วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เจจุงวอน ตำนานแพทย์แห่งโชซอน ตอนที่ 21




ในวันที่ผ่าตัดต้อกระจกครั้งแรก มีชาวบ้านสนใจมากันอย่างล้นหลาม มาตังแกเกิดขาอักเสบอย่างรุนแรงจึงมาที่เจจุงวอนเพราะซ๊อกรันเคยบอกไว้ว่าหากมีปัญหาให้มาเจจุงวอน แต่เพราะเขาเป็นคนชั้นต่ำจึงถูกชาวบ้านขัดขวางไม่ให้เข้าไป โดยังเดินผ่านมาเห็นเข้าและเห็นว่ามาตังแกเคยช่วยเจจุงวอนเรื่องการปลูกฝีในลูกวัวจึงเข้าไปช่วยเหลือไว้




 “เจ้าเป็นคนที่อยู่โรงปลูกฝี ชื่อมาตังแกใช่รึเปล่า?”

“อีควัก”

“อ้อครับ ครับ”

“ช่วยพาเค้าเข้าไปข้างในที ท่าทางเท้าเค้าจะบาดเจ็บหนักมาก ต้องรีบรับการรักษา”

โดยังบอก

“แต่ว่าตอนนี้เจจุงวอนกำลังมีงาน”

“เค้าช่วยให้วัคซีนฝีดาษสำเร็จ ประคองเค้าเข้าไปก่อน รอให้เสร็จการผ่าตัดตาแล้วข้าจะรักษาเอง เข้าไปกับพวกข้านะ” โดยังหันไปบอกมาตังแก

“ขอบคุณท่านมากครับ ขอบคุณมากจริง ๆ” มาตังแกรีบโค้งคำนับขอบคุณ


ฮวางจองถูกเลือกให้เป็นผู้ช่วยหมอเฮรอนในการผ่าตัดครั้งนี้ ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก ซ๊อกรันเข้ามาเรียกฮวางจอง เห็นท่าทางก็พอจะเดาออก

“นี่บัณฑิตฮวาง ตื่นเต้นมากใช่มั้ย?”

“เอ่อ ครับ ก็คุณหนูจ้องมองข้าอยู่ตลอดไม่ตื่นเต้นได้ยังไง”

“ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ตอนนี้ท่านกำลังจะเป็นตัวแทนของแพทย์ฝึกหัดทุกคน ข้าไม่อยากให้ท่านตื่นเต้นน่ะ”

“อ้อ ใช่ ตื่นเต้นนิดหน่อย ข้าไม่เคยยืนอยู่ต่อหน้าคนเยอะมาก่อนน่ะ”

“ตอนนี้ท่านเป็นแพทย์ฝึกหัดแล้ว การแสดงฝีมือครั้งแรกสำคัญมาก วันหน้าหลังจากที่ท่านได้เป็นหมออย่างเต็มตัว เราไปเยี่ยมหมออัลเลนที่อเมริกาด้วยกันดีรึเปล่า หมออัลเลนเคยบอกว่าถ้ามีโอกาสให้ท่านกับข้าไปอเมริกานี่ รู้รึเปล่าว่าเค้าอยู่ไหน?”

“ข้า...ก็ไม่รู้เหมือนกัน”



ซ๊อกรันเอาไม้ชี้ที่แผนที่ “อยู่ตรงนี้แหละ ตอนนี้หมออัลเลนอยู่ที่ตรงนี้”

“แล้วโชซอนตั้งอยู่ที่ไหนล่ะครับ” ฮวางถามขึ้น ซ๊อกรันยิ้มก่อนจะเลื่อนไม้มาชี้จุดที่โชซอนตั้งอยู่

“อ้อ...ตรงนี้”

“เราจะไปที่นี่ด้วยกันนะ นี่เป็นคำสัญญาใช่มั้ย?” ซ๊อกรันถามยิ้ม ๆ

“แน่นอนครับ” ฮวางจองตอบหนักแน่น

ฮวางจองได้รับกำลังใจจากซ๊อกรัน ทำให้เขามั่นใจขึ้นมากที่จะทำหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์ต่อหน้าชาวบ้านเป็นจำนวนมาก

“การผ่าตัดต้อกระจก คือเอาส่วนขุ่นมัวออกจากกระจกตา ก่อนอื่นจะเริ่มจากการกรีดลงที่เยื่อกระจกตา ทำเป็นมุม 180 องศา...จากนั้นจะมาดูขั้นต่อไปกัน...จากนั้นจากรอยกรีดที่เราเปิด เราจะใช้อุปกรณ์ที่ทุกท่านเห็นเมื่อครู่นี้ ทำการผ่าเอาต้อที่ขุ่นมัวออกมาจากกระจกตา” ฮวางจองบรรยาย โดยมีซ๊อกรันเป็นล่ามแปลเป็นภาษาอังกฤษให้

โดยังจำได้ว่ามาตังแกเคยนำรูปถ่ายที่มีคนฝากมาให้ฮวางจอง มาตังแกบอกมีคนญี่ปุ่นฝากมาให้ ชักแทบอกโดยังว่าการผ่าตัดเริ่มต้นแล้ว โดยังขอตัวไปดูการผ่าตัดโดยให้ชักแทดูแลมาตังแกให้ ชักแทกลัวความแตกจึงรีบให้มาตังแกกลับบ้าน


“แต่ว่า ทำไมเจ้าต้องไล่ข้ากลับด้วย เจ้าไม่ได้ยินเหรอว่าเค้าบอกจะรักษาให้”

“จะพูดยังไงดี พอดีว่าวันนี้ เป็นวันที่ในเจจุงวอนมีงานใหญ่กันอยู่ มารักษาให้ท่านไม่ได้หรอก ไว้ข้าจะหาโอกาสไปเยี่ยมท่านที่บ้านนะ”

“อืม เอาอย่างนั้นเหรอ ก็ได้ งั้นข้าไปละ”

“ข้าจะรีบไปหาให้เร็วที่สุด” ชักแทบอก

แต่มาตังแกเจ็บหนักไม่ทันได้ออกไปจากเจจุงวอนก็เป็นลมเสียก่อน ทำให้ชักแทต้องพาเขาเข้ามาพักในห้องตรวจ สร้างความไม่พอใจให้กับคนไข้คนอื่น ๆ มาก เรื่องรู้ถึงหูคูฮอน คูฮอนจึงปรี่มาจัดการ


โดยังเดาออกว่าคนญี่ปุ่นที่ให้รูปถ่ายมาตังแกมาให้ฮวางจองก็คือวาตานาเบ้ เขาจึงมาถามวาตานาเบ้ วาตานาเบ้จึงบอกเรื่องที่เขาสงสัยว่า ฮวางจองเป็นลูกของคนฆ่าสัตว์ชื่อโชกึนแก

การผ่าตัดประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์เพื่อไปลงหนังสือเผยแพร่ข่าว โดยมีซ๊อกรันเป็นล่ามช่วยแปลให้

คูฮอนมาไล่มาตังแกพร้อมกับทำร้าย ฮวางจองผ่านมาเห็นเข้าก็ตกใจ คูฮอนเห็นเฮรอนเดินมาด้วยก็เปลี่ยนท่าทีเป็นช่วยเหลือมาตังแก ฮวางจองเข้าไปช่วยเหลือพามาตังแกพาเข้าไปในห้องตรวจจนได้ เพราะเห็นแผลที่ขาของพ่อลุกลามมากแล้ว







  “ท่านลุง ไว้วันหลังข้าจะเล่าเรื่องให้ฟังเอง ดังนั้นวันนี้ทางที่ดีท่านกลับไปดีกว่า” ชักแทขอร้อง

“ชักแท เค้าคือโซกึนแกใช่มั้ย?” มาตังแกตัดสินใจถาม

“ใช่ ไว้จะเล่าให้ฟัง ผู้จัดการเบ๊ก” ชักแทหันไปเรียกคูฮอน “คือลุงคนนี้ วันนี้ให้เค้ากลับไปก่อน จะดีกว่ามั้ยครับ?”

“ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เจ้าพาเค้าไปทิ้งไว้ที่ไหนสักที่ แต่ห้ามบอกว่าข้าเป็นคนสั่ง เจ้าบอกเองไม่เกี่ยวกับข้านะ อ้อนี่ ถ้าเจ้าไม่สบายตรงไหนก็ไปหาหมอรักษาสัตว์ดูสิ อย่ามัวมาเดินเพ่นพ่านที่นี่” คูฮอนมองมาตังแกอย่างรังเกียจ แต่โดยังมาห้ามไว้ยังไม่ให้ไป

ฮวางจองได้รับคำสั่งจากหมอเฮรอนให้ฮวางจองรับคนไข้คนแรกซึ่งก็คือมาตังแก ซ๊อกรันรู้เรื่องก็เห็นใจ ฮวางจองตัดสินใจมารักษาพ่อ




“นี่เท้าของท่าน ไปถูกอะไรมาน่ะ?”

“ก่อนหน้านี้ ข้าเคยไปถูกตะปูตำเข้าที่เท้ามาก่อน แต่ว่านึกไม่ถึงว่ามันจะกลายเป็นอย่างนี้”

“ติดเชื้อที่ผิวจนอักเสบ ทำไมไม่มาที่นี่ก่อนหน้านี้”

“เพราะข้า คิดว่าแค่เอาเหล้าทาแล้วจะหาย”

“นี่ท่าน ดื่มเหล้ามากใช่มั้ย?”

“เอ่อ ใช่ ก็ตั้งแต่เมียตายไป แล้วก็ลูกข้า...” มาตังแกมองหน้าฮวางจอง ฮวางจองจับไปที่ขา “ข้าจะจับดูถ้าเจ็บก็บอกนะ”



ฮวางจองใช้นิ้วกดไปที่ขา แต่มาตังแกไมรู้สึก ซ๊อกรันเห็นก็แปลกใจ “ไม่...ไม่เจ็บเหรอคะ”

“อ้อ ๆ ครับ ไม่ ไม่รู้สึกอะไรเลย” มาตังแกบอก ฮวางจองถึงกับหนักใจ

หมอเฮรอนเห็นแผลและอาการของมาตังแก ก็เรียกฮวางจองมาบอก “เชื้อลุกลามไปถึงบริเวณนี้แล้ว เราคงจำเป็นต้องตัดขาตรงนี้ทิ้ง”

“ถ้าไม่ตัดขา คนไข้จะเป็นยังไงคะ”

“ดูจากอาการในตอนนี้ อาจติดเชื้อที่เลือดจนตายได้ ถ้ายิ่งปล่อยนานไป เชื้อก็จะลุกลามมากขึ้นไปอีก” โดยังบอก

“ถูกต้องแล้ว เราต้องช่วยกันกล่อมให้คนไข้ยอมเข้าผ่าตัดโดยเร็วที่สุด เพราะว่าผิวหนังของเค้าตายมาถึงบริเวณนี้แล้ว ผิวหนังตัดตามเส้นนี้ แต่กระดูกจะต้องตัดให้สูงขึ้นไปอีก” หมอเฮรอนชี้

“เพราะต้องใช้ผิวหนังในการเย็บปิดแผลใช่มั้ยครับ”

“อย่างนั้นแหละ ความจริงแล้วในการผ่าตัดจริงจะต้องสูงเกินเส้นนี้มา”

“ดังนั้นต้องรีบตัดสินใจ ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องตัดขึ้นไปถึงเข่า”

ฮวางจองถึงกับอึ้งไปที่พ่อตนเองจะต้องถูกตัดขา หมอเฮรอนมอบหน้าที่เกลี้ยกล่อมมาตังแกให้กับฮวางจอง ฮวางจองยิ่งตกใจ ซ๊อกรันเห็นใจ ฮวางจองมาก พูดขึ้น “ให้ข้าเป็นคนพูดเองดีกว่า เพราะข้ารู้จักกับคนไข้คนนั้นมาตั้งนานแล้ว”

โดยังห้าม และมองฮวางจองด้วยความสะใจ “ซ๊อกรัน นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องทำ เพราะคนฆ่าสัตว์คนนั้น เป็นคนไข้คนแรกของนักศึกษา ฮวาง”

ระหว่างนั้นมาตังแกถามนังนังว่าฮวางจองเป็นใครมาจากไหน นังนังบอกว่าฮวางจองเป็นนักศึกษาแพทย์ที่เก่งที่สุด



“เค้าเป็นแพทย์ฝึกหัดที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาลเรา เค้ารักษาเก่งที่สุด อ้อ ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะสอบได้จองวอนด้วยนะ”

“จอ ๆ ๆ จองวอน”

“ก็สอบได้ที่หนึ่งไงล่ะคะ หน้าตาดีแถมจิตใจดีด้วย โอ้ย ตอนข้าเป็นโรคฝีดาษเค้าก็แบกข้ากลับมา เค้ายังสอนข้าเขียนหนังสือด้วยนะ เค้ายังบอกข้าอีกว่า อนาคตข้าจะต้องเป็นพยาบาลที่เก่งได้แน่นอน เค้าเคยบอกกับข้าอย่างนี้ด้วยล่ะ”

“ฟังเหมือนเค้าเป็นคนเก่งมากเลยสินะ”

“แน่นอน เค้าเป็นคนสำคัญที่เจจุงวอนเราขาดไม่ได้เลยล่ะ”

“เอ่อ แล้วทำไมเค้าถึงได้มา...อยู่ที่เจจุงวอนนี่ได้ล่ะครับ” มาตังแกถามต่อ

“ท่านถามเรื่องนี้ไปทำไมเหรอ?”

มาตังแกรีบกลบเกลื่อน “หา อ้อ คืออย่างนี้ เค้าเหมือนคนที่ข้ารู้จักคนนึง ข้าก็เลยรู้สึกอยากรู้ขึ้นมา”

“อ้อ คงไม่ใช่หรอก บ้านเกิดของนักศึกษาฮวางไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ข้าเคยได้ยิน ว่าเค้าเคยถูกปืนยิง แล้วหมออัลเลนก็ช่วยชีวิตเค้าไว้ มันผ่านมาสองปีแล้ว จากนั้นนักศึกษาฮวาง ก็เริ่มมุมานะเรียนแพทย์เพราะอยากที่จะรักษาคน”

มาตังแกไม่อยากทำลายอนาคตลูกชายจึงคิดจะหนีออกจากเจจุงวอน โดยบอกนังนังว่าจะไปเข้าห้องน้ำและหนีไป นังนังเอาเรื่องมาบอกโดยังและซ๊อกรัน ฮวางจองมาเจอมาตังแกที่กำลังจะหนีออกจากเจจุงวอนโดยไม่ยอมรักษาตัว แม้ฮวางจองจะขอร้องก็ตาม



“ถ้าหาก...ถ้าหากไม่มีข้าอยู่ ถ้าหากข้าไม่ได้มา เจ้าก็จะได้เป็นอย่างที่เป็น เจ้าจะได้เป็นหมอ ได้มีชีวิตอย่างคนอื่นบ้าง ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริง ๆ เจ้ารีบเข้าไปเถอะ ไปเถอะ โอ๊ย” มาตังแกจะเดินไป แต่ก็ต้องล้มลง“ท่านพ่อ” ฮวางจองตะโกนออกมา
  
มาตังแกถูกนำเข้าในห้องตรวจอีกครั้ง และครั้งนี้หมอเฮรอนก็บอกเรื่องแผลที่ขาของมาตังแกรุนแรงมากจนต้องตัดขาทิ้ง



“จะตัดขาข้าทิ้งน่ะเหรอ?” มาตังแกตกใจมาก

“เพราะถ้าไม่ยอมตัดขาทิ้ง เจ้าอาจจะตายก็ได้ ถ้าไม่รีบผ่าตัดโดยเร็วเนื้อที่เน่าก็จะลามมากขึ้น และจะต้องตัดมากกว่าเดิม อาจจะติดเชื้อเข้ากระแสเลือด” โดยังบอก

“ข้าน้อยโง่เขลาเลยอยากจะถามให้แน่ใจ เมื่อกี้ที่ท่านพูดมาหมายความว่า ถ้าไม่ตัดขาก็จะต้องตายเหรอ? หึ ๆ ๆ”

“ท่านยอมผ่าตัดเถอะนะ รักษาชีวิตเอาไว้ ดีมั้ยคะ?” ซ๊อกรันช่วยหว่านล้อมอีกคน

“ตัดขาแล้วจะมีประโยชน์อะไร ข้าจะมีชีวิตอยู่ไปได้อีกสักกี่ปีเชียว ฮะ ๆ อีกอย่างนึงนะ ถ้าข้าตัดขาข้าแล้ว ตายแล้วไปหายมบาลยังไง ข้ามาที่นี่ ตอนแรกแค่คิดว่าจะได้ยากลับไปสักห่อก็พอ ข้าไม่ตัดขา”



“ถ้าไม่ผ่าตัดท่านจะต้องตายนะ ได้โปรดผ่าตัดเถอะ” ฮวางจองทนฟังอยู่นานก็ตวาดออกมา เฮรอนเห็นท่าทางเก็บอารมณ์ไม่อยู่ของฮวางจองถึงกับอึ้ง

“ได้โปรด รักษาตามที่เราบอกด้วย ท่านต้องมีชีวิต ยอมผ่าตัดแล้วมีชีวิตต่อไป” ฮวางจองขอร้องพ่อ

“ก่อนหน้านี้ ข้าตายไม่ได้ เพราะมีความขมขื่นที่มันค้างคาอยู่ในใจ แต่ในตอนนี้ ถึงจะตายก็ไม่เสียใจอะไรอีกแล้ว”

“ขอร้องล่ะ ได้โปรดทำตามที่ข้าบอก ได้โปรดเถอะนะ”

“นักศึกษาฮวาง ไม่ต้องพูดแล้ว ถึงพวกเราจะพูดยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ผมจำเป็นต้องขอคุยกับครอบครัวของคุณหน่อย บ้านคุณอยู่ที่ไหน ผมจะให้คนไปตามคนในครอบครัวมา” หมอเฮรอนถามขึ้น

“ตอนนี้ข้าน้อยไม่มีครอบครัวหรอก เมียของข้าน้อยป่วยเป็นโรคปอดตายไปแล้ว ส่วนลูกชาย ลูกชายของข้า เค้าถูกปืนยิง จน...จมน้ำตายไปแล้ว” มาตังแกบอก น้ำตาซึม ฮวางจองก็ร้องไห้ออกมา “ข้าน้อยไม่ควรมาที่นี่เลย ต้องขอโทษด้วย  จริง ๆ ข้าจะไม่มาหาที่นี่อีกแล้ว ที่นี่เป็นที่ที่ดีมากจริง ๆ ขอให้ท่านได้เป็นหมอที่รักษาคนไข้ เป็นหมอที่เก่งของที่นี่ด้วย โอ๊ย...”


มาตังแกจะลุกขึ้นเดิน แต่ก็ต้องล้มลงอีก  ฮวางจองทนไม่ไหวก็ร้องเรียก “ท่านพ่อ เค้าเป็นพ่อของข้า ข้าเป็นลูกข้ายอมให้ผ่าตัด ได้โปรดช่วยพ่อข้าด้วย” ฮวางจองตะโกนบอกทุกคน เพราะต้องการให้พ่อมีชีวิตรอด

“นี่ท่านจะทำอะไร คนชั้นต่ำอย่างข้า จะเป็นพ่อได้ไง ไม่จริงนะ ไม่ใช่เรื่องจริง หมอคนนี้เค้าจำคนผิดแล้ว” มาตังแกโวยวายปฏิเสธ ไม่อยากให้ลูกเดือดร้อน

“ไม่นะ ท่านพ่อ ๆ” ฮวางจองร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น
  
พระเจ้าโกจงรู้เรื่องการผ่าตัดต้อกระจกที่ผ่านไปได้ด้วยดี ทุกคนพูดถึงนักศึกษาแพทย์ฝึกหัดที่สอบได้อันดับหนึ่งซึ่งร่วมเป็นผู้ช่วยหมอเฮรอนในการผ่าตัดครั้งนี้ด้วย พระเจ้าโกจงหวังจะให้ฮวางจองเป็นเสาหลักในเจจุงวอนต่อไป จึงอยากพบฮวางจอง

ด้านหมอเฮรอนพอรู้เรื่องว่าฮวางจองโกหกก็ผิดหวังและเสียใจมากที่ฮวางจองโกหกทุกคน โดยังสะใจมากที่ทุกคนโกรธฮวางจอง ขณะที่ซ๊อกรันกลับเห็นใจฮวางจองอย่างมาก

“ท่านคิดว่า ผอ.เฮรอน จะยอมผ่าตัดให้ พ่อนักศึกษาฮวางมั้ย” ซ๊อกรันเปรย ๆ กับโดยัง

“เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว เค้าไม่มีทางทอดทิ้งคนไข้หรอก ข้าเพิ่งจะเริ่มเชื่อใจนักศึกษาฮวางได้ แต่นึกไม่ถึงว่า...ตอนนี้ข้ากลับไปรู้สึกเหมือนตอนนั้น ตอนนี้ความรู้สึกข้ามันยิ่งกว่าโกรธอีก”

“ข้าขอโทษด้วย”

“เจ้าขอโทษอะไร ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าขอโทษอะไร” โดยังถามอย่างแปลกใจ

“ข้าแค่...อยากขอโทษท่านแทนนักศึกษาฮวางเท่านั้น”


“เจ้าหมอนั่นหลอกลวงเจ้ามาตลอด ยังไม่ยอมตื่นอีกเหรอ มันหลอกใช้ความใสซื่อของเจ้านี่แหละที่ทำให้ข้าโกรธ”

“เค้าไม่เคยหลอกข้าเลย นักศึกษาฮวาง เค้าไม่เคยหลอกลวงข้าเลย”

“เจ้าหมายความว่ายังไง?” โดยังแปลกใจยิ่งขึ้น

“ข้ารู้เรื่องนี้นานแล้ว ข้ารู้หมดทุกอย่าง ดังนั้นได้โปรดอย่าโทษนักศึกษาฮวางเค้าเลย เพราะว่าเค้าไม่ใช่คนเลว” ซ๊อกรันบอกความจริงว่าเธอรู้เรื่องของฮวางจองนานแล้ว โดยังถึงกับอึ้งไปที่ซ๊อกรันปิดบังเขามาตลอด
  
เพื่อน ๆ นักศึกษาด้วยกันรับไม่ได้ที่ฮวางจองหลอกว่าเป็นบัณฑิตเข้ามาสอบเป็นนักศึกษาแพทย์ จึงร่วมกันขับไล่จะจับตัวส่งกองปราบ แต่ซ๊อกรันก็ตามมาช่วยไว้


“ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ย?”

“ตอนนั้นหลังจากที่คุณหนูช่วยชีวิตข้า ข้าควรจะหนีไปต้าชิงแล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก สำนึกตอนนี้ก็สายไปแล้ว” ฮวางจองพูดอย่างละอายใจ

“ถ้าไปซะตอนนั้นก็ดี” ชักแทเห็นด้วย

“ไปตอนนี้ก็ยังไม่สายหรอก ท่านเคยบอกว่าจะไปกับข้าไงล่ะ เราไปด้วยกันนะ ต้าชิงหรืออเมริกา ไปไกลสุดขอบฟ้า ท่านเองก็รู้ว่าข้าไม่มีทางนิ่งเฉยแน่ ข้าก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยท่านออกไป” ซ๊อกรันรีบบอก

แต่ฮวางจองปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้ซ๊อกรันเดือดร้อน “คุณหนู ได้โปรดอย่าทำอย่างนั้นเลยครับ”

“ทำไมล่ะ พ่อของคุณหนูซ๊อกรันคือใต้เท้ายูนะ”

“คุณหนูฟังข้าให้ดีนะ คุณหนูไม่ต้อง คุณหนูไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น?”

“ทำไมล่ะ”

“เพราะถ้าท่านช่วยข้า คุณหนูจะต้องมีอันตราย”

“บอกแล้วไง ว่ายังไงข้าก็ต้องช่วยท่านท่านลืมที่ข้า...เคยบอกกับท่านแล้วรึไง ว่ายังไงข้าก็จะต้องช่วยท่านให้ได้” ซ๊อกรันยืนยัน

“ท่านช่วยข้าไม่ได้แล้วล่ะ คงเข้าใจที่ข้าพูดใช่มั้ย ถือว่าข้าขอร้อง นี่คงเป็นคำขอร้อง...ครั้งสุดท้ายของข้า” ฮวางจองพูดน้ำตาคลอ
  
ล่ามยูทราบข่าวเรื่องฮวางจองจึงมาตาม      ซ๊อกรันกลับบ้าน


“ท่านพ่อ ท่านพ่อเองก็รู้ใช่มั้ย แหวนที่ข้าใส่อยู่นี้เป็นของฮวางจอง ฮวางจองเค้าเคยช่วยชีวิตของท่านพ่อเอาไว้ ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ เค้ายังสามารถช่วยชีวิตคนได้อีกมากมาย ไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไง แต่อย่างน้อยท่านก็รู้ดี”

“ข้าได้ยินว่าฮวางจองเป็นลูกชายของมาตังแก ไปเถอะ”

“ข้าไม่ไป ข้าไปไม่ได้ ข้ารู้มาตั้งนานแล้ว ข้ารู้มาตั้งนานแล้วว่า เค้าเคยเป็นคนฆ่าสัตว์” ซ๊อกรันพยายามบอก  แต่ล่ามยูไม่ฟัง หันไปบอกมักเซงให้พาซ๊อกรันขึ้นเกี้ยวกลับบ้าน
  
เฮรอนให้โดยังมาช่วยเขาผ่าตัดให้กับมาตังแกจนประสบความสำเร็จ ขณะที่เจอุ๊กเป็นตัวแทนนักศึกษาแพทย์มาขอให้เฮรอนส่งตัวฮวางจองไปรับโทษ


“นักศึกษาแพทย์ยูนเจอุ๊ก มาขอร้องเรียนต่อดอกเตอร์เฮรอน ท่านเป็นผู้อำนวยการเจจุงวอน เป็นที่นับถือไว้ใจของนักศึกษาแพทย์และคนไข้ทุกคน ข้าเชื่อว่าท่านคงจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ในสองวันนี้เป็นอย่างนี้แล้ว พวกข้าขอให้ท่านคำนึงถึงชื่อเสียงโรงพยาบาลเจจุงวอน นักศึกษาแพทย์ทุกคนจึงรวมตัว เพื่อมาร้องขอดังนี้ ข้อหนึ่ง ให้รีบส่งตัวฮวางจองไปกองปราบ เพื่อรับโทษตามกฎหมายเดี๋ยวนี้”

“ส่งตัวไปเพื่อรับโทษตามกฎหมาย” นักศึกษาทุกคนต่างก็เห็นด้วย

“ข้อสอง ให้ผลคะแนนและการสอบของฮวางจองเป็นโมฆะ และให้มีการสอบใหม่ เพื่อทำการคัดเลือกนักศึกษาคะแนนสูงสุด...”

“นักศึกษาฮวางน่าสงสารจังเลย พ่อของท่านก็น่าสงสาร” ซ๊อกรันพยายามช่วยเหลือฮวางจอง

“ถึงเค้าจะดูน่าสงสาร แต่ว่าเค้าก็หลอกลวงพวกเราโดยที่เราไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ข้ายังเริ่มรู้สึกกลัวเค้าเลย”

“เรื่องพวกนี้โกหกแล้วยังไงล่ะ นี่ถ้าพูดตามตรงนะ ถ้าไม่มีนักศึกษาฮวาง เจจุงวอนก็ไม่มีวันรุ่งเรืองมาได้ถึงวันนี้ เฮ้อ ทุกคนช่างทำเกินไปจริง ๆ”

“ทำเกินไปเหรอ เกิดเป็นคนฆ่าสัตว์แต่กล้าคิดจะมาเป็นหมอ โอ้ย เมื่อไหร่พวกเค้าจะเลิกประท้วงสักทีนะ”

“ขอให้ท่านจับฮวางจอง ไปลงโทษตามกฎหมายซะ”

“จับเค้าไปลงโทษตามกฎหมาย”

“ยกเลิกคะแนนสอบทั้งหมดให้เป็นโมฆะ”


“ผอ.เฮรอน ที่ประเทศตะวันตกคนที่จะเป็นหมอ ต้องใช้เวลาเรียนนานเท่าไหร่ครับ?”

“ก็ประมาณซักสิบปี แต่ถ้าเป็นความสามารถระดับนักศึกษาฮวาง สามสี่ปีเค้าก็เป็นแพทย์ได้แล้ว นักศึกษาฮวางเป็นคนที่พิเศษมาก เค้ามีพรสวรรค์” หมอเฮรอนบอก

“มีพรสวรรค์งั้นรึ?”

“ใช่ เค้าไม่ได้มีแค่สมองกับความสามารถแต่ว่าเค้ายังมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่อยู่อีกด้วย ผมเพิ่งเข้าใจว่าทำไมดอกเตอร์อัลเลนถึงได้ให้ความสำคัญกับเค้านัก”

“เฮ้อ ๆ นี่พวกท่านคุยอะไรกันอยู่เนี่ย เจ้าเด็กคนนั้นมันเป็นคนฆ่าสัตว์นะ” คูฮอนแย้ง



 “คนฆ่าสัตว์ ทำข้าพูดไม่ออกจริง ๆ คราวก่อนคนสอบได้ที่หนึ่งเป็นผู้หญิงทำเอาวุ่นไปทีนึง คราวนี้ก็เอาอีกแล้ว มีคนฆ่าสัตว์มาอีกแล้ว เฮ้อ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็ส่งตัวเค้าให้กองปราบแล้วก็ปิดเจจุงวอนไปซะเลยสิ” ใต้เท้าโอบ่น

“อะไร ผู้จัดการโอ นี่ท่านพูดอะไรออกมาเนี่ย”

“ก็ไอ้ที่ข้าพูดมันผิดรึไงล่ะ ในเมื่อคนที่เก่งที่สุดในเจจุงวอนเป็นคนฆ่าสัตว์ ถ้างั้น...ไอ้พวกที่มันร้องตะโกนอยู่ข้างนอกนั่นเรียนกันประสาอะไร น่าไม่อายจริง ๆ ก่อนจะกล่าวโทษคนอื่นก็ย้อนมองตัวเองก่อนสิ ถ้าเราคิดในจุดยืนของเจจุงวอน นักศึกษาฮวางก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเค้าไม่เพียงแต่ดูแลคนไข้อย่างดี แถมยังทำวัคซีนโรคฝีดาษ เคยช่วยชีวิตนักศึกษาเบ๊ก แก้ปัญหาเจจุงวอนเป็นที่กินเด็ก ทั้งหมดนี้เป็นความผิดด้วยรึไง?”

“แต่ว่าเค้าปิดบังชื่อแซ่ของตัวเอง แถมแอบอ้างว่าเป็นคนอื่นอีกด้วย ชื่อจริง ๆ ของเจ้าหมอนั่นชื่อโซกึนแก  โซกึนแก นี่หมายถึงลูกหมาตัวเล็ก ๆ ไม่มีน้ำหนัก ความหมายก็คือชื่อไอ้ลูกหมาไงล่ะ” คูฮอนบอก

“ถ้าเป็นอย่างที่ท่านว่ายูซ๊อกรันก็ควรจะถูกตัดคุณสมบัติแล้วถูกไล่ออกไปด้วยเหมือนกันสิ เพราะนางเองก็เคยแอบอ้างชื่อเป็นคนอื่นมาหลอกทุกคนไม่ใช่เรอะ” ใต้เท้าโอพูดขึ้น

“เอ่อ ๆ  ก็ แบบว่าตอนนั้น  ตอนนั้นพระราชามีรับสั่งให้พวกเราจับกุมคนที่ทำผิดกฎการสอบไปส่งให้ที่กองปราบนี่นา นี่ท่านลืมไปแล้วรึไงเนี่ย?”

“ข้าไม่ลืม...เฮ้อ...”


“ตอนนั้นพระราชามีพระประสงค์ต้องการจะลงโทษคนที่ทำการโกงข้อสอบ แต่ว่า ฮวางจองสามารถผ่านการสอบเข้ามาด้วยความสามารถของเค้าเอง ถ้าหากจะมองว่าการกระทำของฮวางจองเป็นการโกงละก็ ข้าคิดว่าควรจะจับคนที่สับเปลี่ยนข้อสอบของฮวางจองไปส่งกองปราบด้วยเหมือนกัน”

“จับ ๆ ๆ จับส่งกองปราบเหรอ?”

“อืม เอาล่ะ เรื่องนี้ ผอ.เฮรอนคิดว่ายังไงครับ?” ยองอิกถาม

“ผมก็คิดเหมือนผู้จัดการโอครับ”คูฮอนถึงกับเซ็ง

หมอเฮรอนเรียกให้โดยังมาช่วยเขาตัดขามาตังแกจนสำเร็จ เฮรอนจึงมาบอกฮวางจอง ฮวางจองรีบขอบคุณ“ถ้าต้องการคุณจะอยู่ที่นี่ก็ได้นะ ผมไปล่ะ”

“ขอบคุณครับ ผอ.”

หมอเฮรอนเดินออกไป โดยังยิ้มเยาะเข้ามาซ้ำเติม “เฮ้อ...ที่ผ่านมาไม่ว่านักศึกษาฮวางจะทำอะไร ข้าก็ไม่เคยประหลาดใจเลย แต่เรื่องครั้งนี้ข้าตกใจจริง ๆ เป็นไง ความรู้สึกที่ได้หลอกลวงคนอื่น สนุกดีมั้ย?”

“ข้าต้องขอโทษด้วย”

“ขอโทษงั้นเหรอ ซ๊อกรันเองก็พูดคำนี้เหมือนกัน หึ ชนชั้นต่ำคิดจะใช้ความรู้ดิ้นรนให้ได้ใช้ชีวิตอย่างคนอื่นกับเค้าบ้างงั้นรึ ข้าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกนี่แหละ”


“ในระหว่างที่เรียนหมอ สิ่งที่ปลอบใจข้ามาตลอดก็คือ ความจริงที่ว่าคนทุกคนมีความเท่าเทียมกัน เลือดเนื้ออวัยวะของชนชั้นต่ำก็ไม่ได้น้อยกว่า...หรือไม่ได้มากไปกว่าคนอื่นแม้แต่น้อย” ฮวางจองบอก

“ถ้าพูดตามหลักกายวิภาคมันก็จริงอยู่...”

“แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะ? แม้แต่เลือดที่ไหลอยู่ในตัวก็ไม่ต่างกัน เรื่องนี้ท่านเป็นคนสอนข้าเองตอนที่ท่านทดลองให้เลือดคนตอนนั้นไงล่ะ ข้าก็แค่...เป็นคนที่อยากช่วยชีวิตคน อยากจะช่วยคนที่ต้องทนทุกข์กับโรคภัย แต่การที่ต้องเกิดเป็นชนชั้นต่ำ มันทำให้ทุกอย่างที่ทำไปไร้ความหมาย งั้นรึ ทั้งที่การเกิดนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเราเลือก” ฮวางจองพูดสิ่งที่อัดอั้นในใจ

โดยังถอนหายใจ “อีกสักพักพ่อเจ้าก็จะฟื้นแล้ว คอยดูแลเค้าให้ดี ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ลืมวันเวลา ที่เจ้าเคยช่วยชีวิตคน หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจ”



ความผิดของฮวางจองทำให้เฮรอนไม่สามารถทัดทานเรียกร้องให้ลงโทษได้ ในวันที่ฮวางจองต้องออกไปจากเจจุงวอนทำให้หลายคนซ้ำเติม เมื่อรู้ว่าเขาเป็นลูกของคนฆ่าสัตว์ จะมีเพียงบางคนเท่านั้นที่มาส่ง และในจำนวนนี้คือ ซ๊อกรัน

“นักศึกษาฮวาง”

“ยืนทำอะไรอยู่ ทำไมยังไม่รีบคุกเข่าอีก” มาตังแกบอกลูกชาย ฮวางจองรีบคุกเข่าและร้องไห้ออกมา ซ๊อกรันรีบห้าม “ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ อย่าไปนะ ท่านจะไปอย่างนี้ไม่ได้”



“คุณหนู ข้ารู้สึกเหมือนว่าข้าเพิ่งฝันไป พอตื่นขึ้นจากฝัน ถึงรู้ว่าข้ายังคงใส่ชุดเดิม สงสัยว่าช่วงที่ผ่านมา ข้าคงจะใส่ชุดที่ไม่เหมาะกับตัวเอง” ฮวางจองพูดน้ำเสียงต้อยต่ำ

“ไม่จริง”

“คุณหนู ได้โปรดอย่าทำอะไรเลย ปล่อยให้พวกข้าจากไปอย่างเงียบ ๆ เถอะนะ” ฮวางจองขอร้อง




“ไปเถอะ โซกึนแก” ชักแทบอก

“นั่นสิ กลับบ้านกันเถอะ” ฮวางจองน้ำตาไหล มองซ๊อกรันอย่างอาลัย


เนื้อหา: เดลินิวส์ / ภาพจากละคร (เอสบีเอส)

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ9 ตุลาคม 2555 เวลา 15:23

    สังคมศักดินานี่มันช่างน่ารังเกียจขยะแขยงอะไรเช่นนี้

    วัดคุณค่าของคนที่ชนชั้น ถึงแม้เขาจะพยายามกระเสือกกระสนขึ้นมาด้วยความสามารถของเขา ก็ยังไร้ความหมาย

    แต่ เอ้อ มันก้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วในเกาหลี

    แต่ไหง เชื้อชั่วนี้ยังคงแอบแฝงอยู่ในสังคมไทยได้น้อ

    ต้องมีต้นตอเชื้อชั่วศักดินาใหญ่แน่ๆเลย

    ตอบลบ

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา