่วยดูแลหลานชายหากตนเป็นอะไรไป ซ๊อกรันมาเห็นเหตุการณ์จึงบอกให้ฮวางจองรับปาก และตนจะเป็นพยานให้
หญิงชราคนหนึ่งนำไข่ไก่มาขอบคุณฮวางจอง ที่ช่วยให้หลานชายของตนถึงไม่ต้องป่วยเป็นโรคฝีดาษ จากนั้นก็ขอร้องให้ช่วยดูแลหลานชายหากตนเป็นอะไรไป ซ๊อกรันมาเห็นเหตุการณ์จึงบอกให้ฮวางจองรับปาก และตนจะเป็นพยานให้
“ท่านยายครับ วันหน้าข้าจะต้องเป็นหมอที่เก่งให้ได้ ถ้าหลานท่านป่วยข้าจะรักษาสุดความสามารถของข้าเลย”
“โอ๊ย ขอบคุณมากจริง ๆ ขอบคุณมาก แค่นี้ถึงตายข้าก็ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว”
“อย่าพูดอะไรอย่างนั้นสิครับ”
“ไข่ไก่อร่อยรึเปล่า?” ซ๊อกรัน ถาม
“ใช่ครับ สดมาก ๆ เลย คุณหนู ข้ามีเรื่องอยากพูดกับท่าน”
“อะไรเหรอ?”
“เก็บเป็นความลับ ข้าจะเก็บเป็นความลับ ท่านจะได้ไม่ต้องถูกสงสัยโดยไม่จำเป็นยังไงล่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“ครับ”
“อ้อ ข้าบอกมักเซงไปแค่คนเดียว ข้าจะไปบอกให้นางปิดปากซะ ถ้าคราวหน้าต้องการขี้ผึ้งอีก ท่านก็บอกข้าได้นะ เพราะคุณหมอฮอร์ตันตรวจนับอยู่ตลอด”
“ครับ”
“อีกอย่างนึง ถ้าเป็นไปได้ ท่านช่วยเอากระปุกมาคืนด้วยก็ดี เพราะทุกครั้งที่ให้คนไข้ไป พวกเค้าก็ไม่ได้เอามาคืน”
เบ๊กแท และพ่อออกมาหน้าบ้านพบกระปุกขี้ผึ้งวางอยู่ จึงสงสัยว่าใครเอามาวางไว้กลางดึก เบ๊กแท เห็นกระปุกสวยจึงบอกให้รีบทาขี้ผึ้ง ให้หมดแล้วเอากระปุกมาทำแก้วเหล้า
ชักแท มาบอกมียอง ว่าตนจะไปต้าชิงแล้ว เป็นเวลาเดียวกับมีคนไข้เข้ามา หมออัลเลนจึงเรียกนางมาให้ช่วยดูคนไข้
“เค้าเป็นอะไร?”
“เอ่อคือเค้า ถูกหมูป่าวิ่งเข้าชนน่ะครับ สงสัยบนเขาไม่มีอะไรกินเลยลงมาที่หมู่บ้าน พ่อเค้าถูกทำร้ายก่อน พอลูกได้ยินเสียงพ่อร้องก็รีบออกมาดูสุดท้ายเลยถูกทำร้ายไปด้วย”
“หลอดเลือดแดงเค้าฉีกขาด ต้องรีบเย็บแผลก่อน”
“หลอดเลือดแดงเค้าฉีกขาด ต้องรีบเย็บแผลก่อน”
“ช่วยพ่อของข้าก่อน ได้โปรด”
“ดูจากชีพจรกับสีหน้าแล้ว เค้าคงเสียเลือดมากเกินไป” โดยัง กล่าว
“รีบไปตามหมอฮอร์ตันมา” หมออัลเลน สั่ง
“เค้าออกไปตรวจชาวบ้านกับคุณหนูซ๊อกรันแล้วค่ะ” มียอง กล่าว
“ถ้างั้น ไปเรียกนักศึกษาฮวางมา”
“ค่ะ คุณชายเบ๊กก็ทำได้ดีค่ะ” มียอง กล่าว
“เค้ายังไม่ชำนาญพอ เรียกนักศึกษาฮวางมาดีกว่า”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”
“นักศึกษาฮวาง คุณมาพอดี ช่วยเย็บแผลคนไข้คนนี้ที”
“ท่านไปช่วยพ่อข้าก่อนเถอะนะ..ข้ายังทนได้” ชายชาวบ้าน กล่าว
“แต่ตอนนี้หลอดเลือดของคุณขาดแล้ว”
นักศึกษาฮวางเป็นคนมีความสามารถของเจจุงวอน รีบไปเตรียมตัว”
“นักศึกษาฮวาง เจ้าไหวรึเปล่า?”
“ข้าไม่เป็นไร” ฮวางจอง กล่าว
“นักศึกษาฮวาง เจ็บมากรึเปล่า”
“ไม่เป็นไรครับ”
“นักศึกษาฮวาง หยุดแค่นั้นเถอะ ดีไม่ดี คนเจ็บจะอาการแย่ลงไปอีก คุณออกไปก่อน นักศึกษาเบ๊ก คุณช่วยหยุดเลือดให้เค้าก่อน รอให้ผมเย็บเส้นเลือดให้คนเจ็บคนนี้แล้ว ผมจะทำแผลให้”
“ครับ”
“นักศึกษาเบ๊ก คุณจะทำอะไร ผมบอกว่าอย่าทำอย่างนั้นไงล่ะ” หมออัลเลน กล่าว
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” มียอง กล่าว
“นักศึกษาเบ๊ก ให้ผมดูหน่อย”
“ผมทำใกล้จะเสร็จแล้วครับ เย็บเส้นเลือดที่ขาดแล้วค่อยเย็บปิดแผลที่ฉีกขาด”
“ทำได้ดีมาก ฝีมือคุณใช้ได้ทีเดียว มายก๊อดเค้าตายแล้ว” หมออัลเลน กล่าว
ชาวบ้านได้รับการรักษาจนรู้สึกตัวขึ้นมาหมออัลเลนจึงแจ้งว่าพ่อของเขาได้เสียชีวิตลงแล้ว โดยังบอกว่าตนเองเป็นผู้รักษาจนเสียชีวิต ชาวบ้านจึงจะเอาเรื่องกับโดยัง
“หมอบอกแล้ว ว่าไม่ให้เจ้ารักษา แต่เจ้ากลับยังฝืนทำ” ชาวบ้านกล่าว ฮวางจอง กล่าว
“เอ่อ ใจเย็น ๆ ก่อน ถ้าดูแค่ขั้นตอนการเย็บแผล คุณชายเบ๊กทำได้สมบูรณ์แบบมาก”
“ใช่แล้ว ขั้นตอนการเย็บไม่ได้ผิดพลาด” หมออัลเลน กล่าว
“ไม่พลาดทำไมพ่อข้าถึงตาย มันไม่ผิดพลาดทำไมพ่อข้าถึงต้องตาย”
“เค้าเสียเลือดมากเกินไป” โดยัง กล่าว
“ไม่ว่าจะส่งข้าไปศาลไต่สวนหรือกองปราบก็ตาม เจ้าก็ต้องรู้ความจริงอย่างนึง เจ้าพยายามห้ามเลือดตัวเองก่อนมา แต่เจ้าไม่ได้พยายามห้ามเลือดให้พ่อของเจ้าเลย แสดงว่าการที่เค้าต้องเสียเลือดจนตายมันเป็นเพราะเจ้า” โดยัง กล่าว
“นักศึกษาเบ๊ก คุณต้องกลับไปขอโทษเค้าเดี๋ยวนี้” อัลเลน กล่าว
“ข้าทำไม่ได้ ท่านเองก็เห็นแล้วว่าข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ข้าทำสุดความสามารถเพื่อช่วยคนคนนั้นด้วยซ้ำ”
“เราเข้าใจ เพราะเข้าใจถึงให้ท่านกลับไป การกลับไปขอโทษเค้า คือการปลอบใจจิตใจของคนไข้” ฮวางจอง กล่าว
“ใช่แล้ว ต้องเข้าใจที่เค้าเพิ่งจะเสียพ่อไป ควรไปปลอบใจเค้าหน่อย” หมออัลเลน กล่าว
“สำหรับคนเจ็บความรู้สึกมันสำคัญมาก เค้ายอมรับที่พ่อเค้าตายเพราะเสียเลือดมากไม่ได้ ท่านเข้าใจเค้าหน่อยเถอะนะ” ฮวางจอง กล่าว
“เรื่องมันชัดเจนอยู่แล้วจะไม่เชื่อได้ไง”
“นักศึกษาเบ๊ก คุณก็เคยไม่เชื่อเหมือนกัน คุณลืมไปแล้วเหรอ?” หมออัลเลน กล่าว
“วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าซะ ในเมื่อข้าวิ่งไปตามหมอแล้วเจ้าก็ควรจะรอข้าก่อน ไม่ว่าวิกฤติแค่ไหนเจ้าก็ควรจะรอ แต่เจ้า เจ้ากลับกล้าทำให้พ่อของข้าต้องตาย ได้โปรดอย่าได้เอาเรื่องแบบนั้นมาเชื่อมโยงหน่อยเลย ตอนนั้นเค้ายังไม่ใช่นักศึกษาแพทย์ด้วยซ้ำ”
“นักศึกษาเบ๊ก ผมจะขอพูดอีกครั้งเดียว ด้วยท่าทีแบบนี้ของคุณผมคงไม่มีวันยอมให้คุณเป็นหมอจริง ๆ ได้”
โดยังไม่ยอมรับว่าตัวเองทำผิดพลาด คูฮอน และเจอุ๊ก เห็นด้วย
“นี่ เจ้าน่าจะปล่อยให้เค้าตาย ไปช่วยให้ตัวเองต้องมาซวยทำไม โบราณถึงว่าช่วยทำศพกลับถูกหาว่าฆ่าคนตาย คือข้าหมายความว่าก่อนจะช่วยรักษาก็น่าจะประเมินดูก่อนว่าคนเจ็บมีโอกาสจะรอดรึเปล่าน่ะ” เจอุ๊ก กล่าว
“อ้าว ว้าว ผู้จัดการโอ” คูฮอน กล่าว
“ข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” โอ กล่าว
“ว่ายังไง ตระกูลชั้นสูงแบบนั้นยอมเจรจายอมความรึเปล่า?” เจอุ๊ก กล่าว
“เจ้าคิดว่าเป็นไปได้มั้ย ข้าไปสอบถามจนรู้ว่า คนที่ตายเป็นขุนนางในศาลไต่สวน ข้าก็เลยไปหาคนของเจ้าเมืองไปช่วยพูดให้ วานเค้าช่วยไปอธิบายให้ครอบครัวคนตายเข้าใจอีกทีนึง พวกนั้นถึงได้ยอม หายโกรธแค้นบ้างน่ะ”
“ฮะ ๆ ๆ ไม่เสียที ไม่เสียทีที่เป็นผู้จัดการโอ ฮะ ๆ ๆ” คูฮอน กล่าว
“มา ๆ ดื่มด้วยกันหน่อย เทเหล้าหน่อยสิ”
“เฮ้อ โดยัง ตอนนี้ไม่มีปัญหาแล้ว ฮ่า ๆ ๆ”
“ไม่รู้ว่าทำไม ข้าต้องมาขอโทษทั้งที่ไม่ได้ทำผิด ข้าขอตัวกลับก่อนละกัน” โดยัง กล่าว
“นี่ นี่เจ้าจะไปไหน เมาแล้วยังจะไปไหนอีก นี่โดยัง เฮ้ ๆ”
โดยัง มาหาซ๊อกรัน ด้วยอาการเมามายเมื่อเจอนางก็หมดสติไป ซ๊อกรันจึงให้คนพาโดยังเข้าบ้าน โดยแม่ของนางได้เอาน้ำผึ้งป่ามาให้กินแก้เมา
“ได้ยินว่าคนนั้นตายเพราะเสียเลือดมากเกินไป ไม่ว่าการเย็บแผลจะดีแค่ไหน พอเสียเลือดมากเกินไป ก็ช่วยชีวิตคนไม่ได้อยู่ดี” ซ๊อกรัน กล่าว
“นั่นสิ เรื่องนี้ข้าเองก็คิดมาทั้งวันแล้ว ได้ยินว่าที่ตะวันตกมีการให้เลือดกับคนเจ็บแล้วรอดได้ ข้าจะลองศึกษาเรื่องนี้ดู”
“ข้าเองก็เคยอ่านเจอในหนังสือ แต่ดูเหมือนจะมีผลข้างเคียงอยู่มาก” ซ๊อกรัน กล่าว
“ข้าถึงบอกว่าจะต้องศึกษาไง ถ้ายังแก้ปัญหาข้อนี้ไม่ได้ การที่มีคนเจ็บที่เสียเลือดมากแล้วตายแบบนี้ ก็จะเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก”
โดยัง เที่ยวไปขอเจาะเลือดของคนอื่น เพื่อเอามาตรวจ เมื่อเจอฮวางจองก็เรียกขอเจาะเลือด แต่ฮวางจองปฏิเสธบอกว่าตอนนี้ตนเองไม่สบาย แต่ก็ถูกเจอุ๊กช่วยจับจนเจาะเลือดได้
“แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ อืม เลือดไม่เข้ากับเลือดของข้า แต่เข้าได้กับเลือดของเจอุ๊ก” โดยัง กล่าว
“ท่านหมายความว่ายังไง”
“ก็เลือดของเจ้ากับเค้าเข้ากันไม่ได้ เลยให้เลือดปนกันไม่ได้ไง แต่เลือดของเจ้ากับข้ามันดันมาเข้ากันได้ซะงั้น” เจอุ๊ก กล่าว
“ข้าขอดูหน่อยได้รึเปล่า?” ฮวางจอง ถาม
“ข้าขอดูหน่อยได้รึเปล่า?” ฮวางจอง ถาม
“อืม นี่ไง”
“เลือดข้า ไม่มีอะไรผิดปกติงั้นรึ?”
“ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าหมายความว่ายังไง” โดยัง กล่าว
“คือข้าหมายความว่า เลือดของข้า ถ้าเทียบกับคนอื่นแล้ว ไม่ต่างกันเหรอ?” ฮวางจอง กล่าว
“คิดว่าเลือดเจ้ามันพิเศษรึไง?” เจอุ๊ก ถาม
“เลือดนักศึกษาฮวาง เหมือนนักศึกษาพอน แล้วก็เลือดของนักศึกษาฮัน”
“เห็นมั้ยล่ะ อย่าหลงคิดว่าเลือดของเจ้ามันพิเศษไปหน่อยเลย เข้าใจมั้ย หลีกไป”
ฮวางจองดีใจเมื่อรู้ผลตรวจจึงบอกกับชักแท
“เลือดไม่ได้แบ่งชนชั้น เลือดของข้าเหมือนกับของคนอื่น ๆ” ฮวางจอง กล่าว
“แล้ว เลือดของข้าล่ะ ดูออกมั้ยว่าเป็นเลือดของคนทรง” ชักแท กล่าว
“เลือดคนทรง ต่างกับคนอื่นรึเปล่า? แยกไม่ออกเหมือนกัน เลือดของเจ้า ก็เหมือนกับเลือดของคนอื่นรู้มั้ย”
“จริงเหรอ วิเศษที่สุด” ชักแท กล่าว
“ใช่แล้ว วิเศษใช่มั้ย รู้สึกมีความสุขใช่มั้ย ฮิ ๆ เลือดของเจ้ากับข้าเหมือนคนอื่นเด็ก ๆ ไปกันเลย ไปเร็ว วู้ ๆ”
ซ๊อกรัน ลองเล่นสเกตจนล้มลง ฮวางจอง เห็นเข้าจึงรีบมาช่วย
“คุณหนูไม่ได้บาดเจ็บใช่มั้ย?” ฮวางจอง ถาม
“ไม่หรอก คงจะเป็นเพราะรองเท้าสเกตน่ะ เพราะว่าท่านพ่อไม่รู้ขนาดเท้าของข้า ก็เลยซื้อมาคู่เล็กไปหน่อย”
“โอ๊ย ถ้าใส่รองเท้าเล็กเกินไปจะทำให้เท้าพองได้” ฮวางจอง กล่าว
“ตอนนี้เหมือนจะพองแล้วล่ะ”
“จริงรึเปล่า ถ้าเท้าพองเดี๋ยวฉันจะรักษาให้” หมอฮอร์ตั้น ถาม
“เอ่อ ถ้างั้นข้าไปแก้รองเท้าให้คุณหนูเอง อีควัก เดี๋ยวเจ้าไปกับข้าหน่อยน่ะ” ฮวางจอง กล่าว
“ครับ”
“อ๋อ ที่แท้ทำอย่างนี้ รองเท้าก็ใหญ่ขึ้นแล้วเหรอ?”
“เอ่อ ครับ แค่เอาไม้นี้ แค่เอาโครงไม้นี้ใส่ไปอย่างนี้ ตอกสักสองสามที พอถึงพรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยเอามันออกมาแล้วลองใส่ดูอีกครั้งนึง ถ้ายังรู้สึกว่าเล็กไปก็ค่อยบอกข้านะ”
“อืม ขอบใจท่านมากนะ”
โดยัง มารอดักพบหมออัลเลน บอกมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วย
“ข้าคิดว่าอนาคต เราจะช่วยคนเจ็บที่เสียเลือดมากให้ไม่ต้องตายได้ครับ ข้ารวบรวมเลือดของคนในเจจุงวอนทุกคนมา พอทดลองก็ได้ผลออกมาว่า เลือดของบางคนสามารถเข้ากันได้ในทันที แต่เลือดของบางคน หากผสมกันแล้วจะแข็งตัวอย่างรวดเร็ว ดังนั้นถ้าเอาเลือดที่เข้ากันได้มาให้กัน เลือดของทั้งสองคนก็จะยอมรับกันได้ อย่างนี้เราก็จะช่วยให้คนเจ็บรอด”
“นี่เป็นความคิดของคุณ ยังไม่มีการวิจัยทางการแพทย์เลย” หมออัลเลน กล่าว
“งั้นเราก็มาเริ่มวิจัยกันเลย ต่อไปเวลาที่มีคนเจ็บเสียเลือดมากเกินไป ขอให้ท่านอนุญาตให้ข้าให้เลือดเค้า เราสามารถเอาเลือดของคนเจ็บกับเลือดของคนในเจจุงวอนมาทดสอบก่อน”
“คงจะไม่ได้”
“ทำไม เพราะอะไรครับ?”
“เมื่อหลายสิบปีก่อน มีหมอคนนึงที่ชื่อเจมส์บลันเดลได้ทำการเย็บแผลคนเจ็บเหมือนที่คุณทำ ถึงแม้ตอนนั้น จะช่วยให้คนเจ็บรอดได้ แต่สุดท้าย คนเจ็บก็เกิดผลข้างเคียง แล้วก็ต้องจบลงที่ความตาย”
“ข้าคิดว่าเป็นเพราะเค้าไม่ได้ทดสอบการเข้ากันของเลือดก่อน ถ้าทำการทดสอบก่อน ก็จะไม่มีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นแน่”
“เลือดของมนุษย์มันซับซ้อนกว่าที่คุณคิดมาก จะสรุปว่าใช้ได้เพราะเหตุผลแค่เข้ากันได้ไม่ได้”
“เราจะลองให้เลือดกับคนเจ็บที่ใกล้ตายเท่านั้น ถ้าช่วยให้เค้ารอดได้ ก็เป็นเรื่องดีนี่นา” โดยัง กล่าว
“นักศึกษาเบ๊ก ผมไม่อนุญาตให้คุณใช้ชีวิตคนมาทำการทดลอง ถึงคนเจ็บจะอยู่ในช่วงใกล้ตายก็ตาม เราไม่มีสิทธิในการไปทดลองกับคนเหล่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้นท่าน ผอ. คิดจะมองดูคนไข้ต้องเสียเลือดจนตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นใช่มั้ย?”
“นักศึกษาเบ๊ก ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดี เมื่อหลายวันก่อน คนไข้ของคุณต้องเสียชีวิตไปเพราะเสียเลือดมาก และยิ่งไปกว่านั้น คือเหตุการณ์ที่พ่อคุณต้องเสียชีวิตเพราะเสียเลือดมากเหมือนกัน แต่ผมก็..อนุญาตให้คุณให้เลือดไม่ได้ ตราบใดที่ผมยังอยู่ในเจจุงวอน จะไม่ยอมให้ใครทำเรื่องอันตรายแบบนี้แน่”
ฮวางจอง กลับมาที่ห้องพบกับโกกำลังจะเข้านอนจึงถามว่าถ้าผายปอดให้คนไข้ คนที่หยุดหายใจแล้วจะกลับมาหายใจได้จริงหรือ โกยืนยันว่าจริงเพราะตนเองเคยเห็นหมอฮอร์ตั้นช่วยผายปอดให้เด็กทารกมาแล้ว ฮวางจอง จึงชวนโก ทดลองกัน
“ของแบบนี้มันต้องลองทำก่อน เวลาช่วยคนจริง ๆ จะได้ไม่ลืมหรือว่าทำผิดพลาดไปไงล่ะ”
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่ว่า.”
“น่า รีบลงมาเถอะน่าเรามาลองทำกัน ต้องทบทวนบทเรียนที่เคยเรียนมาแล้วสิ” ฮวางจอง กล่าว
“แต่เรื่องแบบนี้ไม่เห็นต้องทดลองเลย”
“ถ้าอยากจะเป็นหมอจริง เราก็ต้องเรียนรู้ทุกอย่างให้มันถึงแก่นแท้สิ ข้าจะลองทำดูก่อนนะ แล้วท่านค่อยทดลองทำกับข้าดู”
“ฮึ้ย ซวยชะมัด”
“เอาละ ข้าจะเริ่มแล้วนะ จะต้อง ทำให้อากาศไหลเวียนสะดวกก่อน แล้วก็หันหัวไปทางนึง” ฮวางจอง กล่าว
“โอ๊ย เจ็บ ๆ”
“ฟู่ ๆ เป็นไงบ้าง หะ ได้รับความรู้สึกของการต่อชีวิตบ้างรึเปล่า?”
“เอ่อ ไม่ได้รู้สึกขนาดนั้น แต่ตอนที่ลมเข้าไป ข้ารู้สึกว่ามันเข้าไป” ฮวางจอง กล่าว
“โอ้ว นั่นแสดงว่าเราทำสำเร็จแล้วน่ะสิ ฮะ ๆ”
“ลองเป่าลมให้ยาวอีกหน่อยสิ” ฮวางจอง กล่าว
โดยัง ทำการทดลองโดยเจาะเลือดของตนไปฉีดใส่ให้กับเจอุ๊ก แล้วสลับเอาเลือดของเจอุ๊ก มาฉีดใส่ให้กับตนเอง แล้วทั้งสองก็สาบานเป็นพี่น้องกัน หลังจากนั้นไม่นานเจอุ๊ก ก็เกิดอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว
“เค้าเป็นอะไรน่ะ นักศึกษายูน” ฮวางจอง ถาม
“สงสัยเลือดสูงส่งของเจ้าคงจะไม่เข้ากับเลือดสามัญของข้าซะละมั้ง” เจอุ๊ก กล่าว
“เลือด คุณพูดเรื่องอะไรเนี่ย?” หมออัลเลนถาม
“ฮื่อ ๆ ๆ”
“ปัสสาวะเป็นสีดำ” ฮวางจอง กล่าว
“หรือว่า คุณฉีดเลือดเข้าไปในตัวของเค้า?”
“นักศึกษาเบ๊ก ผมบอกคุณแล้วนี่ว่าห้ามทำแบบนี้ คุณเกือบจะฆ่าเพื่อนของคุณแล้วรู้มั้ย ต่อไปนี้ อย่าทำเรื่องไร้สติอย่างนี้อีก เข้าใจรึเปล่า ทำไมไม่ตอบล่ะ ตอบผมมาเดี๋ยวนี้ ตอบผมมาเดี๋ยวนี้”
ฮวางจอง ถามโดยัง ว่าทำไมถึงไปฉีดเลือดให้เจอุ๊ก เพราะการเอาคนปกติมาทดลองมันเสี่ยงเกินไป
“เกินไปรึ เจ้าไม่รู้อะไรก็อย่าพูดมากดีกว่าน่า”
“ข้าเข้าใจเจตนาของท่านดีเพียงแต่ว่าวิธีมันไม่ถูกต้องเท่าไหร่ ไม่นึกบ้างเหรอว่านักศึกษายูนอาจมีอันตราย”
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะท่าน ผอ. ไม่ยอมให้ข้าให้เลือดกับคนเจ็บที่เสียเลือดมากเกินไป”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรเอาคนที่ร่างกายปกติดีมาเป็นตัวทดลองนี่”
“การเสียสละของคนนึงจะช่วยชีวิตคนไข้ได้มากมาย” โดยัง กล่าว
“ข้าคิดว่าต่อให้ช่วยชีวิตคนได้มาก แต่ท่านก็ไม่ควรจะเอาชีวิตของคนบริสุทธิ์มาแลก ชีวิตของทุกคนมีค่าเหมือนกัน ทุก ๆ คนต่างมีแค่ชีวิตเดียว”
“น่าเบื่อชะมัดเลย ทำไมเจ้าถึงได้อยากมาเป็นหมอ เพื่อช่วยคนเจ็บป่วยให้รอดชีวิตไม่ใช่เหรอ ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ควรจะเลือกชีวิตของคนส่วนรวมไม่ใช่เหรอ?”
“แต่ข้าคิดว่าการรับผิดชอบต่อคนไข้ที่อยู่ตรงหน้า มันสำคัญมากยิ่งกว่า”
“งั้นเหรอ คิดอย่างนั้นเหรอ ข้าเข้าใจแล้วออกไปเถอะ” โดยัง กล่าว
เจอุ๊ก รู้สึกตัวขึ้นมา หมออัลเลนจึงบอกกับเขาว่าอีกสองสามวันอาการน่าจะกลับมาเป็นปกติ
“ท่าน ผอ. ครับ ท่านอย่าได้ไปต่อว่าโดยังเค้าเลยนะ คนที่เจ็บตัวอย่างข้ายังให้อภัยได้ ท่าน ผอ. เองก็เมตตายกโทษให้กับโดยังเค้าสักครั้งนึงเถอะนะ”
“ผมก็ไม่ได้เกลียดนักศึกษาเบ๊กนี่นา”
“ถึงโดยังจะเป็นลูกหลานของตระกูลชนชั้นสูง แต่เค้าก็โดดเดี่ยวกว่าใครทั้งนั้น เค้าถึงได้เป็นคนดื้อ ยึดถือแต่ความคิดตัวเอง แต่ความจริงไม่ใช่หรอก”
“เรื่องนั้นผมรู้ดี นักศึกษาเบ๊ก เค้าตั้งใจทุ่มเทกับงานมาก”
“ท่านก็รู้เหรอ ข้ายังคิดว่าท่าน ผอ. จะเข้าข้างนักศึกษาฮวางฝ่ายเดียวซะอีก คนเราต้องพูดคุยแลกเปลี่ยนกันถึงจะเข้าใจจริง ๆ หึ ๆ”
“แต่ว่าผม ก็ยังต้องเฝ้าดูเค้าต่อไป พักผ่อนเถอะ”
“ครับ ตอนนี้ผมรู้สึกเวียนหัวมากเลย โอย...”
ช่วงปีใหม่นักเรียนแพทย์กลับบ้านหมด เหลือเพียงฮวางจอง และโดยัง หมออัลเลนจึงถามว่าทำไมฮวางจองไม่กลับบ้าน เขาบอกว่าบ้านของตนอยู่ไกลมาก หมออัลเลนจึงถามหาโดยัง
“เค้าบอกว่ามีธุระต้องไปทำก่อน เค้าบอกว่าจะรีบกลับมาให้ทันก่อนที่ท่านจะเข้าวังครับ”
“แล้วตอนนี้เหลือคนไข้กี่คน”
ที่สถานทูตญี่ปุ่น โดยังเดินทางมาหาวาตานาเบ้ นำเรื่องที่คิดวิธีการให้เลือดซึ่งกันและกันขึ้นมาได้เล่าให้วาตานาเบ้ฟัง
“ในหนังสือการแพทย์สมัยราชวงศ์ซ่ง บันทึกวิธีการพิสูจน์ความเป็นพ่อลูกไว้” โดยัง กล่าว
“อ้อ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้เอง แต่วิธีนั้น ใช้ได้ผลจริงรึเปล่า?”
“ใช้ได้จริงรึเปล่าข้าก็ไม่แน่ใจ แต่วิธีการมันเป็นอย่างนั้น ถ้าหยดเลือดของลูกหลาน ลงบนเลือดของพ่อแม่ ถ้าเข้ากันได้ก็จะเป็นการพิสูจน์ได้ว่าเป็นลูกแท้ ๆ ของเค้า”
“ฮ่า ๆ ๆ วิธีนี้ไม่เลวจริง ๆ ด้วย ฮะ ๆ ๆ”
“ข้าคิดอย่างนั้น หลังจากอ่านบันทึกนั้น ทำให้ข้านึกถึงความจริงที่ว่าเลือดสามารถผสมกันได้ขึ้นมาข้าทดลองด้วยการเอาเลือดหลายคนมาหยดทดสอบ ทดลองด้วยการฉีดเลือดแลกเปลี่ยนกับเพื่อนข้า”
“ฮะ มิสเตอร์เบ๊กเป็นคนเก่งที่โดดเด่นมาก แต่การเป็นแพทย์ ไม่ควรจะเอาตัวเองมาทำการทดลอง เคยมีชาวอังกฤษชื่อจอห์น ฮันเตอร์ ก็เคยทดลองฉีดเชื้อไวรัสซิฟิลิสเข้าไปในตัว แต่ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ คุณควรจะถนอมร่างกายตัวเองไว้ ไม่ควรเอาตัวไปทดลอง แต่เราสามารถทำการทดลองกับคนอื่นได้”
“จะทำการทดลองกับใครล่ะ?”
“ยังจะทดลองกับใครได้ล่ะ โชซอนมีประชาชนตั้งมากมายนี่นา ฮะ ๆ ๆ ถ้าคุณไปที่ประตูซีกู คุณจะพบพวกคนป่วยที่ถูกครอบครัวเอามาทิ้งเยอะแยะ พวกเค้าจะเป็นผู้เสียสละเพื่อวงการแพทย์ก่อนที่พวกเค้าจะเสียชีวิตจากโลกนี้ไป”
“ครับ ข้าเข้าใจดี”
“นั่นแหละคือเหตุผล ที่ผมเคยมีโอกาสทดสอบการให้เลือดเหมือนกัน ฮะ ๆ ๆ”
“แล้วท่านค้นพบความลับในเลือดบ้างรึเปล่า?”
“อ้อ...คือว่า ผมก็ยังไม่ได้ผลสรุปนัก แค่ผมเคยทดลองเรื่องเลือดมาบ่อยกว่าคุณสักหน่อย เลยพอจะรู้เรื่องเลือดมากกว่าคุณแค่นิดหน่อย ฮะ ๆ ๆ”
หมอฮอร์ตั้น และซ๊อกรัน เข้ามาในวังหลวง โดยซ๊อกรันจะเล่นสเกตถวายให้พระมเหสี ทอดพระเนตร
“ในพระราชวังชังต๊อกแห่งนี้มีสระบัวสี่สระ ซึ่งวันนี้เราจะมาเล่นในสระที่ชื่อว่าแอรอน สระแอรอนหมายถึง สระที่เต็มไปด้วยดอกบัวบานเต็มสระ จากการที่พระราชาพระองค์ก่อนทรงโปรดดอกบัวมาก จึงตั้งชื่อสระนี้ว่าสระแอรอน ดอกบัวสามารถเกิดในโคลนตมและบานชูช่ออย่างสวยงาม เหมือนคุณธรรมอันสูงส่งของคน นี่เป็นฤดูหนาว ทำให้ไม่มีโอกาสได้เห็นดอกบัว แต่เมื่อถึงฤดูร้อน บัวจะสวยมาก” ซ๊อกรัน กล่าว
“แต่เวลาเล่น ถ้าไม่ทันระวังอาจไปชนหินบาดเจ็บได้ จะต้องระวังกันหน่อย เนื่องจากดอกเตอร์ฮอร์ตั้นจะร่วมเล่นด้วย ข้าเลยคิดว่าควรจะให้นักศึกษาแพทย์มาที่นี่สักคนนึง เผื่อเอาไว้ก่อน” ยูนกล่าว
“ค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“พระมเหสีเสด็จแล้ว”
ฮวางจอง ขออาสาหมออัลเลนเข้าวังหลวงเพื่อไปคอยดูซ๊อกรันเล่นสเกตเผื่อเกิดได้รับบาดเจ็บ เมื่อได้เวลาซ๊อกรันทูลพระมเหสีว่าจะเริ่มเล่นสเกตถวายแล้ว เมื่อเล่นถึงตอนต่อตัวเป็นรถไฟ ซ๊อกรันเกิดหกล้มจนตกลงไปในน้ำ นังนัง เรียกฮวางจอง ให้เข้าช่วยเหลือ
ฮวางจอง ขออาสาหมออัลเลนเข้าวังหลวงเพื่อไปคอยดูซ๊อกรันเล่นสเกตเผื่อเกิดได้รับบาดเจ็บ เมื่อได้เวลาซ๊อกรันทูลพระมเหสีว่าจะเริ่มเล่นสเกตถวายแล้ว เมื่อเล่นถึงตอนต่อตัวเป็นรถไฟ ซ๊อกรันเกิดหกล้มจนตกลงไปในน้ำ นังนัง เรียกฮวางจอง ให้เข้าช่วยเหลือ
“ทุกคนรีบมาช่วยกันหน่อย อึ้ย ๆ ย่าห์...นางไม่หายใจแล้ว ไม่หายใจแล้ว หมอฮอร์ตั้น นางไม่หายใจแล้ว ทำยังไงดี” ฮวางจอง ถาม
“รีบผายปอดให้เธอ” หมอฮอร์ตั้น บอก ฮวางจองจึงคิดถึงวิธีที่หมออัลเลนสอน จากนั้นก็ก้มผายปอดให้ซ๊อกรัน โดยที่โดยังเข้ามาเห็นพอดี
เนื้อหา: เดลินิวส์ / ภาพจากละคร (เอสบีเอส)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา