วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เจจุงวอน ตำนานแพทย์แห่งโชซอน ตอนที่ 18




“นับจากวันนี้ไป ข้าไม่ใช่ชนชั้นสูง...อีกต่อไปแล้ว”

โดยยังต้องการให้เฮรอนรู้ถึงความตั้งใจของเขาจึงได้ตัดผมที่ไว้ยาวตามธรรมเนียมของโชซอน เป็นผมสั้นแบบสากล และทำตัวเหมือนชนชั้นต่ำ การกระทำของเขาสร้างความไม่พอใจให้กับคูฮอนและผู้จัดการโอเป็นอย่างมาก แต่เฮรอนก็ยังไม่สนใจ




“โดยัง ๆ ทำไมเจ้าถึงทำอะไรวู่วามแบบนี้นะ? นี่เจ้าเสียสติไปแล้วเหรอ ไม่อย่างนั้นข้าไม่เชื่อแน่ ตอนนั้นเจ้าต้องเสียสติใช่มั้ย” คูฮอนต่อว่า

“นี่ โดยัง ไม่รู้เหรอว่าความผิดรองจากกบฏ คือผิดหลักสามคุณธรรมห้า เรื่องนี้เจ้าเองก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ? นี่เป็นเรื่องเหลวไหลที่สุด นี่เจ้ากำลังทำให้ข้า...รู้สึกอับอายมาก” ผู้จัดการโอบ่น

“นี่ ติด ติดกลับไป ๆ ติด ๆ กลับไปได้รึเปล่า” คูฮอนพยายามเอาผมที่ตัดออกไปแล้วติดเข้าที่เดิม

“ท่านอาครับ น้ำที่สาดไปมันเก็บไม่ได้แล้ว อีกอย่างข้าก็ไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำไปเลย ข้าเคยพูดเรื่องการปฏิรูปสู่สมัยใหม่มาตลอด คิดว่าออกจากสำนักศึกษาออกจากบ้าน ก็จะหนีพ้นความเป็นลูกหลานขุนนางไปได้ แต่ที่จริงในตัวข้า กลับมีหัวใจของความเป็นตระกูลสูง ฝังรากลึกมาโดยตลอด” โดยังบอกถึงความตั้งใจของเขา

“ไม่นะ ฐานะของชนชั้นสูงมันเปลี่ยนไม่ได้ จู่ ๆ จะมาบอกว่าอยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้ยังไงกัน?”

“เรื่องนี้ ก็เหมือนกับที่อาจารย์โอบอกมาเมื่อกี้ ข้าทำผิดมากพอจะถูกขับออกจากตระกูลแล้ว ข้าจะใช้แค่ร่างกายที่พ่อแม่ให้ข้ามา ข้าจะใช้มันเริ่มชีวิตใหม่ สร้างทุกอย่างขึ้นด้วยตัวข้าเอง ดังนั้นจากนี้ไปพวกท่านต้องปฏิบัติกับข้าเหมือนนักเรียนคนอื่น นี่เป็นความรู้สึกจากใจข้า ได้โปรดเข้าใจข้าด้วย” โดยังเคารพคูฮอน สร้างความอ่อนอกอ่อนใจให้กับคูฮอนยิ่งนัก “เฮ้อ โอ๊ย... เจ้านี่อะไรกัน เฮ้อ ๆ ๆ เจ้าเด็กคนนี้จะทำยังไงดี”


ซ๊อกรันนำจักรยานมาสอนให้ฮวางจองขี่ “วิธีขี่ก็แค่จับคอคันบังคับ แล้วประคองคันบังคับไม่ให้เอียงไปตามทิศที่จะล้ม เอาละ งั้นมาเริ่มกันเลย ฮิ ๆ”

ซ๊อกรันจับจักรยานให้ฮวางจองทดลอง แต่ที่แฮนด์ก็ส่ายไปมาและล้มลง “โอย เจ้านี่มัน ยากกว่าที่คิดอีก ฮึ่ย ๆ อูย ๆ...”

“รีบลุกขึ้นเถอะ” ซ๊อกรันบอก และให้ฮวางจองลองขี่ใหม่ จนกระทั่งเริ่มขี่ได้ “โอ้ ข้าขี่ได้แล้ว ได้แล้ว ข้าขี่ได้แล้ว โอ๊ย... แฮ่ก ๆ อูย ๆ เหวอ ๆ ๆ ...” ขี่ไปมาก็ล้มลงอีกรอบ ซ๊อกรันรีบเข้ามาดู “บันฑิตฮวาง เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”

“โอย ข้าไม่เป็นไรหรอก กลัวว่าข้า จะทำให้จักรยานของคุณหนูพังซะมากกว่า อึ้ย ๆ เดี๋ยวขอดูก่อนนะ”

“คือว่าสายโซ่หลุดแล้วน่ะ”

“หลุดจริง ๆ ด้วย”

“ใส่กลับไปเหมือนเดิมแล้วครับ” ฮวางจองยิ้ม ซ๊อกรันก็ยิ้มตอบ

หลังจากตัดผมสั้นต่อหน้าเฮรอนและเพื่อนฝูงแล้ว โดยังก็ปฏิบัติตัวต่อเพื่อนนักเรียนแพทย์ พยาบาลที่เป็นชนชั้นต่ำอย่างไม่รังเกียจเหมือนเมื่อก่อน และแม้กับคนไข้ โดยังก็ไม่ก้าวร้าวเหมือนที่เคยเป็น



“อืม...ที่เด็กมีไข้แล้วชักเกิดจากอาหารไม่ย่อย” เฮรอนบอก

“โอย... เมื่อเช้าเค้ากินข้าวกับพ่อของเค้า ข้าเห็นว่าเค้ากลืนลงไปทั้งที่ยังไม่ทันเคี้ยวเลย” แม่ของเด็กร้อนใจ

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ พวกข้าจะช่วยกันถูมือกับถูเท้าเค้าให้อุ่นเอง ไข้จะได้ลดลงหน่อย” โดยังบอกกับแม่ ก่อนจะหันไปดูแลเด็กอย่างใส่ใจ “เท้าของหนูเย็นมากเลย ฟู่...ฟู่ ๆ”

ขณะเดียวกัน มีคนฝากรูปมาตังแกให้โดยังมาให้ฮวางจอง โดยังมองรูปด้วยความสนใจ ก่อนจะเอารูปไปให้ฮวางจอง

ในที่สุดเฮรอนก็เลือกโดยังเป็นผู้ช่วยของเขา “ผมจะเลือกเบ๊กโดยังให้มาเป็นผู้ช่วยแพทย์ของผม” สร้างความประหลาดใจให้กับหลาย ๆ คน เฮรอนจึงได้บอกถึงเหตุผล


“ในบันทึก การให้คะแนนของดอกเตอร์อัลเลน ได้ให้คะแนนนักศึกษาเบ๊กไว้สูงมาก บวกกับที่เค้าเคยเป็นผู้ช่วยผม ในการผ่าตัดมาเค้าก็แสดงความสามารถได้ดี ความรู้ทางการแพทย์ ของนักศึกษาเบ๊กก็โดดเด่นกว่าทุกคน ผมหวังว่า ทุกคนจะไม่เข้าใจเค้าผิดไป สุดสัปดาห์นี้ จะเป็นการสิ้นสุดการเรียน สัปดาห์หน้าจะเป็นการทดสอบความรู้ของทุกคน เพราะฉะนั้น คนที่จะเป็นแพทย์ฝึกหัดขั้นต่อไป จะต้องผ่านการสอบนี้ให้ได้ก่อน”

“แต่ว่า ท่านเคยบอกว่าจะมีการคัดคนออกสี่คน คิมโทนออกไปแล้ว ก็เท่ากับคัดออกสามคนก็พอสิ?”

“ถ้าความสามารถไม่ถึง ผมจะให้พวกคุณสอบตกหมด” เฮรอนบอก

“คือว่าไม่มีการแจ้งไว้ล่วงหน้า การสอบ ก็ต้องมีหลักเกณฑ์ใช่รึเปล่าครับ?”

“นั่นน่ะสิครับ เพราะพวกข้าต่างก็ผ่านการสอบเข้ามาเหมือนกัน”

เฮรอนประกาศต่อหน้าทุกคน “หลักเกณฑ์ ผมเป็นผู้อำนวยการ ผมจะกำหนดเอง จะมีสอบฟัง วินิจฉัยโรค การผ่าตัด รวมไปถึงการสอบข้อเขียนด้วย ในจำนวนนี้การสอบ ฟังเสียงแล้ววินิจฉัยโรคเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้ามีการตรวจที่ดี ก็จะมีโอกาสวินิจฉัยโรคได้ 60 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป และก่อนที่จะมีการสอบ ผมจะให้โจทย์พวกคุณก่อน พวกคุณต้องตรวจคนไข้ 50 คน แล้วทำการบันทึก การวินิจฉัยโรคแล้วส่งมาให้ผมตรวจ”

นักเรียนแพทย์ต่างรู้สึกหนักใจตาม ๆ กัน

ล่ามยูนำยามาส่งที่เจจุงวอน พอเห็นความเปลี่ยนแปลงของโดยังก็ประหลาดใจมาก



“อ้อ ถ้าไปเรียนต่ออเมริกาหรือว่าญี่ปุ่น ข้าก็คงต้องตัดผมทิ้งเหมือนกัน มาตัดตอนนี้ยังถือว่าช้าไปด้วยซ้ำ”

“แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ ในสังคมของเราก็คงยากจะยอมรับเรื่องการตัดผมสั้นนี้ได้” ล่ามยูยังอึ้งไม่หาย

“แล้วซ๊อกรันล่ะ เจ้าคิดว่ายังไง?” โดยังหันไปถามซ๊อกรัน ซ๊อกรันบอกนิ่ง ๆ “ข้า ก็รู้สึกตกใจนิดหน่อย ท่านดูไม่เหมือนคุณชายที่ข้ารู้จัก”

“เจ้าพูดอะไรอย่างนั้น ข้าก็เป็นเบ๊กโดยังที่เจ้ารู้จักแหละ ตอนแรกอาจดูไม่คุ้นอยู่บ้าง แต่ไม่นานก็คุ้นไปเอง แต่ว่า ข้ารู้สึกว่ายาจะลดน้อยลงมาก” โดยังสังเกตเห็น ล่ามยูรีบบอก “เอ่อ เรื่องนี้เป็นเพราะว่า ก่อนจะเข้าเมืองมา พวกเราถูกดักปล้นเอายาไปส่วนนึงน่ะ”

“ถูกดักปล้นเหรอครับ แล้วท่านปลอดภัยดีใช่มั้ย?”

“ใช่ ช่วงนี้ ข้าไม่ได้เป็นคนไปเอาของด้วยตัวเอง แต่ว่านี่ก็ไม่ใช่หน้าแล้ง แต่กลับมีพวกโจรขโมยชุกชุมกันขนาดนี้ อีกอย่างนึงตอนนี้พวกโจรยังมีปืนติดตัวกันด้วย ข้าเป็นห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”

“วันหน้าคงต้อง พกอาวุธติดตัว ขอให้ท่านระวังด้วยนะ แล้วนั่น ของพวกนั้นอะไรน่ะ นี่มันกำมะถันนี่ครับ”

“หมออัลเลนเคยสั่งให้ผมซื้อไว้เพื่อรักษาคนไข้โรคผิวหนัง แต่หมอเฮรอนบอกว่า มีวิธีรักษาโรคผิวหนังแบบอื่น ไม่จำเป็นต้องใช้พวกนี้แล้ว” ล่ามยูบอก

“ถ้างั้น ก็เก็บไว้ในห้องยาก็ได้ค่ะ” ซ๊อกรันเสนอ

“เรื่องนี้ข้าเองก็เห็นด้วย เพราะตอนนี้ข้าเป็นผู้ช่วย ข้าจะช่วยดูแลให้เอง ท่านก็เก็บไว้ที่นี่แหละ”

“อ้อ คงไม่ได้หรอก ที่นี่เคยเกิดเหตุระเบิดมาก่อน ข้าคิดว่าควรเอากลับไปไว้ที่บ้านน่ะ”


พอฮวางจองได้รูปของมาตังแกมาก็เลยนำมาให้ชักแทดู ชักแทพยายามเดาที่มีของรูป “หรือว่าหมออัลเลนจะฝากคนเอามาให้ เค้ามีกล้องถ่ายรูปนี่”

“หมออัลเลนไม่มีทางรู้จักพ่อข้าอย่างแน่นอน”

“เอ่อ นั่นสิ คนที่ส่งรูปนี้มาจะต้องเป็น คนมีกล้องแถมรู้ด้วยว่าคนในรูปนี้เป็นพ่อของเจ้า ไม่ใช่คนในเจจุงวอนแน่เหรอ?”

“คงอย่างนั้น ถ้าเป็นคนในเจจุงวอน คงไม่มีทางฝากให้คนเอารูปถ่ายมา”

“เป็นใครนะ แต่ยังไงก็ช่างเถอะ เจ้าก็ทำตัวเป็นเหมือนปกติ แล้วไปสืบดูสิว่าใครเป็นคนทำ เข้าใจมั้ย?” ฮวางจองสั่ง

ที่แท้คนที่นำรูปมาตังแกไปให้ฮวางจองก็คือวาตานาเบ้นั่นเอง วาตานาเบ้บอกทูตญี่ปุ่นว่ามีคนฆ่าสัตว์เป็นนักเรียนแพทย์อยู่ในเจจุงวอน และหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปก็คงไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้าไปรักษาที่เจจุงวอนแน่ ทูตญี่ปุ่นรู้ว่าเจจุงวอนกำลังขาดแคลนยา จึงคิดจะตัดเส้นทางยา โดยการเล่นงามล่ามยูซึ่งเป็นคนนำยามาให้เจจุงวอน

ทูตญี่ปุ่นได้วางแผนโดยปล่อยข่าวว่าช่วงนี้มีปัญหาภัยแล้งติดต่อกัน จนชาวบ้านไม่มีจะกินต้องออกมาปล้นสดมภ์ โดยโยนความผิดว่าปืนที่ชาวบ้านซื้อมาปล้นมาจากตลาดมืด และคนที่นำปืนออกมาขายคือล่ามยู

เรื่องนี้ถูกนำถวายรายงานต่อพระเจ้าโกจง “อะไรนะ โจรมีอาวุธปืนด้วยงั้นรึ คนพวกนี้ไปเอาอาวุธปืนมาจากที่ไหน”

“กระหม่อมเคยได้ยินมาว่า มีการลักลอบนำเข้าผ่านตลาดมืด”

“ตลาดมืด? เจ้าบอกว่าตลาดมืดอย่างนั้นเหรอ?”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท มีฎีการ้องเรียนว่า มีขุนนางล่ามที่พัวพันกับตลาดมืดพ่ะย่ะค่ะ”

นักเรียนแพทย์ทุกคนจะต้องออกตรวจเพื่อวินิจฉัยโรคตามที่เฮรอนบอก โดยทุกคนจะต้องตรวจให้ได้ 25 คนขึ้นไป นักเรียนแพทย์ทุกคนจึงตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่



ชุนฮวากลับไปทำงานที่หอนางโลม นางได้ข่าวว่ามีนักศึกษาแพทย์ออกมาตรวจชาวบ้าน จึงมาขอร้องฮวางจองและซ๊อกรันให้ไปช่วยเพื่อนนางโลมที่กำลังถูกขายไปอยู่ต้าชิง ทั้งสองไปช่วยตรวจและโกหกทางต้าชิงว่านางโลมที่เขาต้องการเป็นกามโรค ทำให้พวกต้าชิงไม่กล้ารับนางโลมนั้นไป

หลังจากเฮรอนได้ตรวจบันทึกการทำงานของนักศึกษาแล้วก็เริ่มบอกถึงผลการทำงาน

“นักศึกษาเบ๊ก ทำการตรวจคนไข้ได้มากที่สุด มากกว่าหนึ่งร้อยคน” เฮรอนบอก นักศึกษาทุกคนต่างก็ฮือฮา “นี่คุณ พุ่งเป้าไปที่การตรวจรักษากลุ่มบัณฑิตหรือ?”

“โอ้ว ท่าน ผอ.นี่เก่งจริง ๆ พวกข้าไปสำนักศึกษาหลวง”

“อาหารไม่ย่อยพบมากที่สุด ปวดหัวนอนไม่หลับรองลงมา แล้วก็มีท้องผูกริดสีดวงทวาร โรคพวกนี้เป็นโรคที่มักจะพบมากในกลุ่มนักศึกษา...นักศึกษาฮวาง คุณตรวจได้ไม่ครบตามเป้านะ”

ฮวางจองน้อมรับ เพราะเขาได้ใช้เวลาส่วนหนึ่งไปช่วยนางโลม “ขอโทษด้วยครับ ได้โปรดให้เวลาข้าอีกสักวัน ข้าจะตรวจให้ครบ”

“การทำให้สำเร็จ มันคนละเรื่องกับจะทำ คนที่ทำไม่ได้ตามภารกิจ ผลที่เลวร้ายที่สุด อาจจะต้องสอบตก นี่เป็นหลักเกณฑ์ของผม” เฮรอนประกาศ

ชักแทเป็นห่วงฮวางจองจึงถามว่าเมื่อกลางวัน ฮวางจองไปไหนมาถึงตรวจรักษาผู้ป่วยไม่ครบจำนวน ฮวางจองบอกความจริง ทำให้ชักแทกังวลมาก

“เจ้าตื่นสักทีได้มั้ย เจ้าลืมสภาพตัวเองไปแล้วรึ คิดดูถ้าคนที่ส่งรูปใบนั้นมารู้ว่าเจ้ากับคุณหนู ซ๊อกรันไปไหนกันล่ะ ข้าบอกให้ใช้ชีวิตปกติแต่ไม่ได้ให้เจ้าไปทำเรื่องแบบนั้นนี่นา”

“เรื่องแบบนั้นอะไร?”

“บอกข้ามาตามตรงเถอะ เจ้ากับคุณหนูซ๊อกรันไปไหนกันมา”

“ก็ไม่ได้ไปที่ไหน ก็ไปที่หอนางโลมกันมาน่ะ”

“แล้วนอกจากนั้นล่ะ ทำไก๋อีก เดี๋ยวก่อน หรือว่าที่เจ้าจูบคุณหนูในวังครั้งนั้น เลยทำให้อยากพัฒนาไปอีกขั้น โอ้ว เจ้าเดินมาถึงจุดจบแล้วรู้มั้ย?”

“นี่เจ้าพูดเรื่องอะไรเรื่องเนี่ย?”

“นี่ ข้าเคยดูดวงให้เจ้าตั้งสามครั้ง เจ้ากับคุณหนูซ๊อกรันไม่ใช่เนื้อคู่กันแน่นอน ดวงของพวกเจ้าเข้ากันไม่ได้” ชักแทย้ำ

“ไหนเจ้าว่าดูไม่แม่น”

“ข้าถึงได้ดูสามครั้งไง สามครั้งแน่ะ”

“ต่อให้ดูอีกสี่ห้าครั้งสิบครั้งก็ไม่แม่นหรอก”

“น่าน.. ในสายตาเจ้ามีแต่ผู้หญิงและดูถูกเพื่อนคนนี้แล้วใช่มั้ย ใช่เซ่ เจ้าไม่เคยใส่ใจคำพูดข้าอยู่แล้ว” ชักแทบ่นอย่างน้อยใจ


“ข้ามีความคิดของข้า เจ้าอย่ายุ่งเรื่องนี้เลย”

“ตอนนี้ตาเจ้าถูกความรักบังจนมิดไปแล้ว ถ้าคุณหนูซ๊อกรันรู้ว่าเจ้าเป็นคนฆ่าสัตว์มันจะเป็นยังไงล่ะ?ถ้าหากนางรู้เข้าละก็..”

ฮวางจองสวนกลับมา “นางรู้ทุกอย่างแล้ว”

“นางรู้ทุกอย่างแล้วหรือ ฮะ ๆ ๆ ว้าว งั้นคุณหนูซ๊อกรันก็เสียสติไปแล้วแน่ ๆ คงเป็นบ้าไปแล้ว ฮะ ๆ”

“ดังนั้นเจ้าต้องแกล้งเป็นไม่รู้”

“นี่ ข้าจะถามเจ้าอีกอย่าง เจ้าคิดจะแต่งงาน กับคุณหนูซ๊อกรันใช่มั้ย?”

“อย่าพูดเหลวไหลอยู่เลย เจ้าเรียกข้ามาคุยเรื่องอะไร?”

“เฮ้อ ข้าไม่รู้จะเผชิญหน้ากับเรื่องอย่างนี้ยังไง?”

“นี่ เจ้ารีบพูดมาซักทีสิ” ฮวางจองซัก

“ข้าจะพูดก็ได้ ข้าไปถามเรื่องรูปถ่ายของลุงมา ในเจจุงวอนไม่มีใครมีกล้องถ่ายรูปแน่ สถานทูตอเมริกันมีหนึ่งตัว แต่ข้าก็ได้ยินว่ากล้องตัวนั้นตอนนี้เสียไปแล้ว ดังนั้น คนที่ส่งรูปมาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจจุงวอนแน่นอน อีกอย่าง คนที่พอจะ มีกล้องในเมืองนี้ข้าก็ไปสืบมาหมดแล้ว น่าจะมีทั้งหมดประมาณสิบตัวได้ แต่ว่าใครมีกล้องอยู่บ้าง เรื่องนั้นข้า ข้ายังสืบไม่ได้”

“ทำไม?”

“คิดว่าใครเค้าจะมาบอกยามเฝ้าประตูอย่างข้าล่ะ แต่ว่าอีกไม่กี่วัน ต้องหาทางรู้ให้ได้ว่าเป็นรูปที่ใครถ่าย”

“ทำยังไง” ฮวางจองยังมองไม่เห็นทาง

“ก็ไปถามกับพ่อเจ้าตรง ๆ เลยไงเล่า” ชักแทบอก

ล่ามยูเอากำมะถันมาเก็บไว้ที่บ้าน แต่กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นพวกซ่องสุมอาวุธ จึงถูกทางการมาจับตัว

“โอ้ย เดี๋ยวสิ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?” ล่ามยูร้องโวยวาย

“ตกลงสามีข้าทำอะไรผิดก็บอกมาก่อนสิ”

“รายงานใต้เท้าครับ พวกข้าพบ หีบนี้อยู่ในโกดังครับ เป็นกำมะถัน” ทหารเข้ามา

“แล้วไม่พบอาวุธปืนรึ?”

“พวกเราพบเพียงแค่นี้เท่านั้นครับ”

“แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”

ซ๊อกรันเข้ามาเห็นพ่อถูกจับก็ตกใจ

“ข้าได้รับแจ้งว่าท่านใช้ตำแหน่งขุนนางล่าม แอบค้าขายอาวุธในตลาดมืดและมีของผิดกฎหมาย แถมะลอบจำหน่ายอาวุธปืนให้โจร จนเป็นเหตุให้มีการก่อความวุ่นวายขึ้น” มือปราบบอก

“ไม่เป็นความจริงเลยครับ” ล่ามยูพยายามบอก ซ๊อกรันก็ยืนยัน “ไม่จริงค่ะ”

“หนอยแน่ะ หลักฐานชัดเจนยังคิดบ่ายเบี่ยงอีก กำมะถันเป็นวัตถุดิบที่ใช้ทำกระสุนปืน อีกอย่างกำมะถันเป็นวัตถุต้องห้ามทั้งในต้าชิง ในญี่ปุ่น รวมถึงในโชซอนด้วย กำมะถันนี้แค่ดูก็รู้ว่า เป็นกำมะถันชั้นดี แค่รู้วิธีประกอบ ก็สามารถเอามาทำระเบิดที่รุนแรงได้สบาย”

ซ๊อกรันรีบบอก “กำมะถัน ซื้อมาผลิตยารักษาโรคผิวหนัง”

แต่มือปราบไม่เชื่อ “นี่เจ้าจะให้ข้าเชื่อคำพูดของเจ้าอย่างนั้นเหรอ เอาตัวไป”

“ท่านพ่อคะ ๆ “

“ท่านพี่คะ ๆ ๆ ๆ ๆ” ซ๊อกรันและแม่พยายามขอร้องแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้

“ซ๊อกรัน ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อ พ่อไม่ได้ทำผิด ไม่เป็นอะไรหรอก”

“ท่านพ่อคะ ๆ”


ซ๊อกรันนำเรื่องที่ล่ามยูถูกทางการจับตัวไป มาปรึกษาฮวางจองและโดยัง

“มีคนไปแจ้งความรึ?”

“ค่ะ ในหนังสือที่แจ้งมาเขียนว่าท่านพ่อ ขายปืนให้พวกโจรมาก่อความวุ่นวาย”

“แต่ว่าเรื่องนี้มันเหลวไหลที่สุด” ฮวางจองบ่น


“เป็นเพราะ พวกเค้าค้นเจอกำมะถันที่บ้าน ก็เลยแก้ต่างอะไรไม่ได้เลย” ซ๊อกรันหน้าเศร้า

“แต่กำมะถันพวกนั้น หมออัลเลนสั่งมาเพื่อจะทำยาโรคผิวหนังนี่”

“พวกเค้าไม่เชื่อที่ข้าพูด ถ้าจะสู้คดีนี้ ต้องให้หมออัลเลนมาเป็นพยาน แต่ตอนนี้เค้ากลับไปที่อเมริกาแล้ว”

โดยังครุ่นคิด ก่อนจะนึกถึงหมอเฮรอน “ท่าน ผอ.เฮรอน ท่านช่วยไปพูดกับพวกเค้าว่าท่านเป็นคนสั่งเองได้รึเปล่า?”

“แต่ว่านั่นคือการโกหก อีกอย่างผมเอง ก็ไม่เคยได้ยินเรื่องกำมะถันอะไรนี่มาก่อน ถ้าหากถูกจับได้ว่าโกหก อาจจะทำให้มีปัญหาภายหลังได้” เฮรอนบอก

“ที่ท่าน ผอ.เฮอรอนพูดมาก็ถูก”

“ถ้าอย่างนั้นต้อง ทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ก่อน” โดยังพยายามคิดหาทาง

โดยังนำเรื่องมาปรึกษาคูฮอนและผู้จัดการโอ ทั้งสองไม่สนใจเรื่องล่ามยู เพราะคิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง

“ข้าคิดไปคิดมาแล้วนะ ตอนนี้อย่าเพิ่งสนใจเรื่องล่ามยูเลย เราควรจะมาคิดปัญหาเรื่องของเราก่อนดีกว่ามั้ย ในเมื่อเรื่องมันบานปลาย เราคงต้องวางแผนสับเปลี่ยนบัญชีกันหน่อย อ๊า ๆ ๆ รู้น่า ข้ารู้หรอก ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ต้องหาทางช่วยล่ามยูออกมาก่อนใช่มั้ย แต่ว่าข้าเป็นผู้จัดการจะไม่คิดถึงเจจุงวอนก่อนได้ยังไงกันเล่า?”

“เรื่องนี้จะส่งผลกระทบกับเจจุงวอนอย่างมาก เราต้องสืบให้ได้ว่าใครเป็นคนส่งหนังสือ ไปแจ้งความว่าใต้เท้ายูเกี่ยวข้องกับตลาดมืด”

“มาสืบเรื่องนั้นตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร ห๊ะ? ข้าได้ยินว่าพวกเค้าไปค้นเจอกำมะถันในบ้านหลักฐานมัดแน่นซะแบบนั้น” ผู้จัดการโอก็ไม่สนใจเช่นกัน

“ข้าถึงได้รู้สึกว่ามันแปลกไง เรื่องซื้อกำมะถันคนในเจจุงวอนยังไม่รู้ แต่กลับมีคนรู้แล้วเอาไปแจ้งความ แล้วทางการยังไปค้นตอนที่เพิ่งซื้อมาพอดี” โดยังสงสัยมาก

“ที่เจ้าพูดหมายความว่า มีคนคิดตัดแหล่งที่มาของยารักษาโรคในเจจุงวอน” ผู้จัดการโอสรุป

“คงจะเป็นอย่างนั้น ถ้าเราไม่รีบไขปัญหาเรื่องนี้”

“เรื่องแบบนี้ก็จะเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ไม่จบสิ้น จนถึงสุดท้ายเจจุงวอนก็จะต้องปิดตัวลง”

“ถูกต้องแล้ว”

“เข้าใจแล้ว ข้ามีญาติคนนึงทำงานในสำนักราชเลขา ข้าจะไปขอให้เค้าช่วยสืบเรื่องนี้ดู” ผู้จัดการโอบอก

“ในฐานะผู้จัดการ เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเจจุงวอน ข้าจะไม่นิ่งดูดายแน่ ขุนนางระดับสี่ขึ้นไปในตระกูลข้าก็มีเป็นสิบคน เรื่องแค่นี้ทำไมจะจัดการไม่ได้”

“ดี ถ้างั้นข้าจะรีบไปพบหัวหน้ามือปราบเดี๋ยวนี้” โดยังบอก

มือปราบสอบสวนล่ามยูเรื่องค้าอาวุธ แต่ล่ามยูก็ยังปฏิเสธไม่รู้เรื่อง


“หยุด เอาละ หลักฐานมัดแน่นเจ้ารีบสารภาพมาดีกว่า”

“ข้าไม่เคยค้าขายอาวุธให้กับพวกโจรเลย ข้าซื้อกำมะถันเข้ามาเพื่อมาทำยาเท่านั้น”

“เจ้าเป็นแค่ขุนนางล่ามเล็ก ๆ ทำไมถึงมีเงินดอลลาร์มากมายอย่างนั้น แค่เดินเข้าไปในบ้านเจ้าก็ได้กลิ่นเงินสกปรกแล้ว”

“ล่ามอย่างพวกข้า เดินทางไปต้าชิงครั้งนึง จะได้รับค่าตอบแทนเป็นโสมคนอย่างดีจำนวนแปดกระสอบ เพื่อไปขายเป็นเงินค่าเดินทาง พวกข้านำโสมไปขาย เพื่อแลกมาเป็นทรัพย์สิน”

“งั้นเหรอ ถ้ารู้อย่างนี้ข้าคงจะไปเป็นล่ามตั้งนานแล้ว แต่ว่า ต่อให้ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง แต่การนำเข้ากำมะถันโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ถือเป็นความผิดร้ายแรง”

“เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไงดี แต่ว่าข้า...สาบานได้ ว่าข้าไม่ได้ซื้อกำมะถันเข้ามาเพื่อมาทำกระสุนปืน”

“อยากเจ็บตัวอีกรึ เด็ก ๆ ทรมานต่อไปจนกว่าจะยอมสารภาพ”

“โอ้ย ๆ...” ล่ามยูถูกลงโทษแต่ก็ยืนยันว่าไม่รู้เรื่องค้าอาวุธ

โดยังมาพบกับคังวุคเพื่อให้ช่วยเหลือล่ามยู

“นี่เป็นราชโองการตรงมาจากพระราชา พวกข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน พอพระองค์ได้ยินว่าพวกโจรมีอาวุธออกปล้นชาวบ้าน ตอนนั้นพระองค์ก็กริ้วเอามากก็เลย” คังวุคก็ลำบากใจ

“นั่นเป็นการใส่ร้าย”

“แต่เราพบกำมะถันที่เป็นของต้องห้ามในบ้านเค้า”

“นั่นเป็นยาที่หมออัลเลนเคยฝากให้ซื้อเข้ามา”

“แต่ตอนนี้มันพิสูจน์อะไรไม่ได้แล้วนี่ เรื่องตอนนี้แม้แต่ข้าเองก็จนปัญญา ท่านลองปรึกษาขุนนางที่มีตำแหน่งสูงกว่าข้าเถอะ แต่ว่า มีเวลาถึงแค่พรุ่งนี้เช้าเท่านั้น บ่ายวันพรุ่งนี้ จะส่งไปศาลไต่สวนแล้ว”

“ศาลไต่สวนรึ?”

“ใช่แล้ว และถ้าเป็นอย่างนั้น ก็คงหมดทางจะช่วยได้จริง ๆ”

“เฮ้อ ข้าขอพบใต้เท้ายูหน่อยได้มั้ย?” โดยังถาม

“ปกติแล้วพบไม่ได้หรอก แต่ว่าข้าเห็นแก่ท่าน”

“ขอบคุณท่านมาก”

โดยังพาแม่และซ๊อกรันมาพบล่ามยู

“ท่านพ่อคะ เป็นอะไรมากรึเปล่า?”

“ท่านพี่ ใครกันที่ทำกับท่านอย่างนี้ อะไรกันเนี่ย”

“ใต้เท้ายู ท่านช่วยอดทนอีกหน่อยนะ ข้าจะต้องช่วยท่านออกไปให้ได้” โดยังกล่าวอย่างมั่นใจ

“คุณชายเบ๊ก ท่านอย่าเหนื่อยแรงเปล่าเลย โลกนี้มีบางอย่างที่แก้ไขอะไรไม่ได้”

“ท่านพ่อคะ นี่ท่านพูดเรื่องอะไรเนี่ย?”

“ตอนบ่ายวันพรุ่งนี้ พ่อจะถูกส่งไปที่ศาลไต่สวน ได้ยินว่าพระราชาจะทรงไต่สวนเรื่องนี้ด้วยพระองค์เอง เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้ยอมรับผิดก็ตาย ถ้าไม่ยอมรับผิด ก็ต้องตายอยู่ดี” ล่ามยูพูดอย่างหมดหวัง

“อ่อนแออย่างนี้ ดูไม่สมกับเป็นท่านเลยนะ ใต้เท้าเป็นเหมือนพ่อแท้ ๆ ของข้าคนนึง ได้โปรดเชื่อข้าเถอะ ว่าข้าจะต้องหาทางช่วยท่านออกไปให้ได้” โดยังย้ำ คิดหาทางช่วยล่ามยูให้ได้

นังนังต้องการเขียนรายงานส่งให้เฮรอนดูแต่นางเขียนหนังสือไม่เป็น จึงมาขอความช่วยเหลือจากฮวางจอง ฮวางจองนึกขึ้นได้ว่าทุกวันหมออัลเลนจะเขียนบันทึกการทำงานไว้ เขาจึงเอาบันทึกเก่า ๆ ของหมออัลเลนมาให้ซ๊อกรันดู

“ข้ามีบันทึกประจำวันของหมออัลเลน ลองดูตรงนี้สิ เมื่อสามเดือนก่อน หมออัลเลน เดินทางจากโรงพยาบาลไปรักษาคนไข้โรคผิวหนังคนนึงถึงบ้าน ตรงนี้”

“ซัลเฟอร์ เค้าเขียนไว้ว่าเค้าต้องการกำมะถัน” ซ๊อกรันพูดขึ้นมาอย่างมีความหวัง

“ข้าจะไปหาคนไข้ แล้วบอกให้พวกเค้าช่วยมาเป็นพยานให้เรา”

“ข้าคิดว่าน่าจะได้นะ”

“ใช่ พอพรุ่งนี้เช้าเราจะไปหาพวกเค้ากัน”

“ไม่ได้ เราต้องไปตอนนี้” ซ๊อกรันร้อนใจ

“คุณหนู ท่านจะไปที่ไหนตอนนี้ ท่านไม่รู้เหรอว่าที่นอกเมืองกลางคืนอันตรายมาก” วักเซงเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง

“คุณหนู ข้ารู้ว่าท่านร้อนใจแต่เราควรจะรอถึงพรุ่งนี้เช้าดีกว่า” ฮวางจองบอก แต่ซ๊อกรันย้ำ “ถึงพรุ่งนี้ก็ไม่ทันแล้ว”

“คุณหนูเอาเรื่องไปบอกคุณชายเบ๊กก่อนดีมั้ยคะ เพราะคุณชายเบ๊กก็กำลังหาทางช่วยนายท่านอยู่เหมือนกัน”

ซ๊อกรันบอกไม่มีเวลาแล้ว จึงจะขี่จักรยานไปกับฮวางจอง ทั้งสองขี่จักรยานมาที่หมู่บ้าน


“ที่นั่นอยู่ห่างจากตรงนี้ไปอีกห้าลี้”


“ดูเหมือนข้าจะเห็นแสงไฟอยู่ข้างหน้า ข้าถือให้เอง”

ระหว่างนั้นก็มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ฮวางจองรีบถาม “เจ้าเป็นใคร”

“จะเป็นใคร ก็ต้องเป็นคนที่ดักเฝ้าเก็บค่าผ่านทางน่ะสิ โอ้โห ขี่จักรยานกันมาซะด้วย ท่าทางคงมีเงินเยอะล่ะสิ”

“พวกเจ้าจะทำอะไร”

“พวกข้า มีเรื่องด่วนที่จะต้องรีบเดินทางกัน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ  ได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ”

“หลีกทางให้เราเดี๋ยวนี้”

“ถ้าอยากผ่านไปก็จ่ายค่าผ่านทางก่อนสิ”

“ข้าจะยกจักรยานคันนี้ให้ รีบให้พวกข้าไปก่อนเถอะ ขอร้องล่ะ”

“ฮึ่ย จักรยานต้องเป็นของเราแน่ แต่ค่าผ่านทางมันต้องจ่ายต่างหากสิ ฮั่นแน่ หน้าตาสวยด้วย ถ้าเอาไปขายนะ คงจะขายได้เงินมาไม่น้อย   แน่ ๆ” กลุ่มชายยิ้มมีแผน

“ไปให้พ้น” ฮวางจองตวาดและต่อสู้กับกลุ่มชายเหล่านั้น


เนื้อหา: เดลินิวส์ / ภาพจากละคร (เอสบีเอส)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา