เนื้อหา
เมื่อมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า ชเวยองที่เพิ่งพ้นโทษมาหมาดๆ ก็เดินนำเหล่าอูดัลจิ (ทหารองครักษ์ของพระราชา) เข้ามาในท้องพระโรง จากนั้นก็นำลูกน้องคุกเข่าถวายความเคารพ ก่อนลุกไปรายงานตัวและรอรับพระบัญชาที่หน้าบัลลังก์ ระหว่างเดินไปหาพระเจ้าคงมิน สายตาของชเวยองจับจ้องไปที่อึนซู (ซึ่งนั่งเคียงข้างคีชอล) ตลอดเวลา อึนซูจะลุกไปหาชเวยองแต่ถูกคีชอลกดตัวให้นั่งลง ชเวยองเห็นดังนั้นจึงหันกลับไปมองพระเจ้าคงมินแล้วคุกเข่าใกล้ๆ กับที่นั่งของอึนซู โดยไม่หันไปมองเธออีกเลย
พระเจ้าคงมินตรัสชมชเวยองด้วยความซาบซึ้งใจ เนื่องจากที่ผ่านมาเขาและผู้ใต้บังคับบัญชาต่างก็ทำงานรับใช้พระองค์ด้วยความเหนื่อยยากและเสี่ยงต่ออันตราย จาอูนได้ยินดังนั้นก็รีบลุกออกมาแย้งว่าชเวยองเป็นคนทรยศที่วางแผนก่อกบฏและคิดโค่นล้มบัลลังก์ของพระองค์ แถมยังปลงพระชนม์อดีตพระราชาอีกต่างหาก จึงสมควรถูกประหารมากกว่าได้รับการปูนบำเน็จ พระเจ้าคงมินได้ฟังคำพูดที่ขัดแย้งกันเองของจาอูน จึงตรัสถามว่า ตกลงแล้วชเวยองคบคิดอดีตพระราชาหวังโค่นล้มบัลลังก์ของพระองค์ หรือว่าชเวยองสังหารอดีตพระราชาที่อาจเป็นภัยต่อบัลลังก์ของพระองค์กันแน่ จาอูนได้ยินดังนั้นก็ถึงกับอึ้งพูดไม่ออก
พระเจ้าคงมินตรัสว่า ทุกสิ่งที่ชเวยองทำก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นบัญชาของพระองค์ทั้งสิ้น จากนั้นก็ถามจาอูนว่า เขากำลังกล่าวหาว่าพระองค์วางแผนโค่นล้มตัวเองงั้นหรือ พระองค์ยังตรัสด้วยว่า "เพราะความเข้าใจผิดทำให้ชเวยองถูกปรักปรำและลงเอยด้วยการเป็นนักโทษที่ถูกจองจำ แต่ทั้งหมดที่เขาทำล้วนเป็นแผนตัดรากถอนโคนคนคิดคด...." พระเจ้าคงมินหันไปมองหน้าคีชอลแล้วตรัสต่อว่า "...และเพื่อเปิดโปงตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังแผนชั่วทั้งหมดนี้"
หลังจากนั้น พระเจ้าคงมินก็ประกาศว่า "ขุนนางขั้นห้า* หัวหน้าชเวยอง! ข้าจะเลื่อนขั้นเจ้าขึ้นมาเป็นขุนนางขั้น 4 และขอมอบสิทธิพิเศษให้แก่หน่วยอูดัลจิ นับแต่นี้เป็นต้นไปห้ามใครสั่งปลดอาวุธ ปลดประจำการ หรือออกคำสั่งเหล่าอูดัลจินอกจากข้าโดยเด็ดขาด นี่คือบัญชาของพระราชาแห่งโครยอ" เหล่าอูดัลจิต่างพากันดีใจที่พวกตนสามารถทำงานได้โดยอิสระ และขึ้นตรงต่อพระราชาเพียงองค์เดียว ขณะที่ชเวยองและพระเจ้าคงมินต่างก็แอบยิ้มให้กัน
* ขุนนางเกาหลีในสมัยโบราณจะมี 18 ระดับและมีทั้งหมด 9 ขั้น ขุนนางใหญ่ขั้น 1-3 จะสวมชุดสีแดง ขุนนางระดับรองของขั้น 3 ถึงระดับรองของขั้น 6 จะสวมชุดสีน้ำเงิน ส่วนขั้นต่ำลงมาจะสวมชุดสีเขียว
หลังจากนั้นสมุนของคีชอลที่แฝงตัวเข้าไปถวายอารักขาพระมเหสีที่ตำหนักใน ก็แอบมารายงานความเคลื่อนไหวภายในตำหนักพระมเหสีให้คีชอลทราบ โดยบอกว่าเมื่อคืนนี้พระเจ้าคงมินเสด็จไปที่ตำหนักควอนซองจอนกลางดึกเพื่อมอบฉลองพระองค์แบบโครยอให้พระมเหสี ยางซาและคีวอนได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ของพระราชาและพระมเหสีไม่สู้ดีนัก ทั้งยังตั้งตนเป็นศัตรูกันตั้งแต่สมัยยังอยู่ในแผ่นดินหยวน จึงคาดว่าพระมเหสีซึ่งเป็นองค์หญิงแห่งหยวนคงรู้สึกไม่พอพระทัยเมื่อได้รับคำสั่งให้สวมชุดแบบโครยอ แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อรู้ว่าพระมเหสียอมสวมชุดใหม่แต่โดยดี
เมื่อได้รับรายงานว่าพระเจ้าคงมินสั่งให้ขันทีนำราชโองการไปมอบให้ชเวยองตอนรุ่งสางของวันนี้ คีชอลก็สรุปเหตุการณ์ได้ทันทีว่า ชเวยองแหกคุกเพื่อไปเข้าเฝ้าพระเจ้าคงมินช่วงบ่ายวานนี้ นับจากนั้นแผนทั้งหมดก็ถูกดำเนินการจนแล้วเสร็จภายในคืนเดียว เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าพระราชาที่อ่อนแอและยังทรงพระเยาว์อย่างพระเจ้าคงมินจะรวบรวมความกล้าหาญจนสามารถทำการใหญ่ได้ภายในชั่วข้ามคืน
เมื่อได้รับรายงานว่าพระเจ้าคงมินสั่งให้ขันทีนำราชโองการไปมอบให้ชเวยองตอนรุ่งสางของวันนี้ คีชอลก็สรุปเหตุการณ์ได้ทันทีว่า ชเวยองแหกคุกเพื่อไปเข้าเฝ้าพระเจ้าคงมินช่วงบ่ายวานนี้ นับจากนั้นแผนทั้งหมดก็ถูกดำเนินการจนแล้วเสร็จภายในคืนเดียว เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าพระราชาที่อ่อนแอและยังทรงพระเยาว์อย่างพระเจ้าคงมินจะรวบรวมความกล้าหาญจนสามารถทำการใหญ่ได้ภายในชั่วข้ามคืน
ยางซาถามคีชอลว่าเขาจะอธิบายเรื่องนี้ให้พวกหยวน (ที่มาหาเขาที่บ้านในตอนนี้) ฟังยังไง คีชอลตอบว่า คนที่คอยหนุนหลังพระเจ้าคงมินมีเพียงชเวยองและเหล่าอูดัลจิเท่านั้น ขณะที่ขุนนางในราชสำนักทั้งหมดล้วนอยู่ภายใต้การครอบงำของตน แม้แต่ทหารยามที่ประจำการอยู่ในวังทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การควบคุมของตนด้วยเช่นกัน ยางซาเสริมว่าในตอนนี้แม้แต่อึนซูก็อยู่ในกำมือของคีชอลด้วยเช่นกัน คีชอลฉุกคิดอะไรได้บางอย่างจึงสั่งยางซาไปบอกพวกหยวนว่าให้รอตนก่อน เพราะตนมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องไปตรวจสอบ
หลังหลุดพ้นจากการถูกกักบริเวณและปลดอาวุธ เหล่าอูดัลจิก็กลับมาคึกคักและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ระหว่างที่มองเพื่อนอูดัลจิหยอกล้อกันอย่างมีความสุข แทมานก็นึกถึงชเวยอง เขาจึงเหลือบมองขึ้นไปบนห้องพักทางด้านบน ระหว่างนั้นชเวยองกำลังแต่งตัว (หลังจากอาบน้ำ) เขานึกถึงภาพความทรงจำตอนที่พาองค์ชายคยองชางไปหลบซ่อนตัวในกระท่อมบนภูเขา และนึกถึงวินาทีที่เขาจำเป็นต้องปลิดชีวิตองค์ชายเพื่อช่วยให้พระองค์หลุดพ้นจากความทรมาน วันนั้นเขาไม่เพียงสูญเสียองค์ชายเพราะคีชอล แต่ยังสูญเสียอิสรภาพ และต้องสูญเสียอึนซูให้กับคีชอลอีกด้วย
หลังแต่งตัวเสร็จแล้ว ชเวยองก็เดินออกมาทางด้านนอกแล้วหยิบดาบขึ้นมาเล่มหนึ่ง (แม้แต่ดาบคู่กายของเขาก็ยังถูกคีชอลยึดไป) เขาบอกลูกน้องว่าตนจะไปเข้าเฝ้าพระราชา จากนั้นก็สั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อมเพราะหน่วยอูดัลจิจะถูกเรียกตัวกลับไปประจำการที่ตำหนักพระเจ้าคงมินในไม่ช้า
ทั้งชเวยองและชเวซังกุงต่างก็ไปเข้าเฝ้าและหารือแผนการกับพระเจ้าคงมิน ชเวยองทูลว่าสิ่งแรกที่ต้องทำคือการเก็บกวาดวังหลวง ชเวซังกุงเสริมว่า ที่หลานเธอพูดหมายถึงการกำจัดหนูที่อยู่รอบตัวพระราชา โดยระบุว่าสถานที่ๆ มีหนูพูดได้ชุกชุมมากที่สุดก็คือในวัง จึงต้องเริ่มกำจัดหนูที่อยู่ใกล้ตัวเหล่านี้ทีละคน พระเจ้าคงมินรู้ว่าหนูตัวแรกที่ชเวซังกุงพูดถึงคือ โจ อิลชิน พระองค์จึงตรัสว่า "อำมาตย์ (ที่ปรึกษาพระราชา) โจ อิลชิน ติดตามไปรับใช้ข้าที่หยวนนานนับ 10 ปี ถึงแม้ว่าเขาจะพูดมากไปสักหน่อย แต่เราก็อยู่ด้วยกันมานาน"
ชเวซังกุงรายงานว่า ระยะหลังๆ อำมาตย์โจมัวแต่ยุ่งอยู่กับการติดสินบนทหารยามที่อยู่ในวัง (หรือทหารองครักษ์พิทักษ์วังหลวง ซึ่งมีด้วยกัน 2 หน่วยและขึ้นตรงกับกองทัพ) ทั้งหน่วยยองโฮกุน (หน่วยมังกรพยัคฆ์) และหน่วยอึงยางกุน (หน่วยเหยี่ยวบิน) ทั้งๆ ที่เขาเองก็รู้ว่าทหารยามทั้งสองหน่วยล้วนอยู่ภายใต้อิทธิพลของคีชอล ที่สำคัญฝีมือทหารเหล่านี้ไม่อาจเทียบชั้นกับทหารส่วนตัวของคีชอลและยังพร้อมที่จะแปรพักตร์ได้ตลอดเวลา แต่โจ อิลชินก็ยังอุตส่าห์ทุ่มเงินเป็นหีบๆ เพื่อซื้อตัวทหารเหล่านี้
ชเวยองสงสัยว่าทำไมอำมาตย์โจจึงมีเงินมากมาย ทำให้ถูกชเวซังกุงเหน็บว่าเขาเป็น 'นักรบซื่อบื้อ' เธออธิบายว่า ทันทีที่โจ อิลชินกลับมาถึงโครยอพร้อมพระเจ้าคงมิน เขาก็เข้าไปสำรวจท้องพระคลังเป็นที่แรก พระเจ้าคงมินได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกสงสัยว่าชเวซังกุงรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในวังได้อย่างไร ชเวยองจึงทูลว่า ชเวซังกุงรู้ลึกรู้จริงทุกเรื่องในวังหลวง ส่วนซูริบังรู้ทุกอย่างที่อยู่นอกวัง ดังนั้น พระองค์จำเป็นต้องได้ซูริบังมาเป็นพวกและตนก็จะพาพวกเขามาเข้าเฝ้าพระองค์เร็วๆ นี้ ชเวซังกุงไม่เชื่อว่าพวกซูริบังจะยอมมาเข้าเฝ้าพระเจ้าคงมินง่ายๆ ชเวยองจึงกล่าวว่า ถึงยังไงตนก็จะนำพวกซูริบังมาเข้าเฝ้าพระเจ้าคงมินให้ได้ ถึงแม้ว่าจะต้องอัดพวกเขาจนเละก่อนก็ตาม
หลังจากนั้น ชเวยองก็เล่าแผนการโดยนำหมากรุกเกาหลี (ชังกี) มาประกอบการอธิบายว่า สิ่งแรกที่พระเจ้าคงมินจำเป็นต้องได้มาก่อนคือข้อมูล เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วก็ต้องมีแนวร่วมหรือคนคอยสนับสนุน และเพื่อปกป้องคนเหล่านั้นพระองค์จำเป็นต้องมีกองทัพ แต่การที่จะมีกองทัพได้ก็ต้องมีเงินสนับสนุน ชเวซังกุงกล่าวว่า ตอนนี้เงินทั้งหมดของโครยอตกอยู่ภายใต้การควบคุมของคีชอล พระเจ้าคงมินได้ฟังดังนั้นจึงถามด้วยความเจ็บปวดใจว่า "ถ้าพวกเราร้องขอ เจ้าคิดว่าเขาจะยอมให้มั๊ย" เมื่อเห็นหลานยืนก้มหน้านิ่งไม่ยอมตอบ ชเวซังกุงจึงเตือนกึ่งสั่งชเวยองให้รีบตอบคำถาม ชเวยองจึงทูลตามตรงว่า คีชอลคงไม่ยอมมอบเงินให้แต่โดยดี และตนก็ไม่มีกำลังมากพอที่จะแย่งชิงเงินมาด้วย
พระเจ้าคงมินตรัสว่า สิ่งที่พระองค์ต้องการทำก่อนเป็นลำดับแรกคือการนำตัวอึนซูกลับมา เพื่อที่พระองค์จะได้สู้หน้าพระมเหสีและชเวยองได้ ชเวยองถามพระเจ้าคงมินเรื่องที่พระองค์ทรงพนันกับคีชอลโดยใช้อึนซูเป็นเดิมพัน พระเจ้าคงมินยอมรับว่า พระองค์พนันกับคีชอลเอาไว้ว่า หากคีชอลเอาชนะใจอึนซูได้ภายใน 7 วัน เขาจะได้ตัวเธอไปครอง ชเวยองจึงอาสาไปตรวจสอบว่าตอนนี้หัวใจอึนซูอยู่ที่ใคร
หลังจากนั้น ชเวยองก็เล่าแผนการโดยนำหมากรุกเกาหลี (ชังกี) มาประกอบการอธิบายว่า สิ่งแรกที่พระเจ้าคงมินจำเป็นต้องได้มาก่อนคือข้อมูล เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วก็ต้องมีแนวร่วมหรือคนคอยสนับสนุน และเพื่อปกป้องคนเหล่านั้นพระองค์จำเป็นต้องมีกองทัพ แต่การที่จะมีกองทัพได้ก็ต้องมีเงินสนับสนุน ชเวซังกุงกล่าวว่า ตอนนี้เงินทั้งหมดของโครยอตกอยู่ภายใต้การควบคุมของคีชอล พระเจ้าคงมินได้ฟังดังนั้นจึงถามด้วยความเจ็บปวดใจว่า "ถ้าพวกเราร้องขอ เจ้าคิดว่าเขาจะยอมให้มั๊ย" เมื่อเห็นหลานยืนก้มหน้านิ่งไม่ยอมตอบ ชเวซังกุงจึงเตือนกึ่งสั่งชเวยองให้รีบตอบคำถาม ชเวยองจึงทูลตามตรงว่า คีชอลคงไม่ยอมมอบเงินให้แต่โดยดี และตนก็ไม่มีกำลังมากพอที่จะแย่งชิงเงินมาด้วย
พระเจ้าคงมินตรัสว่า สิ่งที่พระองค์ต้องการทำก่อนเป็นลำดับแรกคือการนำตัวอึนซูกลับมา เพื่อที่พระองค์จะได้สู้หน้าพระมเหสีและชเวยองได้ ชเวยองถามพระเจ้าคงมินเรื่องที่พระองค์ทรงพนันกับคีชอลโดยใช้อึนซูเป็นเดิมพัน พระเจ้าคงมินยอมรับว่า พระองค์พนันกับคีชอลเอาไว้ว่า หากคีชอลเอาชนะใจอึนซูได้ภายใน 7 วัน เขาจะได้ตัวเธอไปครอง ชเวยองจึงอาสาไปตรวจสอบว่าตอนนี้หัวใจอึนซูอยู่ที่ใคร
หลังเข้าเฝ้าพระเจ้าคงมินแล้ว ชเวยองและชเวซังกุงก็เดินออกจากตำหนักพร้อมกัน ระหว่างนั้นชเวซังกุงเหลือบมองชเวยองด้วยความสงสัยหลายครั้ง ชเวยองอดรนทนไม่ไหวจึงหยุดเดินแล้วถามว่ามีอะไร ชเวซังกุงจ้องหน้าหลานก่อนลากตัวเขาไปแอบหลบคุยกัน เธอผลักชเวยองจนล้มลงกระแทกบันไดแล้วบอกให้เลิกฝัน ชเวยองถามกึ่งโวยวายว่า "เรื่องอะไร" ชเวซังกุงกล่าวว่า "เจ้าพูดเองไม่ใช่หรือว่าข้ารู้ทุกเรื่องในวัง ข้ายังรู้ด้วยว่านางเคยวิ่งตามเจ้าด้วยท่อนขาอันเปลือยเปล่าตอนกลางวันแสกๆ แล้วก็ร้องห่มร้องไห้ ท่านหมอไม่ใช่คนที่เจ้าจะแอบเก็บซ่อนความรู้สึกโง่ๆ แบบนั้นเอาไว้ในใจได้"
แทนที่จะปฏิเสธ ชเวยองกลับหัวเราะแล้วถามหน้าตาเฉยว่า "ทำไมถึงไม่ได้" ชเวซังกุงย้อนว่า "เจ้าถามเพราะไม่รู้จริงๆ เหรอ เป็นเพราะคีชอลต้องการตัวนางน่ะสิ" ชเวยองถามต่อ "แล้วไง" ชเวซังกุงถามกลับ "แล้วเจ้ายังจะตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นอีกหรือ" ชเวยองกล่าวว่า "อย่าห่วงข้าเลย" ชเวซังกุงสวนว่า "ทำไมข้าต้องห่วงเจ้า ท่านหมอต่างหากที่ข้าเป็นห่วง นี่เจ้ายังไม่รู้จักคีชอลอีกหรือ ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เขาอยากได้แล้วไม่ได้ ทำไมน่ะรึ ก็เพราะเขาจะกำจัดทุกสิ่งที่เขาไม่มีวันได้ครอบครองน่ะสิ ดังนั้น ถ้าเจ้าอยากให้ท่านหมอปลอดภัย ก็อย่าแม้แต่จะชำเลืองมอง อย่าเรียกชื่อนาง อย่าคิด..."
ชเวยองทนฟังไม่ไหวจึงรีบตัดบทด้วยการออกตัวว่า อึนซุเป็นแค่คนที่เขาพาตัวมาที่นี่ และเป็นคนที่เขาให้คำมั่นว่าจะส่งเธอกลับบ้านก็เท่านั้น ชเวซังกุงจึงกล่าวว่า "ก็จริง สุดท้ายแล้วผู้หญิงคนนั้นยังคงอยู่ในใจเจ้า... เด็กผู้หญิงที่เคยอยู่หน่วยชองวอลแดกับเจ้า คนที่ทำให้เจ้าหลับไปนานถึง 7 ปีเต็ม... นักรบหญิงคนนั้น" ชเวยองลุกหนีไปดื้อๆ ชเวซังกุงล้วงของบางอย่างออกมาจากเสื้อแล้วปาใส่ชเวยอง จากนั้นก็บอกว่า พวกซูริบังอยู่ไม่เป็นที่แต่ของสิ่งนี้จะช่วยให้เขาได้พบกับซูริบัง
ในเวลาเดียวกันนั้น อึนซูกำลังยืนครุ่นคิดอยู่บนสะพานโดยสวมเสื้อคลุมสีขาวตัวใหม่ เธอนึกถึงสายตาของชเวยองที่จ้องมองเธอขณะที่เขาเดินไปเข้าเฝ้าพระเจ้าคงมินในท้องพระโรงเมื่อเช้านี้ จากนั้นก็นึกถึงคำพูดของชอน อึมจาเมื่อคืนนี้ ที่เตือนไม่เธอมายืนอยู่ตรงหน้าในระหว่างที่เขากำลังซ้อมเป่าเพลงสังหาร อึนซูเห็นกระถางต้นไม้และข้าวของที่อยู่ตรงหน้าแตกกระจายในขณะที่อึมจาเป่าขลุ่ยก็รู้สึกตกใจ เมื่อรู้ว่าอึมจาสามารถฆ่าคนด้วยเพลงขลุ่ยอึนซูก็แทบช็อค อึมจากล่าวว่าตนเพิ่งรู้วิธีควบคุมพลังเสียงให้พุ่งตรงไปทางด้านหน้า เสียงขลุ่ยของตนจึงมีอานุภาพในการทำลายล้างและฆ่าคนที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น (ตอนที่เป่าขลุ่ยใส่ชเวยองในตอนที่ 5 เขายังไม่สามารถโฟกัสจุดได้)
ในตอนนั้นอึมจาบอกอึนซูว่า หากตนเป่าขลุ่ยใส่ชเวยองซึ่งถูกล่ามโซ่อยู่ในคุก (เมื่อคืนชเวยองยังอยู่ในคุก) ชเวยองไม่มีทางรอดเด็ดขาดไม่ว่าเขาจะเป็นนักรบที่เก่งกาจสักเพียงไหน อึมจายังบอกด้วยว่า "ข้าได้รับคำสั่งให้ไปหาชเวยองคืนนี้ แต่ก่อนไปเขา (คีชอล) สั่งให้ข้าถามท่านว่า... ข้าควรฆ่าหรือไว้ชีวิตชเวยองดี" อึนซูถามอึมจาว่า หากเธอขอร้องให้เขาให้ไว้ชีวิตชเวยองแล้วเขาจะยอมทำตามงั้นหรือ อึมจาปฏิเสธโดยบอกว่า หากเธอร้องขอชีวิตชเวยอง เขาจะฆ่าชเวยองเสีย แต่ถ้าเธอบอกให้เขาฆ่าชเวยอง ชเวยองก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
อึนซูได้ฟังดังนั้นก็โกรธมาก เธอจึงบุกไปหาคีชอลที่ห้องกลางดึกแล้วโวยวายดังลั่นที่เขาคิดเล่นตลกกับชีวิตคน เธอจะนั่งบนขอบโต๊ะเขียนหนังสือของคีชอลโดยยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาวางพาดโต๊ะ แต่กะระยะผิดเลยเสียหลักล้มลง คีชอลจึงช่วยยกขาอึนซูขึ้นมาวางพาดโต๊ะให้ เมื่อนั่งได้ที่แล้วอึนซูก็เปิดฉากต่อว่าคีชอลเป็นชุดที่คิดเล่นตลกกับเธอและยังตั้งตนเป็นศาลเตี้ย คีชอลหันไปมองหน้าอึมจาแบบงงๆ เพราะไม่รู้ว่าอึนซูโวยวายเรื่องอะไร อึนซูจึงขอคำอธิบายว่าทำไมเขาถึงออกคำสั่งให้อึมจาฆ่าชเวยองหากเธอร้องขอชีวิตเขา
คีชอลยิ้มอย่างใจเย็นแล้วกล่าวว่า "ที่ผ่านมาข้าพยายามถามท่านหลายครั้งว่าจะมอบหัวใจให้ข้าไหม หากท่านยอมมอบหัวใจให้ข้า ท่านคงไม่สนใจว่าชเวยองจะอยู่หรือตาย... หรือว่าท่านสนใจ" อึนซูถามกลับว่าเขากำลังข่มขู่เธอหรือ คีชอลตอบหน้าซื่อว่าตนแค่ถามเพราะอยากรู้ จากนั้นก็หัวเราะแล้วถามอึนซูว่าเธอฟังเหมือนเป็นคำขู่งั้นหรือ หลังจากนั้นคีชอลก็พูดเข้าประเด็นโดยบอกว่า หากเขาสามารถครอบครองหัวใจเธอ ก็ขอให้เธอสวมชุดที่เขาจัดเตรียมเอาไว้ให้
อึนซูหันไปมองเสื้อคลุมสีขาวแล้วบอกคีชอลว่า ชเวยองเป็นลักพาตัวเธอมาที่นี่ ดังนั้น เธอจะเป็นคนกำหนดเองว่าเขาควรอยู่หรือตาย เธอยังห้ามไม่ให้คีชอลเข้ามายุ่งเรื่องนี้โดยเด็ดขาด มิเช่นนั้น เขาจะต้องชดใช้อย่างสาสม และย้ำว่านี่ก็คือคำขู่ของเธอ...ในฐานะผู้ที่มาจากสวรรค์ พูดจบอึนซูก็คว้าเสื้อคลุมอย่างเสียไม่ได้และออกจากห้องไป (แปลว่าเธอยอมมอบหัวใจให้คีชอล เพื่อแลกกับชีวิตของชเวยอง)
ตัดกลับมายังช่วงเวลาปัจจุบัน อึนซูซึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวยังคงเหม่อลอยอยู่บนสะพาน ขณะที่เธอเอื้อมมือไปจับดอกไม้สีเหลือง คีชอลก็เดินมาหาและถามว่าเธอกำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรอยู่ อึนซูรีบปล่อยมือจากดอกไม้แล้วถามกลับแบบเซ็งๆ ว่าจะรู้ไปทำไม คีชอลกล่าวว่า ตนได้รับรายงานว่าอึนซูออกมาอยู่ในสวนตลอดบ่ายเลยรู้สึกเป็นห่วง อึนซูถามโดยไม่มองหน้าคีชอลว่าเขากลัวเธอหนีหรือ คีชอลถามกลับว่า แล้วเธอคิดที่จะหนีหรือเปล่า อึนซูจึงถามว่า สรุปแล้วเธอถูกควบคุมตัวไว้ที่นี่งั้นหรือ เพราะก่อนหน้านี้เธอจะเดินไปที่ประตูแต่ถูกทหารยามขวางไว้
คีชอลถามกลับว่าเธออยากออกไปไหน อึนซูจึงโวยวายว่าเขาควรตอบคำถามเธอแทนที่จะถามกลับ จากนั้นก็ถามคีชอล "คิดว่าทำแบบนี้แล้วเจ๋งงั้นเหรอ" เมื่อเห็นคีชอลไม่เข้าใจคำว่า "เจ๋ง" อึนซูเลยบ่นว่าเธอหลุดปากพูดถ้อยคำจากสวรรค์ออกไป เธอถามคีชอลตรงๆ ว่า "ชั้นออกไปข้างนอกได้มั๊ย" คีชอลหัวเราะแล้วตอบว่า "ไม่ได้" อึนซูเลยพูดเหน็บว่า "นึกแล้วเชียว แล้วยังอยากได้หัวใจชั้นนี่นะ" พูดจบอึนซูก็เดินหนีอย่างผิดหวังพลางบ่นว่า คีชอลจับเธอมาขังไว้แบบนี้ แล้วเธอจะมอบหัวใจให้ได้อย่างไร คีชอลได้ยินดังนั้นจึงยื่นข้อเสนอให้อึนซู
คีชอลกางแผนที่ให้อึนซูดูแล้วกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เธอเคยบอกว่าอาณาจักรหยวนจะล่มสลาย เขาจึงอยากรู้ว่าเมื่อไหร่และอย่างไร เพราะถ้าหากมีชนชาติอื่นมาแทนที่หยวน แสดงว่าชนชาตินั้นจะต้องมีขนาดใหญ่มาก เขาจึงอยากให้เธอชี้ให้ดูว่าชนชาติดังกล่าวอยู่ ณ จุดใดในแผนที่ อึนซูถามคีชอลว่าหากเธอรู้เรื่องนี้ เขาคิดจะทำอะไร คีชอลตอบว่า "ข้าคิดที่จะเปลี่ยนแปลงโลก ด้วยความช่วยเหลือของผู้หยั่งรู้อนาคต ข้าจะสร้างโลกใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม" อึนซูบอกตามตรงว่าเธอเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ เพราะเธอไม่ได้เรียนด้านประวัติศาสตร์มาโดยตรง คีชอลอ้างคำพูดของอึนซูที่เคยเล่าเรื่องการเมืองให้ฟัง "ประชาชนเลือกคนที่พวกเขาต้องการให้เป็นพระราชา และต้องการนโยบายที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน... ข้าสามารถทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงได้"
อึนซูแย้งว่าประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้โดยง่าย หากเขาเปลี่ยนแปลง ประวัติศาสตร์ในตอนนี้ อนาคตก็จะถูกบิดเบือน คีชอลจึงถามว่าอนาคตของโครยอเป็นอย่างไร อึนซูตอบว่า อีกหน่อยที่นี่จะไม่ใช่โครยอแต่จะถูกเปลี่ยนไปใช้ชื่ออื่น คีชอลถามต่อว่า แล้วจะมีขนาดใหญ่แค่ไหน อึนซูตอบว่าจะมีขนาดเล็กกว่าในตอนนี้เพราะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน (เป็นเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้) คีชอลขอให้อึนซูช่วยชี้แนะว่าชาติใดจะล่มสลายหรือเจริญรุ่งเรือง ใครบ้างที่เขาควรเอาชนะใจ และใครคือคนที่ควรกำจัด เพื่อที่เขาจะทำให้โครยอเป็นแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่และเรืองอำนาจ เขาจะทำให้ประชาชนพูดถึงแผ่นดินของตนด้วยความภาคภูมิใจ หากเธอช่วยชี้แนะเขาจะให้เธอนั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดเคียงข้างเขา
ในเวลาเดียวกันนั้น ชเวยองก็ไปที่บ้านของคีชอลโดยบอกกับชอน อึมจาว่า ตนมาตามหาของบางอย่าง เมื่อถูกถามว่ามาตามหาอะไร ชเวยองก็ย้อนถามอึมจาว่า บอกไปแล้วเขาจะคืนของให้ตนได้ไหม ฮวา ซูอินได้ยินดังนั้นเลยเดินเข้าไปหาชเวยองด้วยลีลายั่วยวนพลางกล่าวว่า ก็แค่อยากรู้ว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง จากนั้นก็เริ่มลวนลามชเวยองด้วยการลูบไล้ไปที่หน้าอกและไหล่ของเขา ชเวยองไม่อยากให้ซูอินมายุ่งกับตนจึงเดินหนีไปหาอึมจา แล้วบอกให้อึมจาไปรายงานคีชอลว่าตนมาทวงของๆ ตนคืน
คีชอลบอกอึนซูว่าจะเปลี่ยนแปลงโลกโดยเริ่มต้นที่โครยอ เพราะในตอนนี้โครยอเริ่มอ่อนแอและกำลังสั่นคลอน เขาจึงคิดที่จะยกโครยอให้ราชวงศ์หยวน พอนึกขึ้นได้ว่าอาณาจักรหยวนกำลังจะล่มสลาย เขาก็ถามอึนซูว่า ถ้าอย่างนั้นควรยกโครยอให้ใครดี และอ้างว่าการยกแผ่นดินให้คนอื่นครอบครองเป็นวิธีเอาตัวรอดที่ง่ายที่สุด อึนซูถามคีชอลว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอไม่ได้มาจากสวรรค์และไม่ค่อยรู้เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์มากนัก คีชอลตอบว่า ถ้าเช่นนั้นเธอก็จะกลายเป็นคนโกหกปลิ้นปล้อนที่คิดเล่นตลกกับตน เขาจ้องหน้าอึนซูอย่างคาดคั้นแล้วถามว่า เธอไม่ใช่หมอแต่เป็นคนโกหกปลิ้นปล้อนงั้นหรือ
อึนซูยังไม่ทันตอบ อึมจาก็เข้ามารายงานว่าชเวยองมาที่นี่เพื่อขออะไรบางอย่าง อึนซูได้ยินดังนั้นก็ถือโอกาสลุกขึ้น คีชอลยังไม่ได้รับคำยืนยันจากอึนซูจึงกล่าวว่า "ข้าจะรู้สึกผิดหวังมาก..." อึนซูไม่สนใจและรีบเดินออกจากห้อง คีชอลจึงกล่าวต่อว่า "ตั้งแต่เกิดมา.... (อึนซูหยุดกึกที่หน้าประตู) ข้ายังไม่เคยเจอเหตุการณ์อันน่าตื่นเต้นและมีค่าเท่ากับการได้พบใครบางคนที่มาจากสวรรค์" อึนซูไม่ยอมตอบคำถามว่าเธอมาจากสวรรค์จริงหรือไม่ เธอหันกลับไปหาคีชอลแล้วยืนกรานว่าต้องการพบชเวยอง
คีชอลออกมาพบชเวยองพร้อมอึนซูและถามว่าจะขออะไรจากตน ชเวยองตอบว่าตนมาเพื่อขอดาบคืน คีชอลได้ยินดังนั้นจึงบอกให้อึมจาไปนำดาบออกมา จากนั้นก็เดินหลบออกไปยืนห่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้อึนซูพูดคุยกับชเวยองลำพัง ชเวยองถามอึนซูว่า "ท่านสบายดีไหม" อึนซูโวยวายว่า "นี่นายไม่ได้มาหาชั้นเหรอ" ชเวยองตอบว่า "ข้ามาตามหาดาบขอรับ" อึนซูบอกกึ่งสั่งว่า "มาคุยกันหน่อย ชั้นมีเรื่องอยากถามนายมากมาย และ...." ชเวยองแทรกขึ้นว่า "เนื่องจากท่านไปท้องพระโรงกับใต้เท้าต็อกซอง (คีชอล) ดูเหมือนท่านได้ตัดสินใจแล้วว่าจะทิ้งหัวใจเอาไว้ที่บ้านหลังนี้ ฝ่าบาททรงคิดเช่นนั้น เป็นความจริงหรือไม่ขอรับ" ทั้งอึนซูและชเวยองต่างยืนจ้องหน้ากันชั่วครู่ หลังจากนั้นอึนซูก็ตอบว่า "ชั้นถูกกักตัวอยู่ในบ้านหลังนี้ ถ้าชั้นบอกนายว่าอยากไปจากที่นี่ นายก็จะต่อสู้แล้วก็จะมีคนเสียเลือดอีก" ชเวยองรู้ทันทีว่าอึนซูทำเช่นนั้นเพราะเป็นห่วงตน และเธอก็ไม่ได้มอบหัวใจให้คีชอลจริงๆ
อึนซูกล่าวต่อว่า "ชั้นสบายดี เจ้าของบ้านหลังนี้รังแกชั้นไม่ได้ เพราะมีบางอย่างที่เขาต้องการจากชั้น นายก็เห็นแล้วนี่" เธอจับแขนเสื้อชเวยองแล้วกล่าวอย่างโล่งใจว่า "ชั้นนึกว่านายจะมีโทษถึงตาย ใครๆ ก็บอกอย่างนั้น ตราบใดที่นายยังมีชีวิตอยู่ ชั้นก็อยู่ที่นี่ได้ ไม่เป็นไรหรอก" เธอปล่อยแขนเสื้อชเวยองแล้วเดินจากไป แต่แล้วก็หันกลับมาบอกว่า เธอเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่ให้องค์ชายคยองชางแล้ว ถึงแม้พระองค์จะสวมชุดผ้าไหมไม่ได้ (เพราะถูกเนรเทศ) แต่เธอก็สวมชุดผ้าฝ้ายสีขาวให้องค์ชาย (ก่อนที่พระองค์จะถูกนำไปฝัง) ชเวยองถามอึนซูว่าคนที่อยู่บนสวรรค์ก็พูดโกหกเช่นกันใช่หรือเปล่า จากนั้นก็เดินเข้าไปหาอึนซูแล้วกระซิบถามว่า "ท่านโกหกเป็นหรือไม่" เมื่อเห็นอึนซูทำหน้างง ชเวยองก็บอกสั้นๆ โดยไม่อธิบายว่า "ท่านจะต้องพูดโกหก" หลังพูดจบชเวยองก็ก้มศีรษะอำลาแล้วเดินจากไป
เมื่อเห็นชเวยองเดินถือดาบคู่กายออกจากบ้านคีชอลตามลำพัง แทมานก็รู้สึกสงสัยว่าทำไมหัวหน้าตนจึงยอมทิ้งอึนซูไว้ที่นี่ แทนที่จะบุกไปชิงตัวเธอออกมาเหมือนทุกครั้ง แต่เขาไม่กล้าถามตรงๆ หลังเดินออกมาได้สักพักแทมานก็ถามขึ้นว่า "ท่านหมอสบายดีมั๊ย ท่านไม่ได้พบนางหรือขอรับ" ชเวยองตอบว่า "ท่านหมอยังร่าเริงเหมือนเดิม ข้าเดาว่านางคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เพราะนางไม่บ่นเรื่องอาหารสักคำ" แทมานถามต่อว่า "ถ้าอย่างนั้นแสดงว่านางชอบอยู่ที่นั่น" ชเวยองตอบ "นางบอกข้าว่าถูกกักตัว แต่ข้าแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่นางพูด" (เพราะไม่อยากชิงตัวเธอออกมา) แทมานฟังแล้วยิ่งงงหนักเลยได้แต่เดินเกาหัว
อยู่ๆ ชเวยองก็พูดขึ้นว่า "ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ" แทมานมึนตึ๊บเพราะไม่เข้าใจว่าชเวยองพูดเรื่องไร ชเวยองรำพึงรำพันกับตัวเองว่า "ข้าจำไม่ได้" แทมานจึงถามแบบงงๆ ว่า "จำเรื่องอะไรขอรับ" ชเวยองตอบว่า "ใบหน้าของนางผู้นั้น (คนรักเก่า) ข้าจำไม่ได้แล้ว"
คีชอลออกมาพบชเวยองพร้อมอึนซูและถามว่าจะขออะไรจากตน ชเวยองตอบว่าตนมาเพื่อขอดาบคืน คีชอลได้ยินดังนั้นจึงบอกให้อึมจาไปนำดาบออกมา จากนั้นก็เดินหลบออกไปยืนห่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้อึนซูพูดคุยกับชเวยองลำพัง ชเวยองถามอึนซูว่า "ท่านสบายดีไหม" อึนซูโวยวายว่า "นี่นายไม่ได้มาหาชั้นเหรอ" ชเวยองตอบว่า "ข้ามาตามหาดาบขอรับ" อึนซูบอกกึ่งสั่งว่า "มาคุยกันหน่อย ชั้นมีเรื่องอยากถามนายมากมาย และ...." ชเวยองแทรกขึ้นว่า "เนื่องจากท่านไปท้องพระโรงกับใต้เท้าต็อกซอง (คีชอล) ดูเหมือนท่านได้ตัดสินใจแล้วว่าจะทิ้งหัวใจเอาไว้ที่บ้านหลังนี้ ฝ่าบาททรงคิดเช่นนั้น เป็นความจริงหรือไม่ขอรับ" ทั้งอึนซูและชเวยองต่างยืนจ้องหน้ากันชั่วครู่ หลังจากนั้นอึนซูก็ตอบว่า "ชั้นถูกกักตัวอยู่ในบ้านหลังนี้ ถ้าชั้นบอกนายว่าอยากไปจากที่นี่ นายก็จะต่อสู้แล้วก็จะมีคนเสียเลือดอีก" ชเวยองรู้ทันทีว่าอึนซูทำเช่นนั้นเพราะเป็นห่วงตน และเธอก็ไม่ได้มอบหัวใจให้คีชอลจริงๆ
อึนซูกล่าวต่อว่า "ชั้นสบายดี เจ้าของบ้านหลังนี้รังแกชั้นไม่ได้ เพราะมีบางอย่างที่เขาต้องการจากชั้น นายก็เห็นแล้วนี่" เธอจับแขนเสื้อชเวยองแล้วกล่าวอย่างโล่งใจว่า "ชั้นนึกว่านายจะมีโทษถึงตาย ใครๆ ก็บอกอย่างนั้น ตราบใดที่นายยังมีชีวิตอยู่ ชั้นก็อยู่ที่นี่ได้ ไม่เป็นไรหรอก" เธอปล่อยแขนเสื้อชเวยองแล้วเดินจากไป แต่แล้วก็หันกลับมาบอกว่า เธอเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่ให้องค์ชายคยองชางแล้ว ถึงแม้พระองค์จะสวมชุดผ้าไหมไม่ได้ (เพราะถูกเนรเทศ) แต่เธอก็สวมชุดผ้าฝ้ายสีขาวให้องค์ชาย (ก่อนที่พระองค์จะถูกนำไปฝัง) ชเวยองถามอึนซูว่าคนที่อยู่บนสวรรค์ก็พูดโกหกเช่นกันใช่หรือเปล่า จากนั้นก็เดินเข้าไปหาอึนซูแล้วกระซิบถามว่า "ท่านโกหกเป็นหรือไม่" เมื่อเห็นอึนซูทำหน้างง ชเวยองก็บอกสั้นๆ โดยไม่อธิบายว่า "ท่านจะต้องพูดโกหก" หลังพูดจบชเวยองก็ก้มศีรษะอำลาแล้วเดินจากไป
เมื่อเห็นชเวยองเดินถือดาบคู่กายออกจากบ้านคีชอลตามลำพัง แทมานก็รู้สึกสงสัยว่าทำไมหัวหน้าตนจึงยอมทิ้งอึนซูไว้ที่นี่ แทนที่จะบุกไปชิงตัวเธอออกมาเหมือนทุกครั้ง แต่เขาไม่กล้าถามตรงๆ หลังเดินออกมาได้สักพักแทมานก็ถามขึ้นว่า "ท่านหมอสบายดีมั๊ย ท่านไม่ได้พบนางหรือขอรับ" ชเวยองตอบว่า "ท่านหมอยังร่าเริงเหมือนเดิม ข้าเดาว่านางคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เพราะนางไม่บ่นเรื่องอาหารสักคำ" แทมานถามต่อว่า "ถ้าอย่างนั้นแสดงว่านางชอบอยู่ที่นั่น" ชเวยองตอบ "นางบอกข้าว่าถูกกักตัว แต่ข้าแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่นางพูด" (เพราะไม่อยากชิงตัวเธอออกมา) แทมานฟังแล้วยิ่งงงหนักเลยได้แต่เดินเกาหัว
อยู่ๆ ชเวยองก็พูดขึ้นว่า "ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ" แทมานมึนตึ๊บเพราะไม่เข้าใจว่าชเวยองพูดเรื่องไร ชเวยองรำพึงรำพันกับตัวเองว่า "ข้าจำไม่ได้" แทมานจึงถามแบบงงๆ ว่า "จำเรื่องอะไรขอรับ" ชเวยองตอบว่า "ใบหน้าของนางผู้นั้น (คนรักเก่า) ข้าจำไม่ได้แล้ว"
ชเวยองและแทมานนั่งรอพวกซูริบังบนสะพาน เมื่อเห็นชายคนหนึ่งเดินผ่านมา ชเวยองก็รีบควักแผ่นป้าย (ที่ชเวซังกุงให้มา) ออกมาถือไว้ หลังจากนั้นแทมานก็วิ่งนำชเวยองไปที่บ้านหลังหนึ่ง โดยตั้งข้อสังเกตว่าถึงจะไม่เห็นใคร แต่ที่นี่ไม่ใช่บ้านร้างเพราะตนได้กลิ่นคนข้างใน ชเวยองสั่งให้แทมานกลับไปก่อน จากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้านคนเดียว เมื่อได้ยินแทมานร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง ชเวยองก็ฝากบอกชุงซอกว่าตนจะกลับไปช้าสักหน่อย แทมานโอดครวญเหมือนเด็กโดนขัดใจ "ท่านหัวหน้าอ่ะ!" แต่ชเวยองยังคงยืนกรานว่าจะเข้าไปคนเดียว
เมื่อเข้าไปในบ้านชเวยองก็ถูกสองหนุ่มซุ่มโจมตี แต่เขาก็รับมือกับสองหนุ่มที่มีหอกและธนูเป็นอาวุธได้ไม่ยาก หลังจากนั้นชเวยองก็โอดครวญว่า อย่าเรื่องมากนักเลย ไม่นานก็มีชายชุดขาวถือดาบพุ่งมาโจมตี ชเวยองถามดุจคนคุ้นเคยว่า "ไม่เหนื่อยหรือไง" แต่ชายคนดังกล่าวยังคงกวัดแกว่งดาบใส่ ชเวยองทำหน้าเซ็งๆ เมื่อเห็นชายชุดขาวเล่นไม่เลิก มิหนำซ้ำ ชายชุดขาวยังถือโอกาสล้มตัวลงในอ้อมอกของชเวยองแล้วถามว่า "รู้มั๊ย ข้ารอมานานแค่ไหน" ชเวยองผลักชายชุดขาวกระเด็นแล้วร้องโวยวายว่า "ท่านลุง ทำอะไรสักอย่างเถอะ ข้ารำคาญจะแย่อยู่แล้ว"
สองหญิงชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนหลังคาร้องทักชเวยอง เมื่อชเวยองหันไปเห็นทั้งคู่ เขาก็ยิ้มทักทายและก้มศีรษะคำนับ ท่านลุงซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มซูริบังกล่าวว่า เขาได้ยินข่าวเรื่องที่ชเวยองเป็นสุนัขรับใช้พระราชาองค์ใหม่แล้ว และขอให้ชเวยองเห่าให้ดู ขณะที่ท่านป้าถามว่า ทานข้าวมาแล้วหรือยัง เมื่อชเวยองตอบว่าตนยังไม่ได้ทานข้าวเย็น ท่านป้าคนดังกล่าวจึงชวนชเวยองทานข้าว
ระหว่างทานข้าวชายชุดขาวซึ่งนั่งข้างๆ ชเวยอง ใช้มือหยิบผักในถ้วยมาวางลงบนช้อนชเวยอง ท่านลุงถามชเวยองว่า "ไหนเจ้าเคยบอกว่าจะลาออกจากหน่วยอูดัลจิและออกจากวัง" ท่านป้ากล่าวเสริมว่า "เจ้ายังบอกด้วยว่าทันทีที่ออกจากวังหลวง เจ้าจะมาอยู่กับเรา" ท่านลุงถามต่อว่า "แล้วเรื่องที่เขาลือกันทั่วว่ามีหมอมาจากสวรรค์นี่มันยังไงกัน" ชเวยองยังไม่ทันตอบ ท่านป้าก็พูดแทนว่าทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง ท่านลุงแย้งว่าชเวยองรู้จักวิธีกุข่าวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ท่านป้าจึงตอบว่า ชเวยองเข้าไปอยู่ในวังตั้ง 7 ปี แม้แต่พระเจ้าก็ยังกลายเป็นคนหลอกลวงได้ถ้าไปอยู่ที่นั่น
ขณะที่สองลุงป้าพูดเองเออเองกันอยู่นั้น ชเวยองก็หันไปเห็นชายชุดขาวนั่งเลียและดูดนิ้วตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อถูกถามว่ามาที่นี่ทำไม ชเวยองก็ตอบว่าตนมาหาคน ท่านป้าจึงถามว่า "ในที่สุดเจ้าก็คิดเรื่องแต่งงานแล้วใช่ไหม ให้ข้าเป็นแม่สื่อให้มั๊ย.... ใครดีน๊า แม่ม่ายพอไหวมั๊ย" ท่านลุงได้ยินดังนั้นจึงโวยวายว่า จะเลือกแม่ม่ายมาเป็นเจ้าสาวให้ชเวยองได้ยังไง ระหว่างนั้น ชายชุดขาวก็ใช้นิ้ว (ที่เพิ่งอมแล้วดูดมาสดๆ ร้อนๆ) หยิบอาหารมาวางบนช้อนให้ชเวยองอีกครั้ง ชเวยองทำหน้าขยะแขยงแล้วลุกหนีไปนั่งเก้าอี้ตัวอื่น แต่ชายชุดขาวยังคงตามมานั่งใกล้ๆ พลางดูดนิ้วและยิ้มให้ราวกับอยากกินชเวยองเต็มทน เมื่อเห็นชายชุดขาวทำท่าว่าจะหยิบอาหารมาวางบนช้อนตนอีก ชเวยองก็รีบปฏิเสธทันที
ท่านลุงตำหนิท่านป้าที่คิดหาแม่ม่ายมาแต่งงานกับชเวยอง โดยบอกว่าอยากเห็นอาจารย์ของชเวยองลุกขึ้นมาเป็นผีคอยตามหลอกหลอนงั้นหรือ ท่านป้าจึงเถียงว่า ถ้าจะมีผีตนใดโผล่มา ก็น่าจะเป็นผีผู้หญิงของชเวยองมากกว่า จากนั้นก็พูดเหน็บชเวยองว่า "ผู้ชายแบบไหนกันที่ไม่เคยลืมผู้หญิงมาตลอดเจ็ดปี" เมื่อรู้ตัวว่าล้ำเส้นท่านป้าจึงรีบหุบปากแต่ชเวยองกลับไม่รู้สึกอะไร เขากล่าวเพียงว่าพระราชากำลังต้องการคน ท่านลุงถามชเวยองว่า เขาเป็นสุนัขรับใช้พระราชาแล้วจริงๆ หรือ ชเวยองตอบ "ฝ่าบาททรงตรัสว่า พระองค์ต้องการเป็นพระราชาที่แท้จริง (ไม่ใช่พระราชาหุ่นเชิด) แต่ไม่มีคนคอยหนุนหลัง น่านะ ช่วยแนะนำข้าหน่อย ท่านรู้จักทุกคนและทุกเรื่องที่จำเป็นเกี่ยวกับโครยอนี่นา"
อึนซูถอดเสื้อคลุมของคีชอลออกอย่างหงุดหงิดแล้วเดินไปที่ประตูหน้า เมื่อถูกเหล่าทหารยามขวาง เธอก็ชูนิ้วชี้ขึ้นแล้วเตือนว่า "ชั้นคือหมอที่มาจากสวรรค์" เมื่อเห็นว่าเหล่าทหารยามยังไม่ยอมเปิดทางให้แต่โดยดี อึนซูก็ใช้กระเป๋าใบโปรดฟาดไปรอบๆ แล้วกล่าวว่า "ถ้าพวกนายกล้าก็ลองแทงชั้นดูสิ ไม่กลัวถูกสวรรค์ลงโทษกันเลยใช่ไหม" อึมจาพาคีชอลมาดูอึนซูอาละวาดใส่ทหารยาม คีชอลเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปถามอึนซูว่าจะไปไหน อึนซูกำลังหงุดหงิดเลยเหวี่ยงใส่คีชอลว่า "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย" คีชอลเตือนอึนซูอย่างใจเย็นว่า ตอนนี้เธอเป็นคนของเขาแล้ว พระเจ้าคงมินทรงยกเธอให้กับเขา แต่อึนซูไม่ยอมรับเรื่องดังกล่าว จึงบอกว่า "ชั้นไม่ใช่คนที่จะยอมยกตัวเองให้ใคร และที่สำคัญชั้นก็มาจากสวรรค์ (คีชอลยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อได้ยินอึนซูย้ำว่าเธอมาจากสวรรค์) จำใส่ใจเอาไว้ซะด้วย แล้วก็หลีกไป"
อึนซูถอดเสื้อคลุมของคีชอลออกอย่างหงุดหงิดแล้วเดินไปที่ประตูหน้า เมื่อถูกเหล่าทหารยามขวาง เธอก็ชูนิ้วชี้ขึ้นแล้วเตือนว่า "ชั้นคือหมอที่มาจากสวรรค์" เมื่อเห็นว่าเหล่าทหารยามยังไม่ยอมเปิดทางให้แต่โดยดี อึนซูก็ใช้กระเป๋าใบโปรดฟาดไปรอบๆ แล้วกล่าวว่า "ถ้าพวกนายกล้าก็ลองแทงชั้นดูสิ ไม่กลัวถูกสวรรค์ลงโทษกันเลยใช่ไหม" อึมจาพาคีชอลมาดูอึนซูอาละวาดใส่ทหารยาม คีชอลเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปถามอึนซูว่าจะไปไหน อึนซูกำลังหงุดหงิดเลยเหวี่ยงใส่คีชอลว่า "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย" คีชอลเตือนอึนซูอย่างใจเย็นว่า ตอนนี้เธอเป็นคนของเขาแล้ว พระเจ้าคงมินทรงยกเธอให้กับเขา แต่อึนซูไม่ยอมรับเรื่องดังกล่าว จึงบอกว่า "ชั้นไม่ใช่คนที่จะยอมยกตัวเองให้ใคร และที่สำคัญชั้นก็มาจากสวรรค์ (คีชอลยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อได้ยินอึนซูย้ำว่าเธอมาจากสวรรค์) จำใส่ใจเอาไว้ซะด้วย แล้วก็หลีกไป"
คีชอลกล่าวว่า "ดาบที่เหล่าทหารถืออยู่ในมือคมมาก ข้าเกรงว่าท่านจะได้รับบาดเจ็บ" อึนซูสวนว่า "อยากทำอะไรก็เชิญ ไม่ว่าจะแทงหรือจะหั่นชั้นก็ตามสบาย" พูดจบอึนซูก็เดินตรงไปที่ประตู คีชอลคว้าข้อมืออึนซูไว้แล้วถามว่า อยากให้เขาล่ามโซ่ที่ข้อมือแล้วขังเธอไว้ในห้องงั้นหรือ อึนซูถามกลับว่า "คิด จะทรมานชั้นงั้นเหรอ แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าอนาคตเรื่องไหนจริง เรื่องไหนโกหก ชั้นจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าเมื่อไหร่และใครที่ชั้นจะเล่าเรื่องอนาคตให้ฟัง จนกว่าจะถึงวันนั้นคุณไม่คิดที่จะเอาใจชั้นบ้างเลยหรือไง" คีชอลปล่อยมืออึนซูแล้วกล่าวว่าความอดทนของเขาหมดลงเพียงเท่านี้ จากนั้นก็สั่งให้ลูกน้องลากตัวเธอเข้าบ้าน
ชเวซังกุงบุกไปหาคีชอลที่บ้านโดยบอกว่า บาดแผลที่พระมเหสีได้รับระหว่างเดินทางมาโครยอเกิดติดเชื้อ ทำให้พระมเหสีมีอาการไม่สู้ดีนัก เธอจึงมาขอความช่วยเหลือจาก 'ท่านหมอที่อยู่ในบ้านของเขา' เพราะบาดแผลนั่นได้รับการรักษาจากหมอที่มีฝีมือขั้นเทพ หมอคนอื่นจึงไม่อาจเยียวยาอาการบาดเจ็บของพระมเหสีได้ ชเวซังกุงร้องขอความช่วยเหลือจากคีชอล โดยพูดหว่านล้อมว่า "เราได้ยินว่าท่านหมอได้มอบหัวใจให้ท่านแล้ว เป็นความจริงหรือไม่เจ้าคะ" เมื่อคีชอลยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ชเวซังกุงก็บอกว่า และนี่ก็คือเหตุผลที่เธอมาขอความช่วยเหลือจากเขา (แทนที่จะไปขอร้องอึนซูโดยตรง)
คีชอลยังคงรู้สึกระแวงจึงถามว่า "แล้วถ้าข้าส่งตัวท่านหมอไป... ถ้าหากอาการพระมเหสีไม่ดีขึ้น แล้วท่านหมอไม่ได้กลับมาล่ะ" ชเวซังกุงตอบว่า "มีรับสั่งให้ท่านเข้าวังไปพร้อมกับท่านหมอ" ชเวซังกุงหันไปมองรอบๆ ห้องแล้วขยับเข้าไปหาคีชอลก่อนบอกว่า "พระมเหสีทรงมีเรื่องบางอย่างที่ต้องหารือกับท่านเป็นการส่วนพระองค์"
อีกด้านหนึ่งหมอหลวงชางบินก็กำลังถวายการรักษาพระมเหสีซึ่งกำลังนอนหมดสติอยู่บนเตียง หลังจับชีพจรแล้วหมอชางก็บอกผู้ช่วยให้ไปจุดธูปเพิ่ม เพราะดูเหมือนว่าพระมเหสีจะไม่ทรงฟื้นขึ้นมาง่ายๆ (ธูปที่ว่าหมายถึง ยาจีนอัดแท่งสำหรับจุดไฟที่ใช้ในการบำบัดโรค สามารถใช้ร่วมกับการฝังเข็ม หรือวางลงบนตัวคนไข้ในบริเวณที่ใกล้กับจุดฝังเข็มโดยตรง เพื่อช่วยให้เลือดและพลังชี่ไหลเวียนได้ดีขึ้น ฯลฯ) นางในที่คีชอลส่งมาทำหน้าที่ถวายอารักขาและคอยสอดแนมพระมเหสีเห็นดังนั้น จึงส่งข่าวไปบอกยางซาและคีชอลว่าพระมเหสีทรงพระประชวรหนักจริง
คีชอลไปหาอึนซูที่ห้องแล้วถามว่าทานข้าวหรือยัง แต่อึนซูไม่พอใจที่ตนเองถูกขังเลยไม่ยอมมองหน้าและไม่พูดด้วย คีชอลจึงบอกว่า มีที่หนึ่งที่เธอต้องออกไปกับตน อึนซูกล่าวแบบงอนๆ ว่า มาบอกเธอทำไมในเมื่อเขาลากตัวเธอออกไปก็ยังได้ คีชอลบอกว่าพระมเหสีทรงพระประชวรหนัก คนในวังส่งข่าวมาบอกว่ามีเพียงหมอจากสวรรค์เท่านั้นที่สามารถรักษาพระองค์ได้ จากนั้นก็ถามอึนซูว่า ตนควรทำอย่างไร จะปฏิเสธคำร้องขอดีไหม อึนซูได้ยินดังนั้นจึงหันไปมองหน้าคีชอล
พระเจ้าคงมินเสด็จไปที่ตำหนักของพระมเหสีและทรงตรัสถามถึงอาการประชวร หมอหลวงชางบินกล่าวว่า อาการของพระมเหสีไม่สู้ดีนัก เมื่อหมอชางและผู้ช่วยเดินออกไปแล้ว พระเจ้าคงมินก็นั่งลงข้างเตียงแล้วกล่าวขอโทษที่พระองค์ทรงขอร้องพระมเหสีให้ทำเรื่องยากลำบาก พระมเหสีลุกขึ้นนั่งแล้วกล่าวว่า งานที่พระเจ้าคงมินทรงมอบหมายไม่ยากเลย พระเจ้าคงมินตรัสอย่างเป็นกังวลว่า "ข้าไม่แน่ใจว่าเขาจะตกหลุมพรางตามที่เราหวังไว้หรือไม่ แต่การขอให้พระมเหสีของแผ่นดินทำเรื่องเช่นนี้...." พระมเหสีแทรกขึ้นว่า "หม่อมชั้นเต็มใจเพคะ หม่อมชั้นอยากทำ อยากช่วยทุกเรื่องที่สามารถช่วยได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่หม่อมชั้นพยายามช่วยเหลือฝ่าบาท ก็มักลงเอยด้วยความขุ่นเคือง สำหรับหม่อมชั้นแล้วนั่นเป็นเรื่องยากที่สุดเพคะ" พระเจ้าคงมินเปิดม่านออกแล้วตรัสถามพระมเหสีว่า "เป็นเพราะข้าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอใช่ไหม" พระมเหสีตอบว่า "คำพูดเช่นนี้ เป็นสิ่งที่หม่อมชั้นไม่อยากได้ยินมากที่สุดเพคะ"
คีชอลพาอึนซูไปที่ตำหนักพระมเหสีโดยมีชอน อึมจาเป็นผู้ติดตาม ระหว่างเดินขึ้นบันไดอึนซูพยายามมองหาชเวยอง เมื่อเห็นว่าทั้งคีชอลและอึมจาต่างก็หยุดเดินแล้วหันกลับมามองเธอ อึนซูก็เดินตามขึ้นบันไดไปแต่โดยดี ครั้นพออึนซูและคีชอลเดินเข้าไปในตำหนักแล้ว ชเวยองก็เดินออกจากที่ซ่อน แล้วเริ่มทำตามแผนทันที
ขณะที่ต๊อกมานกำลังประลองฝีมือกับหนุ่มน้อยแห่งกลุ่มซูรีบังนามว่า 'จีโฮ' ชเวยองก็เดินมาตบหัวต็อกมานแล้วถามว่า "ทำอะไร" และหันไปถามจีโฮว่า "มีอะไร" เด็กหนุ่มคนดังกล่าวล้วงมือเข้าไปในเสื้อพลางกล่าวว่า "ข้าเอามาให้แล้ว" จากนั้นก็ยื่นเอกสารให้ชเวยองแล้วบอกว่า "อ่ะ" (รับไปดิ) ต็อกมานตำหนิเด็กหนุ่มคนดังกล่าวที่ไม่มีสัมมาคารวะและทำท่าว่าจะเข้าไปตบหัวสั่งสอน แต่ถูกชเวยองผลักกระเด็น ชเวยองเปิดดูเอกสารพลางถามว่า "หัวหน้าเจ้าล่ะ" ต๊อกมานเข้าใจว่าชเวยองถามถึงรองหัวหน้าชุงซอกจึงตอบว่า "เขากำลังรอรับคำสั่งจากท่านขอรับ" ส่วนจีโฮเข้าใจว่าชเวยองถามถึงหัวหน้ากลุ่มซูรีบัง จึงตอบเช่นกันว่า "เขาบอกให้ข้ารอจนกว่าจะได้รับเงิน... เงินค่าจ้างสำหรับข้อมูล" เมื่อเห็นว่าต็อกมานและจีโฮทำท่าว่าจะฟัดกันอีกครั้ง ชเวยองก็รีบเดินหนีไปทันที
เมื่อเดินเข้ามาถึงตำหนักพระมเหสี นางในที่ทำหน้าที่ถวายการอารักขาก็เข้ามาขวางคีชอลไว้ ชเวซังกุงเดินออกมาต้อนรับคีชอลและปรายตามองอึนซู (อึนซูยิ้มทักด้วยความดีใจ) เธอบอกคีชอลว่า ตำหนักในไม่ใช่ที่ๆ ทุกคนจะเข้าไปได้ เธออนุญาติให้คีชอลและอึนซูเข้าไปแต่กักตัวอึมจาเอาไว้ด้านนอก แม้คีชอลจะส่งสัญญาณบอกให้อึมจารอ แต่อึมจาก็ยังฝืนเดินตามเข้าไปจึงถูกขวางไว้อีกครั้ง ชเวซังกุงพาคีชอลเดินเลยห้องพระมเหสี แล้วพาเดินวนจนมาหยุดที่หน้าห้องๆ หนึ่ง ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตู คีชอลก็ทักว่า "ช้าก่อน ที่นี่ไม่ใช่ตำหนัก ควอนซองจอน (ตำหนักพระมเหสี) แต่เป็นตำหนักคังอันจอน (ตำหนักพระราชา) นี่นา" ชเวซังกุงไม่ตอบ เธอเปิดประตูห้องแล้วหลีกทางให้คีชอลเดินเข้าไป ปรากฏว่าภายในคือท้องพระโรงนั่นเอง
ทันทีที่คีชอลและอึนซูเดินเข้าไปในท้องพระโรง ชเวซังกุงก็ปิดประตู ขณะที่เหล่าอูดัลจิต่างออกมายืนประจำที่ คีชอลมัวแต่หันกลับไปมองประตูเลยไม่เห็นว่าพระเจ้าคงมินเสด็จมายืนตรงหน้า พระองค์ยิ้มให้อึนซูแล้วเอ่ยปากทัก คีชอลได้ยินดังนั้นจึงหันกลับมามองแบบงงๆ พระเจ้าคงมินตรัสถามอึนซูว่า "ท่านสบายดีมั๊ย" อึนซูขยับเข้ามาหาพระเจ้าคงมินแล้วตอบว่า "ไม่เลยเพคะ แล้วฝ่าบาทล่ะ ทรงสบายดีมั๊ย" เมื่อพระเจ้าคงมินตอบว่าพระองค์ทรงสบายดี อึนซูก็ถามถึงพระมเหสี แต่พระเจ้าคงมินตรัสว่าเรื่องนั้นเอาไว้ค่อยว่ากันทีหลัง พระองค์หันไปมองคีชอลแล้วเดินไปที่บัลลังก์ คีชอลจึงรายงานตัวและถวายความเคารพตามธรรมเนียม (แค่ก้มศีรษะคำนับ)
ทันใดนั้น ชเวยองก็เดินเข้ามาทูลพระเจ้าคงมินว่า พร้อมทำชินกุกแล้ว (การไต่สวนนักโทษเป็นการส่วนพระองค์โดยพระราชา) พระเจ้าคงมินตรัสว่า "งั้นก็เริ่มได้เลย" ชเวยองจ้องหน้าอึนซูแล้วก้มศีรษะคำนับ จากนั้นก็รายงานพระเจ้าคงมินว่า "ท่านหมอใหญ่...ชื่อบนสวรรค์ของนางคือ 'ยู-อึน-ซู' เมื่อไม่นานมานี้ นางได้ลักลอบเข้าไปในสถานที่เนรเทศพระราชาองค์ก่อน เพื่อนำตัวองค์ชายคยองชางซึ่งกำลังทรงพระประชวรกลับสวรรค์ (อึนซูอ้าปากค้างด้วยความตกใจ) นางได้ลักพาตัวองค์ชายเป็นเวลาสองวันหนึ่งคืน และพยายามที่จะหลบหนี โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมดนี้คือ ผู้ว่าการคนปัจจุบันของเกาะคังฮวา นามว่า 'อัน ซึงวู' เขานำองค์ชายคยองชางและท่านหมอไปซ่อนไว้ในจวนของตน และพยายามต่อรองกับกระหม่อม หัวหน้าอูดัลจิชเวยองพะยะค่ะ" เมื่อชเวยองพูดจบ ลูกน้องของเขาก็นำตัวผู้ว่าอัน ซึ่งอยู่ในสภาพบอบช้ำอย่างหนักเข้ามาในท้องพระโรง
ในเวลาเดียวกันนั้น ชูซอกก็นำลูกน้องไปปลดอาวุธชอน อึมจา โดยบอกว่าที่ตำหนักของพระมเหสี มีเพียงนางในอารักขา และเหล่าอูดัลจิเท่านั้นที่สามารถพกอาวุธได้ เมื่อเห็นอึมจาเริ่มชักมีดดาบที่อยู่ในขลุ่ย เหล่าอูดัลจิก็พากันชักดาบแล้วจ่อไปที่ลำคอของอึมจาทันที ชุงซอกตวาดเสียงดังลั่นว่านี่เป็นกฏของวังหลวง หากผู้ใดคิดขัดขืนจะถูกตั้งข้อหาว่าเป็นกบฏทันที อึมจาประเมินสถานการณ์ครู่หนึ่งแล้วยอมเก็บดาบแต่โดยดี
ผู้ว่าการเกาะคังฮวาทูลพระเจ้าคงมินว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด จากนั้นก็หันไปกอดขาแล้วร้องขอความช่วยเหลือจากคีชอล พระเจ้าคงมินเห็นดังนั้นจึงตรัสถามคีชอลว่า "เขาเป็นคนที่ท่านรู้จักงั้นหรือ" คีชอลปฏิเสธหน้าตาเฉย "เขาพูดว่ารู้จักกระหม่อมพะยะค่ะ" พูดจบคีชอลก็ชักขาออกจากการเกาะกุมทันที จากนั้นก็ทูลถามพระเจ้าคงมิน "ว่าแต่ ท่านหมอซึ่งเป็นคนของข้า (ไม่ใช่ผู้ว่าอัน) มีความผิดข้อหาใดพะยะค่ะ" ชเวยองจึงพูดขึ้นว่า "ข้าจะเริ่มสอบสวนท่านหมอเดี๋ยวนี้"
ชเวยองถามอึนซูว่าใครสั่งให้เธอไปพบองค์ชายคยองชาง อึนซูชี้หน้าชเวยองแล้วโวยวายว่าในตอนนั้นเขาก็อยู่กับเธอที่นั่น ชเวยองส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกอึนซูว่าอย่าพูด (ความจริง) อึนซูจึงได้แต่ยืนนิ่ง (แต่ยังคงชี้นิ้วไปที่ชเวยอง) หลังจากนั้นชเวยองก็ถามอึนซูว่า คนที่สั่งให้เธอเดินทางไปรักษาองค์ชายคือผู้ว่าการเกาะคังฮวาใช่หรือไม่ ผู้ว่าอันได้ยินดังนั้นก็แทบช็อค ขณะที่อึนซูได้แต่อ้ำอึ้ง เธอนึกถึงตอนที่ชเวยองไปทวงดาบที่บ้านคีชอลแล้วบอกให้เธอโกหก จึงตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า "คนที่สั่งให้ชั้นทำอย่างนั้นก็คือ...." ชเวยองจ้องหน้าอึนซูแล้วปรายตามองไปที่ผู้ว่าอันแบบเน้นๆ อึนซูหันไปมองหน้าคีชอล (นิ้วของเธอชี้ตามไปที่คีชอลด้วย) จากนั้นก็เลื่อนนิ้วลงไปชี้ที่ผู้ว่าอัน แล้วบอกว่า "เขา...ผู้ว่าการเกาะคังฮวา"
ชเวยองหันไปสรุปเหตุการณ์ให้พระเจ้าคงมินฟังอีกครั้งว่า ผู้ว่าการเกาะคังฮวา 'อัน ซึงวู' สั่งให้อีนซูเดินทางไปรักษาและลักพาตัวองค์ชายซึ่งอยู่ในระหว่างการถูกเนรเทศ ทั้งยังบอกด้วยว่าตอนที่อยู่ในจวน ผู้ว่าอันถามตนว่า หากองค์ชายคยองชางต้องการขึ้นครองบัลลังก์อีกครั้งแล้วขอร้องให้ตนช่วย ตนจะทำอย่างไร ผู้ว่าอันถึงกับอึ้งพูดไม่ออก เพราะเขาเคยรบเร้าที่จะเอาคำตอบจากชเวยองในเรื่องนี้จริงๆ หลังทนฟังอยู่นาน ในที่สุดคีชอลก็พูดขึ้นว่าตนมีเรื่องอยากทูลถามพระเจ้าคงมิน พระเจ้าคงมินถามกลับว่า "ยังมีอะไรที่ท่านรู้มากไปกว่านี้หรือเปล่า ไหนท่านเคยบอกว่าหัวหน้าอูดัลจิบุกเข้าไปลักพาตัวท่านหมอซึ่งพักอยู่ในบ้านของท่าน"
คีชอลได้แต่อ้ำอึ้งพูดไม่ออก และยิ่งอึ้งหนักขึ้นเมื่อชเวยองกล่าวว่า "ข้าจะบุกเข้าไปในบ้านใต้เท้าตามลำพัง แล้วใช้กำลังลักพาตัวคนออกไปได้อย่างไร เว้นเสียแต่ว่าท่านจะเป็นคนส่งนางออกไป โดยสั่งให้นางเดินทางไปรักษาองค์ชายคยองชาง" พระเจ้าคงมินถามคีชอลว่า เขาไม่ได้ทำเช่นนั้นใช่ไหม คีชอลยิ้มแล้วตอบว่าตนไม่เคยทำเช่นนั้น เมื่อได้ข้อสรุปแล้วพระเจ้าคงมินก็สั่งปลดผู้ว่าอันและประกาศว่าจะยึดทรัพย์สินทั้งหมดของเขา
ชเวยองส่งบัญชีทรัพย์สินของผู้ว่าอัน (ที่จีโฮนำมาให้) ให้พระเจ้าคงมินทอดพระเนตร ส่วนคีชอลได้แต่จ้องมองพระเจ้าคงมินด้วยความเคียดแค้น หลังตรวจดูเอกสารได้สักพักพระเจ้าคงมินก็พบว่า ส่วยสองในสามส่วนที่ผู้ว่าอันเก็บได้จะถูกส่งไปให้คีชอล พระองค์จึงตรัสถามคีชอลอีกครั้งเพื่อเป็นการยืนยันว่า ส่วยดังกล่าวเป็นของเขาจริงหรือไม่ (ถ้าไม่ใช่จะได้ยึดเป็นของหลวง) คีชอลไม่มีทางเลือกเลยจำเป็นต้องตอบว่าไม่ใช่ (เขาเพิ่งอ้างว่าไม่รู้จักผู้ว่าอัน) พระเจ้าคงมินตรัสว่า "อัน ซึงวู ซึ่งทำผิดกฏหมายและคิดก่อกบฏจะถูกส่งตัวไปรับโทษที่กรมอาญา ส่วนท่านหมอซึ่งทำตามคำสั่งของเขาและลักพาตัวองค์ชายคยองชางจนเป็นเหตุให้องค์ชายสิ้นพระชนม์ จะต้องชดใช้ความผิดเช่นกัน"
อึนซูแทบช็อคเมื่อพบว่าตัวเองกลายเป็นนักโทษกบฎ พระเจ้าคงมินตรัสกับคีชอลว่า "ข้ารู้ดีว่าตอนนี้นางเป็นคนของเจ้า แต่ถ้าพิจารณาจากสิ่งที่นางทำ นางเองก็สมควรได้รับโทษตามกฏหมาย ข้าหวังว่าท่านคงเข้าใจ" เมื่อรู้ว่าตัวเองติดกับของพระเจ้าคงมิน คีชอลก็ได้แต่จ้องหน้าพระองค์แล้วหัวเราะในลำคอ ชเวยองมองอึนซูถูกคนของตำหนักในลากตัวออกไปด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วง ขณะที่อึนซูหันกลับมามองหน้าชเวยองด้วยสายตาตัดพ้อต่อว่า
ผู้ว่าอันร้องถามชเวยองทั้งน้ำตาว่าทำไมถึงทำกับตนเช่นนี้ ชเวยองเดินเข้าไปหาผู้ว่าอันแล้วทรุดตัวลงตรงหน้า จากนั้นก็กล่าวว่า "เคล็ดลับแห่งความสำเร็จทั้งสามข้อของใต้เท้า ข้าคิดว่าทั้งหมดนั่นมีปัญหานิดหน่อย" ผู้ว่าอันกล่าวว่าตนผิดไปแล้ว เขาขอร้องให้ชเวยองยกโทษและไว้ชีวิตตน แต่ชเวยองขอโทษแล้วบอกว่าตนมีแค้นที่ต้องชำระ
ระหว่างถูกนางในลากตัวไปที่ตำหนักพระมเหสี อึนซูนึกว่าจะตนเองกำลังจะถูกจับขังคุกจึงพยายามดิ้นรนขัดขืนตลอดทางพลางบอกว่า เธอจำเป็นต้องกลับไปคุยกับชเวยองให้รู้เรื่อง เธอกลัวว่าเมื่อตกเป็นนักโทษในคดีกบฏแล้วตนเองจะถูกผูกติดกระดานและโดนทุบตีจนตาย แม้อึนซูจะดิ้นไม่หยุดแต่เหล่านางในก็ลากตัวเธอไปถึงหน้าห้องพระมเหสีจนได้ ทันทีที่อึนซูไปถึงชเวซังกุงก็ออกมารับที่หน้าห้องแล้วบอกว่าพระมเหสีกำลังรอเธออยู่
ขณะที่ชเวยองกำลังมุ่งหน้าไปยังตำหนักพระมเหสี เขาบังเอิญเจอคีชอลและอึมจาระหว่างทาง ชเวยองก้มศีรษะคำนับคีชอล คีชอลเหลือบมองชเวยองอย่างโกรธแค้นแล้วเดินจากไปทันที เมื่อเห็นคีชอลกลับไปโดยไม่มีอึนซู ชเวยองก็ยิ้มที่มุมปากด้วยความสะใจ
พระมเหสีถามอึนซูด้วยความเป็นห่วงว่า "ท่านเป็นอย่างไรบ้าง" อึนซูฟ้องทั้งน้ำตาว่า เธอถูกชเวยองกล่าวหาว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและมีความผิดในข้อหาร่วมกันก่อกบฎ ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนบอกให้เธอโกหก ชเวซังกุงอธิบายว่า คีชอลแข็งแกร่งเกินกว่าจะเอาชนะด้วยกำลัง พระเจ้าคงมินและชเวยองจึงต้องใช้ผู้ว่าการเกาะคังฮวาเป็นเครื่องมือในการนำตัวอึนซูกลับมา อึนซูถามว่าโทษที่เธอจะได้รับคืออะไร ชเวซังกุงตอบว่า อึนซูซึ่งเป็นหมอจากสวรรค์ ทำผิดด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เนื่องจากไม่รู้กฏของโลกมนุษย์ และเพื่อเป็นการตอบแทนที่เธอเคยช่วยชีวิตพระมเหสี.... อึนซูได้ฟังดังนั้นก็เร่งให้ชเวซังกุงพูดเข้าประเด็นว่าเธอจะถูกลงโทษยังไง ชเวซังกุงจึงสรุปว่า พระเจ้าคงมินมีบัญชาให้อึนซูคอยดูแลพระพลานามัยของพระมเหสี และถูกสั่งกักบริเวณให้อยู่แต่ภายในสำนักหมอหลวง (ด้วยเหตุนี้คีชอลจึงไม่สามารถพาเธอออกนอกวัง เพราะเป็นพระบัญชา)
พระมเหสีถามอึนซูด้วยความเป็นห่วงว่า "ท่านเป็นอย่างไรบ้าง" อึนซูฟ้องทั้งน้ำตาว่า เธอถูกชเวยองกล่าวหาว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและมีความผิดในข้อหาร่วมกันก่อกบฎ ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนบอกให้เธอโกหก ชเวซังกุงอธิบายว่า คีชอลแข็งแกร่งเกินกว่าจะเอาชนะด้วยกำลัง พระเจ้าคงมินและชเวยองจึงต้องใช้ผู้ว่าการเกาะคังฮวาเป็นเครื่องมือในการนำตัวอึนซูกลับมา อึนซูถามว่าโทษที่เธอจะได้รับคืออะไร ชเวซังกุงตอบว่า อึนซูซึ่งเป็นหมอจากสวรรค์ ทำผิดด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เนื่องจากไม่รู้กฏของโลกมนุษย์ และเพื่อเป็นการตอบแทนที่เธอเคยช่วยชีวิตพระมเหสี.... อึนซูได้ฟังดังนั้นก็เร่งให้ชเวซังกุงพูดเข้าประเด็นว่าเธอจะถูกลงโทษยังไง ชเวซังกุงจึงสรุปว่า พระเจ้าคงมินมีบัญชาให้อึนซูคอยดูแลพระพลานามัยของพระมเหสี และถูกสั่งกักบริเวณให้อยู่แต่ภายในสำนักหมอหลวง (ด้วยเหตุนี้คีชอลจึงไม่สามารถพาเธอออกนอกวัง เพราะเป็นพระบัญชา)
ชเวยองนั่งรออึนซูหน้าห้องพระมเหสีด้วยความเป็นห่วง เมื่ออึนซูเดินออกมาเขาก็รีบลุกขึ้น อึนซูเดินผ่านชเวยองโดยไม่มองหน้าด้วยความโกรธ แต่แล้วก็หยุดและเดินกลับไปหาชเวยองแล้วถามว่า "ไม่คิดว่าทำเกินไปเหรอ จำได้มั๊ยว่านายใช้กำลังลากตัวชั้นซึ่งอยู่ในโลกของชั้นดีๆ แล้วพามาที่นี่ยังไง" ชเวยองพยักหน้าแล้วตอบว่า "ข้าจำได้" อึนซูจึงโวยต่อว่า "ทันทีที่มาถึงที่นี่ นายก็บังคับให้ชั้นทำการผ่าตัดในห้องซอมซ่อ ชั้นทั้งโดนทำร้าย ถูกมัด แล้วก็โดนลากไปลากมา" พูดจบอึนซูก็เตะขาชเวยองด้วยความโกรธ แต่เธอยังไม่หายแค้นจึงโวยต่อว่า "แล้วนี่อะไร 'โกหกเป็นมั๊ย'... ชั้นต้องโดนกล่าวหาว่าเป็นกบฏ และถูกลงโทษเนี่ยนะ" อึนซูจะเตะขาชเวยองอีกครั้งแต่ชเวยองชักขาหลบ เธอเลยเกือบหงายหลัง โชคดีที่ชเวยองคว้าตัวเอาไว้ได้ทัน อึนซูรีบสะบัดตัวออกแล้วร้องว่า "ชั้นบอกแล้วไงว่าอย่ามาแตะต้องตัวชั้น ห้ามเข้าใกล้ชั้นเด็ดขาด ทำไมชั้นต้องถูกคนอย่างนายลากตัวมาที่นี่ด้วยนะ" พูดจบอึนซูก็เดินร้องไห้กลับไป
ชเวยองทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่ยืนถอนใจ เขานึกถึงความหลังเมื่อครั้งพาอึนซูทะลุมิติมาที่โครยอ แล้วต้องพบเจอปัญหาและอุปสรรคนานัปการ แต่เขาก็คอยตามปกป้องอึนซูทุกครั้ง จนกระทั่งเขาเริ่มหวั่นไหวและมีโอกาสใกล้ชิดอึนซูมากขึ้น แถมอึนซูยังเอ่ยปากชวนเขาให้กลับสวรรค์พร้อมกับเธอ แม้มีเหตุให้ต้องพรัดพรากแต่เขาก็ยังแอบตามมาปกป้องเธอ ก่อนจะวางแผนชิงตัวเธอกลับมา ด้วยการทำให้เธอกลายเป็นนักโทษเพื่อจะได้อยู่ภายใต้ความควบคุมของพระเจ้าคงมิน
อึนซูเดินร้องไห้มาที่สำนักหมอหลวงอย่างอ่อนแรง เมื่อพบหมอหลวงชางบิน อึนซูก็ตรงเข้าไปกอดเขาแล้วร้องไห้ (หมอหลวงชางบินหันไปเห็นชเวยองแอบเดินตามอึนซูมาและเฝ้าดูอยู่ห่างๆ) จากนั้นอึนซูก็รำพึงรำพันว่า เธอทนอยู่อย่างนี้ไม่ได้ เพราะโลกนี้ (ยุคโครยอ) ช่างโหดร้าย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงต้องมาอยู่ที่นี่ เธอคิดถึงพ่อแม่มาก แล้วก็ทนทำงานที่นี่ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว (ชเวยองยืนฟังด้วยความสงสารและรู้สึกเจ็บปวดใจ) เมื่อเห็นหมอหลวงชางบินประคองอึนซูเข้าไปด้านใน ชเวยองก็เดินจากไป
หมอชางนำชาสมุนไพรมาให้อึนซูดื่มโดยบอกว่าจะช่วยให้จิตใจสงบ ก่อนนำผ้าไปคลุมไหล่ให้ เขาบอกว่าปกติเธอเป็นคนร่าเริง พอเห็นเธอเป็นแบบนี้เขาเลยรู้สึกแปลกใจ (ก่อนหน้านี้เลยได้แต่ยืนให้อึนซูกอด เพราะมัวแต่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก) อึนซูกล่าวว่าเธอก็แปลกใจตัวเองเช่นกันเพราะปกติเธอเป็นคนร้องไห้ยาก หมอชางปลอบใจว่าแม้จะดูเหมือนเป็นไปได้ยาก แต่เนื่องจากชเวยองให้คำมั่นว่าจะส่งเธอกลับ ตนจึงมั่นใจว่าชเวยองจะรักษาสัญญา แต่เนื่องจากตอนนี้ชเวยองมีภาระหน้าที่ๆ ต้องรับผิดชอบมากมาย ตนจึงอยากให้เธออดทนรอ อึนซูแย้งว่า เธอไม่ใช่คนที่นี่และที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านของเธอ ถึงแม้ตัวเธอจะอยู่ที่นี่ แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ของเธอ พูดจบอึนซูก็ถามหมอชางว่าเข้าใจที่เธอพูดไหม หมอชางส่ายหน้าแล้วตอบว่าไม่แน่ใจ
อึนซูถอนใจแล้วบ่นต่อว่า เธอทำอะไรไม่ได้เลย ตอนที่องค์ชายคยองชางกำลังจะสิ้นพระชนม์ ชเวยองขอร้องให้เธอช่วยชีวิตพระองค์และคาดคั้นให้เธอหาทางรักษา หมอชางบอก ตนได้ยินมาว่าองค์ชายสิ้นพระชนม์เพราะยาพิษ อึนซูถามหมอชางว่า ถ้าเป็นเขา เขาจะรักษาอย่างไร หมอชางตอบว่ายาพิษนั่นไม่มีทางรักษา ทางเดียวที่จะทำได้คือช่วยให้องค์ชายสิ้นพระชนม์โดยไม่ทรมาน อึนซูได้ยินดังนั้นจึงถามย้ำว่า แม้แต่หมอชางก็รักษาไม่ได้ใช่ไหม องค์ชายไม่ได้สิ้นพระชนม์เพราะเธอไม่รู้วิธีรักษาใช่หรือเปล่า หมอชางตอบว่า "ถ้าข้าอยู่ที่นั่น... อย่างน้อยข้าก็จะไม่ปล่อยให้หัวหน้าชเวยองใช้มีดของตัวเอง"
เมื่อเห็นว่าอึนซูไม่เข้าใจ หมอชางก็อธิบายว่า ชเวยองเป็นนักรบ เป็นคนที่มีหน้าที่ปกป้องนายของตน แต่เขากลับต้องสังหารคนที่เคยเป็นนายของเขาด้วยน้ำมือตนเอง อึนซูรีบบอกว่า "ใช่ ชั้นเห็นกับตาว่าเขาฆ่าเด็กคนนั้น" หมอชางแย้งว่า สิ่งที่หัวหน้าชเวยองฆ่าคือหัวใจของเขาเอง หลังเกิดเหตุการณ์ในวันนั้นแล้ว ชเวยองก็ไม่เคยพูดว่าจะออกจากวังอีกเลย ทั้งๆ ที่การออกจากวังไปใช้ชีวิตอย่างอิสระ เป็นสิ่งเดียวที่เขาปรารถนามาโดยตลอด อึนซูได้ฟังดังนั้นก็ได้แต่อึ้งพูดไม่ออก เพราะก่อนหน้านี้เธอมองชเวยองในแง่ร้ายและแสดงท่าทีรังเกียจโดยคิดเพียงว่าเขาเป็นฆาตกรที่ฆ่าได้แม้กระทั่งเด็ก
ยางซารายงานความเสียหายหลังผู้ว่าการเกาะคังฮวาโดนปลด โดยกล่าวว่าในแต่ละปีคีชอลจะได้รับโสมจากเกาะคังฮวา 24,000 หีบ ส่วนกำไรที่ได้จากการค้าโสมก็เป็นเงินมากถึง 5,000 ยาง แต่ตอนนี้โสมที่ว่าจะตกเป็นของพระเจ้าคงมิน ซ้ำร้ายผู้ว่าการเกาะคังฮวาคนใหม่ก็ไม่ใช่คนที่พวกตนจะทำการหว่านล้อมให้ยอมสวามิภักดิ์ได้ ฮวา ซูอินนั่งฟังอยู่นานจึงบ่นยางซาว่า ทำไมต้องมานั่งกังวลกับเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ ด้วย (เพราะนี่คือเศษเสี้ยวหนึ่งของส่วยที่คีชอลรีดไถมาได้ในแต่ละปี)
อึนซูถอนใจแล้วบ่นต่อว่า เธอทำอะไรไม่ได้เลย ตอนที่องค์ชายคยองชางกำลังจะสิ้นพระชนม์ ชเวยองขอร้องให้เธอช่วยชีวิตพระองค์และคาดคั้นให้เธอหาทางรักษา หมอชางบอก ตนได้ยินมาว่าองค์ชายสิ้นพระชนม์เพราะยาพิษ อึนซูถามหมอชางว่า ถ้าเป็นเขา เขาจะรักษาอย่างไร หมอชางตอบว่ายาพิษนั่นไม่มีทางรักษา ทางเดียวที่จะทำได้คือช่วยให้องค์ชายสิ้นพระชนม์โดยไม่ทรมาน อึนซูได้ยินดังนั้นจึงถามย้ำว่า แม้แต่หมอชางก็รักษาไม่ได้ใช่ไหม องค์ชายไม่ได้สิ้นพระชนม์เพราะเธอไม่รู้วิธีรักษาใช่หรือเปล่า หมอชางตอบว่า "ถ้าข้าอยู่ที่นั่น... อย่างน้อยข้าก็จะไม่ปล่อยให้หัวหน้าชเวยองใช้มีดของตัวเอง"
เมื่อเห็นว่าอึนซูไม่เข้าใจ หมอชางก็อธิบายว่า ชเวยองเป็นนักรบ เป็นคนที่มีหน้าที่ปกป้องนายของตน แต่เขากลับต้องสังหารคนที่เคยเป็นนายของเขาด้วยน้ำมือตนเอง อึนซูรีบบอกว่า "ใช่ ชั้นเห็นกับตาว่าเขาฆ่าเด็กคนนั้น" หมอชางแย้งว่า สิ่งที่หัวหน้าชเวยองฆ่าคือหัวใจของเขาเอง หลังเกิดเหตุการณ์ในวันนั้นแล้ว ชเวยองก็ไม่เคยพูดว่าจะออกจากวังอีกเลย ทั้งๆ ที่การออกจากวังไปใช้ชีวิตอย่างอิสระ เป็นสิ่งเดียวที่เขาปรารถนามาโดยตลอด อึนซูได้ฟังดังนั้นก็ได้แต่อึ้งพูดไม่ออก เพราะก่อนหน้านี้เธอมองชเวยองในแง่ร้ายและแสดงท่าทีรังเกียจโดยคิดเพียงว่าเขาเป็นฆาตกรที่ฆ่าได้แม้กระทั่งเด็ก
ยางซารายงานความเสียหายหลังผู้ว่าการเกาะคังฮวาโดนปลด โดยกล่าวว่าในแต่ละปีคีชอลจะได้รับโสมจากเกาะคังฮวา 24,000 หีบ ส่วนกำไรที่ได้จากการค้าโสมก็เป็นเงินมากถึง 5,000 ยาง แต่ตอนนี้โสมที่ว่าจะตกเป็นของพระเจ้าคงมิน ซ้ำร้ายผู้ว่าการเกาะคังฮวาคนใหม่ก็ไม่ใช่คนที่พวกตนจะทำการหว่านล้อมให้ยอมสวามิภักดิ์ได้ ฮวา ซูอินนั่งฟังอยู่นานจึงบ่นยางซาว่า ทำไมต้องมานั่งกังวลกับเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ ด้วย (เพราะนี่คือเศษเสี้ยวหนึ่งของส่วยที่คีชอลรีดไถมาได้ในแต่ละปี)
คีชอลได้ยินดังนั้นก็ปิ๊งไอเดีย เขารีบนำสมุดเล่มหนึ่งออกมาจากหีบแล้วบอกว่าของสิ่งนี้จะทำให้ตนพิสูจน์ความจริงได้ในที่สุด เมื่อเห็นยางซายังเป็นกังวลเรื่องเกาะคังฮวา คีชอลจึงตวาดใส่แล้วบอกว่าตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่เกาะคังฮวาหรือโครยอ ลึกๆ แล้วเขายังสงสัยว่าอึนซูคือลูกศิษย์ของฮวาตาที่มาจากสวรรค์จริงหรือไม่ ถึงกระนั้นเขาก็หวังว่าอึนซูจะมาจากสวรรค์จริงๆ เมื่อคิดว่าอึนซูอาจเป็นหมอที่มาจากสวรรค์อย่างที่ใครๆ บอก คีชอลก็รู้สึกว่าตนเพิ่งสูญเสียของล้ำค่าไป เขาถามยางซาว่า "ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน ฝ่าบาทชิงตัวท่านหมอไปจากข้าด้วยวิธีสกปรก บอกข้ามาว่านางอยู่ที่ไหน" อึมจาตอบว่า ตอนนี้อึนซูอยูในสวนสมุนไพร คีชอลจึงคิดที่จะไปหาอึนซูที่นั่น แต่แล้วอยู่ๆ เขาก็มีอาการเจ็บปวดที่มือขวาอย่างรุนแรง ยางซาถามว่าจะให้ตนนำยามาให้ไหม คีชอลปฏิเสธและกล่าวด้วยความเจ็บปวดว่า ยังมีอีกหลายสิ่งในโลกนี้ที่ตนต้องทำและต้องไขว่คว้ามาครอบครอง แต่ตนมีเวลาไม่มากพอ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเขาจึงรีบมุ่งหน้าไปหาอึนซูทันที
คีชอลและอึมจาบุกไปหาอึนซูที่สวนสมุนไพรในสำนักหมอหลวง โทกีเห็นดังนั้นก็รีบออกมายืนกางแขนขวางประตูไว้ หมอหลวงชางบินถามคีชอลว่าเขามาที่นี่ทำไม คีชอลบอกว่าตนนำของบางอย่างมาให้อึนซูดู พูดจบเขาก็เดินตรงเข้าไปหาอึนซูแต่ถูกหมอชางขวางไว้ ขณะที่อึนซูเองก็ปฏิเสธว่าเธอไม่อยากดูและไม่อยากรู้เช่นกัน คีชอลจึงถามอึนซูว่าเธอจำของสามสิ่งที่ตนเคยบอกว่าเป็นของฮวาตาได้ไหม เมื่ออึนซูตอบว่าจำได้ คีชอลก็บอกว่าเขานำของชิ้นที่สองของฮวาตามาให้เธอดู และถามว่า "ท่านไม่อยากเห็นหรือ... แค่เราสองคนในห้องตามลำพัง ข้าอยากเอาของสิ่งนั้นออกมาให้ท่านดูโดยที่ไม่มีใครเห็นหรือได้ยินสิ่งเราคุยกัน" อึนซูเองก็อยากรู้เช่นกันเธอจึงพาคีชอลเข้ามาคุยในห้องส่วนตัว
คีชอลสำรวจรอบๆ ห้องแล้วบ่นว่าห้องพักที่นี่เล็กกว่าห้อง (ของเธอ) ที่บ้านของเขาตั้งเยอะ จากนั้นก็ถามว่าเธอชอบอยู่ที่นี่มากกว่าหรือ อึนซูบอกให้คีชอลเลิกพล่ามและให้รีบนำของออกมา คีชอลหัวเราะในลำคอแล้วล้วงห่อของออกมาจากเสื้อคลุมแต่โดยดี อึนซูจะเปิดดูว่าของในห่อคืออะไร แต่คีชอลเอามือกุมห่อของไว้แล้วบอกว่า มันเป็นหนังสือเกี่ยวกับอะไรสักอย่าง หลังศึกษามานานหลายปีเขาและลูกสมุนก็รู้เพียงว่าในนั้นมีตัวเลขที่ใช้กันในโลกตะวันตกรวมอยู่ด้วย นอกนั้นเป็นอักษรที่เขาไม่เข้าใจ อึนซูกล่าวเสียงเข้มว่า ถ้าอยากรู้ความหมายก็ต้องให้เธอดูก่อน คีชอลจึงยิ้มแล้วส่งห่อของให้แต่โดยดี
เมื่ออึนซูเปิดห่อดูก็พบว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นคือสมุดไดอารี่สภาพเก่าเก็บ (ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่วัตถุโบราณที่มีอายุเป็นร้อยๆ ปี) เธออึ้งไปชั่วขณะแล้วถามว่าสิ่งนี้เคยเป็นของฮวาตาหรือ คีชอลจ้องอึนซูไม่วางตาแล้วตอบว่าใช่ อึนซูไม่อยากจะเชื่อว่าสมุดเล่มนี้มีอายุหลายร้อยปี เมื่อคีชอลบอกว่าฮวาตาเคยอยู่ในโลกนี้เมื่อหนึ่งพันปีก่อนอึนซูก็ยิ่งประหลาดใจ ครั้นพอเปิดสมุดดูอึนซูก็ยิ่งอึ้ง เพราะในนั้นมีแม้กระทั่งรอยปากกาไฮไลท์ เมื่อเห็นอึนซูทำหน้าตกใจคีชอลก็ถามว่าเธอเข้าใจสิ่งที่เขียนไว้ในสมุดหรือไม่ อึนซูไม่ตอบและยังคงพลิกดูทีละหน้าอย่างตกตะลึง พอเปิดไปที่หน้าสุดท้ายอึนซูก็แทบช็อคเมื่อเห็นลายเซ็นของผู้เขียนและเจ้าของสมุดปรากฏเป็นชื่อ "อึนซู"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา